Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
1 พงศาวดาร 28

ดาวิดสั่งการเรื่องการสร้างพระวิหาร

28 ที่เยรูซาเล็ม ดาวิดเรียกประชุมบรรดาผู้ปฏิบัติหน้าที่ทั้งปวงของอิสราเอลคือ บรรดาผู้ปฏิบัติหน้าที่ประจำเผ่า ประจำกองเวรที่รับใช้กษัตริย์ บรรดาผู้บัญชาการกองพันและกองร้อย ผู้ดูแลสมบัติทั้งสิ้นและฝูงปศุสัตว์ของกษัตริย์และบรรดาบุตรของท่าน พร้อมกับผู้ปฏิบัติหน้าที่ของวังกษัตริย์ ทหารกล้า และนักรบผู้เก่งกล้า และกษัตริย์ดาวิดยืนขึ้นกล่าวว่า “พี่น้องและประชาชนของเรา ขอฟังเรา เรานึกอยู่ในใจว่าจะสร้างพระตำหนักเป็นที่พักสำหรับหีบพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้า และเพื่อเป็นที่วางเท้าของพระเจ้าของพวกเรา และเราก็ได้เตรียมสิ่งของสำหรับการก่อสร้างแล้ว แต่พระเจ้ากล่าวกับเราว่า ‘เจ้าจะไม่สร้างตำหนักเพื่อยกย่องนามของเรา เพราะว่าเจ้าเป็นนักรบ และได้ทำให้คนหลั่งเลือด’ ถึงกระนั้น พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลเลือกเราจากตระกูลของเรา เพื่อปกครองอิสราเอลเป็นนิตย์ เพราะว่าพระองค์เลือกยูดาห์ให้เป็นผู้นำ และจากตระกูลยูดาห์ พระองค์เลือกครอบครัวของเรา และในบรรดาบุตรของบิดาของเรา พระองค์พอใจในตัวเรา และให้เราเป็นผู้ปกครองทั่วอิสราเอล และในบรรดาบุตรของเรา (ด้วยว่าพระผู้เป็นเจ้าได้ให้เรามีบุตรหลายคน) พระองค์ก็ได้เลือกซาโลมอนบุตรของเรา ให้นั่งบนบัลลังก์ของอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า เพื่อปกครองอิสราเอล พระองค์กล่าวกับเราว่า ‘ซาโลมอนบุตรของเจ้าจะเป็นผู้สร้างตำหนักและลานตำหนักของเรา เพราะว่าเราได้เลือกเขาให้เป็นบุตรของเรา และเราจะเป็นบิดาของเขา เราจะสร้างอาณาจักรของเขาตลอดไปเป็นนิตย์ ถ้าเขาปฏิบัติตามคำบัญญัติและกฎเกณฑ์ดังที่เขาทำอยู่ในวันนี้’ ฉะนั้น ต่อหน้าอิสราเอลทั้งปวง และคณะประชุมของพระผู้เป็นเจ้า และพระเจ้าได้ยินเป็นพยาน พวกท่านจงรักษาและระมัดระวังปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน เพื่อพวกท่านจะเป็นเจ้าของแผ่นดินอันงามนี้ และมอบให้เป็นมรดกแก่ลูกหลานของพวกท่านที่มาภายหลังสืบไปเป็นนิตย์

ดาวิดสั่งการซาโลมอน

ส่วนเจ้า ซาโลมอนบุตรของเรา จงรู้จักพระเจ้าของบรรพบุรุษของเจ้า และรับใช้พระองค์อย่างสุดดวงใจและสุดดวงจิต และด้วยความเต็มใจ เพราะพระผู้เป็นเจ้าชั่งใจของทุกคน และเข้าใจแผนการณ์และความคิดทั้งสิ้น ถ้าเจ้าแสวงหาพระองค์ เจ้าก็จะพบพระองค์ แต่ถ้าเจ้าทอดทิ้งพระองค์ พระองค์จะเหวี่ยงเจ้าออกไปตลอดกาล 10 เจ้าจงระมัดระวัง เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าได้เลือกเจ้าให้เป็นผู้สร้างพระตำหนักให้เป็นที่พำนัก จงเข้มแข็งและดำเนินงานให้สำเร็จ”

11 แล้วดาวิดก็มอบแบบมุขพระวิหาร แบบห้องต่างๆ ของพระตำหนัก คลังและห้องชั้นบน ห้องชั้นใน และห้องทำพิธีชดใช้บาป ให้แก่ซาโลมอนบุตรของท่าน 12 และแบบรายละเอียดทุกอย่างตามที่ท่านคิดเตรียมไว้สำหรับลานพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ห้องต่างๆ โดยรอบ คลังพระตำหนักของพระเจ้า และคลังสำหรับเก็บสิ่งบริสุทธิ์ 13 ท่านให้คำกำกับแก่กองเวรปุโรหิตและของชาวเลวี สำหรับงานปฏิบัติทุกแผนกในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า สำหรับภาชนะทั้งสิ้นสำหรับงานปฏิบัติในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 14 ท่านเจาะจงน้ำหนักทองคำสำหรับภาชนะทองคำทั้งสิ้นเพื่อปฏิบัติงานแต่ละอย่าง น้ำหนักเงินของภาชนะเงินเพื่อปฏิบัติงานแต่ละอย่าง 15 น้ำหนักของคันประทีปทองคำและดวงประทีป น้ำหนักทองคำสำหรับตีคันประทีปและดวงประทีปแต่ละคัน น้ำหนักเงินสำหรับตีคันประทีป 1 คันและดวงประทีป ตามที่จะใช้คันประทีปแต่ละคันในการปฏิบัติงาน 16 น้ำหนักทองคำสำหรับหุ้มโต๊ะตั้งขนมปังไร้เชื้อแต่ละตัว และเงินสำหรับหุ้มโต๊ะเงิน 17 ทองบริสุทธิ์สำหรับตีส้อม หล่ออ่างน้ำ โถ และน้ำหนักทองคำสำหรับหล่ออ่างแต่ละใบ น้ำหนักเงินสำหรับหล่ออ่างเงินแต่ละใบ 18 น้ำหนักทองคำหลอมบริสุทธิ์สำหรับหุ้มแท่นบูชาเครื่องหอม และแบบรถศึกที่มีตัวเครูบกางปีกปกหีบพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้า 19 ดาวิดกล่าวว่า “พระองค์ให้ความกระจ่างแก่เราเป็นลายลักษณ์อักษรที่มาจากพระผู้เป็นเจ้า งานทุกชิ้นจะต้องทำตามแบบที่วางไว้”

20 และดาวิดกล่าวกับซาโลมอนบุตรของท่านว่า “จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่ากลัวหรือหวาดหวั่น เพราะพระเจ้าของเรา พระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้าสถิตกับเจ้า พระองค์จะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังหรือทอดทิ้งเจ้าไป จนกว่างานทุกอย่างเพื่อการรับใช้พระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าจะเสร็จสิ้น 21 ดูเถิด กองเวรปุโรหิต และชาวเลวีที่ปฏิบัติงานของพระตำหนักของพระเจ้า พร้อมจะปฏิบัติงานทุกชิ้นด้วยกับเจ้า ทุกคนที่เต็มใจล้วนมีความชำนาญในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่และประชาชนทั้งปวง ก็จะยินดีรับคำสั่งจากเจ้า”

2 เปโตร 2

ความพินาศของผู้สอนจอมปลอม

แต่ในอดีต มีพวกผู้เผยคำกล่าวจอมปลอมในหมู่ชน เช่นเดียวกับที่จะมีผู้สอนจอมปลอมในกลุ่มพวกท่าน เขาเหล่านั้นจะแอบเสี้ยมสอนลัทธิที่นำความพินาศมา จนถึงกับปฏิเสธพระผู้เป็นเจ้าผู้สูงสุดที่ได้ไถ่พวกเขาไว้ การทำเช่นนี้จะทำให้เขาพินาศอย่างรวดเร็ว มีหลายคนจะกระทำตามราคะตัณหาของพวกเขา และจะทำให้หนทางแห่งความจริงถูกดูหมิ่นดูแคลน เพราะความโลภ พวกเขาจึงเอาเปรียบท่านด้วยการอ้างถึงหลักคำสอนที่ผิด การกล่าวโทษสำหรับพวกเขาก็มีมานานแล้ว และพวกเขาจะต้องพินาศ

ถ้าพระเจ้ามิได้ยกเว้นเหล่าทูตสวรรค์เมื่อกระทำบาป แต่ส่งพวกเขาไปยังนรก แล้วล่ามโซ่ไว้ในความมืดเพื่อรอวันพิพากษา ถ้าพระองค์มิได้ยกเว้นมนุษย์ในสมัยโบราณเมื่อพระองค์ปล่อยให้น้ำท่วมโลกของผู้ไร้คุณธรรม แต่คุ้มครองโนอาห์ผู้ประกาศถึงความชอบธรรมและคนอื่นอีก 7 คนด้วย ถ้าพระองค์ได้กล่าวโทษเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์ให้ไหม้จนเป็นเถ้าถ่าน ซึ่งเป็นตัวอย่างอันแสดงให้เห็นว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับผู้ไร้คุณธรรม ถ้าพระองค์ช่วยชีวิตของโลทผู้มีความชอบธรรมและมีความทุกข์จากคนชั่วที่มีราคะตัณหา ผู้มีความชอบธรรมผู้นั้นใช้ชีวิตวันแล้ววันเล่าในหมู่คนเหล่านั้น จะได้รับความทรมานในจิตใจอันเป็นที่ชอบธรรม เมื่อได้เห็นและได้ยินเรื่องการกระทำที่ชั่วร้ายของพวกเขา ดังนั้นพระผู้เป็นเจ้าทราบว่า จะช่วยชีวิตของคนที่เดินในทางของพระเจ้าได้อย่างไร เพื่อให้พ้นจากความลำบาก และพระองค์กักขังพวกที่ไม่มีความชอบธรรมไว้ เพื่อให้รับโทษจนถึงวันพิพากษา 10 โดยเฉพาะพวกที่ประพฤติตามความต้องการอันเป็นมลทินฝ่ายเนื้อหนัง[a] และดูหมิ่นผู้มีอำนาจหน้าที่สูง

คนเหล่านี้บังอาจ หยิ่งยโส และไม่สะทกสะท้านในการพูดหมิ่นประมาทชาวสวรรค์ 11 ขณะที่เหล่าทูตสวรรค์ผู้มีพลังและอำนาจเหนือกว่า ก็ยังมิอาจกล่าวหมิ่นประมาทชาวสวรรค์เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า 12 แต่คนเหล่านี้หมิ่นประมาทในเรื่องที่ตนไม่เข้าใจ เขาเป็นเสมือนสัตว์ป่าดุร้ายที่ทำตามสัญชาตญาณ เกิดมาเพื่อถูกจับฆ่า และก็จะพินาศเยี่ยงสัตว์ป่าเช่นกัน 13 เมื่อคนเหล่านั้นทำให้ผู้อื่นเป็นทุกข์ เขาก็จะต้องได้รับทุกข์กลับคืน เขามีมลทินด่างพร้อยติดตัว เพราะเขาหาความเพลิดเพลินให้ตนเองในเวลากลางวันอย่างหรูหรา หาความสำราญขณะที่เขาเลี้ยงฉลองอยู่กับท่าน 14 เขามั่วสุมกับพวกที่ประพฤติผิดประเวณี เขากระทำบาปอย่างไม่หยุดยั้ง ชักจูงคนใจเขว ด้วยว่าเขามีใจโลภอยู่เป็นพื้น เขาจึงตกอยู่ภายใต้คำสาปแช่งของพระเจ้า 15 เขาเหล่านั้นละทิ้งทางที่ถูกต้อง และหลงไปตามทางของบาลาอัมบุตรของเบโอร์ซึ่งรักค่าแรงแห่งความชั่ว 16 แต่ลาซึ่งเป็นสัตว์พูดภาษาคนไม่ได้ มันได้ห้ามบาลาอัมไม่ให้ทำผิด โดยที่ครั้งนั้นมันพูดเป็นเสียงคน และยับยั้งความบ้าคลั่งของผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าคนนั้นไว้ได้

17 คนเหล่านี้เป็นเสมือนน้ำพุที่ปราศจากน้ำ และเป็นเมฆหมอกที่ถูกพายุพัดพา ความมืดมิดกำลังรอรับพวกเขาอยู่ 18 เพราะเขาพูดเรื่องไร้สาระอย่างหยิ่งยโส และใช้เนื้อหนังเป็นเครื่องชักจูงบรรดาผู้ที่เพิ่งหลุดพ้นจากชีวิตเดิม 19 พวกเขาสัญญากับคนเหล่านั้นว่าจะมีอิสระ แต่ตนเองยังเป็นทาสของความเสื่อมทราม เพราะคนที่พ่ายแพ้แก่สิ่งใดย่อมเป็นทาสของสิ่งนั้น 20 ถ้าเขาได้หลุดพ้นจากมลทินของโลกด้วยการรู้จักพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าและผู้ช่วยให้รอดพ้นของเราแล้ว แต่กลับไปติดกับดักอีกจนพ่ายแพ้ ในบั้นปลายเขาย่อมเสื่อมทรามยิ่งกว่าตอนต้น 21 หากว่าพวกเขาไม่รู้ทางไปสู่ความชอบธรรม ก็จะดีกว่ารู้แล้วหันหลังให้กับพระบัญญัติอันบริสุทธิ์ซึ่งเขาเคยยอมรับ 22 เขาก็เป็นจริงตามสุภาษิตที่ว่า “สุนัขกลับไปกินสิ่งที่มันสำรอกออกมา”[b] และ “สุกรที่ถูกทำความสะอาดแล้วกลับไปลุยลงในเลนอีก”

มีคาห์ 5

ผู้ปกครองจะบังเกิดในเบธเลเฮม

บัดนี้ จงรวบรวมกำลังของท่านเถิด เมืองแห่งพละกำลังเอ๋ย
    พวกเราถูกล้อมเมือง
พวกเขาใช้ตะบองฟาดหน้า
    ของผู้ตัดสินความของอิสราเอล
“เบธเลเฮม เอฟราธาห์เอ๋ย
    แม้เจ้าจะด้อยในตระกูลของยูดาห์
แต่ท่านหนึ่งที่จะออกไปจากเจ้าเป็นผู้ปกครองของอิสราเอลเพื่อเรา
    ท่านมาจากครั้งโบราณกาล
    จากปฐมกาล”[a]
ฉะนั้น ท่านจะละทิ้งพวกเขาไปจนกระทั่งถึงเวลาเมื่อผู้หญิงที่เจ็บครรภ์คลอดบุตร
จากนั้นพี่น้องที่เหลืออยู่ของท่าน
    จะกลับมารวมกับชาวอิสราเอล
และท่านจะยืนหยัดและเลี้ยงดูฝูงแกะของท่าน
    ด้วยอานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า
    ในความยิ่งใหญ่ของพระนามของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน
และพวกเขาจะอยู่ด้วยความมั่นคง
    ด้วยว่า ในเวลานั้นความยิ่งใหญ่ของท่านจะเป็นที่รู้จักไปจนสุดขอบโลก
และท่านจะเป็นสันติสุขของพวกเขา

เมื่อชาวอัสซีเรียรุกรานแผ่นดินของพวกเรา
    และเหยียบย่ำวังทั้งหลายของพวกเรา
แล้วพวกเราจะกำหนดบรรดาผู้เลี้ยงดูฝูงแกะ 7 คน
    และผู้นำ 8 คนไปต่อสู้กับเขา
พวกเขาจะปกครองแผ่นดินอัสซีเรียด้วยดาบ
    และแผ่นดินนิมโรดที่ทางเข้า
และท่านจะช่วยพวกเราให้รอดปลอดภัยจากชาวอัสซีเรีย
    เมื่อเขารุกรานแผ่นดินของพวกเรา
    และเหยียบย่ำอาณาเขตของเรา

พวกที่เหลืออยู่จะรอดปลอดภัย

แล้วผู้ที่มีชีวิตเหลืออยู่ของยาโคบ
    จะอยู่ในท่ามกลางชนชาติจำนวนมาก
จะเป็นดั่งน้ำค้างจากพระผู้เป็นเจ้า
    ดั่งละอองฝนบนใบหญ้า
ซึ่งไม่หวังพึ่งใคร
    หรือรอคอยบรรดาบุตรของมนุษย์
และผู้ที่มีชีวิตเหลืออยู่ของยาโคบ
    จะอยู่ในท่ามกลางบรรดาประชาชาติ
    ในท่ามกลางชนชาติจำนวนมาก
จะเป็นดั่งสิงโตในท่ามกลางสัตว์ป่า
    ดั่งสิงโตหนุ่มท่ามกลางฝูงแกะ
ซึ่งเวลาที่สิงโตเดินผ่านมาเหยียบย่ำ
    และฉีกเนื้อออกเป็นชิ้นๆ
    และไม่มีใครจะช่วยได้
มือของท่านจะยกชูขึ้นเหนือฝ่ายตรงข้าม
    และศัตรูของท่านทุกคนจะพินาศ

10 พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้

“ในวันนั้น เราจะพรากม้าไปจากพวกเจ้า
    และเราจะทำให้รถศึกของเจ้าพินาศ
11 เราจะทำเมืองในแผ่นดินของเจ้าพินาศ
    และพังป้อมปราการอันแข็งแกร่งลง
12 และเราจะกำจัดผู้ใช้เวทมนตร์ของเจ้า
    และเจ้าจะไม่มีผู้เสกคาถาอีกต่อไป
13 เราจะทำลายรูปเคารพทั้งหลายของเจ้า
    จะทำลายเสาหินของเจ้าไปเสียจากเจ้า
และเจ้าจะไม่ก้มกราบสิ่งที่เจ้าสร้างขึ้น
    ด้วยมือของเจ้าอีกต่อไป
14 และเราจะโค่นเทวรูปอาเชราห์ไปจากเจ้า
    และทำลายเมืองทั้งหลายของเจ้า
15 เราจะแก้แค้นในความกริ้วและการลงโทษ
    ต่อบรรดาประชาชาติที่ไม่เชื่อฟังเรา”

ลูกา 14

พระเยซูไปที่บ้านฟาริสี

14 ครั้งหนึ่งในวันสะบาโต พระเยซูไปรับประทานอาหารที่บ้านของฟาริสี ซึ่งผู้นี้เป็นหนึ่งในบรรดาผู้นำ พระองค์ถูกเฝ้าสังเกตอยู่อย่างพินิจพิเคราะห์ และที่เบื้องหน้าพระองค์มีชายคนหนึ่งซึ่งเป็นโรคมานน้ำ พระเยซูถามกลุ่มฟาริสีและผู้เชี่ยวชาญฝ่ายกฎบัญญัติว่า “เป็นการถูกกฎบัญญัติหรือไม่ที่จะรักษาคนให้หายจากโรคในวันสะบาโต” คนเหล่านั้นนิ่งเฉยไม่โต้ตอบ พระองค์จึงเอื้อมมือไปยังชายผู้นั้น รักษาเขาให้หายขาด แล้วให้เขากลับบ้านไป พระองค์ถามคนเหล่านั้นว่า “หากพวกท่านคนใดคนหนึ่งมีบุตรหรือโคที่ตกบ่อในวันสะบาโต ท่านจะไม่ดึงตัวเขาขึ้นมาทันทีหรือ” คนเหล่านั้นไม่อาจตอบคำถามได้

เมื่อได้สังเกตเห็นแขกในงานเลือกนั่งในที่ของผู้มีเกียรติ พระองค์จึงกล่าวเป็นอุปมาว่า “เมื่อมีคนเชิญท่านไปงานเลี้ยงสมรส ก็อย่านั่งในที่ของผู้มีเกียรติ เพราะอาจจะมีผู้ใหญ่ซึ่งมีตำแหน่งสูงกว่าท่านมาร่วมงาน หากเป็นเช่นนั้นแล้ว เจ้าของงานต้องมาพูดกับท่านว่า ‘ขอได้โปรดให้ที่นั่งแก่ท่านผู้นี้เถิด’ แล้วท่านจะได้รับความอายที่ต้องเลื่อนมานั่งในที่ซึ่งด้อยที่สุด 10 แต่เมื่อท่านได้รับเชิญ ก็จงนั่งในที่ซึ่งด้อยที่สุด เมื่อเจ้าของงานมา เขาจะได้พูดกับท่านว่า ‘เพื่อนเอ๋ย เชิญเลื่อนไปที่นั่งดีกว่านี้’ แล้วท่านจะได้รับเกียรติต่อหน้าแขกทั้งหลายในงาน 11 ด้วยว่าทุกคนที่ยกย่องตัวเองก็จะถูกเหยียดลง แต่คนที่ถ่อมตัวก็จะได้รับการยกย่อง”

12 แล้วพระเยซูก็กล่าวกับผู้ที่เชื้อเชิญพระองค์ว่า “เมื่อท่านจัดงานเลี้ยง อย่าเชิญสหายและเครือญาติหรือเพื่อนบ้านที่มั่งมี ถ้าทำดังนั้นเขาก็จะเชิญท่านบ้างเป็นการตอบแทน 13 เมื่อท่านมีงานเลี้ยงก็จงเชิญผู้ยากไร้ คนพิการ คนง่อย คนตาบอด 14 แล้วท่านจะเป็นสุข เพราะว่าพวกเขาไม่สามารถตอบแทนท่านได้ แต่ท่านจะได้รับคืนในวันที่ผู้มีความชอบธรรมฟื้นคืนชีวิตจากความตาย”

อุปมาเรื่องงานเลี้ยงครั้งใหญ่

15 ผู้หนึ่งซึ่งเอนกายอยู่กับพระองค์ด้วยได้ยินดังนั้น จึงบอกพระเยซูว่า “ผู้เป็นสุขคือผู้ที่ร่วมรับประทานอาหารในงานเลี้ยงในอาณาจักรของพระเจ้า” 16 พระเยซูตอบว่า “มีชายผู้หนึ่งกำลังเตรียมงานเลี้ยงใหญ่ และได้เชิญแขกมากมาย 17 เมื่อพร้อมก็ส่งคนรับใช้ให้ไปเชิญแขกว่า ‘มาเถิด ทุกสิ่งพร้อมแล้ว’ 18 แต่แขกทุกคนมีข้ออ้างต่างๆ กันไป คนแรกพูดว่า ‘เราเพิ่งซื้อที่นา จะต้องไปดู ฉะนั้นขอตัวด้วย’ 19 อีกคนพูดว่า ‘เราเพิ่งซื้อโคไว้ 5 คู่ เราคงต้องไปลองให้มันลากดู ต้องขอตัวด้วย’ 20 อีกคนพูดว่า ‘เราเพิ่งสมรส ฉะนั้นเรามาไม่ได้’ 21 คนรับใช้จึงกลับมารายงานนายตามนั้น ครั้นแล้วเจ้าของบ้านโกรธมากจึงสั่งคนรับใช้ว่า ‘จงไปพาคนยากไร้ คนพิการ คนตาบอด และคนง่อยที่อยู่ตามถนนซอกซอยในเมืองมาที่นี่ทันที’ 22 คนรับใช้พูดว่า ‘นายท่าน สิ่งที่ท่านสั่งให้ทำนั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังมีที่ว่างอีก’ 23 แล้วนายก็บอกคนรับใช้ว่า ‘เจ้าจงไปพาพวกคนที่อยู่ตามถนน ตรอกซอกซอยในชนบทมาที่นี่ บ้านของเราจะได้เต็ม 24 เราขอบอกพวกเจ้าว่า ไม่มีใครเลยสักคนในบรรดาแขกรับเชิญที่จะได้ลิ้มรสอาหารของเรา’”

แบกไม้กางเขนและติดตามพระเยซู

25 แล้วพระเยซูหันไปยังมหาชนที่เดินตามพระองค์มา และก็กล่าวว่า 26 “ถ้าผู้ใดมาหาเรา แล้วไม่รักเรามากกว่าพ่อแม่ ภรรยา ลูกๆ และพี่น้อง หรือแม้แต่ชีวิตของตนเอง เขาไม่สามารถเป็นสาวกของเราได้ 27 และใครก็ตามที่ไม่แบกไม้กางเขนของตน แล้วติดตามเรามา ก็ไม่สามารถเป็นสาวกของเราได้ 28 สมมุติว่าคนใดในพวกท่านต้องการจะสร้างหอคอย เขาจะไม่นั่งคิดงบประมาณดูก่อนหรือว่า เขามีเงินพอที่จะสร้างให้เสร็จหรือไม่ 29 ถ้าหากว่าเขาลงฐานราก แล้วไม่สามารถสร้างให้เสร็จ ผู้คนจะพากันเยาะเย้ยว่า 30 ‘นายคนนี้เริ่มสร้างขึ้นแล้ว แต่ก็ไม่สามารถทำให้เสร็จได้’ 31 หรือว่าถ้ากษัตริย์จะต้องกระทำการสงครามกับกษัตริย์อีกผู้หนึ่ง แล้วจะไม่ขบคิดดูก่อนหรือว่า กำลังคนหนึ่งหมื่นจะต่อต้านอีกฝ่ายที่มีกำลังคนสองหมื่นได้หรือไม่ 32 ถ้าหากว่ากษัตริย์ผู้นั้นทำไม่ได้ ก็คงจะส่งกลุ่มตัวแทนไปเจรจาสงบศึกก่อนที่อีกฝ่ายจะมาถึง 33 ก็เช่นเดียวกันแหละ พวกท่านคนใดไม่สละทุกสิ่งที่มี ก็ไม่สามารถเป็นสาวกของเราได้

34 เกลือเป็นสิ่งดี แต่ถ้าสิ้นความเค็มแล้วจะกลับเค็มอีกได้อย่างไร 35 จะใช้ใส่ในดินหรือกองปุ๋ยก็ไม่ได้ ต้องโยนทิ้งไป ผู้ใดมีหูที่จะฟังก็จงฟังเถิด”

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation