M’Cheyne Bible Reading Plan
กิจกรรมอื่นๆ ของซาโลมอน
8 ซาโลมอนใช้เวลา 20 ปีในการสร้างพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และวังของท่านเอง 2 ซาโลมอนเสริมสร้างเมืองต่างๆ ที่ฮีรามได้มอบแก่ท่าน และให้ประชาชนชาวอิสราเอลตั้งหลักแหล่งในเมืองเหล่านั้น
3 ซาโลมอนไปยังฮามัทโศบาห์ และโจมตีเมืองนั้นได้ 4 ท่านสร้างเมืองทัดโมร์ไว้ในถิ่นทุรกันดาร รวมทั้งเมืองคลังหลวงในฮามัททั้งหมด 5 ท่านสร้างเมืองเบธโฮโรนบนและเบธโฮโรนล่าง เมืองต่างๆ ที่มีกำแพง ประตูเมือง และดาลประตูคุ้มกันอย่างแข็งแกร่ง 6 รวมทั้งเมืองบาอาลัท และเมืองคลังหลวงทั้งหมด เมืองต่างๆ สำหรับเก็บรถศึก และเมืองสำหรับทหารม้าของท่าน และสร้างทุกอย่างตามที่ซาโลมอนต้องการในเยรูซาเล็ม เลบานอน และทั่วทั้งราชอาณาจักรของท่าน 7 กลุ่มชนที่ไม่ใช่ชนชาติอิสราเอลซึ่งยังมีชีวิตอยู่ ได้แก่ชาวฮิต ชาวอาโมร์ ชาวเปริส ชาวฮีว และชาวเยบุส 8 ผู้สืบเชื้อสายของคนเหล่านี้ที่ยังมีชีวิตอยู่ในแผ่นดิน ซึ่งชาวอิสราเอลไม่ได้กำจัดไปให้หมด ซาโลมอนจึงได้เกณฑ์พวกเขามาทำงานหนักมาจนถึงทุกวันนี้ 9 แต่ว่าซาโลมอนไม่ได้ให้ชาวอิสราเอลมาเป็นทาสรับใช้งานของท่าน แต่ให้พวกเขาเป็นทหาร เจ้าหน้าที่ประจำของท่าน ผู้บัญชา นายทหาร ผู้บัญชาการรถศึกและสารถีของท่าน 10 มีเจ้าหน้าที่ชั้นสูง 250 คนที่คอยควบคุมประชาชน
11 ซาโลมอนให้ธิดาของฟาโรห์ขึ้นมาจากเมืองของดาวิด ไปอยู่ที่ตำหนักที่ท่านสร้างให้นาง ท่านกล่าวว่า “ภรรยาของเราจะไม่อยู่ในวังของดาวิดกษัตริย์แห่งอิสราเอล เพราะสถานที่ซึ่งหีบของพระผู้เป็นเจ้าอยู่นับว่าบริสุทธิ์”
12 ซาโลมอนมอบสัตว์ที่เผาเป็นของถวายบนแท่นบูชาของพระผู้เป็นเจ้าที่ท่านสร้างให้ ที่เบื้องหน้ามุขแด่พระผู้เป็นเจ้า 13 ท่านปฏิบัติตามหน้าที่เป็นประจำ ถวายตามกฎบัญญัติของโมเสส ในวันสะบาโต ในเทศกาลข้างขึ้น เทศกาลประจำปี 3 เทศกาลคือ เทศกาลขนมปังไร้เชื้อ เทศกาลครบ 7 สัปดาห์ และเทศกาลอยู่เพิง 14 ท่านกำหนดกองเวรของบรรดาปุโรหิตในการปฏิบัติหน้าที่ ตามคำบัญชาของดาวิดบิดาของท่าน ให้ชาวเลวีนำนมัสการและช่วยบรรดาปุโรหิตเป็นประจำในแต่ละวัน และบรรดาผู้เฝ้าประตูในกองเวรก็ประจำอยู่ที่ประตู ด้วยว่าดาวิดคนของพระเจ้าได้บัญชาไว้ตามนั้น 15 พวกเขาไม่ได้ละเลยสิ่งที่กษัตริย์ได้บัญชาไว้แก่บรรดาปุโรหิตและชาวเลวีไม่ว่าเรื่องใด ทั้งเรื่องการคลังด้วย
16 ภารกิจทั้งสิ้นของซาโลมอนดำเนินไป ตั้งแต่วันที่วางฐานรากพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า จนถึงวันที่สร้างเสร็จ ดังนั้นพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าจึงเสร็จอย่างบริบูรณ์
17 ซาโลมอนจึงไปยังเอซีโอนเกเบอร์และเอโลท ที่อยู่บนฝั่งทะเลในดินแดนของเอโดม 18 ฮีรามใช้เจ้าหน้าที่ส่งกองเรือและบรรดาผู้ชำนาญการเดินเรือไปให้ท่าน และพวกเขาไปยังเมืองโอฟีร์กับบรรดาผู้รับใช้ของซาโลมอน และได้นำทองคำจากที่นั่นมา 450 ตะลันต์เพื่อมอบแก่กษัตริย์ซาโลมอน
การทักทายของยอห์น
1 ข้าพเจ้าผู้ปกครอง
เรียน ท่านกายอัสที่รัก ซึ่งเป็นผู้ที่ข้าพเจ้ารักในความจริง[a]
2 ท่านที่รัก ข้าพเจ้าอธิษฐานให้ท่านมีสุขภาพแข็งแรง และทุกสิ่งดำเนินไปด้วยดี เช่นเดียวกับจิตวิญญาณของท่านที่เป็นไปด้วยดี 3 ข้าพเจ้ามีความยินดีอย่างยิ่ง เพราะมีพวกพี่น้องมาบอกกล่าวถึงความจริงในชีวิตของท่าน ซึ่งก็เป็นไปตามที่ท่านกำลังดำเนินอยู่ในความจริง 4 ไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้ข้าพเจ้ามีความยินดีมากกว่านี้ นั่นคือเมื่อได้ทราบว่า ลูกๆ ของข้าพเจ้าดำเนินชีวิตในความจริง
ช่วยเหลือผู้ทำงานของพระเจ้า
5 ท่านที่รัก ท่านลงมือช่วยเหลือพี่น้องอย่างสัตย์ซื่อในทุกสิ่ง แม้ว่าเขาจะเป็นคนแปลกหน้าก็ตาม 6 พวกพี่น้องเหล่านั้นได้เล่าถึงความรักของท่านให้คริสตจักรฟัง ถ้าท่านจะส่งเขาเหล่านั้นให้เดินทางกันออกไปอย่างเป็นที่พอใจของพระเจ้าได้ก็จะดียิ่ง 7 พวกเขาเดินทางกันออกไปก็เพื่อพระนาม และไม่ได้รับความช่วยเหลือจากคนนอกเลย 8 ฉะนั้นเราจึงควรช่วยเหลือคนเหล่านี้ เพื่อว่าเราจะได้ทำงานเพื่อความจริงร่วมกัน
9 ข้าพเจ้าได้เขียนบางสิ่งบางอย่างถึงคริสตจักร แต่ดิโอเตรเฟสอยากจะเป็นผู้นำเสียเอง จึงไม่ยอมรับพวกเรา 10 ฉะนั้นถ้าข้าพเจ้ามา ข้าพเจ้าจะเตือนถึงสิ่งที่เขากระทำ เช่นการนินทาว่าร้ายพวกเรา เท่านั้นยังไม่พอ เขาไม่ยอมรับพี่น้อง ซ้ำยังห้ามคนที่ต้องการจะต้อนรับพวกเขา และยังไล่พวกเขาออกไปจากคริสตจักรด้วย
11 ท่านที่รัก อย่าทำตามสิ่งที่ชั่ว แต่ทำตามสิ่งที่ดี ผู้กระทำความดีก็คือคนของพระเจ้า ผู้กระทำความชั่วแสดงว่าไม่เคยเห็นพระเจ้า 12 ทุกคนกล่าวถึงความดีของเดเมตริอัส ซึ่งได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นจริงด้วยความจริงนั่นเอง เราก็กล่าวถึงความดีของเขาด้วย และท่านทราบว่าคำยืนยันของเราเป็นความจริง
คำลงท้าย
13 ข้าพเจ้ามีอีกหลายเรื่องที่จะเขียนถึงท่าน แต่ไม่อยากจะเขียนถึงด้วยปากกาและน้ำหมึก 14 ข้าพเจ้าหวังว่าจะพบท่านในเร็วๆ นี้ และเราจะได้พูดกันต่อหน้า
15 ขอสันติสุขจงมีแก่ท่าน บรรดาเพื่อนๆ ที่นี่ฝากความระลึกถึงมายังท่าน ช่วยฝากความระลึกถึงมายังเพื่อนๆ แต่ละคนด้วย
คำอธิษฐานของฮาบากุก
3 คำอธิษฐานของฮาบากุก ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า ตามทำนองชิกกาโยน[a]
2 โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าได้ยินกิตติศัพท์ของพระองค์
โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าเกรงขามในสิ่งที่พระองค์สำแดง
ขอพระองค์ช่วยให้สิ่งดังกล่าวมีชีวิตขึ้นใหม่ในปัจจุบันนี้
ขอพระองค์กระทำให้เป็นที่ประจักษ์ในปัจจุบันนี้
โปรดระลึกถึงความเมตตาเมื่อพระองค์ลงโทษ
3 พระเจ้ามาจากเทมาน
องค์ผู้บริสุทธิ์จากภูเขาปาราน เซล่าห์
ความเรืองรองของพระองค์ปกคลุมฟ้าสวรรค์
และแผ่นดินโลกเต็มด้วยพระบารมีของพระองค์
4 แสงอันเจิดจ้าของพระองค์ปรากฏดุจแสงอรุณ
แสงทอเป็นประกายจากมือของพระองค์
ซึ่งเป็นที่พระองค์ซ่อนอานุภาพไว้
5 ภัยพิบัติไปล่วงหน้าพระองค์
โรคระบาดตามฝีเท้าของพระองค์ไป
6 พระองค์ยืนและทำให้แผ่นดินโลกสั่นสะเทือน
พระองค์มองดู และทำให้บรรดาประชาชาติสะท้าน
เทือกเขาที่ตั้งอย่างถาวรแตกกระจาย
และเนินเขาที่ยืนยงถล่มลง
วิถีทางของพระองค์ยั่งยืนตลอดกาล
7 ข้าพเจ้าเห็นกระโจมของชาวคูชันพบกับความยากลำบาก
ที่อยู่ของชาวมีเดียนปวดร้าว
8 โอ พระองค์กริ้วแม่น้ำหรือ
การลงโทษของพระองค์มีต่อธารน้ำหรือ
เวลาพระองค์ขี่ม้า
และควบไปกับรถศึกซึ่งนำความรอดพ้นมา
พระองค์โกรธกริ้วทะเลหรือ
9 พระองค์เปิดแล่งธนู
พระองค์ใช้ลูกธนูหลายลูก เซล่าห์
พระองค์แยกแผ่นดินโลกด้วยแม่น้ำหลายสาย
10 เทือกเขาเห็นพระองค์ และมันก็ยำเกรง
กระแสน้ำไหลหลากไป
ห้วงน้ำลึกส่งเสียงครืนครั่น
และดันคลื่นให้สูงขึ้น
11 ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์หยุดนิ่งในฟ้าสวรรค์
เมื่อลูกธนูของพระองค์แล่นไปโดยเร็ว
เมื่อหลาวของพระองค์พุ่งไปอย่างสายฟ้าแลบ
12 พระองค์ก้าวผ่านไปทั่วแผ่นดินโลกด้วยความโกรธกริ้ว
และพระองค์บดขยี้บรรดาประชาชาติด้วยความโกรธ
13 พระองค์ออกไปเพื่อช่วยชนชาติของพระองค์ให้รอดพ้น
เพื่อช่วยผู้ได้รับการเจิมให้รอดพ้น
พระองค์ย่ำเหยียบหัวหน้าพงศ์พันธุ์ของคนชั่วร้าย
พระองค์เอาทุกสิ่งไปจากเขา
ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า เซล่าห์
14 พระองค์ให้หัวหน้าประชาชนถูกแทงด้วยหลาวของเขาเอง
เมื่อบรรดานักรบของเขาวิ่งกรูกันออกมาและทำให้พวกเรากระจัดกระจายไป
เขาสะใจที่ได้บีบคั้นคนเป็นทุกข์อย่างลับๆ
15 พระองค์ควบม้าย่ำไปในทะเล
ทำให้น้ำจำนวนมหาศาลปั่นป่วน
16 ข้าพเจ้าได้ยิน และใจของข้าพเจ้าเต้นแรง
ริมฝีปากของข้าพเจ้าสั่นระริกเมื่อได้ยินเสียง
กระดูกของข้าพเจ้าอ่อนกำลัง
และขาของข้าพเจ้าสั่นคลอน
แต่ถึงกระนั้นข้าพเจ้ายังจะอดทนรอวันวิบัติ
ให้มายังชนชาติที่รุกรานพวกเรา
17 ถึงแม้ว่าต้นมะเดื่อจะไม่ผลิใบ
และเถาองุ่นไม่ออกผล
มะกอกไม่มีลูก
และไร่นาไม่ผลิตอาหาร
แม้ว่าจะไม่มีฝูงแพะแกะเหลืออยู่ในคอก
และโคก็ไม่มีเช่นกัน
18 ข้าพเจ้าก็ยังจะยินดีในพระผู้เป็นเจ้า
ข้าพเจ้าจะชื่นชมยินดีในพระเจ้าผู้ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น
19 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เป็นพละกำลังของข้าพเจ้า
พระองค์ทำให้เท้าของข้าพเจ้าเป็นเหมือนเท้ากวาง
พระองค์ช่วยข้าพเจ้าให้ขึ้นไปบนที่สูงได้
ถึงหัวหน้าวงดนตรี ด้วยเครื่องสายของข้าพเจ้า
ยูดาสผู้ทรยศ
22 เมื่อเทศกาลขนมปังไร้เชื้อ[a]ซึ่งเรียกว่าเทศกาลปัสกาใกล้จะถึง 2 บรรดามหาปุโรหิตและอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติกำลังหาทางกำจัดพระเยซูอย่างลับๆ เพราะกลัวผู้คน
3 ซาตานก็เข้าไปสิงอยู่ในยูดาสอิสคาริโอทผู้เป็นหนึ่งในอัครทูตทั้งสิบสอง 4 ยูดาสไปหาพวกมหาปุโรหิตและพวกนายทหารประจำพระวิหาร เพื่อปรึกษาดูว่าเขาจะมอบพระองค์ให้แก่พวกเขาได้อย่างไร 5 เขาทั้งหลายยินดีและตกลงให้เงินแก่เขา 6 ยูดาสยินยอม และรอโอกาสที่จะทรยศแล้วมอบพระเยซูให้แก่พวกเขาเมื่อไม่มีผู้คน
วันปัสกากับสาวก
7 เมื่อถึงเทศกาลขนมปังไร้เชื้อซึ่งมีการสังเวยลูกแกะปัสกา 8 พระเยซูให้เปโตรและยอห์นไปโดยกล่าวว่า “จงไปเตรียมอาหารวันปัสกาให้พวกเรารับประทานกันเถิด” 9 เขาทั้งสองถามว่า “พระองค์ประสงค์จะให้พวกเราเตรียมไว้ที่ไหน” 10 พระองค์ตอบว่า “ขณะที่เจ้าเข้าไปในตัวเมือง จะมีชายคนหนึ่งแบกโถน้ำมาพบเจ้า ถ้าเขาเข้าไปบ้านใดก็จงตามไปบ้านนั้น 11 จงพูดกับเจ้าของบ้านว่า ‘อาจารย์ถามว่า ห้องรับรองที่เราจะรับประทานอาหารวันปัสกากับเหล่าสาวกของเราอยู่ที่ไหน’ 12 เขาจะชี้ให้เจ้าเห็นห้องใหญ่ชั้นบนที่ตกแต่งไว้แล้ว จงเตรียมไว้ที่นั่น” 13 เขาทั้งสองก็ไปและพบตามสิ่งที่พระองค์ได้บอกพวกเขาไว้ เขาจึงเตรียมอาหารวันปัสกากัน
14 เมื่อถึงเวลา พระเยซูและอัครทูตของพระองค์ก็เอนกายลงรับประทาน 15 และพระองค์กล่าวกับพวกเขาว่า “เราปรารถนาอย่างยิ่งที่จะรับประทานอาหารวันปัสกาครั้งนี้กับเจ้า ก่อนที่เราจะทนทุกข์ทรมาน 16 เราขอบอกเจ้าว่า เราจะไม่รับประทานปัสกาอีกจนกว่าความหมายของปัสกาจะบรรลุผลในอาณาจักรของพระเจ้า” 17 พระองค์หยิบถ้วย กล่าวขอบคุณพระเจ้าและกล่าวต่อไปว่า “จงเอาถ้วยนี้ไปแบ่งกันดื่ม 18 เราขอบอกเจ้าว่า เราจะไม่ดื่มน้ำจากผลของเถาองุ่นอีกจนกว่าอาณาจักรของพระเจ้าจะมาถึง” 19 ครั้นพระองค์หยิบขนมปังและกล่าวขอบคุณพระเจ้าแล้ว ก็บิเป็นชิ้น ยื่นให้แก่เหล่าสาวก พลางกล่าวว่า “นี่เป็นกายของเราซึ่งมอบไว้เพื่อพวกเจ้า จงปฏิบัติเช่นนี้เพื่อระลึกถึงเรา” 20 ในทำนองเดียวกัน หลังจากอาหารเย็น พระองค์หยิบถ้วยพลางกล่าวว่า “ถ้วยนี้เป็นพันธสัญญาใหม่ในโลหิตของเราซึ่งได้หลั่งเพื่อพวกเจ้า 21 แต่ดูเถิด มือของคนที่กำลังจะทรยศเราอยู่ด้วยกันกับมือของเราบนโต๊ะ 22 เพราะว่าบุตรมนุษย์ก้าวไปสู่ทางที่ได้กำหนดไว้แล้ว วิบัติจะเกิดกับคนที่ทรยศท่าน” 23 เขาทั้งหลายก็เริ่มถามกันและกันว่าคนใดในพวกเขาเป็นคนที่จะกระทำการนี้
24 เหล่าสาวกได้ถกเถียงกันว่าคนใดในพวกเขาเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด 25 พระเยซูกล่าวว่า “เหล่ากษัตริย์ของบรรดาคนนอกมีสิทธิอำนาจในการปกครองเหนือผู้คน และพวกที่แสดงอำนาจเรียกตนว่าเป็นผู้อุปถัมภ์ 26 แต่ว่าพวกเจ้าไม่ควรเป็นเช่นนั้น ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในพวกเจ้าควรเป็นอย่างผู้ที่เยาว์ที่สุด และเป็นผู้ที่ปกครองที่มีน้ำใจรับใช้ 27 ใครจะเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่กว่ากัน ผู้ที่เอนกายลงรับประทานหรือผู้ที่รับใช้ มิใช่ผู้ที่เอนกายลงรับประทานหรือ แต่ว่าเราเป็นอย่างผู้รับใช้ในท่ามกลางพวกเจ้า
28 เจ้าเป็นพวกที่ยืนเคียงข้างเราเวลาที่เราเผชิญความลำบาก 29 เรามอบหมายอาณาจักรให้แก่เจ้าดังที่พระบิดาของเราได้มอบหมายให้แก่เรา 30 เพื่อว่าเจ้าจะได้กินและดื่มที่โต๊ะในอาณาจักรของเรา และนั่งบนบัลลังก์ตัดสินความ 12 เผ่าของอิสราเอล
31 ซีโมน ซีโมนเอ๋ย ซาตานได้เรียกร้องที่จะฝัดร่อนพวกเจ้าเหมือนฝัดข้าวสาลี 32 แต่เราได้อธิษฐานให้เจ้า เพื่อว่าความเชื่อจะได้คงอยู่ และเมื่อเจ้ากลับมาแล้ว ก็จงให้กำลังใจพวกพี่น้องเถิด” 33 เปโตรตอบว่า “พระองค์ท่าน ข้าพเจ้าพร้อมที่จะไปทุกแห่งกับพระองค์ไม่ว่าที่คุมขังหรือความตายก็ตาม” 34 พระเยซูตอบว่า “เปโตร เราขอบอกเจ้าว่า ก่อนไก่จะขันในวันนี้ เจ้าจะปฏิเสธ 3 ครั้งว่าเจ้าไม่รู้จักเรา”
35 แล้วพระเยซูถามพวกเขาว่า “เวลาที่เราส่งเจ้าออกไปโดยไม่มีถุงเงิน ย่าม หรือรองเท้า เจ้าขัดสนอะไรบ้างหรือเปล่า” เขาตอบว่า “เปล่าเลย” 36 พระองค์กล่าวกับสาวกว่า “แต่เวลานี้ถ้าเจ้ามีถุงเงินก็เอาไปด้วย ย่ามก็เช่นกัน และถ้าเจ้าไม่มีดาบก็จงขายเสื้อตัวนอกเพื่อเอาไปซื้อดาบ 37 มีบันทึกไว้ว่า ‘พระองค์ถูกนับอยู่ในพวกคนล่วงละเมิด’[b] และเราขอบอกเจ้าว่าสิ่งที่กล่าวไว้จะต้องเป็นไปตามนั้น ใช่แล้ว สิ่งใดที่ได้มีบันทึกไว้เกี่ยวกับเรากำลังจะสำเร็จลุล่วงอย่างบริบูรณ์” 38 พวกสาวกพูดว่า “พระองค์ท่าน นี่แน่ะมีดาบ 2 เล่ม” พระองค์ตอบว่า “นั่นก็พอแล้ว”
พระเยซูอธิษฐานที่ภูเขามะกอก
39 พระเยซูไปยังภูเขามะกอกตามเคย เหล่าสาวกก็ติดตามพระองค์ไปด้วย 40 เมื่อถึงที่นั่นแล้ว พระองค์กล่าวกับเขาทั้งหลายว่า “จงอธิษฐานขอว่า เจ้าจะพ้นจากสิ่งยั่วยุ” 41 พระองค์เดินเลยพวกเขาไปได้ไกลประมาณขว้างก้อนหินตก และคุกเข่าลงอธิษฐาน 42 “พระบิดา ถ้าพระองค์ประสงค์ โปรดเอาถ้วยนี้ไปจากข้าพเจ้าเถิด ถึงกระนั้น ขออย่าให้เป็นไปตามความประสงค์ของข้าพเจ้า แต่ขอให้เป็นไปตามความประสงค์ของพระองค์เถิด” 43 ทูตสวรรค์องค์หนึ่งจากสวรรค์มาปรากฏแก่พระองค์ และช่วยให้มีกำลังใจดีขึ้น 44 พระเยซูปวดร้าวทุกข์ใจยิ่งนัก พระองค์จึงได้ตั้งจิตอธิษฐานมากยิ่งขึ้น เหงื่อของพระองค์เป็นดุจโลหิตหยาดหยดลงดิน 45 เมื่อพระเยซูลุกขึ้นหลังจากที่ได้อธิษฐาน พระองค์ก็เดินมาหาเหล่าสาวก และพบว่าพวกเขากำลังนอนหลับกันด้วยความเศร้า 46 พระองค์ถามว่า “ทำไมพวกเจ้าจึงนอนหลับกัน ลุกขึ้นและอธิษฐานเถิดว่าพวกเจ้าจะไม่ตกอยู่ในสิ่งยั่วยุ”
พระเยซูถูกจับกุม
47 พระองค์ยังกล่าวไม่ทันขาดคำ ก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินมา และยูดาสหนึ่งในสาวกทั้งสิบสองก็กำลังเดินนำหน้ามา เขาเข้ามาใกล้เพื่อจูบแก้มพระองค์ 48 พระเยซูถามเขาว่า “ยูดาสเอ๋ย เจ้ากำลังทรยศบุตรมนุษย์ด้วยการจูบแก้มหรือ” 49 เมื่อพวกที่อยู่ด้วยกันกับพระเยซูเห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นจึงพูดขึ้นว่า “พระองค์ท่าน จะให้พวกเราเอาดาบฟันพวกเขาดีไหม” 50 คนหนึ่งในพวกเขาก็ฟันหูขวาของผู้รับใช้หัวหน้ามหาปุโรหิตขาด 51 แต่พระเยซูตอบว่า “พอเสียทีเถิด” พระองค์แตะหูของชายคนนั้น แล้วรักษาให้หาย 52 แล้วพระเยซูกล่าวกับพวกมหาปุโรหิต นายทหารประจำพระวิหาร และพวกผู้ใหญ่ ซึ่งมาจับกุมพระองค์ว่า “พวกท่านเอาดาบและไม้ตะบองแล้วพากันมาจับกุมเรา เหมือนกับว่าเราเป็นโจรอย่างนั้นหรือ 53 ทุกวันเราเคยอยู่กับท่านในบริเวณพระวิหาร ท่านก็ไม่ได้จับกุมเรา แต่นี่เป็นเวลาของท่านเมื่อความมืดครอบครอง”
เปโตรปฏิเสธว่าไม่รู้จักพระเยซู
54 เขาทั้งหลายจับกุมพระองค์เพื่อนำไปยังบ้านของหัวหน้ามหาปุโรหิต เปโตรก็ได้ติดตามไปอยู่ห่างๆ 55 แต่เมื่อเขาทั้งหลายได้ก่อไฟที่กลางลานบ้านและนั่งลงด้วยกันแล้ว เปโตรก็นั่งกับพวกเขา 56 สาวใช้คนหนึ่งเห็นเปโตรนั่งอยู่ที่นั่น เธอก็อาศัยแสงไฟมองดูเขาอย่างใกล้ชิดและพูดว่า “ชายคนนี้อยู่ด้วยกันกับเยซู” 57 แต่เขาปฏิเสธว่า “หญิงเอ๋ย เราไม่รู้จักท่าน” 58 ไม่นานหลังจากนั้น อีกคนก็เห็นเขาจึงพูดว่า “ท่านเป็นคนหนึ่งในพวกเขาด้วย” เปโตรตอบว่า “ท่านเอ๋ย ไม่ใช่เรา” 59 ประมาณ 1 ชั่วโมงต่อมา อีกคนยืนยันว่า “แน่แล้ว ชายคนนี้อยู่ด้วยกันกับเยซู ด้วยว่าเขาเป็นชาวกาลิลี” 60 เปโตรตอบว่า “ท่านเอ๋ย เราไม่รู้ว่าท่านพูดเรื่องอะไร” ขณะที่เขากำลังพูดอยู่ไก่ก็ขัน 61 พระเยซูเจ้าหันและมองตรงไปยังเปโตร แล้วเปโตรก็นึกถึงคำซึ่งพระเยซูเจ้าได้กล่าวไว้กับเขาว่า “ก่อนไก่จะขันในวันนี้ เจ้าจะปฏิเสธ 3 ครั้งว่าเจ้าไม่รู้จักเรา” 62 เปโตรจึงออกไปข้างนอกแล้วร้องไห้ด้วยความปวดร้าวใจยิ่งนัก
63 ฝ่ายคนที่คุมพระเยซูได้เริ่มเยาะเย้ยและโบยตีพระองค์ 64 เขาเหล่านั้นเอาผ้าปิดตาพระองค์และถามว่า “จงพยากรณ์ซิว่าใครเป็นคนตบตีท่าน” 65 และพวกเขาได้กล่าววาจาดูหมิ่นต่างๆ นานา
ปีลาตและเฮโรดสอบสวนพระเยซู
66 ครั้นรุ่งเช้าคณะผู้ใหญ่ของประชาชน รวมทั้งพวกมหาปุโรหิตและอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติได้ประชุมร่วมกัน และพระเยซูถูกนำไปยังศาสนสภา[c] 67 เขาพูดว่า “ถ้าท่านเป็นพระคริสต์ ก็จงบอกพวกเราเถิด” พระเยซูตอบว่า “ถ้าเราบอกท่าน ท่านก็จะไม่เชื่อเรา 68 และถ้าเราถามท่าน ท่านก็จะไม่ตอบเรา 69 แต่ว่าตั้งแต่นี้ไปบุตรมนุษย์จะนั่งอยู่ ณ เบื้องขวาของพระเจ้าผู้มีอานุภาพ” 70 เขาทั้งปวงถามกันว่า “ถ้าเช่นนั้นท่านเป็นบุตรของพระเจ้าหรือ” พระองค์ตอบว่า “ท่านพูดถูกต้องแล้วที่ว่าเราเป็น” 71 แล้วเขาทั้งหลายพูดว่า “ทำไมเราจะต้องมีคำยืนยันต่อไปอีก พวกเราได้ยินจากปากของเขาเองแล้ว”
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation