M’Cheyne Bible Reading Plan
กำเนิดของโมเสส
2 มีชายเผ่าเลวีผู้หนึ่งแต่งงานกับหญิงจากเผ่าเดียวกัน 2 หญิงผู้นั้นตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชาย เมื่อนางเห็นว่าบุตรแข็งแรงดี นางจึงซ่อนตัวเขาไว้จนมีอายุได้ 3 เดือน 3 แต่เมื่อนางไม่สามารถแอบซ่อนเขาไว้ได้อีกแล้ว นางจึงนำตะกร้าสานด้วยต้นกก ชันด้วยยางมะตอยและยางไม้มา แล้วก็วางทารกลงในตะกร้า นำไปลอยไว้ที่ริมแม่น้ำไนล์ในดงอ้อ 4 พี่สาวของทารก[a]ยืนอยู่ห่างๆ เพื่อดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา 5 ขณะนั้นธิดาของฟาโรห์ลงมาอาบน้ำที่แม่น้ำไนล์ พวกสาวใช้ก็เดินอยู่ที่ริมฝั่ง เธอเห็นตะกร้าในดงอ้อ จึงให้สาวใช้ไปนำมา 6 เมื่อเธอเปิดตะกร้าดูก็เห็นเด็กน้อยนั้น ดูสิ เด็กกำลังร้องไห้ เธอสงสารและพูดว่า “นี่ต้องเป็นเด็กของชาวฮีบรูแน่เลย” 7 แล้วพี่สาวของเด็กพูดกับธิดาของฟาโรห์ว่า “จะให้ไปเรียกหญิงชาวฮีบรูมาให้นมเด็กคนนี้ให้ท่านไหม” 8 ธิดาของฟาโรห์ตอบว่า “ไปเรียกเถิด” เด็กหญิงคนนั้นก็ไปตามมารดาของเด็กน้อยมา 9 ธิดาของฟาโรห์พูดกับนางว่า “นำเด็กน้อยนี้ไป และเป็นแม่นมให้เราด้วย เราจะให้ค่าจ้าง” หญิงคนนั้นจึงรับเด็กน้อยไปและให้นม 10 เด็กน้อยเติบโตขึ้น นางจึงพาตัวมาหาธิดาของฟาโรห์ เธอรับเลี้ยงเขาไว้เป็นบุตรของเธอ และเธอตั้งชื่อเขาว่า โมเสส และพูดว่า “เพราะเราอุ้มตัวเขาขึ้นมาจากน้ำ”[b]
โมเสสหนีไปยังมีเดียน
11 วันเวลาล่วงไป โมเสสเติบใหญ่ขึ้นก็ออกไปหาพี่น้องร่วมชาติ และเห็นด้วยตาตนเองว่าพวกเขาถูกเกณฑ์ทำงานหนักเพียงไร และท่านได้เห็นว่าชาวอียิปต์คนหนึ่งกำลังทุบตีชาวฮีบรูซึ่งเป็นชนชาติเดียวกับท่าน 12 ท่านจึงเหลียวซ้ายแลขวา เมื่อไม่เห็นว่ามีใครแถวนั้น ท่านจึงฆ่าชาวอียิปต์คนนั้นและซ่อนศพของเขาไว้ในทราย 13 วันต่อมาเมื่อท่านออกไปอีก พอดีมีชายฮีบรู 2 คนกำลังต่อสู้กัน ท่านจึงพูดกับคนที่เป็นฝ่ายผิดว่า “ทำไมท่านจึงทุบตีพวกพ้องของท่านเอง” 14 เขาตอบว่า “ใครแต่งตั้งให้ท่านเป็นผู้ปกครองและผู้ตัดสินความของเรา ท่านอยากจะฆ่าเราอย่างที่ท่านได้ฆ่าชาวอียิปต์อย่างนั้นหรือ” โมเสสจึงกลัวและนึกอยู่ว่า “มีคนรู้เรื่องที่เราทำแล้ว” 15 เมื่อฟาโรห์ทราบเรื่อง ท่านก็หมายจะฆ่าโมเสส โมเสสจึงหลบหนีฟาโรห์ไป และเดินทางไปยังดินแดนมีเดียน และท่านนั่งลงข้างบ่อน้ำแห่งหนึ่งที่นั่น
16 ฝ่ายปุโรหิตของมีเดียนมีบุตรหญิง 7 คน หญิงเหล่านี้มาตักน้ำใส่รางน้ำให้เต็มเพื่อให้แพะแกะของบิดาดื่ม 17 เมื่อกลุ่มคนเลี้ยงแกะมาถึงก็ขับไล่หญิงเหล่านั้นไป แต่โมเสสลุกขึ้นช่วยพวกนางไว้ และให้แพะแกะของพวกนางดื่มน้ำ 18 เมื่อพวกนางกลับไปหาเรอูเอลผู้เป็นบิดา เขาถามว่า “ทำไมวันนี้พวกเจ้าจึงกลับมาเร็วนัก” 19 พวกนางตอบว่า “ชายอียิปต์คนหนึ่งช่วยเราให้พ้นจากมือของพวกคนเลี้ยงแกะ แล้วยังตักน้ำให้เราและให้แพะแกะได้ดื่มด้วย” 20 เขาพูดกับบุตรหญิงว่า “แล้วเขาอยู่ไหนล่ะ ทำไมถึงปล่อยให้เขาอยู่ที่โน่น ลูกไปเชิญเขาเข้ามารับประทานอาหารด้วยกันเถิด” 21 โมเสสยินดีไปอาศัยอยู่กับชายคนนั้น และเขายกศิปโปราห์บุตรหญิงให้แก่โมเสส 22 นางให้กำเนิดบุตรชาย และโมเสสตั้งชื่อเขาว่า เกอร์โชม เพราะท่านพูดว่า “เราเป็นคนต่างด้าวในที่ต่างถิ่น”
23 หลายปีผ่านไป กษัตริย์แห่งอียิปต์สิ้นชีวิต และชาวอิสราเอลคร่ำครวญในการที่ต้องเป็นทาสรับใช้ พวกเขาจึงร้องขอความช่วยเหลือ ดังนั้นเสียงร้องเนื่องจากการเป็นทาสรับใช้ดังขึ้นไปถึงพระเจ้า 24 พระเจ้าก็ได้ยินเสียงร้องครวญครางของพวกเขา พระเจ้าจึงระลึกถึงพันธสัญญาที่มีต่ออับราฮัม กับอิสอัค และกับยาโคบ[c] 25 พระเจ้าเห็นชาวอิสราเอลทุกข์ยากยิ่งนัก และพระเจ้าทราบถึงความเป็นอยู่ของพวกเขาเป็นอย่างดี
สาวกกลุ่มแรกติดตามพระเยซู
5 วันหนึ่งขณะที่พระองค์กำลังยืนอยู่ข้างทะเลสาบเยนเนซาเรท ฝูงชนก็พากันมารายล้อมพระองค์เพื่อฟังคำกล่าวของพระเจ้า 2 พระองค์มองไปยังเรือ 2 ลำที่จอดอยู่ริมทะเลสาบ ส่วนชาวประมงกำลังล้างแหและอวนอยู่นอกเรือ 3 พระเยซูจึงลงเรือซึ่งเป็นของซีโมน แล้วขอให้เขาแล่นเรือออกจากฝั่งไปเล็กน้อยก่อนจะนั่งลงเพื่อสั่งสอนผู้คน 4 เมื่อพระองค์กล่าวจบแล้วก็หันมากล่าวกับซีโมนว่า “จงออกเรือไปเขตน้ำลึกและหย่อนอวนลงจับปลาเถิด” 5 ซีโมนตอบว่า “นายท่าน แม้เราลงแรงกันมามากตลอดคืนและไม่สามารถจับอะไรได้เลย แต่เพราะเป็นคำพูดของท่าน ข้าพเจ้าจะหย่อนอวนลง” 6 เมื่อพวกเขาหย่อนอวนลงแล้ว ก็จับปลาได้เป็นจำนวนมากจนอวนเริ่มปริ 7 แล้วพวกเขาจึงส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปยังเพื่อนประมงที่อยู่ในเรืออีกลำ ให้ช่วยบรรทุกจนเพียบเรือทั้ง 2 ลำ 8 เมื่อซีโมนเปโตรเห็นดังนั้น ก็ทรุดตัวลงแทบเท้าพระเยซูพลางพูดว่า “พระองค์ท่าน กรุณาไปให้ไกลจากข้าพเจ้าเถิด เพราะข้าพเจ้าเป็นคนบาป” 9 เขาและเพื่อนที่ไปด้วยกันต่างก็แปลกใจที่สามารถจับปลาเหล่านั้นมาได้ 10 ยากอบและยอห์นบุตรของเศเบดีซึ่งมีหุ้นกับซีโมนก็ประหลาดใจเช่นกัน แล้วพระเยซูก็กล่าวกับซีโมนว่า “อย่ากลัวเลย นับแต่นี้ไปเจ้าจะเป็นชาวประมงที่นำฝูงชนมาหาเรา” 11 เมื่อชาวประมงเหล่านั้นนำเรือเข้าฝั่งแล้วก็ได้สละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อติดตามพระองค์ไป
ชายโรคเรื้อน
12 ขณะที่พระเยซูพักอยู่ที่เมืองหนึ่ง มีชายผู้หนึ่งเป็นโรคเรื้อนเต็มทั้งตัว เมื่อเขาเห็นพระองค์ จึงมาซบหน้าลงกับพื้นอ้อนวอนพระเยซูว่า “พระองค์ท่าน ถ้าพระองค์ต้องการ พระองค์สามารถรักษาข้าพเจ้าให้หายขาดจากโรคได้”[a] 13 พระเยซูจึงยื่นมือออกไปสัมผัสตัวเขา พลางกล่าวว่า “เราต้องการอย่างนั้น จงหายเถิด” ในทันใดนั้น โรคเรื้อนก็หายไป 14 พระองค์รับสั่งขึ้นว่า “อย่าบอกผู้ใด แต่ขอให้ไปแสดงตนต่อปุโรหิต และมอบเครื่องสักการะเป็นการชำระตัวให้สะอาด ตามที่โมเสสได้สั่งไว้ เพื่อยืนยันแก่คนทั่วไป” 15 ข่าวเกี่ยวกับพระองค์ได้แพร่ไปไกลยิ่งขึ้น มหาชนจึงได้มาฟังพระองค์ บ้างมาเพื่อรับการรักษาโรคต่างๆ 16 ทว่าพระเยซูมักจะผละออกไปยังที่ร้างเพื่ออธิษฐาน
พระเยซูรักษาชายง่อย
17 วันหนึ่ง ขณะที่พระองค์กำลังสั่งสอนอยู่ พวกฟาริสี[b]และอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติก็นั่งอยู่ด้วย ณ ที่นั้น พวกเขาเหล่านั้นมาจากหมู่บ้านต่างๆ ของแคว้นกาลิลี แคว้นยูเดีย และเมืองเยรูซาเล็ม และอานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าอยู่กับพระองค์เพื่อรักษาโรคให้หาย 18 มีคนกลุ่มหนึ่งยกเปลหามชายง่อยคนหนึ่งเข้ามา และพยายามนำเขาเข้าไปวางไว้ ณ เบื้องหน้าพระเยซู 19 เมื่อไม่อาจทำได้เพราะมีผู้คนหนาแน่น จึงหามขึ้นหลังคา และหย่อนชายง่อยทั้งเปลหามลงตามช่องกระเบื้องมาวางตรงกลางหมู่คนต่อหน้าพระเยซู 20 พอพระเยซูเห็นความเชื่อของพวกเขาจึงกล่าวว่า “เพื่อนเอ๋ย บาปทั้งหลายของเจ้าได้รับการยกโทษแล้ว” 21 แต่พวกฟาริสีและพวกอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติก็เริ่มซักไซ้ไล่เลียงว่า “ชายผู้นี้คือใครจึงพูดจาหมิ่นประมาทพระเจ้า มีใครที่ไหนจะยกโทษบาปให้ได้เล่า นอกจากพระเจ้าเพียงพระองค์เดียว” 22 พระเยซูทราบความคิดของเขาเหล่านั้นจึงถามว่า “ทำไมพวกท่านจึงคิดในใจกันเช่นนี้ 23 พูดอย่างไรจึงจะง่ายกว่ากันระหว่าง ‘บาปทั้งหลายของเจ้าได้รับการยกโทษแล้ว’ หรือจะพูดว่า ‘จงลุกขึ้นเดินเถิด’ 24 แต่เพื่อพวกท่านจะได้รู้ว่า บุตรมนุษย์[c]มีสิทธิอำนาจในโลกที่จะยกโทษบาปทั้งหลาย” พระองค์กล่าวกับชายง่อยว่า “เราขอบอกเจ้าว่า จงลุกขึ้น แล้วเอาเปลหามกลับไปบ้านเถิด” 25 ในทันใดนั้น ชายง่อยก็ลุกขึ้นยืนต่อหน้าคนทั้งปวง และยกเปลหามที่เขาใช้นอนกลับบ้านไป พลางสรรเสริญพระเจ้าไปด้วย 26 ทุกๆ คนพากันแปลกใจ และกล่าวสรรเสริญพระเจ้าทั้งๆ ที่ตกใจกลัวแล้วพูดว่า “วันนี้เราได้เห็นหลายสิ่งซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เหลือเชื่อ”
เลวีติดตามพระเยซูไป
27 หลังจากนั้นพระองค์ออกไปเห็นคนเก็บภาษีคนหนึ่งชื่อเลวีกำลังนั่งอยู่ที่ด่านเก็บภาษี จึงกล่าวกับเขาว่า “จงตามเรามาเถิด” 28 เลวีก็ลุกขึ้น สละทิ้งทุกสิ่งและติดตามพระองค์ไป
29 เลวีได้จัดงานใหญ่เลี้ยงฉลองพระเยซูที่บ้านของเขา แขกรับเชิญจำนวนมากซึ่งมีทั้งคนเก็บภาษีและคนอื่นๆ ที่ได้มารับประทานด้วย 30 แต่พวกฟาริสีและอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติ ซึ่งอยู่ในพรรคฟาริสีบ่นพึมพำกับสาวกของพระองค์ว่า “ทำไมท่านจึงรับประทานและดื่มกับพวกคนเก็บภาษีและคนบาป” 31 พระเยซูตอบว่า “คนที่มีสุขภาพดีไม่จำเป็นต้องหาแพทย์ ยกเว้นแต่ผู้ป่วย 32 เราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนที่คิดว่าตนมีความชอบธรรม แต่มาเพื่อเรียกคนบาปให้กลับใจ”
ผู้คนถามเรื่องการอดอาหาร
33 พวกเขาบอกพระองค์ว่า “บรรดาสาวกของยอห์นและของฟาริสีได้อดอาหารและอธิษฐานบ่อยๆ แต่สาวกของท่านกลับรับประทานและดื่มเรื่อยไป” 34 พระเยซูกล่าวกับพวกเขาว่า “ท่านจะให้แขกของเจ้าบ่าวอดอาหารขณะที่เจ้าบ่าวอยู่กับเขาหรือ 35 แต่เมื่อถึงเวลาที่เจ้าบ่าวถูกพาตัวไป พวกเขาจึงจะอดอาหารในเวลานั้น” 36 พระองค์จึงเล่าเรื่องเป็นอุปมาให้คนเหล่านั้นฟังว่า “ไม่มีใครฉีกผ้าชิ้นหนึ่งจากเสื้อใหม่มาเย็บติดกับเสื้อเก่า ถ้าทำเช่นนั้นเสื้อใหม่จะเสียไป และชิ้นผ้าที่เอามาจากเสื้อใหม่จะไม่เข้ากับเสื้อเก่าด้วย 37 และไม่มีใครเทเหล้าองุ่นใหม่ลงในถุงหนังเก่า ถ้าทำเช่นนั้นเหล้าองุ่นใหม่จะทำให้ถุงหนังขาด เหล้าองุ่นใหม่ก็จะรั่ว ถุงหนังจะเสียด้วย 38 เหล้าองุ่นใหม่จะต้องเทลงในถุงหนังใหม่ 39 และไม่มีใครต้องการดื่มเหล้าองุ่นใหม่หลังจากที่ได้ดื่มของเก่าแล้ว เขาจะพูดว่า ‘ของเก่าดีอยู่แล้ว’”
โยบตอบ: ทำไมจึงดูหมิ่นฉัน
19 โยบจึงตอบว่า
2 “ท่านจะทรมานฉันอีกนานแค่ไหน
และใช้คำพูดเสียดแทงฉันจนเจ็บแสบ
3 ท่านได้ดูหมิ่นฉันจนนับครั้งไม่ถ้วน
ท่านไม่รู้สึกผิดบ้างหรือที่ทำให้ฉันทรมานเช่นนี้
4 และถ้าแม้ว่าฉันทำผิดจริง
ความผิดก็มีผลกระทบต่อฉันคนเดียวเท่านั้น
5 ถ้าท่านยกยอตัวเองว่าดีกว่าฉัน
และความอัปยศของฉันพิสูจน์ว่าฉันผิด
6 จงรู้เถิดว่า พระเจ้าเป็นผู้ทำให้ฉันต้องรับทุกข์
และทำให้ฉันติดในตาข่าย
7 ดูเถิด ฉันร้องขึ้นว่า ‘ฉันถูกโจมตี’ แต่ฉันไม่ได้รับคำตอบ
ฉันร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไม่ได้รับความยุติธรรม
8 พระองค์ปิดกั้นทางจนฉันผ่านไปไม่ได้
และพระองค์ทำให้ทางของฉันมืดมิด
9 พระองค์พรากเกียรติยศไปจากฉัน
และถอดมงกุฎออกจากศีรษะของฉัน
10 พระองค์ทำให้ฉันทรุดลงทุกด้าน หมดสิ้นทุกอย่าง
และความหวังของฉันก็ถูกถอนขึ้นอย่างรากต้นไม้
11 ความกริ้วของพระองค์พลุ่งขึ้นต่อฉัน
และนับว่าฉันเป็นศัตรูของพระองค์
12 กองทหารของพระองค์รวมพลังเข้าด้วยกัน
ก่อเชิงเทินประชิดตัวฉัน
และตั้งค่ายอยู่รอบกระโจมของฉัน
13 พระองค์ทำให้บรรดาพี่น้องของฉันรังเกียจฉัน
ฉันกลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับคนที่รู้จักฉัน
14 ญาติพี่น้องของฉันทอดทิ้งฉัน
บรรดาผู้ที่รู้จักฉันก็ลืมฉันไปแล้ว
15 บรรดาผู้ที่พักอยู่ที่บ้านฉันและหญิงรับใช้ทั้งหลายก็นับว่าฉันเป็นคนแปลกหน้า
ฉันได้กลายเป็นคนต่างชาติในสายตาของพวกเขา
16 ฉันเรียกหาคนรับใช้ของฉัน แต่เขาก็ไม่ตอบ
ฉันต้องเอ่ยปากขอความเมตตาจากเขา
17 ภรรยาของฉันยังเกลียดกลิ่นปากของฉัน
พี่น้องแท้ๆ ของฉันก็ทนฉันไม่ไหว
18 แม้แต่เด็กๆ ก็หัวเราะเยาะฉัน
เวลาฉันลุกขึ้นยืน พวกเขาพูดเหยียดหยามฉัน
19 พวกเพื่อนสนิทชิงชังฉัน
และบรรดาผู้ที่ฉันรักก็หันหลังให้ฉัน
20 ฉันมีแต่หนังหุ้มกระดูก
และฉันแทบจะเอาชีวิตไม่รอด
21 โอ พวกท่านที่เป็นเพื่อนของฉัน โปรดเห็นใจฉันด้วย เห็นใจฉันด้วย
เพราะพระเจ้าได้ลงโทษฉันแล้ว
22 ทำไมท่านจึงตามล่าฉันอย่างที่พระเจ้าทำ
ทำไมท่านจึงไม่พอใจฉัน
23 ฉันอยากให้ใครสักคนเขียนคำพูดของฉันไว้
ฉันอยากให้มีหนังสือม้วนบันทึกคำพูดเก็บไว้
24 ฉันอยากให้มีใครสลักคำพูดของฉันบนหิน
ด้วยปากกาเหล็กและตะกั่วเพื่อให้คงทนไปตลอดกาล
25 เพราะฉันรู้ว่า ผู้ไถ่ของฉันดำรงอยู่
และในที่สุดพระองค์จะแก้คดีในโลกนี้ให้ฉัน
26 หลังจากที่ผิวหนังของฉันเน่าเปื่อยไป
แม้จะไร้ร่างกาย ฉันก็ยังจะเห็นพระเจ้า
27 ฉันจะเห็นพระองค์เอง
ฉันจะเห็นพระองค์ด้วยตาของฉันเอง
ฉันรอด้วยใจจดจ่อ
28 ถ้าท่านพูดว่า ‘เราจะตามล่าเขาอย่างไรดี’
และ ‘ต้นเหตุของเรื่องก็อยู่ที่ตัวของเขาเอง’
29 ท่านจงกลัวดาบเถิด
เพราะความกริ้วของพระเจ้าจะนำดาบมาลงโทษ
แล้วท่านจะรู้ว่ามีการพิพากษาจริง”
พี่น้องฟ้องร้องกัน
6 มีคนใดในกลุ่มท่านบ้างไหมที่เมื่อเป็นความกัน แล้วกล้าไปฟ้องคดีต่อหน้าคนที่ไร้ความชอบธรรม แทนที่จะฟ้องร้องต่อหน้าบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า 2 ท่านไม่ทราบหรือว่า บรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าจะกล่าวโทษโลกนี้ ถ้าท่านกล่าวโทษโลกได้ ท่านจะไม่มีความสามารถกล่าวโทษคดีย่อยหรือ 3 ท่านไม่ทราบหรือว่า พวกเราจะเป็นผู้ที่กล่าวโทษเหล่าทูตสวรรค์ และเราจะกล่าวโทษเรื่องของชีวิตนี้ได้ยิ่งกว่าเพียงไร 4 ฉะนั้นถ้าท่านมีคดีความกันในเรื่องของชีวิตนี้แล้ว ท่านจะตั้งคนซึ่งไม่เป็นที่นับถือของคริสตจักรให้เป็นผู้ตัดสินหรือ 5 ข้าพเจ้ากล่าวมานี้เพื่อให้ท่านละอายใจ เป็นไปได้หรือที่ไม่มีใครสักคนในพวกท่าน ที่มีสติปัญญาพอที่จะตัดสินเรื่องระหว่างพี่น้อง 6 แต่พี่น้องกลับต้องไปว่าความกันต่อหน้าคนไม่มีความเชื่ออย่างนั้นหรือ 7 อันที่จริงท่านพ่ายแพ้แล้วอย่างสิ้นเชิงเมื่อเป็นความกัน ทำไมท่านไม่ยอมเป็นฝ่ายผิด ทำไมท่านจึงไม่ยอมถูกโกง 8 แต่กลับประพฤติผิดและโกงพี่น้องของท่านเอง
9 ท่านไม่ทราบหรือว่าคนชั่วจะไม่มีส่วนได้ในอาณาจักรของพระเจ้า อย่าให้คนชักนำท่านให้หลงผิดเลย ไม่ว่าจะเป็นผู้ประพฤติผิดทางเพศ บูชารูปเคารพ ผิดประเวณี ชายลักเพศ 10 ขโมย คนโลภ ขี้เมา ช่างว่าร้าย หรือคนโกง ทั้งหมดนี้จะไม่มีส่วนได้ในอาณาจักรของพระเจ้า 11 พวกท่านบางคนก็เคยเป็นเช่นนั้น แต่ท่านได้รับการชำระและได้รับการทำให้บริสุทธิ์แล้ว และท่านก็พ้นผิดแล้วในพระนามของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า และโดยพระวิญญาณของพระเจ้าของเรา
หนีจากการประพฤติผิดทางเพศ
12 “ทุกสิ่งไม่เป็นของต้องห้ามสำหรับข้าพเจ้า” แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งเป็นประโยชน์ “ทุกสิ่งไม่เป็นของต้องห้ามสำหรับข้าพเจ้า” แต่ข้าพเจ้าจะไม่ยอมเป็นทาสของสิ่งใดเลย 13 “อาหารมีไว้สำหรับท้อง และท้องนั้นสำหรับอาหาร” แต่พระเจ้าจะทำลายทั้งสองสิ่ง ร่างกายไม่ได้มีไว้สำหรับการประพฤติผิดทางเพศ แต่มีไว้สำหรับพระผู้เป็นเจ้า และพระผู้เป็นเจ้ามีไว้สำหรับร่างกาย 14 โดยอานุภาพของพระเจ้า พระองค์จึงได้บันดาลให้พระเยซูเจ้าฟื้นคืนชีวิต และพระองค์จะกระทำเช่นนั้นกับพวกเราด้วย 15 ท่านไม่ทราบหรือว่า ร่างกายของพวกท่านเป็นเสมือนอวัยวะส่วนต่างๆ ของพระคริสต์ ควรหรือที่ข้าพเจ้าจะเอาอวัยวะส่วนต่างๆ ของพระคริสต์มาแตะต้องเกี่ยวพันกับหญิงแพศยา ไม่มีทางจะเป็นเช่นนั้น 16 ท่านไม่ทราบหรือว่าคนที่ผูกพันกับหญิงแพศยาก็เป็นกายเดียวกันกับหญิงนั้น เพราะพระองค์กล่าวไว้ว่า “ทั้งสองจะเป็นหนึ่งเดียวกัน”[a] 17 แต่คนที่ผูกพันในพระผู้เป็นเจ้า ก็เป็นวิญญาณเดียวกันกับพระองค์ 18 จงหนีให้พ้นจากการประพฤติผิดทางเพศ บาปอื่นๆ ทุกชนิดที่คนกระทำเป็นบาปภายนอกกาย แต่คนที่ผิดทางเพศทำบาปต่อร่างกายของตนเอง 19 ท่านไม่รู้หรือว่า ร่างกายของท่านเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่อยู่ในตัวท่าน ซึ่งท่านได้รับจากพระเจ้า ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของตัวท่านเอง 20 พระเจ้าได้ซื้อท่านไว้แล้วในราคาสูง ฉะนั้นจงใช้ร่างกายของท่านในการถวายเกียรติแด่พระเจ้าเถิด
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation