M’Cheyne Bible Reading Plan
เฮเซคียาห์ครองราชย์ในยูดาห์
29 เฮเซคียาห์มีอายุ 25 ปีเมื่อเริ่มเป็นกษัตริย์ และท่านครองราชย์ 29 ปีในเยรูซาเล็ม มารดาของท่านชื่ออาบียาห์บุตรหญิงของเศคาริยาห์ 2 ท่านกระทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า เหมือนกับทุกสิ่งที่ดาวิดบรรพบุรุษของท่านได้กระทำ
เฮเซคียาห์ชำระพระตำหนัก
3 ปีแรกที่ท่านครองราชย์ ในเดือนแรก ท่านเปิดประตูพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และซ่อมแซมประตูเหล่านั้น 4 ท่านเรียกประชุมบรรดาปุโรหิตและชาวเลวีที่ลานด้านตะวันออก 5 ท่านกล่าวแก่พวกเขาว่า “ชาวเลวี พวกท่านจงฟังเรา ท่านจงชำระตัวให้บริสุทธิ์ และชำระพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของบรรพบุรุษของท่าน และเอาสิ่งที่เป็นมลทินออกไปเสียจากสถานที่บริสุทธิ์ 6 เพราะบรรพบุรุษของเราไม่ภักดีและกระทำสิ่งชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา พวกเขาได้ละทิ้งพระองค์ และได้เมินหน้าไปจากกระโจมที่พำนักของพระผู้เป็นเจ้า และหันหลังให้พระองค์ 7 พวกเขาปิดประตูมุขอีกด้วย ทั้งยังดับดวงประทีป และไม่ได้เผาเครื่องหอมหรือมอบสัตว์ที่เผาเป็นของถวายในสถานที่บริสุทธิ์แด่พระเจ้าของอิสราเอล 8 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าจึงได้กริ้วยูดาห์และเยรูซาเล็ม และพระองค์ได้ทำให้พวกเขาตกอยู่ในสภาพที่หวาดหวั่น ตกตะลึง และเป็นที่เหน็บแนม อย่างที่ท่านเห็นด้วยตาของท่านเอง 9 ดูเถิด บรรพบุรุษของเราล้มตายด้วยดาบ บรรดาบุตรชายบุตรหญิงของเราและภรรยาของพวกเราถูกจับไปเป็นเชลยก็เพราะเหตุนี้ 10 บัดนี้ เราตั้งใจจะทำพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล เพื่อหันเหความกริ้วอันร้อนแรงของพระองค์ไปจากพวกเรา 11 บุตรของเราเอ๋ย จงอย่าละเลยต่อหน้าที่ เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้เลือกพวกท่านให้มายืนต่อหน้าพระองค์ เพื่อรับใช้พระองค์ เพื่อเป็นผู้รับใช้ของพระองค์และเผาเครื่องหอมแด่พระองค์”
12 ชาวเลวีที่เริ่มปฏิบัติงานมีรายชื่อดังต่อไปนี้ จากตระกูลโคฮาทคือ มาฮาทบุตรอามาสัย โยเอลบุตรอาซาริยาห์ จากตระกูลเมรารีคือ คีชบุตรอับดี อาซาริยาห์บุตรเยฮาลเลเลล จากตระกูลเกอร์โชนคือ โยอาห์บุตรศิมมาห์ เอเดนบุตรโยอาห์ 13 จากผู้สืบเชื้อสายของเอลีซาฟานคือ ชิมรีและเยอูเอล จากผู้สืบเชื้อสายของอาสาฟคือ เศคาริยาห์และมัทธานิยาห์ 14 จากผู้สืบเชื้อสายของเฮมานคือ เยฮีเอลและชิเมอี จากผู้สืบเชื้อสายของเยดูธูนคือ เชไมยาห์และอุสซีเอล 15 เขาเหล่านี้รวบรวมพี่น้องของเขาและชำระตัวให้บริสุทธิ์ และเข้าไปชำระพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ตามที่กษัตริย์ได้มอบหมายตามคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า 16 บรรดาปุโรหิตเข้าไปในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าเพื่อชำระให้บริสุทธิ์ และนำสิ่งที่มีมลทินทั้งสิ้นที่พบในพระวิหารของพระผู้เป็นเจ้า ออกไปไว้ที่ลานพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และชาวเลวีนำสิ่งเหล่านั้นไปทิ้งที่หุบเขาขิดโรน 17 เขาทั้งหลายเริ่มชำระสิ่งเหล่านั้นให้บริสุทธิ์ในวันแรกของเดือนแรก และในวันที่แปดของเดือนนั้นพวกเขามายังหน้ามุขของพระผู้เป็นเจ้า และชำระพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าต่ออีก 8 วัน และชำระเสร็จสิ้นในวันที่สิบหกของเดือนแรก 18 พวกเขาไปพบกับกษัตริย์เฮเซคียาห์ และรายงานว่า “พวกเราได้ชำระทุกสิ่งในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า แท่นบูชาที่ใช้เผาสัตว์เพื่อเป็นของถวายกับเครื่องใช้ประกอบทุกชิ้น โต๊ะขนมปังไร้เชื้อกับเครื่องใช้ประกอบทุกชิ้น 19 เครื่องใช้ทุกชิ้นที่กษัตริย์อาหัสย้ายออกไปในสมัยที่ท่านไม่ภักดี พวกเราก็ชำระให้บริสุทธิ์แล้ว และขณะนี้ทุกอย่างอยู่ที่หน้าแท่นบูชาของพระผู้เป็นเจ้า”
เฮเซคียาห์ฟื้นฟูการนมัสการ
20 กษัตริย์เฮเซคียาห์ลุกขึ้นแต่เช้า และรวบรวมเจ้าหน้าที่ประจำเมืองขึ้นไปยังพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 21 เขาทั้งหลายนำโคตัวผู้ 7 ตัว แกะผู้ 7 ตัว ลูกแกะ 7 ตัว และแพะผู้ 7 ตัว มาเป็นของถวายเพื่อลบล้างบาปสำหรับอาณาจักร สำหรับที่พำนัก และสำหรับยูดาห์ และท่านบัญชาบรรดาปุโรหิตและบุตรของอาโรนให้ถวายสัตว์เหล่านั้นบนแท่นบูชาของพระผู้เป็นเจ้า 22 พวกเขาจึงฆ่าโค ปุโรหิตใช้เลือดประพรมที่แท่นบูชา พวกเขาฆ่าแกะผู้ และใช้เลือดประพรมที่แท่นบูชา พวกเขาฆ่าลูกแกะ และประพรมเลือดที่แท่นบูชา 23 และนำแพะมาให้กษัตริย์และที่ประชุมเป็นของถวายเพื่อลบล้างบาป และเขาทั้งหลายก็วางมือของตนบนแพะเหล่านั้น 24 แล้วบรรดาปุโรหิตก็ฆ่าแพะ และมอบเป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาปด้วยเลือดบนแท่นบูชา เพื่อเป็นเครื่องชดใช้บาปให้อิสราเอลทั้งปวง เพราะกษัตริย์บัญชาว่า ให้เผาสัตว์เป็นของถวายและมอบเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาปอิสราเอลทั้งปวง
25 และท่านให้ชาวเลวีประจำอยู่ในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า พร้อมกับฉาบ พิณสิบสาย และพิณเล็ก ตามคำสั่งของดาวิด ตามคำสั่งของกาดผู้รู้ของกษัตริย์ และของนาธานผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า เพราะพระบัญญัติมาจากพระผู้เป็นเจ้า ผ่านทางบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระองค์ 26 บรรดาชาวเลวียืนถือเครื่องดนตรีของดาวิด และบรรดาปุโรหิตถือแตรยาว 27 และเฮเซคียาห์บัญชาให้มอบสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายบนแท่นบูชา เมื่อเริ่มมอบสัตว์เป็นของถวาย ก็เริ่มถวายเพลงแด่พระผู้เป็นเจ้าด้วย พร้อมกับเสียงแตรยาวและเครื่องดนตรีของกษัตริย์ดาวิดแห่งอิสราเอล 28 เมื่อที่ประชุมทั้งหมดนมัสการ บรรดานักร้องก็ร้องเพลง และนักดนตรีก็เป่าแตร ทำอย่างนี้จนกระทั่งการมอบสัตว์เป็นของถวายเสร็จสิ้นลง 29 เมื่อมอบของถวายเสร็จสิ้นลงแล้ว กษัตริย์กับคนทั้งปวงที่อยู่ด้วยในเวลานั้นก็ก้มกราบนมัสการ 30 กษัตริย์เฮเซคียาห์และบรรดาเจ้าหน้าที่ก็บัญชาชาวเลวีให้ร้องเพลงสรรเสริญแด่พระผู้เป็นเจ้าด้วยคำกล่าวของดาวิดและของอาสาฟผู้รู้ และเขาทั้งปวงก็ร้องเพลงด้วยความยินดี และก้มกราบนมัสการ
31 และเฮเซคียาห์กล่าวว่า “บัดนี้พวกท่านได้ชำระตัวให้บริสุทธิ์แด่พระผู้เป็นเจ้าแล้ว จงเข้ามาใกล้ นำเครื่องสักการะและของถวายแห่งการขอบคุณมายังพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า” และที่ประชุมก็นำเครื่องสักการะและของถวายแห่งการขอบคุณมา และทุกคนที่มีความสมัครใจก็นำสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายมา 32 จำนวนสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายซึ่งที่ประชุมนำมาเป็นโคตัวผู้ 70 ตัว แกะผู้ 100 ตัว ลูกแกะ 200 ตัว สัตว์ทั้งหมดนี้ใช้เผาเป็นของถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า 33 และของถวายที่ชำระให้บริสุทธิ์แล้วเป็นโคตัวผู้ 600 ตัว แกะ 3,000 ตัว 34 แต่มีปุโรหิตน้อยเกินไป จึงไม่สามารถถลกหนังสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายทั้งหมด จนกว่าจะมีปุโรหิตอื่นที่ชำระตัวให้บริสุทธิ์ก่อน ดังนั้นบรรดาพี่น้องชาวเลวีจึงต้องช่วยจนเสร็จงาน ด้วยว่าชาวเลวีมีมโนธรรมมากกว่าบรรดาปุโรหิตในการชำระตัวให้บริสุทธิ์ 35 นอกจากสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายมีจำนวนมากมายแล้ว ก็ยังมีไขมันสำหรับของถวายเพื่อสามัคคีธรรม และเครื่องดื่มบูชาคู่กับสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวาย นี่แหละเป็นงานฟื้นฟูในการรับใช้ที่พระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 36 เฮเซคียาห์และประชาชนทั้งปวงก็มีใจยินดี เพราะสิ่งที่พระเจ้าได้กระทำให้แก่ประชาชน และทุกสิ่งก็สำเร็จอย่างรวดเร็ว
ทูตสวรรค์ 7 องค์และภัยพิบัติ 7 อย่าง
15 ครั้นแล้วข้าพเจ้าก็เห็นปรากฏการณ์อัศจรรย์อันยิ่งใหญ่และวิเศษยิ่งในสวรรค์อีกประการหนึ่งคือ ทูตสวรรค์ 7 องค์ถือภัยพิบัติ 7 อย่าง ซึ่งเป็นภัยพิบัติสุดท้าย เพราะการลงโทษของพระเจ้าสิ้นสุดลงด้วยภัยพิบัติเหล่านั้น
2 ข้าพเจ้าเห็นสิ่งหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะเป็นทะเลแก้วปนไฟ และมีบรรดาผู้ที่ได้มีชัยชนะต่ออสุรกาย ต่อรูปจำลองของตัวมัน และมีชัยชนะต่อหมายเลขอันแสดงถึงชื่อของมัน ยืนอยู่บนฝั่งทะเลแก้วนั้นพร้อมทั้งถือพิณของพระเจ้า 3 เขาเหล่านั้นร้องเพลงของโมเสสผู้รับใช้ของพระเจ้า และเพลงของลูกแกะว่า
“พระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้าจอมโยธา
สิ่งที่พระองค์กระทำนั้นยิ่งใหญ่และวิเศษยิ่งนัก
พระองค์เป็นกษัตริย์แห่งประเทศทั้งปวง
วิธีการของพระองค์ยุติธรรมและเป็นจริง
4 ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า มีใครบ้างที่ไม่เกรงกลัวพระองค์
และไม่ถวายพระบารมีแด่พระนามของพระองค์
ด้วยว่าพระองค์เพียงผู้เดียวที่บริสุทธิ์
ทุกประเทศจะมานมัสการ ณ เบื้องหน้าพระองค์
ด้วยว่าการกระทำอันชอบธรรมของพระองค์เป็นที่ประจักษ์แล้ว”
5 หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็มองดู และพระวิหารคือกระโจมแห่งสักขีพยานในสวรรค์ก็เปิดออก 6 ทูตสวรรค์ 7 องค์ซึ่งนุ่งห่มด้วยผ้าป่านสะอาดและสุกใส ถือภัยพิบัติ 7 อย่างออกมาจากพระวิหาร และที่หน้าอกคาดด้วยรัดประคดทองคำ 7 สิ่งมีชีวิตหนึ่งในสี่นั้นได้นำขันทองคำ 7 ใบซึ่งเปี่ยมไปด้วยการลงโทษของพระเจ้าผู้มีชีวิตชั่วนิรันดร์กาล ส่งให้แก่ทูตสวรรค์ทั้งเจ็ด 8 พระวิหารก็อบอวลด้วยควันซึ่งมาจากพระบารมีของพระเจ้าและจากอานุภาพของพระองค์ และไม่มีใครสามารถเข้าไปในพระวิหารได้ จนกว่าภัยพิบัติทั้งเจ็ดของทูตสวรรค์ 7 องค์จะสิ้นสุดลง
ฝูงแกะถูกกำหนดให้ถูกเชือด
11 โอ เลบานอนเอ๋ย จงเปิดประตูของเจ้า
ให้ไฟลุกผลาญดงซีดาร์ของเจ้า
2 โอ ต้นสนเอ๋ย จงร้องไห้ฟูมฟายเถิด เพราะต้นซีดาร์โค่นลงแล้ว
ต้นไม้ซึ่งสูงตระหง่านถูกทำลาย
ต้นโอ๊กของบาชานเอ๋ย จงร้องไห้ฟูมฟายเถิด
เพราะป่าไม้ทึบถูกตัดลงแล้ว
3 มีเสียงร้องไห้ฟูมฟายของบรรดาผู้ดูแลฝูงแกะ
เพราะความมั่งคั่งของพวกเขาถูกทำลาย
มีเสียงคำรามของบรรดาสิงโต
เพราะป่าไม้ของจอร์แดนเสียหาย
4 พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้ากล่าวดังนี้ “จงดูแลฝูงแกะซึ่งกำหนดให้ถูกประหาร 5 บรรดาผู้ซื้อประหารพวกเขา แต่ก็ไม่ถูกลงโทษ พวกที่ขายพวกเขาพูดว่า ‘สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้ามั่งมีแล้ว’ และบรรดาผู้ดูแลฝูงไร้ความเมตตาต่อพวกเขา 6 เพราะเราจะไม่มีความเมตตาต่อผู้อยู่อาศัยของแผ่นดินนี้” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ “ดูเถิด เราจะทำให้พวกเขาตกอยู่ในมือของเพื่อนบ้านของเขา และแต่ละคนอยู่ในมือของกษัตริย์ของเขา และพวกเขาจะกดขี่ข่มเหงแผ่นดิน และเราจะไม่ช่วยพวกเขาให้พ้นจากมือของคนเหล่านั้นแม้แต่คนเดียว”
7 ดังนั้น ข้าพเจ้ากลายเป็นผู้ดูแลฝูงแกะซึ่งกำหนดให้ถูกประหารโดยบรรดาพ่อค้าแกะ และข้าพเจ้าเอาไม้เท้า 2 อันมา ข้าพเจ้าตั้งชื่อไม้เท้าอันหนึ่งว่า ชื่นชอบ และอีกอันหนึ่งชื่อว่า สหภาพ แล้วข้าพเจ้าก็ดูแลฝูงแกะ 8 ข้าพเจ้ากำจัดผู้ดูแลฝูง 3 คนในเดือนเดียว ฝูงแกะเกลียดข้าพเจ้า และข้าพเจ้าเหนื่อยหน่ายพวกเขา 9 ข้าพเจ้าจึงพูดดังนี้ว่า “ข้าพเจ้าจะไม่เป็นผู้ดูแลฝูงของพวกท่าน อะไรจะตายก็ปล่อยให้ตายไป อะไรจะถูกทำให้พินาศก็ปล่อยให้พินาศไป และปล่อยให้พวกที่เหลืออยู่กินเลือดกินเนื้อกันเอง” 10 ข้าพเจ้าหักไม้เท้าที่ชื่อ ชื่นชอบ และพันธสัญญาที่ข้าพเจ้าได้ทำไว้กับประชาชนทั้งปวงกลายเป็นโมฆะ 11 ดังนั้นมันก็กลายเป็นโมฆะไปในวันนั้น และบรรดาผู้รับทุกข์ของฝูงที่กำลังเฝ้ามองข้าพเจ้าทราบว่า พระผู้เป็นเจ้ากล่าวผ่านข้าพเจ้า 12 ข้าพเจ้าบอกพวกเขาดังนี้ว่า “หากว่าเป็นสิ่งดีในสายตาพวกท่าน ก็จ่ายค่าแรงให้แก่ข้าพเจ้า แต่ถ้าไม่เห็นด้วย ท่านก็เก็บค่าแรงไว้เอง” พวกเขาจ่ายเงิน 30 เหรียญให้แก่ข้าพเจ้า 13 แล้วพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าว่า “โยนให้แก่ช่างปั้นหม้อ มันเป็นราคาสูงส่งซึ่งเราถูกตั้งราคาโดยพวกเขา” ข้าพเจ้าจึงเอาเงิน 30 เหรียญไปโยนไว้ในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า เพื่อให้แก่ช่างปั้นหม้อ[a] 14 และข้าพเจ้าหักไม้เท้าอันที่สองที่ชื่อ สหภาพ ทำให้ความเป็นพี่น้องระหว่างยูดาห์และอิสราเอลเป็นโมฆะ
15 แล้วพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “จงเอาภาชนะชิ้นหนึ่งซึ่งผู้ดูแลฝูงที่ไร้ค่าใช้ 16 ดูเถิด เรากำลังกำหนดผู้ดูแลฝูงผู้หนึ่งในแผ่นดิน ซึ่งไม่ห่วงใยบรรดาผู้ที่ถูกทำให้พินาศ หรือตามหาบรรดาผู้อ่อนวัย หรือรักษาคนง่อยเปลี้ย หรือเลี้ยงดูผู้มีสุขภาพดี แต่กินเลือดเนื้อแกะตัวอ้วนพี และฉีกกีบเท้าแกะด้วย
17 วิบัติเกิดแก่ผู้ดูแลฝูงแกะที่ไร้ค่า
ซึ่งได้ทอดทิ้งฝูงแกะ
ขอให้ดาบฟันแขนของเขา
และฟันตาขวาของเขา
ให้แขนของเขาลีบ
ให้ตาขวาของเขามืดบอด”
พระเยซูคือหนทางที่นำไปสู่พระบิดา
14 อย่าทุกข์ใจเลย จงเชื่อในพระเจ้าและเรา 2 ในบ้านของพระบิดาของเรามีที่อยู่มากมาย ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นแล้วเราก็จะไม่บอกเจ้าหรอก เราไปเพื่อจัดเตรียมที่ให้พวกเจ้า 3 หลังจากเราไปจัดเตรียมที่ให้พวกเจ้าแล้ว เราจะกลับมาอีกเพื่อรับเจ้าไปอยู่กับเรา เราไปอยู่ที่ไหน เจ้าจะได้อยู่ที่นั่นด้วย 4 และเจ้ารู้จักทางที่เราจะไป” 5 โธมัสพูดว่า “พระองค์ท่าน ในเมื่อพวกเราไม่ทราบว่าพระองค์จะไปไหน แล้วเราจะทราบทางได้อย่างไร” 6 พระเยซูกล่าวกับเขาว่า “เราคือหนทาง ความจริง และชีวิต ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะผ่านเรา 7 ถ้าพวกเจ้าได้รู้จักเราแล้ว เจ้าก็จะรู้จักพระบิดาของเราด้วย ตั้งแต่นี้ไปพวกเจ้าก็รู้จักพระองค์ และได้เห็นพระองค์แล้ว”
8 ฟีลิปพูดว่า “พระองค์ท่าน โปรดช่วยให้เราได้เห็นพระบิดาเท่านั้น ก็เพียงพอแล้ว” 9 พระเยซูกล่าวกับเขาว่า “ฟีลิปเอ๋ย เราอยู่กับเจ้านานแล้ว ยังไม่รู้จักเราอีกหรือ ผู้ที่เคยเห็นเราแล้วก็เคยเห็นพระบิดา เจ้าพูดได้อย่างไรว่า ‘ช่วยให้เราได้เห็นพระบิดาเถิด’ 10 เจ้าไม่เชื่อหรือว่า เราอยู่ในพระบิดา และพระบิดาอยู่ในเรา คำกล่าวที่เราบอกเจ้าไม่ได้มาจากเราเอง แต่พระบิดาผู้ดำรงอยู่ในเราเป็นผู้ปฏิบัติงานของพระองค์ 11 จงเชื่อว่าเราอยู่ในพระบิดาและพระบิดาอยู่ในเรา ถ้าไม่อย่างนั้นก็จงเชื่อเพราะสิ่งที่เรากระทำเถิด 12 เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า ผู้ที่เชื่อในเราจะกระทำสิ่งซึ่งเรากระทำ และเขาก็จะกระทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ เพราะว่าเราจะไปถึงพระบิดา 13 และอะไรก็ตามที่เจ้าขอในนามของเรา เราก็จะกระทำให้ เพื่อว่าพระบิดาจะได้รับพระบารมีโดยผ่านพระบุตร 14 ถ้าเจ้าขอสิ่งใดจากเราในนามของเรา เราก็จะกระทำสิ่งนั้นให้
พระองค์มอบพระวิญญาณบริสุทธิ์
15 ถ้าเจ้ารักเรา ก็จงปฏิบัติตามบัญญัติของเราเถิด 16 แล้วเราจะขอจากพระบิดา พระองค์จะมอบองค์ผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้ เพื่ออยู่กับเจ้าไปตลอดกาล 17 พระองค์เป็นพระวิญญาณแห่งความจริงที่โลกนี้ไม่สามารถรับได้ เพราะพวกเขามองไม่เห็นและไม่รู้จักพระองค์ แต่พวกเจ้ารู้จักพระองค์เพราะพระองค์ดำรงอยู่กับเจ้าและจะอยู่ในตัวเจ้าด้วย
18 เราจะไม่จากเจ้าไป และปล่อยให้พวกเจ้าเป็นเช่นเด็กกำพร้า เราจะมาหาเจ้าอีก 19 เพียงประเดี๋ยวหนึ่ง โลกนี้ก็จะมองไม่เห็นเราอีก แต่พวกเจ้าจะมองเห็นเราเพราะเราดำรงอยู่ และพวกเจ้าจะดำรงอยู่ด้วยเช่นกัน 20 ในวันนั้นพวกเจ้าจะรู้ว่าเราอยู่ในพระบิดาของเรา และเจ้าอยู่ในเรา ดังที่เราอยู่ในพวกเจ้า 21 ผู้ที่มีบัญญัติของเราและปฏิบัติตามเป็นผู้ที่รักเรา ผู้ที่รักเราจะได้รับความรักจากพระบิดาและเรา เราจะมาสำแดงตัวเราให้ปรากฏแก่เขา” 22 ยูดาส (มิใช่อิสคาริโอท) พูดว่า “พระองค์ท่าน เพราะเหตุใดพระองค์จึงจะสำแดงแก่พวกข้าพเจ้าเท่านั้น แต่ไม่สำแดงแก่โลก” 23 พระเยซูกล่าวตอบว่า “ถ้าผู้ใดรักเรา ผู้นั้นจะปฏิบัติตามคำสั่งสอนของเรา และพระบิดาของเราจะรักเขา พระบิดาและเราจะมาหาเขาและอยู่ร่วมกันกับเขา 24 ผู้ที่ไม่รักเราก็ไม่ปฏิบัติตามคำของเรา คำกล่าวที่เจ้าได้ยินนี้ไม่ใช่คำกล่าวของเรา แต่เป็นของพระบิดาผู้ส่งเรามา
25 เราพูดถึงสิ่งเหล่านี้กับพวกเจ้าขณะที่อยู่กับเจ้า 26 แต่องค์ผู้ช่วยผู้นั้นคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่พระบิดาจะส่งมาในนามของเรา พระวิญญาณบริสุทธิ์จะสอนทุกสิ่งแก่เจ้า และจะช่วยให้พวกเจ้าระลึกถึงทุกสิ่งที่เราได้กล่าวไว้กับเจ้าแล้ว 27 เรามอบสันติสุขไว้กับพวกเจ้า สันติสุขที่เราให้แก่เจ้านี้ไม่เหมือนกับที่โลกให้ ดังนั้นอย่าทุกข์ใจหรือหวาดกลัวเลย 28 พวกเจ้าได้ยินสิ่งที่เราพูดกับเจ้าแล้วว่า ‘เรากำลังจะจากไปและจะมาหาเจ้าอีก’ ถ้าเจ้ารักเรา เจ้าก็จะยินดีที่เราจะไปหาพระบิดา เพราะพระบิดายิ่งใหญ่กว่าเรา 29 และบัดนี้เราได้บอกแก่พวกเจ้าก่อนที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้น เมื่อเกิดขึ้นแล้ว พวกเจ้าจะได้เชื่อ 30 เราจะไม่พูดกับเจ้ามากไปกว่านี้ เพราะผู้ครองโลกนี้กำลังจะมา และไม่มีอำนาจอะไรเหนือเราเลย 31 แต่เพื่อให้โลกรู้ว่าเรารักพระบิดา เราจึงกระทำตามคำสั่งของพระบิดา ลุกขึ้นเถิด เราไปกันได้แล้ว
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation