Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
ปฐมกาล 50

50 โยเซฟซบลงแนบใบหน้าของบิดา ร้องไห้และจูบแก้มท่าน แล้วโยเซฟสั่งบรรดาคนรับใช้และแพทย์ให้อาบศพบิดาด้วยน้ำยา พวกแพทย์จึงทำตามนั้นให้อิสราเอล ใช้เวลา 40 วันตามขั้นตอนจึงเสร็จสิ้นจากการอาบน้ำยาศพ และชาวอียิปต์ร้องคร่ำครวญถึงยาโคบเป็นเวลา 70 วัน

เมื่อช่วงเวลาแห่งการร้องคร่ำครวญผ่านพ้นไปแล้ว โยเซฟพูดกับกลุ่มข้าราชสำนักของฟาโรห์ว่า “ถ้าข้าพเจ้าเป็นที่โปรดปรานในสายตาของท่าน ข้าพเจ้าขอร้องให้ท่านพูดกับฟาโรห์ว่า บิดาให้ข้าพเจ้าสาบานกับท่านว่า ‘พ่อกำลังจะตายแล้ว เจ้าจงบรรจุศพพ่อในถ้ำที่พ่อสลักไว้เองที่ดินแดนคานาอัน’ บัดนี้กรุณาให้ข้าพเจ้าขึ้นไปจัดการศพบิดาข้าพเจ้า แล้วจึงจะกลับมา” ฟาโรห์ตอบว่า “ขึ้นไปเถิด ไปจัดการศพบิดาของเจ้าตามคำสาบานที่ให้กับบิดา” ดังนั้นโยเซฟจึงขึ้นไปจัดการศพบิดา บรรดาผู้รับใช้ของฟาโรห์ เจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ในวัง และเจ้าหน้าที่ชั้นสูงในดินแดนอียิปต์ก็ร่วมเดินทางไปกับโยเซฟ นอกจากนั้นก็มีครอบครัวโยเซฟ พวกพี่น้อง และครอบครัวของยาโคบ เหลือแต่พวกเด็กๆ แพะแกะ และฝูงสัตว์ทั้งหลายที่ปล่อยให้อยู่ในพื้นที่โกเชน มีรถศึกพร้อมคนขับไปกับเขาด้วย รวมเข้าเป็นขบวนใหญ่โตมาก 10 เมื่อพวกเขามาถึงลานนวดข้าวที่อาทาดซึ่งอยู่โพ้นแม่น้ำจอร์แดน ก็ส่งเสียงร้องไห้ฟูมฟายอยู่ที่นั่นด้วยความเศร้าใจยิ่งนัก และโยเซฟร้องคร่ำครวญถึงบิดาตามพิธีเป็นเวลา 7 วัน 11 เมื่อพลเมืองดินแดนคานาอันเห็นการร้องคร่ำครวญบนลานนวดข้าวที่อาทาด พวกเขาก็พูดว่า “นี่เป็นการร้องคร่ำครวญที่เศร้าโศกยิ่งนักของชาวอียิปต์” ฉะนั้นสถานที่นั้นจึงชื่อว่า อาเบลมิสราอิม ซึ่งอยู่เลยแม่น้ำจอร์แดนออกไป

12 บรรดาบุตรของยาโคบก็ได้จัดการเรื่องให้ตามที่บิดาได้สั่งให้พวกเขาทำ 13 บุตรชายยาโคบหามศพไปยังดินแดนคานาอัน และเก็บไว้ในถ้ำที่อยู่ในทุ่งนาที่มัคเป-ลาห์ซึ่งอยู่ใกล้มัมเร ที่อับราฮัมได้ซื้อไว้พร้อมกับทุ่งนาจากเอโฟรนชาวฮิต เพื่อมีไว้ใช้เป็นที่บรรจุศพ 14 หลังจากที่ได้บรรจุศพบิดาของเขาไว้ในถ้ำแล้ว โยเซฟกับพวกพี่น้องและทุกคนที่ไปจัดการเรื่องศพด้วยก็กลับไปยังอียิปต์

โยเซฟให้อภัยพี่ๆ

15 เมื่อพวกพี่ๆ ของโยเซฟเห็นว่าบิดาของเขาสิ้นชีวิตลงแล้ว ต่างก็พูดว่า “โยเซฟอาจจะเกลียดชังพวกเรา และจะแก้แค้นความเลวร้ายที่เราได้กระทำต่อเขา” 16 พวกเขาจึงส่งคนไปบอกโยเซฟว่า “บิดาของท่านสั่งไว้ก่อนสิ้นชีวิตตามนี้ 17 ‘จงบอกกับโยเซฟว่าพ่อขอร้องให้เจ้าให้อภัยความเลวร้ายและบาปที่พวกพี่ชายได้ทำไว้กับเจ้า’ และมาบัดนี้ พวกเราขอร้องท่านให้อภัยความเลวร้ายที่พวกเราคือผู้รับใช้ของพระเจ้าของบิดาของท่านได้กระทำไว้” โยเซฟร้องไห้ เมื่อพวกพี่ๆ พูดกับเขาอย่างนั้น 18 พี่ชายของเขามา และทิ้งตัวลงราบกับพื้นต่อหน้าเขา และพูดว่า “พวกเราเป็นผู้รับใช้ของท่าน” 19 แต่โยเซฟพูดกับพวกเขาว่า “อย่ากลัวเลย เราเป็นพระเจ้าหรืออย่างไร 20 พี่มีแผนชั่วร้ายกับเรา แต่พระเจ้าต่างหากที่ให้เกิดสิ่งดี เพื่อให้เป็นไปอย่างวันนี้คือ คนเป็นจำนวนมากได้มีชีวิตอยู่ 21 บัดนี้ อย่ากลัวเลย เราจะดูแลเรื่องอาหารให้พี่และลูกหลานของพี่ด้วย” โยเซฟจึงปลอบใจพวกเขา และพูดให้เขาสบายใจขึ้น

โยเซฟสิ้นชีวิต

22 โยเซฟและครอบครัวบิดาของเขาตั้งรกรากที่อียิปต์ และโยเซฟมีชีวิตอยู่ถึง 110 ปี 23 โยเซฟได้เห็นลูกหลานของเอฟราอิมถึง 3 ชั่วอายุคน และลูกๆ ของมาคีร์บุตรชายของมนัสเสห์ก็เกิดมาให้โยเซฟได้เชยชมด้วย 24 โยเซฟพูดกับญาติพี่น้องของเขาว่า “เราใกล้จะตายแล้ว แต่พระเจ้าจะมาเยี่ยมเยียน และนำพวกเจ้าออกจากดินแดนนี้ไปยังดินแดนที่พระองค์ได้ปฏิญาณไว้กับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ” 25 แล้วโยเซฟให้บรรดาลูกหลานของอิสราเอลสาบานต่อเขา โดยกล่าวว่า “พระเจ้าจะมาเยี่ยมเยียนพวกเจ้า และเจ้าจะต้องนำกระดูกของเราออกไปจากที่นี่” 26 โยเซฟสิ้นชีวิตเมื่อมีอายุได้ 110 ปี พวกเขาใช้น้ำยาอาบศพโยเซฟ และบรรจุร่างเขาไว้ในโลงที่อียิปต์

ลูกา 3

ยอห์นประกาศข่าวประเสริฐ

ในปีที่สิบห้าของรัชกาลทิเบริอัสซีซาร์ ปอนทิอัสปีลาตเป็นผู้ว่าราชการแคว้นยูเดีย เฮโรดปกครองแคว้นกาลิลี ฟีลิปผู้เป็นน้องปกครองแคว้นอิทูเรียและตราโคนิติส ลีซาเนียสปกครองแคว้นอาบีเลน ในช่วงเวลาที่อันนาสกับคายาฟาสเป็นหัวหน้ามหาปุโรหิต คำกล่าวของพระเจ้าก็มาถึงยอห์นบุตรของเศคาริยาห์ ซึ่งอยู่ในถิ่นทุรกันดาร ยอห์นได้เดินทางไปทั่วย่านแม่น้ำจอร์แดนเพื่อประกาศเรื่องบัพติศมา[a] ซึ่งเกิดจากการกลับใจเพื่อจะได้รับการยกโทษบาป ตามที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ฉบับอิสยาห์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าว่า

“เสียงของผู้ที่ร้องในถิ่นทุรกันดาร
‘จงเตรียมทางของพระผู้เป็นเจ้าให้พร้อม
    จงทำทางของพระองค์ให้ตรง
หุบเขาทุกแห่งจะถมให้เต็ม
    ภูเขาและเนินเขาทุกลูกจะถูกลดให้ต่ำลง
ทางที่คดเคี้ยวจะกลายเป็นทางตรง
    ถนนที่ขรุขระจะราบเรียบ
และมวลมนุษย์จะเห็นความรอดพ้นที่มาจากพระเจ้า’”[b]

ยอห์นจึงพูดกับหมู่ชนที่กำลังจะรับบัพติศมาจากท่านว่า “พวกชาติอสรพิษ ใครเตือนให้ท่านหนีจากการลงโทษที่จะมาถึง ฉะนั้นจงประพฤติตนเพื่อพิสูจน์ว่าท่านกลับใจจากการทำบาป อย่าเริ่มพูดในหมู่ท่านว่า ‘เรามีอับราฮัมเป็นบิดาของเรา’ ข้าพเจ้าขอบอกท่านว่า พระเจ้าสามารถทำให้หินพวกนี้กลายเป็นลูกๆ ของอับราฮัมก็ได้ มีขวานจ่อไว้ที่รากต้นไม้แล้ว หากว่าต้นไม้ต้นใดก็ตามไม่สามารถให้ผลงามได้ ก็จะถูกโค่นลงและถูกโยนลงในกองไฟ”

10 ฝูงชนพากันถามยอห์นว่า “แล้วเราจะทำอย่างไรเล่า” 11 ยอห์นตอบว่า “ใครที่มีเสื้อตัวใน 2 ตัวก็ควรแบ่งปันให้กับผู้ที่ไม่มี และคนที่มีอาหารก็ควรทำเช่นเดียวกัน” 12 พวกคนเก็บภาษีซึ่งมารับบัพติศมาด้วยได้ถามยอห์นว่า “อาจารย์ เราควรทำอย่างไรดี” 13 ยอห์นจึงตอบว่า “อย่าเก็บภาษีเกินกว่าที่ควรจะเก็บ” 14 พวกทหารถามขึ้นบ้างว่า “พวกเราเล่าควรทำอย่างไร” ยอห์นก็ตอบทหารว่า “อย่าบังคับขู่เข็ญเอาเงินจากผู้ใดหรือกล่าวหาแบบผิดๆ จงพอใจกับค่าจ้างที่ได้รับ”

15 ผู้คนซึ่งรอดูเหตุการณ์อยู่ต่างก็สงสัยว่ายอห์นคือพระคริสต์หรือไม่ 16 ยอห์นตอบพวกเขาว่า “ข้าพเจ้าให้บัพติศมาแก่ท่านด้วยน้ำ ทว่าเมื่อองค์ผู้มีอานุภาพยิ่งกว่าข้าพเจ้าจะมา แม้แต่เชือกผูกรองเท้าของพระองค์ ข้าพเจ้าก็มิบังควรที่จะแก้ออก พระองค์จะเป็นผู้ให้บัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และไฟ 17 พลั่วสำหรับแยกแกลบอยู่ในมือของพระองค์ เพื่อปรับลานของพระองค์ให้เรียบ และเพื่อแยกเก็บข้าวสาลีไว้ในยุ้งของพระองค์ แต่พระองค์จะเผาแกลบด้วยไฟซึ่งลุกโชติช่วงอยู่ตลอดเวลา”

18 ยอห์นได้เสนอแนะหลายสิ่งแก่ผู้คน รวมทั้งประกาศข่าวอันประเสริฐด้วย 19 เฮโรดผู้ปกครองแคว้นถูกยอห์นตำหนิเรื่องนางเฮโรเดียสน้องสะใภ้ รวมทั้งสิ่งชั่วร้ายซึ่งเฮโรดได้กระทำไว้ 20 มากไปกว่านั้น เฮโรดยังให้ยอห์นถูกจำคุก

บัพติศมาและลำดับวงศ์ของพระเยซู

21 เมื่อผู้คนทั้งปวงได้รับบัพติศมา พระเยซูก็ได้รับบัพติศมาเช่นกัน และขณะที่พระองค์กำลังอธิษฐาน สวรรค์ก็เปิด 22 พระวิญญาณบริสุทธิ์ในรูปลักษณ์ของนกพิราบลงมาอยู่เบื้องบนพระองค์ และมีเสียงจากสวรรค์ว่า “เจ้าเป็นบุตรที่รักของเรา เราพอใจในตัวเจ้ามาก”

23 เมื่อพระเยซูเริ่มรับใช้ พระองค์มีอายุประมาณ 30 ปี ตามที่คนคิดว่าพระองค์เป็นบุตรของโยเซฟ

โยเซฟเป็นบุตรของเฮลี 24 เฮลีเป็นบุตรของมัทธัต

มัทธัตเป็นบุตรของเลวี เลวีเป็นบุตรของเมลคี

เมลคีเป็นบุตรของยันนาย ยันนายเป็นบุตรของโยเซฟ

25 โยเซฟเป็นบุตรของมัทธาธีอัส มัทธาธีอัสเป็นบุตรของอาโมส

อาโมสเป็นบุตรของนาฮูม นาฮูมเป็นบุตรของเอสลี

เอสลีเป็นบุตรของนักกาย 26 นักกายเป็นบุตรของมาอาท

มาอาทเป็นบุตรของมัทธาธีอัส มัทธาธีอัสเป็นบุตรของเสเมอิน

เสเมอินเป็นบุตรของโยเสค โยเสคเป็นบุตรของโยดา

27 โยดาเป็นบุตรของโยอานัน โยอานันเป็นบุตรของเรซา

เรซาเป็นบุตรของเศรุบบาเบล เศรุบบาเบลเป็นบุตรของเชอัลทิเอล

เชอัลทิเอลเป็นบุตรของเนรี 28 เนรีเป็นบุตรของเมลคี

เมลคีเป็นบุตรของอัดดี อัดดีเป็นบุตรของโคสัม

โคสัมเป็นบุตรของเอลมาดัม เอลมาดัมเป็นบุตรของเอร์

29 เอร์เป็นบุตรของโยชูวา โยชูวาเป็นบุตรของเอลีเอเซอร์

เอลีเอเซอร์เป็นบุตรของโยริม โยริมเป็นบุตรของมัทธัต

มัทธัตเป็นบุตรของเลวี 30 เลวีเป็นบุตรของสิเมโอน

สิเมโอนเป็นบุตรของยูดาส ยูดาสเป็นบุตรของโยเซฟ

โยเซฟเป็นบุตรของโยนาม โยนามเป็นบุตรของเอลียาคิม

31 เอลียาคิมเป็นบุตรของเมเลอา เมเลอาเป็นบุตรของเมนนา

เมนนาเป็นบุตรของมัทตะธา มัทตะธาเป็นบุตรของนาธาน

นาธานเป็นบุตรของดาวิด 32 ดาวิดเป็นบุตรของเจสซี

เจสซีเป็นบุตรของโอเบด โอเบดเป็นบุตรของโบอาส

โบอาสเป็นบุตรของสัลโมน สัลโมนเป็นบุตรของนาโชน

33 นาโชนเป็นบุตรของอัมมีนาดับ อัมมีนาดับเป็นบุตรของอัดมิน

อัดมินเป็นบุตรของอารนี อารนีเป็นบุตรของเฮสโรน

เฮสโรนเป็นบุตรของเปเรศ เปเรศเป็นบุตรของยูดาห์

34 ยูดาห์เป็นบุตรของยาโคบ ยาโคบเป็นบุตรของอิสอัค

อิสอัคเป็นบุตรของอับราฮัม อับราฮัมเป็นบุตรของเทราห์

เทราห์เป็นบุตรของนาโฮร์ 35 นาโฮร์เป็นบุตรของเสรุก

เสรุกเป็นบุตรของเรอู เรอูเป็นบุตรของเปเลก

เปเลกเป็นบุตรของเอเบอร์ เอเบอร์เป็นบุตรของเชลาห์

36 เชลาห์เป็นบุตรของไคนาน ไคนานเป็นบุตรของอาร์ฟาซัด

อาร์ฟาซัดเป็นบุตรของเชม เชมเป็นบุตรของโนอาห์

โนอาห์เป็นบุตรของลาเมค 37 ลาเมคเป็นบุตรของเมธูเสลาห์

เมธูเสลาห์เป็นบุตรของเอโนค เอโนคเป็นบุตรของยาเรด

ยาเรดเป็นบุตรของมาหะลาเลเอล มาหะลาเลเอลเป็นบุตรของไคนาน

38 ไคนานเป็นบุตรของเอโนช เอโนชเป็นบุตรของเสท

เสทเป็นบุตรของอาดัม อาดัมเป็นบุตรของพระเจ้า

โยบ 16-17

โยบตอบ: ผู้ปลอบโยนที่กวนใจ

16 โยบจึงตอบว่า

“ฉันเคยได้ยินคำพูดแบบนี้มามากแล้ว
    พวกท่านทุกคนเป็นผู้ปลอบโยนที่กวนใจ
คำพูดลมๆ แล้งๆ จะไม่มีวันสิ้นสุดหรือ
    ท่านโกรธอะไรจึงทำให้ท่านต้องตอบโต้ฉัน
ถ้าฉันเป็นท่าน ฉันจะพูดเหมือนกับที่ท่านพูดก็ได้
    ฉันจะเรียบเรียงคำพูดต่อว่าท่าน
    และสั่นหัวเย้ยพวกท่าน
ฉันจะให้กำลังใจพวกท่านด้วยปากฉันก็ได้
    และจะขยับปากเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของท่านได้

ถึงอย่างไร ถ้าฉันพูด ความเจ็บปวดของฉันก็จะไม่หายไป
    ถ้าฉันนิ่งเสีย ฉันจะหายเจ็บน้อยลงแค่ไหน
    แต่บัดนี้พระองค์ทำให้ฉันเหนื่อยล้า
พระองค์ได้ทำลายครอบครัวข้าพเจ้าจนหมดสิ้น
พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าห่อเหี่ยวลงซึ่งก็เป็นพยานปรักปรำข้าพเจ้า
    ความซูบผอมของข้าพเจ้าฟ้องข้าพเจ้าซึ่งๆ หน้า
ฉันเจ็บปวดรวดร้าวก็เพราะความโกรธของพระองค์
    พระองค์จงเกลียดจงชังฉัน
เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่ฉัน
    และจ้องเขม็งดั่งศัตรูคู่อาฆาต
10 พวกเขาเปิดปากกว้างโจมตีฉัน
    เขาหัวเราะเยาะและตบหน้าฉัน
    เขารวมหัวกันต่อต้านฉัน
11 พระเจ้ายกฉันให้กับคนที่ไม่เชื่อในพระองค์
    และให้ฉันอยู่ในมือคนชั่ว
12 ฉันสุขสบายดี แต่พระองค์ทำให้ฉันแตกสลาย
    พระองค์คว้าคอฉัน และเหวี่ยงฉันให้ฉีกขาดเป็นชิ้นๆ
พระองค์ตั้งฉันเป็นเป้าของพระองค์
13     นักธนูล้อมตัวฉัน
พระองค์เฉือนไตฉันโดยไร้ความปรานี
    และเทน้ำดีของฉันลงบนพื้นดิน
14 พระองค์ทำให้ฉันบาดเจ็บซ้ำแล้วซ้ำอีก
    และโจมตีฉันดั่งนักรบ

15 ฉันสวมผ้ากระสอบปกปิดผิวหนัง
    และกำลังของฉันก็ถดถอยฟุบอยู่กับดิน
16 ฉันร้องไห้จนหน้าตาแดงก่ำ
    ขอบตาก็ดำสนิท
17 แต่ฉันไม่ได้กระทำผิดประการใด
    และฉันอธิษฐานด้วยความเคารพ
18 โอ แผ่นดินโลกเอ๋ย อย่าปิดบังเลือดของฉันเลย
    ให้ฉันร้องขอความยุติธรรมต่อไปเถิด

19 ดูเถิด แม้บัดนี้ พยานของฉันก็อยู่ในสวรรค์
    และผู้ที่เป็นพยานให้ฉันสถิตอยู่ ณ เบื้องบน
20 พวกเพื่อนๆ ของฉันดูหมิ่นฉัน
    น้ำตาของฉันไหลพรากต่อพระเจ้า
21 พระองค์เป็นดั่งพยานผู้ร้องขอพระเจ้า
    ดั่งบุตรของมนุษย์ที่กระทำเพื่อเพื่อนของเขา

22 อีกเพียงไม่กี่ปี ฉันก็จะไปตามทาง
    ซึ่งจะไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว

โยบพูดต่อไป: ความหวังของฉันอยู่ที่ไหน

17 จิตวิญญาณของฉันแตกสลาย
    วันเวลาของฉันสั้นลง
    หลุมศพกำลังรอฉันอยู่
แน่ละ มีคนเย้ยหยันอยู่รอบข้าง
    และตาของฉันเพ่งไปที่ความโหดร้ายของพวกเขา

โปรดให้คำรับรองแก่ข้าพเจ้า
    มีใครที่จะค้ำประกันให้ข้าพเจ้า
ในเมื่อพระองค์ปิดใจพวกเขา ทำให้พวกเขาไม่เข้าใจ
    ฉะนั้นพระองค์จะไม่ปล่อยให้พวกเขาชนะข้าพเจ้า
คนที่ทรยศเพื่อนๆ ของเขาเพื่อชิงทรัพย์สินไป
    ลูกๆ ของเขาเป็นฝ่ายที่ต้องรับทุกข์
พระเจ้าทำให้ฉันเป็นที่หัวเราะเยาะของคนทั่วไป
    และพวกเขาถ่มน้ำลายรดหน้าฉัน
ตาของฉันมัวจนแทบมองไม่เห็นเนื่องจากความเศร้าโศก
    แขนขาของฉันเป็นเหมือนเงา
บรรดาผู้มีความชอบธรรมตกตะลึงในเรื่องนี้
    และผู้ไร้ความผิดไม่พอใจคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้า
ถึงกระนั้นผู้มีความชอบธรรมก็ยังเชื่อในวิถีทางของเขา
    และคนมือสะอาดจะมีจิตวิญญาณที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น

10 แต่พวกท่านทุกคน เชิญกลับมาอีก
    และฉันก็จะพบว่าไม่มีผู้เรืองปัญญาสักคนในหมู่พวกท่าน
11 วันเวลาของฉันสิ้นสุดลง แผนการของฉันพังพินาศ
    ใจของฉันก็แตกสลาย
12 พวกเขาทำกลางคืนให้เป็นกลางวัน
    พวกเขาพูดว่า แสงสว่างอยู่ใกล้กับความมืด
13 ถ้าฉันรอคอยให้แดนคนตายเป็นที่อยู่
    ถ้าฉันให้ที่นอนของฉันอยู่ในความมืด
14 ถ้าฉันพูดกับหลุมศพว่า ‘เจ้าเป็นพ่อของฉัน’
    และพูดกับตัวหนอนว่า ‘แม่ของฉัน’ หรือ ‘พี่สาวของฉัน’
15 แล้วความหวังของฉันอยู่ที่ไหน
    ใครจะเห็นความหวังของฉัน
16 ความหวังจะลงไปสู่โลกแห่งแดนคนตายหรือไม่
    เราจะลงไปเป็นผงธุลีด้วยกันหรือไม่”

1 โครินธ์ 4

อัครทูตของพระคริสต์

ดังนั้น จงให้ผู้อื่นเห็นว่าเราเป็นผู้รับใช้ของพระคริสต์ และเป็นผู้อารักขาสิ่งลึกลับของพระเจ้า ผู้อารักขาจะต้องเป็นคนที่ไว้วางใจได้ ข้าพเจ้าถือว่าเป็นสิ่งเล็กน้อยเหลือเกินถ้าท่านหรือมนุษย์คนใดกล่าวโทษข้าพเจ้า แท้ที่จริงข้าพเจ้าไม่กล่าวโทษตัวเองด้วยซ้ำ ข้าพเจ้าไม่รู้สึกว่า ตัวเองได้กระทำผิดในสิ่งใด แต่มิได้หมายความว่าข้าพเจ้าถูกต้องหมด พระผู้เป็นเจ้าต่างหากจะเป็นผู้ที่กล่าวโทษข้าพเจ้า ฉะนั้นอย่าตัดสินสิ่งใดก่อนกำหนดเวลา จงรอจนกว่าพระผู้เป็นเจ้าจะมา พระองค์จะแสดงสิ่งที่ซ่อนอยู่ในความมืดให้กระจ่าง และจะเปิดเผยความมุ่งหมายในใจของทุกคนให้เห็นแจ้ง แล้วเวลานั้นแต่ละคนจะได้รับคำชมเชยจากพระเจ้า

พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าได้นำตนเองและอปอลโลขึ้นมาเป็นตัวอย่างเพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ท่าน เราจะทำให้ท่านได้เรียนรู้ความหมายของคำที่กล่าวว่า “อย่าคิดเกินกว่าที่บันทึกไว้” แล้วท่านจะได้ไม่หยิ่งผยองยกคนหนึ่งเหนือกว่าอีกคนหนึ่ง ใครทำให้ท่านต่างไปจากคนอื่นเล่า มีสิ่งใดบ้างที่ท่านมีโดยไม่ได้รับมา ถ้าหากได้รับแล้ว ไยจึงโอ้อวดว่า พระเจ้าไม่ได้เป็นผู้ให้

พวกท่านมีทุกสิ่งตามที่ท่านต้องการแล้ว พวกท่านมั่งมีแล้ว ท่านครองบัลลังก์ดั่งกษัตริย์โดยปราศจากพวกเรา เราอยากให้ท่านครองราชย์อย่างแท้จริง เผื่อว่าเราจะได้ครองราชย์เป็นกษัตริย์กับท่านด้วย ข้าพเจ้าคิดว่าพระเจ้าให้พวกเราซึ่งเป็นอัครทูตเป็นคนท้ายสุดเหมือนคนถูกตัดสินประหาร เพราะเราตกเป็นเป้าสายตาของโลก รวมทั้งทูตสวรรค์และมวลมนุษย์ 10 เราเป็นคนเขลาเพื่อพระคริสต์ แต่ท่านช่างมีปัญญาในพระคริสต์มากเหลือเกิน เราอ่อนแอแต่ท่านแข็งแรง ท่านได้รับเกียรติในขณะที่เราถูกหลู่เกียรติ 11 แม้แต่เวลานี้ที่เราเผชิญกับความหิว กระหาย ไร้เครื่องนุ่งห่ม ถูกทุบตี และไร้ที่อยู่อาศัย 12 ตัวเราต้องทำงานหนักด้วยมือของเราเอง เมื่อถูกสาปแช่ง เราก็อวยพรไป เมื่อถูกกดขี่ข่มเหง เราก็ทนเอา 13 เมื่อถูกใส่ร้าย เราก็ตอบด้วยความเป็นมิตร เรากลับกลายเหมือนเป็นขยะของโลก เป็นเศษซากของเหลือของสิ่งทั้งปวงมาจนบัดนี้

14 ข้าพเจ้าเขียนถึงท่าน มิใช่เพื่อให้ท่านเกิดความละอายใจ แต่เพื่อเตือนท่านซึ่งข้าพเจ้าก็รักเหมือนลูก 15 แม้ท่านมีผู้คุ้มกันสักหมื่นคนในพระคริสต์ แต่ท่านมีบิดาเพียงไม่กี่คน ด้วยว่าในพระเยซูคริสต์ ข้าพเจ้าได้กลายเป็นบิดาของท่านทางฝ่ายข่าวประเสริฐ 16 ฉะนั้นข้าพเจ้าขอร้องให้ท่านทำตามอย่างข้าพเจ้า 17 ด้วยเหตุนี้เองข้าพเจ้าจึงใช้ลูกที่รักของข้าพเจ้า คือทิโมธีผู้ภักดีในพระผู้เป็นเจ้าให้มาหาท่าน เพื่อให้ท่านระลึกถึงวิถีชีวิตของข้าพเจ้าในพระเยซูคริสต์ ซึ่งตรงตามที่ข้าพเจ้าสอนในทุกคริสตจักรทั่วทุกแห่ง

18 พวกท่านบางคนได้กลายเป็นคนหยิ่งผยองไป เพราะคิดว่าข้าพเจ้าจะไม่มาหาท่านแล้ว 19 หากว่าพระผู้เป็นเจ้ายินยอม ข้าพเจ้าจะมาพบท่านในไม่ช้านี้ และจะได้ทราบว่าพวกหยิ่งยโสเหล่านี้มีอานุภาพทำอะไรได้บ้าง หรือเป็นเพียงแต่พูดเท่านั้น 20 ด้วยว่า อาณาจักรของพระเจ้าไม่ใช่เป็นเรื่องของคำพูด แต่เป็นเรื่องของอานุภาพ 21 ท่านอยากให้ข้าพเจ้ามาหาท่านในลักษณะใด ถือไม้เรียวมา หรือนำความรักมาพร้อมด้วยวิญญาณอันอ่อนโยน

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation