Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
1 พงศาวดาร 18

ชัยชนะของดาวิด

18 หลังจากนั้น ดาวิดสู้รบชนะชาวฟีลิสเตีย และปราบพวกเขาไว้ได้ และท่านยึดเมืองกัทและหมู่บ้านรอบๆ ได้จากมือชาวฟีลิสเตีย

ท่านสู้รบชนะชาวโมอับ และชาวโมอับจึงมาเป็นข้ารับใช้ดาวิดและนำเครื่องบรรณาการมาถวาย

ดาวิดสู้รบชนะฮาดัดเอเซอร์กษัตริย์แห่งโศบาห์ที่ฮามัทในขณะที่ท่านไปเสริมอำนาจของท่านที่แม่น้ำยูเฟรติส และดาวิดยึดรถศึก 1,000 คัน สารถี 7,000 คน และทหารราบ 20,000 คน และดาวิดทำให้ม้าประจำรถศึกของพวกเขาพิการหมด เพียงแต่เหลือไว้สำหรับรถศึก 100 คัน เมื่อชาวอารัมแห่งอาณาเขตดามัสกัสมาช่วยฮาดัดเอเซอร์กษัตริย์แห่งโศบาห์ ดาวิดฆ่าชายชาวอารัมจำนวน 22,000 คน แล้วดาวิดตั้งด่านทหารชั้นนอกที่อารัมแห่งอาณาเขตดามัสกัสไว้หลายด่าน และชาวอารัมมาเป็นข้ารับใช้ดาวิด และนำเครื่องบรรณาการมาถวาย และไม่ว่าดาวิดไปรบที่ใด พระผู้เป็นเจ้าก็ให้ท่านมีชัยชนะเสมอ ดาวิดยึดโล่ทองคำที่บรรดาผู้รับใช้ของฮาดัดเอเซอร์ถือ และนำไปที่เมืองเยรูซาเล็ม ดาวิดเอาทองสัมฤทธิ์เป็นอันมากไปจากเมืองทิบหาทและเมืองคูน เมืองของฮาดัดเอเซอร์ ซาโลมอนใช้ทองสัมฤทธิ์นั้นหล่อถังเก็บน้ำรูปทรงกลม เสาหลัก และภาชนะต่างๆ

เมื่อโทอูกษัตริย์แห่งฮามัททราบว่า ดาวิดรบชนะกองทัพของฮาดัดเอเซอร์กษัตริย์แห่งโศบาห์ทั้งกองทัพ 10 โทอูจึงให้ฮาโดรัมบุตรของตนไปหากษัตริย์ดาวิด เพื่อถามถึงพลานามัย และเพื่ออวยพรท่าน เพราะท่านได้สู้รบกับฮาดัดเอเซอร์ และได้ชัยชนะ เนื่องจากฮาดัดเอเซอร์เคยทำสงครามกับโทอูเสมอมา และฮาโดรัมก็ได้ส่งเครื่องทองคำ เครื่องเงิน และทองสัมฤทธิ์สารพัดชนิดไป 11 กษัตริย์ดาวิดถวายสิ่งเหล่านี้แด่พระผู้เป็นเจ้าด้วย พร้อมทั้งเงินและทองคำที่ท่านได้มาจากประชาชาติทั้งปวงที่ท่านไปปราบ จากเอโดม โมอับ ชาวอัมโมน ชาวฟีลิสเตีย และอามาเลข

12 อาบีชัยบุตรของนางเศรุยาห์ได้ฆ่าชาวเอโดมจำนวน 18,000 คนที่หุบเขาเกลือ 13 และเขาก็ได้สร้างด่านทหารชั้นนอกหลายด่านในเอโดม และชาวเอโดมทั้งหมดมาเป็นข้ารับใช้ของดาวิด และพระผู้เป็นเจ้าให้ดาวิดมีชัยชนะไม่ว่าท่านจะไปรบที่ใด

ข้าราชบริพารของดาวิด

14 ดาวิดครองราชย์ทั่วทั้งอิสราเอล และท่านปกครองประชาชนของท่านด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรม 15 โยอาบบุตรของนางเศรุยาห์ควบคุมกองทัพ เยโฮชาฟัทบุตรอาหิลูดเป็นผู้บันทึกสาสน์ 16 ศาโดกบุตรอาหิทูบ และอาหิเมเลคบุตรอาบียาธาร์เป็นปุโรหิต ชาวะชาเป็นเลขา 17 และเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาควบคุมชาวเคเรธและชาวเปเลท และบรรดาบุตรของดาวิดเป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่รับใช้กษัตริย์[a]

ยากอบ 5

เตือนผู้มั่งมี

ท่านผู้มั่งมี จงฟังให้ดี ท่านร้องไห้และคร่ำครวญเถิด เพราะความทุกข์ต่างๆ กำลังจะเกิดกับท่าน ความมั่งมีของท่านสูญเสียไปแล้ว และเครื่องนุ่งห่มก็ถูกแมลงกัดกิน ทองคำและเงินของท่านก็ขึ้นสนิม และสนิมนั้นจะเป็นพยานต่อต้านท่าน และจะเผาผลาญเลือดเนื้อของท่านดุจเปลวเพลิง ท่านเก็บสะสมทรัพย์สมบัติไว้ในช่วงเวลาแห่งวาระสุดท้าย ดูเถิด ค่าจ้างที่ท่านไม่ได้จ่ายคนงานซึ่งเก็บเกี่ยวนาของท่านกำลังร้องต่อต้านท่าน เสียงร้องของบรรดาผู้เก็บเกี่ยวได้ทราบถึงหูของพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา ท่านได้ใช้ชีวิตอยู่ในโลกอย่างฟุ่มเฟือย และหาความสำราญใส่ตัว ท่านบำเรอจิตใจจนอ้วนพีไว้เพื่อวันประหาร ท่านได้กล่าวโทษและฆ่าคนที่มีความชอบธรรม เขาก็ไม่ต่อต้านท่าน

การทนทุกข์และความอดทน

ฉะนั้น พี่น้องเอ๋ย จงอดทนจนถึงวันที่พระผู้เป็นเจ้าจะมา ดูสิว่า ชาวนาชาวสวนรอคอยผลอันล้ำค่าจากที่นา และมีความอดทนรอคอยฝนตอนต้นและปลายฤดู ท่านก็ควรอดทนเช่นกัน จงทำใจให้ดีไว้ เพราะใกล้วันที่พระผู้เป็นเจ้าจะมาแล้ว พี่น้องเอ๋ย อย่าบ่นต่อว่ากันเลย ท่านเองจะได้ไม่ถูกกล่าวโทษ ดูเถิด ผู้พิพากษากำลังยืนอยู่ที่ประตู 10 พี่น้องเอ๋ย จงเอาแบบอย่างในการทนทุกข์และความอดทนของผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าที่พูดในพระนามของพระผู้เป็นเจ้า 11 ดูเถิด เรานับว่าบรรดาผู้ที่มีความบากบั่นเป็นผู้มีความสุข ท่านได้ยินเรื่องความบากบั่นของโยบ และได้เห็นความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าในที่สุดแล้วว่า พระผู้เป็นเจ้ามีความเมตตาและความเห็นใจเป็นอย่างยิ่ง

12 พี่น้องของข้าพเจ้าเอ๋ย ยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดแล้วท่านอย่าสบถสาบาน ไม่ว่าต่อสวรรค์ หรือต่อโลก หรือต่อคำมั่นสัญญาอื่นใดเลย แต่จงเป็นเพียง ใช่ก็ว่าใช่ และไม่ก็ว่าไม่ เพื่อท่านจะได้ไม่ถูกกล่าวโทษ

อธิษฐานด้วยความเชื่อ

13 มีพวกท่านคนใดไหมที่กำลังทนทุกข์ทรมานอยู่ ให้เขาอธิษฐานเถิด มีใครร่าเริงไหม ให้เขาร้องเพลงสรรเสริญเถิด 14 มีพวกท่านคนใดไหมที่เจ็บป่วย ให้เขาขอให้บรรดาผู้ปกครองของคริสตจักรมาอธิษฐานเพื่อเขา เจิมเขาด้วยน้ำมันในพระนามของพระผู้เป็นเจ้า 15 การอธิษฐานด้วยความเชื่อจะทำให้คนป่วยหายได้ พระผู้เป็นเจ้าจะทำให้เขามีสุขภาพดีอีก และถ้าเขาได้กระทำบาป เขาก็จะได้รับการยกโทษ 16 ฉะนั้นจงสารภาพบาปต่อกันและกัน และอธิษฐานเพื่อกันและกัน เพื่อว่าท่านจะได้รับการรักษาให้หาย คำอธิษฐานของคนมีความชอบธรรมมีอานุภาพและเกิดผลมาก 17 เอลียาห์เป็นมนุษย์เหมือนกับเรา ท่านได้อธิษฐานอย่างแรงกล้าเพื่อไม่ให้ฝนตก และฝนก็ไม่ตกบนแผ่นดินถึงสามปีครึ่ง 18 ท่านอธิษฐานอีก และฟ้าสวรรค์ก็ให้ฝนตกลงมา และแผ่นดินโลกได้ผลิตพืชผลต่างๆ

19 พี่น้องของข้าพเจ้าเอ๋ย ถ้ามีคนใดในพวกท่านหลงผิดไปจากความจริง และมีคนพาเขากลับคืนมา 20 จงทราบด้วยว่า คนที่พาคนบาปกลับจากทางที่ผิด จะช่วยให้จิตวิญญาณของเขาพ้นจากความตาย และบาปมากมายจะได้รับการให้อภัย

โยนาห์ 2

คำอธิษฐานของโยนาห์

โยนาห์จึงอธิษฐานต่อพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเขาจากท้องปลาตัวนั้น โดยพูดดังนี้ว่า

“เวลาข้าพเจ้าตกอยู่ในความลำบาก ข้าพเจ้าก็ได้ร้องเรียกถึงพระผู้เป็นเจ้า
    และพระองค์ก็ตอบข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากส่วนลึกของแดนคนตาย
    พระองค์ก็ได้ยินเสียงของข้าพเจ้า
พระองค์โยนข้าพเจ้าลงไปสู่ที่ลึก
    ลงในใจกลางทะเล
    และกระแสน้ำโอบรอบตัวข้าพเจ้า
ทั้งคลื่นลูกน้อยและลูกใหญ่
    ซัดท่วมตัวข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจึงพูดว่า ‘ข้าพเจ้าถูกขับไป
    จากสายตาของพระองค์
กระนั้น ข้าพเจ้าก็ยังจะมองดูพระวิหาร
    อันบริสุทธิ์ของพระองค์อีก’
น้ำท่วมตัวข้าพเจ้าเจียนตาย
    ทะเลลึกโอบรอบตัวข้าพเจ้า
    สาหร่ายก็พันหัวข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจมลงสู่ฐานรากของเทือกเขา
    แผ่นดินเบื้องล่างปิดกั้นข้าพเจ้าไปจนชั่วนิรันดร์
โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า
    แต่พระองค์ได้ดึงชีวิตข้าพเจ้าออกมาจากหลุมลึก
ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังสิ้นหวัง
    โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าก็นึกถึงพระองค์
และคำอธิษฐานของข้าพเจ้าขึ้นไปถึงพระองค์
    ณ พระวิหารอันบริสุทธิ์ของพระองค์
บรรดาผู้ที่ยึดเหนี่ยวในรูปเคารพซึ่งไร้ค่าไร้ประโยชน์
    สลัดทิ้งความรักอันมั่นคงของตน
แต่ข้าพเจ้าจะมอบเครื่องสักการะแด่พระองค์
    ด้วยเสียงแห่งการขอบคุณว่า
สิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้สัญญาไว้ ข้าพเจ้าจะกระทำตาม
    ความรอดพ้นมาจากพระผู้เป็นเจ้า

10 แล้วพระผู้เป็นเจ้าก็สั่งให้ปลาตัวนั้นสำรอกโยนาห์ออกบนแผ่นดินแห้ง

ลูกา 7

ด้วยความเชื่อสูงส่ง

เมื่อพระเยซูได้กล่าวให้ฝูงชนฟังจบแล้ว ก็เข้าไปยังเมืองคาเปอร์นาอุม มีผู้รับใช้ของนายร้อยโรมันคนหนึ่งกำลังป่วยใกล้สิ้นลม นายเห็นคุณค่าในตัวเขามาก นายร้อยผู้นี้เคยได้ยินเรื่องราวของพระเยซู จึงให้ผู้ใหญ่บางคนของชาวยิวไปหาพระองค์เพื่อขอให้มารักษาผู้รับใช้คนนั้น เมื่อคนเหล่านั้นมาพบพระเยซู ก็อ้อนวอนพระองค์ว่า “นายร้อยผู้นี้สมควรจะได้รับความช่วยเหลือจากพระองค์ เพราะว่าเขารักชาติของเรา และได้สร้างศาลาที่ประชุมให้พวกเรา” พระเยซูจึงไปกับพวกเขา เมื่อใกล้จะถึงบ้านแล้ว นายร้อยก็ได้ขอให้เพื่อนๆ มาบอกพระเยซูว่า “พระองค์ท่าน อย่าลำบากเลย เพราะว่าไม่สมควรให้พระองค์เข้ามาใต้หลังคาบ้านของข้าพเจ้า ฉะนั้นข้าพเจ้ามิบังควรที่จะมาพบพระองค์เช่นกัน เพียงแต่พระองค์พูด ผู้รับใช้ก็จะหายจากโรค สำหรับตัวข้าพเจ้าเองก็เป็นคนอยู่ใต้บังคับบัญชา มีทหารในบังคับด้วย ข้าพเจ้าบอกคนนี้ว่า ‘ไป’ เขาก็ไป และคนนั้นว่า ‘มา’ เขาก็มา ข้าพเจ้าบอกทาสรับใช้ว่า ‘จงทำสิ่งนี้’ เขาก็ทำ”

เมื่อพระเยซูได้ยินคำพูดเช่นนั้นก็ประหลาดใจ และหันไปกล่าวกับหมู่คนที่เดินตามมาว่า “เราขอบอกท่านว่า เราไม่เคยเห็นความเชื่อมากเท่านี้แม้แต่ในประเทศอิสราเอล” 10 เมื่อคนเหล่านั้นกลับไปก็พบว่าผู้รับใช้คนนั้นได้หายเป็นปกติแล้ว

ลูกชายของหญิงม่ายฟื้นจากความตาย

11 ไม่นานหลังจากนั้นพระเยซูก็ไปยังเมืองนาอิน พวกสาวกของพระองค์และผู้คนจำนวนมากติดตามไปด้วย 12 ขณะที่พระองค์เข้าไปใกล้ประตูเมือง ก็สวนทางกับขบวนแห่ศพซึ่งมีคนแห่ร่วมมา ผู้ตายเป็นลูกชายคนเดียวของหญิงม่าย 13 เมื่อพระเยซูเจ้าเห็นหญิงม่าย ก็เกิดความสงสารจึงกล่าวว่า “อย่าร้องไห้เลย” 14 พระองค์เดินเข้าไปใกล้แล้วเอื้อมไปแตะศพ พวกหามศพก็ยืนนิ่งอยู่ พระองค์กล่าวว่า “ชายหนุ่มเอ๋ย เราขอบอกเจ้าว่า จงลุกขึ้นเถิด” 15 คนตายก็ลุกขึ้นนั่งและพูดได้ พระเยซูจึงมอบชายหนุ่มคืนให้แม่ของเขา 16 เขาทั้งหลายรู้สึกกลัวและสรรเสริญพระเจ้า พูดกันว่า “ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ได้ปรากฏท่ามกลางเรา พระเจ้าได้มาช่วยชนชาติของพระองค์แล้ว” 17 เรื่องราวของพระเยซูได้เลื่องลือไปทั่วแคว้นยูเดียและเขตใกล้เคียง

คำถามของยอห์นถึงพระเยซู

18 สาวกของยอห์นได้เล่าเรื่องเหล่านี้ให้ยอห์นฟัง ท่านจึงเรียกสาวก 2 คนมา 19 และส่งเขาทั้งสองไปถามพระเยซูเจ้าว่า “ท่านคือผู้ที่จะมานั้น หรือว่าพวกเราควรจะรอคอยผู้อื่นต่อไป” 20 เมื่อสาวกทั้งสองมาพบพระเยซูก็พูดว่า “ยอห์นผู้ให้บัพติศมาให้พวกเรามาถามท่านว่า ‘ท่านคือผู้ที่จะมานั้น หรือว่าพวกเราควรจะรอคอยผู้อื่นต่อไป’” 21 ขณะนั้นพระเยซูกำลังรักษาผู้คนจำนวนมากให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ จากวิญญาณร้ายต่างๆ และให้คนตาบอดมองเห็น 22 พระองค์ตอบผู้ส่งข่าวทั้งสองว่า “จงกลับไปรายงานยอห์นถึงสิ่งที่เจ้าเห็นและได้ยิน คนตาบอดมองเห็น คนง่อยเดินได้ คนโรคเรื้อนหายขาด คนหูหนวกได้ยิน คนตายฟื้นคืนชีวิต และข่าวประเสริฐถูกประกาศให้กับคนยากไร้ 23 ผู้ใดที่ยังคงความเชื่อในเรา ผู้นั้นย่อมเป็นสุข”

24 หลังจากผู้สื่อข่าวของยอห์นจากไปแล้ว พระเยซูเริ่มกล่าวกับฝูงชนถึงยอห์นว่า “พวกท่านออกไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อดูอะไร ต้นอ้อที่ถูกลมพัดหรือ 25 ถ้าไม่ใช่ แล้วท่านออกไปเพื่อดูอะไร ไปดูชายที่สวมเสื้อผ้าเนื้อนุ่มหรือ เปล่าเลย ผู้สวมใส่เสื้อผ้าราคาแพงและเพลิดเพลินในสิ่งหรูหราย่อมอยู่ในวัง 26 แต่ท่านออกไปเพื่อดูอะไรเล่า ไปดูผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าหรือ ใช่แล้ว เราขอบอกท่านว่า เขาเหนือกว่าผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าเสียอีก 27 มีคำที่กล่าวถึงผู้นี้ไว้ว่า

‘ดูเถิด เราจะใช้ผู้ส่งข่าวของเราล่วงหน้าเจ้าไป
    เพื่อเตรียมทางของเจ้าล่วงหน้า’[a]

28 เราขอบอกท่านว่า ในบรรดาผู้เกิดจากครรภ์มารดา ไม่มีผู้ใดที่จะยิ่งใหญ่เหนือยอห์น แต่ว่าผู้ที่ต่ำต้อยที่สุดในอาณาจักรของพระเจ้ากลับยิ่งใหญ่กว่ายอห์นเสียอีก” 29 เมื่อฝูงชนทั้งปวงหรือแม้แต่พวกคนเก็บภาษีได้ยินคำกล่าวของพระเยซู ต่างก็รับว่าวิถีทางของพระเจ้าเป็นทางที่ถูกต้อง เพราะว่าเขาเหล่านั้นได้รับบัพติศมาของยอห์นแล้ว 30 แต่พวกฟาริสีและผู้เชี่ยวชาญฝ่ายกฎบัญญัติปฏิเสธความประสงค์ของพระเจ้าสำหรับพวกเขาเอง เพราะว่าพวกเขาไม่ได้รับบัพติศมาจากยอห์น

31 “เราเปรียบเทียบคนในช่วงกาลเวลานี้กับอะไรดี พวกเขาเป็นอย่างไร 32 พวกเขาเหมือนกับเด็กๆ ที่นั่งในย่านตลาดและร้องต่อกันและกันว่า

‘พวกเราเป่าขลุ่ยให้เธอ
    แต่เธอกลับไม่เต้นรำ
เมื่อพวกเราได้ร้องเพลงเศร้า
    เธอก็ไม่ร้องร่ำไห้’

33 เมื่อยอห์นผู้ให้บัพติศมาไม่กินขนมปังและไม่ดื่มเหล้าองุ่น พวกท่านก็พูดว่า ‘เขามีมารสิงอยู่’ 34 บุตรมนุษย์ได้มาแล้ว ทั้งกินและดื่ม พวกท่านก็พูดว่า ‘ดูเขาซิ เป็นทั้งคนตะกละและขี้เมา เพื่อนของคนเก็บภาษีและคนบาป’ 35 แต่ทุกคนที่เชื่อในพระเจ้ารับว่าพระปัญญาเป็นทางที่ถูกต้อง”

น้ำมันหอมชโลมเท้า

36 ฟาริสีคนหนึ่งได้เชิญพระเยซูไปรับประทานอาหารกับเขา เมื่อพระองค์ไปถึงบ้านเขาแล้วก็เอนกายลงรับประทาน 37 หญิงคนบาปคนหนึ่งในเมืองนั้นรู้ว่าพระเยซูกำลังรับประทานอาหารอยู่ที่บ้านของฟาริสี นางจึงเอาผอบหินซึ่งบรรจุด้วยน้ำมันหอมมา 38 ขณะที่นางยืนอยู่เบื้องหลังพระองค์ พลางร้องไห้อยู่ที่แทบเท้า น้ำตาก็ไหลลงเปียกเท้าของพระองค์ แล้วนางใช้ผมของตนเช็ดเท้า ครั้นแล้วก็จูบและเทน้ำมันหอมชโลมบนเท้าของพระเยซู 39 เมื่อฟาริสีผู้เป็นเจ้าบ้านเห็นดังนั้นก็รำพึงกับตนเองว่า “ถ้าชายคนนี้เป็นผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าแล้ว เขาจะรู้ว่าหญิงผู้กำลังจับต้องตัวเขาเป็นคนบาป” 40 พระเยซูตอบเขาว่า “ซีโมน เรามีอะไรบางสิ่งจะบอกท่าน” ซีโมนพูดว่า “เชิญบอกข้าพเจ้าเถิดอาจารย์”

41 “มีชายลูกหนี้ 2 คน คนหนึ่งเป็นหนี้ 500 เหรียญเดนาริอัน[b] และอีกคนเป็นหนี้ 50 42 ทั้งสองไม่มีเงินจ่ายคืนเจ้าหนี้ เจ้าหนี้ก็ยกหนี้ให้แก่เขาทั้งสอง แล้วคนใดจะรักเจ้าหนี้มากกว่ากัน” 43 ซีโมนตอบว่า “คงจะเป็นคนที่ได้รับการยกหนี้จำนวนมากกว่า” พระเยซูกล่าวว่า “ท่านได้ตัดสินถูกต้องแล้ว” 44 แล้วพระองค์หันไปทางหญิงคนนั้นพลางกล่าวกับซีโมนว่า “ท่านเห็นหญิงคนนี้ไหม เราเข้ามาในบ้านของท่าน และท่านไม่ได้ให้น้ำล้างเท้าเรา แต่นางล้างเท้าเราด้วยน้ำตา เช็ดด้วยผมของนาง 45 ท่านไม่ได้จูบแก้มเรา[c] หญิงคนนี้ยังไม่ได้หยุดจูบเท้าเรานับตั้งแต่เวลาที่เราได้เข้ามา 46 ท่านไม่ได้ใส่น้ำมันบนผมเรา แต่นางเทน้ำมันหอมลงบนเท้าเรา[d] 47 ฉะนั้นเราขอประกาศว่าบาปต่างๆ ของนางได้รับการยกโทษแล้ว เพราะว่านางมีความรักมากมาย และคนที่ได้รับการยกโทษเพียงเล็กน้อยก็มีความรักน้อย” 48 แล้วพระเยซูกล่าวกับนางว่า “บาปของเจ้าได้รับการยกโทษแล้ว” 49 แขกผู้ร่วมงานอื่นๆ ก็เริ่มคุยกันว่า “คนนี้เป็นใคร แม้แต่บาปก็ยกโทษให้ได้” 50 พระเยซูกล่าวกับหญิงคนนั้นว่า “ความเชื่อของเจ้าได้ทำให้เจ้ารอดพ้นแล้ว จงไปอย่างสันติสุขเถิด”

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation