M’Cheyne Bible Reading Plan
ดาวิดสั่งการเรื่องการสร้างพระวิหาร
28 ที่เยรูซาเล็ม ดาวิดเรียกประชุมบรรดาผู้ปฏิบัติหน้าที่ทั้งปวงของอิสราเอลคือ บรรดาผู้ปฏิบัติหน้าที่ประจำเผ่า ประจำกองเวรที่รับใช้กษัตริย์ บรรดาผู้บัญชาการกองพันและกองร้อย ผู้ดูแลสมบัติทั้งสิ้นและฝูงปศุสัตว์ของกษัตริย์และบรรดาบุตรของท่าน พร้อมกับผู้ปฏิบัติหน้าที่ของวังกษัตริย์ ทหารกล้า และนักรบผู้เก่งกล้า 2 และกษัตริย์ดาวิดยืนขึ้นกล่าวว่า “พี่น้องและประชาชนของเรา ขอฟังเรา เรานึกอยู่ในใจว่าจะสร้างพระตำหนักเป็นที่พักสำหรับหีบพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้า และเพื่อเป็นที่วางเท้าของพระเจ้าของพวกเรา และเราก็ได้เตรียมสิ่งของสำหรับการก่อสร้างแล้ว 3 แต่พระเจ้ากล่าวกับเราว่า ‘เจ้าจะไม่สร้างตำหนักเพื่อยกย่องนามของเรา เพราะว่าเจ้าเป็นนักรบ และได้ทำให้คนหลั่งเลือด’ 4 ถึงกระนั้น พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลเลือกเราจากตระกูลของเรา เพื่อปกครองอิสราเอลเป็นนิตย์ เพราะว่าพระองค์เลือกยูดาห์ให้เป็นผู้นำ และจากตระกูลยูดาห์ พระองค์เลือกครอบครัวของเรา และในบรรดาบุตรของบิดาของเรา พระองค์พอใจในตัวเรา และให้เราเป็นผู้ปกครองทั่วอิสราเอล 5 และในบรรดาบุตรของเรา (ด้วยว่าพระผู้เป็นเจ้าได้ให้เรามีบุตรหลายคน) พระองค์ก็ได้เลือกซาโลมอนบุตรของเรา ให้นั่งบนบัลลังก์ของอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า เพื่อปกครองอิสราเอล 6 พระองค์กล่าวกับเราว่า ‘ซาโลมอนบุตรของเจ้าจะเป็นผู้สร้างตำหนักและลานตำหนักของเรา เพราะว่าเราได้เลือกเขาให้เป็นบุตรของเรา และเราจะเป็นบิดาของเขา 7 เราจะสร้างอาณาจักรของเขาตลอดไปเป็นนิตย์ ถ้าเขาปฏิบัติตามคำบัญญัติและกฎเกณฑ์ดังที่เขาทำอยู่ในวันนี้’ 8 ฉะนั้น ต่อหน้าอิสราเอลทั้งปวง และคณะประชุมของพระผู้เป็นเจ้า และพระเจ้าได้ยินเป็นพยาน พวกท่านจงรักษาและระมัดระวังปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน เพื่อพวกท่านจะเป็นเจ้าของแผ่นดินอันงามนี้ และมอบให้เป็นมรดกแก่ลูกหลานของพวกท่านที่มาภายหลังสืบไปเป็นนิตย์
ดาวิดสั่งการซาโลมอน
9 ส่วนเจ้า ซาโลมอนบุตรของเรา จงรู้จักพระเจ้าของบรรพบุรุษของเจ้า และรับใช้พระองค์อย่างสุดดวงใจและสุดดวงจิต และด้วยความเต็มใจ เพราะพระผู้เป็นเจ้าชั่งใจของทุกคน และเข้าใจแผนการณ์และความคิดทั้งสิ้น ถ้าเจ้าแสวงหาพระองค์ เจ้าก็จะพบพระองค์ แต่ถ้าเจ้าทอดทิ้งพระองค์ พระองค์จะเหวี่ยงเจ้าออกไปตลอดกาล 10 เจ้าจงระมัดระวัง เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าได้เลือกเจ้าให้เป็นผู้สร้างพระตำหนักให้เป็นที่พำนัก จงเข้มแข็งและดำเนินงานให้สำเร็จ”
11 แล้วดาวิดก็มอบแบบมุขพระวิหาร แบบห้องต่างๆ ของพระตำหนัก คลังและห้องชั้นบน ห้องชั้นใน และห้องทำพิธีชดใช้บาป ให้แก่ซาโลมอนบุตรของท่าน 12 และแบบรายละเอียดทุกอย่างตามที่ท่านคิดเตรียมไว้สำหรับลานพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ห้องต่างๆ โดยรอบ คลังพระตำหนักของพระเจ้า และคลังสำหรับเก็บสิ่งบริสุทธิ์ 13 ท่านให้คำกำกับแก่กองเวรปุโรหิตและของชาวเลวี สำหรับงานปฏิบัติทุกแผนกในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า สำหรับภาชนะทั้งสิ้นสำหรับงานปฏิบัติในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 14 ท่านเจาะจงน้ำหนักทองคำสำหรับภาชนะทองคำทั้งสิ้นเพื่อปฏิบัติงานแต่ละอย่าง น้ำหนักเงินของภาชนะเงินเพื่อปฏิบัติงานแต่ละอย่าง 15 น้ำหนักของคันประทีปทองคำและดวงประทีป น้ำหนักทองคำสำหรับตีคันประทีปและดวงประทีปแต่ละคัน น้ำหนักเงินสำหรับตีคันประทีป 1 คันและดวงประทีป ตามที่จะใช้คันประทีปแต่ละคันในการปฏิบัติงาน 16 น้ำหนักทองคำสำหรับหุ้มโต๊ะตั้งขนมปังไร้เชื้อแต่ละตัว และเงินสำหรับหุ้มโต๊ะเงิน 17 ทองบริสุทธิ์สำหรับตีส้อม หล่ออ่างน้ำ โถ และน้ำหนักทองคำสำหรับหล่ออ่างแต่ละใบ น้ำหนักเงินสำหรับหล่ออ่างเงินแต่ละใบ 18 น้ำหนักทองคำหลอมบริสุทธิ์สำหรับหุ้มแท่นบูชาเครื่องหอม และแบบรถศึกที่มีตัวเครูบกางปีกปกหีบพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้า 19 ดาวิดกล่าวว่า “พระองค์ให้ความกระจ่างแก่เราเป็นลายลักษณ์อักษรที่มาจากพระผู้เป็นเจ้า งานทุกชิ้นจะต้องทำตามแบบที่วางไว้”
20 และดาวิดกล่าวกับซาโลมอนบุตรของท่านว่า “จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่ากลัวหรือหวาดหวั่น เพราะพระเจ้าของเรา พระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้าสถิตกับเจ้า พระองค์จะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังหรือทอดทิ้งเจ้าไป จนกว่างานทุกอย่างเพื่อการรับใช้พระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าจะเสร็จสิ้น 21 ดูเถิด กองเวรปุโรหิต และชาวเลวีที่ปฏิบัติงานของพระตำหนักของพระเจ้า พร้อมจะปฏิบัติงานทุกชิ้นด้วยกับเจ้า ทุกคนที่เต็มใจล้วนมีความชำนาญในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่และประชาชนทั้งปวง ก็จะยินดีรับคำสั่งจากเจ้า”
ความพินาศของผู้สอนจอมปลอม
2 แต่ในอดีต มีพวกผู้เผยคำกล่าวจอมปลอมในหมู่ชน เช่นเดียวกับที่จะมีผู้สอนจอมปลอมในกลุ่มพวกท่าน เขาเหล่านั้นจะแอบเสี้ยมสอนลัทธิที่นำความพินาศมา จนถึงกับปฏิเสธพระผู้เป็นเจ้าผู้สูงสุดที่ได้ไถ่พวกเขาไว้ การทำเช่นนี้จะทำให้เขาพินาศอย่างรวดเร็ว 2 มีหลายคนจะกระทำตามราคะตัณหาของพวกเขา และจะทำให้หนทางแห่งความจริงถูกดูหมิ่นดูแคลน 3 เพราะความโลภ พวกเขาจึงเอาเปรียบท่านด้วยการอ้างถึงหลักคำสอนที่ผิด การกล่าวโทษสำหรับพวกเขาก็มีมานานแล้ว และพวกเขาจะต้องพินาศ
4 ถ้าพระเจ้ามิได้ยกเว้นเหล่าทูตสวรรค์เมื่อกระทำบาป แต่ส่งพวกเขาไปยังนรก แล้วล่ามโซ่ไว้ในความมืดเพื่อรอวันพิพากษา 5 ถ้าพระองค์มิได้ยกเว้นมนุษย์ในสมัยโบราณเมื่อพระองค์ปล่อยให้น้ำท่วมโลกของผู้ไร้คุณธรรม แต่คุ้มครองโนอาห์ผู้ประกาศถึงความชอบธรรมและคนอื่นอีก 7 คนด้วย 6 ถ้าพระองค์ได้กล่าวโทษเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์ให้ไหม้จนเป็นเถ้าถ่าน ซึ่งเป็นตัวอย่างอันแสดงให้เห็นว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับผู้ไร้คุณธรรม 7 ถ้าพระองค์ช่วยชีวิตของโลทผู้มีความชอบธรรมและมีความทุกข์จากคนชั่วที่มีราคะตัณหา 8 ผู้มีความชอบธรรมผู้นั้นใช้ชีวิตวันแล้ววันเล่าในหมู่คนเหล่านั้น จะได้รับความทรมานในจิตใจอันเป็นที่ชอบธรรม เมื่อได้เห็นและได้ยินเรื่องการกระทำที่ชั่วร้ายของพวกเขา 9 ดังนั้นพระผู้เป็นเจ้าทราบว่า จะช่วยชีวิตของคนที่เดินในทางของพระเจ้าได้อย่างไร เพื่อให้พ้นจากความลำบาก และพระองค์กักขังพวกที่ไม่มีความชอบธรรมไว้ เพื่อให้รับโทษจนถึงวันพิพากษา 10 โดยเฉพาะพวกที่ประพฤติตามความต้องการอันเป็นมลทินฝ่ายเนื้อหนัง[a] และดูหมิ่นผู้มีอำนาจหน้าที่สูง
คนเหล่านี้บังอาจ หยิ่งยโส และไม่สะทกสะท้านในการพูดหมิ่นประมาทชาวสวรรค์ 11 ขณะที่เหล่าทูตสวรรค์ผู้มีพลังและอำนาจเหนือกว่า ก็ยังมิอาจกล่าวหมิ่นประมาทชาวสวรรค์เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า 12 แต่คนเหล่านี้หมิ่นประมาทในเรื่องที่ตนไม่เข้าใจ เขาเป็นเสมือนสัตว์ป่าดุร้ายที่ทำตามสัญชาตญาณ เกิดมาเพื่อถูกจับฆ่า และก็จะพินาศเยี่ยงสัตว์ป่าเช่นกัน 13 เมื่อคนเหล่านั้นทำให้ผู้อื่นเป็นทุกข์ เขาก็จะต้องได้รับทุกข์กลับคืน เขามีมลทินด่างพร้อยติดตัว เพราะเขาหาความเพลิดเพลินให้ตนเองในเวลากลางวันอย่างหรูหรา หาความสำราญขณะที่เขาเลี้ยงฉลองอยู่กับท่าน 14 เขามั่วสุมกับพวกที่ประพฤติผิดประเวณี เขากระทำบาปอย่างไม่หยุดยั้ง ชักจูงคนใจเขว ด้วยว่าเขามีใจโลภอยู่เป็นพื้น เขาจึงตกอยู่ภายใต้คำสาปแช่งของพระเจ้า 15 เขาเหล่านั้นละทิ้งทางที่ถูกต้อง และหลงไปตามทางของบาลาอัมบุตรของเบโอร์ซึ่งรักค่าแรงแห่งความชั่ว 16 แต่ลาซึ่งเป็นสัตว์พูดภาษาคนไม่ได้ มันได้ห้ามบาลาอัมไม่ให้ทำผิด โดยที่ครั้งนั้นมันพูดเป็นเสียงคน และยับยั้งความบ้าคลั่งของผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าคนนั้นไว้ได้
17 คนเหล่านี้เป็นเสมือนน้ำพุที่ปราศจากน้ำ และเป็นเมฆหมอกที่ถูกพายุพัดพา ความมืดมิดกำลังรอรับพวกเขาอยู่ 18 เพราะเขาพูดเรื่องไร้สาระอย่างหยิ่งยโส และใช้เนื้อหนังเป็นเครื่องชักจูงบรรดาผู้ที่เพิ่งหลุดพ้นจากชีวิตเดิม 19 พวกเขาสัญญากับคนเหล่านั้นว่าจะมีอิสระ แต่ตนเองยังเป็นทาสของความเสื่อมทราม เพราะคนที่พ่ายแพ้แก่สิ่งใดย่อมเป็นทาสของสิ่งนั้น 20 ถ้าเขาได้หลุดพ้นจากมลทินของโลกด้วยการรู้จักพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าและผู้ช่วยให้รอดพ้นของเราแล้ว แต่กลับไปติดกับดักอีกจนพ่ายแพ้ ในบั้นปลายเขาย่อมเสื่อมทรามยิ่งกว่าตอนต้น 21 หากว่าพวกเขาไม่รู้ทางไปสู่ความชอบธรรม ก็จะดีกว่ารู้แล้วหันหลังให้กับพระบัญญัติอันบริสุทธิ์ซึ่งเขาเคยยอมรับ 22 เขาก็เป็นจริงตามสุภาษิตที่ว่า “สุนัขกลับไปกินสิ่งที่มันสำรอกออกมา”[b] และ “สุกรที่ถูกทำความสะอาดแล้วกลับไปลุยลงในเลนอีก”
ผู้ปกครองจะบังเกิดในเบธเลเฮม
5 บัดนี้ จงรวบรวมกำลังของท่านเถิด เมืองแห่งพละกำลังเอ๋ย
พวกเราถูกล้อมเมือง
พวกเขาใช้ตะบองฟาดหน้า
ของผู้ตัดสินความของอิสราเอล
2 “เบธเลเฮม เอฟราธาห์เอ๋ย
แม้เจ้าจะด้อยในตระกูลของยูดาห์
แต่ท่านหนึ่งที่จะออกไปจากเจ้าเป็นผู้ปกครองของอิสราเอลเพื่อเรา
ท่านมาจากครั้งโบราณกาล
จากปฐมกาล”[a]
3 ฉะนั้น ท่านจะละทิ้งพวกเขาไปจนกระทั่งถึงเวลาเมื่อผู้หญิงที่เจ็บครรภ์คลอดบุตร
จากนั้นพี่น้องที่เหลืออยู่ของท่าน
จะกลับมารวมกับชาวอิสราเอล
4 และท่านจะยืนหยัดและเลี้ยงดูฝูงแกะของท่าน
ด้วยอานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า
ในความยิ่งใหญ่ของพระนามของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน
และพวกเขาจะอยู่ด้วยความมั่นคง
ด้วยว่า ในเวลานั้นความยิ่งใหญ่ของท่านจะเป็นที่รู้จักไปจนสุดขอบโลก
5 และท่านจะเป็นสันติสุขของพวกเขา
เมื่อชาวอัสซีเรียรุกรานแผ่นดินของพวกเรา
และเหยียบย่ำวังทั้งหลายของพวกเรา
แล้วพวกเราจะกำหนดบรรดาผู้เลี้ยงดูฝูงแกะ 7 คน
และผู้นำ 8 คนไปต่อสู้กับเขา
6 พวกเขาจะปกครองแผ่นดินอัสซีเรียด้วยดาบ
และแผ่นดินนิมโรดที่ทางเข้า
และท่านจะช่วยพวกเราให้รอดปลอดภัยจากชาวอัสซีเรีย
เมื่อเขารุกรานแผ่นดินของพวกเรา
และเหยียบย่ำอาณาเขตของเรา
พวกที่เหลืออยู่จะรอดปลอดภัย
7 แล้วผู้ที่มีชีวิตเหลืออยู่ของยาโคบ
จะอยู่ในท่ามกลางชนชาติจำนวนมาก
จะเป็นดั่งน้ำค้างจากพระผู้เป็นเจ้า
ดั่งละอองฝนบนใบหญ้า
ซึ่งไม่หวังพึ่งใคร
หรือรอคอยบรรดาบุตรของมนุษย์
8 และผู้ที่มีชีวิตเหลืออยู่ของยาโคบ
จะอยู่ในท่ามกลางบรรดาประชาชาติ
ในท่ามกลางชนชาติจำนวนมาก
จะเป็นดั่งสิงโตในท่ามกลางสัตว์ป่า
ดั่งสิงโตหนุ่มท่ามกลางฝูงแกะ
ซึ่งเวลาที่สิงโตเดินผ่านมาเหยียบย่ำ
และฉีกเนื้อออกเป็นชิ้นๆ
และไม่มีใครจะช่วยได้
9 มือของท่านจะยกชูขึ้นเหนือฝ่ายตรงข้าม
และศัตรูของท่านทุกคนจะพินาศ
10 พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้
“ในวันนั้น เราจะพรากม้าไปจากพวกเจ้า
และเราจะทำให้รถศึกของเจ้าพินาศ
11 เราจะทำเมืองในแผ่นดินของเจ้าพินาศ
และพังป้อมปราการอันแข็งแกร่งลง
12 และเราจะกำจัดผู้ใช้เวทมนตร์ของเจ้า
และเจ้าจะไม่มีผู้เสกคาถาอีกต่อไป
13 เราจะทำลายรูปเคารพทั้งหลายของเจ้า
จะทำลายเสาหินของเจ้าไปเสียจากเจ้า
และเจ้าจะไม่ก้มกราบสิ่งที่เจ้าสร้างขึ้น
ด้วยมือของเจ้าอีกต่อไป
14 และเราจะโค่นเทวรูปอาเชราห์ไปจากเจ้า
และทำลายเมืองทั้งหลายของเจ้า
15 เราจะแก้แค้นในความกริ้วและการลงโทษ
ต่อบรรดาประชาชาติที่ไม่เชื่อฟังเรา”
พระเยซูไปที่บ้านฟาริสี
14 ครั้งหนึ่งในวันสะบาโต พระเยซูไปรับประทานอาหารที่บ้านของฟาริสี ซึ่งผู้นี้เป็นหนึ่งในบรรดาผู้นำ พระองค์ถูกเฝ้าสังเกตอยู่อย่างพินิจพิเคราะห์ 2 และที่เบื้องหน้าพระองค์มีชายคนหนึ่งซึ่งเป็นโรคมานน้ำ 3 พระเยซูถามกลุ่มฟาริสีและผู้เชี่ยวชาญฝ่ายกฎบัญญัติว่า “เป็นการถูกกฎบัญญัติหรือไม่ที่จะรักษาคนให้หายจากโรคในวันสะบาโต” 4 คนเหล่านั้นนิ่งเฉยไม่โต้ตอบ พระองค์จึงเอื้อมมือไปยังชายผู้นั้น รักษาเขาให้หายขาด แล้วให้เขากลับบ้านไป 5 พระองค์ถามคนเหล่านั้นว่า “หากพวกท่านคนใดคนหนึ่งมีบุตรหรือโคที่ตกบ่อในวันสะบาโต ท่านจะไม่ดึงตัวเขาขึ้นมาทันทีหรือ” 6 คนเหล่านั้นไม่อาจตอบคำถามได้
7 เมื่อได้สังเกตเห็นแขกในงานเลือกนั่งในที่ของผู้มีเกียรติ พระองค์จึงกล่าวเป็นอุปมาว่า 8 “เมื่อมีคนเชิญท่านไปงานเลี้ยงสมรส ก็อย่านั่งในที่ของผู้มีเกียรติ เพราะอาจจะมีผู้ใหญ่ซึ่งมีตำแหน่งสูงกว่าท่านมาร่วมงาน 9 หากเป็นเช่นนั้นแล้ว เจ้าของงานต้องมาพูดกับท่านว่า ‘ขอได้โปรดให้ที่นั่งแก่ท่านผู้นี้เถิด’ แล้วท่านจะได้รับความอายที่ต้องเลื่อนมานั่งในที่ซึ่งด้อยที่สุด 10 แต่เมื่อท่านได้รับเชิญ ก็จงนั่งในที่ซึ่งด้อยที่สุด เมื่อเจ้าของงานมา เขาจะได้พูดกับท่านว่า ‘เพื่อนเอ๋ย เชิญเลื่อนไปที่นั่งดีกว่านี้’ แล้วท่านจะได้รับเกียรติต่อหน้าแขกทั้งหลายในงาน 11 ด้วยว่าทุกคนที่ยกย่องตัวเองก็จะถูกเหยียดลง แต่คนที่ถ่อมตัวก็จะได้รับการยกย่อง”
12 แล้วพระเยซูก็กล่าวกับผู้ที่เชื้อเชิญพระองค์ว่า “เมื่อท่านจัดงานเลี้ยง อย่าเชิญสหายและเครือญาติหรือเพื่อนบ้านที่มั่งมี ถ้าทำดังนั้นเขาก็จะเชิญท่านบ้างเป็นการตอบแทน 13 เมื่อท่านมีงานเลี้ยงก็จงเชิญผู้ยากไร้ คนพิการ คนง่อย คนตาบอด 14 แล้วท่านจะเป็นสุข เพราะว่าพวกเขาไม่สามารถตอบแทนท่านได้ แต่ท่านจะได้รับคืนในวันที่ผู้มีความชอบธรรมฟื้นคืนชีวิตจากความตาย”
อุปมาเรื่องงานเลี้ยงครั้งใหญ่
15 ผู้หนึ่งซึ่งเอนกายอยู่กับพระองค์ด้วยได้ยินดังนั้น จึงบอกพระเยซูว่า “ผู้เป็นสุขคือผู้ที่ร่วมรับประทานอาหารในงานเลี้ยงในอาณาจักรของพระเจ้า” 16 พระเยซูตอบว่า “มีชายผู้หนึ่งกำลังเตรียมงานเลี้ยงใหญ่ และได้เชิญแขกมากมาย 17 เมื่อพร้อมก็ส่งคนรับใช้ให้ไปเชิญแขกว่า ‘มาเถิด ทุกสิ่งพร้อมแล้ว’ 18 แต่แขกทุกคนมีข้ออ้างต่างๆ กันไป คนแรกพูดว่า ‘เราเพิ่งซื้อที่นา จะต้องไปดู ฉะนั้นขอตัวด้วย’ 19 อีกคนพูดว่า ‘เราเพิ่งซื้อโคไว้ 5 คู่ เราคงต้องไปลองให้มันลากดู ต้องขอตัวด้วย’ 20 อีกคนพูดว่า ‘เราเพิ่งสมรส ฉะนั้นเรามาไม่ได้’ 21 คนรับใช้จึงกลับมารายงานนายตามนั้น ครั้นแล้วเจ้าของบ้านโกรธมากจึงสั่งคนรับใช้ว่า ‘จงไปพาคนยากไร้ คนพิการ คนตาบอด และคนง่อยที่อยู่ตามถนนซอกซอยในเมืองมาที่นี่ทันที’ 22 คนรับใช้พูดว่า ‘นายท่าน สิ่งที่ท่านสั่งให้ทำนั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังมีที่ว่างอีก’ 23 แล้วนายก็บอกคนรับใช้ว่า ‘เจ้าจงไปพาพวกคนที่อยู่ตามถนน ตรอกซอกซอยในชนบทมาที่นี่ บ้านของเราจะได้เต็ม 24 เราขอบอกพวกเจ้าว่า ไม่มีใครเลยสักคนในบรรดาแขกรับเชิญที่จะได้ลิ้มรสอาหารของเรา’”
แบกไม้กางเขนและติดตามพระเยซู
25 แล้วพระเยซูหันไปยังมหาชนที่เดินตามพระองค์มา และก็กล่าวว่า 26 “ถ้าผู้ใดมาหาเรา แล้วไม่รักเรามากกว่าพ่อแม่ ภรรยา ลูกๆ และพี่น้อง หรือแม้แต่ชีวิตของตนเอง เขาไม่สามารถเป็นสาวกของเราได้ 27 และใครก็ตามที่ไม่แบกไม้กางเขนของตน แล้วติดตามเรามา ก็ไม่สามารถเป็นสาวกของเราได้ 28 สมมุติว่าคนใดในพวกท่านต้องการจะสร้างหอคอย เขาจะไม่นั่งคิดงบประมาณดูก่อนหรือว่า เขามีเงินพอที่จะสร้างให้เสร็จหรือไม่ 29 ถ้าหากว่าเขาลงฐานราก แล้วไม่สามารถสร้างให้เสร็จ ผู้คนจะพากันเยาะเย้ยว่า 30 ‘นายคนนี้เริ่มสร้างขึ้นแล้ว แต่ก็ไม่สามารถทำให้เสร็จได้’ 31 หรือว่าถ้ากษัตริย์จะต้องกระทำการสงครามกับกษัตริย์อีกผู้หนึ่ง แล้วจะไม่ขบคิดดูก่อนหรือว่า กำลังคนหนึ่งหมื่นจะต่อต้านอีกฝ่ายที่มีกำลังคนสองหมื่นได้หรือไม่ 32 ถ้าหากว่ากษัตริย์ผู้นั้นทำไม่ได้ ก็คงจะส่งกลุ่มตัวแทนไปเจรจาสงบศึกก่อนที่อีกฝ่ายจะมาถึง 33 ก็เช่นเดียวกันแหละ พวกท่านคนใดไม่สละทุกสิ่งที่มี ก็ไม่สามารถเป็นสาวกของเราได้
34 เกลือเป็นสิ่งดี แต่ถ้าสิ้นความเค็มแล้วจะกลับเค็มอีกได้อย่างไร 35 จะใช้ใส่ในดินหรือกองปุ๋ยก็ไม่ได้ ต้องโยนทิ้งไป ผู้ใดมีหูที่จะฟังก็จงฟังเถิด”
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation