M’Cheyne Bible Reading Plan
ไฟจากสวรรค์
7 ทันทีที่ซาโลมอนอธิษฐานจบ ก็มีไฟลงมาจากสวรรค์ และเผาไหม้สัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายและเครื่องสักการะ และพระบารมีของพระผู้เป็นเจ้าปรากฏขึ้นในพระตำหนัก 2 บรรดาปุโรหิตไม่สามารถเข้าไปในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า เพราะพระบารมีของพระผู้เป็นเจ้าปรากฏขึ้นในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 3 เมื่อประชาชนอิสราเอลเห็นไฟลงมา และพระบารมีของพระผู้เป็นเจ้าสถิตบนพระตำหนัก พวกเขาก็ซบหน้าลงกับพื้น นมัสการและสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าว่า “เพราะพระองค์ประเสริฐ เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล”
การถวายพระตำหนัก
4 จากนั้นกษัตริย์และประชาชนทั้งปวงก็ถวายเครื่องสักการะ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า 5 กษัตริย์ซาโลมอนถวายโค 22,000 ตัว และแกะ 120,000 ตัว เท่ากับว่ากษัตริย์และประชาชนทั้งปวงได้ถวายพระตำหนักของพระเจ้าแล้ว 6 บรรดาปุโรหิตต่างก็ยืนที่ตำแหน่งของตน ชาวเลวีก็เช่นกัน พร้อมด้วยเครื่องดนตรีเพื่อถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า กษัตริย์ดาวิดได้สร้างเครื่องดนตรี เพื่อใช้ในการสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล บรรดาปุโรหิตยืนเป่าแตรยาวอยู่ฝั่งตรงข้ามกับชาวเลวี และอิสราเอลทั้งปวงก็ยืนขึ้น
7 ซาโลมอนทำพิธีชำระให้ส่วนกลางของลานที่อยู่หน้าพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าบริสุทธิ์ เพราะท่านได้มอบสัตว์ที่เผาเป็นของถวายและไขมันจากของถวายเพื่อสามัคคีธรรม เนื่องจากแท่นบูชาทองสัมฤทธิ์ที่ซาโลมอนสร้างไว้แล้ว ไม่ใหญ่พอสำหรับบรรจุสัตว์ที่เผาเป็นของถวายและเครื่องธัญญบูชาและไขมันได้
8 ในเวลานั้นซาโลมอนฉลองเทศกาลนานถึง 7 วันร่วมกับอิสราเอลทั้งปวง มีผู้ร่วมงานด้วยเป็นจำนวนมากจากบริเวณใกล้เลโบฮามัทไปจนถึงธารน้ำของอียิปต์ 9 ในวันที่แปด เขาทั้งหลายมีประชุม เพราะได้ถวายแท่นบูชา 7 วัน และงานเทศกาล 7 วัน 10 ในวันที่ยี่สิบสามของเดือนเจ็ด ซาโลมอนให้ประชาชนกลับบ้านไป ด้วยความยินดีและใจเปรมปรีดิ์ที่พระผู้เป็นเจ้าได้กระทำสิ่งดีๆ แก่ดาวิดและซาโลมอน และแก่อิสราเอลชนชาติของพระองค์
ถ้าประชาชนของเราอธิษฐาน
11 เมื่อซาโลมอนสร้างพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และวังของกษัตริย์เสร็จสิ้น ท่านกระทำทุกสิ่งที่ได้วางแผนจะกระทำสำหรับพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และสำหรับวังของท่านเองด้วยความสำเร็จทุกประการ 12 ครั้นแล้วพระผู้เป็นเจ้าก็ปรากฏแก่ซาโลมอนในเวลากลางคืน และกล่าวกับท่านว่า “เราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้า และเราได้เลือกสถานที่นี้สำหรับเรา เพื่อเป็นตำหนักสำหรับเครื่องสักการะบูชา 13 เมื่อเราปิดท้องฟ้า ไม่เอื้อฝน หรือสั่งให้ตั๊กแตนมากินพืชจนเกลี้ยงแผ่นดิน หรือให้ประชาชนประสบกับโรคระบาด 14 ถ้าประชาชนของเรา ซึ่งได้รับเรียกว่าเป็นคนของเรา จะถ่อมตัว อธิษฐาน แสวงหาเรา และหันไปจากหนทางที่ชั่วร้าย เราก็จะฟังจากสวรรค์ และจะให้อภัยบาปของพวกเขา และรักษาทั่วทั้งแผ่นดินให้ดีดังเดิม 15 บัดนี้ เราจะเฝ้าดู และจะตั้งใจฟังคำอธิษฐานที่กล่าวในที่นี้ 16 เพราะว่าบัดนี้เราได้เลือกและทำให้ตำหนักนี้บริสุทธิ์ เพื่อนามของเราจะเป็นที่ยกย่องที่นั่นตลอดกาล เราจะเฝ้าดูและระลึกถึงอยู่ที่นั่นตลอดไป 17 ส่วนตัวเจ้าเอง ถ้าหากว่าเจ้าดำเนินตามแบบอย่างของดาวิดบิดาของเจ้า ณ เบื้องหน้าเรา กระทำตามทุกสิ่งที่เราได้บัญชาเจ้าแล้ว โดยรักษากฎเกณฑ์และคำบัญชาของเรา 18 แล้วเราจะสถาปนาบัลลังก์ของเจ้า ดังที่เราได้มีพันธสัญญากับดาวิดบิดาของเจ้าว่า ‘เจ้าจะไม่ขาดคนที่จะปกครองอิสราเอล’[a]
19 แต่ถ้าเจ้าหันเหไป และไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และคำบัญญัติของเรา ที่เราได้ตั้งไว้ให้เจ้า เจ้าไปบูชาบรรดาเทพเจ้า และนมัสการสิ่งเหล่านั้น 20 เราก็จะถอนเจ้าออกไปจากแผ่นดินของเราที่เราได้มอบให้แก่พวกเขา และตำหนักที่เราได้ทำให้บริสุทธิ์เพื่อเป็นที่ยกย่องนามของเรานั้น เราจะทำให้พ้นไปจากสายตาของเรา และเราจะทำให้อิสราเอลเป็นดั่งคำเปรียบเปรยในสุภาษิต และเป็นที่หัวเราะเยาะของชนชาติทั้งปวง 21 ตำหนักนี้ที่เคยเป็นที่ยกย่อง จะกลับทำให้ทุกคนที่ผ่านมาตกตะลึง และจะพูดว่า ‘ทำไมพระผู้เป็นเจ้าจึงได้กระทำอย่างนี้ต่อแผ่นดินนี้และต่อพระตำหนักนี้’ 22 แล้วพวกเขาก็จะพูดว่า ‘เพราะว่าพวกเขาทอดทิ้งพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา ผู้นำพวกเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์ แล้วพวกเขาก็หันไปเชื่อบรรดาเทพเจ้า จนถึงกับนมัสการและบูชาสิ่งเหล่านั้น ฉะนั้นพระผู้เป็นเจ้าจึงให้ความวิบัติเกิดขึ้นกับพวกเขา’”
การทักทายของยอห์น
1 ข้าพเจ้าผู้ปกครอง
เรียน ท่านสุภาพสตรีที่พระเจ้าได้เลือกไว้ และลูกๆ ของเธอผู้ซึ่งข้าพเจ้ารักในความจริง[a] ไม่เพียงข้าพเจ้าเท่านั้น แต่ทุกคนที่รู้ถึงความจริงด้วย 2 เพราะความจริงดำรงอยู่ในตัวเรา และจะอยู่กับเราไปตลอดกาล
3 พระคุณ พระเมตตา และสันติสุขจากพระเจ้า ผู้เป็นพระบิดา และจากพระเยซูคริสต์ ผู้เป็นพระบุตรของพระบิดา จะอยู่กับเราในความจริงและในความรัก
ความจริงและความรัก
4 ข้าพเจ้ายินดีอย่างยิ่งที่ได้ทราบว่าลูกของท่านบางคนดำเนินชีวิตตามความจริง ตามที่พระบิดาได้สั่งเราไว้ 5 ท่านสุภาพสตรี บัดนี้ข้าพเจ้าไม่ได้เขียนถึงท่านเกี่ยวกับข้อบัญญัติใหม่ แต่เป็นข้อบัญญัติที่เรามีมาแต่แรกเริ่ม คือข้าพเจ้าขอให้เรารักซึ่งกันและกัน 6 และความรักนี้ก็คือ การที่เราดำเนินชีวิตตามพระบัญญัติของพระองค์ ดังที่ท่านได้ยินมาแต่แรกเริ่ม ข้อบัญญัตินี้คือท่านดำเนินชีวิตในความรัก
7 มีผู้ล่อลวงมากมายอยู่ในโลกแล้ว คือเป็นพวกที่ไม่ยอมรับว่า พระเยซูคริสต์ได้มาในร่างกายซึ่งเป็นมนุษย์ คนประเภทนี้เป็นผู้ล่อลวงและเป็นศัตรูของพระคริสต์ 8 จงระวังว่าท่านไม่สูญเสียแรงที่ทำลงไป แต่จะได้รับรางวัลอย่างบริบูรณ์ 9 ทุกคนที่ล่วงล้ำเกินขอบเขต และไม่ดำรงอยู่ในคำสั่งสอนของพระคริสต์ คือพวกที่ไม่มีพระเจ้า ผู้ที่ดำรงอยู่ในคำสั่งสอน คือผู้ที่มีทั้งพระบิดาและพระบุตร 10 ถ้าหากว่ามีผู้ใดมาหาท่าน โดยไม่นำคำสั่งสอนนี้มา ก็อย่ารับเขาเข้าบ้าน หรือทักทายเขา 11 ผู้ที่ทักทายเขาก็มีส่วนร่วมในงานอันชั่วร้ายของเขา
คำลงท้าย
12 มีอีกหลายเรื่องที่ข้าพเจ้าอยากจะเขียนถึงท่าน มิใช่ด้วยการใช้กระดาษและน้ำหมึก แต่ข้าพเจ้าหวังว่าจะมาพูดกับท่านต่อหน้า เพื่อเราจะได้มีความยินดีอย่างเต็มเปี่ยม
13 บรรดาบุตรของน้องสาวของท่านที่พระองค์เลือกไว้แล้ว ได้ฝากความระลึกถึงมายังท่าน
2 ข้าพเจ้าจะคอยเฝ้าไว้
และประจำอยู่ในที่คุ้มกันอันแข็งแกร่ง
ข้าพเจ้าจะดูว่า พระองค์จะพูดอย่างไรกับข้าพเจ้า
และข้าพเจ้าจะตอบอย่างไรเกี่ยวกับการพร่ำบ่นในครั้งนี้
ผู้มีความชอบธรรมจะมีชีวิตได้โดยความเชื่อ
2 พระผู้เป็นเจ้าจึงตอบดังนี้
“จงบันทึกภาพนิมิต
เขียนให้ชัดเจนบนแผ่นศิลา
เพื่อคนประกาศจะอ่านได้โดยง่าย
3 เพราะภาพนิมิตยังรอให้ถึงกำหนดเวลา
ภาพนิมิตพูดถึงบั้นปลาย
จะพิสูจน์ได้ว่าไม่ใช่ความเท็จ
แม้จะดูเหมือนว่าเชื่องช้า แต่จงรอ
สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
และจะไม่ล่าช้า
4 เห็นไหมล่ะ เขาหยิ่งผยอง
จิตใจของเขาไม่เที่ยงธรรม
แต่ผู้มีความชอบธรรมจะมีชีวิตได้โดย
ความเชื่อของเขา[a]
5 จริงทีเดียว เหล้าองุ่นทรยศเขา
เขาเย่อหยิ่งและไม่เคยสงบนิ่ง
เพราะความโลภของเขาเปิดกว้างอย่างแดนคนตาย
และเป็นเหมือนความตายที่ไม่มีวันพึงพอใจ
เขารวบรวมประชาชาติทั้งปวงมาเป็นของเขาเอง
และจับชนชาติทั้งปวงไปเป็นเชลย
6 คนทั้งหลายจะไม่ถากถางเขาด้วยการหัวเราะเยาะและดูหมิ่นดังนี้หรือว่า
‘วิบัติจงเกิดแก่คนที่สะสมสิ่งที่ไม่ได้เป็นของเขา
และกอบโกยความมั่งมีให้แก่ตนเองด้วยการบีบคั้น
จะเป็นอย่างนี้ไปอีกนานเพียงไร’
7 บรรดาเจ้าหนี้ของเจ้าจะไม่ลุกขึ้นมาอย่างฉับพลันหรอกหรือ
พวกเขาจะไม่ตื่นขึ้นและทำให้เจ้าสั่นสะท้านหรือ
แล้วเจ้าก็จะกลายเป็นเหยื่อของพวกเขา
8 เพราะเจ้าได้ปล้นระดมประชาชาติจำนวนมาก
บรรดาชนชาติที่เหลืออยู่จะปล้นระดมเจ้า
เพราะการนองเลือดและความรุนแรงที่เจ้าได้กระทำแก่แผ่นดิน
แก่เมืองต่างๆ และแก่ชาวเมืองทั้งหลาย
9 วิบัติจงเกิดแก่คนที่สร้างคฤหาสน์ของเขาซึ่งได้มาจากผลประโยชน์ที่ไร้คุณธรรม
เพื่อตั้งที่อยู่ของเขาไว้บนที่สูง
เพื่อหนีให้พ้นจากความพินาศ
10 อุบายของเจ้าได้นำความอับอายสู่คฤหาสน์ของเจ้า
และทำให้ชนชาติจำนวนมากพินาศ
จนถึงกับทำลายชีวิตของเจ้าเอง
11 กำแพงหินจะส่งเสียงร้อง
และคานไม้จะสะท้อนตอบเสียงนั้น
12 วิบัติจงเกิดแก่คนที่สร้างเมืองด้วยการนองเลือด
และก่อสร้างเมืองด้วยความชั่วร้าย
13 ดูเถิด ไม่ใช่พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาหรอกหรือที่ตัดสินว่า
แรงงานของบรรดาชนชาติกลับกลายเป็นเชื้อเพลิง
และบรรดาประชาชาติก็เหนื่อยล้าไปโดยเปล่าประโยชน์
14 เพราะแผ่นดินโลกจะบริบูรณ์
ด้วยความรู้แห่งพระบารมีของพระผู้เป็นเจ้า เหมือนน้ำที่เต็มทะเล
15 วิบัติจงเกิดแก่คนที่ให้บรรดาเพื่อนบ้านดื่ม
เทเหล้าจากถุงบรรจุเหล้าองุ่นจนทำให้พวกเขาเมามาย
เพื่อจะได้มองดูร่างกายที่เปลือยเปล่าของพวกเขา
16 เจ้าจะได้รับความอับอายแทนสง่าราศี
คราวนี้เป็นเวลาของเจ้า จงดื่มและเปลือยเปล่า
ถ้วยจากมือขวาของพระผู้เป็นเจ้า
กำลังเวียนมาถึงตัวเจ้า
และความอัปยศจะปกคลุมสง่าราศีของเจ้า
17 ความรุนแรงที่เจ้าได้กระทำแก่เลบานอนจะเกิดขึ้นกับเจ้าเช่นเดียวกันอย่างท่วมท้น
และเจ้าทำให้สัตว์วอดวายเช่นไรเจ้าก็จะต้องหวาดหวั่นเช่นนั้น
เพราะการนองเลือด และความรุนแรงที่เจ้าได้กระทำต่อแผ่นดิน
ต่อเมืองต่างๆ และต่อชาวเมืองทั้งหลาย
18 รูปเคารพมีค่าอะไรในเมื่อมีคนแกะสลักมันขึ้นมา
หรือรูปบูชาที่สอนความเท็จ
เพราะคนที่ทำมันขึ้นมาวางใจในสิ่งที่ตนสร้างขึ้น
เขาทำรูปเคารพซึ่งไม่สามารถพูดได้
19 วิบัติแก่คนที่พูดกับสิ่งที่เป็นไม้ว่า
‘จงมีชีวิตขึ้นมา’
หรือพูดกับหินซึ่งไม่มีชีวิตว่า
‘จงลุกขึ้นเถิด’
มันให้คำแนะนำได้หรือ
มันถูกแปะด้วยทองคำและเงิน
มันไม่มีลมหายใจ
20 แต่พระผู้เป็นเจ้าสถิตอยู่ในพระวิหารอันบริสุทธิ์ของพระองค์
ให้ทั่วแผ่นดินโลกนิ่งเงียบ ณ เบื้องหน้าพระองค์”
หญิงม่ายผู้ยากไร้ถวายเงิน
21 ขณะที่พระองค์เงยหน้าขึ้นก็เห็นพวกคนมั่งมีกำลังถวายเงินในตู้ถวาย 2 พระองค์เห็นหญิงม่ายผู้ยากไร้คนหนึ่งถวายเหรียญทองแดง 2 เหรียญด้วย 3 พระองค์กล่าวว่า “เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า หญิงม่ายผู้ยากไร้คนนี้ถวายเงินมากกว่าคนทั้งปวงเสียอีก 4 เพราะเขาทุกคนได้ให้จากเงินเหลือใช้ของเขา แต่ถึงแม้ว่านางจะขัดสน นางก็ยังถวายทุกสตางค์ที่เก็บไว้สำหรับเลี้ยงตนเอง”
ใครจะหยั่งรู้อนาคต
5 ขณะที่สาวกบางคนกำลังกล่าวชื่นชมพระวิหารที่ตกแต่งด้วยหินและวัตถุที่คนถวายแด่พระเจ้าอย่างสวยงาม พระเยซูก็กล่าวว่า 6 “สิ่งซึ่งเจ้าเห็นกันอยู่นี้ สักวันหนึ่งจะถึงเวลาที่ไม่มีหินก้อนใดซึ่งวางทับซ้อนกันอยู่ที่นี่จะรอดจากการทำลายไปได้”[a] 7 เขาทั้งหลายถามว่า “อาจารย์ เมื่อไหร่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น และปรากฏการณ์สำคัญอันใดที่จะบ่งบอกให้รู้ว่า สิ่งเหล่านี้ใกล้จะเกิดขึ้น” 8 พระองค์ตอบว่า “จงระวัง อย่าให้ผู้ใดชักจูงเจ้าไปในทางที่ผิด เพราะว่าจะมีคนจำนวนมากมากล่าวอ้างนามของเราโดยว่า ‘เราเป็นผู้นั้น’ และ ‘ใกล้เวลานั้นแล้ว’ ก็อย่าตามพวกเขาไป 9 เมื่อเจ้าได้ยินถึงการสงครามต่างๆ และการปฏิวัติ ก็อย่าตกใจกลัว สิ่งเหล่านี้ต้องเกิดขึ้นก่อน แต่การสิ้นสุดจะยังไม่เกิดขึ้นในทันที”
10 แล้วพระองค์กล่าวกับคนเหล่านั้นว่า “ประเทศชาติต่างๆ จะต่อสู้กัน และอาณาจักรต่างๆ จะต่อสู้กัน 11 จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่มากมาย มีความอดอยาก โรคระบาดในที่ต่างๆ เหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัว และปรากฏการณ์อัศจรรย์ยิ่งใหญ่ต่างๆ จากสวรรค์ 12 แต่ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ พวกเขาจะจับกุมและข่มเหงเจ้า มอบตัวเจ้าไปยังศาลาที่ประชุมและที่คุมขัง เจ้าจะถูกนำไปยืนต่อหน้าบรรดากษัตริย์และผู้ว่าราชการ เหตุเพราะชื่อของเรา 13 ผลที่เกิดขึ้นคือ เจ้าจะเป็นพยานแก่พวกเขา 14 แต่จงตัดสินใจที่จะไม่กังวลล่วงหน้าว่าจะแก้คดีอย่างไร 15 เพราะว่าเราจะมอบคำพูดและปัญญาซึ่งไม่มีศัตรูคนใดต่อต้านหรือโต้แย้งได้ 16 แม้แต่พ่อแม่ ญาติพี่น้อง และสหายจะส่งตัวเจ้าไป พวกเขาจะทำให้พวกเจ้าบางคนถึงแก่ชีวิตได้ 17 คนทั้งปวงจะเกลียดชังเจ้า เหตุเพราะชื่อของเรา 18 แต่ว่าจะไม่มีใครแตะต้องผมของเจ้าได้แม้เพียงเส้นเดียว 19 จงยืนหยัดและเจ้าจะได้ชีวิต
20 เมื่อเจ้าเห็นว่าเมืองเยรูซาเล็มถูกล้อมด้วยกองทหาร จงรู้ว่าความหายนะใกล้เข้ามาแล้ว 21 เวลานั้นจงปล่อยให้ผู้คนในแคว้นยูเดียหนีไปยังแถบภูเขา ปล่อยพวกที่อยู่ในตัวเมืองให้ออกไป และอย่าให้พวกที่อยู่ในชนบทเข้าไปในตัวเมือง 22 เพราะว่านี่เป็นเวลาลงโทษ เพื่อจะได้ให้สิ่งทั้งปวงบรรลุผลตามที่มีบันทึกไว้ 23 วิบัติจะเกิดแก่หญิงมีครรภ์และมารดาผู้ให้นมลูกในวันนั้น ความทุกข์ใหญ่หลวงจะบังเกิดบนแผ่นดิน และการลงโทษจะมีต่อคนเหล่านั้น 24 เขาจะตายด้วยคมดาบ บ้างจะถูกจับไปเป็นเชลยให้กับชนทุกชาติ เมืองเยรูซาเล็มจะถูกเหยียบย่ำโดยบรรดาคนนอก จนกว่าวาระของพวกคนนอกจะเสร็จสิ้น
25 จะมีปรากฏการณ์อัศจรรย์ที่ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว ชาติต่างๆ บนโลกจะได้รับความทุกข์ร้อน และงงงวยกับเสียงทะเลและคลื่นซึ่งก้องคำราม 26 ผู้คนจะตกใจจนเป็นลมขณะที่รอดูว่า อะไรจะเกิดขึ้นบนโลก เพราะบรรดาสิ่งที่ทรงพลังในท้องฟ้าจะสั่นสะเทือน 27 ขณะนั้นผู้คนจะเห็นบุตรมนุษย์มาในเมฆด้วยฤทธานุภาพและสง่าราศีอันยิ่งใหญ่ 28 เมื่อสิ่งเหล่านี้เริ่มจะเกิดขึ้นจงยืนยกศีรษะขึ้น เพราะว่าการไถ่ของเจ้ากำลังใกล้เข้ามาแล้ว”
29 พระองค์กล่าวเป็นอุปมาต่อไปอีกว่า “จงดูต้นมะเดื่อและต้นไม้อื่นๆ ทั่วไปเถิด 30 ทันทีที่ต้นแตกใบอ่อน เจ้าจะเห็นด้วยตัวของเจ้าเองและรู้ว่าฤดูฝนใกล้จะถึงแล้ว 31 ในทำนองเดียวกันเมื่อเจ้าเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ก็จงรู้ว่าอาณาจักรของพระเจ้าใกล้จะถึงแล้ว 32 เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า คนในช่วงกาลเวลานี้จะไม่อาจล่วงลับไป จนกว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นก่อน 33 สวรรค์และโลกจะดับสูญไป แต่คำของเราจะไม่มีวันสูญหายไป
34 จงระวังเถิด มิฉะนั้นใจของพวกเจ้าจะหมกมุ่นอยู่กับการดื่มกินในงานฉลอง จากการเสพติดของมึนเมา และความกังวลกับชีวิตนี้ และวันนั้นก็จะมาถึงเจ้าโดยไม่คาดคิดดั่งบ่วงแร้ว 35 วันนั้นจะมาเยือนทุกชีวิตบนโลก 36 จงระวังอยู่เสมอ จงอธิษฐานเพื่อให้เจ้าได้หนีพ้นจากสิ่งเหล่านี้ที่กำลังจะเกิดขึ้น และเจ้าจะสามารถยืนต่อหน้าบุตรมนุษย์ได้”
37 ในเวลากลางวันพระเยซูสั่งสอนที่พระวิหาร และเวลากลางคืนพระองค์ออกไปอยู่บนเขาที่ชื่อภูเขามะกอก 38 ผู้คนจะมาเฝ้าที่พระวิหารตั้งแต่ยามรุ่งอรุณเพื่อฟังพระองค์
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation