Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
1 พงศาวดาร 24-25

ดาวิดจัดหน้าที่ให้ปุโรหิต

24 กองเวรของบุตรของอาโรนมีดังนี้ อาโรนมีบุตรคือ นาดับ อาบีฮู เอเลอาซาร์ และอิธามาร์ นาดับและอาบีฮูสิ้นชีวิตก่อนบิดาของเขาโดยไม่มีบุตร[a] ดังนั้นเอเลอาซาร์และอิธามาร์จึงรับตำแหน่งเป็นปุโรหิต ศาโดกบุตรเอเลอาซาร์ และอาหิเมเลคบุตรอิธามาร์ ก็ได้ช่วยดาวิดจัดหน้าที่ให้ปุโรหิตตามที่ได้กำหนด เพื่อปฏิบัติงาน ในเมื่อพบว่าในบรรดาบุตรของเอเลอาซาร์มีผู้นำมากกว่าบรรดาบุตรของอิธามาร์ จึงจัดได้หัวหน้า 16 คนจากตระกูลเอเลอาซาร์ และ 8 คนจากบรรดาบุตรของอิธามาร์ พวกเขาจัดแบ่งงานด้วยการจับฉลาก ไม่ว่าจะเป็นบุตรของเอเลอาซาร์ หรือบุตรของอิธามาร์ พวกเขาทุกคนเป็นขุนนางที่บริสุทธิ์ และผู้ปฏิบัติหน้าที่ของพระเจ้า เชไมยาห์เป็นผู้คัดลอกข้อความ เขาเป็นบุตรของเนธันเอลชาวเลวี เป็นผู้บันทึกรายชื่อต่อหน้ากษัตริย์และขุนนางเหล่านี้คือ ศาโดกปุโรหิต อาหิเมเลคบุตรของอาบียาธาร์ และบรรดาหัวหน้าตระกูลของปุโรหิตและของชาวเลวีทั้งหลาย (บรรดาผู้สืบเชื้อสายของเอเลอาซาร์และอิธามาร์ผลัดกันจับฉลาก)

ฉลากแรกได้แก่เยโฮยาริบ ที่สองเยดายาห์ ที่สามฮาริม ที่สี่เสโอริม ที่ห้ามัลคิยาห์ ที่หกมิยามิน 10 ที่เจ็ดฮักโขส ที่แปดอาบียาห์[b] 11 ที่เก้าเยชูอา ที่สิบเชคานิยาห์ 12 ที่สิบเอ็ดเอลียาชีบ ที่สิบสองยาคิม 13 ที่สิบสามหุปปาห์ ที่สิบสี่เยเชเบอับ 14 ที่สิบห้าบิลกาห์ ที่สิบหกอิมเมอร์ 15 ที่สิบเจ็ดเฮซีร์ ที่สิบแปดฮัปปิสเซส 16 ที่สิบเก้าเปธาหิยาห์ ที่ยี่สิบเยเฮเซเคล 17 ที่ยี่สิบเอ็ดยาคีน ที่ยี่สิบสองกามูล 18 ที่ยี่สิบสามเดไลยาห์ ที่ยี่สิบสี่มาอาซิยาห์ 19 เขาเหล่านี้ได้รับมอบหมายหน้าที่รับใช้ ให้มายังพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ตามวิธีดำเนินการที่ตั้งไว้ให้พวกเขา โดยอาโรนผู้เป็นบิดาต้นตระกูล ดังที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลได้บัญชาท่านไว้

20 ส่วนบรรดาผู้สืบเชื้อสายของชาวเลวีที่เหลือมีดังต่อไปนี้คือ เชื้อสายของอัมรามคือ ชูบาเอล เชื้อสายของชูบาเอลคือ เยเดยาห์ 21 ส่วนเรหับยาห์ เชื้อสายของเขาคือ ยิชชียาห์ผู้เป็นหัวหน้า 22 ของชาวอิสฮาร์คือ เชโลโมท เชื้อสายของเชโลโมทคือ ยาหาท 23 เชื้อสายของเฮโบรนคือ เยรียาห์ผู้เป็นหัวหน้า อามาริยาห์ที่สอง ยาฮาซีเอลที่สาม เยคาเมอัมที่สี่ 24 เชื้อสายของอุสซีเอลคือ มีคาห์ จากมีคาห์คือ ชามีร์ 25 น้องชายของมีคาห์คือ ยิชชียาห์ เชื้อสายของยิชชียาห์คือ เศคาริยาห์ 26 เชื้อสายของเมรารีคือ มัคลี และมูชี เชื้อสายของยาอาซียาห์คือ เบโน 27 เชื้อสายของเมรารีได้แก่ ยาอาซียาห์ เบโน โชฮัม ศัคเคอร์ และอิบรี 28 ของมัคลีคือ เอเลอาซาร์ผู้ไม่มีบุตร 29 ของคีช เชื้อสายของคีชคือ เยราเมเอล 30 เชื้อสายของมูชีคือ มัคลี เอเดอร์ และเยรีโมท คนเหล่านี้คือบรรดาผู้สืบเชื้อสายของชาวเลวีตามตระกูลของพวกเขา 31 เช่นเดียวกับผู้สืบเชื้อสายของอาโรน คือพวกเขาได้รับหน้าที่ให้ปฏิบัติงานด้วยการจับฉลาก ไม่ว่าจะอายุสูงหรือน้อยก็ตาม ต่างก็จับฉลากต่อหน้ากษัตริย์ดาวิดและศาโดก อาหิเมเลค และหัวหน้าตระกูลของบรรดาปุโรหิต และต่อหน้าชาวเลวี

ดาวิดจัดหน้าที่ให้แก่นักดนตรี

25 ดาวิดและบรรดาหัวหน้าปฏิบัติงานได้แบ่งแยกบุตรของอาสาฟ ของเฮมาน และของเยดูธูนให้ปฏิบัติรับใช้ในด้านการเผยคำกล่าวของพระเจ้าด้วยพิณเล็ก พิณสิบสาย และฉาบ รายชื่อบรรดาผู้ที่ปฏิบัติงานและหน้าที่มีดังนี้ จากเชื้อสายของอาสาฟคือ ศัคเคอร์ โยเซฟ เนธานิยาห์ และอาชาเรลาห์ อาสาฟเผยคำกล่าวของพระเจ้าภายใต้การควบคุมของกษัตริย์ และอาสาฟควบคุมบุตรของเขา จากเยดูธูน เชื้อสายของเขาคือ เก-ดาลิยาห์ เศรี เยชายาห์ ฮาชาบิยาห์ และมัททีธิยาห์ มี 6 คนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเยดูธูนบิดาของเขา ผู้เผยคำกล่าวด้วยการขอบคุณและสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าด้วยพิณเล็ก จากเฮมาน เชื้อสายของเขาคือ บุคคิยาห์ มัทธานิยาห์ อุสซีเอล เชบูเอล เยรีโมท ฮานันยาห์ ฮานานี เอลียาธาห์ กิดดาลที และโรมัมทีเอเซอร์ โยชเบคาชาห์ มัลโลธี โฮธีร์ มาหะซิโอท เฮมานผู้รู้ของกษัตริย์เป็นบิดาของคนเหล่านี้ พระเจ้าให้พวกเขาสรรเสริญพระองค์ตามคำสัญญา พระเจ้าได้มอบบุตรชาย 14 คน และบุตรหญิง 3 คนให้แก่เฮมาน เขาเหล่านี้อยู่ภายใต้การควบคุมของบิดาของเขาในด้านดนตรีในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ด้วยฉาบ พิณสิบสาย และพิณเล็ก เพื่อปฏิบัติงานในพระตำหนักของพระเจ้า อาสาฟ เยดูธูน และเฮมานอยู่ภายใต้คำบัญชาของกษัตริย์ จำนวนคนทั้งหมด 288 คนที่ได้รับการฝึกร้องเพลงถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า รวมทั้งพี่น้องของพวกเขาด้วย ทุกคนล้วนแต่มีความชำนาญ และพวกเขาจับฉลากรับปฏิบัติหน้าที่ของตน ผู้น้อยและผู้ใหญ่ ทั้งครูและลูกศิษย์ก็เหมือนกัน

ฉลากแรกตกเป็นของพวกอาสาฟคือโยเซฟ ที่สองตกเป็นของเก-ดาลิยาห์กับพี่น้องและบุตรของเขา รวมได้ 12 คน 10 ที่สามตกเป็นของศัคเคอร์กับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 11 ที่สี่ตกเป็นของอิสรีกับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 12 ที่ห้าตกเป็นของเนธานิยาห์กับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 13 ที่หกตกเป็นของบุคคิยาห์กับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 14 ที่เจ็ดตกเป็นของเยชาเรลาห์กับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 15 ที่แปดตกเป็นของเยชายาห์กับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 16 ที่เก้าตกเป็นของมัทธานิยาห์กับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 17 ที่สิบตกเป็นของชิเมอีกับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 18 ที่สิบเอ็ดตกเป็นของอาซาร์เอลกับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 19 ที่สิบสองตกเป็นของฮาชาบิยาห์กับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 20 ที่สิบสามตกเป็นของชูบาเอลกับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 21 ที่สิบสี่ตกเป็นของมัททีธิยาห์กับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 22 ที่สิบห้าตกเป็นของเยเรโมทกับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 23 ที่สิบหกตกเป็นของฮานันยาห์กับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 24 ที่สิบเจ็ดตกเป็นของโยชเบคาชาห์กับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 25 ที่สิบแปดตกเป็นของฮานานีกับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 26 ที่สิบเก้าตกเป็นของมัลโลธีกับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 27 ที่ยี่สิบตกเป็นของเอลียาธาห์กับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 28 ที่ยี่สิบเอ็ดตกเป็นของโฮธีร์กับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 29 ที่ยี่สิบสองตกเป็นของกิดดาลทีกับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 30 ที่ยี่สิบสามตกเป็นของมาหะซิโอทกับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 31 คนที่ยี่สิบสี่ตกเป็นของโรมัมทีเอเซอร์กับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน

1 เปโตร 5

เลี้ยงดูฝูงแกะของพระเจ้า

ฉะนั้น ในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นผู้ปกครองร่วมกับท่าน และเป็นพยานในเรื่องการทนทุกข์ทรมานของพระคริสต์ และจะเป็นผู้ร่วมในพระบารมีที่จะปรากฏด้วย ข้าพเจ้าจึงขอร้องบรรดาผู้ปกครองในหมู่ท่าน คือจงเลี้ยงดูฝูงแกะของพระเจ้าที่อยู่ในความดูแลของท่านด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่ด้วยการฝืนใจ แต่ตามความประสงค์ของพระเจ้า และกระทำอย่างกระตือรือร้นโดยไม่โลภมักได้ ไม่ยกตนข่มท่านกับคนที่อยู่ใต้การดูแลของท่าน แต่เป็นแบบอย่างแก่ฝูงแกะนั้น เมื่อหัวหน้าผู้เลี้ยงดูฝูงแกะมาปรากฏ ท่านจะได้รับมงกุฎแห่งพระสง่าราศีซึ่งไม่มีวันสูญสลาย ในทำนองเดียวกัน คือท่านผู้เยาว์จงยอมเชื่อฟังผู้อาวุโสกว่า ทุกท่านจงรับใช้กันและกันอย่างถ่อมตนเพราะ “พระเจ้าต่อต้านผู้หยิ่งยโส แต่แสดงพระคุณแก่คนที่ถ่อมตน”[a]

ฉะนั้น ท่านจงถ่อมตนอยู่ใต้อานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า เพื่อว่าพระองค์จะยกย่องท่านเมื่อถึงเวลา จงมอบความกังวลทั้งสิ้นไว้กับพระองค์ เพราะว่าพระองค์ห่วงใยท่าน จงควบคุมตนเองและคอยระวังระไวไว้ ศัตรูของท่านคือพญามาร มันวนเวียนดุจสิงโตคำรามที่แสวงหาเหยื่อ จงต่อต้านศัตรูนั้นด้วยการยืนหยัดในความเชื่อ เพราะท่านทราบว่า เหล่าพี่น้องทั่วโลกกำลังรับทุกข์ทรมานแบบเดียวกัน 10 พระเจ้าผู้มีพระคุณล้ำเลิศ ได้เรียกท่านเข้าสู่พระบารมีอันเป็นนิรันดร์ในพระคริสต์ หลังจากที่ท่านได้รับทุกข์ทรมานชั่วขณะหนึ่งแล้ว พระองค์จะเสริมสร้างท่านให้มีกำลังเข้มแข็งและมั่นคง 11 ขอพระอานุภาพจงมีแด่พระองค์ชั่วนิรันดร์กาลเถิด อาเมน

คำลงท้าย

12 สิลวานัส คือคนที่ข้าพเจ้านับว่าเป็นพี่น้องผู้ภักดีคนหนึ่ง เขาได้ช่วยข้าพเจ้าเขียนถึงท่านอย่างสั้นๆ เพื่อให้กำลังใจและยืนยันว่า นี่แหละคือพระคุณที่แท้จริงของพระเจ้า จงตั้งมั่นอยู่ในพระคุณนั้น 13 คริสตจักรที่เมืองบาบิโลนซึ่งพระองค์เลือกไว้เช่นเดียวกัน ส่งความคิดถึงมายังท่าน และมาระโกบุตรของข้าพเจ้าก็ส่งความคิดถึงมาด้วย 14 จงทักทายกันด้วยการจูบแก้ม[b]อันเป็นการแสดงความรักต่อกัน

สันติสุขจงมีแก่ท่านทุกคนในพระคริสต์เถิด

มีคาห์ 3

ผู้ปกครองและผู้เผยคำกล่าวถูกห้ามปราม

และข้าพเจ้าพูดดังนี้ว่า

“บรรดาผู้นำของยาโคบ
    และบรรดาผู้ปกครองของพงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย
จงฟังเถิด พวกท่านควรรู้จักความยุติธรรมมิใช่หรือ
    พวกท่านเกลียดความดีและรักความชั่ว
ท่านฉีกผิวหนังประชาชนของข้าพเจ้า
    และขูดเนื้อจากกระดูกของพวกเขา
ท่านกินเนื้อประชาชนของข้าพเจ้า
    และขูดผิวจากพวกเขา
และหักกระดูกเป็นชิ้นๆ
    และสับอย่างสับเนื้อลงในกระทะ
    อย่างเนื้อในหม้อต้ม”

แล้วพวกเขาจะส่งเสียงร้องถึงพระผู้เป็นเจ้า
    แต่พระองค์จะไม่ตอบพวกเขา
ในเวลานั้นพระองค์จะซ่อนหน้าไปจากพวกเขา
    เพราะพวกเขาได้กระทำความชั่ว

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า

“บรรดาผู้เผยคำกล่าว
    ซึ่งนำชนชาติของเราให้หลงผิด
ในเวลาที่มีคนให้อาหาร
    พวกเขาก็ร้องประกาศสันติสุข
แต่กลับประกาศสงครามต่อต้าน
    คนที่ไม่ให้อาหารพวกเขา
ฉะนั้น ความมืดจะตกอยู่กับพวกเจ้าโดยปราศจากภาพนิมิต
    และความมืดจะตกอยู่กับพวกเจ้าโดยปราศจากการทำนาย
จะไม่มีดวงอาทิตย์ส่องให้แก่บรรดาผู้เผยคำกล่าว
    และพวกเขาจะเผชิญกับวันที่มืดมิด
บรรดาผู้รู้จะได้รับความอัปยศ
    และบรรดาผู้ทำนายจะต้องอับอาย
พวกเขาทุกคนจะปิดปาก
    เพราะไม่มีคำตอบจากพระเจ้า”
แต่สำหรับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะเปี่ยมล้นด้วยพลัง
    ด้วยพระวิญญาณพระผู้เป็นเจ้า
    ด้วยความยุติธรรมและอานุภาพ
เพื่อจะประกาศการล่วงละเมิดของยาโคบ
    และประกาศบาปของอิสราเอลให้ทราบ

บรรดาผู้นำของยาโคบ
    และบรรดาผู้ปกครองของพงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย จงฟังเถิด
ใครเกลียดความยุติธรรม
    และทำทุกสิ่งที่ตรงให้คด
10 บรรดาผู้สร้างศิโยนด้วยการนองเลือด
    และสร้างเยรูซาเล็มด้วยความชั่วร้าย
11 บรรดาผู้นำของเมืองตัดสินโทษเพราะเห็นแก่สินบน
    บรรดาปุโรหิตของเมืองสอนเพราะเห็นแก่ค่าจ้าง
    บรรดาผู้เผยคำกล่าวทำนายเพราะเห็นแก่เงินทอง
ถึงกระนั้นพวกเขายังพึ่งในพระผู้เป็นเจ้า และพูดว่า
    พระผู้เป็นเจ้าอยู่ท่ามกลางพวกเรามิใช่หรือ
    ความวิบัติใดๆ จะไม่เกิดขึ้นกับพวกเราหรอก”
12 ฉะนั้น เป็นเพราะพวกท่าน
    ศิโยนจะถูกไถเหมือนเป็นไร่นา
เยรูซาเล็มจะกลายเป็นกองซากปรักหักพัง
    และภูเขาของพระตำหนักจะเป็นดงไม้ทึบ

ลูกา 12

พระเยซูตักเตือนสาวก

12 ในขณะที่คนจำนวนนับพันได้ชุมนุมเบียดเสียดกันอยู่ พระเยซูได้กล่าวกับสาวกของพระองค์ในตอนแรกว่า “จงระวังเชื้อยีสต์[a]ของพวกฟาริสี คือการเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก ไม่มีสิ่งใดที่ปิดบังไว้แล้วจะไม่ถูกเปิดเผยออก และที่ซ่อนไว้แล้วจะไม่แสดงให้เป็นที่รับรู้ สิ่งใดก็ตามที่เจ้าพูดในที่มืดจะได้ยินกันในที่แจ้ง และสิ่งใดที่เจ้ากระซิบในห้องลับจะถูกประกาศจากดาดฟ้าหลังคาบ้าน

เพื่อนเอ๋ย เราขอบอกว่า อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่เพียงร่างกาย จากนั้นก็ทำอะไรเจ้าไม่ได้อีก เราจะชี้ให้เห็นว่าเจ้าควรกลัวใคร จงกลัวพระองค์ผู้สังหารเจ้าแล้ว ยังมีอำนาจโยนเจ้าลงนรกได้ ใช่แล้ว เราขอบอกเจ้าว่า จงกลัวพระองค์เถิด นกกระจอก 5 ตัวขายได้ในราคาเพียงบาทสองบาทมิใช่หรือ ถึงกระนั้น พระเจ้าก็ไม่ลืมมันสักตัว แม้แต่ผมบนศีรษะของเจ้า พระเจ้าก็นับไว้แล้ว อย่ากลัวเลย เจ้ามีค่ายิ่งกว่านกกระจอกหลายตัว

เราขอบอกเจ้าว่า ทุกคนที่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ บุตรมนุษย์ก็จะยอมรับเขาต่อหน้าเหล่าทูตสวรรค์ของพระเจ้าด้วย แต่ผู้ที่ไม่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ เราก็จะไม่ยอมรับเขาต่อหน้าเหล่าทูตสวรรค์ของพระเจ้า 10 ผู้ที่กล่าวแย้งต่อบุตรมนุษย์ยังจะได้รับการยกโทษอยู่ แต่ผู้ที่พูดจาหมิ่นประมาทพระวิญญาณบริสุทธิ์จะไม่ได้รับการยกโทษ 11 เมื่อเจ้าถูกพาตัวไปยังศาลาที่ประชุม หรืออยู่ต่อหน้าบรรดาผู้อยู่ในระดับปกครองและบรรดาผู้มีสิทธิอำนาจ ก็อย่ากังวลว่าจะตอบโต้อย่างไรหรือเจ้าจะพูดอะไร 12 เพราะว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะสอนเจ้าในเวลานั้นว่า เจ้าควรจะพูดอะไร”

อุปมาเรื่องคนมั่งมีกับความเขลา

13 มีคนหนึ่งในฝูงชนได้บอกพระองค์ว่า “อาจารย์ ช่วยบอกพี่ชายของข้าพเจ้าให้แบ่งมรดกให้แก่ข้าพเจ้าบ้าง” 14 พระเยซูกล่าวว่า “เจ้าหนุ่มเอ๋ย ใครแต่งตั้งให้เราเป็นผู้พิพากษาหรือผู้แบ่งมรดกให้แก่เจ้า” 15 แล้วก็กล่าวกับคนเหล่านั้นว่า “จงระวังเถิด จงระวังตัวจากความโลภทุกชนิด ชีวิตของคนไม่ได้นับจากการมีทรัพย์สินมั่งคั่ง” 16 แล้วพระองค์ได้กล่าวเป็นอุปมากับเขาว่า “คนมั่งมีคนหนึ่งมีที่ดินผืนงามที่ให้ผลดี 17 เขาคิดในใจว่า ‘จะทำอย่างไรดีหนอในเมื่อเราไม่มีที่เก็บพืชผลเลย’ 18 แล้วเขาพูดขึ้นว่า ‘เอาอย่างนี้ดีกว่า เราจะรื้อยุ้งเดิมออก แล้วสร้างให้ใหญ่ขึ้น จะได้มีที่เก็บพืชผลและสินค้า 19 ครั้งนี้เราจะได้บอกตัวเองได้ว่า “เจ้ามีสรรพสิ่งที่สะสมไว้อย่างอุดมสมบูรณ์จนพอใช้ไปอีกหลายปี จงใช้ชีวิตแบบสบาย กินและดื่มและสำเริงสำราญเถิด”’ 20 แต่พระเจ้ากล่าวกับเขาว่า ‘เจ้าคนเขลา ในคืนนี้แหละที่ชีวิตของเจ้าจะดับลง แล้วใครจะได้สิ่งที่เจ้าตระเตรียมไว้สำหรับตนเอง’ 21 นี่คือสิ่งที่จะเกิดกับคนที่สะสมทรัพย์สมบัติให้ตัวเอง แต่ไม่เผื่อแผ่แก่พระเจ้าเลย”

ความกังวล

22 แล้วพระเยซูกล่าวกับเหล่าสาวกต่อไปอีกว่า “ฉะนั้นอย่ากังวลกับชีวิตว่าจะกินอะไร หรือกับร่างกายของเจ้าว่าจะนุ่งห่มอะไร 23 ชีวิตมีค่ายิ่งกว่าอาหาร และร่างกายมีค่ายิ่งกว่าเสื้อผ้า 24 จงดูเถิดว่า อีกาไม่หว่านไม่เก็บเกี่ยว มันไม่มีห้องเก็บหรือยุ้งฉาง พระเจ้าก็ยังเลี้ยงมัน เจ้ามีคุณค่ามากกว่าพวกนกเพียงไร 25 มีใครบ้างที่สามารถยืดชีวิตให้ยาวได้ด้วยความวิตกกังวล 26 ในเมื่อเจ้าไม่สามารถทำสิ่งเล็กน้อยนี้ได้ แล้วจะวิตกถึงสิ่งอื่นๆ ทำไม 27 จงพิจารณาดูว่าดอกไม้ป่าเติบโตขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อมันไม่ทำงานหรือปั่นด้าย อย่างไรก็ดีเราขอบอกเจ้าว่า แม้แต่กษัตริย์ซาโลมอนผู้พร้อมด้วยสง่าราศีอันยิ่งใหญ่ ยังทรงเครื่องไม่งามเท่าดอกไม้ดอกหนึ่ง 28 ถ้าพระเจ้าตกแต่งหญ้าซึ่งยังอยู่ในทุ่งวันนี้ และพรุ่งนี้ถูกโยนลงในเตาไฟ พระองค์จะตกแต่งให้เจ้ามากกว่าเพียงไร เจ้านี่ช่างมีความเชื่อน้อยเสียจริง 29 อย่าตั้งความหวังว่าจะกินหรือดื่มอะไร และอย่าวิตกเรื่องนั้นเลย 30 เพราะชาติต่างๆ ในโลกล้วนเสาะหาสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ และพระบิดาของเจ้าทราบว่าเจ้ามีความจำเป็นในสิ่งเหล่านี้ 31 แต่จงแสวงหาอาณาจักรของพระองค์ แล้วพระองค์จะเพิ่มเติมสิ่งเหล่านี้ให้แก่เจ้าเอง

32 อย่ากลัวไปเลย แกะฝูงน้อยๆ เอ๋ย เพราะพระบิดาของเจ้าพอใจที่จะมอบอาณาจักรนั้นให้แก่เจ้า 33 จงขายของที่เจ้ามีอยู่เพื่อให้แก่คนยากไร้ จัดหาถุงเงินที่ไม่มีวันขาดสำหรับตนเอง เพื่อทรัพย์สมบัติในสวรรค์จะไม่มีวันหมด เป็นที่ซึ่งขโมยไม่อาจเข้าใกล้ และไม่มีแมลงกินผ้า 34 เพราะว่าทรัพย์สมบัติของเจ้าอยู่ที่ไหน ใจของเจ้าก็อยู่ที่นั่นด้วย

จงเตรียมพร้อมอยู่เสมอ

35 จงแต่งกายไว้ให้พร้อมที่จะรับใช้ และให้ตะเกียงของเจ้าจุดอยู่ 36 เหมือนกับคนที่คอยนายกลับจากงานเลี้ยงสมรส เมื่อนายมาและเคาะประตู เขาจะได้เปิดให้นายได้ทันที 37 ผู้รับใช้ย่อมเป็นสุข เมื่อนายกลับมาแล้วพบว่าพวกเขากำลังเฝ้าคอยอยู่ เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า นายจะแต่งตัวไว้ให้พร้อมที่จะรับใช้ โดยให้คนรับใช้เอนกายลงรับประทาน และนายเข้ามารอรับใช้พวกเขา 38 พวกคนรับใช้ก็จะเป็นสุข เมื่อนายเห็นว่าพวกเขาเตรียมพร้อม แม้ว่านายกลับมายามดึกหรือรุ่งอรุณก็ตาม 39 จงเข้าใจด้วยว่า ถ้าเจ้าของบ้านรู้เวลาที่ขโมยจะมา เขาก็จะไม่ยอมให้ขโมยบุกรุกเข้ามาในบ้านได้ 40 เจ้าก็ต้องเตรียมพร้อมเช่นกัน เพราะบุตรมนุษย์จะมาในยามที่เจ้าไม่ได้คาดคิดไว้”

41 เปโตรถามว่า “พระองค์ท่าน พระองค์เล่าเรื่องเป็นอุปมานี้สำหรับพวกเราหรือสำหรับทุกคน” 42 พระเยซูเจ้าตอบว่า “ใครเล่าที่เป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ที่ทั้งซื่อสัตย์และชาญฉลาด ที่นายมอบหน้าที่ให้แจกอาหารแก่คนรับใช้อื่นตามเวลา 43 ผู้รับใช้นั้นจะเป็นสุขเมื่อนายกลับมาพบว่าเขากำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ 44 เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า นายจะมอบหน้าที่ให้เขาดูแลทุกสิ่งที่เขามี 45 แต่ถ้าผู้รับใช้พูดกับตนเองว่า ‘กว่านายของเราจะมาก็อีกนาน’ และเขาก็ทุบตีคนรับใช้อื่นๆ ทั้งชายและหญิง แล้วดื่มกินจนเมามาย 46 นายของผู้รับใช้คนนั้นจะมาในวันที่ไม่คาดคิดและในยามที่เขาไม่รู้ นายจะทำโทษอย่างสาหัสสากรรจ์ และให้ไปอยู่กับพวกที่ไม่ภักดี 47 คนรับใช้ที่รู้ความประสงค์ของนาย แต่ไม่เตรียมพร้อมและไม่ปฏิบัติตามที่นายต้องการ ก็จะถูกลงโทษอย่างหนัก 48 ส่วนคนที่ไม่รู้ก็สมควรที่จะถูกลงโทษสถานเบา ทุกคนที่ได้รับมาก ก็ถูกเรียกร้องคืนจากเขามาก และคนที่ได้รับมากกว่านั้น ก็ยิ่งถูกเรียกร้องคืนมากกว่าอีก

สันติสุขหรือการแตกแยก

49 เรามาเพื่อที่จะโยนไฟลงบนโลก และปรารถนาอย่างยิ่งว่าไฟนั้นได้ถูกจุดไว้แล้ว 50 แต่เรามีบัพติศมาอย่างหนึ่งที่จะต้องรับซึ่งทำให้เราเป็นทุกข์มาก จนกว่าจะเสร็จบริบูรณ์ 51 เจ้าคิดว่าเรามาเพื่อนำสันติสุขมาสู่โลกหรือ เปล่าเลย ความเป็นจริงเรานำความแตกแยกมา 52 เพราะตั้งแต่นี้ไปจะมี 5 คนในครอบครัวหนึ่งแตกแยกกันเอง คือสามต่อสอง และสองต่อสาม 53 พ่อต่อต้านลูกชาย และลูกชายต่อต้านพ่อ แม่ต่อต้านลูกสาว และลูกสาวต่อต้านแม่ แม่สามีต่อต้านลูกสะใภ้และลูกสะใภ้ต่อต้านแม่สามี”

54 พระองค์กล่าวกับหมู่คนนั้นว่า “เวลาที่ท่านเห็นหมู่เมฆรวมตัวกันทางทิศตะวันตกก็พูดทันทีว่า ‘ฝนกำลังจะตก’ แล้วมันก็ตก 55 เวลาที่ลมใต้พัด ท่านมักจะพูดว่า ‘อากาศจะร้อน’ แล้วมันก็ร้อน 56 พวกหน้าไหว้หลังหลอก ท่านรู้จักตีความการแปรเปลี่ยนของแผ่นดินและท้องฟ้า แต่ทำไมท่านจึงไม่รู้จักตีความของยามนี้

57 ทำไมท่านไม่ตัดสินเองว่า อะไรเป็นสิ่งที่ถูกต้อง 58 ระหว่างทางที่จะไปพบเจ้าหน้าที่บังคับคดี จงพยายามอย่างที่สุดเพื่อที่จะปรองดองกับโจทก์ มิฉะนั้นเขาอาจจะลากท่านไปหาผู้พิพากษา และผู้พิพากษาจะส่งเรื่องต่อให้ผู้คุม และผู้คุมโยนท่านเข้าคุก 59 เราขอบอกท่านว่า ท่านจะออกจากที่นั่นไม่ได้จนกว่าท่านจะจ่ายเงินเหรียญสุดท้ายเสียก่อน”

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation