Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
โยชูวา 23

โยชูวากล่าวสุนทรพจน์กับบรรดาหัวหน้า

23 ต่อจากนั้นเป็นเวลานาน ที่พระผู้เป็นเจ้าได้ให้อิสราเอลได้หยุดพักจากศัตรูรอบด้าน โยชูวาชราลงและมีอายุมาก โยชูวาเรียกอิสราเอลมาหมด คือบรรดาผู้ใหญ่และหัวหน้า ผู้ตัดสินความและเจ้าหน้าที่ และพูดกับเขาเหล่านั้นว่า “ข้าพเจ้าชราและมีอายุมากแล้ว ท่านได้เห็นทุกสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านกระทำต่อประชาชาติเหล่านี้เพื่อพวกท่านแล้ว เพราะว่า พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านเป็นผู้ต่อสู้เพื่อพวกท่าน ดูเถิด ข้าพเจ้าได้แบ่งบรรดาประชาชาติที่ยังเหลืออยู่อีก ตั้งแต่แม่น้ำจอร์แดนจนถึงทะเลใหญ่ทางทิศตะวันตกให้เป็นมรดกแก่เผ่าของท่าน เช่นเดียวกับประชาชาติทั้งปวงที่ข้าพเจ้ารบชนะแล้ว พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกท่านจะผลักดันพวกเขาออกไปต่อหน้าพวกท่าน และจะขับไล่เขาออกไปให้พ้นหน้าท่าน แล้วพวกท่านจะครอบครองดินแดนของเขา ตามคำของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกท่าน ฉะนั้นจงเข้มแข็งและระมัดระวังปฏิบัติตามที่มีบันทึกในหนังสือกฎบัญญัติของโมเสสทุกประการ ไม่หันเหไปจากกฎบัญญัติ เพื่อท่านจะไม่ข้องแวะกับประชาชาติเหล่านี้ที่ยังอยู่ท่ามกลางท่าน อย่าอธิษฐานต่อเทพเจ้าของพวกเขา หรือสาบานในนามเทพเจ้าของเขา หรือรับใช้และก้มกราบเทพเจ้าเหล่านั้น แต่ท่านจงผูกพันกับพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านเหมือนกับที่ท่านปฏิบัติมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้ขับไล่บรรดาประชาชาติที่ยิ่งใหญ่และเข้มแข็งออกไปให้พ้นหน้าพวกท่าน ส่วนท่านเองก็ไม่มีผู้ใดสามารถยืนต่อต้านได้จนถึงทุกวันนี้ 10 พวกท่านคนเดียวทำให้ 1,000 คนเตลิดหนีไป เพราะพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกท่านต่อสู้เพื่อท่าน ตามคำสัญญาของพระองค์ 11 ฉะนั้นจงระมัดระวังว่าท่านรักพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกท่าน 12 เพราะว่าถ้าท่านหันไปผูกพันกับประชาชาติเหล่านี้ที่หลงเหลืออยู่ท่ามกลางพวกท่าน และแต่งงานกับพวกเขา ทำให้พวกท่านต้องผูกพันเกี่ยวข้องกับพวกเขา และพวกเขาต้องผูกพันเกี่ยวข้องกับพวกท่าน 13 จงทราบไว้เถิดว่า พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกท่านจะไม่ขับไล่ประชาชาติเหล่านี้ออกไปให้พ้นหน้าพวกท่านอีกต่อไป แต่พวกเขาจะนำความลำบากและเป็นบ่วงแร้วให้แก่ท่าน จะเป็นดั่งแซ่หวดหลังและหนามยอกตาท่าน จนกว่าพวกท่านจะพินาศไปเสียจากผืนดินที่ดีแผ่นนี้ที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกท่านได้มอบแก่ท่าน

14 ดูเถิด บัดนี้ข้าพเจ้ากำลังจะไปตามทางของแผ่นดินโลก และท่านทุกคนทราบอยู่ในจิตและในใจของท่านว่า ไม่มีสิ่งดีอันใดที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกท่านให้สัญญาเกี่ยวกับท่าน แล้วจะไม่เป็นจริง คือทุกสิ่งเกิดขึ้นตามนั้นเพื่อท่าน ไม่มีสิ่งใดที่ไม่เป็นจริง 15 สิ่งดีทุกสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกท่านให้สัญญาเกี่ยวกับท่าน แล้วเกิดขึ้นจริงเพื่อท่านฉันใด พระผู้เป็นเจ้าจะให้สิ่งร้ายๆ บังเกิดกับท่าน จนกระทั่งพระองค์ได้กำจัดพวกท่านออกไปเสียจากแผ่นดินที่ดีผืนนี้ที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกท่านได้มอบให้แก่ท่านฉันนั้น 16 ถ้าพวกท่านละเมิดพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกท่าน ซึ่งพระองค์บัญชาท่าน และท่านไปบูชาเทพเจ้าใดๆ และก้มลงกราบด้วย และพระผู้เป็นเจ้าจะกริ้วท่านมาก แล้วพวกท่านจะตายจากผืนดินที่ดีแผ่นนี้ที่พระองค์ได้มอบแก่ท่านไปอย่างรวดเร็ว”

กิจการของอัครทูต 3

เปโตรรักษาชายขอทานง่อย

วันหนึ่งในขณะที่เปโตรและยอห์นกำลังขึ้นไปยังพระวิหาร เป็นเวลาบ่าย 3 โมงซึ่งเป็นเวลาอธิษฐาน มีคนหามชายง่อยแต่กำเนิด มาวางไว้ที่ประตูพระวิหารที่มีชื่อว่า ประตูงาม ทุกๆ วันเขาจะมาขอรับทานจากผู้คนที่ผ่านเข้าออกพระวิหาร เมื่อเขาเห็นว่าเปโตรและยอห์นกำลังจะเข้าไป จึงได้ร้องขอเงิน เปโตรและยอห์นจึงหันไปจ้องมองชายง่อย เปโตรพูดขึ้นว่า “ดูพวกเราสิ” ชายง่อยก็หันมาฟังอย่างเอาใจใส่ และคาดหวังว่าจะได้รับอะไรบางอย่างจากท่านทั้งสอง เปโตรพูดต่อไปว่า “ข้าพเจ้าไม่มีเงินไม่มีทอง แต่ก็จะให้สิ่งที่ข้าพเจ้ามี ในพระนามของพระเยซูคริสต์แห่งเมืองนาซาเร็ธ จงเดินเถิด” เปโตรเอื้อมจับมือขวาของชายง่อยให้ลุกขึ้น และทันใดนั้นทั้งเท้าและข้อเท้าของเขาก็มีแรงขึ้น เขากระโดดยืดขาขึ้น แล้วก็เริ่มเดินเข้าไปในบริเวณพระวิหารด้วยกันกับเปโตรและยอห์น เดินไปพลางกระโดดไปพลางและสรรเสริญพระเจ้า เมื่อผู้คนทั้งปวงเห็นเขาเดินและสรรเสริญพระเจ้า 10 ก็จำได้ว่าเป็นคนง่อยซึ่งเคยนั่งขอทานที่ประตูพระวิหารที่ชื่อ ประตูงาม พวกคนเหล่านั้นก็แปลกใจและอัศจรรย์ใจยิ่งนักกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา

เปโตรเทศนาที่เฉลียงของซาโลมอน

11 ขณะที่ชายขอทานยังเกาะแขนเปโตรและยอห์นอยู่ ผู้คนทั้งหลายแปลกใจยิ่งนัก จึงพากันวิ่งมาหาพวกเขาที่เฉลียง ซึ่งเรียกว่า เฉลียงของซาโลมอน 12 เมื่อเปโตรเห็นดังนั้นจึงพูดว่า “ชาวอิสราเอลเอ๋ย ทำไมท่านจึงต้องแปลกใจด้วย ทำไมจึงจ้องพวกเราเหมือนกับว่า เราทำให้ชายผู้นี้เดินได้เพราะเรามีฤทธานุภาพหรือเคร่งครัดในศาสนา 13 พระเจ้าของอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ พระเจ้าของบรรพบุรุษของเรา ได้มอบพระบารมีแก่ผู้รับใช้ของพระองค์คือพระเยซู พวกท่านได้มอบพระองค์ให้แก่ผู้มีอำนาจ และไม่ยอมรับพระองค์ต่อหน้าปีลาต แม้ว่าเขาได้ตัดสินใจปลดปล่อยพระองค์ไปแล้วก็ตาม 14 พวกท่านไม่ยอมรับองค์ผู้บริสุทธิ์ คือองค์ผู้มีความชอบธรรม แต่กลับขอให้ปลดปล่อยฆาตกรให้แก่ท่าน 15 ท่านประหารผู้ให้กำเนิดชีวิต แต่พระเจ้าได้บันดาลให้พระองค์ฟื้นคืนชีวิตจากความตาย พวกเราเป็นพยานในเรื่องนี้ 16 ด้วยความเชื่อในพระนามพระเยซู ชายที่ท่านเห็นและรู้จักคนนี้จึงกลับแข็งแรงขึ้นมาได้ และความเชื่อซึ่งมาโดยผ่านพระเยซูได้รักษาเขาให้หายขาด ตามที่ท่านทั้งหลายเห็นกันอยู่นี้

17 เอาล่ะ พี่น้องเอ๋ย ข้าพเจ้าทราบว่าท่านกระทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ดังที่พวกผู้นำของท่านได้กระทำมาแล้ว 18 แต่เหตุการณ์ที่พระเจ้าได้ประกาศไว้ล่วงหน้า โดยใช้ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าทุกท่านว่า พระคริสต์ของพระองค์จะทนทุกข์ทรมานนั้น พระองค์โปรดให้เป็นไปตามนั้นแล้ว 19 ฉะนั้นจงกลับใจและน้อมเข้าหาพระเจ้า เพื่อบาปของพวกท่านจะได้ถูกลบล้างไป พร้อมทั้งรับความชื่นบานจากพระผู้เป็นเจ้า 20 และพระองค์จะได้ส่งพระเยซู คือพระคริสต์ผู้ที่ได้รับมอบหน้าที่ไว้ให้แก่พวกท่าน 21 พระองค์จะต้องอยู่ในสวรรค์ จนถึงเวลาที่พระเจ้าจะสร้างทุกสิ่งขึ้นใหม่ ตามที่ได้สัญญาไว้นานมาแล้วกับพวกผู้เผยคำกล่าวผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า 22 โมเสสได้กล่าวว่า ‘พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน จะกำหนดผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าผู้หนึ่งดังเช่นเราให้แก่ท่าน และท่านผู้นั้นมาจากหมู่พี่น้องของท่านเอง ฉะนั้นจงฟังทุกสิ่งที่ผู้นั้นบอกไว้ 23 ผู้ใดที่ไม่ฟังท่าน ก็จะถูกตัดขาดจากชนชาติของพระองค์โดยสิ้นเชิง’[a] 24 จริงทีเดียว เหล่าผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าทุกท่าน นับตั้งแต่ซามูเอลเป็นต้นมาได้พูดและพยากรณ์ไว้ถึงวาระนี้ 25 และพวกท่านซึ่งเป็นผู้สืบตระกูลของผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า รวมทั้งพันธสัญญาที่พระเจ้าได้ให้ไว้กับบรรพบุรุษของท่าน พระองค์กล่าวกับอับราฮัมว่า ‘มนุษย์ทั้งปวงในโลกจะได้รับพรโดยผ่านผู้สืบเชื้อสายของเจ้า’[b] 26 เมื่อพระเจ้ากำหนดผู้รับใช้ของพระองค์ขึ้นแล้ว ก็ได้ส่งพระองค์มายังพวกท่านก่อน เพื่อให้พรแก่ท่าน โดยที่ให้ท่านทุกคนเว้นเสียจากการกระทำความชั่ว”

เยเรมีย์ 12

เยเรมีย์ร้องทุกข์

12 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์มีความชอบธรรมเสมอ
    เมื่อข้าพเจ้าร้องทุกข์ต่อพระองค์
ข้าพเจ้ายังจะพูดกับพระองค์ถึงความเป็นธรรมของพระองค์
    เหตุใดวิถีทางของคนชั่วจึงเจริญรุ่งเรือง
    เหตุใดคนที่ไม่ภักดีทั้งปวงจึงใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย
พระองค์ปลูกพวกเขา และพวกเขาก็งอกราก
    เติบโต และออกผล
พวกเขาพูดถึงพระองค์เสมอ
    แต่จิตใจของพวกเขาห่างไกลจากพระองค์
โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์รู้จักข้าพเจ้า
    พระองค์เห็นข้าพเจ้า และทดสอบจิตใจข้าพเจ้าที่มีต่อพระองค์
ขอพระองค์แยกพวกเขาออกมาเหมือนแกะที่จะถูกประหาร
    และเตรียมพวกเขาไว้สำหรับวันประหาร
แผ่นดินจะแห้งผาก
    และหญ้าในทุ่งทุกแห่งจะเหี่ยวเฉานานแค่ไหน
เพราะพวกที่อาศัยอยู่ที่นั่นชั่วร้าย
    สัตว์ป่าและนกตายสิ้น
พวกเขาก็ยังพูดอีกว่า
    “พระองค์จะไม่เห็นว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับพวกเรา”

พระผู้เป็นเจ้าตอบเยเรมีย์

“ถ้าหากว่าเจ้าแข่งขันเดินกับมนุษย์
    และพวกเขาทำให้เจ้าอ่อนล้า
    แล้วเจ้าจะแข่งกับม้าได้อย่างไร
และถ้าเจ้าวางใจขณะที่อยู่ในแผ่นดินที่ปลอดภัย
    แล้วเจ้าจะทำอย่างไรในพุ่มไม้ทึบของจอร์แดน
เพราะแม้แต่ญาติพี่น้องและคนในครอบครัวของเจ้าเอง
    กระทำต่อเจ้าอย่างโหดร้าย
    และร้องเสียงลั่นไล่ตามหลังเจ้า
แม้ว่าพวกเขาพูดกับเจ้าด้วยความเป็นมิตร
    ก็จงอย่าเชื่อพวกเขา

เราได้ทอดทิ้งที่พำนักของเราเอง
    เราได้ละทิ้งมรดกของเรา
เราได้มอบผู้เป็นที่รักดั่งชีวิตจิตใจของเรา
    ไว้ในมือของพวกศัตรูของนาง
ผู้สืบมรดกของเราได้กลายเป็น
    ดั่งสิงโตในป่า
นางได้ส่งเสียงร้องโจมตีเรา
    เราจึงเกลียดชังนาง
ผู้สืบมรดกของเรา
    เป็นเหมือนแร้งมีจุดตัวหนึ่ง
    ที่ถูกพวกแร้งชนิดอื่นรุมล้อมและจิกมิใช่หรือ
จงไปรวบรวมสัตว์ป่าทั้งปวงมา
    พาพวกมันมากินเสีย
10 ผู้เลี้ยงดูฝูงแกะหลายคนได้ทำให้สวนองุ่นของเราเสียหาย
    พวกเขาได้เหยียบย่ำไร่ของเรา
และทำให้ไร่อันน่าชื่นชมของเรา
    เป็นถิ่นทุรกันดารอันรกร้าง
11 พวกเขาทำให้ไร่นั้นรกร้าง
    มันรกร้างอยู่เบื้องหน้าเรา
ทั่วทั้งแผ่นดินถูกทำให้เป็นที่รกร้าง
    แต่ก็ยังไม่มีใครใส่ใจ
12 ผู้คนมาปล้นทุกแห่ง
    บนที่สูงในทะเลทราย
เพราะพระผู้เป็นเจ้ากระตุ้นให้เกิดการสู้รบ
    จากสุดแผ่นดินโลกด้านหนึ่งจนถึงอีกด้านหนึ่ง
    ไม่มีใครอยู่อย่างสันติได้
13 พวกเขาหว่านข้าวสาลีแต่เก็บเกี่ยวหนาม
    พวกเขาเหน็ดเหนื่อยแต่ไม่ได้ผลประโยชน์เลย
พวกเขาจะอับอายกับผลที่เก็บเกี่ยวได้
    เพราะความกริ้วอันร้อนแรงของพระผู้เป็นเจ้า

14 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ “เพื่อนบ้านชั่วร้ายของเราทุกคนที่ยึดมรดกซึ่งเราได้มอบให้แก่อิสราเอลชนชาติของเรา เราจะกำจัดพวกเขาไปจากแผ่นดินของพวกเขาอย่างถอนรากต้นไม้ และเราจะถอนรากพงศ์พันธุ์ยูดาห์ให้ออกมาจากพวกเขา 15 หลังจากที่เราได้ถอนรากพวกเขาออกมาแล้ว เราจะมีเมตตาต่อพวกเขา และเราจะนำพวกเขากลับมายังที่ซึ่งเป็นมรดกของเขาเอง และยังแผ่นดินของเขา 16 หลังจากนั้น ถ้าพวกเขาจะเรียนตามวิถีทางของชนชาติของเรา และสาบานในนามของเราว่า ‘ตราบที่พระผู้เป็นเจ้ามีชีวิตอยู่ฉันใด’ ถึงแม้ว่าครั้งหนึ่งพวกเขาสอนชนชาติของเราให้สาบานในนามของเทพเจ้าบาอัล และพวกเขาจะเป็นส่วนหนึ่งของชนชาติของเราและจะเจริญรุ่งเรือง 17 แต่ถ้าประชาชาติใดไม่ฟัง เราก็จะถอนรากของเขาออกและทำให้เขาพินาศโดยสิ้นเชิง” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

มัทธิว 26

แผนการลับจับกุมพระเยซู

26 เมื่อพระเยซูกล่าวถึงสิ่งเหล่านั้นจบแล้ว ก็กล่าวกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า “พวกเจ้ารู้แล้วว่าอีก 2 วันก็จะถึงเทศกาลปัสกา[a] บุตรมนุษย์จะถูกมอบตัวไปตรึงบนไม้กางเขน” พวกมหาปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่ของประชาชนเข้าร่วมประชุมกันในวังของหัวหน้ามหาปุโรหิตชื่อคายาฟาส เขาเหล่านั้นวางแผนกันเพื่อจับกุมและฆ่าพระเยซูอย่างลับๆ พวกเขาพูดว่า “ต้องไม่ทำในระหว่างเทศกาล มิฉะนั้นจะเกิดการจลาจลในหมู่ผู้คน”

น้ำมันหอมชโลมศีรษะ

ขณะที่พระเยซูอยู่ที่บ้านของซีโมนชายโรคเรื้อนในหมู่บ้านเบธานี มีหญิงคนหนึ่งเอาผอบหินซึ่งบรรจุด้วยน้ำมันหอมราคาแพงมากมาหาพระองค์ และชโลมบนศีรษะของพระองค์ขณะที่พระองค์เอนกายลงรับประทาน แต่พวกสาวกเห็นเข้าก็โกรธและพูดว่า “ทำไมจึงทำให้เสียของเปล่าๆ เช่นนี้ เพราะว่าน้ำหอมนี้อาจจะขายได้ราคาสูง และเอาเงินไปแจกแก่ผู้ยากไร้ได้” 10 พระเยซูตระหนักดีถึงสิ่งนั้น จึงกล่าวกับพวกเขาว่า “ทำไมเจ้าจึงยุ่งกับหญิงคนนี้ นางได้ทำสิ่งดีให้เรา 11 พวกเจ้ามีผู้ยากไร้อยู่ด้วยเสมอ แต่เราจะไม่ได้อยู่กับพวกเจ้าตลอดไป 12 การที่นางเทน้ำมันหอมบนกายของเรา เท่ากับนางได้เตรียมพิธีฝังศพของเรา 13 เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า ไม่ว่าข่าวประเสริฐนี้จะถูกประกาศไปที่ใดในโลกก็ตาม สิ่งที่นางได้ทำจะเป็นที่กล่าวขวัญถึง เพื่อเป็นการระลึกถึงนาง”

ยูดาสผู้ทรยศ

14 คนหนึ่งในสาวกทั้งสิบสองชื่อยูดาสอิสคาริโอทไปหาพวกมหาปุโรหิต 15 และพูดว่า “ถ้าข้าพเจ้ามอบพระองค์ให้ท่านจับกุมตัว ท่านจะให้อะไรแก่ข้าพเจ้า” แล้วพวกเขาก็นับเหรียญเงินให้ 30 เหรียญ 16 หลังจากนั้น เขาก็รอโอกาสที่จะทรยศพระองค์

ฉลองวันปัสกา

17 ในวันแรกของเทศกาลขนมปังไร้เชื้อ พวกสาวกมาหาพระเยซูแล้วพูดว่า “พระองค์ประสงค์จะให้พวกเราเตรียมอาหารวันปัสกาเพื่อพระองค์รับประทานที่ไหน” 18 พระเยซูกล่าวว่า “จงเข้าไปในเมือง ไปหาชายคนหนึ่งและพูดกับเขาว่า ‘อาจารย์กล่าวว่า “ถึงกำหนดเวลาของเราแล้ว เราต้องฉลองปัสกากับสาวกของเราที่บ้านของท่าน”’” 19 เหล่าสาวกกระทำตามที่พระเยซูได้สั่งพวกเขาไว้ แล้วก็เตรียมอาหารวันปัสกากัน

20 ครั้นเย็นลง พระองค์เอนกายลงรับประทานกับเหล่าสาวกทั้งสิบสอง 21 ขณะที่พวกเขากำลังรับประทานอยู่ พระองค์กล่าวว่า “เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า คนหนึ่งในพวกเจ้าจะทรยศเรา” 22 เหล่าสาวกเศร้าใจยิ่งนัก ต่างก็พูดว่า “พระองค์ท่าน เป็นข้าพเจ้าหรือเปล่า” 23 พระองค์กล่าวตอบว่า “คนที่ใช้มือจิ้มร่วมกับเราในถ้วยนี้เป็นคนที่จะทรยศเรา 24 บุตรมนุษย์ต้องไป ตามที่มีบันทึกไว้เกี่ยวกับท่าน แต่วิบัติจะเกิดกับคนที่ทรยศบุตรมนุษย์ ถ้าคนนั้นไม่ได้มาเกิดก็จะดีกว่า” 25 ยูดาสคนที่กำลังทรยศพระองค์ถามว่า “รับบี เป็นข้าพเจ้าหรือเปล่า” พระองค์กล่าวว่า “เจ้าได้พูดขึ้นเอง”

26 ขณะที่เขาเหล่านั้นกำลังรับประทานกันอยู่ พระเยซูหยิบขนมปังและกล่าวขอบคุณพระเจ้า แล้วก็บิเป็นชิ้น ยื่นให้แก่เหล่าสาวก พลางกล่าวว่า “เอาไปรับประทานเถิด นี่เป็นกายของเรา” 27 เมื่อพระองค์หยิบถ้วยและกล่าวขอบคุณพระเจ้าแล้ว พระองค์จึงยื่นให้แก่พวกเขาและกล่าวว่า “ทุกคนจงดื่มจากถ้วยนี้ 28 เพราะนี่เป็นโลหิตแห่งพันธสัญญาของเราซึ่งหลั่งออกให้แก่คนจำนวนมาก เพื่อเป็นการยกโทษบาป 29 เราขอบอกเจ้าว่า เราจะไม่ดื่มน้ำจากผลของเถาองุ่นอีก จนจะถึงวันนั้น คือวันที่เราจะดื่มกันใหม่กับพวกเจ้าในอาณาจักรของพระบิดาของเรา”

สาวกปฏิเสธคำพยากรณ์

30 หลังจากที่ได้ร้องเพลงสรรเสริญกันแล้วก็พากันออกไปยังภูเขามะกอก

31 พระเยซูกล่าวกับพวกเขาว่า “พวกเจ้าทุกคนจะละทิ้งเราในคืนนี้ เพราะมีบันทึกไว้ว่า ‘เราจะฟาดฟันผู้เลี้ยงดูฝูงแกะ และบรรดาแกะในฝูงจะกระจัดกระจายไป’[b]

32 แต่หลังจากที่เราได้ฟื้นคืนชีวิตแล้ว เราจะไปล่วงหน้าพวกเจ้ายังแคว้นกาลิลี” 33 แต่เปโตรพูดตอบพระองค์ว่า “แม้คนทั้งปวงจะละทิ้งพระองค์ ข้าพเจ้าไม่มีวันทิ้งพระองค์แน่นอน” 34 พระเยซูกล่าวกับเขาว่า “เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า ในคืนวันนี้เอง ก่อนไก่จะขัน เจ้าจะปฏิเสธ 3 ครั้งว่าเจ้าไม่รู้จักเรา” 35 เปโตรพูดกับพระเยซูว่า “ถึงแม้ข้าพเจ้าจะต้องตายไปด้วยกับพระองค์ ข้าพเจ้าก็จะไม่ปฏิเสธพระองค์” สาวกต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันอย่างนั้นทุกคน

เกทเสมนี

36 แล้วพระเยซูกับพวกสาวกมายังที่แห่งหนึ่งซึ่งเรียกว่าเกทเสมนี พระองค์กล่าวกับเหล่าสาวกว่า “จงนั่งลงที่นี่ขณะที่เราไปอธิษฐานที่โน่น” 37 พระองค์พาเปโตรและบุตรชายทั้งสองของเศเบดีไปด้วย พระองค์เริ่มเศร้าใจและหนักใจ 38 พระองค์กล่าวกับพวกเขาว่า “จิตใจของเราเป็นทุกข์เจียนตาย จงอยู่ตรงนี้ เฝ้าคอยอยู่กับเราเถิด” 39 พระองค์เดินเลยพวกเขาไปเล็กน้อยแล้วซบหน้าลงที่พื้นดินอธิษฐานว่า “พระบิดาของข้าพเจ้า ถ้าเป็นไปได้ โปรดให้ถ้วยนี้ผ่านพ้นไปจากข้าพเจ้า ถึงกระนั้น ขออย่าให้เป็นไปตามความประสงค์ของข้าพเจ้า แต่ขอให้เป็นไปตามความประสงค์ของพระองค์เถิด” 40 พระเยซูเดินมาหาเหล่าสาวกและพบว่าพวกเขากำลังนอนหลับกัน พระองค์กล่าวกับเปโตรว่า “พวกเจ้าไม่สามารถคอยเฝ้าอยู่กับเราสักชั่วโมงเดียวหรือ 41 จงคอยเฝ้าและอธิษฐานเถิดว่า พวกเจ้าจะไม่ตกอยู่ในสิ่งยั่วยุ ฝ่ายวิญญาณมีความตั้งใจดี แต่ฝ่ายเนื้อหนังกลับอ่อนแอ”[c] 42 พระองค์เดินจากไปอีกเป็นครั้งที่สอง และอธิษฐานว่า “พระบิดาของข้าพเจ้า หากถ้วยนี้ผ่านข้าพเจ้าไปไม่ได้ นอกจากว่าข้าพเจ้าจะต้องดื่มก่อน ก็ขอให้เป็นไปตามความประสงค์ของพระองค์เถิด” 43 แล้วพระเยซูกลับมาอีกก็พบว่าพวกเขานอนหลับกัน เพราะง่วงจนลืมตาไม่ขึ้น 44 พระองค์เดินจากพวกเขาไปอีกและอธิษฐานเป็นครั้งที่สาม โดยกล่าวเช่นเดิมอีก 45 พระองค์มาหาเหล่าสาวกและกล่าวกับพวกเขาว่า “พวกเจ้ายังนอนหลับและพักผ่อนอยู่หรือ ดูเถิด ใกล้เวลาแล้ว และบุตรมนุษย์กำลังถูกทรยศส่งมอบไว้ในมือของพวกคนบาป 46 จงลุกขึ้น ไปกันเถิด ดูสิ คนทรยศเราเข้ามาใกล้แล้ว”

พระเยซูถูกจับกุม

47 พระองค์ยังกล่าวไม่ทันขาดคำ ยูดาสหนึ่งในสาวกทั้งสิบสองก็เดินมา พร้อมกับคนกลุ่มใหญ่จากบรรดามหาปุโรหิตและผู้ใหญ่ของประชาชน ต่างถือดาบและไม้ตะบองมาด้วย 48 ผู้ทรยศนั้นได้ให้สัญญาณแก่พวกเขาโดยกล่าวว่า “เป็นคนที่เราจะจูบแก้มนั่นแหละ[d] จงจับกุมเขาได้เลย” 49 เขาไปหาพระเยซูทันทีและพูดว่า “สวัสดี รับบี” แล้วก็จูบแก้มพระองค์ 50 พระเยซูกล่าวกับเขาว่า “เพื่อนเอ๋ย มาเพื่ออะไรก็ทำไปเถิด” ครั้นแล้วพวกเขาก็เข้ามาจับกุมพระเยซู 51 ในทันใดนั้น คนหนึ่งในบรรดาผู้ที่อยู่กับพระเยซูชักดาบออกฟันหูผู้รับใช้ของหัวหน้ามหาปุโรหิตขาด 52 พระเยซูกล่าวกับเขาว่า “เก็บดาบเสีย เพราะทุกคนที่ใช้ดาบจะตายเพราะดาบ 53 เจ้าคิดหรือว่าเราจะร้องขอพระบิดาของเราให้ช่วยไม่ได้ พระองค์จะส่งทูตสวรรค์มาเป็นจำนวนมากกว่า 12 เลเกโอน[e]ให้เราได้ทันที 54 ถ้าเช่นนั้นแล้วจะเป็นไปตามพระคัมภีร์ได้อย่างไร เรื่องจะต้องเป็นไปเช่นนี้” 55 ในเวลานั้น พระเยซูกล่าวกับฝูงชนว่า “พวกท่านเอาดาบและไม้ตะบองพากันมาจับกุมเรา เหมือนกับว่าเราเป็นโจรอย่างนั้นหรือ ทุกวันเราเคยนั่งสั่งสอนในบริเวณพระวิหาร แต่ท่านก็ไม่ได้จับกุมเรา 56 สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นก็เพื่อเป็นไปตามพระคัมภีร์ในหมวดผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า” เหล่าสาวกก็ละทิ้งพระองค์ไว้และพากันหนีไป

พระเยซูถูกปรักปรำที่ศาสนสภา

57 แล้วพวกที่จับกุมพระเยซูก็พาพระองค์ไปหาคายาฟาสหัวหน้ามหาปุโรหิต ณ ที่ซึ่งพวกอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติและพวกผู้ใหญ่ประชุมร่วมกัน 58 แต่เปโตรก็ได้ติดตามพระองค์ไปอยู่ห่างๆ เขาเข้าใกล้ที่สุดได้ถึงในบริเวณลานบ้านของหัวหน้ามหาปุโรหิต แล้วนั่งลงกับพวกเจ้าหน้าที่เพื่อดูว่าเรื่องจะเป็นอย่างไร 59 ฝ่ายพวกมหาปุโรหิตและสมาชิกทั้งหมดในศาสนสภาพยายามหาพยานเท็จปรักปรำพระเยซูเพื่อจะทำให้พระองค์ได้รับโทษถึงตาย 60 แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำได้ แม้ว่าพยานเท็จจำนวนมากมาให้การ แต่ในที่สุดมี 2 คนมาให้การว่า 61 “ชายคนนี้กล่าวว่า ‘เราสามารถทำลายพระวิหารของพระเจ้าได้และสร้างขึ้นใหม่ใน 3 วัน’” 62 หัวหน้ามหาปุโรหิตยืนขึ้นและพูดกับพระองค์ว่า “ท่านไม่ตอบอะไรหรือ ท่านจะว่าอย่างไรกับคำให้การที่กล่าวหาท่านมานี้” 63 แต่พระเยซูนิ่งเงียบ ส่วนหัวหน้ามหาปุโรหิตพูดกับพระองค์ว่า “เราให้ท่านสาบานต่อหน้าพระเจ้าผู้ดำรงอยู่ ให้ท่านบอกเราว่า ท่านเป็นพระคริสต์บุตรของพระเจ้าหรือไม่” 64 พระเยซูกล่าวกับเขาว่า “ท่านเป็นคนพูดเช่นนั้นเอง แต่เราขอบอกท่านว่า หลังจากนี้พวกท่านจะเห็นบุตรมนุษย์นั่งอยู่ ณ เบื้องขวาขององค์ผู้มีอานุภาพมาพร้อมเมฆแห่งสวรรค์” 65 ครั้นแล้วหัวหน้ามหาปุโรหิตจึงฉีกเสื้อตัวนอกของตนเองจนขาด และกล่าวว่า “เขาได้พูดจาหมิ่นประมาท พวกเราจำต้องมีพยานอะไรมากกว่านี้ ดูสิ พวกท่านก็ได้ยินคำพูดหมิ่นประมาทแล้ว 66 พวกท่านเห็นว่าอย่างไร” พวกเขาตอบว่า “เขาสมควรตาย” 67 แล้วพวกเขาถ่มน้ำลายใส่หน้าพระองค์ และชกพระองค์ด้วยกำปั้น บ้างก็ตบพระองค์ 68 และพูดว่า “ท่านผู้เป็นพระคริสต์ จงพยากรณ์ซิว่าใครเป็นคนตบตีท่าน”

เปโตรปฏิเสธว่าไม่รู้จักพระเยซู

69 ขณะนั้นเปโตรกำลังนั่งอยู่ข้างนอกที่ลานบ้าน และผู้รับใช้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้เขาและพูดว่า “ท่านก็ด้วย ท่านอยู่กับเยซูชาวกาลิลี” 70 แต่เขาปฏิเสธต่อหน้าทุกคนโดยพูดว่า “เราไม่รู้ว่าเจ้าพูดถึงอะไร” 71 เมื่อเขาออกไปทางประตู ผู้รับใช้หญิงอีกคนเห็นเปโตรจึงพูดกับพวกที่ยืนอยู่ว่า “ชายคนนี้อยู่กับเยซูแห่งเมืองนาซาเร็ธ” 72 เขาสาบานไม่ยอมรับอีกว่า “เราไม่รู้จักชายผู้นั้น” 73 อีกชั่วครู่ต่อมา พวกที่ยืนอยู่มาหาเปโตรและพูดว่า “แน่แล้ว ท่านด้วยที่เป็นพวกเดียวกันกับเขา ก็สำเนียงของท่านส่อให้รู้นี่นา” 74 แล้วเปโตรก็เริ่มสบถสาบานว่า “เราไม่รู้จักชายผู้นั้น” ในทันใดนั้น ไก่ก็ขัน 75 แล้วเปโตรนึกถึงคำซึ่งพระเยซูได้กล่าวไว้ว่า “ก่อนไก่จะขัน เจ้าจะปฏิเสธ 3 ครั้งว่าเจ้าไม่รู้จักเรา” เขาจึงออกไปข้างนอกแล้วร้องไห้ด้วยความปวดร้าวใจยิ่งนัก

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation