M’Cheyne Bible Reading Plan
หีบพันธสัญญานำมาจากคีริยาทเยอาริม
13 ดาวิดปรึกษากับบรรดาผู้บัญชากองพันและกองร้อย และกับหัวหน้าทุกคน 2 ดาวิดพูดกับที่ประชุมทั้งปวงของอิสราเอลว่า “ถ้าหากว่าพวกท่านคิดเห็นสมควร และเป็นความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราแล้ว ก็ให้พวกเราแจ้งไปยังพี่น้องของเราที่อยู่ทุกแห่งหนในแผ่นดินของอิสราเอล รวมทั้งบรรดาปุโรหิตและชาวเลวีซึ่งอยู่ในเมืองที่มีทุ่งหญ้า เพื่อให้ทุกคนมาประชุมร่วมกับพวกเรา 3 แล้วให้พวกเรานำหีบของพระเจ้าของเรากลับมาไว้กับพวกเราเถิด เพราะว่าเราทั้งหลายไม่ได้เอาใจใส่กับหีบนี้ในสมัยของซาอูล” 4 ที่ประชุมทั้งปวงเห็นด้วยที่จะทำตามนั้น เพราะว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของทุกๆ คน
อุสซาห์กับหีบพันธสัญญา
5 ดังนั้น ดาวิดจึงเรียกประชุมชาวอิสราเอลทั้งปวงตั้งแต่ชิโหร์ในอียิปต์ ถึงเลโบฮามัท เพื่อนำหีบของพระเจ้ากลับมาจากคีริยาทเยอาริม 6 ดาวิดกับชาวอิสราเอลทั้งปวงขึ้นไปยังบาอาลาห์ คือคีริยาทเยอาริมซึ่งเป็นของยูดาห์ เพื่อนำหีบของพระเจ้ามาจากที่นั่น หีบที่เรียกตามพระนามว่า พระผู้เป็นเจ้าผู้สถิตบนบัลลังก์เหนือตัวเครูบ 7 พวกเขาหามหีบของพระเจ้าบนเกวียนใหม่เล่มหนึ่ง นำออกมาจากบ้านของอาบีนาดับ และอุสซาห์กับอาหิโยเป็นคนขับเกวียน 8 ดาวิดและชาวอิสราเอลทั้งปวงก็กำลังรื่นเริงอยู่ ณ เบื้องหน้าพระเจ้าอย่างสุดกำลัง ด้วยเสียงเพลง พิณเล็ก พิณสิบสาย รำมะนา ฉาบ และแตรยาว[a]
9 เมื่อมาถึงลานนวดข้าวของคิโดน อุสซาห์ยื่นมือประคองหีบ เพราะโคสะดุด 10 พระผู้เป็นเจ้าโกรธอุสซาห์มาก พระเจ้าจึงประหารเขา เพราะเขายื่นมือประคองหีบ เขาจึงตาย ณ เบื้องหน้าพระเจ้า 11 และดาวิดก็โกรธเพราะพระผู้เป็นเจ้ากริ้วและลงโทษอุสซาห์ ที่ตรงนั้นจึงได้ชื่อว่า เปเรศอุสซาห์ มาจนถึงทุกวันนี้ 12 ในวันนั้นดาวิดเกรงกลัวพระเจ้า และท่านพูดว่า “เราจะนำหีบของพระเจ้ามากับเราได้อย่างไร” 13 ดาวิดไม่ได้นำหีบของพระเจ้าเข้าไปในเมืองของดาวิด แต่นำไปไว้ที่บ้านของโอเบดเอโดมชาวกัท 14 หีบของพระเจ้าก็อยู่กับครัวเรือนของโอเบดเอโดมในบ้านของเขานานถึง 3 เดือน พระผู้เป็นเจ้าอวยพรครัวเรือนและทุกสิ่งที่โอเบดเอโดมครอบครอง[b]
ภรรยาและบุตรของดาวิด
14 ฮีรามกษัตริย์แห่งไทระได้ให้บรรดาผู้ส่งข่าวไปหาดาวิด พร้อมกับได้ส่งไม้ซีดาร์ พวกช่างไม้และช่างสลักหินเพื่อจะสร้างวังให้ดาวิด 2 และดาวิดทราบว่าพระผู้เป็นเจ้าได้สถาปนาท่านเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล และพระองค์ทำให้อาณาจักรรุ่งเรืองเพื่ออิสราเอลชนชาติของพระองค์ 3 ดาวิดมีภรรยาเพิ่มขึ้นอีกที่เยรูซาเล็ม และมีบุตรชายบุตรหญิงเพิ่มขึ้นเช่นกัน 4 บรรดาบุตรที่เกิดแก่ดาวิดในเยรูซาเล็มชื่อ ชัมมูอา โชบับ นาธาน ซาโลมอน 5 อิบฮาร์ เอลีชูอา เอลพาเลท 6 โนกาห์ เนเฟก ยาเฟีย 7 เอลีชามา เบอเอลยาดา และเอลีเฟเลท[c]
ชาวฟีลิสเตียพ่ายแพ้
8 เมื่อชาวฟีลิสเตียได้ยินว่าดาวิดได้รับการเจิมให้เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล ชาวฟีลิสเตียทั้งปวงก็ขึ้นไปค้นหาดาวิด แต่ดาวิดทราบเรื่องจึงออกไปสู้รบกับพวกเขา 9 ชาวฟีลิสเตียได้ขึ้นมา และบุกเข้าปล้นในหุบเขาเรฟาอิม 10 ดาวิดถามพระเจ้าว่า “ข้าพเจ้าควรจะขึ้นไปสู้รบกับชาวฟีลิสเตียหรือไม่ พระองค์จะมอบพวกเขาไว้ในมือข้าพเจ้าหรือไม่” พระผู้เป็นเจ้าตอบดาวิดว่า “ขึ้นไปเถิด แล้วเราจะมอบชาวฟีลิสเตียไว้ในมือของเจ้า” 11 พวกเขาขึ้นไปยังบาอัลเป-ราซิม และฆ่าพวกเขาที่นั่น ดาวิดพูดว่า “พระเจ้าได้บุกเข้าใส่ศัตรูโดยไม่ได้รั้งรอด้วยมือของเราดั่งน้ำเชี่ยวกราก” ดังนั้นพวกเขาจึงเรียกชื่อสถานที่นั้นว่า บาอัลเป-ราซิม 12 ชาวฟีลิสเตียทิ้งเทวรูปไว้ที่นั่น ดาวิดออกคำสั่ง และเทวรูปเหล่านั้นก็ถูกเผาไฟ
13 และชาวฟีลิสเตียยังเข้าปล้นในหุบเขานั้นอีก 14 เมื่อดาวิดถามพระเจ้า พระองค์ตอบว่า “อย่าไล่ตามพวกเขาขึ้นไป แต่จงอ้อมไปและโจมตีพวกเขาที่ตรงข้ามกับดงต้นน้ำมันหอม 15 เมื่อเจ้าได้ยินเสียงเดินทัพดังกระหึ่มที่ยอดต้นน้ำมันหอม ก็จงออกไปสู้รบ เพราะพระเจ้าได้ออกไปล่วงหน้าเจ้าแล้ว เพื่อปราบกองทัพของชาวฟีลิสเตีย” 16 ดังนั้นดาวิดจึงกระทำตามคำบัญชาของพระเจ้า และมีชัยชนะเหนือกองทัพของฟีลิสเตียตั้งแต่กิเบโอนไปจนถึงเกเซอร์[d] 17 กิตติศัพท์ของดาวิดจึงเลื่องลือไปทั่วแผ่นดิน และพระผู้เป็นเจ้าทำให้ประชาชาติทั้งปวงเกรงกลัวดาวิด
การทักทายของยากอบ
1 ข้าพเจ้ายากอบ ผู้รับใช้ของพระเจ้า และของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า
ขอส่งความคิดถึงมายัง 12 เผ่าที่กระจัดกระจายไปในต่างแดน
ทดสอบความเชื่อ
2 พี่น้องเอ๋ย เมื่อท่านประสบกับความลำบากต่างๆ ก็จงนับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง 3 เพราะท่านทราบว่า การทดสอบความเชื่อของท่านทำให้เกิดความบากบั่น 4 ให้ความบากบั่นเป็นที่ปรากฏอย่างสม่ำเสมอ เพื่อท่านจะได้เป็นคนดีเพียบพร้อมทุกประการ และมีคุณสมบัติครบถ้วน ไม่มีสิ่งใดขาดตกบกพร่องเลย
5 ถ้าคนใดในพวกท่านขาดปัญญา ก็ให้เขาขอจากพระเจ้า แล้วเขาก็จะได้รับ เพราะพระองค์มอบให้แก่ทุกคนด้วยความเอื้อเฟื้อและด้วยความยินดี 6 แต่เวลาเขาขอจากพระองค์ เขาต้องมีใจเชื่อโดยไม่สงสัย เพราะคนที่สงสัยเป็นเสมือนคลื่นในทะเลที่ถูกกระแสลมพัดให้ซัดม้วนไปมา 7 คนนั้นไม่ควรคิดว่า เขาจะได้รับสิ่งใดจากพระผู้เป็นเจ้าเลย 8 เขาเป็นคนสองจิตสองใจ ไม่มั่นคงในสิ่งใดๆ ที่ตนกระทำ
9 ให้พี่น้องผู้ต่ำต้อยยินดีเมื่อได้รับการยกย่อง 10 และคนมั่งมีถ่อมตัวเมื่อตกต่ำลง เพราะเขาจะล่วงลับไปเหมือนดอกหญ้า 11 เพราะดวงอาทิตย์ขึ้นพร้อมกับความร้อนที่แผดเผา และทำให้พืชเหี่ยวเฉา ดอกร่วงโรยและความงามก็หมดสิ้นไป ในทำนองเดียวกันคือ คนมั่งมีจะล่วงลับไป แม้จะเป็นเวลาที่เขาทำหน้าที่การงานอยู่
12 คนที่บากบั่นฟันฝ่าความยากลำบากก็เป็นสุข เพราะเมื่อเขาผ่านการทดสอบแล้ว เขาจะได้รับมงกุฎแห่งชีวิตที่พระเจ้าได้สัญญาไว้กับบรรดาผู้ที่รักพระองค์ 13 เวลาผู้ใดถูกยั่วยุก็อย่าพูดว่า “พระเจ้ากำลังยั่วยุข้าพเจ้า” เพราะความชั่วจะยั่วยุพระเจ้าไม่ได้ และพระเจ้าไม่ยั่วยุผู้ใดเช่นกัน 14 ทว่า แต่ละคนถูกยั่วยุได้ ในเวลาที่เขาติดกับดักแรงกิเลสของตัวเอง 15 เมื่อกิเลสเกิดขึ้นแล้ว บาปก็เกิดตามไปด้วย เมื่อบาปเติบใหญ่เต็มที่แล้ว ก็นำไปสู่ความตาย
ปฏิบัติตามคำกล่าว
16 พี่น้องที่รักของข้าพเจ้าเอ๋ย อย่าให้ผู้ใดหลอกลวงท่านเลย 17 สิ่งดีและเพียบพร้อมทุกประการมาจากเบื้องบน ลงมาจากพระบิดาผู้สร้างความสว่างทั้งหลายในท้องฟ้า พระองค์ไม่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเงาที่เคลื่อนไปได้ 18 พระองค์มีความประสงค์ จึงได้ให้เราบังเกิดโดยคำกล่าวที่เป็นความจริง เพื่อว่าเราจะได้เป็นเสมือนผลแรก[a]ของสิ่งทั้งปวงที่พระองค์สร้างขึ้น
19 พี่น้องที่รักของข้าพเจ้าเอ๋ย จงทราบข้อนี้ว่า ทุกคนควรว่องไวในการฟัง ไม่ต้องรีบพูดหรือรีบโกรธ 20 ด้วยว่า ความโกรธของมนุษย์ไม่ช่วยให้เขามีชีวิตที่ชอบธรรมตามที่พระเจ้าประสงค์ 21 ดังนั้นจงกำจัดความโสมมทั้งปวงและความชั่วที่มีอยู่มากมาย และจงถ่อมตัวรับคำกล่าวที่ปลูกฝังอยู่ในตัวท่าน ซึ่งสามารถช่วยให้ท่านรอดพ้นได้
22 อย่าเป็นเพียงผู้ฟังคำกล่าวเท่านั้น เพราะเป็นการหลอกลวงตนเอง แต่จงทำตามคำที่กล่าวไว้ 23 ใครก็ตามที่เพียงแต่ได้ยินคำกล่าวแล้วไม่ทำตาม ก็เป็นเสมือนคนที่มองหน้าตนเองในกระจกเงา 24 และหลังจากมองดูตนเองแล้วก็เดินจากไป และลืมในทันทีว่าตัวเองเป็นอย่างไร 25 แต่คนที่พิจารณาดูกฎบัญญัติอันเพียบพร้อมทุกประการซึ่งนำไปสู่อิสรภาพ และบากบั่นต่อไป เขาไม่เป็นคนที่ฟังแล้วหลงลืม แต่เป็นผู้ปฏิบัติตาม แล้วเขาก็จะได้รับพระพรในสิ่งที่เขากระทำ
26 ถ้าผู้ใดคิดว่าตนเคร่งในศาสนา แต่ควบคุมลิ้นไว้ไม่ได้ ก็นับว่าหลอกตนเอง ศาสนาของเขาก็ไร้ค่า 27 ศาสนาที่พระเจ้า ผู้เป็นพระบิดาของเรานับว่าบริสุทธิ์และปราศจากมลทิน คือการดูแลพวกเด็กกำพร้าและหญิงม่ายซึ่งตกทุกข์ และการรักษาตัวเองให้พ้นจากราคีของโลก
จะถึงวันที่ร้องคร่ำครวญอย่างขมขื่น
8 นี่คือภาพที่พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ให้ข้าพเจ้าแลเห็น ตะกร้าผลไม้สุก 1 ตะกร้า 2 พระองค์กล่าวดังนี้ว่า “อาโมส เจ้ามองเห็นอะไร” ข้าพเจ้าตอบว่า “ตะกร้าผลไม้สุก” และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า
“การสิ้นสุดได้มาถึงอิสราเอล ชนชาติของเราแล้ว
เราจะไม่ปล่อยพวกเขาไว้อีกต่อไป
3 ในวันนั้น เพลงในวิหาร
จะกลายเป็นการร้องไห้ฟูมฟาย”
พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนี้
“มีร่างคนตายมากมาย
พวกเขาถูกโยนไว้เกลื่อนกลาด
จงเงียบเถิด”
4 ฉะนั้น จงฟังเถิด พวกท่านที่เหยียบย่ำผู้ยากไร้
และทำให้ผู้ถูกข่มเหงของแผ่นดินจบชีวิตลง
5 พวกท่านคิดในใจดังนี้ว่า
“เมื่อไหร่ยามข้างขึ้นจะผ่านพ้นไปเสียที
พวกเราจะได้ขายธัญพืช
และเมื่อไหร่วันสะบาโตจะผ่านพ้นไปเสียที
พวกเราจะได้ประกาศขายข้าวสาลี
เพื่อพวกเราจะได้ลดปริมาณน้ำหนักเอฟาห์[a]ให้น้อยลง
เพิ่มราคาเชเขล[b]ให้มากขึ้น
และโกงด้วยตาชั่งที่ไม่เที่ยงตรง
6 เพื่อเราจะได้ซื้อผู้ขัดสนด้วยเงิน
และซื้อผู้ยากไร้ด้วยรองเท้าคู่เดียว
และขายได้แม้แต่เศษข้าวสาลี”
7 พระผู้เป็นเจ้าปฏิญาณด้วยความภูมิใจของยาโคบ[c]ดังนี้ว่า
“เราจะไม่มีวันลืมการกระทำของพวกเขาอย่างแน่นอน
8 แผ่นดินจะไม่สั่นสะเทือนเพราะเหตุนี้หรือ
ทุกคนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินจะไม่ร้องคร่ำครวญหรือ
ทั้งแผ่นดินจะเอ่อขึ้นอย่างแม่น้ำไนล์
และจะถูกซัดและจมดิ่งลงอีกอย่างแม่น้ำของอียิปต์”
9 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนี้
“ในวันนั้น เราจะทำให้ดวงอาทิตย์ตกเวลาเที่ยงวัน
และทำให้โลกมืดลงในเวลากลางวัน
10 เราจะทำให้งานฉลองเทศกาลกลับกลายเป็นการร้องคร่ำครวญ
และการร้องเพลงของพวกเจ้ากลับกลายเป็นการร้องรำพัน
เราจะให้พวกเจ้าทุกคนคาดเอวด้วยผ้ากระสอบ
และให้ศีรษะของพวกเจ้าทุกคนล้าน
เราจะทำให้เวลานั้นเป็นเหมือนการร้องคร่ำครวญถึงบุตรชายเพียงคนเดียว
และจบสิ้นด้วยวันอันขมขื่น”
11 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนี้
“ดูเถิด วันเวลาดังกล่าวกำลังจะมาถึง
เมื่อเราจะก่อให้เกิดการอดอยากทั่วทั้งแผ่นดิน
ไม่ใช่อดอยากอาหารหรือกระหายน้ำ
แต่จะอดอยากเรื่องการได้ยินคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า
12 ผู้คนจะเร่ร่อนจากทะเลแห่งหนึ่งจรดทะเลอีกแห่งหนึ่ง
และจากทิศเหนือจนถึงทิศตะวันออก
พวกเขาจะวิ่งไปมาเพื่อแสวงหาคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า
แต่พวกเขาก็จะไม่พบ
13 ในวันนั้น พรหมจาริณีรูปงามและชายหนุ่มร่างกำยำ
จะสลบจากการกระหายน้ำ
14 บรรดาผู้ที่สาบานด้วยรูปเคารพ
ที่น่าอับอายของสะมาเรีย
หรือผู้ที่พูดว่า ‘โอ เมืองดานเอ๋ย
ตราบที่เทพเจ้าของเจ้ามีชีวิตอยู่’
หรือพูดว่า ‘ตราบที่เทพเจ้าของเบเออร์เช-บามีชีวิตอยู่’
พวกเขาจะล้มลงและไม่มีวันลุกขึ้นอีก”
ยอห์นประกาศข่าวประเสริฐ
3 ในปีที่สิบห้าของรัชกาลทิเบริอัสซีซาร์ ปอนทิอัสปีลาตเป็นผู้ว่าราชการแคว้นยูเดีย เฮโรดปกครองแคว้นกาลิลี ฟีลิปผู้เป็นน้องปกครองแคว้นอิทูเรียและตราโคนิติส ลีซาเนียสปกครองแคว้นอาบีเลน 2 ในช่วงเวลาที่อันนาสกับคายาฟาสเป็นหัวหน้ามหาปุโรหิต คำกล่าวของพระเจ้าก็มาถึงยอห์นบุตรของเศคาริยาห์ ซึ่งอยู่ในถิ่นทุรกันดาร 3 ยอห์นได้เดินทางไปทั่วย่านแม่น้ำจอร์แดนเพื่อประกาศเรื่องบัพติศมา[a] ซึ่งเกิดจากการกลับใจเพื่อจะได้รับการยกโทษบาป 4 ตามที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ฉบับอิสยาห์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าว่า
“เสียงของผู้ที่ร้องในถิ่นทุรกันดาร
‘จงเตรียมทางของพระผู้เป็นเจ้าให้พร้อม
จงทำทางของพระองค์ให้ตรง
5 หุบเขาทุกแห่งจะถมให้เต็ม
ภูเขาและเนินเขาทุกลูกจะถูกลดให้ต่ำลง
ทางที่คดเคี้ยวจะกลายเป็นทางตรง
ถนนที่ขรุขระจะราบเรียบ
6 และมวลมนุษย์จะเห็นความรอดพ้นที่มาจากพระเจ้า’”[b]
7 ยอห์นจึงพูดกับหมู่ชนที่กำลังจะรับบัพติศมาจากท่านว่า “พวกชาติอสรพิษ ใครเตือนให้ท่านหนีจากการลงโทษที่จะมาถึง 8 ฉะนั้นจงประพฤติตนเพื่อพิสูจน์ว่าท่านกลับใจจากการทำบาป อย่าเริ่มพูดในหมู่ท่านว่า ‘เรามีอับราฮัมเป็นบิดาของเรา’ ข้าพเจ้าขอบอกท่านว่า พระเจ้าสามารถทำให้หินพวกนี้กลายเป็นลูกๆ ของอับราฮัมก็ได้ 9 มีขวานจ่อไว้ที่รากต้นไม้แล้ว หากว่าต้นไม้ต้นใดก็ตามไม่สามารถให้ผลงามได้ ก็จะถูกโค่นลงและถูกโยนลงในกองไฟ”
10 ฝูงชนพากันถามยอห์นว่า “แล้วเราจะทำอย่างไรเล่า” 11 ยอห์นตอบว่า “ใครที่มีเสื้อตัวใน 2 ตัวก็ควรแบ่งปันให้กับผู้ที่ไม่มี และคนที่มีอาหารก็ควรทำเช่นเดียวกัน” 12 พวกคนเก็บภาษีซึ่งมารับบัพติศมาด้วยได้ถามยอห์นว่า “อาจารย์ เราควรทำอย่างไรดี” 13 ยอห์นจึงตอบว่า “อย่าเก็บภาษีเกินกว่าที่ควรจะเก็บ” 14 พวกทหารถามขึ้นบ้างว่า “พวกเราเล่าควรทำอย่างไร” ยอห์นก็ตอบทหารว่า “อย่าบังคับขู่เข็ญเอาเงินจากผู้ใดหรือกล่าวหาแบบผิดๆ จงพอใจกับค่าจ้างที่ได้รับ”
15 ผู้คนซึ่งรอดูเหตุการณ์อยู่ต่างก็สงสัยว่ายอห์นคือพระคริสต์หรือไม่ 16 ยอห์นตอบพวกเขาว่า “ข้าพเจ้าให้บัพติศมาแก่ท่านด้วยน้ำ ทว่าเมื่อองค์ผู้มีอานุภาพยิ่งกว่าข้าพเจ้าจะมา แม้แต่เชือกผูกรองเท้าของพระองค์ ข้าพเจ้าก็มิบังควรที่จะแก้ออก พระองค์จะเป็นผู้ให้บัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และไฟ 17 พลั่วสำหรับแยกแกลบอยู่ในมือของพระองค์ เพื่อปรับลานของพระองค์ให้เรียบ และเพื่อแยกเก็บข้าวสาลีไว้ในยุ้งของพระองค์ แต่พระองค์จะเผาแกลบด้วยไฟซึ่งลุกโชติช่วงอยู่ตลอดเวลา”
18 ยอห์นได้เสนอแนะหลายสิ่งแก่ผู้คน รวมทั้งประกาศข่าวอันประเสริฐด้วย 19 เฮโรดผู้ปกครองแคว้นถูกยอห์นตำหนิเรื่องนางเฮโรเดียสน้องสะใภ้ รวมทั้งสิ่งชั่วร้ายซึ่งเฮโรดได้กระทำไว้ 20 มากไปกว่านั้น เฮโรดยังให้ยอห์นถูกจำคุก
บัพติศมาและลำดับวงศ์ของพระเยซู
21 เมื่อผู้คนทั้งปวงได้รับบัพติศมา พระเยซูก็ได้รับบัพติศมาเช่นกัน และขณะที่พระองค์กำลังอธิษฐาน สวรรค์ก็เปิด 22 พระวิญญาณบริสุทธิ์ในรูปลักษณ์ของนกพิราบลงมาอยู่เบื้องบนพระองค์ และมีเสียงจากสวรรค์ว่า “เจ้าเป็นบุตรที่รักของเรา เราพอใจในตัวเจ้ามาก”
23 เมื่อพระเยซูเริ่มรับใช้ พระองค์มีอายุประมาณ 30 ปี ตามที่คนคิดว่าพระองค์เป็นบุตรของโยเซฟ
โยเซฟเป็นบุตรของเฮลี 24 เฮลีเป็นบุตรของมัทธัต
มัทธัตเป็นบุตรของเลวี เลวีเป็นบุตรของเมลคี
เมลคีเป็นบุตรของยันนาย ยันนายเป็นบุตรของโยเซฟ
25 โยเซฟเป็นบุตรของมัทธาธีอัส มัทธาธีอัสเป็นบุตรของอาโมส
อาโมสเป็นบุตรของนาฮูม นาฮูมเป็นบุตรของเอสลี
เอสลีเป็นบุตรของนักกาย 26 นักกายเป็นบุตรของมาอาท
มาอาทเป็นบุตรของมัทธาธีอัส มัทธาธีอัสเป็นบุตรของเสเมอิน
เสเมอินเป็นบุตรของโยเสค โยเสคเป็นบุตรของโยดา
27 โยดาเป็นบุตรของโยอานัน โยอานันเป็นบุตรของเรซา
เรซาเป็นบุตรของเศรุบบาเบล เศรุบบาเบลเป็นบุตรของเชอัลทิเอล
เชอัลทิเอลเป็นบุตรของเนรี 28 เนรีเป็นบุตรของเมลคี
เมลคีเป็นบุตรของอัดดี อัดดีเป็นบุตรของโคสัม
โคสัมเป็นบุตรของเอลมาดัม เอลมาดัมเป็นบุตรของเอร์
29 เอร์เป็นบุตรของโยชูวา โยชูวาเป็นบุตรของเอลีเอเซอร์
เอลีเอเซอร์เป็นบุตรของโยริม โยริมเป็นบุตรของมัทธัต
มัทธัตเป็นบุตรของเลวี 30 เลวีเป็นบุตรของสิเมโอน
สิเมโอนเป็นบุตรของยูดาส ยูดาสเป็นบุตรของโยเซฟ
โยเซฟเป็นบุตรของโยนาม โยนามเป็นบุตรของเอลียาคิม
31 เอลียาคิมเป็นบุตรของเมเลอา เมเลอาเป็นบุตรของเมนนา
เมนนาเป็นบุตรของมัทตะธา มัทตะธาเป็นบุตรของนาธาน
นาธานเป็นบุตรของดาวิด 32 ดาวิดเป็นบุตรของเจสซี
เจสซีเป็นบุตรของโอเบด โอเบดเป็นบุตรของโบอาส
โบอาสเป็นบุตรของสัลโมน สัลโมนเป็นบุตรของนาโชน
33 นาโชนเป็นบุตรของอัมมีนาดับ อัมมีนาดับเป็นบุตรของอัดมิน
อัดมินเป็นบุตรของอารนี อารนีเป็นบุตรของเฮสโรน
เฮสโรนเป็นบุตรของเปเรศ เปเรศเป็นบุตรของยูดาห์
34 ยูดาห์เป็นบุตรของยาโคบ ยาโคบเป็นบุตรของอิสอัค
อิสอัคเป็นบุตรของอับราฮัม อับราฮัมเป็นบุตรของเทราห์
เทราห์เป็นบุตรของนาโฮร์ 35 นาโฮร์เป็นบุตรของเสรุก
เสรุกเป็นบุตรของเรอู เรอูเป็นบุตรของเปเลก
เปเลกเป็นบุตรของเอเบอร์ เอเบอร์เป็นบุตรของเชลาห์
36 เชลาห์เป็นบุตรของไคนาน ไคนานเป็นบุตรของอาร์ฟาซัด
อาร์ฟาซัดเป็นบุตรของเชม เชมเป็นบุตรของโนอาห์
โนอาห์เป็นบุตรของลาเมค 37 ลาเมคเป็นบุตรของเมธูเสลาห์
เมธูเสลาห์เป็นบุตรของเอโนค เอโนคเป็นบุตรของยาเรด
ยาเรดเป็นบุตรของมาหะลาเลเอล มาหะลาเลเอลเป็นบุตรของไคนาน
38 ไคนานเป็นบุตรของเอโนช เอโนชเป็นบุตรของเสท
เสทเป็นบุตรของอาดัม อาดัมเป็นบุตรของพระเจ้า
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation