Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
ผู้วินิจฉัย 7

ชาย 300 คนของกิเดโอน

เยรุบบาอัล (คือกิเดโอน) และทุกคนที่อยู่กับเขาลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ และตั้งค่ายอยู่ใกล้น้ำพุฮาโรด และค่ายของชาวมีเดียนอยู่ขึ้นไปทางเหนือ ข้างภูเขาโมเรห์ในหุบเขา

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับกิเดโอนว่า “จำนวนคนที่อยู่กับเจ้ามีมากเกินไปที่จะให้เรามอบชาวมีเดียนไว้ในมือของพวกเขา เพราะคาดว่าอิสราเอลจะคุยโตทับเราว่า ‘มือของเราเองที่ช่วยพวกเรา’ ฉะนั้นจงประกาศให้ผู้คนได้ยินว่า ‘ใครก็ตามที่กลัวจนตัวสั่นก็ให้กลับบ้านไป และรีบไปจากภูเขากิเลอาด’” ฉะนั้นคนจำนวน 22,000 คนจึงกลับไป เหลือ 10,000 คนที่อยู่ต่อ

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับกิเดโอนว่า “จำนวนคนที่อยู่ก็ยังมากเกินไป จงพาพวกเขาลงไปในน้ำ และเราจะทดสอบพวกเขาให้เจ้าที่นั่น และคนใดที่เราจะบอกเจ้าว่า ‘คนนี้จะไปกับเจ้า’ เขาก็จะไปกับเจ้า และคนใดที่เราจะบอกเจ้าว่า ‘คนนี้จะไม่ไปกับเจ้า’ เขาก็จะไม่ไปกับเจ้า” ดังนั้นเขาจึงพาคนเหล่านั้นลงไปในน้ำ และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับกิเดโอนว่า “จงแยกทุกคนที่ใช้ลิ้นเลียน้ำอย่างสุนัข และทุกคนที่คุกเข่าลงดื่มเป็นคนละพวก” มีชาย 300 คนที่วักน้ำขึ้นเลีย ส่วนที่เหลือคุกเข่าลงดื่ม พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับกิเดโอนว่า “เราจะช่วยเจ้าให้รอดปลอดภัยด้วยชาย 300 คนที่เลียน้ำ และมอบชาวมีเดียนไว้ในมือเจ้า แล้วให้ทุกคนที่เหลือกลับบ้านไป” กิเดโอนจึงให้ชาวอิสราเอลที่เหลือกลับไปยังกระโจมของพวกเขา ยกเว้นชาย 300 คน และพวกเขาก็ได้รับเสบียงกับแตรงอนไว้ใช้ และค่ายของชาวมีเดียนตั้งอยู่เบื้องล่างในหุบเขา

ในคืนเดียวกันนั้นเอง พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับเขาว่า “จงลุกขึ้น ลงไปโจมตีค่ายศัตรูได้แล้ว เพราะเราได้มอบพวกเขาไว้ในมือของเจ้าแล้ว 10 แต่ถ้าเจ้าไม่กล้าลงไป ก็จงลงไปที่ค่ายกับปูราห์คนรับใช้ของเจ้า 11 และเจ้าจะได้ยินว่าพวกเขาพูดอะไร หลังจากนั้นมือของเจ้าจะมีพละกำลังลงไปโจมตีค่าย” แล้วเขาก็ลงไปกับปูราห์คนรับใช้ ไปถึงกองทหารประจำด่านชั้นนอกในค่าย 12 ส่วนชาวมีเดียน ชาวอามาเลข และชาวตะวันออกทั้งหมดนอนอยู่ที่ตามหุบเขาราวกับตั๊กแตนฝูงใหญ่ มีอูฐหลายตัวจนนับไม่ถ้วนราวกับเม็ดทรายบนชายฝั่งทะเล 13 เมื่อกิเดโอนมาถึง ดูเถิด ชายผู้หนึ่งกำลังเล่าให้เพื่อนฟังว่าเขาฝันอะไร เขาเล่าว่า “ดูเถิด เราฝันว่า ดูสิ ขนมข้าวบาร์เลย์ก้อนหนึ่งกลิ้งลงมาในค่ายของชาวมีเดียน แล้วเข้าไปในกระโจม ชนและทำให้กระโจมล้มคว่ำลงราบไปกับพื้น” 14 เพื่อนของชายผู้นั้นตอบว่า “นี่ไม่ใช่ใครนอกจากดาบของกิเดโอนบุตรของโยอาช ชายชาวอิสราเอล พระเจ้าได้มอบชาวมีเดียนและค่ายทั้งหมดไว้ในมือของเขาแล้ว”

15 ทันทีที่กิเดโอนได้ยินเรื่องฝันและการตีความหมายแล้ว เขาก็นมัสการพระเจ้า แล้วกลับไปยังค่ายของอิสราเอล และพูดว่า “ลุกขึ้นเถิด เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้มอบค่ายของชาวมีเดียนไว้ในมือของพวกท่านแล้ว” 16 แล้วเขาแบ่งชาย 300 คนออกเป็น 3 กอง และให้พวกเขาทุกคนถือแตรงอนและหม้อเปล่า มีคบไฟไว้ในหม้อ 17 เขาพูดกับทุกคนว่า “คอยดูเรา แล้วกระทำตาม เมื่อเราไปถึงเขตภายนอกค่าย จงกระทำตามที่เรากระทำ 18 เมื่อใดที่เราและทุกคนที่อยู่กับเราเป่าแตรงอน ทุกคนที่อยู่รอบค่ายก็จงเป่าแตรงอนพร้อมกัน และตะโกนว่า ‘เพื่อพระผู้เป็นเจ้าและกิเดโอน’”

กิเดโอนโจมตีชาวมีเดียนพ่ายไป

19 ดังนั้น กิเดโอนและชาย 100 คนที่อยู่กับเขาก็มาถึงเขตภายนอกค่ายราวเที่ยงคืนเศษๆ ซึ่งเป็นเวลาที่เพิ่งเปลี่ยนยาม พวกเขาจึงเป่าแตรงอน และทุบหม้อที่อยู่ในมือให้แตก 20 แล้วคนทั้ง 3 กองก็เป่าแตรงอนและทุบหม้อแตก พวกเขาถือคบไฟในมือซ้าย เป่าแตรงอนที่มือขวาถืออยู่ และพวกเขาร้องเสียงดังว่า “ดาบเพื่อพระผู้เป็นเจ้าและเพื่อกิเดโอน” 21 ทุกคนยืนอยู่กับที่รอบค่าย คนทั้งค่ายรีบวิ่ง และร้องตะโกนพลางวิ่งหนีไป 22 เมื่อคน 300 คนเป่าแตรงอน พระผู้เป็นเจ้าทำให้คนทั่วทั้งค่ายยกดาบต่อสู้กันเอง ทั้งกองทัพหนีไปยังเบธชิทธาห์ทางไปเมืองเศเรราห์ ไกลจนถึงเขตเมืองอาเบลเมโฮลาห์ใกล้ทับบาท 23 แล้วชายชาวอิสราเอลจากนัฟทาลี อาเชอร์ และทั่วทั้งมนัสเสห์ถูกเรียกตัวให้ออกไล่ตามล่าชาวมีเดียนไป

24 กิเดโอนให้พวกผู้ส่งข่าวออกไปทั่วหุบเขาเอฟราอิมและให้ประกาศว่า “ลงมาโจมตีพวกมีเดียน และยึดแม่น้ำก่อนพวกเขา ไปไกลถึงเบธบาราห์และแม่น้ำจอร์แดนด้วย” ดังนั้นชายทุกคนของเอฟราอิมถูกเรียกตัวให้ไปยึดแม่น้ำถึงเบธบาราห์และแม่น้ำจอร์แดนด้วย 25 นอกจากนั้นก็ได้จับตัวพวกผู้นำของชาวมีเดียนคือโอเรบและเศเอบ และได้ฆ่าโอเรบที่ศิลาโอเรบ และฆ่าเศเอบที่เครื่องสกัดเหล้าองุ่นที่เศเอบ พวกเขาไล่ล่าชาวมีเดียน และเอาศีรษะโอเรบและเศเอบมาให้กิเดโอนซึ่งยังอยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำจอร์แดน

กิจการของอัครทูต 11

เปโตรเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนนอก

11 เหล่าอัครทูตและพี่น้องทั่วแคว้นยูเดียได้ยินว่า บรรดาคนนอกก็ได้รับคำกล่าวของพระเจ้าด้วย เมื่อเปโตรขึ้นไปยังเมืองเยรูซาเล็ม พวกที่เชื่อซึ่งเข้าสุหนัตแล้วก็ตำหนิท่าน โดยพูดว่า “ท่านไปยังบ้านของพวกที่ไม่ได้เข้าสุหนัตแล้วก็รับประทานร่วมกับเขา” เปโตรเริ่มอธิบายทุกสิ่งให้พวกเขาฟังตามขั้นตอนว่า “ข้าพเจ้าอยู่ในเมืองยัฟฟา กำลังอธิษฐานอยู่และข้าพเจ้าตกอยู่ในภวังค์เห็นภาพนิมิต มีสิ่งหนึ่งเหมือนผ้าผืนใหญ่ ทั้ง 4 มุมหย่อนลงมาจากสวรรค์ ลงมายังที่ซึ่งข้าพเจ้าอยู่ เมื่อมองดูก็เห็นพวกสัตว์สี่เท้า สัตว์ป่า สัตว์เลื้อยคลาน และนกในอากาศ แล้วข้าพเจ้าได้ยินเสียงกล่าวว่า ‘เปโตร จงลุกขึ้นเถิด ฆ่าและกินเสีย’ ข้าพเจ้าตอบว่า ‘ไม่ได้หรอก พระองค์ท่าน ข้าพเจ้าไม่เคยให้สิ่งใดที่ไม่บริสุทธิ์หรือมีมลทินเข้าปากของข้าพเจ้า’ เสียงพูดจากสวรรค์เป็นครั้งที่สองว่า ‘สิ่งที่พระเจ้าได้ทำให้สะอาดแล้ว ก็อย่าเรียกว่าไม่บริสุทธิ์’ 10 หลังจากที่เกิดขึ้น 3 ครั้งแล้วผืนผ้านั้นก็กลับขึ้นไปในสวรรค์อีก 11 ทันใดนั้นเอง ชาย 3 คนที่ถูกส่งมาหาข้าพเจ้าจากซีซารียาก็หยุดอยู่ที่บ้านซึ่งข้าพเจ้าพักอยู่ 12 พระวิญญาณกล่าวกับข้าพเจ้าว่า ไม่ต้องลังเลใจที่จะไปกับพวกเขา พี่น้อง 6 คนนี้ก็ได้ไปกับข้าพเจ้าด้วย และพวกเราเข้าไปในบ้านของชายผู้นั้น 13 ท่านบอกพวกเราว่า ท่านเห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาปรากฏในบ้านของท่านและบอกท่านว่า ‘ส่งคนไปหาซีโมนหรือที่มีอีกชื่อหนึ่งว่าเปโตร ที่เมืองยัฟฟา 14 เขาจะนำเรื่องมาบอกท่าน เพื่อให้ท่านและทุกคนในบ้านรับชีวิตที่รอดพ้น’ 15 เมื่อข้าพเจ้าเริ่มต้นพูด พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็มาสถิตกับคนเหล่านั้น ดังที่เคยลงมาสถิตกับพวกเราในตอนแรก 16 แล้วข้าพเจ้าก็ระลึกถึงสิ่งที่พระเยซูเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ‘ยอห์นให้บัพติศมาด้วยน้ำ แต่เจ้าจะรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์’ 17 ดังนั้น ถ้าพระเจ้าให้ของประทานแก่พวกเขา ดังที่พระองค์ให้แก่พวกเราซึ่งเชื่อในพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าเป็นใครที่จะคิดว่าตนเองจะคัดค้านพระเจ้าได้” 18 เมื่อคนเหล่านั้นได้ยินดังนั้นแล้วก็มิได้ค้านอีกต่อไป และสรรเสริญพระเจ้าว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว พระเจ้าได้โปรดให้บรรดาคนนอกกลับใจเพื่อจะมีชีวิตใหม่ด้วย”

คริสตจักรที่เมืองอันทิโอก

19 ส่วนพวกที่หนีกระจัดกระจายไปเพราะถูกกดขี่ข่มเหงเนื่องมาจากสเทเฟน ก็ได้หนีไปถึงแคว้นฟีนิเซีย เกาะไซปรัสและเมืองอันทิโอก เขาเหล่านั้นพากันประกาศคำกล่าวแก่ชาวยิวเท่านั้น 20 อย่างไรก็ตาม บางคนที่มาจากเกาะไซปรัสและเมืองไซรีนได้ไปยังเมืองอันทิโอก เพื่อบอกข่าวประเสริฐเกี่ยวกับพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้ากับชาวกรีกด้วย 21 มือของพระผู้เป็นเจ้าสถิตกับพวกเขา ผู้คนจำนวนมากเชื่อและหันเข้าหาพระผู้เป็นเจ้า 22 ข่าวนี้ก็เล่าลือไปยังคริสตจักรที่เมืองเยรูซาเล็ม ผู้คนได้ขอให้บาร์นาบัสไปยังเมืองอันทิโอก 23 เมื่อท่านไปถึงก็เห็นจริงถึงพระคุณของพระเจ้า ท่านเกิดความยินดีและให้กำลังใจพวกเขาทุกคน ให้ยึดมั่นในพระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดจิตสุดใจ 24 ท่านเป็นคนดี เปี่ยมล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และความเชื่อ และผู้คนจำนวนมากได้หันมาเชื่อในพระผู้เป็นเจ้า 25 แล้วบาร์นาบัสก็ออกตามหาเซาโลที่เมืองทาร์ซัส 26 เมื่อพบแล้วก็พาเซาโลมาที่เมืองอันทิโอก ระยะเวลาตลอดทั้งปีบาร์นาบัสและเซาโลได้พบกับคริสตจักรและได้สั่งสอนผู้คนจำนวนมาก และที่เมืองอันทิโอกนั่นเองพวกสาวกได้รับการขนานนามว่า คริสเตียน เป็นครั้งแรก

27 ในเวลานั้นผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าบางท่านได้ลงมาจากเมืองเยรูซาเล็มเพื่อจะไปยังเมืองอันทิโอก 28 ผู้หนึ่งในจำนวนนั้นชื่ออากาบัส ได้ยืนขึ้นพยากรณ์ด้วยพระวิญญาณว่า ความอดอยากรุนแรงจะเกิดขึ้นทั่วอาณาจักรโรมัน และความอดอยากนั้นก็ได้เกิดขึ้นในสมัยจักรพรรดิคลาวดิอัส 29 พวกสาวกได้ตัดสินใจให้ความช่วยเหลือแก่พี่น้องที่อาศัยอยู่ในแคว้นยูเดียตามความสามารถของแต่ละคน 30 พวกเขาจึงส่งเงินบริจาคไปกับบาร์นาบัสและเซาโลเพื่อให้แก่พวกผู้ปกครอง

เยเรมีย์ 20

ปาชเฮอร์กดขี่ข่มเหงเยเรมีย์

20 ปาชเฮอร์บุตรของอิมเมอร์ เป็นปุโรหิตผู้เป็นหัวหน้าของเจ้าหน้าที่ประจำพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ได้ยินเยเรมีย์เผยความถึงสิ่งเหล่านี้ ปาชเฮอร์จึงโบยตีเยเรมีย์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า และจับท่านใส่ขื่อกักไว้ที่ประตูเบนยามินด้านบนของพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า วันรุ่งขึ้นเมื่อปาชเฮอร์ปลดปล่อยเยเรมีย์ออกจากขื่อ เยเรมีย์พูดกับเขาว่า “พระผู้เป็นเจ้าไม่เรียกชื่อท่านว่า ปาชเฮอร์ แต่เป็น ‘ความน่ากลัวอยู่รอบด้าน’ เพราะพระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า ‘ดูเถิด เราจะทำให้เจ้าเป็นความน่ากลัวต่อตัวเจ้าเองและต่อเพื่อนของเจ้าทุกคน เจ้าจะเห็นพวกเขาถูกศัตรูฆ่า และเราจะมอบชาวยูดาห์ทั้งปวงไว้ในมือของกษัตริย์แห่งบาบิโลน และจะถูกจับไปเป็นเชลยของบาบิโลน หรือไม่ก็จะถูกฆ่าฟันตาย ยิ่งกว่านั้น เราจะมอบความมั่งคั่งของเมือง ทุกสิ่งที่ตรากตรำได้มา ของทุกสิ่งที่มีค่า และสมบัติทั้งสิ้นของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์ ไว้ในมือของพวกศัตรูที่มาปล้น จับกุมและนำตัวพวกเขาไปยังบาบิโลน ตัวเจ้าเองปาชเฮอร์และทุกคนที่อาศัยอยู่ในบ้านของเจ้าจะถูกจับไปเป็นเชลย เจ้าจะไปยังบาบิโลนและจะตายที่นั่น ทั้งตัวเจ้าและเพื่อนทั้งปวงของเจ้าจะถูกฝัง เจ้าได้เผยความเท็จแก่พวกเพื่อนๆ ของเจ้า’”

โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าหลงเชื่อ
    และข้าพเจ้าก็เชื่อ
พระองค์เข้มแข็งกว่าข้าพเจ้า
    และพระองค์ก็ชนะ
ข้าพเจ้าเป็นที่หัวเราะเยาะตลอดวันเวลา
    ทุกคนล้อเลียนข้าพเจ้า
เพราะเมื่อใดที่ข้าพเจ้าพูด ข้าพเจ้าส่งเสียงร้อง
    ข้าพเจ้าตะโกนขึ้นว่า “ความรุนแรงและความพินาศ”
เพราะข้าพเจ้าถูกติเตียนและล้อเลียน
    ก็เพราะคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าตลอดวันเวลา
แต่ถ้าข้าพเจ้าพูดว่า “ข้าพเจ้าจะไม่เอ่ยถึงพระองค์
    หรือพูดในพระนามของพระองค์อีกต่อไป”
ใจข้าพเจ้าก็จะร้อนดั่งไฟเผา
    ร้อนลึกถึงกระดูก
และข้าพเจ้าอ่อนกำลังเมื่อยับยั้งปาก
    และข้าพเจ้าก็ยับยั้งไว้ไม่ได้
10 เพราะข้าพเจ้าได้ยินเสียงกระซิบจากหลายคน
    ความน่ากลัวอยู่รอบด้าน
เพื่อนสนิทของข้าพเจ้าทุกคน
    ที่กำลังคอยดูข้าพเจ้าล้มเหลวพูดกันว่า
    “ไปรายงานเรื่องของเขา เราไปรายงานเรื่องของเขาเถิด
เขาอาจจะหลงกล
    แล้วพวกเราจะเอาชนะเขาได้
    และแก้แค้นเขา”
11 แต่พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับข้าพเจ้าอย่างนักรบผู้แข็งแกร่ง
    ดังนั้น พวกที่กดขี่ข่มเหงข้าพเจ้าจะสะดุด
    พวกเขาจะเอาชนะข้าพเจ้าไม่ได้
และจะต้องอับอาย
    เพราะจะไม่พบความสำเร็จ
พวกเขาจะถูกหลู่เกียรติ
    อย่างไม่มีวันลืมได้
12 โอ พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา ผู้ทดสอบด้วยความชอบธรรม
    ผู้เห็นจิตใจและความคิด
ขอให้ข้าพเจ้าเห็นพระองค์แก้แค้นพวกเขาเถิด
    เพราะข้าพเจ้าได้มอบเรื่องนี้ไว้กับพระองค์แล้ว

13 จงร้องเพลงถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า
    สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
เพราะพระองค์ช่วยชีวิตของผู้ยากไร้
    ให้พ้นภัยจากมือของพวกทำความชั่ว

14 ให้วันที่ข้าพเจ้าเกิดมาถูกสาปแช่ง
    วันที่มารดาของข้าพเจ้าตั้งครรภ์
    ข้าพเจ้าก็ขออย่าให้วันนั้นได้รับพระพร
15 ขอให้คนที่ทำให้บิดาข้าพเจ้าดีใจ
    ด้วยการนำข่าวมาบอกท่านว่า
“เป็นเด็กผู้ชาย ท่านได้บุตรชาย”
    ถูกสาปแช่งเถิด
16 ขอให้ชายคนนั้นเป็นเหมือนเมือง
    ที่พระผู้เป็นเจ้าทำลายอย่างไม่ปรานี
ขอให้เขาได้ยินเสียงร้องในตอนเช้า
    และสัญญาณเตือนตอนเที่ยงวัน
17 เพราะเขาไม่ได้ฆ่าข้าพเจ้าขณะที่ยังอยู่ในครรภ์
    เพื่อครรภ์มารดาของข้าพเจ้าจะได้เป็นหลุมศพของข้าพเจ้า
    และจะเป็นครรภ์โตตลอดไป
18 ทำไมข้าพเจ้าจึงออกมาจากครรภ์
    เพื่อเห็นการตรากตรำและความเศร้า
    และอยู่กับความอับอายอย่างนั้นหรือ

มาระโก 6

พระเยซูไม่เป็นที่ยอมรับ

พระเยซูได้ออกไปจากที่นั่น และมายังเมืองที่พระองค์เติบโตมา เหล่าสาวกก็ติดตามไปด้วย เมื่อถึงวันสะบาโตพระองค์เริ่มสั่งสอนในศาลาที่ประชุม และมีคนฟังจำนวนมากที่อัศจรรย์ใจและพูดกันว่า “ชายผู้นี้ได้สิ่งเหล่านี้มาจากไหน ช่างมีสติปัญญาอะไรเช่นนี้ และแสดงสิ่งอัศจรรย์ด้วยตัวเขาเองได้อย่างไรกัน ชายผู้นี้เป็นช่างไม้บุตรของมารีย์ พี่ชายของยากอบ โยเสส ยูดาสและซีโมนมิใช่หรือ พวกน้องสาวของเขาก็อยู่ที่นี่กับเรามิใช่หรือ” และพวกเขาก็เหยียดหยามพระองค์ พระเยซูกล่าวกับพวกเขาว่า “ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าเป็นที่ยอมรับนับถือทั่วทุกแห่งหน เว้นแต่ในเมืองที่ตนเติบโตมาและในหมู่ญาติพี่น้องและครอบครัวของตน” พระองค์ไม่สามารถแสดงสิ่งอัศจรรย์ที่นั่น เว้นแต่ว่าพระองค์วางมือทั้งสองบนพวกคนป่วยไม่กี่คน และรักษาพวกเขาให้หายจากโรค พระองค์แปลกใจในความไม่เชื่อของพวกเขา

พระเยซูให้โอวาทแก่สาวกทั้งสิบสองก่อนออกไปประกาศ

ครั้นแล้วพระเยซูเที่ยวสั่งสอนไปตามหมู่บ้านต่างๆ โดยรอบ พระองค์เรียกสาวกทั้งสิบสองมา แล้วใช้ให้เขาออกไปกันเป็นคู่ อีกทั้งได้ให้พวกเขามีสิทธิอำนาจเหนือวิญญาณร้าย พระองค์สั่งพวกเขาว่า “ไม่ต้องนำของติดตัวในการเดินทางเลย นอกจากไม้เท้าเท่านั้น ไม่เอาอาหารหรือย่าม ไม่เอาเงินทองติดกระเป๋าไปด้วย เพียงแต่สวมรองเท้า และอย่านำเสื้อสำรองตัวในไปด้วย” 10 พระองค์บอกพวกเขาว่า “เมื่อเจ้าเข้าไปในบ้านใครก็ตาม จงอยู่ที่นั่นจนกว่าจะออกไปจากเมืองนั้น 11 สถานที่ใดที่ไม่ยอมต้อนรับหรือฟังเจ้า เวลาเจ้าออกไปจากที่นั่นก็จงสลัดฝุ่นออกจากเท้าเพื่อแสดงถึงความผิดของเขา” 12 ดังนั้นพวกเขาจึงออกไปประกาศว่า ผู้คนควรจะกลับใจ 13 พวกเขาขับไล่มารจำนวนมากออกจากผู้คน และใช้น้ำมันเจิมบรรดาคนป่วยและรักษาพวกเขาให้หายขาด

ยอห์นถูกตัดศีรษะ

14 กษัตริย์เฮโรดได้ยินเรื่องดังกล่าวก็เพราะพระนามของพระองค์เป็นที่รู้จัก บางคนพูดกันว่า “ยอห์นผู้ให้บัพติศมาฟื้นคืนชีวิตจากความตายจึงเป็นเหตุให้ท่านสำแดงสิ่งอัศจรรย์ต่างๆ ได้” 15 แต่คนอื่นๆ พูดกันว่า “ท่านเป็นเอลียาห์”[a] บ้างพูดว่า “เป็นผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า เช่นเดียวกับบรรดาผู้เผยคำกล่าวคนอื่นๆ ในอดีต”

16 แต่เมื่อเฮโรดได้ยินดังนั้นจึงกล่าวว่า “เขาคือยอห์นที่เราสั่งตัดหัว เขาได้ฟื้นคืนชีวิตจากความตาย” 17 เฮโรดเองเป็นผู้ที่ใช้ให้คนจับกุมยอห์นและมัดไว้ในคุกเพราะเห็นแก่นางเฮโรเดียสผู้เป็นภรรยาของฟีลิปน้องชายของตน เนื่องจากเฮโรดได้สมรสกับนาง 18 เป็นเพราะยอห์นได้บอกเฮโรดว่า “เป็นการผิดกฎที่ท่านจะเอาภรรยาของน้องมาเป็นภรรยาของตน” 19 นางเฮโรเดียสจึงผูกใจเจ็บต่อยอห์น และต้องการชีวิตของท่าน แต่ก็ทำไม่ได้ 20 เนื่องจากเฮโรดกลัวยอห์นเพราะรู้ว่า ท่านเป็นคนมีความชอบธรรมและเป็นคนบริสุทธิ์ จึงได้ป้องกันตัวท่านไว้ ฉะนั้นเมื่อเฮโรดได้ยินยอห์นสั่งสอน ท่านก็รู้สึกสับสนงุนงงยิ่งนัก แต่ก็พอใจที่จะฟัง

21 แล้วโอกาสก็มาถึง คือเฮโรดจัดงานเลี้ยงวันเกิดของตนโดยเชิญพวกข้าราชสำนัก นายทหารชั้นเอก และผู้นำทั้งปวงในแคว้นกาลิลี 22 เมื่อบุตรสาวของนางเฮโรเดียสเองมาเต้นระบำ ก็ทำให้เฮโรดและแขกในงานพอใจ กษัตริย์จึงกล่าวกับหญิงสาวนั้นว่า “จะขอสิ่งใดจากเราก็ได้ แล้วเราจะให้” 23 กษัตริย์ได้สัญญาเธอว่า “อะไรก็ตามที่เจ้าขอจากเรา เราจะให้แก่เจ้า แม้จะถึงครึ่งหนึ่งของราชอาณาจักรของเรา” 24 ดังนั้นเธอจึงออกไปถามมารดาของเธอว่า “จะขอสิ่งใดดี” มารดาตอบว่า “ศีรษะของยอห์นผู้ให้บัพติศมา” 25 เธอรีบเข้ามาเฝ้ากษัตริย์และขอว่า “ดิฉันอยากได้ศีรษะของยอห์นผู้ให้บัพติศมาบนถาดเดี๋ยวนี้” 26 ถึงแม้ว่ากษัตริย์เสียใจมาก แต่เป็นเพราะคำมั่นสัญญาของท่านและแขกในงาน ท่านจึงปฏิเสธเธอไม่ได้ 27 กษัตริย์จึงสั่งเพชฌฆาตให้ไปเอาศีรษะของยอห์นมาทันที โดยเขาก็ไปตัดศีรษะของยอห์นในคุก 28 และนำศีรษะของท่านวางบนถาดมาให้หญิงสาว และเธอก็ให้มารดาไป 29 เมื่อเหล่าสาวกของยอห์นได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาจึงมารับเอาร่างของท่านไปวางไว้ในถ้ำเก็บศพ

มหาชนกับขนมปัง 5 ก้อนและปลา 2 ตัว

30 บรรดาอัครทูตชุมนุมร่วมกับพระเยซู และรายงานพระองค์ถึงสิ่งทั้งปวงที่พวกเขาได้แสดงและสั่งสอน 31 พระองค์กล่าวกับพวกเขาว่า “ไปหาที่ร้างเพื่อพักตามลำพังเถอะ เราจะได้พักผ่อนกันหน่อย” ด้วยเหตุว่ามีผู้คนไปมามาก จนพวกเขาไม่มีแม้กระทั่งเวลาที่จะรับประทานอาหารกัน 32 พวกเขาจึงออกเรือกันไปยังที่ร้างกันตามลำพัง 33 คนจำนวนมากได้เห็นพระเยซูและอัครทูตออกเรือกันไปก็จำได้ จึงพากันวิ่งออกจากเมืองต่างๆ และไปถึงที่หมายก่อน 34 เมื่อพระองค์ขึ้นฝั่งก็เห็นมหาชน และเกิดความสงสารเพราะว่าพวกเขาเป็นเสมือนฝูงแกะที่ปราศจากผู้เลี้ยงดู ครั้นแล้วพระองค์ก็เริ่มสั่งสอนพวกเขาหลายสิ่งหลายอย่าง 35 ขณะนั้นเป็นเวลาบ่าย เหล่าสาวกจึงมาบอกพระองค์ว่า “ที่นี่เป็นที่กันดารและก็เป็นเวลาบ่ายมากแล้ว 36 ปล่อยให้พวกเขาไปเถิด จะได้เข้าไปกันตามชนบทและหมู่บ้านใกล้เคียงหาซื้ออาหารรับประทาน” 37 แต่พระองค์กล่าวตอบพวกเขาว่า “พวกเจ้าเอาอาหารมาให้เขาเถิด” พวกเขาพูดกับพระองค์ว่า “ให้พวกเราใช้ 200 เหรียญเดนาริอัน[b]ไปซื้ออาหารให้เขารับประทานกันหรือ” 38 พระองค์กล่าวว่า “ดูสิว่าเจ้ามีขนมปังอยู่กี่ก้อน” เมื่อพวกเขาทราบแล้วก็พูดว่า “5 ก้อนกับปลา 2 ตัว”

39 พระองค์สั่งทุกคนให้นั่งรวมกันเป็นกลุ่มบนพื้นหญ้าอันเขียวชอุ่ม 40 พวกเขาจึงนั่งรวมกันเป็นกลุ่มๆ ละ 100 คนบ้าง 50 บ้าง 41 พระองค์หยิบขนมปัง 5 ก้อนกับปลา 2 ตัว แล้วแหงนหน้าขึ้นสู่สวรรค์ กล่าวขอบคุณพระเจ้าและบิขนมปังยื่นให้แก่เหล่าสาวกเพื่อแจกแก่ผู้คน และพระองค์แบ่งปลา 2 ตัวให้ได้ทั่วกันทุกคน 42 พวกเขาทุกคนได้รับประทานกันจนอิ่มหนำ 43 มีคนเก็บขนมปังและปลาที่เหลือได้ 12 ตะกร้าเต็มๆ 44 จำนวนผู้ชายที่รับประทานขนมปังมี 5,000 คน

พระเยซูเดินบนผิวน้ำในทะเลสาบ

45 ในทันใดนั้น พระองค์ก็สั่งเหล่าสาวกให้ลงเรือออกไปก่อน ข้ามฟากไปยังเมืองเบธไซดา ขณะที่พระองค์บอกฝูงชนให้กลับไป 46 หลังจากที่ได้ร่ำลากับพวกเขาแล้ว พระองค์จึงขึ้นไปบนภูเขาเพื่ออธิษฐาน 47 ครั้นเย็นลง เรือยังล่องอยู่ในทะเลสาบ และพระองค์อยู่บนฝั่งแต่ผู้เดียว 48 พระองค์เห็นพวกเขาตีกรรเชียงกันอย่างขะมักเขม้นเพราะทวนลมอยู่ ระหว่างตีสามถึงหกโมงเช้า พระองค์เดินบนผิวน้ำในทะเลสาบไปหาพวกเขา และพระองค์ตั้งใจที่จะเดินผ่านพวกเขาไป 49 แต่เมื่อพวกเขาเห็นพระองค์เดินบนผิวน้ำก็สำคัญว่าเป็นผี จึงส่งเสียงร้อง 50 เพราะทุกคนเห็นพระองค์และตกใจ แต่พระองค์กล่าวกับพวกเขาทันทีว่า “ทำใจให้ดีไว้ นี่เราเอง อย่ากลัวเลย” 51 แล้วพระองค์ก็ลงเรือไปกับพวกเขา ลมหยุดพัดและพวกเขาก็อัศจรรย์ใจยิ่งนัก 52 เพราะว่าเขาเหล่านั้นยังไม่เข้าใจเรื่องขนมปัง และใจของพวกเขายังคงแข็งกระด้าง

53 ครั้นข้ามฟากไปแล้วก็ขึ้นฝั่งที่แขวงเยนเนซาเรทแล้วผูกเรือไว้ 54 เมื่อขึ้นจากเรือแล้วผู้คนก็จำพระองค์ได้ 55 พวกเขาวิ่งกันไปทั่วแว่นแคว้น และเมื่อทราบว่าพระองค์อยู่ที่ไหน ก็พากันหามพวกคนป่วยบนเปลหามไปหาพระองค์ 56 พระองค์เดินไปตามหมู่บ้าน ในเมือง หรือตามชานเมืองที่ใดก็ตาม พวกเขาจะวางคนป่วยไว้ที่ย่านตลาด และขอให้พวกเขาเพียงแต่แตะชายเสื้อตัวนอกของพระองค์ ทุกคนที่กระทำอย่างนั้นแล้วก็หายขาดจากโรค

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation