M’Cheyne Bible Reading Plan
ผู้สืบเชื้อสายของอิสสาคาร์
7 อิสสาคาร์มีบุตร 4 คนชื่อ โทลา ปูอาห์ ยาชูบ และชิมโรน 2 โทลามีบุตรที่เป็นผู้นำตระกูลชื่อ อุสซี เรไฟยาห์ เยรีเอล ยามัย ยิบสัม และเชมูเอล ในสมัยการปกครองของดาวิด บรรดาผู้สืบเชื้อสายของโทลาเป็นนักรบผู้เก่งกล้าในประวัติครอบครัวพวกเขา รวมจำนวนได้ 22,600 3 อุสซีมีบุตรชื่ออิสราหิยาห์ อิสราหิยาห์มีบุตรชื่อ มีคาเอล โอบาดีห์ โยเอล และยิชชียาห์ ทั้ง 5 คนเป็นผู้นำ 4 ตามประวัติครอบครัวของตระกูลพวกเขามีทหารพร้อมรบจำนวน 36,000 คน เพราะเป็นตระกูลใหญ่มีภรรยาและบุตรมากมาย 5 ครอบครัวพวกเขาอยู่ในตระกูลอิสสาคาร์ ซึ่งรวมนักรบผู้เก่งกล้าได้จำนวน 87,000 คน นับตามลำดับเชื้อสาย
ผู้สืบเชื้อสายของเบนยามิน
6 เบนยามินมีบุตร 3 คนชื่อ เบ-ลา เบเคอร์ และเยดียาเอล 7 เบ-ลามีบุตรชื่อ เอสโบน อุสซี อุสซีเอล เยรีโมท และอิรี ทั้ง 5 คนเป็นผู้นำของตระกูลและนักรบผู้เก่งกล้า นับตามลำดับเชื้อสายเป็นจำนวน 22,034 คน 8 เบเคอร์มีบุตรชื่อ เศมิราห์ โยอาช เอลีเอเซอร์ เอลีโอนัย อมรี เยเรโมท อาบียาห์ อานาโธท และอาเลเมท คนเหล่านี้เป็นบุตรของเบเคอร์ 9 นับตามลำดับเชื้อสายและสมัยของพวกเขา ที่เป็นผู้นำและนักรบผู้เก่งกล้าของตระกูล เป็นจำนวน 20,200 คน 10 เยดียาเอลมีบุตรชื่อ บิลฮาน บิลฮานมีบุตรชื่อ เยอูช เบนยามิน เอฮูด เค-นาอะนาห์ เศธาน ทาร์ชิช และอาหิชาฮาร์ 11 คนเหล่านี้เป็นบุตรของเยดียาเอล ตามที่เป็นผู้นำและนักรบผู้เก่งกล้าของตระกูล มีจำนวน 17,200 คนที่พร้อมรบ 12 อิร์มีบุตรชื่อ ชุปปิม และหุปปิม อาเฮอร์มีบุตรชื่อหุชิม
ผู้สืบเชื้อสายของนัฟทาลี
13 นัฟทาลีมีบุตรชื่อ ยาเซเอล กูนี เยเซอร์ และชัลลูม คือบรรดาผู้สืบเชื้อสายของนางบิลฮาห์[a]
ผู้สืบเชื้อสายของมนัสเสห์
14 มนัสเสห์มีภรรยาน้อยชาวอารัม[b] นางให้กำเนิดบุตรชื่ออัสรีเอล และมาคีร์ มาคีร์เป็นบิดาของกิเลอาด 15 มาคีร์หาภรรยาให้หุปปิมและชุปปิม พี่สาวของมาคีร์ชื่อมาอาคาห์ ผู้สืบเชื้อสายคนหนึ่งของมาคีร์ ชื่อเศโลเฟหัด ซึ่งมีแต่บุตรหญิง 16 มาคีร์มีภรรยาชื่อมาอาคาห์ผู้ให้กำเนิดบุตร นางตั้งชื่อเขาว่า เปเรช เปเรชมีน้องชายชื่อเชเรช บุตรของเขาชื่อ อุลาม และราเคม 17 บุตรอุลามชื่อเบดาน คนเหล่านี้เป็นบุตรของกิเลอาด กิเลอาดเป็นบุตรของมาคีร์ มาคีร์เป็นบุตรของมนัสเสห์ 18 น้องสาวของเขาชื่อฮัมโมเลเคทให้กำเนิดอิชโฮด อาบีเอเซอร์ และมาลาห์ 19 เชมิดามีบุตรชื่อ อาหิยัน เชเคม ลิคฮี และอานีอัม
ผู้สืบเชื้อสายของเอฟราอิม
20 เอฟราอิมมีบุตรชื่อชูเธลาห์ ชูเธลาห์มีบุตรชื่อเบเรด เบเรดมีบุตรชื่อทาหัท ทาหัทมีบุตรชื่อเอเลอาดาห์ เอเลอาดาห์มีบุตรชื่อทาหัท 21 ทาหัทมีบุตรชื่อศาบาด ศาบาดมีบุตรชื่อชูเธลาห์ เอเซอร์กับเอเลอัดถูกผู้ชายที่เกิดในเมืองกัทฆ่าตาย เพราะเขาทั้งสองลงไปปล้นฝูงสัตว์ของพวกเขา 22 เอฟราอิมบิดาของเขาร้องคร่ำครวญอยู่หลายวัน และพี่น้องของเขาก็มาปลอบโยนเขา 23 เอฟราอิมหลับนอนอยู่กับภรรยาของเขา นางจึงตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง เอฟราอิมตั้งชื่อเขาว่า เบรีอาห์ เพราะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับครอบครัวของเขา 24 บุตรหญิงของเขาคือเชเอราห์ ผู้สร้างเมืองเบธโฮโรนทั้งด้านบนและด้านล่าง และเมืองอุสเซนเชเอราห์ 25 เอฟราอิมมีบุตรชื่อ เรฟาห์ เรฟาห์มีบุตรชื่อเรเชฟ เรเชฟมีบุตรชื่อเทลาห์ เทลาห์มีบุตรชื่อทาหาน 26 ทาหานมีบุตรชื่อลาดาน ลาดานมีบุตรชื่ออัมมีฮูด อัมมีฮูดมีบุตรชื่อเอลีชามา 27 เอลีชามามีบุตรชื่อนูน นูนมีบุตรชื่อโยชูวา[c] 28 ดินแดนและที่ตั้งรกรากของพวกเขาคือเบธเอลกับหมู่บ้านรอบๆ นาอารันทางด้านตะวันออก เกเซอร์ทางด้านตะวันตกกับหมู่บ้านรอบๆ เชเคมกับหมู่บ้านรอบๆ อัยยาห์กับหมู่บ้านรอบๆ 29 และเมืองที่ติดกับพรมแดนของชาวมนัสเสห์คือ เบธชานกับหมู่บ้านรอบๆ ทาอานาคกับหมู่บ้านรอบๆ เมกิดโดกับหมู่บ้านรอบๆ โดร์กับหมู่บ้านรอบๆ บรรดาผู้สืบเชื้อสายของโยเซฟบุตรของอิสราเอลอาศัยอยู่ในที่ดังกล่าว
ผู้สืบเชื้อสายของอาเชอร์
30 อาเชอร์มีบุตรชื่อ อิมนาห์ อิชวาห์ อิชวี เบรีอาห์ พวกเขามีน้องสาวชื่อเสราห์ 31 เบรีอาห์มีบุตรชื่อ เฮเบอร์ และมัลคีเอลผู้เป็นบิดาของบิร์ซาอิธ 32 เฮเบอร์เป็นบิดาของยาเฟล็ท โชเมอร์ โฮธาม พวกเขามีน้องสาวชื่อชูอา 33 ยาเฟล็ทมีบุตรชื่อ ปาสัค บิมฮาล และอัชวาท นี่คือบุตรของยาเฟล็ท 34 เชเมอร์น้องชายของเขามีบุตรชื่อ โรกาห์ เยฮุบบาห์ และอารัม 35 เฮเลมน้องชายของเขามีบุตรชื่อ โศฟาห์ อิมนา เชเลข และอามัล 36 บุตรของโศฟาห์ชื่อ สุอัค ฮาร์เนเฟอร์ ชูอัล เบรี อิมราห์ 37 เบเชอร์ โฮด ชัมมา ชิลชาห์ อิธราน และเบเอรา 38 เยเธอร์มีบุตรชื่อ เยฟุนเนห์ ปิสปา และอารา 39 อุลลามีบุตรชื่อ อาราห์ ฮันนีเอล และรีเซีย 40 คนเหล่านี้เป็นเชื้อสายของอาเชอร์ เป็นหัวหน้าของตระกูล นักรบผู้เก่งกล้าที่คัดเลือกแล้ว หัวหน้าบรรดาผู้นำ นับจำนวนชายที่พร้อมรบในสงครามได้ 26,000 คนตามลำดับเชื้อสาย
ลำดับเชื้อสายของซาอูล
8 เบนยามินเป็นบิดาของเบ-ลาบุตรหัวปี อัชเบลคนที่สอง อาหะราห์คนที่สาม 2 โนฮาห์คนที่สี่ และราฟาคนที่ห้า 3 เบ-ลามีบุตรชื่อ อัดดาร์ เก-รา อาบีฮูด 4 อาบีชูวา นาอามาน อาโหอาห์ 5 เก-รา เชฟูฟาน และฮูราม 6 เอฮูดมีบุตรซึ่งเป็นผู้นำของตระกูลที่เป็นผู้อยู่อาศัยของเมืองเก-บา และถูกจับไปเป็นเชลยที่มานาฮาท 7 คือ นาอามาน อาหิยาห์ และเก-รา คือเฮกลาม[d] ผู้เป็นบิดาของอุสซา และอาหิฮูด 8 ชาหะราอิมมีบุตรที่ดินแดนโมอับหลังจากที่ได้ขับไล่ภรรยาคือหุชิมและบาอาราไปแล้ว 9 บุตรที่เกิดจากโฮเดชภรรยาของเขาชื่อ โยบับ ศิเบีย เม-ชา มัลคาม 10 เยอูส สาเคีย และมิรมาห์ คนเหล่านี้เป็นบุตรและผู้นำตระกูลของเขา 11 บุตรของเขาที่เกิดจากหุชิมชื่อ อาบีทูบ และเอลปาอัล 12 เอลปาอัลมีบุตรชื่อ เอเบอร์ มิชอัม และเชเมดผู้สร้างเมืองโอโน และโลด รวมทั้งหมู่บ้านรอบๆ 13 เบรีอาห์และเช-มาเป็นผู้นำของตระกูลที่เป็นผู้อยู่อาศัยในเมืองอัยยาโลน และขับไล่ผู้อยู่อาศัยของกัทให้เตลิดไป 14 เบรีอาห์มีบุตรชื่อ อาหิโย ชาชัก เยเรโมท 15 เศบาดิยาห์ อาราด เอเดอร์ 16 มีคาเอล อิชปาห์ และโยฮา 17 เอลปาอัลมีบุตรชื่อ เศบาดิยาห์ เมชุลลาม ฮิสคี เฮเบอร์ 18 อิชเมรัย อิสลิยาห์ และโยบับ 19 ชิเมอีมีบุตรชื่อ ยาคิม ศิครี ศับดี 20 เอลีเอนัย ศิลเลธัย เอลีเอล 21 อาดายาห์ เบรายาห์ และชิมราท 22 ชาชักมีบุตรชื่อ อิชปาน เอเบอร์ เอลีเอล 23 อับโดน ศิครี ฮานาน 24 ฮานันยาห์ เอลาม อันโธธียาห์ 25 อิฟไดยาห์ และเปนูเอล 26 เยโรฮัมมีบุตรชื่อ ชัมเชรัย เชหะรียาห์ อาธาลิยาห์ 27 ยาอาเรชียาห์ เอลียาห์ และศิครี 28 คนเหล่านี้เป็นผู้นำของตระกูลตามประวัติครอบครัวของพวกเขา และอาศัยอยู่ในเยรูซาเล็ม
29 เยอีเอลบิดาของกิเบโอนอาศัยอยู่ในกิเบโอน เขามีภรรยาชื่อมาอาคาห์ 30 บุตรหัวปีชื่ออับโดน คนต่อไปชื่อ ศูร์ คีช บาอัล นาดับ 31 เกโดร์ อาหิโย เศเคอร์ 32 และมิกโลทผู้เป็นบิดาของชิเมอาห์ คนเหล่านี้อาศัยอยู่ใกล้ญาติพี่น้องของเขาในเยรูซาเล็มด้วย 33 เนอร์เป็นบิดาของคีช คีชเป็นบิดาของซาอูล[e] ซาอูลเป็นบิดาของโยนาธาน มัลคีชูวา อาบีนาดับ และเอชบาอัล 34 โยนาธานมีบุตรชื่อเมริบบาอัล เมริบบาอัลมีบุตรชื่อมีคาห์ 35 มีคาห์มีบุตรชื่อ ปีโธน เมเลค ทาเรีย และอาหัส 36 อาหัสมีบุตรชื่อ เยโฮอัดดาห์ เยโฮอัดดาห์มีบุตรชื่อ อาเลเมท อัสมาเวท และศิมรี ศิมรีมีบุตรชื่อโมซา 37 โมซามีบุตรชื่อบิเนอา บิเนอามีบุตรชื่อราฟาห์ ราฟาห์มีบุตรชื่อเอลอาสาห์ เอลอาสาห์มีบุตรชื่ออาเซล 38 อาเซลมีบุตร 6 คนชื่อ อัสรีคัม โบเครู อิชมาเอล เชอาริยาห์ โอบาดีห์ และฮานาน คนเหล่านี้เป็นบุตรของอาเซล 39 น้องชายของอาเซลชื่อเอเชก เอเชกมีบุตรชื่อ อุลามบุตรหัวปี เยอูชคนที่สอง เอลีเฟเลทคนที่สาม 40 อุลามมีบุตรที่เป็นนักรบผู้เก่งกล้า นักธนู มีบุตรชายและหลานชายมากถึง 150 คน คนเหล่านี้เป็นชาวเบนยามิน
ความเชื่อ
11 ความเชื่อคือ ความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้ และมั่นใจกับสิ่งที่เรามองไม่เห็น 2 เป็นเพราะความเชื่อนั่นแหละ คนโบราณจึงได้รับความเห็นชอบจากพระเจ้า 3 เป็นเพราะความเชื่อ เราจึงเข้าใจว่าจักรวาลถูกสร้างขึ้นโดยคำสั่งของพระเจ้า ดังนั้นสิ่งที่มองเห็นถูกสร้างขึ้นจากสิ่งที่ไม่ปรากฏให้เห็น
4 เป็นเพราะความเชื่อ อาเบลจึงถวายเครื่องสักการะที่ดีกว่าของคาอินให้แด่พระเจ้า เป็นเพราะความเชื่อ เขาจึงได้รับความเห็นชอบว่าเป็นคนชอบธรรม เมื่อพระเจ้าชมว่าของถวายของเขาดี และเป็นเพราะความเชื่อ อาเบลจึงยังพูดได้แม้เขาจะตายแล้วก็ตาม 5 เป็นเพราะความเชื่อ เอโนคจึงถูกรับตัวขึ้นไป เพื่อท่านจะได้ไม่ประสบความตาย ไม่มีใครหาท่านพบ เพราะพระเจ้าได้รับตัวท่านขึ้นไป ก่อนที่ท่านจะถูกรับตัวไปท่านได้รับความเห็นชอบ เพราะเป็นผู้ที่ทำให้พระเจ้าพอใจ 6 และเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้พระเจ้าพอใจหากไม่มีความเชื่อ เพราะทุกคนที่เข้าหาพระเจ้าจะต้องเชื่อว่าพระองค์เป็นจริง และเป็นผู้ให้รางวัลแก่คนที่แสวงหาพระองค์ 7 เป็นเพราะความเชื่อ โนอาห์จึงเชื่อฟังและสร้างเรือใหญ่ขึ้น เพื่อให้ครอบครัวของท่านรอดชีวิต เมื่อพระเจ้าเตือนเรื่องที่ยังไม่ได้ปรากฏให้เห็น เป็นเพราะความเชื่อ ท่านแสดงให้เห็นว่าโลกถูกกล่าวโทษ และโนอาห์เป็นผู้ได้รับความชอบธรรมซึ่งเกิดจากความเชื่อ
8 เป็นเพราะความเชื่อ อับราฮัมจึงเชื่อฟังโดยเดินทางออกไปยังที่ท่านจะได้รับเป็นมรดกเมื่อพระเจ้าเรียกท่าน ท่านเดินทางไปโดยไม่ทราบว่าจะไปไหน 9 เป็นเพราะความเชื่อ ท่านจึงตั้งรกรากอยู่ในดินแดนที่พระเจ้าสัญญาให้ไว้ราวกับคนแปลกหน้าในต่างแดน ท่านอาศัยอยู่ในกระโจมเช่นเดียวกับอิสอัคและยาโคบ ซึ่งเป็นผู้รับมรดกร่วมกันตามพระสัญญาเดียวกัน 10 เพราะอับราฮัมตั้งตาคอยที่จะได้เมืองซึ่งมีฐานรากที่ออกแบบและสร้างขึ้นโดยพระเจ้า 11 เป็นเพราะความเชื่อ แม้อับราฮัมจะมีอายุเกินวัย (และนางซาราห์เองก็เป็นหมัน) ก็ยังสามารถเป็นบิดาได้ เพราะท่านเชื่อว่าพระองค์รักษาคำมั่นสัญญาที่ได้ให้ไว้ 12 ฉะนั้นจากชายคนหนึ่งซึ่งชราจนเสมือนคนที่ตายแล้ว ก็มีผู้สืบเชื้อสายมากมายราวกับดวงดาวในท้องฟ้า และอย่างเม็ดทรายที่ชายฝั่งทะเลซึ่งนับไม่ถ้วน
13 คนเหล่านั้นทุกคนเมื่อตายไปก็ยังมีความเชื่อ โดยไม่ได้รับสิ่งที่พระเจ้าสัญญาไว้ เป็นเพียงแต่ได้เห็น และยินดีกับพระสัญญาทั้งหลายแต่ไกล และยอมรับอย่างเปิดเผยว่า พวกเขาเป็นคนแปลกหน้าและเป็นคนต่างแดนในโลก 14 บรรดาคนที่พูดเช่นนี้ก็แสดงให้เห็นชัดแล้วว่า พวกเขาแสวงหาแผ่นดินของตนเอง 15 และที่จริงแล้ว ถ้าเขานึกถึงแผ่นดินที่เขาได้จากมา เขาก็จะกลับไปได้ 16 แต่เท่าที่เป็นไป พวกเขาต้องการแผ่นดินที่ดีกว่า นั่นก็คือที่เป็นอย่างสวรรค์ ฉะนั้นพระเจ้าไม่ละอายที่พวกเขาจะเรียกพระองค์ว่าพระเจ้าของพวกเขา ในเมื่อพระองค์ได้เตรียมเมืองไว้ให้แล้ว
17 เป็นเพราะความเชื่อ อับราฮัมจึงได้มอบอิสอัคเป็นเครื่องสักการะเมื่อพระเจ้าทดสอบท่าน และท่านซึ่งได้รับพระสัญญาก็เกือบจะมอบบุตรคนเดียวของท่านเป็นเครื่องสักการะแล้ว 18 แม้พระเจ้าได้กล่าวกับท่านดังนี้แล้วว่า “เจ้าจะมีบรรดาผู้สืบเชื้อสายโดยผ่านทางอิสอัค”[a] 19 อับราฮัมเชื่อว่าพระเจ้าสามารถให้คนฟื้นคืนชีวิตจากความตาย ฉะนั้นกล่าวโดยอุปมาได้ว่า ท่านได้รับบุตรกลับคืนจากความตาย 20 เป็นเพราะความเชื่อ อิสอัคจึงได้ให้พรแก่ยาโคบและเอซาวสำหรับอนาคตของท่านทั้งสอง 21 เป็นเพราะความเชื่อ ขณะที่ยาโคบกำลังจะตาย ท่านก็ได้ให้พรแก่บุตรทั้งสองของโยเซฟ แล้วได้พิงอยู่กับปลายไม้เท้าของตนขณะที่นมัสการพระเจ้า 22 เป็นเพราะความเชื่อ โยเซฟจึงได้พูดถึงการอพยพของชาวอิสราเอลออกจากประเทศอียิปต์ และสั่งเรื่องกระดูกของท่านเมื่อท่านกำลังจะตาย
23 เป็นเพราะความเชื่อ บิดามารดาของโมเสสจึงได้ซ่อนตัวท่านไว้เป็นเวลา 3 เดือนนับตั้งแต่เกิด เพราะทั้งสองเห็นว่าท่านไม่ใช่เด็กธรรมดาและไม่กลัวคำบัญชาของกษัตริย์เลย 24 เป็นเพราะความเชื่อ โมเสสจึงได้ไม่ยอมให้ผู้คนเรียกท่าน ว่าเป็นบุตรของธิดากษัตริย์ฟาโรห์เมื่อท่านเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว 25 ท่านเลือกการทนทุกข์ร่วมกับคนของพระเจ้า มากกว่าการเพลิดเพลินกับความสำราญในบาปเพียงชั่วระยะหนึ่ง 26 ท่านพิจารณาเห็นว่า การที่ถูกเหยียดหยามเพื่อพระคริสต์ มีค่ายิ่งกว่าสมบัติทั้งปวงของประเทศอียิปต์ เพราะท่านคาดหวังในรางวัลที่จะได้รับ 27 เป็นเพราะความเชื่อ ท่านจึงได้จากประเทศอียิปต์ไป โดยไม่กลัวความโกรธของกษัตริย์ ท่านบากบั่นต่อไปราวกับว่าท่านเห็นองค์ผู้ที่ไม่ปรากฏแก่สายตา 28 เป็นเพราะความเชื่อ ท่านจึงได้ทำพิธีปัสกา และสั่งให้ประพรมเลือดด้วย เพื่อผู้ที่ทำลายบุตรหัวปีจะได้ไม่แตะต้องบุตรหัวปีของชาวอิสราเอล
29 เป็นเพราะความเชื่อ ชาวอิสราเอลจึงได้เดินข้ามทะเลแดงเหมือนเดินบนดินแห้ง และเมื่อชาวอียิปต์ลองทำบ้างก็จมน้ำตาย 30 เป็นเพราะความเชื่อ กำแพงเมืองเยรีโคจึงพังทลายลงหลังจากชาวอิสราเอลเดินรอบๆ เป็นเวลา 7 วัน 31 เป็นเพราะความเชื่อ ราหับหญิงแพศยาจึงไม่ตายไปกับพวกที่ไม่เชื่อฟัง เพราะนางได้ต้อนรับพวกสอดแนมด้วยความเป็นมิตร
32 แล้วข้าพเจ้าจะพูดอะไรมากกว่านี้อีกเล่า ข้าพเจ้าไม่มีเวลาพอที่จะบอกเรื่องกิเดโอน บาราค แซมสัน เยฟธาห์ ดาวิด ซามูเอล และผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าทั้งหลาย 33 ซึ่งด้วยความเชื่อ จึงมีชัยชนะได้อาณาจักรต่างๆ การปฏิบัติที่แสดงถึงความชอบธรรม ได้รับพระสัญญา ปิดปากสิงโต 34 ดับไฟที่ไหม้โหมกระหน่ำ หลุดพ้นจากคมดาบ จากคนอ่อนแอก็กลายเป็นคนเข้มแข็งได้ กลายเป็นคนแข็งแกร่งในสงคราม ตีกองทัพชาติอื่นๆ จนแตกพ่ายไป 35 พวกผู้หญิงได้พวกของตนที่ตายแล้วกลับฟื้นคืนชีวิต แต่บางคนถูกทรมาน และไม่ยอมรับการปลดปล่อย เพื่อพวกเขาจะได้ฟื้นคืนชีวิตที่ดีกว่านั้นอีก 36 บางคนก็ประสบกับการเยาะเย้ยและเฆี่ยนตี อีกทั้งถูกล่ามโซ่กับจำคุกด้วย 37 บางคนถูกขว้างด้วยก้อนหิน บ้างก็ถูกเลื่อยเป็น 2 ท่อน [พวกเขาถูกทดสอบใจ][b] บางคนถูกฆ่าตายด้วยคมดาบ บ้างก็ต้องนุ่งห่มด้วยหนังแกะหนังแพะเร่ร่อนไป สิ้นเนื้อประดาตัว ถูกกดขี่ข่มเหงและทารุณ 38 โลกไม่ดีพอสำหรับคนเหล่านี้ พวกเขาพเนจรไปในถิ่นทุรกันดารและตามภูเขา ตามถ้ำและอยู่ในโพรงใต้ดิน
39 คนเหล่านี้ได้รับการเห็นชอบเพราะความเชื่อของเขา แต่ก็ยังไม่ได้รับสิ่งที่พระเจ้าได้สัญญาไว้ 40 เพราะพระเจ้าได้เตรียมสิ่งที่ดีกว่าไว้ให้พวกเรา เพื่อว่าพวกเขาจะเพียบพร้อมทุกประการได้ ก็ต่อเมื่อมีพวกเราทั้งหลายรวมอยู่ด้วย
แสวงหาพระผู้เป็นเจ้า และจะมีชีวิต
5 โอ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย จงฟังเสียงร้องคร่ำครวญของข้าพเจ้าถึงความตายของท่าน
2 “อิสราเอลผู้บริสุทธิ์ถล่มลง
จะไม่มีวันลุกขึ้นได้อีก
ถูกทอดทิ้งในแผ่นดินของนางเอง
และจะไม่มีใครพยุงนางให้ลุกขึ้น”
3 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้
“เมืองที่มีทหารเดินหน้าออกไปนับพัน
จะมีชีวิตทหารเหลืออยู่เพียงนับร้อย
และเมืองที่มีทหารนับร้อย
จะมีชีวิตทหารเหลืออยู่เพียงนับสิบในพงศ์พันธุ์อิสราเอล”
4 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอลดังนี้
“จงแสวงหาเรา และจะมีชีวิต
5 อย่าแสวงหาเบธเอล
อย่าไปยังกิลกาล
อย่าเดินทางไปยังเบเออร์เช-บา
เพราะกิลกาลจะต้องถูกเนรเทศ
และเบธเอลจะไม่มีอะไรเหลือเลย”
6 จงแสวงหาพระผู้เป็นเจ้า และจะมีชีวิต
มิฉะนั้นพระองค์จะเผาผลาญพงศ์พันธุ์โยเซฟอย่างเพลิงไฟ
ไฟจะเผาไหม้
และเบธเอลจะไม่มีใครช่วยดับได้
7 พวกท่านที่แปรความยุติธรรมให้เป็นความขมขื่น
และเหวี่ยงความชอบธรรมลงบนพื้นดิน
8 พระองค์ผู้สร้างดาวลูกไก่และดาวไถ[a]
และทำความมืดให้เป็นรุ่งอรุณ
และทำกลางวันให้เป็นกลางคืน
พระองค์ผู้รวบรวมน้ำในทะเล
และเทลงบนพื้นดิน
พระนามของพระองค์คือ พระผู้เป็นเจ้า
9 พระองค์ทำหลักยึดอันแข็งแกร่งให้พินาศในพริบตา
และทำให้ป้อมปราการพังทลายลง
10 พวกเขาเกลียดผู้ที่ทักท้วงความไม่เป็นธรรมในที่ตัดสินความ
และพวกเขาดูหมิ่นผู้ที่พูดความจริง
11 ฉะนั้น เมื่อพวกท่านเหยียบย่ำผู้ขัดสน
และยึดผลที่ได้จากไร่ไปจากเขา
แม้พวกท่านสร้างบ้านหรูด้วยหินสกัดแล้ว
แต่ท่านก็จะไม่ได้อาศัยอยู่
แม้พวกท่านปลูกสวนองุ่นที่งาม
แต่ท่านก็จะไม่ได้ดื่มเหล้าจากผลองุ่น
12 เพราะข้าพเจ้ารู้ว่า พวกท่านล่วงละเมิดเพียงไร
และบาปของพวกท่านใหญ่ยิ่งนัก
พวกท่านทำให้ผู้มีความชอบธรรมต้องเดือดร้อน
พวกท่านรับสินบน
และห้ามไม่ให้ผู้ยากไร้ได้รับความเป็นธรรมในที่ตัดสินความ
13 ฉะนั้น ผู้ฉลาดรอบคอบจะนิ่งเงียบในเวลาเช่นนี้
เพราะเป็นกาลวิบัติ
14 จงแสวงหาความดี ไม่ใช่ความชั่ว
เพื่อพวกท่านจะมีชีวิต
และพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าจอมโยธาจะอยู่กับพวกท่าน
อย่างที่ท่านยืนยัน
15 จงเกลียดชังความชั่ว และรักความดี
และเสริมสร้างความเป็นธรรมในการตัดสินความ
เผื่อว่าพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าจอมโยธา
จะมีเมตตาต่อบรรดาผู้ที่มีชีวิตเหลืออยู่ของโยเซฟ
16 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าจอมโยธา พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้
“จะมีการร้องไห้ฟูมฟายตามถนนหนทาง
และพวกเขาจะพูดกันด้วยความปวดร้าวที่ลานชุมนุมว่า ‘โธ่เอ๋ย โธ่เอ๋ย’
พวกเขาจะเรียกชาวไร่ให้มาร้องรำพัน
และให้บรรดาผู้รับจ้างร้องคร่ำครวญมาเพื่อร้องไห้ฟูมฟาย
17 และจะมีการร้องไห้ฟูมฟายในไร่องุ่น
เพราะเราจะมาลงโทษในหมู่พวกเจ้า”
พระผู้เป็นเจ้ากล่าว
อิสราเอลวางใจในสิ่งที่ผิด
18 วิบัติแก่พวกท่านที่รอคอย
วันที่พระผู้เป็นเจ้าจะมา
ทำไมพวกท่านจึงรอคอยวันที่พระผู้เป็นเจ้าจะมา
วันนั้นจะเป็นวันแห่งความมืดมน ไม่ใช่ความสว่าง
19 วันนั้นจะเป็นเหมือนกับคนที่หนีจากสิงโต
แต่จะไปปะกับหมี
จะเป็นเหมือนกับวันที่เขาถึงบ้าน
และเอามือพิงกำแพง
แล้วก็ถูกงูกัด
20 วันที่พระผู้เป็นเจ้าจะมาจะเป็นวันแห่งความมืดมน ไม่ใช่ความสว่างมิใช่หรือ
มืดมนจนไม่มีแม้แต่วี่แววของความสว่างเลย
21 “เราเกลียดและขยะแขยงเทศกาลฉลองทางศาสนาของพวกเจ้า
เราทนต่อการนัดประชุมของพวกเจ้าไม่ได้
22 ถึงแม้ว่าพวกเจ้านำสัตว์ที่เผาเป็นของถวายและเครื่องธัญญบูชามาให้เรา
เราจะไม่รับ
แม้ว่าพวกเจ้านำของถวายเพื่อสามัคคีธรรมที่ดีที่สุด
เราจะไม่สนใจสิ่งเหล่านั้น
23 จงหยุดส่งเสียงร้องเพลงให้เราฟัง
เราจะไม่ฟังทำนองจากพิณเล็กของเจ้า
24 จงให้ความเป็นธรรมหลั่งออกมาอย่างสายน้ำ
และความชอบธรรมหลั่งอย่างธารน้ำที่ไหลไม่ขาดสาย
25 โอ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย พวกเจ้านำเครื่องสักการะและของถวายมาให้เราในช่วงเวลา 40 ปีในถิ่นทุรกันดารอย่างนั้นหรือ 26 พวกเจ้าได้ยกหามเพิงของกษัตริย์ของเจ้า และฐานรูปเคารพของเจ้า และดาวเทพเจ้าที่เจ้าทำขึ้นเอง 27 ฉะนั้นเราจะให้เจ้าถูกเนรเทศเลยเขตดามัสกัสไป”[b] พระผู้เป็นเจ้ากล่าว พระองค์มีพระนามว่า พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าจอมโยธา
ผู้เขียนได้ลำดับเหตุการณ์ถึงเธโอฟีลัส
1 ด้วยเหตุว่าหลายท่านได้พยายามรวบรวมเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหมู่เรา 2 คือรวบรวมเรื่องได้เหมือนกับบรรดาผู้รู้เห็นเหตุการณ์มาแต่แรก ซึ่งก็เป็นผู้ประกาศคำกล่าวที่ได้ถ่ายทอดเรื่องเหล่านี้ให้แก่เรา 3 ในเมื่อข้าพเจ้าได้ค้นหาข้อมูลอย่างถ้วนถี่มาแต่ต้นแล้ว จึงควรอย่างยิ่งที่ข้าพเจ้าจะเขียนลำดับเหตุการณ์ถึงใต้เท้าเธโอฟีลัส 4 เพื่อท่านจะได้ทราบข้อเท็จจริงในเรื่องที่ท่านได้รับทราบมาแล้ว
ทูตสวรรค์ประกาศแก่เศคาริยาห์
5 ในสมัยของเฮโรด[a]กษัตริย์แห่งแคว้นยูเดีย มีปุโรหิต[b]ผู้หนึ่งชื่อเศคาริยาห์อยู่ในกลุ่มเวรอาบียาห์ ภรรยาของเขาชื่อเอลีซาเบธซึ่งเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลอาโรน[c] 6 ในสายตาของพระเจ้าแล้ว เขาทั้งสองมีความชอบธรรม ปฏิบัติตนตามพระบัญญัติและกฎข้อบังคับต่างๆ ของพระผู้เป็นเจ้าอย่างเคร่งครัด 7 เขาไม่มีบุตรเพราะว่าเอลีซาเบธเป็นหมัน และทั้งสองก็มีอายุมากแล้ว
8 ครั้งหนึ่ง ขณะที่กองเวรของเศคาริยาห์เข้าเวรและเขากำลังปฏิบัติหน้าที่ของปุโรหิตอยู่เบื้องหน้าพระเจ้า 9 ตามประเพณีของเหล่าปุโรหิต เขาได้รับเลือกโดยการจับฉลากให้เป็นผู้ที่เผาเครื่องหอมในพระวิหารของพระผู้เป็นเจ้า 10 ครั้นถึงเวลาเผาเครื่องหอม คนทั่วไปจะอธิษฐานอยู่เพียงภายนอก 11 ทูตสวรรค์[d]องค์หนึ่งของพระผู้เป็นเจ้าได้มาปรากฏแก่เศคาริยาห์ ยืนอยู่ทางด้านขวาของแท่นเผาเครื่องหอม 12 ครั้นเศคาริยาห์เห็นทูตสวรรค์ก็ตกใจกลัว 13 ทูตสวรรค์จึงกล่าวว่า “อย่ากลัวเลยเศคาริยาห์ พระเจ้าได้ยินคำอธิษฐานของท่านแล้ว เอลีซาเบธภรรยาของท่านจะให้กำเนิดบุตรชายแก่ท่าน จงตั้งชื่อเขาว่า ยอห์น 14 ท่านจะมีความยินดีและดีใจยิ่งนัก คนทั้งหลายก็จะชื่นชมยินดีที่เขาเกิดมา 15 เขาจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า เขาต้องไม่ดื่มเหล้าองุ่นหรือสุราชนิดใดๆ และจะเปี่ยมล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์[e]นับตั้งแต่อยู่ในครรภ์ของมารดา 16 เขาจะนำชาวอิสราเอลจำนวนมากให้กลับใจเข้าหาพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเขาทั้งปวง 17 เขาจะไปล่วงหน้าพระองค์โดยจิตวิญญาณและอานุภาพของเอลียาห์[f] เพื่อให้บิดาทั้งหลายเปิดใจเข้าหาบรรดาบุตร และให้ผู้ที่ไม่เชื่อฟังกลับมาเข้าใจถึงวิถีทางของผู้มีความชอบธรรม เขาจะเตรียมผู้คนให้พร้อมเพื่อพระผู้เป็นเจ้า”
18 เศคาริยาห์ถามทูตสวรรค์ว่า “ข้าพเจ้าจะแน่ใจได้อย่างไร ในเมื่อข้าพเจ้าและภรรยาอายุมากแล้ว” 19 ทูตสวรรค์ตอบว่า “เราคือกาเบรียลผู้อยู่เบื้องหน้าพระเจ้า พระองค์ส่งเรามาเพื่อบอกข่าวอันประเสริฐแก่ท่าน 20 เพราะท่านไม่เชื่อคำของเรา ท่านจึงมิอาจเปล่งเสียงหรือพูดได้ จนกว่าวันที่เหตุการณ์นี้จะบังเกิดขึ้นตามกำหนดเวลา” 21 หมู่คนภายนอกที่รอคอยเศคาริยาห์อยู่ต่างก็แปลกใจที่เขาอยู่ในพระวิหารนานกว่าที่เคย 22 เมื่อเขาออกมาก็ไม่อาจเจรจาสิ่งใด ได้แต่ส่งภาษาใบ้ ทำให้ผู้คนทั้งหลายคิดไปว่า เขาเห็นภาพนิมิตในพระวิหาร 23 เมื่อทำหน้าที่อยู่จนครบกำหนด เศคาริยาห์ก็กลับบ้านไป
24 จากนั้นเอลีซาเบธผู้เป็นภรรยาก็ตั้งครรภ์ และไม่ได้ออกไปที่ไหนนานถึง 5 เดือน 25 นางพูดว่า “ในเวลานี้พระผู้เป็นเจ้าได้โปรดข้าพเจ้า พระองค์ได้กำจัดความอับอายของข้าพเจ้าท่ามกลางผู้คน”
ทูตสวรรค์ประกาศแก่มารีย์
26 เมื่อเข้าเดือนที่หก พระเจ้าได้ส่งกาเบรียลทูตสวรรค์ไปยังเมืองนาซาเร็ธในแคว้นกาลิลี 27 เพื่อพบกับพรหมจาริณีชื่อมารีย์ เธอหมั้นอยู่กับชายผู้หนึ่งคือโยเซฟผู้เป็นเชื้อสายของดาวิด[g] 28 เมื่อทูตสวรรค์ไปถึงก็ได้บอกมารีย์ว่า “สันติสุขจงอยู่กับท่าน ท่านเป็นที่โปรดปรานอย่างยิ่ง พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับท่าน” 29 มารีย์ฉงนใจมากและครุ่นคิดว่าทำไมทูตสวรรค์ทักทายเธอเช่นนั้น 30 ทูตสวรรค์พูดต่อไปอีกว่า “อย่ากลัวเลยมารีย์ เพราะท่านเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า 31 ท่านจะตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชาย จงตั้งชื่อพระองค์ว่า เยซู[h] 32 พระองค์จะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ และจะได้รับพระนามว่า พระบุตรของพระเจ้าผู้สูงสุด และพระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้าจะมอบบัลลังก์ของดาวิดผู้เป็นบิดาต้นตระกูลแก่พระองค์ 33 และจะครองพงศ์พันธุ์ของยาโคบตลอดกาล อาณาจักรของพระองค์จะไม่มีวันสิ้นสุด”
34 มารีย์ถามทูตสวรรค์ว่า “สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อข้าพเจ้าเป็นพรหมจาริณี”
35 ทูตสวรรค์ตอบว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์จะสถิตกับท่าน อำนาจแห่งพระเจ้าผู้สูงสุดจะปกเหนือท่าน ด้วยเหตุนี้องค์ผู้บริสุทธิ์จะได้รับพระนามว่า พระบุตรของพระเจ้า 36 ดูเถิด เอลีซาเบธญาติผู้ชราของท่านตั้งครรภ์ได้ 6 เดือนแล้ว แม้ผู้คนทั้งหลายจะกล่าวว่านางเป็นหมันก็ตาม 37 ไม่มีอะไรยากเกินกว่าที่พระเจ้าจะทำได้”
38 มารีย์กล่าวกับทูตสวรรค์ก่อนที่ทูตสวรรค์จะจากไปว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้า ขอสิ่งนั้นจงบังเกิดตามคำของท่านเถิด”
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation