Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
1 พงศาวดาร 5-6

ผู้สืบเชื้อสายของรูเบน

รูเบนเป็นบุตรคนแรกของอิสราเอล (เพราะว่าเขาเป็นคนหัวปี แต่เป็นเพราะเขาทำให้ที่เอนกายของพ่อเขาเป็นมลทิน[a] สิทธิของลูกหัวปีที่ควรจะเป็นของเขาก็เลยถูกยกให้แก่บรรดาบุตรของโยเซฟผู้เป็นบุตรของอิสราเอล[b] ดังนั้นชื่อของรูเบนจึงไม่อยู่ในบันทึกของลำดับเชื้อสายที่มีสิทธิของบุตรชายหัวปี ถึงแม้ว่ายูดาห์เป็นผู้ที่เข้มแข็งในหมู่พี่น้องของเขา และผู้นำในการปกครองก็มาจากเขา[c] แต่สิทธิของบุตรชายหัวปียังเป็นของโยเซฟ) รูเบนผู้เป็นบุตรหัวปีของอิสราเอลมีบุตรชื่อ ฮาโนค ปัลลู เฮสโรน และคาร์มี โยเอลมีบุตรชื่อเชไมยาห์ เชไมยาห์มีบุตรชื่อโกก โกกมีบุตรชื่อชิเมอี ชิเมอีมีบุตรชื่อมีคาห์ มีคาห์มีบุตรชื่อเรอายาห์ เรอายาห์มีบุตรชื่อบาอัล บาอัลมีบุตรชื่อเบเอราห์ที่ทิกลัทปิเลเสอร์กษัตริย์แห่งอัสซีเรียจับตัวไปเป็นเชลย เบเอราห์เป็นผู้นำของชาวรูเบน และญาติพี่น้องตามตระกูลของพวกเขา นับตามลำดับเชื้อสายที่บันทึกไว้คือ เยอีเอลซึ่งเป็นผู้นำ และเศคาริยาห์ เบ-ลาบุตรของอาซาส อาซาสเป็นบุตรของเช-มา เช-มาเป็นบุตรของโยเอล เขาตั้งหลักแหล่งอยู่ในอาณาเขตตั้งแต่อาโรเออร์ ไปจนถึงเนโบ และบาอัลเมโอน เนื่องจากฝูงปศุสัตว์ของคนเหล่านี้ทวียิ่งขึ้นในแผ่นดินกิเลอาด พวกเขาจึงได้ขยับขยายออกไปทางด้านตะวันออก ไกลถึงทางเข้าถิ่นทุรกันดารทางฝั่งนี้ของแม่น้ำยูเฟรติส 10 และในสมัยของซาอูล พวกเขาทำสงครามกับชาวฮาการ์ซึ่งตกอยู่ในมือของพวกเขา และได้อาศัยอยู่ในกระโจมทั่วอาณาเขตด้านตะวันออกของกิเลอาด

ผู้สืบเชื้อสายของกาด

11 บรรดาบุตรของกาดอาศัยอยู่ใกล้คนเชื้อสายรูเบนในแผ่นดินบาชาน ไปจนถึงสาเลคาห์ 12 โยเอลเป็นผู้นำ ชาฟามเป็นที่สอง คนต่อไปคือยานัย และชาฟัทในบาชาน 13 ญาติพี่น้องของเขาตามลำดับตระกูล 7 คนคือ มีคาเอล เมชุลลาม เชบะ โยรัย ยาคาน ศิอา และเอเบอร์ 14 คนเหล่านี้เป็นบุตรของอาบีฮาอิลผู้เป็นบุตรของหุรี หุรีเป็นบุตรของยาโรอาห์ ยาโรอาห์เป็นบุตรของกิเลอาด กิเลอาดเป็นบุตรของมีคาเอล มีคาเอลเป็นบุตรของเยชิชัย เยชิชัยเป็นบุตรของยาโด ยาโดเป็นบุตรของบูซ 15 อาฮิเป็นบุตรของอับดีเอล อับดีเอลเป็นบุตรของกูนี อาฮิเป็นผู้นำของตระกูล 16 ชาวกาดอาศัยอยู่ในกิเลอาด ในบาชาน และตามหมู่บ้าน และในบริเวณทุ่งหญ้าทั่วๆ ไปในที่ราบชาโรนจนสุดเขตแดน 17 คนเหล่านี้มีบันทึกไว้ตามลำดับเชื้อสายในสมัยของโยธามกษัตริย์แห่งยูดาห์ และในสมัยของเยโรโบอัมกษัตริย์แห่งอิสราเอล

18 ชาวรูเบน ชาวกาด และคนมนัสเสห์อีกครึ่งเผ่า มีชายผู้กล้าหาญ 44,760 คนที่ใช้โล่และดาบ ใช้ธนู และชำนาญสงคราม พร้อมที่จะสู้รบ 19 พวกเขาทำศึกสงครามกับชาวฮาการ์ เยทูร์ นาฟิช และโนดับ 20 พวกเขาได้รับความช่วยเหลือในการต่อสู้ ชาวฮาการ์และพวกที่ร่วมสงครามด้วยก็ถูกมอบไว้ในมือ เนื่องจากพวกเขาร้องขอพระเจ้าให้ช่วยต่อสู้ และพระองค์ตอบคำอธิษฐาน เพราะพวกเขาวางใจในพระองค์ 21 พวกเขาได้ยึดฝูงปศุสัตว์คือ อูฐ 50,000 ตัว แกะ 250,000 ตัว ลา 2,000 ตัว และเชลยจำนวน 100,000 คน 22 พวกที่แพ้สงครามเสียชีวิตจำนวนมาก เพราะพระเจ้าช่วยคนของพระองค์ และพวกเขาได้อาศัยอยู่ที่นั่นจนถึงเวลาที่ถูกเนรเทศ[d]

คนมนัสเสห์อีกครึ่งเผ่า

23 ชาวเผ่ามนัสเสห์ครึ่งหนึ่งมีจำนวนมาก พวกเขาตั้งหลักแหล่งตั้งแต่บาชานถึงบาอัลเฮอร์โมน เสนีร์ และภูเขาเฮอร์โมน 24 บรรดาผู้นำของตระกูลพวกเขาชื่อ เอเฟอร์ อิชอี เอลีเอล อัสรีเอล เยเรมีย์ โฮดาวิยาห์ และยาดีเอล ล้วนเป็นนักรบผู้เก่งกล้า เป็นที่เลื่องลือ และเป็นผู้นำของตระกูล 25 แต่พวกเขาไม่ภักดีต่อพระเจ้าของบรรพบุรุษ และทำตัวประหนึ่งหญิงแพศยา โดยปันใจไปเชื่อในบรรดาเทพเจ้าของผู้ที่อาศัยอยู่ในดินแดน ซึ่งพระเจ้าได้กำจัดไปต่อหน้าพวกเขาแล้ว 26 ดังนั้นพระเจ้าของอิสราเอลจึงกระตุ้นจิตใจของปูลกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย (คือทิกลัทปิเลเสอร์กษัตริย์แห่งอัสซีเรีย) และท่านจึงจับชาวรูเบน ชาวกาด และครึ่งหนึ่งของเผ่ามนัสเสห์ไปเป็นเชลย และให้พวกเขาไปอยู่ที่ฮาลาห์ ฮาโบร์ ฮารา และแม่น้ำโกซานมาจนถึงทุกวันนี้

ผู้สืบเชื้อสายของเลวี

เลวีมีบุตรชื่อ เกอร์โชม โคฮาท และเมรารี โคฮาทมีบุตรชื่อ อัมราม อิสฮาร์ เฮโบรน และอุสซีเอล อัมรามมีบุตรชื่อ อาโรน โมเสส และมิเรียม บุตรอาโรนชื่อ นาดับ อาบีฮู เอเลอาซาร์ และอิธามาร์ เอเลอาซาร์เป็นบิดาของฟีเนหัส ฟีเนหัสเป็นบิดาของอาบีชูวา อาบีชูวาเป็นบิดาของบุคคี บุคคีเป็นบิดาของอุสซี อุสซีเป็นบิดาของเศรัคยาห์ เศรัคยาห์เป็นบิดาของเมราโยท เมราโยทเป็นบิดาของอามาริยาห์ อามาริยาห์เป็นบิดาของอาหิทูบ อาหิทูบเป็นบิดาของศาโดก ศาโดกเป็นบิดาของอาหิมาอัส อาหิมาอัสเป็นบิดาของอาซาริยาห์ อาซาริยาห์เป็นบิดาของโยฮานาน 10 โยฮานานเป็นบิดาของอาซาริยาห์ (เขาปฏิบัติงานของปุโรหิตในพระตำหนักที่ซาโลมอนสร้างในเยรูซาเล็ม) 11 อาซาริยาห์เป็นบิดาของอามาริยาห์ อามาริยาห์เป็นบิดาของอาหิทูบ 12 อาหิทูบเป็นบิดาของศาโดก ศาโดกเป็นบิดาของชัลลูม 13 ชัลลูมเป็นบิดาของฮิลคียาห์ ฮิลคียาห์เป็นบิดาของอาซาริยาห์ 14 อาซาริยาห์เป็นบิดาของเสไรยาห์ เสไรยาห์เป็นบิดาของเยโฮซาดัก 15 และเยโฮซาดักถูกจับไปเป็นเชลยเมื่อพระผู้เป็นเจ้าให้เนบูคัดเนสซาร์มีอำนาจจับยูดาห์และเยรูซาเล็มไปเป็นเชลย

16 เลวีมีบุตรชื่อ เกอร์โชม โคฮาท และเมรารี 17 เกอร์โชมมีบุตรชื่อ ลิบนี และชิเมอี 18 โคฮาทมีบุตรชื่อ อัมราม อิสฮาร์ เฮโบรน และอุสซีเอล 19 เมรารีมีบุตรชื่อ มัคลี และมูชี คนเหล่านี้เป็นตระกูลของชาวเลวีตามลำดับบรรพบุรุษของพวกเขา 20 เกอร์โชมมีบุตรชื่อลิบนี ลิบนีมีบุตรชื่อยาหาท ยาหาทมีบุตรชื่อศิมมาห์ 21 ศิมมาห์มีบุตรชื่อโยอาห์ โยอาห์มีบุตรชื่ออิดโด อิดโดมีบุตรชื่อเศรัค เศรัคมีบุตรชื่อเยอาเธรัย 22 โคฮาทมีบุตรชื่ออัมมีนาดับ อัมมีนาดับมีบุตรชื่อโคราห์ โคราห์มีบุตรชื่ออัสสีร์ 23 อัสสีร์มีบุตรชื่อเอลคานาห์ เอลคานาห์มีบุตรชื่อเอบียาสาฟ เอบียาสาฟมีบุตรชื่ออัสสีร์ 24 อัสสีร์มีบุตรชื่อทาหัท ทาหัทมีบุตรชื่ออุรีเอล อุรีเอลมีบุตรชื่ออุสซียาห์ อุสซียาห์มีบุตรชื่อชาอูล 25 เอลคานาห์มีบุตรชื่อ อามาสัย อาหิโมท 26 และเอลคานาห์ ซึ่งมีบุตรชื่อโศฟัย โศฟัยมีบุตรชื่อนาหัท 27 นาหัทมีบุตรชื่อเอลีอับ เอลีอับมีบุตรชื่อเยโรฮัม เยโรฮัมมีบุตรชื่อเอลคานาห์[e] 28 ซามูเอลมีบุตรคนหัวปีชื่อโยเอล คนที่สองชื่ออาบียาห์ 29 เมรารีมีบุตรชื่อมัคลี มัคลีมีบุตรชื่อลิบนี ลิบนีมีบุตรชื่อชิเมอี ชิเมอีมีบุตรชื่ออุสซาห์ 30 อุสซาห์มีบุตรชื่อชิเมอา ชิเมอามีบุตรชื่อฮักกียาห์ ฮักกียาห์มีบุตรชื่ออาสายาห์

31 บุคคลต่อไปนี้คือบรรดาผู้ที่ดาวิดให้จัดการเรื่องดนตรีในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าหลังจากที่หีบพันธสัญญามาตั้งอยู่ที่นั่น 32 ชายเหล่านี้รับใช้เรื่องดนตรีที่เบื้องหน้ากระโจมที่นัดหมายจนกระทั่งซาโลมอนสร้างพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าในเยรูซาเล็ม และพวกเขากระทำหน้าที่ตามระเบียบที่จัดไว้ 33 บรรดาผู้ที่ปฏิบัติรับใช้พร้อมกับบุตรของเขาคือ จากบุตรของชาวโคฮาทได้แก่ เฮมานผู้เป็นนักร้องและเป็นบุตรของโยเอล โยเอลเป็นบุตรของซามูเอล 34 ซามูเอลเป็นบุตรของเอลคานาห์ เอลคานาห์เป็นบุตรของเยโรฮัม เยโรฮัมเป็นบุตรของเอลีเอล เอลีเอลเป็นบุตรของโทอาห์ 35 โทอาห์เป็นบุตรของศูฟ ศูฟเป็นบุตรของเอลคานาห์ เอลคานาห์เป็นบุตรของมาฮาท มาฮาทเป็นบุตรของอามาสัย 36 อามาสัยเป็นบุตรของเอลคานาห์ เอลคานาห์เป็นบุตรของโยเอล โยเอลเป็นบุตรของอาซาริยาห์ อาซาริยาห์เป็นบุตรของเศฟันยาห์ 37 เศฟันยาห์เป็นบุตรของทาหัท ทาหัทเป็นบุตรของอัสสีร์ อัสสีร์เป็นบุตรของเอบียาสาฟ เอบียาสาฟเป็นบุตรของโคราห์ 38 โคราห์เป็นบุตรของอิสฮาร์ อิสฮาร์เป็นบุตรของโคฮาท โคฮาทเป็นบุตรของเลวี เลวีเป็นบุตรของอิสราเอล[f] 39 พี่น้องของเฮมานคืออาสาฟผู้ยืนอยู่ทางขวามือของเขา อาสาฟเป็นบุตรของเบเรคิยาห์ เบเรคิยาห์เป็นบุตรของชิเมอา 40 ชิเมอาเป็นบุตรของมีคาเอล มีคาเอลเป็นบุตรของบาอาเสยาห์ บาอาเสยาห์เป็นบุตรของมัลคิยาห์ 41 มัลคิยาห์เป็นบุตรของเอทนี เอทนีเป็นบุตรของเศรัค เศรัคเป็นบุตรของอาดายาห์ 42 อาดายาห์เป็นบุตรของเอธาน เอธานเป็นบุตรของศิมมาห์ ศิมมาห์เป็นบุตรของชิเมอี 43 ชิเมอีเป็นบุตรของยาหาท ยาหาทเป็นบุตรของเกอร์โชม เกอร์โชมเป็นบุตรของเลวี 44 บรรดาบุตรของเมรารีเป็นญาติพี่น้องของเฮมานและอาสาฟ ซึ่งยืนอยู่ทางซ้ายมือคือ เอธานบุตรของคีชี คีชีเป็นบุตรของอับดี อับดีเป็นบุตรของมัลลูค 45 มัลลูคเป็นบุตรของฮาชาบิยาห์ ฮาชาบิยาห์เป็นบุตรของอามาซิยาห์ อามาซิยาห์เป็นบุตรของฮิลคียาห์ 46 ฮิลคียาห์เป็นบุตรของอัมซี อัมซีเป็นบุตรของบานี บานีเป็นบุตรของเชเมอร์ 47 เชเมอร์เป็นบุตรของมัคลี มัคลีเป็นบุตรของมูชี มูชีเป็นบุตรของเมรารี เมรารีเป็นบุตรของเลวี 48 และญาติพี่น้องของเฮมานและอาสาฟเป็นชาวเลวี ซึ่งได้รับหน้าที่ปฏิบัติงานทุกอย่างในกระโจมที่พำนักของพระตำหนักของพระเจ้า

49 แต่อาโรนและบุตรของท่านถวายเครื่องสักการะบนแท่นบูชาที่ใช้เผาสัตว์เพื่อเป็นของถวาย และบนแท่นเผาเครื่องหอม สำหรับงานในอภิสุทธิสถาน และทำพิธีชดใช้บาปให้อิสราเอล อย่างที่โมเสสผู้รับใช้ของพระเจ้าได้บัญชาไว้ทุกประการ 50 อาโรนมีบุตรชื่อเอเลอาซาร์ เอเลอาซาร์มีบุตรชื่อฟีเนหัส ฟีเนหัสมีบุตรชื่ออาบีชูวา 51 อาบีชูวามีบุตรชื่อบุคคี บุคคีมีบุตรชื่ออุสซี อุสซีมีบุตรชื่อเศรัคยาห์ 52 เศรัคยาห์มีบุตรชื่อเมราโยท เมราโยทมีบุตรชื่ออามาริยาห์ อามาริยาห์มีบุตรชื่ออาหิทูบ 53 อาหิทูบมีบุตรชื่อศาโดก ศาโดกมีบุตรชื่ออาหิมาอัส

54 พวกเขาอาศัยอยู่ในถิ่นฐานตามเขตแดนที่ถูกแบ่งส่วนไว้เป็นของตนคือ บรรดาบุตรของอาโรนตระกูลของชาวโคฮาทได้ส่วนแบ่งจากฉลากแรก 55 เมืองที่เขาได้รับมาคือเฮโบรนในแผ่นดินยูดาห์ รวมทั้งทุ่งหญ้ารอบเขตแดน 56 แต่ทุ่งนาและหมู่บ้านที่รอบตัวเมืองนั้นเป็นของคาเลบบุตรเยฟุนเนห์ 57 บรรดาบุตรของอาโรนได้รับเมืองลี้ภัยคือ เฮโบรน ลิบนาห์รวมทั้งทุ่งหญ้า ยาททีร์ เอชเทโมอารวมทั้งทุ่งหญ้า 58 เมืองฮีเลนรวมทั้งทุ่งหญ้า เดบีร์รวมทั้งทุ่งหญ้า 59 เมืองอาชานรวมทั้งทุ่งหญ้า และเบธเชเมชรวมทั้งทุ่งหญ้า 60 และจากเผ่าเบนยามิน พวกเขาได้รับเมืองกิเบโอน เก-บารวมทั้งทุ่งหญ้า อาเลเมทรวมทั้งทุ่งหญ้า และอานาโธทรวมทั้งทุ่งหญ้า เมืองทั้งหมดของทั้งตระกูลรวมเป็น 13 เมือง

61 บรรดาบุตรของโคฮาทที่เหลือได้รับตามฉลากตามตระกูลของเผ่าคือ 10 เมืองจากคนมนัสเสห์ครึ่งเผ่า 62 บรรดาบุตรของเกอร์โชมตามตระกูลของพวกเขาก็ได้รับตามฉลากคือ 13 เมืองจากเผ่าอิสสาคาร์ เผ่าอาเชอร์ เผ่านัฟทาลี และจากเผ่ามนัสเสห์ในบาชาน 63 บรรดาบุตรของเมรารีตามตระกูลของพวกเขาก็ได้รับตามฉลากคือ 12 เมืองจากเผ่ารูเบน เผ่ากาด และเผ่าเศบูลุน 64 ดังนั้นชาวอิสราเอลให้เมืองเหล่านี้ รวมทั้งทุ่งหญ้าแก่ชาวเลวี 65 เขาจับฉลากได้ชื่อเมืองดังกล่าวจากเผ่ายูดาห์ เผ่าสิเมโอน และเผ่าเบนยามิน

66 บุตรบางคนในตระกูลโคฮาทได้รับเมืองในเขตแดนจากเผ่าเอฟราอิม 67 พวกเขาได้รับเมืองลี้ภัยคือ เชเคมรวมทั้งทุ่งหญ้าในแถบภูเขาเอฟราอิม เกเซอร์รวมทั้งทุ่งหญ้า 68 เมืองโยกเมอัมรวมทั้งทุ่งหญ้า เบธโฮโรนรวมทั้งทุ่งหญ้า 69 เมืองอัยยาโลนรวมทั้งทุ่งหญ้า กัทริมโมนรวมทั้งทุ่งหญ้า 70 และจากคนมนัสเสห์ครึ่งเผ่า คือเมืองอาเนอร์รวมทั้งทุ่งหญ้า และบิเลอัมรวมทั้งทุ่งหญ้า ให้แก่ตระกูลโคฮาทที่เหลืออยู่

71 บรรดาชาวเกอร์โชมได้รับจากตระกูลของคนมนัสเสห์ครึ่งเผ่า คือเมืองโกลานในบาชานรวมทั้งทุ่งหญ้า และอัชทาโรทรวมทั้งทุ่งหญ้า 72 จากเผ่าอิสสาคาร์ คือเมืองเคเดชรวมทั้งทุ่งหญ้า ดาเบรัทรวมทั้งทุ่งหญ้า 73 เมืองราโมทรวมทั้งทุ่งหญ้า และอาเนมรวมทั้งทุ่งหญ้า 74 จากเผ่าอาเชอร์ คือเมืองมาชาลรวมทั้งทุ่งหญ้า อับโดนรวมทั้งทุ่งหญ้า 75 เมืองหุกอกรวมทั้งทุ่งหญ้า และเรโหบรวมทั้งทุ่งหญ้า 76 จากเผ่านัฟทาลี คือเมืองเคเดชในกาลิลีรวมทั้งทุ่งหญ้า ฮัมโมนรวมทั้งทุ่งหญ้า คีริยาทาอิมรวมทั้งทุ่งหญ้า 77 ชาวเมรารีที่เหลืออยู่ได้รับตามฉลากจากเผ่าเศบูลุน คือเมืองริมโมโนรวมทั้งทุ่งหญ้า ทาโบร์รวมทั้งทุ่งหญ้า 78 และโพ้นแม่น้ำจอร์แดนทางทิศตะวันออกของเยรีโค คือฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน จากเผ่ารูเบน คือเบเซอร์ในถิ่นทุรกันดารรวมทั้งทุ่งหญ้า ยาซาห์รวมทั้งทุ่งหญ้า 79 เคเดโมทรวมทั้งทุ่งหญ้า และเมฟาอาทรวมทั้งทุ่งหญ้า 80 และจากเผ่ากาด คือเมืองราโมทในกิเลอาดรวมทั้งทุ่งหญ้า มาหะนาอิมรวมทั้งทุ่งหญ้า 81 เฮชโบนรวมทั้งทุ่งหญ้า และยาเซอร์รวมทั้งทุ่งหญ้า

ฮีบรู 10

พระคริสต์เป็นเครื่องสักการะครั้งเดียวเป็นพอ

10 กฎบัญญัติเป็นเพียงแค่เงาของบรรดาสิ่งประเสริฐที่จะมาในภายหลัง คือมิใช่ตัวจริง ด้วยเหตุนี้ กฎบัญญัติจึงไม่สามารถทำให้ผู้ที่เข้านมัสการอย่างใกล้ชิดเพียบพร้อมทุกประการได้ โดยการถวายเครื่องสักการะที่ซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างไม่หยุดหย่อนทุกปี เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นได้แล้ว เขาน่าจะหยุดถวายเครื่องสักการะมิใช่หรือ หากผู้ถวายได้รับการชำระครั้งหนึ่งแล้ว ก็ไม่มีความรู้สึกว่าตนมีบาปอีกต่อไป แต่การถวายเครื่องสักการะก็เพื่อเตือนให้ระลึกถึงบาปทุกปี เพราะเป็นไปไม่ได้ที่เลือดโคตัวผู้กับแพะจะลบล้างบาปได้

ฉะนั้น เมื่อพระคริสต์เข้ามาในโลกพระองค์กล่าวว่า

“พระองค์ไม่ต้องการเครื่องสักการะและของถวาย
    แต่พระองค์เตรียมร่างกายให้แก่ข้าพเจ้า
พระองค์ไม่ยินดีกับสัตว์ที่เผาเป็นของถวาย
    และเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป
แล้วข้าพเจ้ากล่าวว่า ‘ดูเถิด ข้าแต่พระเจ้า
    ข้าพเจ้าได้มาเพื่อกระทำตามความประสงค์ของพระองค์
    ตามที่มีบันทึกไว้เกี่ยวกับข้าพเจ้าในหนังสือม้วน’”[a]

หลังจากที่กล่าวว่า “พระองค์ไม่ต้องการเครื่องสักการะและของถวาย สัตว์ที่เผาเป็นของถวายและเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป พระองค์ไม่ยินดีกับสิ่งเหล่านี้ด้วย” (แม้ว่ากฎบัญญัติสั่งให้ทำตาม) แล้วพระองค์ก็กล่าวอีกว่า “ดูเถิด ข้าพเจ้าได้มาเพื่อกระทำตามความประสงค์ของพระองค์” พระองค์ล้มล้างระบบเดิมเพื่อสร้างระบบใหม่ 10 ด้วยความประสงค์นี้ เราจึงได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ได้ โดยร่างกายของพระเยซูคริสต์ที่ถวายเพียงครั้งเดียวเป็นพอ

11 ปุโรหิตทุกคนยืนปฏิบัติหน้าที่ของตน ถวายเครื่องสักการะซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่ทุกวัน ซึ่งไม่มีวันที่จะลบล้างบาปทั้งปวงได้ 12 แต่พระองค์ได้ถวายเครื่องสักการะครั้งเดียว เพื่อบาปทั้งปวงได้ตลอดกาล พระองค์นั่งอยู่ ณ เบื้องขวาของพระเจ้า 13 และตั้งแต่นั้นมา ก็ได้รอจนกระทั่งศัตรูของพระองค์ถูกนำมาอยู่ใต้เท้าดั่งที่วางเท้าของพระองค์ 14 เพราะพระองค์ได้ทำให้บรรดาผู้ที่ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์เพียบพร้อมทุกประการตลอดกาลด้วยเครื่องสักการะเดียว

15 พระวิญญาณบริสุทธิ์ยืนยันกับเราด้วยว่า

16 “พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า นี่คือพันธสัญญา
    ที่เราจะทำกับพวกเขา และหลังจากนั้น
เราจะให้กฎบัญญัติของเราประทับอยู่ในใจของเขา
    และจะจารึกไว้ในความคิดของเขา”[b]

17 พระองค์กล่าวอีกว่า

“เราจะไม่จดจำบาปและการกระทำ
    ที่ชั่วร้ายของเขาอีกต่อไป”[c]

18 บัดนี้ เมื่อมีการยกโทษสิ่งเหล่านี้แล้ว จึงไม่มีการถวายสิ่งใดๆ เพื่อชดใช้บาปอีกต่อไป

ต้องมีมานะอดทน

19 ฉะนั้น พี่น้องเอ๋ย ในเมื่อพวกเรามีความมั่นใจที่จะเข้าสู่อภิสุทธิสถานโดยโลหิตของพระเยซู 20 โดยทางใหม่ และทางอันมีชีวิตที่เปิดออกให้พวกเราผ่านเข้าไปทางม่าน คือทางร่างกายของพระองค์ 21 และในเมื่อเรามีปุโรหิตผู้ยิ่งใหญ่ที่ดูแลพระตำหนักของพระเจ้า 22 ขอให้เราเข้าใกล้พระเจ้าด้วยใจจริง และมีความมั่นใจในความเชื่อ ให้ใจของเรารับการประพรมให้สะอาดจากมโนธรรมที่ชั่วร้าย และกายของเรารับการล้างให้สะอาดด้วยน้ำอันบริสุทธิ์ 23 ขอให้เรายึดมั่นในความหวัง ที่เราอ้างว่าเราเชื่อโดยไม่ลังเลใจ เพราะองค์ผู้ให้สัญญาไว้จะรักษาคำมั่นสัญญา 24 และขอให้เราคิดดูว่าจะทำอย่างไร จึงจะได้สนับสนุนกันและกันให้มีความรักและทำความดี 25 ขออย่าขาดการประชุมร่วมกัน เหมือนบางคนที่มีนิสัยนั้น แต่จงให้กำลังใจกันและกันมากยิ่งขึ้น ในเมื่อท่านเห็นว่าวันนั้นใกล้เข้ามาแล้ว

26 ถ้าเราตั้งใจทำบาปเรื่อยไปหลังจากที่ได้รับทราบความจริงแล้ว เครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาปก็จะไม่มีเหลืออยู่เลย 27 จะมีแต่ความหวาดกลัวเรื่องรอการพิพากษา และไฟอันร้อนยิ่งที่จะเผาผลาญศัตรูของพระเจ้า 28 ผู้ใดที่ไม่ได้เชื่อฟังหมวดกฎบัญญัติของโมเสส เมื่อมีพยานสองหรือสามปากให้คำยืนยัน เขาก็ตายไปโดยปราศจากความเมตตา 29 แล้วท่านคิดว่า คนที่เหยียบย่ำพระบุตรของพระเจ้า และเขานับว่าโลหิตแห่งพันธสัญญาซึ่งชำระให้เขาบริสุทธิ์ไม่ใช่โลหิตที่บริสุทธิ์ และได้ดูหมิ่นพระวิญญาณผู้มีพระคุณ เขาคนนั้นควรได้รับโทษจะได้รับหนักยิ่งกว่าเพียงไร 30 เรารู้จักพระองค์ผู้กล่าวว่า “การแก้แค้นเป็นของเรา เราจะสนองตอบ”[d] และได้กล่าวอีกว่า “พระผู้เป็นเจ้าจะตัดสินคนของพระองค์”[e] 31 การตกอยู่ในมือของพระเจ้าผู้ดำรงอยู่เป็นสิ่งน่าหวาดหวั่นยิ่งนัก

32 แต่จงนึกถึงสมัยก่อน เมื่อท่านเพิ่งสัมผัสกับความสว่างจากพระเจ้า ท่านทนสู้ต่อความยากลำบากมาก 33 บางครั้งท่านถูกเหยียดหยามต่อหน้าผู้คน และถูกกดขี่ข่มเหง บางครั้งท่านก็รับทุกข์ร่วมกับพวกเขาที่ถูกกระทำเช่นเดียวกัน 34 ท่านเห็นใจพวกที่อยู่ในคุก และเมื่อทรัพย์สิ่งของของท่านถูกยึดไป ท่านก็ยอมด้วยใจยินดีเพราะท่านทราบว่า พวกท่านเองมีทรัพย์สิ่งของที่ดีกว่าและทนทานกว่า 35 ดังนั้น อย่าทิ้งความมั่นใจของท่านไป ซึ่งจะได้รับรางวัลอันยิ่งใหญ่ 36 ท่านจำต้องมีความบากบั่น เพื่อว่าเวลาท่านทำตามความประสงค์ของพระเจ้าแล้ว ท่านจะได้รับสิ่งที่พระองค์ได้สัญญาไว้ 37 เพียงอีกไม่นานนัก

“พระองค์ผู้กำลังมา
    จะมาโดยไม่ล่าช้า
38 แต่คนที่มีความชอบธรรมของเรา
    จะมีชีวิตได้โดยความเชื่อ
และถ้าเขาถอยกลับ
    เราจะไม่พอใจในตัวเขา”[f]

39 แต่เราไม่ใช่พวกที่ถอยกลับไปสู่ความพินาศ แต่เป็นพวกที่มีความเชื่อเพื่อความรอดพ้นของจิตวิญญาณ

อาโมส 4

“จงฟังเถิด พวกเจ้าที่เป็นโคตัวเมียของบาชานบนภูเขาสะมาเรีย
    พวกเจ้ากดขี่ข่มเหงผู้ขัดสน และเหยียบย่ำผู้ยากไร้
    และสั่งบรรดาสามีว่า ‘ไปเอาเหล้ามาให้เราดื่ม’”
พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ปฏิญาณด้วยความบริสุทธิ์ของพระองค์ดังนี้
    “ดูเถิด จะถึงวันนั้น
เมื่อพวกเขาจะลากตัวเจ้าไปด้วยขอเกี่ยว
    และแม้คนสุดท้ายก็จะถูกลากไปด้วยเบ็ดตกปลา
และพวกเจ้าจะออกไปทางช่องกำแพงแตก
    แต่ละคนวิ่งตรงไปล่วงหน้านาง
และเจ้าจะถูกเหวี่ยงออกไปยังภูเขาฮาร์โมน”
    พระผู้เป็นเจ้าประกาศ
“พวกเจ้าไปยังเบธเอลและกระทำบาป
    ไปยังกิลกาลและกระทำบาปมากยิ่งขึ้น
นำเครื่องสักการะของเจ้ามาให้ทุกเช้า
    นำหนึ่งในสิบมาให้ทุกๆ 3 วัน
และมอบเครื่องสักการะแห่งการขอบคุณที่มีเชื้อยีสต์ผสม
    และโอ้อวดเครื่องสักการะด้วยความสมัครใจของเจ้า
ชาวอิสราเอลเอ๋ย พวกเจ้าโอ้อวดในเรื่องเหล่านี้
    เพราะนั่นเป็นสิ่งที่พวกเจ้ารักที่จะทำ”
    พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศ

อิสราเอลยังไม่หันกลับมาหาพระเจ้า

“เราทำให้พวกเจ้าไม่มีอาหารเข้าปากในทุกๆ เมือง
    และเกิดความอดอยากทุกแห่งหน
พวกเจ้าก็ยังไม่หันกลับมาหาเรา”
    พระผู้เป็นเจ้าประกาศ

“อีกสามเดือนกว่าจะถึงเวลาเก็บเกี่ยว
    แต่เราก็ทำให้ฝนไม่ตก
เราจะส่งฝนให้กับเมืองๆ หนึ่ง
    และไม่ส่งให้อีกเมืองหนึ่ง
ทุ่งนาแห่งหนึ่งจะมีฝนตก
    และทุ่งนาที่ไม่ได้รับฝนก็จะแห้งผาก
ดังนั้น ชาวเมืองสองสามเมืองจะร่อนเร่ไปยังเมืองหนึ่ง
    เพื่อหาน้ำดื่ม แต่ก็ไม่ฉ่ำใจ
แต่พวกเจ้าก็ยังไม่หันกลับมาหาเรา”
    พระผู้เป็นเจ้าประกาศ

“หลายครั้งที่เราทำให้มีลมร้อนแห้ง
    มีเชื้อราในไร่นาและไร่องุ่นของพวกเจ้า
ฝูงตั๊กแตนกัดกินต้นมะเดื่อและต้นมะกอกของพวกเจ้า
    แต่พวกเจ้าก็ยังไม่หันกลับมาหาเรา”
    พระผู้เป็นเจ้าประกาศ

10 “เราส่งภัยพิบัติมาท่ามกลางพวกเจ้า
    อย่างที่เราทำต่ออียิปต์
เราทำให้บรรดาชายหนุ่มของพวกเจ้าตายด้วยคมดาบ
    และให้ม้าถูกยึดไป
และเราทำให้เจ้าสูดกลิ่นเหม็นศพจากค่ายของเจ้า
    แต่เจ้าก็ยังไม่หันกลับมาหาเรา”
    พระผู้เป็นเจ้าประกาศ

11 “เราให้พวกเจ้าบางคนพบกับความพินาศ
    อย่างที่เราทำต่อโสโดมและโกโมราห์[a]
พวกเจ้าเป็นเหมือนกับกิ่งไม้ที่ถูกไฟเผาที่ถูกคว้าออกจากกองไฟ
    แต่พวกเจ้าก็ยังไม่หันกลับมาหาเรา”
    พระผู้เป็นเจ้าประกาศ

12 “ฉะนั้น อิสราเอลเอ๋ย เราจะกระทำต่อเจ้าอย่างนี้
    และเพราะว่าเราจะกระทำต่อเจ้าอย่างนี้
    จงเตรียมตัวไปพบกับพระเจ้าของเจ้าเถิด อิสราเอลเอ๋ย”
13 พระองค์เป็นผู้ปั้นเทือกเขา
    และสร้างลมขึ้นมา
    และเผยความนึกคิดของพระองค์ให้แก่มนุษย์
พระองค์ทำให้อรุณรุ่งเป็นความมืด
    และเดินย่ำบนที่สูงแห่งแผ่นดินโลก
    พระองค์มีพระนามว่า พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าจอมโยธา

สดุดี 148-150

บอกทุกสิ่งในจักรวาลให้สรรเสริญพระเจ้า

จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า

สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าจากฟ้าสวรรค์
    สรรเสริญพระองค์ ณ เบื้องบน
ทูตสวรรค์ทั้งปวงของพระองค์ จงสรรเสริญพระองค์
    ชาวสวรรค์ทั้งปวงของพระองค์ สรรเสริญพระองค์เถิด
ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ จงสรรเสริญพระองค์
    ดวงดาวทั้งปวงที่เปล่งประกาย จงสรรเสริญพระองค์เถิด
ฟ้าสวรรค์ที่อยู่เกินเอื้อม จงสรรเสริญพระองค์
    อีกทั้งน้ำที่อยู่เหนือฟ้าสวรรค์ด้วย

ให้สิ่งเหล่านั้นสรรเสริญพระนามของพระผู้เป็นเจ้า
    เพราะเมื่อพระองค์บัญชา สิ่งเหล่านั้นก็ถูกสร้างขึ้นมา
พระองค์ทำให้สิ่งทั้งหลายอยู่ในที่ที่กำหนดไว้ตราบชั่วนิรันดร์กาล
    พระองค์ตั้งกฎเกณฑ์อันเป็นอมตะ
จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าจากแผ่นดินโลกเถิด
    พวกมังกรทะเลและห้วงน้ำลึกทั้งปวงเอ๋ย
ไฟและลูกเห็บ หิมะและกลุ่มควัน
    ลมอันแรงกล้าที่เป็นไปตามคำกล่าวของพระองค์
ภูเขาและเนินเขาทั้งปวง
    ไม้ผลและต้นซีดาร์ทั้งปวง
10 บรรดาสัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยงทั้งหลาย
    สัตว์เลื้อยคลานและนกที่บินได้
11 บรรดากษัตริย์ของแผ่นดินโลกและชนชาติทั้งปวง
    พวกเจ้าขุนมูลนายและบรรดาผู้ปกครองในแผ่นดินโลก
12 บรรดาชายหนุ่มและหญิงสาว
    คนชรากับเด็กเล็กทั้งหลาย

13 ให้พวกเขาสรรเสริญพระนามของพระผู้เป็นเจ้า
    เพราะพระนามของพระองค์เท่านั้นที่ควรแก่การเชิดชู
    พระบารมีของพระองค์อยู่เหนือแผ่นดินโลกและฟ้าสวรรค์
14 พระองค์ได้เสริมพละกำลังให้แก่ชนชาติของพระองค์
    เพื่อบรรดาผู้ภักดีของพระองค์จะได้สรรเสริญพระองค์
    ชาวอิสราเอลที่พระองค์รัก

จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า

บทเพลงแห่งชัยชนะ

จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า

จงร้องเพลงบทใหม่ถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า
    ร้องสรรเสริญพระองค์ในที่ประชุมของบรรดาผู้ภักดี
ให้อิสราเอลยินดีในผู้สร้างของเขา
    ให้บรรดาบุตรของศิโยนรื่นเริงในกษัตริย์ของพวกเขา
ให้พวกเขาสรรเสริญพระนามของพระองค์ด้วยการร่ายรำ
    บรรเลงเพลงแด่พระองค์ด้วยรำมะนาและพิณเล็ก
เพราะพระผู้เป็นเจ้าพอใจในชนชาติของพระองค์
    พระองค์เชิดชูคนถ่อมตนด้วยการให้เขารอดพ้น
ให้บรรดาผู้ภักดียินดีในเกียรติ
    ให้พวกเขาเปล่งเสียงร้องด้วยความยินดีจากที่ที่เขาเอนกายลง
ให้เสียงร้องสรรเสริญพระเจ้าอยู่ในลำคอของเขา
    และดาบสองคมอยู่ในมือ
เพื่อลงโทษบรรดาประชาชาติ
    และแก้แค้นบรรดาชนชาติ
เพื่อล่ามโซ่บรรดากษัตริย์ของพวกเขา
    และตีตรวนเหล็กให้พวกขุนนางของเขา
เพื่อลงโทษทัณฑ์ตามคำบัญชา
    นั่นคือเกียรติแก่บรรดาผู้ภักดีของพระองค์

จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า

จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า

จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า

สรรเสริญพระเจ้าในสถานที่บริสุทธิ์ของพระองค์
    สรรเสริญพระองค์ในฟ้าสวรรค์อันกอปรด้วยอานุภาพของพระองค์
สรรเสริญพระองค์ในการกระทำอันพร้อมด้วยมหิทธานุภาพของพระองค์
    สรรเสริญพระองค์ตามความยิ่งใหญ่อย่างยิ่งของพระองค์
สรรเสริญพระองค์ด้วยเสียงแตรงอน
    สรรเสริญพระองค์ด้วยพิณสิบสายและพิณเล็ก
สรรเสริญพระองค์ด้วยรำมะนาใบเล็กและการร่ายรำ
    สรรเสริญพระองค์ด้วยเครื่องสายและปี่
สรรเสริญพระองค์ด้วยเสียงฉาบ
    สรรเสริญพระองค์ด้วยการตีฉาบเสียงดังสนั่น

ให้ทุกสิ่งที่หายใจสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า

จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation