Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
อพยพ 18

เยโธรมาเยี่ยมโมเสส

18 ฝ่ายเยโธรซึ่งเป็นปุโรหิตของชาวมีเดียนและเป็นพ่อตาของโมเสสได้ยินทุกสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงกระทำเพื่อโมเสสและประชากรอิสราเอลของพระองค์ และได้ยินถึงวิธีที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงนำอิสราเอลออกมาจากอียิปต์

ก่อนหน้านี้โมเสสได้ส่งศิปโปราห์ภรรยาของตนกลับไปหาเยโธรพ่อตาของเขาและเยโธรรับนางไว้ พร้อมด้วยบุตรชายสองคนของเขา คนหนึ่งคือเกอร์โชม[a] เพราะโมเสสกล่าวว่า “เราเป็นคนต่างด้าวในต่างแดน” และอีกคนหนึ่งคือเอลีเยเซอร์[b] เพราะโมเสสกล่าวว่า “พระเจ้าของบรรพบุรุษของข้าพเจ้าทรงเป็นผู้ช่วยของข้าพเจ้า และทรงกอบกู้ข้าพเจ้าจากคมดาบของฟาโรห์”

เยโธรพ่อตาของโมเสสพาบุตรและภรรยาของโมเสสมาถึง ขณะที่โมเสสและประชากรตั้งค่ายพักในถิ่นกันดารใกล้ภูเขาของพระเจ้า เยโธรส่งข่าวมายังโมเสสว่า “เยโธรพ่อตาของเจ้ากำลังมาหาเจ้า พาภรรยาและบุตรทั้งสองของเจ้ามาด้วย”

ดังนั้นโมเสสจึงออกไปต้อนรับพ่อตา คำนับและจูบทักทายกัน แล้วเข้าไปในเต็นท์ โมเสสเล่าให้พ่อตาฟังเกี่ยวกับทุกสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำกับฟาโรห์และชาวอียิปต์เพื่อชนอิสราเอล ตลอดจนปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดการเดินทาง และวิธีที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกอบกู้พวกเขา

เยโธรยินดีมากเมื่อได้ยินเรื่องดีๆ ทั้งหมดที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำเพื่ออิสราเอล ในการกอบกู้พวกเขาออกจากเงื้อมมือของชาวอียิปต์ 10 เยโธรกล่าวว่า “สาธุการแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงช่วยเจ้าจากเงื้อมมือของฟาโรห์และชาวอียิปต์ และทรงช่วยประชากรอิสราเอลจากเงื้อมมือของชาวอียิปต์ 11 เดี๋ยวนี้พ่อรู้แล้วว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยิ่งใหญ่เหนือพระทั้งปวง เพราะพระองค์ทรงจัดการกับคนเหล่านั้นที่ได้ทำต่อชนชาติอิสราเอลอย่างโอหัง” 12 แล้วเยโธรพ่อตาของโมเสสจึงถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาอื่นๆ แด่พระเจ้า อาโรนกับบรรดาผู้อาวุโสของอิสราเอลก็มารับประทานอาหารร่วมกับพ่อตาของโมเสสต่อหน้าพระเจ้า

13 วันต่อมาโมเสสนั่งประจำการตัดสินความให้เหล่าประชากร พวกเขายืนห้อมล้อมตั้งแต่เช้าจดเย็น 14 เมื่อพ่อตาของโมเสสเห็นทุกสิ่งที่โมเสสทำเพื่อประชาชนจึงเอ่ยขึ้นว่า “เจ้ากำลังทำอะไรกับประชากรเหล่านี้? ทำไมเจ้านั่งตัดสินความอยู่คนเดียว ขณะที่ประชากรทั้งหมดนี้ยืนห้อมล้อมเจ้าตั้งแต่เช้าจดเย็น?”

15 โมเสสตอบว่า “เพราะประชาชนมาหาข้าพเจ้าเพื่อแสวงหาพระประสงค์ของพระเจ้า 16 เมื่อเขามีข้อโต้แย้งไม่ลงรอยกัน จะนำเรื่องมาให้ข้าพเจ้าชี้ขาดว่าใครผิดใครถูก และแจ้งกฎหมายและบทบัญญัติของพระเจ้าแก่พวกเขา”

17 พ่อตาของโมเสสกล่าวว่า “ทำอย่างนี้ไม่ดี 18 เจ้าและผู้คนที่มาหาเจ้ามีแต่จะตรากตรำและอ่อนล้าไป งานนี้เป็นภาระหนักเกินกว่าเจ้าจะแบกไว้คนเดียว 19 ฟังคำแนะนำของเราสักนิดและขอพระเจ้าสถิตกับเจ้า เจ้าต้องเป็นตัวแทนของประชากรเข้าเฝ้าพระเจ้า นำข้อโต้แย้งของเขาขึ้นทูลพระองค์ 20 เจ้าจงสอนกฎหมายและบทบัญญัติของพระเจ้าแก่พวกเขา และแสดงแนวทางการดำเนินชีวิตและหน้าที่ที่พวกเขาพึงปฏิบัติ 21 แต่จงเลือกคนที่มีความสามารถจากประชากรทั้งปวง คือคนที่ยำเกรงพระเจ้า ไว้ใจได้ และรังเกียจสิ่งที่ได้มาโดยทุจริต ตั้งให้เขาเป็นเจ้าพนักงานรับผิดชอบดูแลคนพันคนบ้าง ร้อยคนบ้าง ห้าสิบคนบ้าง และสิบคนบ้าง 22 ตั้งเขาเหล่านั้นให้เป็นตุลาการรับผิดชอบให้ความยุติธรรมแก่ประชากรทั้งหมดตลอดเวลา ให้พวกเขาจัดการเรื่องง่ายๆ กันเอง แต่เรื่องยุ่งยากซับซ้อนให้พวกเขานำมาถึงเจ้า วิธีนี้จะช่วยแบ่งเบาภาระของเจ้าเพราะพวกเขาจะร่วมรับผิดชอบกับเจ้า 23 หากเจ้าทำเช่นนี้ และพระเจ้าก็ทรงบัญชาให้ทำเช่นนี้ด้วย เจ้าก็จะสามารถทนความกดดันได้ และประชากรทั้งปวงก็จะกลับบ้านไปด้วยความพอใจ”

24 โมเสสฟังคำแนะนำของพ่อตาและปฏิบัติตามทุกอย่าง 25 เขาจึงเลือกคนที่มีความสามารถจากชนอิสราเอลทั้งหมดและตั้งให้เป็นผู้นำของประชาชน เป็นเจ้าพนักงานรับผิดชอบดูแลคนหนึ่งพันคน หนึ่งร้อยคน ห้าสิบคน และสิบคน ลดหลั่นกันไป 26 คนเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นตุลาการสำหรับประชาชนอยู่ตลอดเวลา เรื่องที่ยากก็นำมาให้โมเสสพิจารณา ส่วนเรื่องง่ายๆ พวกเขาก็ตัดสินเอง

27 จากนั้นโมเสสก็ส่งพ่อตาเดินทางกลับสู่ภูมิลำเนาของเขา

ลูกา 21

เงินถวายของหญิงม่าย(A)

21 เมื่อพระเยซูทรงเงยพระพักตร์ขึ้นมอง ทรงเห็นพวกคนรวยเอาเงินใส่ที่รับเงินถวายของพระวิหาร และพระองค์ยังทรงเห็นหญิง

ม่ายยากจนคนหนึ่งหย่อนเหรียญทองแดงเล็กๆ สองเหรียญ[a]ถวายด้วย พระองค์ตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่าหญิงม่ายยากจนคนนี้ถวายมากกว่าคนอื่นๆ ทั้งหมด เพราะคนเหล่านั้นล้วนเอาส่วนเล็กน้อยจากความมั่งคั่งของเขามาถวาย แต่หญิงม่ายนี้ทั้งที่ยากจนยังเอาทั้งหมดที่นางมีไว้เลี้ยงชีพมาถวาย”

หมายสำคัญแห่งวาระสิ้นยุค(B)

บางคนในหมู่สาวกของพระองค์ตั้งข้อสังเกตถึงการที่พระวิหารประดับประดาด้วยศิลางดงามและของถวายต่างๆ ที่อุทิศแด่พระเจ้า แต่พระเยซูตรัสว่า “สิ่งต่างๆ ที่ท่านเห็นอยู่นี้ สักวันหนึ่งจะไม่เหลือศิลาซ้อนทับกันสักก้อนเดียว ทุกก้อนจะถูกโยนทิ้งลงมาหมด”

พวกเขาทูลถามว่า “พระอาจารย์ สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อใด? และอะไรเป็นหมายสำคัญว่าสิ่งเหล่านี้กำลังจะเกิดขึ้น?”

พระองค์ตรัสว่า “จงระวัง เพื่อท่านจะไม่ถูกล่อลวง เพราะหลายคนจะมาในนามของเรา อ้างตัวว่า ‘เราคือผู้นั้น’ และอ้างว่า ‘วาระนั้นใกล้เข้ามาแล้ว’ อย่าไปตามคนพวกนี้ เมื่อท่านได้ยินข่าวสู้รบและการปฏิวัติ อย่าตื่นตกใจ สิ่งเหล่านั้นต้องเกิดขึ้นก่อน แต่วาระสุดท้ายยังไม่มาในทันที”

10 แล้วพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “ประชาชาติต่อประชาชาติ อาณาจักรต่ออาณาจักรจะสู้รบกัน 11 จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่หลายครั้ง การกันดารอาหารและโรคระบาดในที่ต่างๆ ตลอดจนเหตุการณ์น่าสะพรึงกลัวและหมายสำคัญยิ่งใหญ่จากฟ้าสวรรค์

12 “แต่ก่อนเหตุการณ์ทั้งปวงนี้ พวกเขาจะจับกุมท่านและข่มเหงท่าน เขาจะส่งตัวท่านไปยังธรรมศาลาและคุกตะราง ท่านจะถูกคุมตัวไปเข้าเฝ้ากษัตริย์ ไปพบผู้ว่าการ และทั้งหมดนี้เป็นเพราะนามของเรา 13 การนี้จะส่งผลให้ท่านได้เป็นพยานแก่พวกนั้น 14 แต่ท่านจงตัดสินใจที่จะไม่กังวลไปก่อนว่าจะพูดแก้ต่างให้ตนเองอย่างไร 15 เพราะเราจะให้ถ้อยคำและสติปัญญาแก่ท่าน อย่างที่เหล่าปฏิปักษ์ของท่านไม่สามารถต่อต้านหรือโต้แย้งได้เลย 16 แม้กระทั่งพ่อแม่ พี่น้อง ญาติมิตรของท่านก็จะทรยศท่านด้วย และพวกท่านบางคนจะถูกฆ่า 17 คนทั้งปวงจะเกลียดชังท่านเพราะเรา 18 แต่ผมบนศีรษะของท่านสักเส้นเดียวก็จะไม่พินาศ 19 โดย การยืนหยัดอย่างมั่นคง ท่านจะได้รับชีวิต

20 “เมื่อท่านเห็นกองทัพต่างๆ ล้อมกรุงเยรูซาเล็ม ท่านก็จะรู้ว่าหายนะของกรุงนั้นใกล้เข้ามาแล้ว 21 เมื่อนั้นให้ผู้ที่อยู่ในยูเดียหนีไปที่ภูเขา ให้ผู้ที่อยู่ในกรุงออกไป และผู้ที่อยู่ในชนบทอย่าเข้ามาในกรุง 22 เพราะนี่เป็นวาระแห่งการลงโทษ เพื่อให้สิ่งทั้งปวงสำเร็จตามที่มีเขียนไว้ 23 วันเหล่านั้นน่าหวาดกลัวยิ่งนักสำหรับหญิงมีครรภ์และแม่ลูกอ่อน! จะเกิดทุกข์เข็ญครั้งใหญ่ในแผ่นดินและจะมีพระพิโรธต่อชนชาตินี้ 24 เขาทั้งหลายจะล้มตายด้วยคมดาบ จะถูกจับกุมเป็นนักโทษ และถูกนำตัวไปยังประชาชาติทั้งปวง คนต่างชาติจะเหยียบ ย่ำกรุงเยรูซาเล็ม จนครบวาระกำหนดของคนต่างชาติ

25 “จะมีหมายสำคัญที่ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวทั้งหลาย ในโลกนี้ประชาชาติต่างๆ จะตกอยู่ในความทุกข์ทรมานและความฉงนสนเท่ห์ที่เกิดเสียงกึกก้องและเกิดความปั่นป่วนในท้องทะเล 26 ผู้คนจะสลบไสลเพราะความสยองขวัญและหวาดหวั่นเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในโลก เพราะสิ่งต่างๆ ในท้องฟ้าจะสะเทือนสะท้าน 27 วาระนั้นเขาทั้งหลายจะเห็นบุตรมนุษย์เสด็จมาในหมู่เมฆด้วยฤทธิ์อำนาจและพระเกียรติสิริอันยิ่งใหญ่ 28 เมื่อสิ่งเหล่านี้เริ่มขึ้น จงยืนขึ้นและเชิดศีรษะขึ้น เพราะท่านใกล้จะได้รับการไถ่แล้ว”

29 พระองค์ตรัสคำอุปมานี้ให้เขาฟังว่า “จงมองดูต้นมะเดื่อและต้นไม้ทั้งปวงเถิด 30 เมื่อมันผลิใบ ท่านก็เห็นและรู้ด้วยตนเองว่าฤดูร้อนใกล้เข้ามาแล้ว 31 เช่นเดียวกัน เมื่อท่านเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ท่านก็รู้ว่าอาณาจักรของพระเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว

32 “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า คนยุคนี้[b]ยังไม่ทันล่วงลับไป สิ่งทั้งปวงเหล่านี้ก็เกิดขึ้นแล้วอย่างแน่นอน 33 ฟ้าและดินจะสูญสิ้นไป แต่ถ้อยคำของเราไม่มีวันสูญสิ้น

34 “จงระวังให้ดี มิฉะนั้นใจของท่านจะจมอยู่กับความสนุกบันเทิงฝ่ายโลก การเมามาย และความวิตกกังวลต่างๆ ในชีวิต และวาระนั้นจะมาถึงตัวท่านอย่างไม่คาดคิดเหมือนกับดัก 35 เพราะวันนั้นจะมาถึงคนทั้งปวงที่ใช้ชีวิตอยู่บนพื้นโลก 36 จงเฝ้าระวังอยู่เสมอและอธิษฐาน เพื่อท่านจะสามารถรอดพ้นจากสิ่งทั้งปวงที่กำลังจะเกิดขึ้น และเพื่อท่านจะสามารถยืนอยู่ต่อหน้าบุตรมนุษย์ได้”

37 พระเยซูทรงสอนที่พระวิหารทุกวัน และทุกค่ำคืนก็เสด็จไปประทับแรมที่ภูเขามะกอกเทศ 38 คนทั้งปวงจะมาที่พระวิหารตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อฟังพระองค์

โยบ 36

36 เอลีฮูกล่าวต่อไปว่า

“ขอให้รับฟังอีกสักหน่อย และข้าพเจ้าจะแสดงให้ท่านเห็นว่า
มีอย่างอื่นอีกมากมายที่ต้องพูดแทนพระเจ้า
ข้าพเจ้าได้ความรู้มาจากแดนไกล
ข้าพเจ้าจะชี้แจงให้ฟังว่าความยุติธรรมนั้นเป็นของพระผู้สร้างของข้าพเจ้า
มั่นใจเถิดว่าคำพูดของข้าพเจ้าเป็นความจริง
ผู้รอบรู้แท้จริงอยู่กับท่านแล้ว

“พระเจ้าทรงฤทธิ์ แต่ก็ไม่ได้ทรงเหยียดหยามผู้ใด
พระองค์ทรงฤทธิ์และแน่วแน่ในพระประสงค์
พระองค์ไม่ทรงปล่อยให้คนชั่วมีชีวิตอยู่
แต่ประทานสิทธิ์ให้แก่ผู้ที่ทุกข์ทรมาน
พระเนตรของพระองค์ไม่หันไปจากคนชอบธรรม
แต่ทรงให้เขานั่งบนบัลลังก์ร่วมกับเหล่ากษัตริย์
และเชิดชูเขาตลอดไป
แต่หากมนุษย์ถูกพันธนาการ
ถูกมัดด้วยบ่วงทุกข์ทรมาน
พระองค์ก็ตรัสบอกพวกเขาว่าพวกเขาได้ทำอะไรลงไป
ว่าพวกเขาทำบาปด้วยความผยองอย่างไรบ้าง
10 พระองค์ทรงทำให้พวกเขารับฟังการเตือนสอน
และทรงบัญชาให้พวกเขากลับใจจากความชั่วร้าย
11 หากพวกเขาเชื่อฟังและปรนนิบัติพระเจ้า
พวกเขาจะใช้ชีวิตที่เหลือด้วยความเจริญรุ่งเรือง
และปีเดือนของพวกเขาจะเป็นที่อิ่มเอมใจ
12 แต่หากพวกเขาไม่ยอมฟัง
พวกเขาจะพินาศด้วยคมดาบ[a]
และตายโดยปราศจากความรู้

13 “คนอธรรมเก็บความขุ่นเคืองไว้ในใจ
แม้เมื่อพระองค์ทรงล่ามพวกเขาไว้ พวกเขาก็ไม่ร้องขอความช่วยเหลือ
14 พวกเขาเสียชีวิตตั้งแต่วัยฉกรรจ์
ตายในหมู่ผู้ชายขายตัวตามสถานบูชา
15 แต่พระเจ้าทรงกอบกู้ผู้ที่ตกอยู่ในห้วงทุกข์
พระองค์ตรัสกับเขายามทุกข์ลำเค็ญ

16 “พระองค์ทรงเกลี้ยกล่อมท่านให้ออกจากความทุกข์ยาก
มายังสถานที่กว้างขวางไร้ข้อจำกัด
มาสู่โต๊ะอาหารอันน่าอภิรมย์ของท่านซึ่งเพียบพร้อมด้วยอาหารอันโอชะ
17 แต่บัดนี้ท่านมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับการพิพากษาโทษอันควรแก่คนชั่วร้าย
พระอาญาและความยุติธรรมจู่โจมจับท่านแล้ว
18 ระวังเถิด อย่าให้ผู้ใดล่อลวงท่านด้วยทรัพย์สมบัติ
อย่าให้สินบนก้อนใหญ่ทำให้ท่านเขวไป
19 ทรัพย์สินหรือความทุ่มเทเพียรพยายามใดๆ ของท่านนั้น
จะช่วยค้ำชูท่านไม่ให้ตกอยู่ในความทุกข์ได้หรือ?
20 อย่าปรารถนายามค่ำคืน
เพื่อจะพรากผู้คนจากเหย้าเรือน[b]
21 จงระมัดระวังที่จะไม่หันไปหาความชั่วร้าย
ซึ่งดูเหมือนท่านเต็มใจจะเลือกเอามากกว่าความทุกข์ทรมาน

22 “ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าเป็นที่ยกย่องเทิดทูน
ผู้ใดเล่าเป็นครูเสมอเหมือนพระองค์?
23 ใครจะบงการวิถีทางของพระองค์ได้
หรือกล่าวกับพระองค์ว่า ‘พระองค์ทรงกระทำผิด’?
24 อย่าลืมยกย่องพระราชกิจของพระเจ้า
ซึ่งมนุษย์ร้องเพลงสดุดี
25 มวลมนุษยชาติได้เห็นพระราชกิจเหล่านั้น
เหล่ามนุษย์เพ่งดูแต่ไกล
26 พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่นัก! เกินกว่าที่เราจะเข้าใจ
พระองค์ดำรงอยู่มานานเท่าใด เกินกว่าเราจะรู้

27 “พระองค์ทรงรวบรวมหยดน้ำขึ้นไป
แล้วกลั่นเป็นฝนรดธารน้ำ[c]
28 หมู่เมฆเทความชุ่มชื้นลงมาให้
และโปรยปรายสายฝนแก่มนุษยชาติอย่างเหลือเฟือ
29 ผู้ใดเล่าสามารถเข้าใจได้ถ่องแท้ถึงการกระจายตัวของหมู่เมฆ
และการคำรนคำรามของฟ้าผ่า?
30 จงดูวิธีการที่ทรงกระจายฟ้าแลบรอบพระองค์
อาบที่ลึกแห่งท้องทะเล
31 โดยวิธีนี้พระองค์ทรงปกครอง[d]มวลประชาชาติ
และประทานอาหารอย่างอุดมสมบูรณ์
32 พระองค์ทรงกุมสายฟ้าแลบไว้ในพระหัตถ์
และบงการให้มันผ่าตรงจุดที่หมายไว้
33 ฟ้าคำรนของพระองค์ประกาศว่าพายุกำลังจะมา
แม้แต่ฝูงสัตว์ก็บอกให้รู้ว่าพายุใกล้เข้ามาแล้ว[e]

2 โครินธ์ 6

ในฐานะผู้ร่วมงานของพระเจ้า เราวิงวอนท่านว่าอย่าสักแต่รับพระคุณของพระเจ้า เพราะพระองค์ตรัสว่า

“ในวาระแห่งความโปรดปรานเราได้ฟังเจ้า
และในวันแห่งความรอดเราได้ช่วยเจ้า”[a]

ข้าพเจ้าขอบอกท่านว่าบัดนี้คือวาระแห่งความโปรดปรานของพระเจ้า บัดนี้คือวันแห่งความรอด

ความทุกข์ยากที่เปาโลเผชิญ

เราไม่ทำให้ใครสะดุดเพื่อไม่ให้พันธกิจของเราเสียความเชื่อถือ แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ในฐานะผู้รับใช้ของพระเจ้าเราพิสูจน์ตัวเองในทุกทาง ไม่ว่าในการอดทนอดกลั้น ในความทุกข์ร้อน ความยากเข็ญและความลำเค็ญ ในการถูกเฆี่ยนตี การถูกจองจำและการจลาจล ในการตรากตรำทำงาน การอดหลับอดนอน และความหิวโหย ในความบริสุทธิ์ ความเข้าใจ ความอดทน และความกรุณา ในพระวิญญาณบริสุทธิ์ และในความรักจริงใจ ในคำพูดสัตย์จริง และในฤทธานุภาพของพระเจ้า ด้วยอาวุธแห่งความชอบธรรมทั้งในมือขวาและมือซ้าย ทั้งในยามทรงเกียรติและไร้เกียรติ ในยามที่เขาว่าชั่วและในยามที่เขาว่าดี จริงแท้แต่ถูกมองว่าเป็นคนหลอกลวง เป็นที่รู้จักแต่ถูกมองว่าไม่มีใครรู้จัก กำลังจะตายแต่เราก็ยังมีชีวิตอยู่ต่อไป ถูกเฆี่ยนตีแต่ก็ยังไม่ถึงตาย 10 ทุกข์โศกแต่ก็ยังชื่นชมยินดีเสมอ ยากจนแต่ก็ยังทำให้หลายคนมั่งคั่ง และไม่มีอะไรแต่ก็ยังเป็นเจ้าของทุกสิ่ง

11 พี่น้องชาวโครินธ์ เราพูดกับท่านอย่างตรงไปตรงมาและเปิดใจของเราให้แก่ท่าน 12 เราไม่ได้เป็นฝ่ายระงับความรักจากท่าน แต่ท่านเป็นฝ่ายระงับจากเรา 13 เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนอย่างยุติธรรม เราขอพูดกับท่านเสมือนพูดกับบุตรว่าจงเปิดใจของท่านด้วย

อย่าเข้าเทียมแอกกับผู้ไม่เชื่อ

14 อย่าเข้าเทียมแอกกับผู้ไม่เชื่อเพราะความชอบธรรมกับความชั่วจะมีอะไรร่วมกันได้? หรือความสว่างกับความมืดจะมีสามัคคีธรรมอะไรกันเล่า? 15 พระคริสต์กับเบลีอัล[b]จะกลมเกลียวอะไรกันได้? ผู้เชื่อกับผู้ไม่เชื่อจะมีอะไรร่วมกันได้เล่า? 16 วิหารของพระเจ้ากับวิหารของรูปเคารพจะมีข้อตกลงอะไรกันได้? เพราะเราเป็นวิหารของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ตามที่พระเจ้าตรัสว่า “เราจะอยู่กับพวกเขาและดำเนินท่ามกลางพวกเขา และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขาและพวกเขาจะเป็นประชากรของเรา”[c]

17 “ดังนั้นจงออกมาจากพวกเขา
และแยกตัวออก องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส
อย่าแตะต้องสิ่งมลทิน
แล้วเราจะรับเจ้า”[d]
18 “เราจะเป็นบิดาของพวกเจ้า
และพวกเจ้าจะเป็นบุตรชายบุตรสาวของเรา
องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ตรัสดังนี้แหละ”[e]

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.