Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
โยชูวา 20-21

เมืองลี้ภัย

20 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโยชูวาว่า “จงพูดกับชาวอิสราเอลว่า ‘จงกำหนดเมืองลี้ภัยขึ้น ตามที่เราได้สั่งเจ้าโดยผ่านทางโมเสสว่า[a] ฆาตกรใดที่ฆ่าคนโดยไม่มีเจตนาหรือโดยบังเอิญจะได้หลบหนีไปที่นั่นได้ เมืองเหล่านั้นจะเป็นที่สำหรับลี้ภัยจากผู้ตามล่า เขาจะหลบหนีไปยังเมืองลี้ภัยแห่งใดแห่งหนึ่ง และยืนที่ทางเข้าประตูเมือง และอธิบายกรณีของเขาแก่บรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของเมืองนั้น แล้วเขาเหล่านั้นจะพาเขาเข้าไปในเมืองเพื่อให้ที่อยู่แก่เขา และเขาจะอยู่ที่นั่น และถ้าผู้ตามล่าติดตามไปฆ่าเขา พวกเขาก็จะไม่มอบตัวฆาตกรให้ เพราะว่าเขาฆ่าเพื่อนบ้านของเขาโดยบังเอิญและไม่เคยเกลียดชังเขามาก่อน และเขาจะอยู่ที่เมืองนั้นจนกว่าจะยืนต่อหน้ามวลชนเพื่อการพิพากษาก่อน และจนกว่าหัวหน้ามหาปุโรหิตในเวลานั้นเสียชีวิตแล้ว และฆาตกรจึงจะกลับไปบ้านเมืองของตนได้ ไปยังเมืองที่เขาจากมา’”

ดังนั้น ชาวอิสราเอลจึงเลือกเมืองเคเดชในกาลิลีซึ่งอยู่ในแถบภูเขาของนัฟทาลี และเมืองเชเคมซึ่งอยู่ในแถบภูเขาของเอฟราอิม และเมืองคีริยาทอาร์บา (คือเมืองเฮโบรน) ในแถบภูเขาของยูดาห์ และที่โพ้นแม่น้ำจอร์แดนทางด้านตะวันออกของเมืองเยรีโค พวกเขาเลือกเมืองเบเซอร์ในถิ่นทุรกันดารบนที่ราบสูง จากเผ่ารูเบน และเมืองราโมทในกิเลอาด จากเผ่ากาด และเมืองโกลานในบาชาน จากเผ่ามนัสเสห์ เมืองดังกล่าวถูกแบ่งให้แก่ชาวอิสราเอลทั้งปวงและแก่คนต่างด้าวที่มาอาศัยอยู่ในหมู่พวกเขา ถ้าผู้ใดฆ่าคนโดยไม่มีเจตนาก็สามารถหลบหนีไปที่นั่นได้ เพื่อเขาไม่ต้องตายด้วยมือของผู้ตามล่า หลังจากนั้นเขาจึงจะยืนสู้คดีต่อหน้ามวลชน

เมืองและทุ่งหญ้าแบ่งให้แก่ชาวเลวี

21 ครั้นแล้ว บรรดาหัวหน้าบรรพบุรุษของชาวเลวีจึงมาหาเอเลอาซาร์ปุโรหิตและโยชูวาบุตรของนูน และหัวหน้าบรรพบุรุษของเผ่าชาวอิสราเอล และพวกเขาพูดกับท่านเหล่านั้นที่ชิโลห์ในแผ่นดินคานาอันว่า “พระผู้เป็นเจ้ามีบัญชาผ่านทางโมเสสว่า พวกเราจะได้เมืองอันเป็นที่อยู่อาศัย พร้อมทั้งทุ่งหญ้าสำหรับสัตว์เลี้ยงของเรา”[b] ฉะนั้นชาวอิสราเอลมอบเมืองและทุ่งหญ้าดังต่อไปนี้จากมรดกของตนเองให้แก่ชาวเลวีตามคำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า

ฉลากออกมาเป็นของครอบครัวชาวโคฮาท ดังนั้นชาวเลวีที่เป็นผู้สืบเชื้อสายของอาโรนปุโรหิตจึงได้รับ 13 เมืองเป็นส่วนแบ่งจากเผ่ายูดาห์ สิเมโอน และเบนยามิน

ส่วนชาวโคฮาทคนอื่นๆ ได้รับ 10 เมืองเป็นส่วนแบ่งจากครอบครัวของเผ่าเอฟราอิม เผ่าดาน และจากครึ่งเผ่าของมนัสเสห์

ชาวเกอร์โชนได้รับ 13 เมืองเป็นส่วนแบ่งจากครอบครัวของเผ่าอิสสาคาร์ เผ่าอาเชอร์ เผ่านัฟทาลี และจากครึ่งเผ่าของมนัสเสห์ในบาชาน

ชาวเมรารีตามแต่ละครอบครัวของพวกเขาได้รับ 12 เมืองจากเผ่ารูเบน เผ่ากาด และเผ่าเศบูลุน

ชาวอิสราเอลมอบเมืองดังกล่าวพร้อมทั้งทุ่งหญ้าตามส่วนแบ่งให้แก่ชาวเลวี ตามที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาผ่านทางโมเสส

ต่อไปนี้เป็นรายชื่อเมืองที่ได้รับจากเผ่าชาวยูดาห์และชาวสิเมโอน 10 ซึ่งมอบให้แก่บรรดาผู้สืบเชื้อสายของอาโรนซึ่งเป็นหนึ่งในบรรดาครอบครัวชาวโคฮาทที่เป็นชาวเลวี เพราะว่าฉลากแรกตกเป็นของพวกเขา 11 เขามอบคีริยาทอาร์บาให้แก่พวกเขา (อาร์บาเป็นบิดาของอานาค) คือเมืองเฮโบรนในแถบภูเขาของยูดาห์พร้อมทั้งทุ่งหญ้าโดยรอบ 12 และยกทุ่งนากับหมู่บ้านที่รอบเมืองให้แก่คาเลบบุตรเยฟุนเนห์ครอบครอง[c]

13 และบรรดาผู้สืบเชื้อสายของอาโรนปุโรหิตได้รับเฮโบรนเป็นเมืองลี้ภัยสำหรับฆาตกร พร้อมทั้งทุ่งหญ้า ลิบนาห์พร้อมทั้งทุ่งหญ้า 14 ยาททีร์พร้อมทั้งทุ่งหญ้า เอชเทโมอาพร้อมทั้งทุ่งหญ้า 15 โฮโลนพร้อมทั้งทุ่งหญ้า เดบีร์พร้อมทั้งทุ่งหญ้า 16 อายินพร้อมทั้งทุ่งหญ้า ยุทธาห์พร้อมทั้งทุ่งหญ้า เบธเชเมชพร้อมทั้งทุ่งหญ้า รวมเป็น 9 เมืองจาก 2 เผ่าดังกล่าว

17 เมืองที่ได้รับจากเผ่าเบนยามินคือ กิเบโอนพร้อมทั้งทุ่งหญ้า เก-บาพร้อมทั้งทุ่งหญ้า 18 อานาโธทพร้อมทั้งทุ่งหญ้า อัลโมนพร้อมทั้งทุ่งหญ้า รวมเป็น 4 เมือง

19 เมืองที่เป็นของบรรดาปุโรหิตคือผู้สืบเชื้อสายของอาโรนรวมได้ 13 เมืองพร้อมทั้งทุ่งหญ้าด้วย

20 บรรดาครอบครัวชาวโคฮาทที่เหลือที่เป็นชาวเลวีได้รับเมืองจากเผ่าเอฟราอิม

21 เขาให้เมืองเชเคมเป็นเมืองลี้ภัยสำหรับฆาตกร พร้อมทั้งทุ่งหญ้าในแถบภูเขาของเอฟราอิม เกเซอร์พร้อมทั้งทุ่งหญ้า 22 ขิบซาอิมพร้อมทั้งทุ่งหญ้า เบธโฮโรนพร้อมทั้งทุ่งหญ้า รวมเป็น 4 เมือง 23 จากเผ่าดานมีเอลเทเคห์พร้อมทั้งทุ่งหญ้า กิบเบโธนพร้อมทั้งทุ่งหญ้า 24 อัยยาโลนพร้อมทั้งทุ่งหญ้า กัทริมโมนพร้อมทั้งทุ่งหญ้า รวมเป็น 4 เมือง 25 จากครึ่งเผ่าของมนัสเสห์มีทาอานาคพร้อมทั้งทุ่งหญ้า กัทริมโมนพร้อมทั้งทุ่งหญ้า รวมเป็น 2 เมือง 26 เมืองที่เป็นของบรรดาครอบครัวของชาวโคฮาทที่เหลืออยู่นั้นรวมได้ 10 เมืองพร้อมทั้งทุ่งหญ้าด้วย

27 เมืองที่ชาวเกอร์โชนซึ่งเป็นครอบครัวหนึ่งของชาวเลวีได้รับจากครึ่งเผ่าของมนัสเสห์ คือโกลานในบาชานพร้อมทั้งทุ่งหญ้าเป็นเมืองลี้ภัยสำหรับฆาตกร และเบเอชเทราห์พร้อมทั้งทุ่งหญ้า รวมเป็น 2 เมือง 28 จากเผ่าอิสสาคาร์มี คีชิโอนพร้อมทั้งทุ่งหญ้า ดาเบรัทพร้อมทั้งทุ่งหญ้า 29 ยาร์มูทพร้อมทั้งทุ่งหญ้า เอนกันนิมพร้อมทั้งทุ่งหญ้า รวมเป็น 4 เมือง 30 จากเผ่าอาเชอร์มี มิชอาลพร้อมทั้งทุ่งหญ้า อับโดนพร้อมทั้งทุ่งหญ้า 31 เฮลขัทพร้อมทั้งทุ่งหญ้า เรโหบพร้อมทั้งทุ่งหญ้า รวมเป็น 4 เมือง 32 จากเผ่านัฟทาลีมี เคเดชในกาลิลีพร้อมทั้งทุ่งหญ้าเป็นเมืองลี้ภัยสำหรับฆาตกร ฮัมโมทโดร์พร้อมทั้งทุ่งหญ้า คาร์ทานพร้อมทั้งทุ่งหญ้า รวมเป็น 3 เมือง

33 เมืองของหลายครอบครัวของชาวเกอร์โชนรวมได้ 13 เมืองพร้อมทั้งทุ่งหญ้าด้วย

34 เมืองที่บรรดาครอบครัวเมรารีซึ่งเป็นชาวเลวีที่เหลืออยู่ได้รับจากเผ่าเศบูลุนคือ โยกเนอัมพร้อมทั้งทุ่งหญ้า คาร์ทาห์พร้อมทั้งทุ่งหญ้า 35 ดิมนาห์พร้อมทั้งทุ่งหญ้า นาหะลาลพร้อมทั้งทุ่งหญ้า รวมเป็น 4 เมือง 36 จากเผ่ารูเบนมี เบเซอร์พร้อมทั้งทุ่งหญ้า ยาฮาสพร้อมทั้งทุ่งหญ้า 37 เคเดโมทพร้อมทั้งทุ่งหญ้า เมฟาอาทพร้อมทั้งทุ่งหญ้า รวมเป็น 4 เมือง 38 จากเผ่ากาดมี ราโมทในกิเลอาดพร้อมทั้งทุ่งหญ้าเป็นเมืองลี้ภัยสำหรับฆาตกร มาหะนาอิมพร้อมทั้งทุ่งหญ้า 39 เฮชโบนพร้อมทั้งทุ่งหญ้า ยาเซอร์พร้อมทั้งทุ่งหญ้า รวมทั้งหมด 4 เมือง 40 ส่วนแบ่งสำหรับหลายครอบครัวของชาวเมรารีคือบรรดาครอบครัวของชาวเลวีที่เหลืออยู่ รวมได้ 12 เมือง

41 เมืองของชาวเลวีอยู่ท่ามกลางอาณาเขตของชาวอิสราเอลซึ่งรวมได้ 48 เมืองพร้อมทั้งทุ่งหญ้า 42 เมืองเหล่านี้แต่ละเมืองมีทุ่งหญ้าล้อมรอบ

43 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้ามอบแผ่นดินทั้งหมดแก่ชาวอิสราเอลดังที่พระองค์ปฏิญาณว่าจะมอบให้แก่บรรพบุรุษของพวกเขา เขาทั้งหลายก็ได้ยึดครองไว้ และตั้งรกรากกันอยู่ที่นั่น[d] 44 และพระผู้เป็นเจ้าให้พวกเขาได้หยุดพักจากการสู้รบรอบด้านของแผ่นดิน ดังที่พระองค์ได้ปฏิญาณไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา ไม่มีศัตรูสักคนเดียวที่ยืนหยัดต่อสู้เขาได้ เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าได้มอบบรรดาศัตรูทั้งปวงไว้ในมือของพวกเขา 45 ไม่มีคำสัญญาอันดีใดๆ ที่พระผู้เป็นเจ้าได้ให้แก่พงศ์พันธุ์อิสราเอล แล้วจะไม่เป็นจริง คือทุกสิ่งเกิดขึ้นตามนั้น

กิจการของอัครทูต 1

พระเยซูคืนสู่สวรรค์

เรียนใต้เท้าเธโอฟีลัส ในฉบับแรก ข้าพเจ้าได้เขียนถึงทุกสิ่งที่พระเยซูเริ่มกระทำและสั่งสอน จนถึงวันที่พระองค์ถูกรับขึ้นสู่สวรรค์ หลังจากที่พระองค์สั่งเหล่าอัครทูตซึ่งพระองค์ได้เลือกไว้แล้ว โดยอานุภาพของพระวิญญาณบริสุทธิ์ หลังจากที่ทนทุกข์ทรมาน พระองค์ได้ปรากฏให้คนเหล่านั้นเห็น และได้กระทำสิ่งอันเป็นข้อพิสูจน์หลายประการว่า พระองค์ยังมีชีวิตอยู่ พระองค์ปรากฏแก่พวกเขาในช่วงเวลา 40 วัน และได้กล่าวถึงอาณาจักรของพระเจ้า

ครั้งหนึ่ง ขณะที่พระองค์กำลังรับประทานอยู่กับพวกเขา พระองค์ได้สั่งพวกเขาว่า “อย่าออกไปจากเมืองเยรูซาเล็ม แต่จงรอรับของประทานซึ่งพระบิดาได้ให้สัญญาไว้ ดังที่เราพูดไว้กับพวกเจ้าแล้ว ด้วยว่ายอห์นให้บัพติศมาด้วยน้ำ[a]แต่อีกไม่กี่วัน เจ้าจะรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์”

ดังนั้นเมื่อเหล่าสาวกมาประชุมร่วมกันแล้วก็ได้ถามพระองค์ว่า “พระองค์ท่าน พระองค์จะให้อิสราเอลกลับมาปกครองอาณาจักรในไม่ช้าหรือ” พระองค์กล่าวกับเขาเหล่านั้นว่า “ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะได้รู้วันเวลาที่พระบิดาได้กำหนดขึ้นด้วยสิทธิอำนาจของพระองค์เอง แต่เจ้าจะได้รับฤทธานุภาพ เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตกับเจ้า และเจ้าจะเป็นบรรดาพยานของเราในเมืองเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรีย และสุดขอบโลก” สิ้นคำกล่าวแล้ว พระองค์ก็ถูกรับขึ้นไปต่อหน้าคนเหล่านั้น ครั้นแล้วก็มีเมฆก้อนหนึ่งมาบังพระองค์พ้นจากสายตาพวกเขา 10 ขณะที่คนเหล่านั้นแหงนหน้ามองพระเยซูจากไป โดยไม่กะพริบตาอยู่นั้นเอง ดูเถิด มีชาย 2 คนสวมเสื้อผ้าสีขาวมายืนอยู่ข้างๆ 11 ชายทั้งสองกล่าวขึ้นว่า “ชาวกาลิลีเอ๋ย ทำไมท่านจึงยืนแหงนดูฟ้าอยู่ที่นี่ พระเยซูถูกรับไปจากท่านขึ้นสู่สวรรค์ พระองค์จะกลับมาในแบบเดียวกันกับที่ท่านเห็นพระองค์คืนสู่สวรรค์”

มัทธีอัสมาแทนยูดาส

12 พวกเขาเดินกลับจากภูเขามะกอกไปยังเมืองเยรูซาเล็ม ซึ่งเป็นระยะทางเดินสำหรับวันสะบาโต[b] 13 เมื่อถึงแล้วก็ขึ้นไปยังห้องชั้นบนที่กำลังพักอยู่ ซึ่งขณะนั้นมีเปโตร ยอห์น ยากอบ อันดรูว์ ฟีลิป โธมัส บาร์โธโลมิว มัทธิว ยากอบบุตรของอัลเฟอัส ซีโมนผู้เป็นพรรคชาตินิยม และยูดาสบุตรของยากอบ 14 เขาเหล่านี้อธิษฐานร่วมกัน พร้อมกับกลุ่มสตรีและมารีย์มารดาของพระเยซู และกับเหล่าน้องชายของพระองค์อยู่เสมอ

15 แล้วเปโตรก็ยืนขึ้นท่ามกลางหมู่พี่น้อง (รวมทั้งกลุ่มได้ประมาณ 120 คน) 16 พูดขึ้นว่า “พี่น้องทั้งหลาย เรื่องของยูดาสผู้นำคนไปจับพระเยซู ต้องเป็นไปตามที่พระคัมภีร์ระบุไว้ ดังที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้กล่าวถึงโดยผ่านดาวิดนานมาแล้ว 17 เขาเป็นคนหนึ่งในพวกเรา และทำงานรับใช้ร่วมกัน” 18 (ยูดาสได้นำเงินรางวัลที่ได้จากการทำความชั่วของตนไปซื้อที่ดินแปลงหนึ่ง แล้วเขาล้มคะมำลง ท้องแตกและไส้ทะลัก ณ ที่นั้น 19 เมื่อทุกคนในเมืองเยรูซาเล็มได้ยินเรื่องนี้ ก็เรียกที่ดินนั้นตามภาษาของตนว่า อาเคลดามา คือที่ดินเลือด)

20 เปโตรพูดว่า “ด้วยเหตุว่ามีบันทึกไว้ในฉบับสดุดีดังนี้

‘ขอให้ค่ายของเขาร้าง
    และอย่าได้มีผู้ใดอาศัยอยู่เลย’[c]

และ

‘ขอให้คนอื่นมาเป็นผู้นำ แทนในตำแหน่งของเขา’[d]

21 ฉะนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเลือกคนใดคนหนึ่งในบรรดาผู้ชายที่ได้อยู่กับพวกเรา ตลอดระยะเวลาที่พระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าเข้านอกออกในท่ามกลางพวกเรา 22 นับตั้งแต่เวลาที่ยอห์นทำพิธีบัพติศมาให้แก่พระเยซู จนถึงเวลาที่พระองค์ถูกรับขึ้นไปจากเรา เพราะผู้ที่จะได้รับเลือกต้องเป็นพยานร่วมกับเราถึงการฟื้นคืนชีวิตของพระองค์”

23 ดังนั้น พวกเขาจึงเสนอชื่อชาย 2 คนคือ โยเซฟที่บางคนเรียกว่าบาร์ซับบาส (มีอีกชื่อหนึ่งด้วยว่า ยุสทัส) และมัทธีอัส 24 แล้วก็อธิษฐานว่า “ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทราบถึงจิตใจของทุกๆ คน ขอพระองค์ได้โปรดชี้ให้พวกเราเห็นว่า ในระหว่าง 2 คนนี้ ผู้ใดคือผู้ที่พระองค์เลือก 25 ให้ปฏิบัติงานรับใช้ของอัครทูตแทนยูดาส ซึ่งได้จากไปยังที่ๆ เขาสมควรอยู่” 26 จากนั้นพวกเขาก็จับฉลาก ซึ่งได้เป็นชื่อของมัทธีอัส ฉะนั้นเขาจึงเป็นคนที่เพิ่มเข้ามาในหมู่อัครทูตทั้งสิบเอ็ด

เยเรมีย์ 10

รูปเคารพและพระเจ้าผู้มีชีวิต

10 โอ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย จงฟังคำที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวแก่พวกท่าน พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า

“อย่าเลียนแบบวิถีทางของบรรดาประชาชาติ
    หรือตกใจกับหมายสำคัญในฟ้าสวรรค์
    เพราะบรรดาประชาชาติตกใจกับสิ่งเหล่านั้น
เพราะพิธีกรรมของบรรดาชนชาติไร้ค่า
    ต้นไม้ถูกโค่นในป่า
    ถูกขวานแกะสลักด้วยมือของช่างผู้ชำนาญ
พวกเขาใช้เงินและทองคำประดับรูปเคารพ
    และใช้ค้อนและตะปูประกอบเข้าด้วยกัน
    เพื่อไม่ให้ขยับเขยื้อนได้
รูปเคารพของพวกเขาเป็นเหมือนหุ่นไล่กาในสวนแตงกวา
    พูดไม่ได้
และต้องให้คนแบก
    เพราะเดินไม่ได้
อย่ากลัวสิ่งเหล่านั้น
    เพราะรูปเคารพพวกนั้นกระทำอันตรายไม่ได้
    และจะกระทำสิ่งดีๆ ก็ไม่ได้เช่นกัน”

โอ พระผู้เป็นเจ้า ไม่มีผู้ใดที่เป็นเหมือนพระองค์
    พระองค์ยิ่งใหญ่ และพระนามของพระองค์มีอานุภาพอันยิ่งใหญ่
โอ กษัตริย์ของบรรดาประชาชาติ
    มีผู้ใดบ้างที่ไม่เกรงกลัวพระองค์
    สมควรที่พระองค์จะได้รับการยกย่อง
เพราะในบรรดาผู้เรืองปัญญาทุกคนของบรรดาประชาชาติ
    และในอาณาจักรทั้งปวงของพวกเขา
    ไม่มีผู้ใดที่เป็นเหมือนพระองค์
พวกเขาทุกคนทั้งเบาปัญญา และโง่เขลา
    ได้รับการสั่งสอนจากรูปเคารพไม้ที่ไร้ค่า
เงินที่ชุบก็มาจากทาร์ชิช
    และทองคำมาจากอุฟาส
เป็นผลงานของช่างผู้ชำนาญและจากมือของช่างตีเหล็ก
    ใช้ผ้าสีน้ำเงินและสีม่วงตกแต่งเป็นเสื้อผ้า
    ล้วนแต่เป็นผลงานของช่างผู้ชำนาญ
10 แต่พระผู้เป็นเจ้าเป็นพระเจ้าที่แท้จริง
    พระองค์เป็นพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่และกษัตริย์ผู้คงอยู่ชั่วนิรันดร์
เมื่อพระองค์กริ้ว แผ่นดินโลกก็สั่นสะท้าน
    และบรรดาประชาชาติไม่สามารถทนต่อความโกรธของพระองค์ได้

11 “ฉะนั้น เจ้าจงพูดกับพวกเขาว่า บรรดาเทพเจ้าที่ไม่ได้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก จะตายไปจากแผ่นดินโลกและจากใต้ฟ้าสวรรค์”[a]

12 พระองค์เป็นผู้สร้างแผ่นดินโลกด้วยอานุภาพของพระองค์
    ผู้สร้างโลกด้วยสติปัญญาของพระองค์
    และแผ่ฟ้าสวรรค์ออกด้วยความเข้าใจของพระองค์
13 เมื่อพระองค์ส่งเสียง ก็มีเสียงคำรามในฟ้าสวรรค์
    และพระองค์สร้างเมฆให้ลอยขึ้นจากสุดมุมโลก
พระองค์สร้างให้มีสายฟ้าแลบเมื่อมีฝน
    และให้มีลมโบกจากแหล่งเก็บลม
14 มนุษย์ทุกคนเบาปัญญาและไร้ความรู้
    ช่างตีเหล็กทุกคนจะอับอายก็เพราะรูปเคารพของเขา
เพราะรูปที่เขาหล่อขึ้นนั้นจอมปลอม
    และไม่มีลมหายใจ
15 รูปเหล่านั้นไร้ค่าและเป็นที่ดูแคลน
    และจะถูกทำลายเมื่อถึงเวลาพิพากษาโทษ
16 องค์ผู้ที่ยาโคบนมัสการไม่เป็นเหมือนสิ่งเหล่านี้
    เพราะพระองค์เป็นผู้สร้างสรรพสิ่ง
และอิสราเอลเป็นเผ่าพันธุ์ของผู้สืบมรดกของพระองค์
    พระองค์มีพระนามว่า พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา
17 ผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองที่ถูกล้อมเอ๋ย
    จงเก็บข้าวของของพวกท่านเถิด

18 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้

“ดูเถิด เรากำลังจะโยนบรรดาผู้อยู่อาศัย
    ในแผ่นดินออกไปในเวลานี้
และเราจะทำให้พวกเขาเป็นทุกข์
    เพื่อพวกเขาจะได้รู้สึก”

19 วิบัติเกิดแก่ข้าพเจ้าเพราะข้าพเจ้าเจ็บปวด
    บาดแผลของข้าพเจ้ารักษาไม่หาย
ข้าพเจ้ายังจะพูดกับตัวเองว่า
    นี่เป็นความทุกข์ทรมานของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าต้องทน
20 กระโจมของข้าพเจ้าพังยับเยิน
    เชือกผูกกระโจมก็ขาด
ลูกๆ ของข้าพเจ้าต่างก็ไปจากข้าพเจ้าแล้ว
    ไม่มีใครตั้งกระโจม
    และที่กำบังให้ข้าพเจ้าอีก
21 เพราะบรรดาผู้เลี้ยงดูฝูงแกะเบาปัญญา
    และไม่ขอความเห็นจากพระผู้เป็นเจ้า
ฉะนั้นพวกเขาจึงไม่ได้เจริญรุ่งเรือง
    และฝูงแกะของพวกเขากระจัดกระจายไป

22 ดูเถิด จงฟังเสียงอึกทึก
    ที่มาจากดินแดนทางทิศเหนือ
เขาจะทำให้เมืองของยูดาห์กลายเป็นที่รกร้าง
    เป็นที่อยู่ของหมาใน

23 โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าทราบว่าชีวิตของมนุษย์ไม่ได้เป็นของเขาเอง
    เขาไม่สามารถจัดการชีวิตในทุกขั้นตอนได้
24 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดแก้ไขข้าพเจ้าด้วย
    แต่ไม่ใช่จากความโกรธของพระองค์
ขอโปรดให้ความเป็นธรรม
    มิฉะนั้น พระองค์จะทำให้ชีวิตข้าพเจ้าสูญสิ้นไป

25 ขอพระองค์กระหน่ำการลงโทษลงบนบรรดาประชาชาติ
    ที่ไม่รู้จักพระองค์
    บนตระกูลทั้งหลายที่ไม่ร้องเรียกพระนามของพระองค์
เพราะพวกเขาได้กลืนกินพงศ์พันธุ์ยาโคบ
    ทำให้พวกเขาพินาศ
    และทำให้บ้านเมืองเป็นที่รกร้าง[b]

มัทธิว 24

พระวิหารถูกทำลาย และการสิ้นยุคนี้

24 แล้วพระเยซูก็ออกไปจากพระวิหาร ขณะที่กำลังเดินไปอยู่นั้น เหล่าสาวกของพระองค์ได้ชี้ตึกในบริเวณพระวิหารให้พระองค์ดู พระองค์กล่าวตอบว่า “เจ้าเห็นสิ่งเหล่านี้ใช่ไหม เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า ไม่มีหินก้อนใดซึ่งวางทับซ้อนกันอยู่ที่นี่จะรอดจากการทำลายไปได้”

ขณะที่พระองค์นั่งอยู่บนภูเขามะกอก เหล่าสาวกมาพูดกับพระองค์เป็นการส่วนตัวว่า “โปรดบอกพวกเราเถิดว่า สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อใด และปรากฏการณ์สำคัญอันใดที่จะบ่งบอกให้รู้ว่า พระองค์จะมาและเป็นการสิ้นยุคนี้” พระเยซูกล่าวตอบว่า “จงระวัง อย่าให้ผู้ใดชักจูงเจ้าไปในทางที่ผิด เพราะว่าจะมีคนจำนวนมากที่จะมาและกล่าวอ้างนามของเราโดยว่า ‘เราเป็นพระคริสต์’ และจะชักจูงคนจำนวนมากไปในทางที่ผิด เจ้าจะได้ยินถึงการสงครามต่างๆ และข่าวลือเรื่องสงคราม ก็อย่าตกใจกลัว เพราะสิ่งเหล่านั้นต้องเกิดขึ้นก่อน แต่การสิ้นสุดจะยังไม่เกิดขึ้นในทันที ประเทศชาติต่างๆ จะต่อสู้กัน และอาณาจักรต่างๆ จะต่อสู้กัน จะเกิดความอดอยากและแผ่นดินไหวตามที่ต่างๆ แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงการเริ่มต้นความเจ็บปวดเหมือนก่อนคลอดลูก

ในเวลานั้นพวกเขาจะมอบตัวเจ้าให้ถูกข่มเหงและฆ่า และชนทุกชาติจะเกลียดชังเจ้าเหตุเพราะชื่อของเรา 10 คราวนั้นคนจำนวนมากจะละจากความเชื่อ เขาจะทรยศกันและเกลียดชังกัน 11 ผู้เผยคำกล่าวจอมปลอมจำนวนมากจะแสดงตนขึ้น และจะนำคนจำนวนมากไปในทางที่ผิด 12 เป็นเพราะความชั่วร้ายที่เพิ่มมากขึ้น ความรักของคนส่วนใหญ่จึงสลายลง 13 แต่คนที่ยืนหยัดจนถึงที่สุดจะได้ชีวิตรอดพ้น 14 และข่าวประเสริฐของอาณาจักรจะถูกประกาศไปทั่วโลกเพื่อเป็นพยานให้แก่ชนทุกชาติ แล้วก็จะถึงวันสิ้นยุคนี้

15 เมื่อเจ้าเห็นสิ่งที่น่าชังซึ่งทำให้เกิดความวิบัติที่ดาเนียลผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าได้พูดถึง ยืนอยู่ในสถานที่บริสุทธิ์ (ให้ผู้อ่านเข้าใจเถิด)[a] 16 เวลานั้นจงปล่อยให้ผู้คนในแคว้นยูเดียหนีไปยังแถบภูเขา 17 อย่าให้คนที่อยู่บนหลังคาบ้านลงไปขนสิ่งที่อยู่ในบ้านของเขาออกมา 18 อย่าให้คนที่อยู่ในทุ่งนากลับไปหยิบเสื้อตัวนอกของเขา 19 วิบัติจะเกิดแก่หญิงมีครรภ์และมารดาผู้ให้นมลูกในวันนั้น 20 จงอธิษฐานขอว่าเวลาเจ้าหนีไปไม่ใช่ฤดูหนาวหรือวันสะบาโต 21 เพราะในเวลานั้นจะเป็นเวลาแห่งความทุกข์ยากลำบากอันใหญ่หลวงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ตั้งแต่แรกสร้างโลกจนถึงเวลานี้ และจะไม่เป็นเช่นนั้นอีก 22 หากว่าพระเจ้าไม่ลดจำนวนวันอันแสนทุกข์ให้น้อยลง ก็จะไม่มีผู้ใดรอดชีวิตได้เลย แต่เพราะเห็นแก่ผู้ที่พระเจ้าได้เลือกไว้ พระองค์จึงลดจำนวนวันลง 23 ในเวลานั้นถ้าใครพูดกับเจ้าว่า ‘ดูสิ พระคริสต์อยู่ที่นี่’ หรือ ‘พระองค์อยู่ที่นั่น’ ก็อย่าเชื่อเขา 24 เพราะบรรดาพระคริสต์จอมปลอมและผู้เผยคำกล่าวจอมปลอมจะแสดงตน และแสดงปรากฏการณ์อัศจรรย์รวมถึงสิ่งมหัศจรรย์ยิ่งใหญ่ต่างๆ เพื่อหากว่าเป็นไปได้ ก็จะชักจูงให้แม้ผู้ที่พระเจ้าเลือกไว้ให้หลงไปในทางที่ผิด 25 เราขอบอกพวกเจ้าล่วงหน้าไว้ก่อน 26 ฉะนั้นถ้าพวกเขาพูดกับเจ้าว่า ‘ดูสิ พระองค์อยู่ในถิ่นทุรกันดาร’ ก็จงอย่าตามออกไปที่นั่น หรือว่า ‘ดูสิ พระองค์อยู่ที่ห้องด้านใน’ ก็อย่าเชื่อพวกเขา 27 เพราะว่าฟ้าแลบจากทางทิศตะวันออก และแสงส่องไปยังทิศตะวันตกฉันใด การมาของบุตรมนุษย์ก็จะเป็นฉันนั้น 28 ซากศพอยู่ที่ไหน ฝูงอีแร้งก็จะรุมกันอยู่ที่นั่น

29 ทันทีหลังจากระยะเวลาอันทุกข์ยากลำบาก ดวงอาทิตย์จะมืดลง และดวงจันทร์จะไม่ส่องแสง บรรดาดวงดาวจะตกลงจากฟ้า และบรรดาสิ่งที่ทรงพลังในท้องฟ้าจะสั่นสะเทือน[b] 30 ครั้นแล้วปรากฏการณ์อัศจรรย์ของบุตรมนุษย์จะปรากฏที่ท้องฟ้า และทุกเผ่าพันธุ์ในโลกจะครวญคร่ำร่ำไห้ เขาเหล่านั้นจะเห็นบุตรมนุษย์มาในเมฆด้วยฤทธานุภาพและสง่าราศีอันยิ่งใหญ่ 31 ท่านจะส่งเหล่าทูตสวรรค์ของท่านไปพร้อมกับเสียงแตรใหญ่ เพื่อรวบรวมบรรดาผู้ที่ท่านเลือกไว้จากลมทั้งสี่ คือนับจากสุดฟากฟ้าด้านหนึ่งจนถึงสุดฟากฟ้าอีกด้านหนึ่ง

32 จงเรียนเรื่องอุปมาจากต้นมะเดื่อ เมื่อกิ่งก้านเขียวสดแตกใบอ่อน เจ้าก็รู้ว่าฤดูฝนใกล้จะถึงแล้ว 33 ในทำนองเดียวกัน เมื่อเจ้าเห็นสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ จงรู้เถิดว่าท่านอยู่ใกล้ประตูมากแล้ว 34 เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า คนในช่วงกาลเวลานี้จะไม่อาจล่วงลับไป จนกว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นก่อน 35 สวรรค์และโลกจะดับสูญไป แต่คำของเราจะไม่มีวันสูญหายไป

ใครจะหยั่งรู้อนาคต

36 แต่ไม่มีใครทราบถึงวันและเวลานั้น บรรดาทูตสวรรค์แห่งสวรรค์หรือแม้แต่พระบุตรก็ไม่ทราบเช่นกัน ยกเว้นพระบิดาเพียงพระองค์เดียว 37 การมาของบุตรมนุษย์จะเหมือนกับสมัยของโนอาห์[c] 38 เพราะในสมัยก่อนที่จะถึงวาระน้ำท่วมนั้น ผู้คนกำลังดื่มกิน สมรส และยกให้เป็นสามีภรรยากัน จนถึงวันที่โนอาห์ได้ลงเรือใหญ่ 39 เขาเหล่านั้นไม่ทันรู้ตัวจนกระทั่งน้ำท่วมทำลายพวกเขาหมดสิ้นฉันใด การมาของบุตรมนุษย์ก็เป็นฉันนั้น 40 จะมีชาย 2 คนอยู่ในนา คนหนึ่งจะถูกพาตัวไป อีกคนหนึ่งถูกทิ้งไว้ 41 หญิง 2 คนจะโม่แป้งอยู่ด้วยกัน คนหนึ่งจะถูกพาตัวไป อีกคนหนึ่งถูกทิ้งไว้ 42 ฉะนั้นจงคอยระวังไว้ เพราะเจ้าไม่รู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าของเจ้าจะมาในวันไหน 43 จงเข้าใจด้วยว่า ถ้าเจ้าของบ้านรู้เวลาว่าขโมยจะมากี่ยาม เขาก็จะคอยระวังไว้แล้ว และไม่ยอมให้ขโมยบุกรุกเข้ามาในบ้านได้ 44 ด้วยเหตุนี้เจ้าต้องเตรียมพร้อมเช่นกัน เพราะบุตรมนุษย์จะมาในยามที่เจ้าไม่ได้คาดคิดไว้

45 ใครเล่าที่เป็นผู้รับใช้ที่ทั้งซื่อสัตย์และชาญฉลาด ที่นายมอบหน้าที่ให้แจกอาหารแก่คนรับใช้อื่นๆ ตามเวลา 46 ผู้รับใช้นั้นจะเป็นสุขเมื่อนายกลับมาพบว่าเขากำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ 47 เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า นายจะมอบหน้าที่ให้เขาดูแลทุกสิ่งที่เขามี 48 แต่ถ้าหัวหน้าคนรับใช้ชั่วร้ายพูดกับตนเองว่า ‘กว่านายของเราจะมาก็อีกนาน’ 49 และเขาก็ทุบตีเพื่อนผู้รับใช้อื่นๆ แล้วดื่มกินจนเมามายกับพวกขี้เมา 50 นายของผู้รับใช้คนนั้นจะมาในวันที่ไม่คาดคิดและในยามที่เขาไม่รู้ 51 นายจะทำโทษอย่างสาหัสสากรรจ์ และให้ไปอยู่กับพวกหน้าไหว้หลังหลอก ณ ที่นั่นจะมีการร่ำไห้และขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation