Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
1 พงศาวดาร 29

เครื่องสักการะสำหรับพระตำหนัก

29 ดาวิดผู้เป็นกษัตริย์กล่าวแก่ทุกคนในที่ประชุมว่า “ซาโลมอนบุตรของเรา เป็นคนเดียวที่พระเจ้าได้เลือก เป็นคนหนุ่มและยังอ่อนหัด งานก็ใหญ่มาก เพราะว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่สำหรับมนุษย์ แต่สำหรับพระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้า ดังนั้นเราได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้สำหรับพระเจ้าของเรา เท่าที่เราจะสามารถทำได้ มีทองคำสำหรับสิ่งที่หล่อด้วยทอง เงินสำหรับสิ่งที่หล่อด้วยเงิน และทองสัมฤทธิ์สำหรับสิ่งที่หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ เหล็กสำหรับสิ่งที่หล่อด้วยเหล็ก และไม้สำหรับสิ่งที่สร้างด้วยไม้ รวมถึงกรอบที่ฝังพลอยหลากสี พลอยสีฟ้า พลอยหลากสี อัญมณีหลากชนิดและหินอ่อนจำนวนมาก ยิ่งกว่านั้นอีก มีสิ่งที่เราได้เตรียมเพิ่มสำหรับพระตำหนักอันบริสุทธิ์คือ เรามีสมบัติส่วนตัวที่เป็นทองคำและเงิน และเพื่อเป็นการอุทิศแก่พระตำหนักของพระเจ้าของเรา เราขอมอบให้แก่พระตำหนักของพระเจ้าของเรา เป็นทองคำหนัก 3,000 ตะลันต์ ทองคำจากโอฟีร์ และเงินหลอมบริสุทธิ์หนัก 7,000 ตะลันต์ สำหรับฝังลายที่กำแพงพระตำหนัก และสำหรับงานทั้งหมดที่ให้ช่างมีฝีมือทำ ทองคำสำหรับสิ่งที่หล่อด้วยทองคำ และเงินสำหรับสิ่งที่หล่อด้วยเงิน มีผู้ใดบ้างที่จะมอบให้ด้วยความเต็มใจ ถวายตัวในวันนี้แด่พระผู้เป็นเจ้า

แล้วบรรดาหัวหน้าของตระกูลก็ได้มอบของถวายด้วยความสมัครใจ บรรดาหัวหน้าเผ่า ผู้บัญชาการกองพันและกองร้อย และบรรดาผู้ปฏิบัติงานให้กษัตริย์ก็กระทำเช่นเดียวกัน สิ่งที่เขาเหล่านั้นมอบให้เพื่อใช้ในการปฏิบัติงานของพระตำหนักของพระเจ้า มีดังต่อไปนี้คือ ทองคำ 5,000 ตะลันต์[a]และ 10,000 ดาริค[b] เงิน 10,000 ตะลันต์ ทองสัมฤทธิ์ 18,000 ตะลันต์ และเหล็ก 100,000 ตะลันต์ และผู้ที่มีเพชรพลอยก็มอบให้แก่กรมคลังพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ภายใต้การดูแลของเยฮีเอลชาวเกอร์โชน แล้วประชาชนก็ร่าเริงใจเพราะว่าพวกเขาได้มอบให้ด้วยความสมัครใจ พวกเขาได้มอบแด่พระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดใจ ดาวิดผู้เป็นกษัตริย์ก็ปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง

ดาวิดอธิษฐานในที่ประชุม

10 ฉะนั้น ดาวิดจึงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าต่อหน้าทุกคนในที่ประชุม และดาวิดกล่าวว่า “โอ สรรเสริญพระองค์ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลบรรพบุรุษของเรา จากนิรันดร์กาลจนถึงนิรันดร์กาล 11 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเกียรติ อานุภาพ พระบารมี ความมีชัย และความยิ่งใหญ่ ทุกสิ่งในสวรรค์และแผ่นดินโลกเป็นของพระองค์ โอ พระผู้เป็นเจ้า อาณาจักรเป็นของพระองค์ และพระองค์ได้รับการยกย่องเป็นเจ้านายเหนือสรรพสิ่ง 12 ความมั่งมีและเกียรติมาจากพระองค์ และพระองค์ปกครองเหนือสิ่งทั้งปวง อานุภาพและพละกำลังอยู่ในมือของพระองค์ และทุกสิ่งจะยิ่งใหญ่และมีพละกำลังได้ก็ขึ้นอยู่กับมือของพระองค์ 13 โอ พระเจ้าของเราทั้งหลาย บัดนี้เราทั้งหลายขอบคุณพระองค์ และสรรเสริญพระนามอันยิ่งใหญ่ของพระองค์

14 แต่ข้าพเจ้าเป็นผู้ใด และประชาชนของข้าพเจ้าเป็นผู้ใด ที่เราทั้งหลายจะมอบถวายได้ด้วยความเต็มใจเช่นนี้ เพราะว่าทุกสิ่งมาจากพระองค์ และเรามอบแด่พระองค์ด้วยสิ่งที่มาจากพระองค์เท่านั้น 15 เพราะว่าเราเป็นผู้อพยพและคนต่างถิ่นในสายตาของพระองค์ เช่นเดียวกับบรรพบุรุษทั้งหลายของเรา วันเวลาของเราทั้งหลายเป็นเหมือนเงา และจะหวังพึ่งก็ไม่ได้ 16 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา สิ่งที่เราได้จัดเตรียมมากมาย เพื่อสร้างพระตำหนักแด่พระองค์ เพื่อพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์ ก็มาจากมือของพระองค์ และเป็นของพระองค์ทั้งสิ้น 17 พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าทราบว่า พระองค์ทดสอบจิตใจ และยินดีในความเที่ยงธรรม จากความเที่ยงธรรมในจิตใจของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอมอบสิ่งเหล่านี้ทั้งสิ้นด้วยความสมัครใจ และบัดนี้ข้าพเจ้าได้เห็นชนชาติของพระองค์ ซึ่งอยู่ ณ ที่นี้ ต่างก็มอบแด่พระองค์ด้วยความสมัครใจและความยินดี 18 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอับราฮัม อิสอัค และอิสราเอล ผู้เป็นบรรพบุรุษของเรา ขอพระองค์รักษาความตั้งใจและความคิดเช่นนี้ให้อยู่ในจิตใจของชนชาติของพระองค์ไปตลอดกาล และช่วยนำพาจิตใจของพวกเขาให้ภักดีต่อพระองค์ 19 ขอพระองค์โปรดให้ซาโลมอนบุตรของข้าพเจ้าปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระองค์ ตามคำสั่ง และกฎเกณฑ์ของพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจ และกระทำทุกสิ่งเพื่อสร้างวังที่ข้าพเจ้าได้ตระเตรียมให้เรียบร้อยแล้ว”

20 ครั้นแล้ว ดาวิดก็กล่าวแก่ทุกคนในที่ประชุมว่า “สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน” และทุกคนในที่ประชุมสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของบรรพบุรุษของเขาทั้งปวง และก้มศีรษะ และแสดงความเคารพต่อพระผู้เป็นเจ้าและกษัตริย์ 21 และเขาทั้งหลายมอบเครื่องสักการะแด่พระผู้เป็นเจ้า และในวันรุ่งขึ้นก็มอบสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า ด้วยโคหนุ่ม 1,000 ตัว แพะหนุ่ม 1,000 ตัว และลูกแกะตัวผู้ 1,000 ตัว พร้อมด้วยเครื่องดื่มบูชา และเครื่องสักการะมากมายเพื่ออิสราเอลทั้งปวง 22 เขาทั้งหลายรับประทานและดื่ม ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าในวันนั้นด้วยความยินดียิ่ง

ซาโลมอนได้รับการเจิมเป็นกษัตริย์

และเขาทั้งหลายรับซาโลมอนบุตรของดาวิดเป็นกษัตริย์เป็นครั้งที่สอง และเจิมท่านให้เป็นผู้นำถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า และให้ศาโดกเป็นปุโรหิต

23 แล้วซาโลมอนก็ครองบัลลังก์ของพระผู้เป็นเจ้า เป็นกษัตริย์แทนดาวิดบิดาของท่าน และท่านมีความเจริญ และอิสราเอลทั้งปวงเชื่อฟังท่าน 24 บรรดาหัวหน้าและทหารกล้า รวมทั้งบรรดาบุตรทั้งปวงของกษัตริย์ดาวิดด้วย ก็สาบานตัวต่อกษัตริย์ซาโลมอน 25 และพระผู้เป็นเจ้าโปรดให้ซาโลมอนเป็นผู้ยิ่งใหญ่มากในสายตาของอิสราเอลทั้งปวง และประทานเกียรติอันสูงส่ง อย่างที่ไม่เคยมีกษัตริย์อื่นใดในอิสราเอลได้รับมาก่อน

ดาวิดสิ้นชีวิต

26 ดาวิดบุตรของเจสซีครองราชย์ทั่วทั้งอิสราเอล 27 ท่านปกครองอิสราเอลเป็นเวลา 40 ปี ท่านครองราชย์ 7 ปีในเฮโบรน และ 33 ปีในเยรูซาเล็ม 28 และท่านสิ้นชีวิตเมื่อมีอายุมาก สุขใจกับชีวิตอันยืนนาน มั่งคั่ง และมีเกียรติ และซาโลมอนครองราชย์แทนท่าน 29 ทุกสิ่งที่กษัตริย์ดาวิดกระทำ ตั้งแต่แรกจนถึงสุดท้ายก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในประวัติของซามูเอลผู้รู้ และในประวัติของนาธานผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า และในประวัติของกาดผู้รู้ 30 พร้อมด้วยรายละเอียดเรื่องการปกครองของท่าน อานุภาพ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับท่านและอิสราเอล และกับอาณาจักรอื่นทั้งปวง

2 เปโตร 3

วันของพระผู้เป็นเจ้าจะมา

ท่านที่รักทั้งหลาย จดหมายฉบับนี้เป็นฉบับที่สอง ที่ข้าพเจ้าเขียนถึงท่าน และทั้ง 2 ฉบับนี้เป็นคำเตือนที่ข้าพเจ้าได้กระตุ้นความคิดอันบริสุทธิ์ของท่าน ข้าพเจ้าต้องการให้ท่านรำลึกถึงคำซึ่งบรรดาผู้เผยคำกล่าวผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้ากล่าวไว้ในอดีต และพระบัญญัติซึ่งพระผู้เป็นเจ้า องค์ผู้ช่วยให้รอดพ้นของเรามอบไว้โดยผ่านบรรดาอัครทูตของท่านทั้งหลาย ก่อนอื่นท่านต้องเข้าใจว่า ในช่วงเวลาแห่งวาระสุดท้าย คนที่ชอบเยาะเย้ยจะมาปรากฏ เขาจะเยาะเย้ยและประพฤติตามกิเลสตามใจชอบของเขา โดยพูดว่า “คำที่ได้สัญญาไว้ว่า พระองค์จะมานั้น อยู่ที่ไหน ตั้งแต่ที่บรรพบุรุษของเราเสียชีวิตไป ทุกสิ่งก็เป็นไปตามเดิมนับตั้งแต่การสร้างโลก” แต่เขาเหล่านั้นเจตนาลืมว่า ตั้งแต่โบราณกาลมา ด้วยคำกล่าวของพระเจ้า ฟ้าสวรรค์มีขึ้น และแผ่นดินโลกถูกสร้างขึ้นจากน้ำ และผุดโผล่ขึ้นจากน้ำ และในเวลานั้น น้ำนี้ได้ท่วมและทำลายโลก ด้วยคำกล่าวเดียวกันนั้นเอง ฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกของปัจจุบันนี้ถูกเก็บไว้เพื่อให้ไฟเผาผลาญ เก็บไว้เพื่อวันพิพากษาและวันพินาศของบรรดาคนที่ไร้คุณธรรม

แต่ท่านที่รักทั้งหลาย ท่านอย่าลืมสิ่งหนึ่งคือ 1 วันของพระผู้เป็นเจ้านานเหมือน 1,000 ปี และ 1,000 ปีก็เป็นเหมือนกับวันเดียว พระผู้เป็นเจ้ามิได้ล่าช้าในเรื่องพระสัญญาของพระองค์อย่างที่บางคนคิด แต่พระองค์อดทนต่อท่าน และไม่ประสงค์ให้ผู้ใดพินาศ แต่ประสงค์ให้ทุกคนกลับใจ 10 แต่วันที่พระผู้เป็นเจ้าจะมานั้นประดุจขโมยมา ฟ้าสวรรค์จะล่วงหายไปด้วยเสียงคำราม วัตถุธาตุต่างๆ จะถูกไฟทำลาย ทั้งแผ่นดินโลกและทุกสิ่งบนโลกจะถูกไฟไหม้หมด

11 ในเมื่อทุกสิ่งจะถูกทำลายด้วยวิธีนี้ แล้วท่านควรจะเป็นคนเช่นใด ท่านควรจะใช้ชีวิตอย่างบริสุทธิ์และดำเนินตามวิถีทางของพระเจ้า 12 ท่านกำลังเฝ้ารอวันที่พระเจ้าจะมา และเร่งให้ถึงวันนั้น ซึ่งเป็นวันที่ไฟจะเผาผลาญฟ้าสวรรค์ และวัตถุธาตุต่างๆ จะถูกหลอมละลาย 13 แต่ตามพระสัญญาของพระองค์แล้ว เรารอคอยสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ซึ่งเป็นที่ๆ ความชอบธรรมปรากฏอยู่

คำลงท้าย

14 ในเมื่อท่านที่รักทั้งหลายรอคอยถึงเวลานั้น ท่านจงพยายามอย่างที่สุด เพื่อพระองค์จะได้พบว่าท่านไร้มลทินหรือด่างพร้อยและมีใจสงบ 15 จงระลึกในใจว่า ความอดทนของพระผู้เป็นเจ้าหมายถึงความรอดพ้น ดังเช่นเปาโลน้องชายที่รักของเราได้เขียนถึงท่านด้วยสติปัญญาที่พระเจ้าได้ให้แก่เขา 16 จดหมายทุกฉบับที่เปาโลเขียนได้กล่าวถึงสิ่งเหล่านี้ มีบางข้อที่เข้าใจยาก คนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์และคนใจเขวได้บิดเบือนข้อความ เช่นเดียวกับที่เขาบิดเบือนข้ออื่นๆ ในพระคัมภีร์ ซึ่งเป็นเหตุให้พวกเขาเองพินาศ 17 ฉะนั้นท่านที่รักทั้งหลาย ในเมื่อท่านทราบสิ่งเหล่านี้ล่วงหน้าแล้ว ก็จงระวังไว้ให้ดี เพื่อว่าท่านจะได้ไม่ถูกคนชั่วชักนำให้หลงผิดและทำให้สูญเสียหลักอันมั่นคง 18 แต่จงเจริญขึ้นในพระคุณและความรู้ของพระเยซูคริสต์ ผู้เป็นพระผู้เป็นเจ้าและองค์ผู้ช่วยให้รอดพ้นของเรา

ขอพระบารมีจงมีแด่พระองค์ ทั้งในปัจจุบันและตลอดกาล อาเมน

มีคาห์ 6

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวท้วง

จงฟังให้ดีว่า พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่าอย่างไร

“จงลุกขึ้น สู้ความของเจ้าต่อหน้าเทือกเขา
    และให้เนินเขาได้ยินเสียงของเจ้า
เทือกเขาเอ๋ย จงฟังคำกล่าวท้วงของพระผู้เป็นเจ้า
    และฐานรากอันมั่นคงของแผ่นดินโลก จงฟังเถิด
เพราะพระผู้เป็นเจ้ามีคำกล่าวท้วงชนชาติของพระองค์
    และพระองค์จะกล่าวโทษอิสราเอล

โอ ชนชาติของเราเอ๋ย เราได้ทำสิ่งใดต่อเจ้าหรือ
    เราให้เจ้าแบกภาระอะไร จงตอบเรา
เราได้นำเจ้าขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์
    และไถ่เจ้าจากบ้านเรือนแห่งความเป็นทาส[a]
และเราส่งโมเสส อาโรน และมิเรียม
    ให้นำหน้าเจ้าไป
โอ ชนชาติของเราเอ๋ย จงระลึกว่าบาลาคกษัตริย์ของโมอับวางอุบายอะไร
    และบาลาอัมบุตรของเบโอร์ตอบเขาว่าอย่างไร[b]
และเกิดอะไรขึ้นจากเมืองชิทธีมถึงเมืองกิลกาล[c]
    แล้วเจ้าจะได้รู้ถึงการกระทำอันชอบธรรมของพระผู้เป็นเจ้า

พระผู้เป็นเจ้าประสงค์อะไร

ข้าพเจ้าจะนำอะไรมาเมื่อเข้าเฝ้าพระผู้เป็นเจ้า
    และก้มกราบ ณ เบื้องหน้าพระเจ้าเบื้องสูง
ข้าพเจ้าควรจะเข้าเฝ้าพระองค์ด้วยสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวาย
    ด้วยลูกโคตัวผู้อายุ 1 ปีหรือ
พระผู้เป็นเจ้าจะพอใจในแกะตัวผู้หลายพันตัว
    และน้ำมันจากแม่น้ำนับหมื่นสายหรือ
ข้าพเจ้าควรจะมอบบุตรคนแรกของข้าพเจ้าสำหรับการล่วงละเมิดของข้าพเจ้า
    คือผลแรกซึ่งเกิดจากข้าพเจ้าสำหรับบาปของตนเองหรือ
โอ มนุษย์เอ๋ย พระองค์ได้บอกให้ท่านทราบแล้วว่า อะไรดี
    พระผู้เป็นเจ้าให้ท่านพึงปฏิบัติตนอย่างไรเล่า
จงให้ความเป็นธรรม รักความเมตตา
    และดำเนินชีวิตไปกับพระเจ้าของท่านอย่างถ่อมตัว

คนชั่วร้ายพินาศ

เสียงของพระผู้เป็นเจ้าประกาศแก่เมือง
    ความเกรงกลัวที่มีต่อพระนามของพระองค์นับว่ามีสติปัญญา
“จงฟังการลงโทษและฟังองค์ผู้กำหนดโทษ
10 โอ บ้านแห่งความชั่วเอ๋ย สิ่งที่พวกเขาริบไป
    และเอฟาห์ของการวัดตวงที่ไม่ครบซึ่งถูกสาปแช่งนั้นเราจะลืมได้หรือ
11 เราควรจะปล่อยคนที่ใช้ตาชั่งลวง
    และตุ้มน้ำหนักปลอมอย่างนั้นหรือ
12 บรรดาคนมั่งมีใช้การกระทำอันรุนแรง
    ประชาชนพูดโกหก
    ใช้ลิ้นหลอกลวง
13 ฉะนั้น เราทำให้เจ้าล้มป่วย
    ทำให้บ้านเมืองรกร้างเพราะบาปของเจ้า
14 เจ้าจะกิน แต่ก็จะไม่อิ่มหนำ
    และจะมีความหิวโหยอยู่ในบ้านเมือง
เจ้าจะเก็บตวง แต่ก็จะสงวนไว้ไม่ได้
    และอะไรที่เจ้าสงวนไว้ เราจะให้ประสบกับคมดาบ
15 เจ้าจะหว่าน แต่จะไม่ได้เก็บเกี่ยว
    เจ้าจะคั้นมะกอก แต่จะไม่ได้น้ำมันชโลมตัวเจ้า
    เจ้าจะย่ำองุ่น แต่จะไม่ได้ดื่มเหล้าองุ่น
16 เพราะเจ้าได้รักษากฎเกณฑ์ของอมรี
    และปฏิบัติทุกสิ่งตามแบบอย่างของพงศ์พันธุ์อาหับ[d]
    และเจ้าได้ดำเนินในวิถีทางของพวกเขา
ฉะนั้น เราจะทำให้เจ้าวิบัติ
    และบรรดาผู้อยู่อาศัยของเจ้าจะเป็นที่เหน็บแนม
    พวกเจ้าจะถูกดูหมิ่นอันเนื่องมาจากชนชาติของเรา”

ลูกา 15

อุปมาเรื่องแกะที่หลงหาย

15 ครั้งหนึ่งพวกคนเก็บภาษีและพวกคนบาปต่างอยู่รายล้อมเพื่อฟังพระองค์ พวกฟาริสีและอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติบ่นว่า “ชายผู้นี้ยินดีรับพวกคนบาปและรับประทานร่วมกับเขา”

พระเยซูจึงกล่าวเป็นอุปมาแก่คนเหล่านั้นว่า “สมมุติว่าท่านมีแกะ 100 ตัวและตัวหนึ่งหลงหายไป ท่านจะไม่ปล่อย 99 ตัวไว้กลางทุ่ง แล้วตามหาตัวที่หายจนพบหรือ เมื่อพบแล้วก็จะเอามันพาดบ่าด้วยความชื่นชมยินดี กลับบ้านไป แล้วเรียกสหายและเพื่อนบ้านมา พลางพูดว่า ‘มาชื่นชมยินดีกับเราเถิด เราพบแกะของเราที่หายไปแล้ว’ เราขอบอกท่านว่า เช่นเดียวกันกับเวลาที่คนบาปคนหนึ่งกลับใจ ในสวรรค์จะมีความชื่นชมยินดีเพราะเขา มากกว่าอีก 99 คนที่มีความชอบธรรม ซึ่งไม่จำเป็นต้องกลับใจ

อุปมาเรื่องเหรียญเงินที่หาย

หรือสมมุติว่า หญิงคนหนึ่งมีเหรียญเงินอยู่ 10 เหรียญ แล้วเหรียญหนึ่งหายไป เธอจะจุดตะเกียง กวาดบ้านและค้นหาอย่างละเอียดจนกว่าเธอจะพบมิใช่หรือ เมื่อพบก็เรียกสหายและเพื่อนบ้านของเธอมาและพูดว่า ‘มาชื่นชมยินดีกับเราเถิด เราพบเหรียญของเราที่หายไปแล้ว’ 10 เช่นเดียวกับเวลาที่คนบาปคนหนึ่งกลับใจ ก็ย่อมมีความชื่นชมยินดีในหมู่ทูตสวรรค์ของพระเจ้า”

อุปมาเรื่องบุตรชายที่หลงหาย

11 พระองค์กล่าวต่อไปอีกว่า “ชายผู้หนึ่งมีลูกชาย 2 คน 12 คนเล็กพูดกับพ่อว่า ‘พ่อช่วยแบ่งทรัพย์สมบัติในส่วนที่เป็นของลูกเถิด’ พ่อจึงแบ่งสมบัติให้ลูกทั้งสอง 13 ไม่นานนัก ลูกคนเล็กก็รวบรวมทรัพย์สมบัติของเขา แล้วออกเดินทางไปต่างแดน ใช้ชีวิตสำมะเลเทเมาและสุรุ่ยสุร่าย 14 หลังจากที่เขาใช้ทรัพย์หมดแล้วทั้งยังเกิดข้าวยากหมากแพงทั่วท้องถิ่นนั้น เขาจึงขัดสนยิ่ง 15 จึงได้ไปรับจ้างเลี้ยงหมูในทุ่งให้คนหนึ่งที่เป็นชาวเมืองนั้น 16 ชายคนนี้หิวโหยมากจนแทบจะกลืนกินฝักถั่วที่ใช้เลี้ยงหมู แต่ก็ไม่มีใครสักคนหยิบยื่นอาหารให้แก่เขา

17 เขาจึงได้รู้สำนึกตัวและกล่าวว่า ‘ผู้รับจ้างของพ่อเรามีจำนวนมากเพียงไรที่มีอาหารเหลือกิน เราเองกำลังอดตายอยู่ที่นี่ 18 เราจะเดินทางกลับไปหาพ่อ แล้วสารภาพผิดกับพ่อว่า ข้าพเจ้าได้กระทำบาปต่อสวรรค์และต่อท่าน 19 ข้าพเจ้าไม่สมควรที่จะได้ชื่อว่าเป็นลูกของพ่ออีกต่อไป ช่วยให้ข้าพเจ้าได้เป็นผู้รับจ้างคนหนึ่งของท่านเถิด’ 20 เขาจึงรีบรุดเดินทางกลับไปหาพ่อในบัดนั้น เมื่อพ่อเห็นเขาเดินมาแต่ไกล เกิดความสงสารยิ่งจึงวิ่งไปโอบคอและจูบแก้มลูก 21 ลูกชายพูดกับพ่อว่า ‘พ่อท่าน ข้าพเจ้าได้กระทำบาปต่อสวรรค์และต่อท่าน และไม่สมควรที่จะได้ชื่อว่าเป็นลูกของพ่ออีกต่อไป’ 22 แต่พ่อพูดกับพวกคนรับใช้ว่า ‘เร็วๆ เอาเสื้อคลุมที่ดีที่สุด ทั้งแหวนและรองเท้ามาสวมให้เขาเสียด้วย 23 ฆ่าลูกโคอ้วนๆ เอามาเลี้ยงฉลองกันให้สนุกเถิด 24 เพราะว่าลูกชายของเราคนนี้ตายไปแล้ว กลับมีชีวิตขึ้นมาอีก เขาหายไปและเราก็พบแล้ว’ ดังนั้นงานฉลองจึงได้เริ่มขึ้น

25 ขณะนั้นลูกชายคนโตยังอยู่ในทุ่ง เมื่อเขาเข้ามาใกล้บ้านก็ได้ยินเสียงดนตรีและเต้นรำในงาน 26 จึงได้ถามเอาความจากคนรับใช้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น 27 เขาตอบว่า ‘น้องชายได้กลับมาแล้ว พ่อของท่านได้ฆ่าลูกโคอ้วน เพราะว่าท่านได้ตัวเขากลับมาอย่างปลอดภัย’ 28 พี่ชายคนโตโมโหจึงไม่ยอมเข้าบ้าน พ่อจำต้องไปอ้อนวอนให้เข้ามา 29 แต่เขากลับตอบว่า ‘ดูเถิด หลายปีที่ผ่านมาลูกได้รับใช้พ่ออย่างขยันขันแข็งและไม่เคยขัดคำสั่งท่านเลย แต่ท่านไม่เคยให้แม้แต่แพะหนุ่มสักตัวเพื่อฉลองกับสหายของลูก 30 เมื่อลูกชายของพ่อคนนี้เป็นคนที่ผลาญเงินทองไปกับหญิงแพศยาได้กลับมา ท่านก็ฆ่าลูกโคอ้วนเพื่อเขา’ 31 พ่อจึงตอบว่า ‘ลูกเอ๋ย เจ้าอยู่กับพ่อเสมอ ทุกสิ่งที่เป็นของพ่อก็เสมือนเป็นของเจ้า 32 แต่เราต้องฉลองและยินดีกัน เพราะว่าน้องชายของเจ้าคนนี้ได้ตายไปแล้ว กลับมีชีวิตอีก เขาหายไปและเราก็พบแล้ว’”

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation