M’Cheyne Bible Reading Plan
ผู้สืบเชื้อสายของดาวิด
3 ดาวิดมีบุตรที่เกิดในเมืองเฮโบรนคือ อัมโนนบุตรหัวปีเกิดจากนางอาหิโนอัมชาวยิสเรเอล คนที่สองคือดาเนียลเกิดจากนางอาบีกายิลชาวคาร์เมล 2 คนที่สามคืออับซาโลมเกิดจากนางมาอาคาห์บุตรหญิงของทัลมัยกษัตริย์แห่งเกชูร์ คนที่สี่คืออาโดนียาห์บุตรของนางฮักกีท 3 คนที่ห้าคือเชฟาทิยาห์เกิดจากนางอาบีทัล คนที่หกคืออิทเรอัมเกิดจากนางเอกลาห์ภรรยาของท่าน 4 บุตรที่เกิดแก่ท่านในเมืองเฮโบรนมี 6 คน ท่านครองราชย์ที่นั่นเป็นเวลา 7 ปี 6 เดือน และที่เมืองเยรูซาเล็มเป็นเวลา 33 ปี 5 บรรดาบุตรของท่านที่เกิดในเมืองเยรูซาเล็มชื่อ ชิเมอา โชบับ นาธาน และซาโลมอน บุตร 4 คนนี้เกิดจากนางบัทชูอา[a]บุตรหญิงของอัมมีเอล 6 นอกจากนั้นท่านยังมีบุตรอีก 9 คนชื่อ อิบฮาร์ เอลีชามา เอลีเฟเลท 7 โนกาห์ เนเฟก ยาเฟีย 8 เอลีชามา เอลียาดา และเอลีเฟเลท 9 พวกเขาเหล่านี้เป็นบุตรของดาวิด นอกเหนือจากบรรดาบุตรที่เกิดจากภรรยาน้อยอื่นๆ และพวกเขามีทามาร์เป็นน้องสาว
10 ซาโลมอนมีบุตรชื่อเรโหโบอัม เรโหโบอัมมีบุตรชื่ออาบียาห์ อาบียาห์มีบุตรชื่ออาสา อาสามีบุตรชื่อเยโฮชาฟัท 11 เยโฮชาฟัทมีบุตรชื่อเยโฮรัม เยโฮรัมมีบุตรชื่ออาหัสยาห์ อาหัสยาห์มีบุตรชื่อโยอาช 12 โยอาชมีบุตรชื่ออามาซิยาห์ อามาซิยาห์มีบุตรชื่ออุสซียาห์ อุสซียาห์มีบุตรชื่อโยธาม 13 โยธามมีบุตรชื่ออาหัส อาหัสมีบุตรชื่อเฮเซคียาห์ เฮเซคียาห์มีบุตรชื่อมนัสเสห์ 14 มนัสเสห์มีบุตรชื่ออาโมน อาโมนมีบุตรชื่อโยสิยาห์ 15 โยสิยาห์มีบุตรหัวปีชื่อโยฮานาน คนที่สองชื่อเยโฮยาคิม คนที่สามชื่อเศเดคียาห์ คนที่สี่ชื่อชัลลูม 16 บรรดาผู้สืบเชื้อสายของเยโฮยาคิมชื่อเยโคนิยาห์[b] เยโคนิยาห์มีบุตรชื่อเศเดคียาห์ 17 หลังจากที่เยโคนิยาห์ไปเป็นเชลย ท่านมีบุตรชื่อเชอัลทิเอล 18 มัลคีราม เปดายาห์ เชนาสซาร์ เยคามิยาห์ โฮชามา เนดาบียาห์ 19 เปดายาห์มีบุตรชื่อเศรุบบาเบล และชิเมอี บุตรของเศรุบบาเบลชื่อเมชุลลาม และฮานันยาห์ พวกเขามีน้องสาวชื่อเชโลมิท 20 บุตรคนอื่นๆ อีก 5 คนคือ ฮาชูบาห์ โอเฮล เบเรคิยาห์ ฮาสาดิยาห์ และยูชับเฮเสด 21 ฮานันยาห์มีบุตรชื่อปาลัทยาห์ และเยชายาห์ เยชายาห์มีบุตรชื่อเรไฟยาห์ เรไฟยาห์มีบุตรชื่ออาร์นัน อาร์นันมีบุตรชื่อโอบาดีห์ โอบาดีห์มีบุตรชื่อเชคานิยาห์ 22 เชคานิยาห์มีบุตรชื่อเชไมยาห์ เชไมยาห์มีบุตรชื่อ ฮัทธัช อิกาล บารียาห์ เนอารียาห์ และชาฟัท รวมทั้งหมด 6 คน 23 เนอารียาห์มีบุตร 3 คนชื่อ เอลีโอนัย เฮเสคียาห์ และอัสรีคัม 24 เอลีโอนัยมีบุตร 7 คนชื่อ โฮดาวิยาห์ เอลียาชีบ เปลายาห์ อักขูบ โยฮานาน เดไลยาห์ และอานานี
ผู้สืบเชื้อสายของยูดาห์
4 ยูดาห์มีบุตรชื่อ เปเรศ เฮสโรน คาร์มี ฮูร์ และโชบาล 2 โชบาลมีบุตรชื่อเรอายาห์ เรอายาห์เป็นบิดาของยาหาท ยาหาทเป็นบิดาของอาหุมัย และลาฮาด คนเหล่านี้เป็นครอบครัวของชาวโศราท 3 เอตามมีบุตรชื่อ ยิสเรเอล อิชมา และอิบาช พวกเขามีน้องสาวชื่อฮัสเซเลลโพนี 4 เปนูเอลเป็นบิดาของเกโดร์ เอเซอร์เป็นบิดาของหุชาห์ คนเหล่านี้เป็นบุตรของฮูร์บุตรหัวปีของเอฟราธาห์ผู้เป็นบิดาของเบธเลเฮม 5 อัชฮูร์บิดาของเทโคอา มีภรรยา 2 คนชื่อ เฮลาห์ และนาอาราห์ 6 นาอาราห์ให้กำเนิดอาหุสซาม เฮเฟอร์ เทเมนี และฮาอาหัชทารี คนเหล่านี้เป็นบรรดาบุตรของนาอาราห์ 7 เฮลาห์มีบุตรชื่อ เศเรท อิสฮาร์ และเอทนาน 8 โขสเป็นบิดาของอานูบ โศเบบาห์ และครอบครัวของอาหาร์เฮลผู้เป็นบุตรของฮารูม 9 ยาเบสเป็นคนที่น่านับถือมากกว่าพี่น้องของเขา มารดาตั้งชื่อเขาว่า ยาเบส บอกว่า “เพราะฉันคลอดเขาด้วยความเจ็บปวด” 10 ยาเบสร้องเรียกถึงพระเจ้าของอิสราเอลว่า “ขอพระองค์อวยพรข้าพเจ้า และขยายขอบเขตของข้าพเจ้า ขอพระองค์สถิตกับข้าพเจ้า ให้ข้าพเจ้าปลอดภัย และพ้นจากความเจ็บปวด” และพระเจ้าตอบตามคำขอของเขา 11 เคลูบพี่ชายของชูฮาห์ เป็นบิดาของเมฮิร์ เมฮิร์เป็นบิดาของเอชโทน 12 เอชโทนเป็นบิดาของเบธราฟา ปาเสอัค และเทหินนาห์ เทหินนาห์เป็นบิดาของอิร์นาหาช ชายเหล่านี้มาจากเรคาห์ 13 เคนัสมีบุตรชื่อ โอทนีเอล และเสไรยาห์ โอทนีเอลมีบุตรชื่อ ฮาธาท และเมโอโนธัย 14 เมโอโนธัยเป็นบิดาของโอฟราห์ เสไรยาห์เป็นบิดาของโยอาบผู้เป็นบิดาของเกหะราชิม ที่เรียกชื่อนี้ก็เพราะพวกเขาเป็นช่างฝีมือ 15 เยฟุนเนห์มีบุตรชื่อคาเลบ คาเลบมีบุตรชื่อ อิรู เอลาห์ และนาอัม บุตรของเอลาห์ชื่อเคนัส 16 เยฮาลเลเลลมีบุตรชื่อ ศิฟ ศิฟาห์ ทิรียา และอาสาเรล 17 เอสราห์มีบุตรชื่อ เยเธอร์ เมเรด เอเฟอร์ และยาโลน บิทิยาห์ธิดาของฟาโรห์ให้กำเนิดบุตรแก่เมเรดชื่อ มิเรียม ชัมมัย และอิชบาห์ซึ่งเป็นบิดาของเอชเทโมอา 18 ภรรยาชาวยูดาห์ของเขาให้กำเนิดเยเรดผู้เป็นบิดาของเกโดร์ เฮเบอร์บิดาของโสโค และเยคูธีเอลบิดาของศาโนอาห์ 19 ภรรยาของโฮดียาห์ซึ่งเป็นน้องสาวของนาฮัม มีบุตรที่เป็นบิดาของเคอีลาห์ชาวเกเรม และเอชเทโมอาชาวมาอาคาห์ 20 ชิโมนมีบุตรชื่อ อัมโนน รินนาห์ เบนฮานาน และทิโลน อิชอีมีบุตรชื่อ โศเหท และเบนโซเฮท 21 ยูดาห์มีบุตรชื่อเชลาห์ เชลาห์มีบุตรชื่อเอร์ เอร์มีบุตรชื่อเลคาห์ ลาอาดาห์เป็นบิดาของมาเรชาห์และครอบครัวในตระกูลของผู้ทอผ้าป่านแห่งเบธอัชเบ-อา 22 โยคิม ชาวเมืองโคเซ-บา โยอาช และสาราฟผู้ปกครองในโมอับ และกลับไปยังเมืองเลเฮม (ข้อความที่บันทึกนี้มีมาแต่โบราณกาล) 23 คนเหล่านี้เป็นช่างปั้นหม้อที่เป็นผู้อยู่อาศัยของเมืองเนทาอิมและเกเดราห์ พวกเขารับใช้กษัตริย์อยู่ที่นั่น
ผู้สืบเชื้อสายของสิเมโอน
24 สิเมโอนมีบุตรชื่อ เนมูเอล ยามีน ยารีบ เศรัค และชาอูล 25 ชาอูลมีบุตรชื่อชัลลูม ชัลลูมมีบุตรชื่อมิบสัม มิบสัมมีบุตรชื่อมิชมา 26 มิชมามีบุตรชื่อฮัมมูเอล ฮัมมูเอลมีบุตรชื่อศัคเคอร์ ศัคเคอร์มีบุตรชื่อชิเมอี 27 ชิเมอีมีบุตรชาย 16 คน และบุตรหญิง 6 คน แต่พี่น้องผู้ชายของชิเมอีมีบุตรไม่มากนัก และครอบครัวของพวกเขาไม่ทวีขึ้นเหมือนกับชาวยูดาห์ 28 พวกเขาอาศัยอยู่ในเมืองเบเออร์เช-บา โมลาดาห์ ฮาซาร์ชูอาล 29 บิลฮาห์ เอเซม โทลัด 30 เบธูเอล โฮร์มาห์ ศิกลาก 31 เบธมาร์คาโบท ฮาซาร์สูสิม เบธบิรี และที่ชาอาราอิม เมืองเหล่านี้เป็นของพวกเขาจนกระทั่งดาวิดครองราชย์ 32 และนอกจากหมู่บ้านของพวกเขาแล้ว ยังมีอีก 5 เมืองคือ เอตาม อายิน ริมโมน โทเคน และอาชาน 33 รวมทั้งหมู่บ้านทั้งหมดที่อยู่รอบเมืองเหล่านี้ ไกลออกไปจนถึงบาอัล ที่เหล่านี้เป็นที่อยู่อาศัยของพวกเขา และมีบันทึกลำดับเชื้อสายไว้ด้วย
34 เมโชบับ ยัมเลค โยชาห์บุตรของอามาซิยาห์ 35 โยเอล เยฮูบุตรของโยชิบียาห์ โยชิบียาห์เป็นบุตรของเสไรยาห์ เสไรยาห์เป็นบุตรของอาสิเอล 36 เอลีโอนัย ยาอาโคบาห์ เยโชฮายาห์ อาสายาห์ อาดีเอล เยสิมีเอล เบไนยาห์ 37 ศีศาบุตรของชิฟี ชิฟีเป็นบุตรของอาโลน อาโลนเป็นบุตรของเยดายาห์ เยดายาห์เป็นบุตรของชิมรี ชิมรีเป็นบุตรของเชไมยาห์ 38 ชื่อที่กล่าวข้างต้นเป็นหัวหน้าครอบครัวของพวกเขา และตระกูลก็เพิ่มมากขึ้น 39 พวกเขาเดินทางไปถึงทางเข้าเมืองที่เกโดร์ ถึงด้านตะวันออกของหุบเขา เพื่อหาทุ่งหญ้าให้ฝูงแพะแกะของเขา 40 ที่นั่นพวกเขาพบทุ่งหญ้าอุดมและงามดี และแผ่นดินก็กว้างโล่ง เงียบ และสงบ เพราะว่าผู้อาศัยที่อยู่ก่อนหน้านี้เป็นลูกหลานของฮาม 41 คนที่มีชื่อบันทึกไว้ข้างต้นได้เข้ามาในสมัยของเฮเซคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์[c] และทำลายกระโจมของพวกฮาม และกำจัดชาวเมอูนที่พบอยู่ที่นั่น และกวาดล้างพวกเขาจนหมดสิ้น ดังที่เป็นอยู่จนถึงทุกวันนี้ และตั้งรกรากอยู่ในที่ของพวกเขา เพราะว่าที่นั่นมีทุ่งหญ้าสำหรับฝูงแพะแกะ 42 มีพวกเขาบางคน คือชายชาวสิเมโอน 500 คน ไปที่แถบภูเขาเสอีร์ ผู้ที่นำพวกเขาไปเป็นบุตรของอิชอีคือ ปาลัทยาห์ เนอารียาห์ เรไฟยาห์ และอุสซีเอล 43 เขาเหล่านั้นฆ่าชาวอามาเลขที่ยังมีชีวิตเหลืออยู่เพียงไม่กี่คน และพวกเขาก็ได้อาศัยอยู่ที่นั่นมาจนถึงทุกวันนี้
นมัสการในกระโจม
9 แม้พันธสัญญาแรกก็ยังมีกฎเกณฑ์ในการนมัสการ และมีสถานที่บริสุทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้าซึ่งมนุษย์ทำขึ้นมา 2 เพราะว่ามีกระโจมเตรียมไว้ที่ห้องด้านนอก ซึ่งมีคันประทีป โต๊ะ และขนมปังอันบริสุทธิ์ ห้องนี้เรียกว่าวิสุทธิสถาน 3 และด้านหลังม่านชั้นที่ 2 มีห้องซึ่งเรียกว่า อภิสุทธิสถาน 4 ซึ่งมีแท่นบูชาทำด้วยทองคำสำหรับเผาเครื่องหอม และมีหีบพันธสัญญาที่หุ้มด้วยทองคำทุกด้าน หีบนี้มีโถทองคำซึ่งบรรจุมานา มีไม้เท้าของอาโรนที่ผลิดอกตูม และมีศิลา 2 แผ่นซึ่งมีพันธสัญญาจารึกไว้ 5 เหนือหีบใบนี้มีรูปปั้นเครูบ[a]ซึ่งแสดงพระสง่าราศีของพระเจ้า และกางปีกปกฝาหีบแห่งการชดใช้บาป แต่ในเวลานี้เราจะพูดถึงเรื่องเหล่านี้อย่างละเอียดไม่ได้
6 เมื่อจัดเตรียมสิ่งเหล่านี้ไว้แล้ว บรรดาปุโรหิตก็เข้าไปในกระโจมด้านนอกเป็นประจำเพื่อนมัสการตามหน้าที่ 7 มีแต่หัวหน้ามหาปุโรหิตเท่านั้นที่เข้าไปในห้องด้านในได้เพียงปีละครั้ง และจะต้องนำเลือดเข้าไปถวายเพื่อตนเอง และเพื่อบาปทั้งหลายของมนุษย์ที่ทำไปโดยไม่เจตนา 8 พระวิญญาณบริสุทธิ์แสดงให้เห็นจากการปฏิบัติตามที่กล่าวมานี้ว่า ทางเข้าไปสู่อภิสุทธิสถานยังไม่เปิด ตราบที่กระโจมด้านนอกยังตั้งอยู่ 9 นี่คือภาพที่แสดงให้เห็นถึงยุคปัจจุบัน ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ของบรรณาการและเครื่องสักการะทั้งหลายที่ถวาย ไม่สามารถทำให้มโนธรรมของผู้นมัสการสะอาดได้ 10 ในเมื่อเป็นเพียงเรื่องอาหารและเครื่องดื่ม และพิธีชำระล้างด้วยวิธีต่างๆ กัน อันเป็นกฎเกณฑ์สำหรับร่างกาย ซึ่งใช้ได้จนกระทั่งถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแปลงแก้ไขใหม่
โลหิตของพระคริสต์
11 เมื่อพระคริสต์มาในฐานะหัวหน้ามหาปุโรหิตของสิ่งประเสริฐต่างๆ ที่เราได้รับแล้ว พระองค์ก็ได้เข้าสู่กระโจมที่ยิ่งใหญ่และบริบูรณ์กว่า ซึ่งไม่ได้ทำขึ้นด้วยมือมนุษย์ คือไม่ได้เป็นส่วนของโลกที่ถูกสร้างขึ้น 12 พระองค์ไม่ได้เข้าไปด้วยเลือดแพะ และเลือดลูกโค แต่พระองค์เข้าไปในอภิสุทธิสถานด้วยโลหิตของพระองค์เอง เพียงครั้งเดียวเป็นพอ เราจึงได้มาซึ่งการไถ่อันเป็นนิรันดร์ 13 ถ้าเลือดแพะ และโคตัวผู้ และเถ้าจากลูกโคตัวเมีย ที่ประพรมลงบนคนที่มีมลทิน เพื่อชำระให้มนุษย์บริสุทธิ์ภายนอกได้ 14 ดังนั้นโลหิตของพระคริสต์จะชำระล้างมโนธรรมของเราจากการกระทำอันไร้ประโยชน์ เพื่อรับใช้พระเจ้าผู้ดำรงอยู่ได้มากกว่าเพียงไร ด้วยเหตุว่า พระองค์ได้ถวายพระองค์เองผู้ปราศจากตำหนิแด่พระเจ้า โดยผ่านพระวิญญาณอันเป็นนิรันดร์
15 และด้วยเหตุนี้ พระคริสต์จึงเป็นคนกลางของพันธสัญญาใหม่ ระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ เพื่อว่าบรรดาผู้ที่พระเจ้าเรียก จะได้รับมรดกอันเป็นนิรันดร์ซึ่งเป็นพระสัญญา เพราะพระองค์ได้สิ้นชีวิต เพื่อเป็นค่าไถ่ให้พวกเขาเป็นอิสระจากการล่วงละเมิดภายใต้บังคับของพันธสัญญาแรก 16 ในกรณีที่เกี่ยวกับหนังสือพินัยกรรม จำเป็นต้องพิสูจน์ว่าผู้ทำหนังสือนั้นตายแล้ว 17 เพราะหนังสือพินัยกรรมจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อคนนั้นตายแล้ว และยังใช้ไม่ได้หากว่าคนที่ทำหนังสือยังมีชีวิตอยู่ 18 เหตุฉะนั้นแม้พันธสัญญาแรกจะใช้ได้ ก็ต่อเมื่อมีการใช้เลือด 19 เมื่อโมเสสได้ประกาศพระบัญญัติทุกข้อแก่คนทั้งปวงตามกฎบัญญัติแล้ว ท่านใช้ขนสัตว์สีแดงสดกับไม้หุสบ จุ่มเลือดลูกโคกับเลือดแพะผสมน้ำ ประพรมหนังสือม้วนและคนทั้งปวง 20 ท่านกล่าวว่า “นี่คือเลือดแห่งพันธสัญญา ซึ่งพระเจ้าได้สั่งให้พวกท่านรักษาไว้”[b] 21 ในวิธีเดียวกันท่านก็ได้ประพรมกระโจมและทุกสิ่งที่ใช้ในพิธีด้วยเลือด 22 ตามกฎบัญญัติแล้ว เกือบทุกสิ่งได้รับการชำระด้วยเลือด และถ้าปราศจากการหลั่งเลือดแล้วก็จะไม่มีการให้อภัยโทษ
23 ฉะนั้น จึงจำเป็นต้องให้สิ่งที่ทำขึ้นตามแบบอย่างสวรรค์ ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ด้วยเครื่องสักการะเหล่านี้ แต่สิ่งซึ่งเป็นอย่างสวรรค์เองต้องมีเครื่องสักการะที่ดีกว่านี้ 24 ด้วยว่าพระคริสต์ไม่ได้เข้าสู่สถานที่บริสุทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้าซึ่งเป็นแบบของจริงด้วยมือมนุษย์ แต่ได้เข้าสู่สวรรค์อันแท้จริง และบัดนี้พระองค์ปรากฏต่อหน้าพระเจ้าเพื่อพวกเรา 25 พระองค์ไม่ได้เข้าสู่สวรรค์เพื่อถวายตัวครั้งแล้วครั้งเล่า ตามแบบของหัวหน้ามหาปุโรหิตที่เข้าไปในอภิสุทธิสถานทุกปี พร้อมกับเอาเลือดที่ไม่ใช่ของตนเองไป 26 มิฉะนั้น พระองค์จะต้องทนทุกข์บ่อยครั้งนับตั้งแต่การสร้างโลกแล้ว แต่บัดนี้พระองค์ได้ปรากฏเพียงครั้งเดียวเป็นพอในปลายยุค เพื่อกำจัดบาป โดยสละชีวิตของพระองค์เองเป็นเครื่องสักการะ 27 มนุษย์ทุกคนถูกกำหนดให้ตายครั้งเดียว และจากนั้นก็มีการพิพากษาฉันใด 28 พระคริสต์ก็เป็นเครื่องลบล้างบาปครั้งเดียว เพื่อกำจัดบาปทั้งปวงของมนุษย์จำนวนมากฉันนั้น พระองค์จะปรากฏเป็นครั้งที่สองมิใช่เพื่อรับบาปไป แต่เพื่อนำความรอดพ้นมาให้บรรดาผู้ที่รอคอยพระองค์อยู่ด้วยใจจดจ่อ
ความผิดของอิสราเอลและการลงโทษ
3 โอ ชาวอิสราเอลเอ๋ย จงฟังสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวคัดค้านพวกท่าน คัดค้านครอบครัวทั้งหมดที่พระองค์ได้นำออกจากแผ่นดินอียิปต์
2 “จากบรรดาครอบครัวทั้งปวงบนแผ่นดินโลก
มีพวกเจ้าเท่านั้นที่เราเลือกไว้แล้ว
ฉะนั้น เราจะลงโทษพวกเจ้า
เพราะบาปทั้งสิ้นของเจ้า”
3 คนสองคนเดินไปด้วยกันได้หรือ
นอกจากว่า เขาจะตกลงกันก่อน
4 สิงโตจะคำรามในป่าหรือ
เมื่อมันไม่มีเหยื่อ
แล้วมันจะทำเสียงขู่ในถ้ำของมันหรือ
เมื่อมันจับอะไรไม่ได้
5 นกติดกับดักที่พื้นดิน
เมื่อไม่มีบ่วงแร้วที่วางไว้หรือ
กับดักกระเด้งขึ้นจากพื้นดิน
เมื่อไม่มีอะไรจะจับหรือ
6 เมื่อแตรงอนส่งเสียงในเมือง
ประชาชนจะไม่หวาดกลัวหรือ
ความวิบัติเกิดขึ้นกับเมืองได้หรือ
ถ้าพระผู้เป็นเจ้าไม่เป็นผู้กระทำ
7 ด้วยว่า พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ไม่ทำสิ่งใด
โดยไม่เผยความลับให้แก่บรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า
ให้ผู้รับใช้ของพระองค์ทราบ
8 เมื่อสิงโตคำรามแล้ว
ใครจะไม่กลัว
เมื่อพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ได้กล่าวแล้ว
ใครจะทำสิ่งใดได้นอกจากจะเผยความ
9 “จงประกาศแก่ป้อมปราการในอัชโดด
และแก่ป้อมปราการในแผ่นดินอียิปต์ว่า
จงเรียกประชุมให้พร้อมหน้าบนเทือกเขาของสะมาเรีย[a]
และดูความชุลมุนในเมือง
และการข่มเหงเกิดขึ้นท่ามกลางประชาชน”
10 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า
“พวกเขาไม่รู้จักทำสิ่งที่ถูกต้อง
สิ่งที่สะสมไว้ในป้อมปราการของพวกเขาคือ
การกระทำที่รุนแรงและเสียหายยับเยิน”
11 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า
“ศัตรูจะล้อมแผ่นดิน
และจะทำลายผู้คุ้มกันให้พ่ายแพ้
และป้อมปราการของเจ้าจะถูกปล้น”
12 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า “ผู้เลี้ยงดูฝูงแกะคว้ากระดูกขา 2 ท่อนหรือติ่งหูให้รอดจากปากสิงโตไว้ได้ฉันใด ชาวอิสราเอลที่อาศัยอยู่ในสะมาเรียก็จะเอาตัวรอดได้ฉันนั้น คือคนนั่งที่มุมเตียงและบนผ้าคลุมเตียงจากดามัสกัส”
13 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวดังนี้
“พวกเจ้าจงฟัง
และเป็นพยานฟ้องพงศ์พันธุ์ยาโคบว่า
14 ในวันที่เราลงโทษอิสราเอลเพราะบาปของเขา
เราจะทำลายแท่นบูชาที่เบธเอล[b]
เชิงงอนรูปเขาสัตว์ของแท่นบูชาจะถูกตัด
และตกลงบนพื้นดิน
15 เราจะพังบ้านฤดูหนาว
พร้อมกับบ้านฤดูร้อนลง
บ้านที่ตกแต่งด้วยงาช้างจะถูกพังทลายลง
บ้านหรูๆ ทั้งหลายจะพังพินาศ”
พระผู้เป็นเจ้าประกาศ
ไว้ใจพระเจ้า ไม่ใช่มนุษย์
1 สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
โอ จิตวิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าเถิด
2 ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าไปชั่วชีวิต
ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญถวายแด่พระเจ้าของข้าพเจ้าตราบที่มีชีวิตอยู่
3 อย่าวางใจในบรรดาเจ้าขุนมูลนาย
หรือมนุษย์อื่นซึ่งไม่สามารถช่วยให้รอดพ้นได้
4 เมื่อเขาหมดลมหายใจ เขาก็กลับคืนสู่ดิน
แผนการต่างๆ ที่วางไว้ก็เป็นอันจบสิ้นในวันนั้นเอง
5 คนที่พระเจ้าของยาโคบช่วยเหลือไว้
คนที่มีความหวังในพระผู้เป็นเจ้าซึ่งเป็นพระเจ้าของเขา ก็เป็นสุข
6 พระองค์ได้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก
ทะเลและทุกสิ่งที่มีอยู่ในที่เหล่านั้น[a]
พระองค์รักษาสัญญาเสมอ
7 พระองค์คุ้มครองผู้ถูกบีบบังคับ
และให้อาหารแก่ผู้หิวโหย
พระผู้เป็นเจ้าปล่อยพวกถูกคุมขังให้เป็นอิสระ
8 พระผู้เป็นเจ้าทำให้คนตาบอดมองเห็น
พระผู้เป็นเจ้าพยุงพวกเขาขึ้นมาจากความสิ้นหวัง
พระผู้เป็นเจ้ารักผู้มีความชอบธรรม
9 พระผู้เป็นเจ้าคุ้มครองคนต่างด้าว
พระองค์บรรเทาทุกข์ของหญิงม่ายและเด็กกำพร้า
แต่พระองค์ทำลายหนทางของคนชั่วร้าย
10 พระผู้เป็นเจ้าครองบัลลังก์อยู่ตลอดกาล
โอ ศิโยนเอ๋ย พระเจ้าของเจ้าครองอยู่ทุกชั่วอายุคน
จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
ทุกสิ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของพระเจ้า
1 จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
เพราะเป็นสิ่งดีที่จะได้ร้องเพลงถวายแด่พระเจ้าของเรา
เพราะเพลงสรรเสริญนั้นทำให้เบิกบานใจและยังเหมาะสมอีกด้วย
2 พระผู้เป็นเจ้าสร้างเยรูซาเล็มขึ้นใหม่
พระองค์รวบรวมชาวอิสราเอลที่ถูกขับไล่
3 พระองค์เป็นผู้รักษาคนชอกช้ำใจ
และพันบาดแผลให้เขา
4 พระองค์กำหนดจำนวนดวงดาว
และตั้งชื่อให้ดาวทุกดวง
5 พระผู้เป็นเจ้าของเราใหญ่ยิ่งและมีอานุภาพเป็นที่สุด
ความเข้าใจของพระองค์ไม่มีขอบเขตจำกัด
6 พระผู้เป็นเจ้าปลดเปลื้องความทุกข์ของคนที่ถูกบีบบังคับ
พระองค์ทำให้คนชั่วร้ายสยบจนจมดิน
7 จงร้องเพลงถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าด้วยการขอบคุณพระองค์
จงบรรเลงเพลงแด่พระเจ้าด้วยพิณเล็ก
8 พระองค์คลุมฟ้าสวรรค์ด้วยก้อนเมฆ
พระองค์เตรียมฝนไว้ให้แผ่นดินโลก
และทำให้ต้นหญ้าเติบโตบนภูเขา
9 พระองค์ให้อาหารแก่สัตว์
และพวกลูกกาที่ขับขาน
10 ความชื่นชมยินดีของพระองค์ไม่ได้อยู่ที่พละกำลังของม้า
และความพอใจของพระองค์ไม่ได้อยู่ที่แข้งขาของมนุษย์
11 แต่ความเปรมปรีดิ์ของพระผู้เป็นเจ้าอยู่ที่ผู้เกรงกลัวพระองค์
และบรรดาผู้หวังใจในความรักอันมั่นคงของพระองค์
12 เยรูซาเล็มเอ๋ย จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าเถิด
โอ ศิโยนเอ๋ย สรรเสริญพระเจ้าของเจ้าเถิด
13 เพราะพระองค์ทำให้ดาลประตูของเจ้าแข็งแรง
พระองค์ให้พรแก่คนของเจ้า
14 พระองค์สร้างสันติสุขให้เกิดในเขตแดนของเจ้า
พระองค์ให้เจ้ากินข้าวสาลีชั้นเยี่ยมจนอิ่มหนำ
15 พระองค์มีคำบัญชาไปยังแผ่นดินโลก
คำกล่าวของพระองค์ไปถึงที่หมายอย่างรวดเร็ว
16 พระองค์โปรยหิมะที่ปุยราวกับขนแกะ
พระองค์โปรยน้ำค้างแข็งราวกับขี้เถ้า
17 พระองค์ปาลูกเห็บออกไปราวกับก้อนกรวด
ใครจะทนความหนาวเย็นที่มาจากพระองค์ได้
18 พระองค์ออกคำสั่งของพระองค์ไป แล้วน้ำแข็งก็ละลาย
พระองค์ผ่อนลมหายใจออก น้ำก็จะไหลไป
19 พระองค์ประกาศคำกล่าวของพระองค์แก่ยาโคบ
กฎเกณฑ์และคำบัญชาของพระองค์แก่อิสราเอล
20 พระองค์ไม่ได้กระทำอย่างนี้กับประชาชาติทั้งปวง
พวกเขาไม่ทราบคำบัญชาของพระองค์
จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation