Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
2 พงศ์กษัตริย์ 19

อิสยาห์ให้ความมั่นใจแก่เฮเซคียาห์

19 ทันทีที่กษัตริย์เฮเซคียาห์ได้ยินเรื่องทั้งหมด ท่านก็ฉีกเสื้อของท่าน นุ่งห่มด้วยผ้ากระสอบ และเข้าไปในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ท่านใช้เอลียาคิมผู้บริหารวัง เชบนาเลขาของกษัตริย์ และบรรดาปุโรหิตอาวุโส ซึ่งต่างก็นุ่งห่มด้วยผ้ากระสอบ ให้ไปหาอิสยาห์บุตรอามอส ผู้เป็นผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า[a] พวกเขาบอกท่านว่า “เฮเซคียาห์กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแห่งความทุกข์ การถูกลงโทษ และความอับอาย ลูกๆ ถึงกำหนดคลอด แต่ไม่มีแรงเบ่งให้คลอด พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านอาจจะได้ยินทุกถ้อยคำที่กษัตริย์แห่งอัสซีเรียเจ้านายของผู้บังคับกองพัน ใช้เขาให้มาพูดดูหมิ่นพระเจ้าผู้ดำรงชีวิตอยู่ และพระองค์จะลงโทษเขาในสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านได้ยิน ฉะนั้น ขอท่านอธิษฐานเพื่อคนที่มีชีวิตเหลืออยู่” เมื่อบรรดาผู้ปฏิบัติงานของกษัตริย์เฮเซคียาห์มาหาอิสยาห์ อิสยาห์ตอบพวกเขาว่า “จงบอกเจ้านายของท่านว่า ‘พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า “อย่าให้สิ่งที่คนของกษัตริย์แห่งอัสซีเรียพูดหมิ่นประมาทเรา ซึ่งเจ้าได้ยินนั้นเป็นเหตุทำให้เจ้ากลัว ดูเถิด เราจะดลใจเขา จะทำให้เขาได้ยินข่าวลือ และกลับไปยังแผ่นดินของเขา และเราจะทำให้เขาล้มลงด้วยคมดาบในแผ่นดินของเขาเอง”’”

เซนนาเคอริบท้าทายพระผู้เป็นเจ้า

ผู้บังคับกองพันกลับไปยังลาคีช และก็พบว่ากษัตริย์แห่งอัสซีเรียได้ออกจากลาคีชแล้ว และกำลังต่อสู้กับลิบนาห์ เมื่อกษัตริย์ทราบเรื่องทีร์หคาห์กษัตริย์แห่งคูชที่พูดว่า “ดูเถิด เขาได้ยกทัพมาโจมตีท่าน” ท่านจึงใช้คนถือสาสน์ไปยังเฮเซคียาห์อีกว่า 10 “จงบอกเฮเซคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ว่า ‘อย่าให้พระเจ้าที่ท่านไว้วางใจหลอกลวงท่านด้วยคำสัญญาที่ว่า เยรูซาเล็มจะไม่ตกอยู่ในมือของกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย 11 ดูเถิด ท่านได้ยินแล้วว่า บรรดากษัตริย์แห่งอัสซีเรียกระทำสิ่งใดบ้างต่อแผ่นดินทั้งปวง และพวกเขาถูกกำหนดให้พินาศ แล้วท่านจะได้รับความช่วยเหลือให้รอดหรือ 12 ปวงเทพเจ้าของบรรดาประชาชาติเช่น เมืองโกซาน ฮาราน เรเซฟ และชาวเอเดนที่อยู่ในเทลอัสสาร์ ซึ่งบรรพบุรุษของเราทำให้พินาศไปแล้วนั้น ช่วยพวกเขาให้รอดแล้วหรือ 13 กษัตริย์แห่งฮามัท กษัตริย์แห่งอาร์ปัด กษัตริย์แห่งเสฟาร์วาอิม กษัตริย์แห่งเฮนา และกษัตริย์แห่งอิฟวาห์ อยู่ไหนล่ะ’”

คำอธิษฐานของเฮเซคียาห์

14 เฮเซคียาห์ได้รับจดหมายจากมือของผู้ถือสาสน์ แล้วก็อ่านข้อความ เฮเซคียาห์ขึ้นไปยังพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และคลี่จดหมายออกที่เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า 15 และเฮเซคียาห์อธิษฐาน ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าดังนี้ “โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล ผู้สถิตบนบัลลังก์เหนือตัวเครูบ[b] พระองค์เป็นพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียวของอาณาจักรทั้งปวงในโลก พระองค์ได้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก 16 โอ พระผู้เป็นเจ้า ขอพระองค์เงี่ยหูฟัง โอ พระผู้เป็นเจ้า ขอพระองค์มองดู และฟังสิ่งที่เซนนาเคอริบใช้ให้มาพูดเพื่อดูหมิ่นพระเจ้าผู้ดำรงชีวิตอยู่ 17 โอ พระผู้เป็นเจ้า เป็นความจริงที่บรรดากษัตริย์แห่งอัสซีเรียได้ทำลายบรรดาประชาชาติและแผ่นดินของพวกเขา 18 และได้เผาเทวรูปของพวกเขา เพราะสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่เทพเจ้า แต่เป็นสิ่งที่มนุษย์ทำขึ้นด้วยไม้และหิน ฉะนั้นจึงถูกทำลายเสีย 19 บัดนี้ โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา โปรดช่วยพวกเราให้รอดจากเงื้อมมือของเขาเถิด โอ พระผู้เป็นเจ้า เพื่ออาณาจักรทั้งปวงในโลกจะทราบว่า พระผู้เป็นเจ้าเป็นพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว”

20 อิสยาห์บุตรอามอสจึงส่งสาสน์ไปถึงเฮเซคียาห์ว่า “พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลกล่าวดังนี้คือ เราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้าเรื่องเซนนาเคอริบกษัตริย์แห่งอัสซีเรียแล้ว

21 พระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวเกี่ยวกับเขาว่า

‘ธิดาพรหมจารีแห่งศิโยนดูถูกเจ้า
    และเหยียดหยามเจ้า
ธิดาแห่งเยรูซาเล็ม
    สั่นศีรษะอยู่ข้างหลังเจ้า
22 เจ้าเหยียดหยามและพูดหมิ่นประมาทผู้ใด
    เจ้าขึ้นเสียง และใช้สายตา
ที่เย่อหยิ่งคัดค้านผู้ใด
    ต่อองค์ผู้บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลน่ะสิ
23 เจ้าได้ดูหมิ่นพระผู้เป็นเจ้าด้วยผู้ถือสาสน์ของเจ้า
    และเจ้าพูดว่า เราได้ขึ้นไปบนภูเขาสูงสุดด้วยรถศึกมากมาย
    ไปยังที่ห่างไกลแห่งเลบานอน
เราโค่นต้นซีดาร์ที่สูงสุด
    และต้นสนที่งามสุด
เราเข้าถึงที่พักที่ไกลสุด
    เราเข้าถึงป่าไม้อันอุดมที่สุด
24 เราขุดบ่อและดื่มน้ำในที่ต่างแดน
    เราเหยียบธารน้ำทั้งหมดของอียิปต์
    ซึ่งเราทำให้แห้งลงได้

25 เจ้าไม่รู้เลยหรือว่า
    เรามุ่งหมายเรื่องนี้มานานแล้ว
เราวางแผนมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์
    สิ่งใดที่เป็นไปในเวลานี้ก็เนื่องมาจากเรา
เจ้าทำให้เมืองที่คุ้มกันไว้อย่างแข็งแกร่ง
    ต้องล้มลงเป็นกองซากปรักหักพัง
26 ผู้อยู่อาศัยในเมืองหมดกำลัง
    หวั่นกลัวและอับอาย
กลายเป็นเหมือนพืชในทุ่งนา
    และเหมือนหญ้าอ่อน
เหมือนหญ้าบนหลังคา
    ซึ่งถูกเผาก่อนที่จะงอกโตขึ้น

27 แต่เรารู้เวลาที่เจ้านั่งลง
    เวลาที่เจ้าไปไหนมาไหน
    และเวลาที่เจ้าเกรี้ยวกราดต่อเรา
28 เพราะเจ้าได้เกรี้ยวกราดต่อเรา
    และเราได้ยินถึงการสบประมาทของเจ้า
เราจะใช้เบ็ดคล้องจมูกเจ้า
    และใส่เหล็กขวางปากเจ้า
และเราจะให้เจ้าหันกลับไปทางที่เจ้ามา’

29 และหมายสำคัญสำหรับเจ้าก็คือ ปีนี้เจ้าจะกินสิ่งที่งอกขึ้นเอง ปีที่สองก็จะเป็นสิ่งที่งอกเหมือนเดิม ปีที่สาม เจ้าจงหว่านและเก็บเกี่ยว ปลูกสวนองุ่น และกินผลของมัน 30 และพงศ์พันธุ์ยูดาห์ที่รอดชีวิตและยังเหลืออยู่ ก็จะเจาะรากลึกลงไป และออกผลขึ้นมา 31 ด้วยว่า บรรดาผู้ที่มีชีวิตเหลืออยู่จะออกไปจากเยรูซาเล็ม นั่นก็คือ กลุ่มที่รอดชีวิตจะออกไปจากภูเขาศิโยน ความรักอันแรงกล้าของพระผู้เป็นเจ้าจะกระทำการนี้

32 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้ากล่าวถึงกษัตริย์แห่งอัสซีเรียดังนี้คือ เขาจะไม่เข้ามาในเมืองนี้ หรือยิงลูกธนูเข้าไปในนั้น หรือถือโล่มาประจัญเมือง หรือก่อเชิงเทินประชิดเมือง 33 พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า เขามาจากทางใด เขาก็จะกลับออกไปทางนั้น และเขาจะไม่เข้ามาในเมืองนี้ 34 เพราะว่าเราจะปกป้องเมืองนี้ให้รอดปลอดภัยเพื่อนามของเรา และเพื่อดาวิดผู้รับใช้ของเรา”[c]

35 ในคืนนั้นทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าไปที่ค่ายของชาวอัสซีเรีย และสังหารทหาร 185,000 คน และเช้าตรู่วันรุ่งขึ้นประชาชนก็พบว่า ทหารเหล่านั้นเป็นศพไปหมดแล้ว 36 แล้วเซนนาเคอริบกษัตริย์แห่งอัสซีเรียก็ยกทัพกลับบ้านไป และอาศัยอยู่ที่นีนะเวห์ 37 วันหนึ่งเมื่อท่านกำลังนมัสการอยู่ในวิหารของนิสโรคเทพเจ้าของท่าน อัดรัมเมเลคและชาเรเซอร์บุตรของท่านใช้ดาบฆ่าท่าน แล้วหนีเข้าไปในแผ่นดินอารารัต และเอสาร์ฮัดโดนบุตรของท่านครองราชย์แทนท่าน

ฮีบรู 1

พระบุตรยิ่งใหญ่กว่าทูตสวรรค์

ในสมัยก่อน พระเจ้าได้กล่าวกับบรรพบุรุษของเราโดยผ่านบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าหลายครั้ง และด้วยวิธีต่างๆ กัน แต่บัดนี้เป็นช่วงเวลาแห่งวาระสุดท้าย พระองค์ได้กล่าวกับเราโดยผ่านพระบุตรของพระองค์ ผู้ซึ่งพระองค์แต่งตั้งให้เป็นผู้รับสิ่งทั้งปวงเป็นมรดก และพระเจ้าได้สร้างจักรวาลโดยผ่านพระองค์ด้วย พระบุตรเป็นแสงสะท้อนพระบารมีของพระเจ้า และมีคุณสมบัติเหมือนพระองค์ทุกประการ สิ่งทั้งปวงยืนยงอยู่ได้ด้วยคำกล่าวซึ่งมีอานุภาพของพระองค์ เมื่อพระองค์ได้ชำระบาปทั้งปวงแล้ว ก็ได้นั่งอยู่ ณ เบื้องขวาขององค์ผู้ยิ่งใหญ่ในเบื้องสูง พระองค์ได้มาในฐานะที่เหนือยิ่งกว่าบรรดาทูตสวรรค์ เช่นเดียวกับพระนามที่ได้รับจากพระเจ้าซึ่งยิ่งใหญ่กว่านามของทูตสวรรค์

พระเจ้าเคยกล่าวกับทูตสวรรค์องค์ใดบ้างว่า

“เจ้าเป็นบุตรของเรา
    วันนี้เราประกาศว่า เราเป็นบิดาของเจ้า”[a]

และยังกล่าวอีกว่า

“เราจะเป็นบิดาของท่าน[b]
    และท่านจะเป็นบุตรของเรา”[c]

และเมื่อพระเจ้านำบุตรหัวปีของพระองค์เข้ามาในโลก พระองค์กล่าวอีกว่า

“ให้บรรดาทูตสวรรค์ของพระเจ้า กราบนมัสการท่าน”[d]

และพระเจ้ากล่าวถึงทูตสวรรค์ว่า

“พระองค์บันดาลให้ทูตสวรรค์ของพระองค์เป็นดุจลม
    และให้ผู้รับใช้ของพระองค์เป็นดุจเปลวไฟ”[e]

แต่มีคำกล่าวถึงพระบุตรว่า

“ข้าแต่พระเจ้า บัลลังก์ของพระองค์จะคงอยู่ชั่วนิรันดร์กาล
    และความชอบธรรมจะเป็นดุจคทาแห่งอาณาจักรของพระองค์
พระองค์รักความชอบธรรมและเกลียดความชั่วร้าย
    ฉะนั้นพระเจ้า ผู้เป็นพระเจ้าของพระองค์ ได้ให้พระองค์อยู่เหนือมิตรสหาย
    โดยเจิม[f]พระองค์ด้วยน้ำมันแห่งความยินดี”[g]

10 และได้กล่าวต่อไปอีกว่า

“ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ในปฐมกาล พระองค์วางฐานรากของแผ่นดินโลก
    และฟ้าสวรรค์เป็นผลงานจากฝีมือของพระองค์
11 สิ่งเหล่านี้จะพินาศ แต่พระองค์ยังดำรงอยู่
    ทุกสิ่งจะผุพังไปเหมือนกับเครื่องนุ่งห่ม
12 พระองค์จะม้วนสิ่งเหล่านี้เหมือนม้วนเสื้อคลุม
    และสิ่งเหล่านี้จะถูกเปลี่ยนเหมือนเปลี่ยนเครื่องนุ่งห่ม
แต่พระองค์คงอยู่เช่นเดิม
    และชีวิตของพระองค์จะไม่มีวันสิ้นสุด”[h]

13 พระเจ้าได้กล่าวกับทูตสวรรค์ผู้ใดบ้างว่า

“จงนั่งทางด้านขวาของเรา
    จนกว่าเราจะทำให้พวกศัตรูของเจ้าอยู่ใต้เท้า
    ดั่งที่วางเท้าของเจ้า”[i]

14 แล้วทูตสวรรค์ทั้งปวงไม่ได้เป็นวิญญาณผู้รับใช้ ที่พระองค์ส่งไปช่วยเหลือพวกที่จะได้รับความรอดพ้นเป็นมรดกหรือ

โฮเชยา 12

12 เอฟราอิมไขว่คว้าลม
    เขาตามล่าลมทะเลทรายตลอดวัน
พวกเขาทวีความเท็จและความรุนแรง
    พวกเขาทำพันธสัญญากับอัสซีเรีย
    และส่งน้ำมันมะกอกไปให้อียิปต์

พระผู้เป็นเจ้ามีข้อกล่าวหาอิสราเอลและยูดาห์

พระผู้เป็นเจ้ามีข้อกล่าวหายูดาห์
    พระองค์จะลงโทษยาโคบตามวิถีทางของเขา
    พระองค์จะสนองตอบเขาตามการกระทำของเขา
เขาบีบส้นเท้าพี่ชายของเขาขณะยังอยู่ในครรภ์
    และได้สู้กับพระเจ้าเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่[a]
เขาสู้กับทูตสวรรค์และได้ชัยชนะ
    เขาร้องไห้และอ้อนวอนท่าน
เขาพบกับพระเจ้าที่เบธเอล
    และพระเจ้ากล่าวกับพวกเราที่นั่น
พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าจอมโยธา
    พระผู้เป็นเจ้าคือพระนามอันเลื่องลือของพระองค์
“แต่เจ้าต้องกลับไปหาพระเจ้าของเจ้า
    จงคงไว้ซึ่งความรักอันมั่นคงและความเป็นธรรม
    และรอพระเจ้าของเจ้าเสมอ”

พ่อค้าใช้ตาชั่งไม่เที่ยงตรง
    เขาชอบกดขี่ข่มเหง
เอฟราอิมได้พูดว่า “ฉันร่ำรวยมาก
    ฉันหาความมั่งมีให้กับตัวเองแล้ว
พวกเขาไม่อาจพบความชั่วหรือบาปในงานที่ฉันลงแรงทำทั้งสิ้น”

“เราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า
    ซึ่งนำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์
เราจะให้เจ้าอาศัยอยู่ในกระโจมอีก
    เหมือนเมื่อครั้งที่มีเทศกาลที่กำหนดไว้
10 เรากล่าวกับบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า
    เราให้พวกเขามีภาพนิมิตมากมาย
    และตั้งปริศนาหลายครั้งแก่บรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า”

11 ถ้ามีความชั่วในกิเลอาด
    พวกเขาก็จะไร้ค่า
พวกเขาสักการะด้วยโคในกิลกาล
    แท่นบูชาของพวกเขาเป็นเหมือนกองหิน
    บนไร่ที่ไถคราดแล้ว
12 ยาโคบหลบหนีไปยังดินแดนอารัม[b]
    อิสราเอลทำงานรับใช้เพื่อจะได้ภรรยาจากที่นั่น
    และเขาเลี้ยงดูฝูงแกะเป็นค่าแรงงานสำหรับนาง
13 พระผู้เป็นเจ้าใช้ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าผู้หนึ่งนำอิสราเอลขึ้นมาจากอียิปต์
    และพระองค์ให้ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าดูแลเขา
14 เอฟราอิมได้ยั่วโทสะพระองค์
    พระผู้เป็นเจ้าของเขาจะให้ความผิดของการหลั่งเลือดตกอยู่กับเขา
    และจะสนองตอบการกระทำอันอัปยศของเขา

สดุดี 135-136

พระคุณอันสูงส่ง

สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า

จงสรรเสริญพระนามของพระผู้เป็นเจ้า
    บรรดาผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้า จงสรรเสริญเถิด
ท่านที่ยืนอยู่ในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า
    ในลานพระตำหนักของพระเจ้าของเรา
จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า เพราะพระผู้เป็นเจ้าประเสริฐ
    จงร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์ เพราะเป็นที่น่าเบิกบานใจ
เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้เลือกยาโคบไว้สำหรับพระองค์เอง
    เลือกอิสราเอลไว้เป็นสมบัติอันมีค่าของพระองค์

เพราะข้าพเจ้าทราบว่าพระผู้เป็นเจ้าใหญ่ยิ่งนัก
    และพระผู้เป็นเจ้าของเรายิ่งใหญ่เหนือเทพเจ้าทั้งปวง
พระผู้เป็นเจ้ากระทำตามความประสงค์ของพระองค์
    ทั้งเบื้องสวรรค์และแหล่งหล้า
    ทั้งในทะเลและห้วงน้ำลึกทั้งปวง
พระองค์เป็นผู้ทำให้เมฆลอยขึ้นจากทุกมุมโลก
    เป็นผู้ให้กำเนิดฟ้าแลบกับสายฝน
    และลมพัดออกจากแหล่งเก็บลมของพระองค์

พระองค์เป็นผู้ฆ่าบุตรหัวปีในอียิปต์
    ไม่เลือกว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์เลี้ยง
พระองค์บันดาลปรากฏการณ์และสิ่งมหัศจรรย์ในท่ามกลางประเทศอียิปต์
    เป็นการต่อต้านฟาโรห์และหมู่บริวาร
10 พระองค์เป็นผู้ฆ่าประชาชาติมากหลาย
    และสังหารหมู่กษัตริย์ใจฉกาจ
11 สิโหนกษัตริย์ของชาวอาโมร์
    โอกกษัตริย์แห่งแคว้นบาชาน
    และอาณาจักรทั้งหมดของคานาอัน[a]
12 พระองค์มอบผืนแผ่นดินของคนเหล่านั้นให้เป็นมรดก
    เป็นมรดกแก่คนของพระองค์คืออิสราเอล

13 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระนามของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
    โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะเป็นที่ระลึกถึงทุกชั่วอายุคนจนชั่วลูกชั่วหลาน
14 เพราะพระผู้เป็นเจ้าจะพิสูจน์ว่าชนชาติของพระองค์ไม่ผิด
    และเมตตาบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์

15 รูปเคารพของบรรดาประชาชาติเป็นเงินและทองคำ
    เป็นสิ่งที่ทำด้วยมือมนุษย์
16 รูปเหล่านั้นมีปาก แต่พูดไม่ได้
    มีตา แต่มองไม่เห็น
17 มีหู แต่ไม่สามารถได้ยิน
    และไม่มีลมหายใจในปาก
18 พวกที่ปั้นรูปเคารพขึ้นก็ย่อมเป็นเหมือนกับรูปเคารพ
    ผู้ใดวางใจในรูปเคารพก็เป็นดั่งรูปนั้น

19 พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
    พงศ์พันธุ์ของอาโรนเอ๋ย จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
20 พงศ์พันธุ์ของเลวีเอ๋ย จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
    ท่านที่เกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
21 สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าจากศิโยน
    พระองค์พำนักอยู่ที่เยรูซาเล็ม

สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าเถิด

ความรักอันมั่นคงดำรงอยู่ตลอดกาล

จงขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์ประเสริฐ
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
จงขอบคุณพระเจ้า ผู้อยู่เหนือบรรดาเทพเจ้า
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
จงขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า ผู้อยู่เหนือบรรดาเจ้า
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล

แด่พระองค์ผู้กระทำสิ่งมหัศจรรย์เพียงลำพัง
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
แด่พระองค์ผู้สร้างฟ้าสวรรค์ด้วยการหยั่งรู้
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
แด่พระองค์ผู้แผ่แผ่นดินโลกไว้บนน้ำ
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
แด่พระองค์ผู้สร้างดวงสว่างดวงใหญ่ๆ
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
ให้ดวงอาทิตย์ดูแลในยามทิวา
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
ให้ดวงจันทร์และดวงดาวทั้งหลายทำงานควบคุมยามราตรี
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล

10 แด่พระองค์ผู้ฆ่าบุตรหัวปีของอียิปต์
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
11 และนำชาวอิสราเอลออกไปจากฝูงชนชาวอียิปต์
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
12 ด้วยอานุภาพและพลานุภาพ
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
13 แด่พระองค์ผู้แหวกทะเลแดงออก
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
14 และปล่อยให้ชาวอิสราเอลผ่านไปทางนั้น
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
15 แต่โยนฟาโรห์กับกองทัพลงในทะเลแดง
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล

16 แด่พระองค์ผู้พาชนชาติของพระองค์ผ่านพ้นถิ่นทุรกันดาร
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล

17 แด่พระองค์ผู้ฆ่าบรรดามหากษัตริย์
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
18 และสังหารบรรดากษัตริย์ใจฉกาจ
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
19 อันได้แก่สิโหนกษัตริย์ของชาวอาโมร์
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
20 และโอกกษัตริย์แห่งแคว้นบาชาน
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล[b]
21 และให้ผืนแผ่นดินของกษัตริย์เหล่านั้นเป็นมรดก
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
22 ให้มรดกแก่อิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล

23 พระองค์ระลึกถึงพวกเราในยามตกอับ
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
24 และช่วยพวกเราให้รอดพ้นจากพวกศัตรู
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
25 พระองค์ให้สิ่งมีชีวิตทั้งปวงมีอาหาร
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล

26 จงขอบคุณพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์เถิด
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation