M’Cheyne Bible Reading Plan
ตั้งหีบไว้ในกระโจม
16 เขาทั้งหลายนำหีบของพระเจ้าเข้ามาไว้ในกระโจมที่ดาวิดกางไว้พร้อมแล้ว และมอบสัตว์ที่เผาเป็นของถวายและของถวายเพื่อสามัคคีธรรม ณ เบื้องหน้าพระเจ้า 2 เมื่อดาวิดมอบสัตว์ที่เผาเป็นของถวายและของถวายเพื่อสามัคคีธรรมเสร็จแล้ว ท่านก็อวยพรประชาชนในพระนามของพระผู้เป็นเจ้า 3 และแจกขนมปังให้คนละก้อน เนื้อคนละก้อน และขนมลูกเกดคนละก้อน ให้แก่ชาวอิสราเอลทั้งชายและหญิง
4 จากนั้นท่านก็กำหนดชาวเลวีบางคนให้รับใช้ ณ เบื้องหน้าหีบของพระผู้เป็นเจ้า เพื่ออธิษฐาน ขอบคุณ และสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล 5 อาสาฟเป็นหัวหน้า คนรองจากเขาคือ เศคาริยาห์ เยอีเอล เชมิราโมท เยฮีเอล มัททีธิยาห์ เอลีอับ เบไนยาห์ โอเบดเอโดม และเยอีเอล ผู้เป็นคนเล่นพิณสิบสายและพิณเล็ก อาสาฟเป็นผู้ตีฉาบ 6 และเบไนยาห์กับยาฮาซีเอลปุโรหิตเป็นผู้เป่าแตรยาวเป็นประจำ ณ เบื้องหน้าหีบพันธสัญญาของพระเจ้า 7 ในวันนั้นดาวิดกำหนดเป็นครั้งแรกให้อาสาฟและญาติของเขาเป็นผู้ร้องเพลงขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า
เพลงขอบคุณของดาวิด
8 จงขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า ร้องเรียกพระนามของพระองค์
ให้สิ่งที่พระองค์กระทำเป็นที่รู้จักในบรรดาชนชาติ
9 จงร้องเพลงถวายแด่พระองค์ จงร้องเพลงสรรเสริญถวายแด่พระองค์
จงประกาศการกระทำอันมหัศจรรย์ทั้งสิ้นของพระองค์
10 สรรเสริญพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์ด้วยความภาคภูมิ
ให้บรรดาผู้แสวงหาพระผู้เป็นเจ้ามีใจยินดีเถิด
11 จงแสวงหาพระผู้เป็นเจ้าและพละกำลังของพระองค์
จงเข้าเฝ้าพระองค์เสมอ
12 จงระลึกถึงสิ่งมหัศจรรย์ที่พระองค์ได้กระทำ
สิ่งอัศจรรย์และการพิพากษาลงโทษที่พระองค์กล่าว
13 โอ บรรดาผู้สืบเชื้อสายของอิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์
บรรดาบุตรของยาโคบ คนที่พระองค์เลือก
14 พระองค์คือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเรา
การพิพากษาลงโทษของพระองค์มีอยู่ทั่วทั้งแผ่นดินโลก
15 พระองค์ระลึกถึงพันธสัญญาของพระองค์ตลอดกาล
ระลึกถึงคำบัญชาของพระองค์นานนับพันชั่วอายุคน
16 พันธสัญญาซึ่งพระองค์ทำไว้กับอับราฮัม
และสัญญาที่พระองค์ได้ปฏิญาณไว้กับอิสอัค
17 ซึ่งพระองค์ยืนยันว่าเป็นกฎเกณฑ์แก่ยาโคบ
เป็นพันธสัญญาอันเป็นนิรันดร์แก่อิสราเอล
18 โดยกล่าวว่า “เราจะยกดินแดนคานาอันให้แก่เจ้า
เป็นส่วนแบ่งที่เจ้าจะได้รับเป็นมรดก”[a]
19 ในเวลาที่พวกเจ้ามีจำนวนน้อย
เป็นกลุ่มเล็กๆ และอาศัยอยู่ที่นั่นเพียงชั่วคราว
20 ระหกระเหินจากประชาชาติหนึ่งไปยังอีกประชาชาติหนึ่ง
และจากอาณาจักรหนึ่งไปยังอีกชนชาติหนึ่ง
21 พระองค์ไม่ยอมให้ใครมาบีบบังคับพวกเขา
พระองค์เตือนบรรดากษัตริย์เพื่อเห็นแก่พวกเขา
22 โดยกล่าวว่า “อย่าแตะต้องบรรดาผู้ที่เราเจิมไว้
อย่าทำร้ายบรรดาผู้เผยคำกล่าวของเรา”
23 จงร้องเพลงบทใหม่ถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า ทั่วทั้งโลกเอ๋ย
ประกาศความรอดพ้นที่มาจากพระองค์โดยไม่เว้นวัน
24 บอกเล่าถึงพระบารมีของพระองค์ท่ามกลางบรรดาประชาชาติ
การกระทำอันมหัศจรรย์ท่ามกลางชนชาติทั้งปวง
25 เพราะพระผู้เป็นเจ้ายิ่งใหญ่และสมควรแก่การสรรเสริญยิ่งนัก
พระองค์เป็นที่น่าเกรงขามเหนือเทพเจ้าทั้งปวง
26 เพราะว่า เทพเจ้าทั้งปวงของบรรดาชนชาติเป็นเพียงรูปเคารพ
แต่พระผู้เป็นเจ้าสร้างฟ้าสวรรค์
27 ความเรืองรองและความยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหน้าพระองค์
พละกำลังและความยินดีอยู่ในที่พำนักของพระองค์
28 เหล่าตระกูลของบรรดาชนชาติจงป่าวร้องแด่พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงป่าวร้องว่า พระผู้เป็นเจ้ากอปรด้วยพระบารมีและพลานุภาพ
29 จงป่าวร้องว่า พระนามของพระผู้เป็นเจ้ายิ่งใหญ่
จงนำของถวายมาและอยู่ ณ เบื้องหน้าพระองค์
กราบนมัสการพระผู้เป็นเจ้าในความบริสุทธิ์ของพระองค์
30 ทั่วทั้งโลกจงสั่นสะท้าน ณ เบื้องหน้าพระองค์
โลกถูกสร้างขึ้นอย่างมั่นคง และไม่อาจเคลื่อนย้ายไปที่ใด
31 ให้ฟ้าสวรรค์ชื่นชมยินดี ให้แผ่นดินโลกเริงร่า
และให้สิ่งเหล่านี้พูดในท่ามกลางบรรดาประชาชาติว่า “พระผู้เป็นเจ้าครอบครอง”
32 ให้ทะเลและสรรพสิ่งที่อยู่ในนั้นส่งเสียงครืนครั่น
ให้ทุ่งนาและทุกสิ่งในนั้นเปรมปรีด์
33 แล้วให้ต้นไม้ทุกต้นในป่าไม้ส่งเสียงร้อง
ด้วยความยินดี ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า
เพราะพระองค์จะมาพิพากษาแผ่นดินโลก
34 จงขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์ประเสริฐ
เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
35 จงกล่าวเช่นนี้ด้วยว่า
“โอ พระเจ้าแห่งความรอดพ้นของเรา ช่วยพวกเราให้รอดพ้นเถิด
ขอรวบรวมและช่วยพวกเราให้พ้นจากบรรดาประชาชาติ
เพื่อขอบคุณพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์
และสรรเสริญพระองค์อย่างภาคภูมิใจ
36 สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล
จากนิรันดร์กาลจนถึงนิรันดร์กาล”
ครั้นแล้วชนชาติทั้งปวงก็กล่าวว่า “อาเมน” และสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
นมัสการที่เบื้องหน้าหีบพันธสัญญา
37 ดาวิดให้อาสาฟและพี่น้องของเขาปฏิบัติงาน ณ เบื้องหน้าหีบพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้า เพื่อรับใช้ที่เบื้องหน้าหีบเป็นประจำตามข้อกำหนดของแต่ละวัน 38 โดยให้โอเบดเอโดมและพี่น้องของเขา 68 คนปรนนิบัติด้วย ในขณะที่ให้โอเบดเอโดมบุตรของเยดูธูน และโฮสาห์ เป็นนายประตู 39 ท่านให้ศาโดกปุโรหิต และพี่น้องของเขาที่เป็นปุโรหิตอยู่ที่สถานบูชาบนภูเขาสูงในกิเบโอน 40 เพื่อมอบสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าบนแท่นบูชาสำหรับเผาสัตว์เพื่อเป็นของถวาย เป็นประจำทั้งเช้าและเย็น เพื่อปฏิบัติตามทุกอย่างที่บันทึกในกฎบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งพระองค์บัญชากับอิสราเอล 41 ผู้ที่อยู่กับพวกเขาคือ เฮมาน เยดูธูน และคนอื่นๆ ที่ถูกเลือกและกำหนดชื่อให้เป็นผู้ขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล 42 เฮมานและเยดูธูนมีแตรยาวและฉาบเป็นเครื่องดนตรี เพื่อบรรเลงเพลงอันบริสุทธิ์ บรรดาบุตรของเยดูธูนถูกกำหนดให้อยู่ที่ประตู
43 ครั้นแล้วคนทั้งปวงก็กลับไปยังบ้านของตน และดาวิดกลับไปบ้านหาครอบครัวของท่าน
ทำลิ้นให้เชื่อง
3 พี่น้องของข้าพเจ้าเอ๋ย อย่าเป็นครูอาจารย์กันหลายคนเลย เพราะท่านทราบว่า พวกเราผู้สอนจะถูกพิพากษาอย่างเข้มงวดมากกว่า 2 เพราะเราทุกคนผิดพลาดหลายอย่าง ถ้าผู้ใดไม่ทำผิดพลาดไปจากสิ่งที่ตนพูด เขาก็เป็นคนดีโดยเพียบพร้อมทุกประการ สามารถควบคุมตนเองได้หมด 3 ถ้าเราเอาบังเหียนใส่ปากม้า เพื่อให้มันเชื่อฟังเรา เราก็ควบคุมม้าทั้งตัวได้ด้วย 4 ดูเถิด เรือก็เช่นกัน แม้ว่าจะมีขนาดใหญ่และถูกลมแรงพัด ก็ยังถูกควบคุมด้วยหางเสือเล็กๆ ที่นายท้ายใช้บังคับทิศทาง 5 ลิ้นก็เช่นเดียวกัน เป็นส่วนเล็กของร่างกาย แต่ยังโอ้อวดเรื่องที่ยิ่งใหญ่
ดูเถิดว่า ป่าใหญ่ถูกไฟไหม้ได้ด้วยเปลวไฟเล็กๆ 6 ลิ้นก็เป็นเหมือนไฟ ลิ้นเป็นเสมือนโลกที่ไม่มีความชอบธรรม ซึ่งอยู่ร่วมกับส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ลิ้นทำให้ทั้งร่างกายเป็นมลทิน ทำให้ตลอดทั้งชีวิตถูกไฟลุกไหม้ และลิ้นติดไฟจากนรกได้
7 สัตว์ทุกชนิด นก สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์ในทะเลถูกทำให้เชื่องได้ และมนุษย์เป็นคนทำให้เชื่อง 8 แต่ไม่มีผู้ใดสามารถทำให้ลิ้นเชื่องได้ ลิ้นเป็นสิ่งชั่วที่อยู่ไม่สุขและเต็มด้วยพิษร้ายถึงตาย 9 เราสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าและพระบิดาของเราด้วยลิ้น และด้วยลิ้น เราก็สาปแช่งคนซึ่งถูกสร้างขึ้นตามคุณลักษณะของพระเจ้า 10 ทั้งคำสรรเสริญและคำสาปแช่งออกมาจากปากเดียวกัน พี่น้องของข้าพเจ้าเอ๋ย ไม่ควรให้เป็นเช่นนั้นเลย 11 บ่อน้ำพุมีทั้งน้ำจืดและน้ำเค็มพุ่งออกมาทางช่องเดียวกันได้หรือ 12 พี่น้องของข้าพเจ้าเอ๋ย ต้นมะเดื่อจะออกผลเป็นมะกอก หรือเถาองุ่นออกผลเป็นมะเดื่อได้ไหม บ่อน้ำพุเค็มก็ไม่สามารถให้น้ำจืดได้เช่นกัน
สติปัญญาจากเบื้องบน
13 ใครในพวกท่านบ้างที่มีสติปัญญาและเฉลียวฉลาด จงให้ผู้นั้นแสดงความประพฤติที่ดีงาม คือการกระทำซึ่งแสดงออกถึงการถ่อมตัวอันเนื่องมาจากสติปัญญา 14 แต่หากใจของท่านเต็มด้วยความอิจฉาและความทะเยอทะยานที่เห็นแก่ตัว ก็อย่าโอ้อวดตัว และคิดผิดจากความเป็นจริงเลย 15 สติปัญญาเช่นนี้ไม่ได้ลงมาจากเบื้องบน แต่เป็นปัญญาอย่างโลกซึ่งไม่ใช่ฝ่ายวิญญาณ คือเป็นอย่างมาร 16 ที่ใดมีความอิจฉาและความทะเยอทะยานที่เห็นแก่ตัว ที่นั่นมีความไม่เป็นระเบียบและมีความชั่วทุกชนิด 17 แต่สติปัญญาที่มาจากเบื้องบนบริสุทธิ์เป็นประการแรก แล้วจึงเป็นความสงบสุข อ่อนโยน ยอมเชื่อฟัง เปี่ยมด้วยความเมตตาและการกระทำที่ดี ไม่อ่อนไหวง่าย ไม่หน้าไหว้หลังหลอก 18 ผู้ที่สร้างสันติก็หว่านเมล็ดที่มีสันติ และจะเก็บเกี่ยวผลคือความชอบธรรม
1 ภาพนิมิตของโอบาดีห์
เอโดมจะต้องถ่อมตัวลง
พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวถึงเอโดม[a]ดังนี้
พวกเราได้รับข้อความจากพระผู้เป็นเจ้า
และผู้ส่งข่าวผู้หนึ่งถูกส่งให้ไปยังบรรดาประชาชาติ เพื่อบอกดังนี้ว่า
“จงเตรียมพร้อม พวกเราจงพร้อมที่จะสู้รบกับเอโดม”
2 “ดูเถิด เราจะทำให้เจ้าด้อยในท่ามกลางบรรดาประชาชาติ
เจ้าจะถูกดูหมิ่นอย่างมาก
3 ใจหยิ่งยโสของเจ้าได้ลวงเจ้าแล้ว
เจ้าอาศัยอยู่ในซอกหิน
และทำที่อยู่อาศัยบนภูเขาสูง
เจ้าคิดในใจว่า
‘ใครจะทำให้เราลงมายังพื้นดินได้’
4 แม้ว่าเจ้าจะโผบินอย่างนกอินทรี
แม้รังของเจ้าจะถูกวางในหมู่ดาว
เราก็จะทำให้เจ้าลงมาจากที่นั่น”
พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
5 “ถ้าพวกขโมยมาหาเจ้า
ถ้านักปล้นมาในเวลากลางคืน
โอ ความทุกข์ร้อนรอเจ้าอยู่เพียงไร
พวกเขาจะขโมยทุกสิ่งที่ต้องการ
ถ้าพวกคนเก็บองุ่นมาหาเจ้า
พวกเขาจะเหลือให้คนยากไร้เก็บบ้างมิใช่หรือ
6 เอซาวถูกปล้นจนหมดสิ้น
สมบัติของเขาที่ซ่อนไว้ก็ถูกค้นหาทุกซอกทุกมุม
7 มิตรสหายของเจ้าทุกคนได้ขับไล่เจ้าไปถึงชายแดนของเจ้า
บรรดาผู้ที่เป็นมิตรกับเจ้าได้ลวงเจ้า และข่มเจ้า
บรรดาผู้รับประทานอาหารของเจ้าได้วางกับดักจับเจ้า
แต่เจ้าจะไม่ทราบเลย”
8 พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ว่า
“ในวันนั้น เราจะไม่กำจัดผู้เรืองปัญญาให้สิ้นไปจากเอโดมหรือ
และกำจัดผู้มีความเข้าใจให้สิ้นไปจากภูเขาเอซาวหรือ
9 โอ เทมานเอ๋ย บรรดานักรบของเจ้าจะตื่นตระหนก
และทุกคนที่ภูเขาเอซาวจะถูกตัดขาดด้วยการถูกสังหาร
เอโดมรุนแรงต่อยาโคบ
10 เพราะความรุนแรงที่เจ้ากระทำต่อยาโคบน้องชายของเจ้า
เจ้าจะต้องอับอายมาก
และเจ้าจะถูกตัดขาดไปตลอดกาล
11 ในวันที่เจ้ายืนอยู่ห่างๆ
ในวันที่บรรดาคนแปลกหน้าขนสมบัติของเขาไป
และบรรดาชาวต่างชาติเข้าไปในประตูเมืองของเขา
และจับฉลากเพื่อชิงเยรูซาเล็ม[b]
เจ้าเป็นเหมือนคนหนึ่งในบรรดาพวกเขา
12 แต่เจ้าอย่าสะใจกับน้องชายของเจ้า
ในวันที่เขาประสบกับเรื่องร้ายๆ
อย่ายินดีในเวลาที่ชาวยูดาห์ลำบาก
อย่าโอ้อวดในวันแห่งความทุกข์
13 อย่าเข้าประตูเมืองของชนชาติของเรา
ในวันแห่งความวิบัติของพวกเขา
อย่าสะใจเมื่อพวกเขามีความทุกข์ร้อน
ในวันแห่งความวิบัติของพวกเขา
อย่ายึดทรัพย์สมบัติของพวกเขา
ในวันแห่งความวิบัติของพวกเขา
14 อย่ายืนที่ทางแยก
และกำจัดบรรดาผู้ลี้ภัย
อย่าจับบรรดาผู้รอดชีวิตส่งให้แก่ศัตรู
ในยามที่พวกเขาเดือดร้อน
วันของพระผู้เป็นเจ้าใกล้จะถึงแล้ว
15 ด้วยว่า วันของพระผู้เป็นเจ้าใกล้จะถึงแล้ว
สำหรับประชาชาติทั้งปวง
เจ้าได้กระทำอย่างไร เจ้าก็จะถูกกระทำตอบอย่างนั้น
การกระทำของเจ้าจะกลับมาสนองตัวเจ้าเอง
16 เจ้าได้ดื่มบนภูเขาอันบริสุทธิ์ของเราอย่างไร
ประชาชาติทั้งปวงก็จะดื่มต่อไปอย่างนั้น
พวกเขาจะดื่มและกลืนลงไป
และจะเป็นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
17 แต่ที่ภูเขาศิโยนจะมีบรรดาผู้ที่หนีรอด
และจะเป็นที่บริสุทธิ์
และพงศ์พันธุ์ยาโคบจะเป็นเจ้าของมรดกของพวกเขา
18 พงศ์พันธุ์ยาโคบจะเป็นประดุจไฟ
และพงศ์พันธุ์โยเซฟจะเป็นเปลวไฟ
พงศ์พันธุ์เอซาวจะเป็นกองฟาง
ไฟและเปลวไฟจะเผาและทำให้เอซาวมอดไหม้
และจะไม่มีผู้ใดในพงศ์พันธุ์เอซาวรอดชีวิตมาได้”
เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวดังนั้น
อาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า
19 ประชาชนจากเนเกบจะยึดภูเขาเอซาว
และประชาชนจากที่ลุ่มจะยึดแผ่นดินของชาวฟีลิสเตีย
พวกเขาจะยึดครองแผ่นดินของเอฟราอิมและแผ่นดินของสะมาเรีย
และเบนยามินจะยึดกิเลอาด
20 บรรดาเชลยชาวอิสราเอลซึ่งอยู่ในคานาอัน
จะยึดแผ่นดินจนถึงศาเรฟัท
และบรรดาเชลยของเยรูซาเล็มซึ่งอยู่ในเสฟาราด
จะยึดเมืองต่างๆ ในเนเกบ
21 บรรดาผู้ช่วยให้พ้นภัยจะขึ้นไปยังภูเขาศิโยน
และปกครองภูเขาเอซาว
และอาณาจักรจะเป็นของพระผู้เป็นเจ้า
สาวกกลุ่มแรกติดตามพระเยซู
5 วันหนึ่งขณะที่พระองค์กำลังยืนอยู่ข้างทะเลสาบเยนเนซาเรท ฝูงชนก็พากันมารายล้อมพระองค์เพื่อฟังคำกล่าวของพระเจ้า 2 พระองค์มองไปยังเรือ 2 ลำที่จอดอยู่ริมทะเลสาบ ส่วนชาวประมงกำลังล้างแหและอวนอยู่นอกเรือ 3 พระเยซูจึงลงเรือซึ่งเป็นของซีโมน แล้วขอให้เขาแล่นเรือออกจากฝั่งไปเล็กน้อยก่อนจะนั่งลงเพื่อสั่งสอนผู้คน 4 เมื่อพระองค์กล่าวจบแล้วก็หันมากล่าวกับซีโมนว่า “จงออกเรือไปเขตน้ำลึกและหย่อนอวนลงจับปลาเถิด” 5 ซีโมนตอบว่า “นายท่าน แม้เราลงแรงกันมามากตลอดคืนและไม่สามารถจับอะไรได้เลย แต่เพราะเป็นคำพูดของท่าน ข้าพเจ้าจะหย่อนอวนลง” 6 เมื่อพวกเขาหย่อนอวนลงแล้ว ก็จับปลาได้เป็นจำนวนมากจนอวนเริ่มปริ 7 แล้วพวกเขาจึงส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปยังเพื่อนประมงที่อยู่ในเรืออีกลำ ให้ช่วยบรรทุกจนเพียบเรือทั้ง 2 ลำ 8 เมื่อซีโมนเปโตรเห็นดังนั้น ก็ทรุดตัวลงแทบเท้าพระเยซูพลางพูดว่า “พระองค์ท่าน กรุณาไปให้ไกลจากข้าพเจ้าเถิด เพราะข้าพเจ้าเป็นคนบาป” 9 เขาและเพื่อนที่ไปด้วยกันต่างก็แปลกใจที่สามารถจับปลาเหล่านั้นมาได้ 10 ยากอบและยอห์นบุตรของเศเบดีซึ่งมีหุ้นกับซีโมนก็ประหลาดใจเช่นกัน แล้วพระเยซูก็กล่าวกับซีโมนว่า “อย่ากลัวเลย นับแต่นี้ไปเจ้าจะเป็นชาวประมงที่นำฝูงชนมาหาเรา” 11 เมื่อชาวประมงเหล่านั้นนำเรือเข้าฝั่งแล้วก็ได้สละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อติดตามพระองค์ไป
ชายโรคเรื้อน
12 ขณะที่พระเยซูพักอยู่ที่เมืองหนึ่ง มีชายผู้หนึ่งเป็นโรคเรื้อนเต็มทั้งตัว เมื่อเขาเห็นพระองค์ จึงมาซบหน้าลงกับพื้นอ้อนวอนพระเยซูว่า “พระองค์ท่าน ถ้าพระองค์ต้องการ พระองค์สามารถรักษาข้าพเจ้าให้หายขาดจากโรคได้”[a] 13 พระเยซูจึงยื่นมือออกไปสัมผัสตัวเขา พลางกล่าวว่า “เราต้องการอย่างนั้น จงหายเถิด” ในทันใดนั้น โรคเรื้อนก็หายไป 14 พระองค์รับสั่งขึ้นว่า “อย่าบอกผู้ใด แต่ขอให้ไปแสดงตนต่อปุโรหิต และมอบเครื่องสักการะเป็นการชำระตัวให้สะอาด ตามที่โมเสสได้สั่งไว้ เพื่อยืนยันแก่คนทั่วไป” 15 ข่าวเกี่ยวกับพระองค์ได้แพร่ไปไกลยิ่งขึ้น มหาชนจึงได้มาฟังพระองค์ บ้างมาเพื่อรับการรักษาโรคต่างๆ 16 ทว่าพระเยซูมักจะผละออกไปยังที่ร้างเพื่ออธิษฐาน
พระเยซูรักษาชายง่อย
17 วันหนึ่ง ขณะที่พระองค์กำลังสั่งสอนอยู่ พวกฟาริสี[b]และอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติก็นั่งอยู่ด้วย ณ ที่นั้น พวกเขาเหล่านั้นมาจากหมู่บ้านต่างๆ ของแคว้นกาลิลี แคว้นยูเดีย และเมืองเยรูซาเล็ม และอานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าอยู่กับพระองค์เพื่อรักษาโรคให้หาย 18 มีคนกลุ่มหนึ่งยกเปลหามชายง่อยคนหนึ่งเข้ามา และพยายามนำเขาเข้าไปวางไว้ ณ เบื้องหน้าพระเยซู 19 เมื่อไม่อาจทำได้เพราะมีผู้คนหนาแน่น จึงหามขึ้นหลังคา และหย่อนชายง่อยทั้งเปลหามลงตามช่องกระเบื้องมาวางตรงกลางหมู่คนต่อหน้าพระเยซู 20 พอพระเยซูเห็นความเชื่อของพวกเขาจึงกล่าวว่า “เพื่อนเอ๋ย บาปทั้งหลายของเจ้าได้รับการยกโทษแล้ว” 21 แต่พวกฟาริสีและพวกอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติก็เริ่มซักไซ้ไล่เลียงว่า “ชายผู้นี้คือใครจึงพูดจาหมิ่นประมาทพระเจ้า มีใครที่ไหนจะยกโทษบาปให้ได้เล่า นอกจากพระเจ้าเพียงพระองค์เดียว” 22 พระเยซูทราบความคิดของเขาเหล่านั้นจึงถามว่า “ทำไมพวกท่านจึงคิดในใจกันเช่นนี้ 23 พูดอย่างไรจึงจะง่ายกว่ากันระหว่าง ‘บาปทั้งหลายของเจ้าได้รับการยกโทษแล้ว’ หรือจะพูดว่า ‘จงลุกขึ้นเดินเถิด’ 24 แต่เพื่อพวกท่านจะได้รู้ว่า บุตรมนุษย์[c]มีสิทธิอำนาจในโลกที่จะยกโทษบาปทั้งหลาย” พระองค์กล่าวกับชายง่อยว่า “เราขอบอกเจ้าว่า จงลุกขึ้น แล้วเอาเปลหามกลับไปบ้านเถิด” 25 ในทันใดนั้น ชายง่อยก็ลุกขึ้นยืนต่อหน้าคนทั้งปวง และยกเปลหามที่เขาใช้นอนกลับบ้านไป พลางสรรเสริญพระเจ้าไปด้วย 26 ทุกๆ คนพากันแปลกใจ และกล่าวสรรเสริญพระเจ้าทั้งๆ ที่ตกใจกลัวแล้วพูดว่า “วันนี้เราได้เห็นหลายสิ่งซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เหลือเชื่อ”
เลวีติดตามพระเยซูไป
27 หลังจากนั้นพระองค์ออกไปเห็นคนเก็บภาษีคนหนึ่งชื่อเลวีกำลังนั่งอยู่ที่ด่านเก็บภาษี จึงกล่าวกับเขาว่า “จงตามเรามาเถิด” 28 เลวีก็ลุกขึ้น สละทิ้งทุกสิ่งและติดตามพระองค์ไป
29 เลวีได้จัดงานใหญ่เลี้ยงฉลองพระเยซูที่บ้านของเขา แขกรับเชิญจำนวนมากซึ่งมีทั้งคนเก็บภาษีและคนอื่นๆ ที่ได้มารับประทานด้วย 30 แต่พวกฟาริสีและอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติ ซึ่งอยู่ในพรรคฟาริสีบ่นพึมพำกับสาวกของพระองค์ว่า “ทำไมท่านจึงรับประทานและดื่มกับพวกคนเก็บภาษีและคนบาป” 31 พระเยซูตอบว่า “คนที่มีสุขภาพดีไม่จำเป็นต้องหาแพทย์ ยกเว้นแต่ผู้ป่วย 32 เราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนที่คิดว่าตนมีความชอบธรรม แต่มาเพื่อเรียกคนบาปให้กลับใจ”
ผู้คนถามเรื่องการอดอาหาร
33 พวกเขาบอกพระองค์ว่า “บรรดาสาวกของยอห์นและของฟาริสีได้อดอาหารและอธิษฐานบ่อยๆ แต่สาวกของท่านกลับรับประทานและดื่มเรื่อยไป” 34 พระเยซูกล่าวกับพวกเขาว่า “ท่านจะให้แขกของเจ้าบ่าวอดอาหารขณะที่เจ้าบ่าวอยู่กับเขาหรือ 35 แต่เมื่อถึงเวลาที่เจ้าบ่าวถูกพาตัวไป พวกเขาจึงจะอดอาหารในเวลานั้น” 36 พระองค์จึงเล่าเรื่องเป็นอุปมาให้คนเหล่านั้นฟังว่า “ไม่มีใครฉีกผ้าชิ้นหนึ่งจากเสื้อใหม่มาเย็บติดกับเสื้อเก่า ถ้าทำเช่นนั้นเสื้อใหม่จะเสียไป และชิ้นผ้าที่เอามาจากเสื้อใหม่จะไม่เข้ากับเสื้อเก่าด้วย 37 และไม่มีใครเทเหล้าองุ่นใหม่ลงในถุงหนังเก่า ถ้าทำเช่นนั้นเหล้าองุ่นใหม่จะทำให้ถุงหนังขาด เหล้าองุ่นใหม่ก็จะรั่ว ถุงหนังจะเสียด้วย 38 เหล้าองุ่นใหม่จะต้องเทลงในถุงหนังใหม่ 39 และไม่มีใครต้องการดื่มเหล้าองุ่นใหม่หลังจากที่ได้ดื่มของเก่าแล้ว เขาจะพูดว่า ‘ของเก่าดีอยู่แล้ว’”
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation