Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
2 พงศาวดาร 10

อิสราเอลกบฏต่อเรโหโบอัม

10 เรโหโบอัมไปยังเมืองเชเคม เพราะชาวอิสราเอลทั้งปวงได้ไปยังเชเคมเพื่อแต่งตั้งท่านให้เป็นกษัตริย์ ทันทีที่เยโรโบอัมบุตรเนบัททราบเรื่อง (เขาหนีกษัตริย์ซาโลมอนไปอยู่ในประเทศอียิปต์) เขาจึงกลับมาจากอียิปต์ ชาวอิสราเอลที่มาจากทิศเหนือให้คนไปตามเยโรโบอัมกลับไป และพวกเขาพูดกับเรโหโบอัมว่า “บิดาของท่านทำให้พวกเราแบกแอกเหมือนกับแบกภาระหนัก ฉะนั้นในเวลานี้ โปรดช่วยให้งานและการแบกแอกหนักผ่อนลงให้เบาเถิด แล้วพวกเราจะคอยรับใช้ท่าน” ท่านตอบว่า “กลับมาหาเราภายใน 3 วัน” ประชาชนจึงจากไป

กษัตริย์เรโหโบอัมปรึกษากับบรรดาผู้สูงอายุที่เคยรับใช้ซาโลมอนบิดาของท่านเมื่อครั้งที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านถามว่า “พวกท่านจะแนะนำให้เราตอบประชาชนเหล่านี้อย่างไร” เขาเหล่านั้นตอบว่า “ถ้าท่านจะกระทำดีต่อประชาชนเหล่านี้ และทำให้พวกเขาพอใจ และพูดจาดีกับพวกเขา พวกเขาก็จะเป็นผู้รับใช้ของท่านตลอดไป” แต่ว่าท่านกลับไม่ใส่ใจในคำปรึกษาที่บรรดาผู้สูงอายุแนะนำ แต่กลับไปรับคำปรึกษาของบรรดาชายหนุ่มที่เป็นผู้รับใช้ซึ่งเติบโตมาด้วยกัน ท่านพูดกับพวกเขาว่า “ท่านจะแนะนำเราอย่างไร เราควรจะตอบประชาชนเหล่านี้อย่างไรดี พวกเขาพูดกับเราว่า ‘ขอให้ท่านช่วยผ่อนแอกที่บิดาของท่านให้พวกเราหามเบาลง’” 10 บรรดาชายหนุ่มที่ได้เติบโตมากับท่านตอบว่า “สำหรับประชาชนที่มาพูดกับท่านว่า ‘บิดาของท่านทำให้พวกเราต้องแบกแอกหนัก แต่ขอให้ท่านผ่อนหนักให้เบาลงเพื่อพวกเรา’ นั้น ท่านน่าจะพูดกับพวกเขาว่า ‘นิ้วก้อยของเราใหญ่กว่าต้นขาของบิดาของเรา 11 และบัดนี้ เมื่อบิดาของเราได้วางแอกหนักไว้กับท่าน เราจะทำให้แอกของท่านหนักยิ่งขึ้น บิดาของเราสั่งสอนท่านด้วยไม้เรียว แต่เราจะสั่งสอนท่านด้วยแมงป่อง’”

12 ดังนั้นเยโรโบอัมและประชาชนทั้งปวงจึงมาหาเรโหโบอัมในวันที่สาม ตามคำสั่งของกษัตริย์ที่ว่า “กลับมาหาเราภายใน 3 วัน” 13 และกษัตริย์ตอบพวกเขาอย่างแข็งกร้าว และไม่สนใจกับคำปรึกษาของบรรดาผู้สูงอายุ 14 กษัตริย์เรโหโบอัมพูดกับพวกเขา ตามคำปรึกษาของพวกชายหนุ่มว่า “บิดาของเราทำให้แอกของพวกท่านหนัก แต่เราจะทำให้แอกของท่านหนักยิ่งขึ้น บิดาของเราสั่งสอนท่านด้วยไม้เรียว แต่เราจะสั่งสอนท่านด้วยแมงป่อง” 15 ดังนั้นกษัตริย์ไม่ได้ฟังประชาชน เพราะว่าพระเจ้าประสงค์ให้เหตุการณ์เป็นไปอย่างนั้น เพื่อสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวแก่เยโรโบอัมบุตรเนบัทโดยผ่านทางอาหิยาห์ชาวชิโลห์ จะเกิดขึ้นตามคำกล่าวของพระองค์

อาณาจักรแตกแยก

16 ครั้นชาวอิสราเอลทั้งปวงเห็นว่ากษัตริย์ไม่ได้ฟังพวกเขา ประชาชนจึงตอบกษัตริย์ว่า “พวกเรามีส่วนร่วมอะไรด้วยกับดาวิดหรือ เราไม่ได้รับอะไรที่ตกทอดมาจากบุตรของเจสซี โอ อิสราเอลเอ๋ย แต่ละคนจงกลับไปยังกระโจมของตนเถิด บัดนี้ โอ ดาวิดเอ๋ย ดูแลพงศ์พันธุ์ของท่านไปเถิด” ดังนั้นชาวอิสราเอลจึงกลับไปยังกระโจมของตน 17 แต่เรโหโบอัมก็ปกครองลูกหลานของอิสราเอลที่อาศัยอยู่ในเมืองต่างๆ ของยูดาห์ 18 และกษัตริย์เรโหโบอัมให้ฮาโดรัมควบคุมพวกที่ถูกเกณฑ์มาทำงานหนัก ชาวอิสราเอลทั้งปวงก็ใช้หินขว้างเขาจนตาย กษัตริย์เรโหโบอัมจึงรีบขึ้นรถศึกของท่านหนีกลับไปยังเมืองเยรูซาเล็ม 19 ดังนั้นอิสราเอลจึงได้แข็งข้อต่อพงศ์พันธุ์ของดาวิดเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้

วิวรณ์ 1

ทักทายคริสตจักรทั้งเจ็ด

วิวรณ์[a]ของพระเยซูคริสต์ ที่พระเจ้าได้ให้แก่พระองค์ เพื่อแสดงต่อบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ในเรื่องต่างๆ ที่จะต้องเกิดขึ้นในไม่ช้า พระองค์โปรดให้ทราบ โดยส่งทูตสวรรค์ของพระองค์ไปแจ้งแก่ยอห์นผู้รับใช้ของพระองค์ ยอห์นได้ยืนยันถึงคำกล่าวของพระเจ้าและคำยืนยันของพระเยซูคริสต์ อันเป็นทุกสิ่งที่ท่านได้เห็น ผู้ที่อ่าน และทุกคนที่ได้ยินสิ่งซึ่งพระเจ้าเปิดเผยให้ทราบ อีกทั้งปฏิบัติตามเรื่องราวที่บันทึกไว้ในนี้ก็เป็นสุข เพราะเวลาใกล้เข้ามาแล้ว

ข้าพเจ้ายอห์น เรียนมายังคริสตจักรทั้งเจ็ดที่อยู่ในแคว้นเอเชียดังนี้

ขอท่านทั้งหลายได้รับพระคุณและสันติสุขจากพระองค์ผู้ดำรงอยู่ทั้งในปัจจุบัน ในอดีต และผู้ที่จะมาในอนาคต และจากพระวิญญาณทั้งเจ็ดที่อยู่เบื้องหน้าบัลลังก์ของพระองค์ และจากพระเยซูคริสต์พยานผู้รักษาคำมั่นสัญญา พระองค์เป็นผู้แรกที่ได้ฟื้นคืนชีวิตจากความตาย และเป็นผู้ที่ปกครองกษัตริย์ทั้งปวงบนแผ่นดินโลก

แด่พระองค์ผู้ที่รักเรา และปลดปล่อยเราให้พ้นจากบาปทั้งปวงของเราด้วยโลหิตของพระองค์ และพระองค์ได้แต่งตั้งเราไว้ให้เป็นอาณาจักรแห่งปุโรหิตทั้งหลาย เพื่อรับใช้พระเจ้าผู้เป็นพระบิดาของพระองค์ ขอพระบารมีและอานุภาพจงมีแด่พระองค์ชั่วนิรันดร์กาลเถิด อาเมน ดูเถิด พระองค์กำลังมาพร้อมกับหมู่เมฆ และนัยน์ตาทุกดวงจะเห็นพระองค์ แม้กระทั่งคนเหล่านั้นซึ่งเป็นผู้แทงพระองค์ และทุกเผ่าพันธุ์ในโลกจะครวญคร่ำร่ำไห้เพราะสำนึกผิดต่อพระองค์ แล้วก็จะเป็นไปตามนั้น อาเมน

พระผู้เป็นเจ้าดำรงอยู่ทั้งในปัจจุบัน ในอดีต และผู้ที่จะมาในอนาคต พระองค์เป็นพระเจ้าจอมโยธาผู้กล่าวว่า “เราเป็นอัลฟาและโอเมกา”[b]

ยอห์นเห็นบุตรมนุษย์

ข้าพเจ้าคือยอห์นพี่น้องของท่าน และเพื่อนร่วมทุกข์ทรมาน ร่วมอาณาจักร และร่วมความมานะอดทนในพระเยซู ข้าพเจ้าไปอยู่ที่เกาะปัทมอสก็เพราะคำกล่าวของพระเจ้าและคำยืนยันของพระเยซู 10 ในวันของพระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าอยู่ในฝ่ายวิญญาณ ข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังจากเบื้องหลังเหมือนเสียงแตร 11 กล่าวว่า “จงเขียนสิ่งที่เจ้าเห็นลงในหนังสือม้วน และส่งไปยังคริสตจักรทั้งเจ็ด คือคริสตจักรที่เมืองเอเฟซัส เมืองสเมอร์นา เมืองเปอร์กามัม เมืองธิยาทิรา เมืองซาร์ดิส เมืองฟีลาเดลเฟีย และเมืองเลาดีเซีย”

12 และข้าพเจ้าหันไปทางเสียงที่พูดกับข้าพเจ้า ครั้นแล้วก็เห็นคันประทีปทองคำ 7 คัน 13 และในท่ามกลางคันประทีปเหล่านั้น มีผู้หนึ่งเหมือนบุตรมนุษย์สวมเสื้อคลุมยาวถึงเท้า และคาดรัดประคดทองคำที่หน้าอก 14 ทั้งศีรษะและผมของพระองค์ขาวราวกับขนแกะสีขาวและขาวราวกับหิมะ และดวงตาของพระองค์ประกายกล้าดุจเปลวไฟ 15 และเท้าของพระองค์เป็นเหมือนทองสัมฤทธิ์อันมันปลาบที่ถูกหลอมในเตาไฟ และสุรเสียงของพระองค์ดังกึกก้องประดุจเสียงน้ำตก 16 พระองค์ถือดาว 7 ดวงไว้ในมือขวา และมีดาบสองคมอันคมกริบออกมาจากปากของพระองค์ และใบหน้าของพระองค์เป็นเหมือนดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงกล้า

17 เมื่อข้าพเจ้าเห็นพระองค์ ข้าพเจ้าก็หมอบลงที่แทบเท้าของพระองค์ อย่างคนตาย แล้วพระองค์ก็วางมือขวาบนตัวข้าพเจ้า และกล่าวว่า “อย่ากลัวเลย เราเป็นเบื้องต้นและเบื้องปลาย 18 เราเป็นผู้ดำรงชีวิตอยู่แม้ว่าเราได้ตายไปแล้ว และดูเถิด เรามีชีวิตชั่วนิรันดร์กาล เราเป็นผู้ถือกุญแจแห่งความตายและแดนคนตาย 19 ฉะนั้นจงเขียนสิ่งที่เจ้าได้เห็นแล้ว คืออะไรก็ตามที่เกิดขึ้นทั้งในปัจจุบัน และจะเกิดขึ้นหลังจากสิ่งเหล่านี้ 20 ความลึกลับซับซ้อนของดาว 7 ดวงที่เจ้าเห็นในมือขวาของเรา กับคันประทีปทองคำ 7 คัน ก็คือ ดาว 7 ดวงคือทูตสวรรค์ของคริสตจักรทั้งเจ็ด และคันประทีป 7 คันคือคริสตจักรทั้งเจ็ด

เศฟันยาห์ 2

การลงโทษศัตรูของยูดาห์

โอ ประชาชาติที่ไร้ความละอาย
    จงร่วมชุมนุมกัน ร่วมชุมนุมกัน
ก่อนที่วันจะล่วงไปอย่างแกลบ
    ก่อนที่ความกริ้วอันร้อนแรงของพระผู้เป็นเจ้าจะพลุ่งขึ้น
    ต่อพวกท่าน
ก่อนที่วันแห่งความกริ้วของพระผู้เป็นเจ้า
    จะมาถึงท่าน
จงแสวงหาพระผู้เป็นเจ้า พวกท่านทุกคนในแผ่นดินที่ถ่อมตัว
    พวกท่านที่กระทำตามคำบัญชาของพระองค์
จงแสวงหาความชอบธรรม แสวงหาความอ่อนโยน
    พวกท่านอาจจะได้หลบภัยในวัน
    แห่งความกริ้วของพระผู้เป็นเจ้า
เพราะเมืองกาซาจะถูกปล่อยทิ้งไว้
    และเมืองอัชเคโลนกลายเป็นสถานที่ร้าง
ตอนกลางวันแสกๆ เมืองอัชโดดจะไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่
    เมืองเอโครนล่มสลาย

วิบัติเกิดแก่บรรดาผู้อาศัยอยู่ริมฝั่งทะเล
    โอ ประชาชาติของชาวเคเรธเอ๋ย
คำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าคัดค้านพวกท่านดังนี้
    โอ คานาอันเอ๋ย แผ่นดินของชาวฟีลิสเตียเอ๋ย
“เราจะทำให้เจ้าพินาศ
    และจะไม่มีใครสักคนเหลืออยู่เลย”
แผ่นดินที่ริมฝั่งทะเลอันเป็นที่ชาวเคเรธอาศัยอยู่
    จะเป็นทุ่งหญ้าสำหรับบรรดาผู้เลี้ยงดูฝูงแกะ
    และสำหรับฝูงแกะ
ดินแดนนั้นจะเป็นของผู้ที่มีชีวิตเหลืออยู่
    ของพงศ์พันธุ์ยูดาห์
    พวกเขาจะพบทุ่งหญ้าที่นั่น
ในเวลาเย็น พวกเขาจะนอนพัก
    ในบ้านเรือนของเมืองอัชเคโลน
พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเขาจะดูแลพวกเขา
    พระองค์จะทำให้ความอุดมสมบูรณ์ของเขาคืนสู่สภาพเดิม

“เราได้ยินคำดูหมิ่นของโมอับ
    และคำถากถางของชาวอัมโมน
ซึ่งดูหมิ่นชนชาติของเรา
    และคุยโวข่มอาณาเขตของพวกเขา”

ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา พระเจ้าของอิสราเอลประกาศดังนี้

“ตราบที่เรามีชีวิตอยู่ฉันใด โมอับจะเป็นเหมือนโสโดม
    และอัมโมนจะเป็นเหมือนโกโมราห์[a]
แผ่นดินซึ่งมีแต่ต้นตำแยและบ่อเกลือ
    และเป็นที่รกร้างตลอดไป
ชนชาติที่เหลือของเราที่ยังมีชีวิตอยู่
    จะปล้นระดมพวกเขา
และบรรดาผู้มีชีวิตรอดของประชาชาติของเรา
    จะยึดดินแดนพวกนั้นไว้”
10 นี่คือสิ่งที่พวกเขาจะได้รับคืน
    สำหรับความยโสของพวกเขา
เพราะพวกเขาดูหมิ่นและคุยโวข่ม
    ชนชาติของพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา
11 พระผู้เป็นเจ้าจะเป็นที่น่าเกรงขามสำหรับพวกเขา
    เพราะพระองค์จะทำลายเทพเจ้าทั้งปวงของแผ่นดิน
ทุกคนจะก้มลงกราบพระองค์จากที่ของตน
    ในแผ่นดินของบรรดาประชาชาติ

12 “โอ ชาวคูชเอ๋ย เจ้าด้วยที่จะถูกสังหาร
    ด้วยดาบของเรา”

13 และพระองค์จะยื่นมือของพระองค์ออก
    เพื่อลงโทษแผ่นดินทางทิศเหนือ
    และทำอัสซีเรียให้พินาศ
และพระองค์จะทำให้นีนะเวห์เป็นที่รกร้าง
    แห้งแล้งอย่างถิ่นทุรกันดาร
14 ฝูงแพะแกะและโคจะนอนอยู่ในนั้น
    สัตว์ป่าทุกชนิดของประชาชาติ
นกกระทุงและเม่น
    จะทำรังอยู่ตามเสาหลัก
เสียงกู่ร้องที่หน้าต่าง
    สิ่งที่พังพินาศจะอยู่ที่ธรณีประตู
    และจะมองเห็นคานไม้ซีดาร์
15 นี่เป็นเมืองที่อยู่กันอย่างสบายๆ
    และปลอดภัย
ซึ่งนึกในใจดังนี้ว่า
    “เราเป็นอยู่ และไม่มีผู้อื่นใดนอกจากเรา”
นางได้กลายเป็นที่รกร้างอะไรเช่นนี้
    เป็นที่อยู่ของบรรดาสัตว์ป่า
คนทั้งหลายที่เดินผ่านนางไป
    ก็เย้ยหยันและยกกำปั้นขึ้น[b]

ลูกา 24

การฟื้นคืนชีวิต

24 รุ่งอรุณวันแรกของสัปดาห์ พวกผู้หญิงก็นำเครื่องหอมที่ได้เตรียมไว้ไปยังถ้ำเก็บศพ พวกนางพบว่า หินได้กลิ้งพ้นจากทางเข้าถ้ำเก็บศพแล้ว แต่เมื่อได้เข้าไปข้างในก็ไม่พบร่างของพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้า ขณะที่กำลังฉงนใจอยู่ ในทันใดนั้นก็มีชาย 2 คนยืนอยู่ข้างๆ มีเสื้อผ้าอันเป็นประกายเจิดจ้า นางเหล่านั้นตกใจและก้มหน้าลงซบพื้น ชายทั้งสองพูดขึ้นว่า “ทำไมพวกท่านจึงแสวงหาคนเป็นในเหล่าคนตาย พระองค์ไม่อยู่ที่นี่ เพราะได้ฟื้นคืนชีวิตแล้ว จงระลึกถึงสิ่งที่พระองค์กล่าวไว้กับท่านขณะที่ยังอยู่กับท่านในแคว้นกาลิลี บุตรมนุษย์จะต้องตกอยู่ในมือของพวกคนบาป จะถูกตรึงบนไม้กางเขน และในวันที่สามจะฟื้นคืนชีวิตอีก’” หญิงเหล่านั้นจึงระลึกถึงคำพูดของพระองค์ได้ เมื่อพวกเขากลับจากถ้ำเก็บศพก็ได้เล่าให้อัครทูตทั้งสิบเอ็ดและผู้ติดตามทั้งปวงฟังด้วย 10 ผู้ที่บอกเหตุการณ์นี้กับพวกอัครทูตคือ มารีย์ชาวมักดาลา โยอันนา มารีย์มารดาของยากอบ และหญิงอื่นๆ ที่อยู่กับพวกเขา 11 แต่พวกเขาไม่เชื่อและคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล 12 อย่างไรก็ตาม เปโตรได้ลุกขึ้นวิ่งไปยังถ้ำเก็บศพ และขณะที่ก้มมองดูข้างใน เขาก็เห็นริ้วผ้าป่านวางแยกไว้ แล้วเปโตรก็เดินจากไป คิดฉงนถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

ระหว่างทางไปยังหมู่บ้านเอมมาอูส

13 ในวันเดียวกันนั้นเองสาวก 2 คนได้เดินทางไปยังหมู่บ้าน ชื่อเอมมาอูสซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเยรูซาเล็ม 11 กิโลเมตร 14 เขาทั้งสองกำลังคุยกันเกี่ยวกับทุกสิ่งที่ได้เกิดขึ้น 15 ขณะที่คุยโต้ตอบกันอยู่ พระเยซูเองเดินเข้ามาใกล้และร่วมเดินทางไปด้วยกัน 16 แต่ด้วยเหตุผลอย่างใดอย่างหนึ่ง เขาทั้งสองจำพระองค์ไม่ได้ 17 พระองค์ถามว่า “ท่านเดินคุยอะไรกันอยู่” เขาทั้งสองหยุดยืนนิ่งหน้าสลด 18 คนที่ชื่อเคลโอปัสถามพระองค์ว่า “ท่านเป็นผู้เยี่ยมเยียนเมืองเยรูซาเล็มเพียงผู้เดียวเท่านั้นหรือที่ไม่ทราบถึงสิ่งที่ได้เกิดขึ้นที่นั่น” 19 พระองค์ถามว่า “สิ่งใด” เขาตอบว่า “เกี่ยวกับพระเยซูแห่งเมืองนาซาเร็ธ พระองค์เป็นผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าผู้มีอานุภาพทั้งวาจาและการกระทำต่อหน้าพระเจ้าและคนทั่วไป 20 พวกมหาปุโรหิตและพวกที่อยู่ในระดับปกครองของเราได้มอบพระองค์ไปให้ประหาร แล้วเขาทั้งหลายก็ตรึงพระองค์บนไม้กางเขน 21 พวกเราได้แต่หวังว่าพระองค์เป็นผู้ที่จะไถ่อิสราเอล และยิ่งไปกว่านั้น นี่ก็เป็นวันที่สามตั้งแต่สิ่งเหล่านี้ได้เกิดขึ้น 22 อีกอย่างคือพวกผู้หญิงบางคนในหมู่เราทำให้เราแปลกใจที่วันนี้เขาไปยังถ้ำเก็บศพกันแต่เช้าตรู่ 23 แต่ก็ไม่พบร่างของพระองค์ แล้วยังมาบอกพวกเราว่า ได้เห็นเหล่าทูตสวรรค์ในภาพนิมิต แจ้งการคืนชีวิตของพระเยซู 24 เพื่อนของเราบางคนได้ไปที่ถ้ำเก็บศพก็เห็นว่าเป็นจริงตามที่พวกผู้หญิงได้พูดไว้ คือไม่เห็นพระองค์” 25 พระเยซูกล่าวกับเขาทั้งสองว่า “เจ้าคนเขลา เจ้าช่างเชื่อยากนักกับสิ่งทั้งปวงที่บรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าได้พูดไว้ 26 จำเป็นไม่ใช่หรือ ที่พระคริสต์จะต้องทนทุกข์ทรมานกับสิ่งเหล่านี้ แล้วจึงเข้าสู่พระบารมีของพระองค์” 27 พระองค์จึงได้อธิบายให้พวกเขาฟังสิ่งที่พระคัมภีร์ระบุไว้เกี่ยวกับพระองค์โดยทั่ว โดยเริ่มจากฉบับที่โมเสสบันทึกไว้ อีกทั้งฉบับของผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าทุกท่าน

28 เมื่อจวนจะถึงหมู่บ้านที่กำลังจะไป พระเยซูแสดงทีท่าว่าจะเดินทางต่อไปอีก 29 แต่เขาได้คะยั้นคะยอพระองค์ว่า “อยู่กับพวกเราเถิด นี่ก็จวนค่ำแล้ว ตะวันจวนจะตกแล้ว” พระองค์จึงเข้าไปพักอยู่กับพวกเขา 30 เมื่อพระเยซูเอนกายลงรับประทานกับเขาทั้งสอง พระองค์ได้หยิบขนมปัง แล้วกล่าวขอบคุณพระเจ้า บิและยื่นให้แก่เขา 31 เขาก็รู้แจ้งและจำพระองค์ได้ แล้วพระองค์ก็หายร่างไปจากสายตาของเขา 32 พวกเขาต่างก็ถามกันและกันว่า “ใจของพวกเราไม่เร่าร้อนกันบ้างหรือ ขณะที่พระองค์พูดกับเราที่ถนน และอธิบายความหมายในพระคัมภีร์ให้เราฟัง” 33 เขาทั้งสองลุกขึ้น แล้วก็กลับไปยังเมืองเยรูซาเล็มทันที และได้พบกับอัครทูตทั้งสิบเอ็ดและคนอื่นๆ ร่วมประชุมอยู่ด้วยที่นั่น 34 พวกเขาพูดกันว่า “พระเยซูเจ้าฟื้นคืนชีวิตแล้วจริงๆ และได้ปรากฏแก่ซีโมน” 35 แล้ว 2 คนนั้นก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง ว่าพวกเขาจำพระองค์ได้ ก็ตอนที่พระองค์บิขนมปังนั่นเอง

พระเยซูปรากฏแก่สาวก

36 ขณะที่เขาเหล่านั้นกำลังพูดกันอยู่ พระเยซูก็ยืนอยู่ท่ามกลางพวกเขาและกล่าวว่า “สันติสุขจงอยู่กับเจ้า” 37 พวกเขาตกใจกลัวคิดว่าเป็นผี 38 พระองค์กล่าวขึ้นว่า “ทำไมพวกเจ้าจึงคิดกังวลและมีความสงสัยอยู่ในใจ 39 ดูมือและเท้าของเราสิ นี่เป็นตัวเราเอง แตะต้องตัวเราดู ผีไม่มีเนื้อหนังและกระดูกเหมือนที่เห็น” 40 พระองค์กล่าวจบแล้วก็ให้พวกเขาดูมือและเท้าของพระองค์ 41 เขาเหล่านั้นก็ยังไม่เชื่อ แต่ก็ยังรู้สึกยินดี อีกทั้งประหลาดใจอยู่ พระองค์ก็ถามเขาว่า “เจ้ามีอะไรรับประทานที่นี่บ้างไหม” 42 เขาทั้งหลายให้ปลาย่างชิ้นหนึ่งแก่พระองค์ 43 พระองค์ก็รับประทานต่อหน้าพวกเขา

44 พระเยซูกล่าวกับพวกเขาว่า “สิ่งที่เราได้บอกเจ้าไว้ขณะที่เรายังอยู่กับเจ้าก็คือ ทุกสิ่งที่เขียนไว้เกี่ยวกับเราในหมวดกฎบัญญัติของโมเสส หมวดผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า และหมวดสดุดี จะเกิดขึ้นสำเร็จตามนั้น”[a] 45 ครั้นแล้วพระองค์ก็ทำให้เขาเหล่านั้นเข้าใจถึงพระคัมภีร์ 46 และพระองค์กล่าวว่า “นี่คือสิ่งที่บันทึกไว้ พระคริสต์จะทนทุกข์ทรมานและฟื้นคืนชีวิตจากความตายในวันที่สาม 47 การกลับใจและการยกโทษบาปจะถูกประกาศแก่ชนทุกชาติในพระนามของพระองค์ เริ่มจากเมืองเยรูซาเล็ม 48 พวกเจ้าเป็นพยานของสิ่งเหล่านี้ 49 เรากำลังจะส่งคำมั่นสัญญาซึ่งพระบิดาของเราได้ให้ไว้สำหรับพวกเจ้า แต่จงอยู่ในตัวเมืองจนกว่าเจ้าจะพร้อมด้วยอานุภาพจากเบื้องบน”

50 พระองค์นำพวกเขาออกไปยังใกล้เขตหมู่บ้านเบธานีแล้วยกมือขึ้นอำนวยพรให้ 51 ขณะที่อำนวยพรพวกเขา พระองค์ก็จากไป และถูกรับขึ้นสู่สวรรค์ 52 เขาทั้งหลายนมัสการพระองค์และกลับไปยังเมืองเยรูซาเล็มด้วยความยินดียิ่ง 53 และอยู่ที่พระวิหารเรื่อยไป และสรรเสริญพระเจ้า

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation