M’Cheyne Bible Reading Plan
หอบาเบล
11 ในครั้งนั้น มนุษย์พูดภาษาเดียวกัน ใช้คำๆ เดียวกัน 2 ต่อมาผู้คนย้ายถิ่นฐานจากทางทิศตะวันออก มาพบที่ราบในดินแดนชินาร์ และได้ตั้งรกรากอยู่ที่นั่น 3 พวกเขาพูดกันว่า “มาเถิด เรามาทำอิฐกัน แล้วเผาให้แข็ง” และพวกเขาก็มีอิฐใช้แทนหิน และยางมะตอยใช้แทนปูนสอ 4 แล้วพวกเขาก็พูดว่า “มาเถิด เรามาสร้างเมืองของพวกเราเอง ก่อหอคอยให้ยอดสูงระฟ้า สร้างชื่อเสียงให้ตัวเราเอง และเราจะได้ไม่ต้องระเหเร่ร่อนไปทั่วแผ่นดินโลก” 5 แล้วพระผู้เป็นเจ้าลงมาดูเมืองและหอคอยที่บรรดาบุตรของมนุษย์ได้สร้างไว้ 6 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า “ดูเถิด พวกเขาเป็นชนชาติเดียวกัน ใช้ภาษาเดียว นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของสิ่งที่เขาจะกระทำกัน มาบัดนี้ ไม่มีสิ่งใดจะยับยั้งพวกเขาไว้ได้หากว่าเขาประสงค์จะทำ 7 มาเถิด เราลงไปทำให้ภาษาที่นั่นสับสน เขาจะได้ไม่เข้าใจกันและกันอีกต่อไป” 8 ดังนั้น พระผู้เป็นเจ้าทำให้พวกเขาระเหเร่ร่อนออกจากที่นั่นไปจนทั่วแผ่นดินโลก พวกเขาจึงหยุดสร้างเมืองนั้น 9 ฉะนั้นชื่อของเมืองนั้นคือ บาเบล เนื่องจากเป็นที่ที่พระผู้เป็นเจ้าทำให้ภาษาของคนทั้งโลกสับสน และพระผู้เป็นเจ้าทำให้พวกเขาต้องระเหเร่ร่อนจากที่นั่นไปจนทั่วแผ่นดินโลก
ลำดับเชื้อสายของเชม
10 นี่คือลำดับเชื้อสายของเชม 2 ปีหลังจากน้ำท่วม เชมมีอายุได้ 100 ปี ก็มีบุตรชายคนหนึ่งชื่ออาร์ปัคชาด 11 หลังจากอาร์ปัคชาดเกิดแล้ว เชมมีอายุอยู่ต่อไปอีก 500 ปี และมีบุตรชายบุตรหญิงอีกหลายคน
12 เมื่ออาร์ปัคชาดมีอายุได้ 35 ปี ก็มีบุตรชายคนหนึ่งชื่อเชลาห์ 13 หลังจากเชลาห์เกิดแล้ว อาร์ปัคชาดมีอายุอยู่ต่อไปอีก 403 ปี และมีทั้งบุตรชายบุตรหญิงอื่นๆ ต่อมาอีก
14 เมื่อเชลาห์มีอายุได้ 30 ปี ก็มีบุตรชายคนหนึ่งชื่อเอเบอร์ 15 หลังจากเอเบอร์เกิดแล้วเชลาห์มีอายุอยู่ต่อไปอีก 403 ปี และมีทั้งบุตรชายบุตรหญิงอื่นๆ ต่อมาอีก
16 เมื่อเอเบอร์มีอายุได้ 34 ปี ก็มีบุตรชายคนหนึ่งชื่อเปเลก 17 หลังจากเปเลกเกิดแล้วเอเบอร์มีอายุอยู่ต่อไปอีก 430 ปี และมีทั้งบุตรชายบุตรหญิงอื่นๆ ต่อมาอีก
18 เมื่อเปเลกมีอายุได้ 30 ปี ก็มีบุตรชายคนหนึ่งชื่อเรอู 19 หลังจากเรอูเกิดแล้วเปเลกมีอายุอยู่ต่อไปอีก 209 ปี และมีทั้งบุตรชายบุตรหญิงอื่นๆ ต่อมาอีก
20 เมื่อเรอูมีอายุได้ 32 ปี ก็มีบุตรชายคนหนึ่งชื่อเสรุก 21 หลังจากเสรุกเกิดแล้วเรอูมีอายุอยู่ต่อไปอีก 207 ปี และมีทั้งบุตรชายบุตรหญิงอื่นๆ ต่อมาอีก
22 เมื่อเสรุกมีอายุได้ 30 ปี ก็มีบุตรชายคนหนึ่งชื่อนาโฮร์ 23 หลังจากนาโฮร์เกิดแล้วเสรุกมีอายุอยู่ต่อไปอีก 200 ปี และมีทั้งบุตรชายบุตรหญิงอื่นๆ ต่อมาอีก
24 เมื่อนาโฮร์มีอายุได้ 29 ปี ก็มีบุตรชายคนหนึ่งชื่อเทราห์ 25 หลังจากเทราห์เกิดแล้วนาโฮร์มีอายุอยู่ต่อไปอีก 119 ปี และมีทั้งบุตรชายบุตรหญิงอื่นๆ ต่อมาอีก
26 เมื่อเทราห์มีอายุได้ 70 ปี ก็มีบุตรชายชื่ออับราม นาโฮร์ และฮาราน
27 ลำดับเชื้อสายบรรดาบุตรของเทราห์มีดังนี้คือ เทราห์เป็นบิดาของอับราม นาโฮร์ และฮาราน ฮารานเป็นบิดาของโลท 28 ฮารานเสียชีวิตบนแผ่นดินของญาติพี่น้องของตนก่อนเทราห์ผู้เป็นบิดา คือที่เมืองเออร์ของชาวเคลเดีย 29 อับรามและนาโฮร์ต่างก็ได้ภรรยา ภรรยาของอับรามชื่อซาราย ภรรยาของนาโฮร์ชื่อมิลคาห์ซึ่งเป็นบุตรหญิงของฮาราน ฮารานเป็นบิดาของมิลคาห์และอิสคาห์ 30 ซารายเป็นหมัน จึงไม่มีบุตร
31 เทราห์พาอับรามบุตรชายของตนกับโลทหลานชายผู้เป็นบุตรของฮาราน อีกทั้งซารายบุตรสะใภ้ของตนซึ่งเป็นภรรยาของอับราม ออกจากเมืองเออร์ของชาวเคลเดียเพื่อไปยังแผ่นดินคานาอัน แต่เมื่อมาถึงเมืองฮารานแล้ว ก็ได้ตั้งรกรากอยู่ที่นั่น 32 เมื่อมีอายุได้ 205 ปี เทราห์ก็เสียชีวิตในเมืองฮาราน
พระเยซูให้โอวาทแก่สาวก 12 คนก่อนออกไปประกาศ
10 พระเยซูเรียกสาวกทั้งสิบสองของพระองค์มา แล้วก็ได้ให้สิทธิอำนาจในการขับพวกวิญญาณร้ายออก และรักษาโรคภัยไข้เจ็บทุกชนิดได้ 2 อัครทูตทั้งสิบสองมีชื่อดังนี้ คนแรกชื่อซีโมนมีอีกชื่อหนึ่งว่า เปโตร กับอันดรูว์น้องชายของเขา ยากอบบุตรของเศเบดี ยอห์นน้องชายของยากอบ 3 ฟีลิป บาร์โธโลมิว โธมัส มัทธิวคนเก็บภาษี ยากอบบุตรของอัลเฟอัส ธัดเดอัส 4 ซีโมนผู้เป็นพรรคชาตินิยม และยูดาสอิสคาริโอทผู้ทรยศพระองค์
5 ก่อนที่พระเยซูจะส่งสาวกเหล่านี้ทั้งสิบสองคนออกไป พระองค์สั่งพวกเขาว่า “อย่าไปในเขตแดนของบรรดาคนนอก และอย่าเข้าไปในเมืองของชาวสะมาเรีย[a] 6 แต่ควรไปยังชนชาติอิสราเอลซึ่งเสมือนฝูงแกะที่หลงหาย 7 เมื่อพวกเจ้าไป จงประกาศว่า ‘อาณาจักรแห่งสวรรค์ใกล้จะมาถึงแล้ว’ 8 จงรักษาคนป่วยไข้ สั่งให้คนตายฟื้นคืนชีวิต รักษาคนโรคเรื้อน ขับพวกมาร[b] ในเมื่อเจ้าได้รับมาโดยเปล่า เจ้าก็จงให้โดยเปล่า 9 อย่านำทองคำ เงิน หรือทองแดงใส่กระเป๋าติดตัวไป 10 หรือนำย่ามไปในการเดินทาง แม้แต่เสื้อสำรองตัวใน รองเท้า หรือไม้เท้า เพราะคนงานสมควรได้รับค่าจ้าง 11 และเมื่อเจ้าเข้าไปในหมู่บ้านหรือเมืองใดก็ตาม จงสืบหาถึงคนดี และอยู่ที่นั่นจนกว่าเจ้าจะจากไป 12 เมื่อเจ้าเข้าไปในบ้าน ก็จงกล่าวคำทักทาย 13 และถ้าบ้านนั้นยินดีต้อนรับ ก็จงให้คำทักทายแห่งสันติสุขของเจ้ามาสู่บ้านนั้น แต่ถ้าไม่ยินดีต้อนรับ ก็ให้คำทักทายแห่งสันติสุขกลับมาสู่เจ้า 14 ใครก็ตามที่ไม่ต้อนรับหรือฟังคำของเจ้า ก็จงสลัดฝุ่นออกจากเท้าของเจ้าเวลาออกไปจากบ้านหรือเมืองนั้น 15 เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า เมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์[c]จะทนได้มากกว่าเมืองนั้นในวันพิพากษา
16 เราส่งพวกเจ้าออกไปเช่นบรรดาแกะท่ามกลางเหล่าสุนัขป่า ฉะนั้นจงเฉลียวฉลาดเหมือนงูและไม่มีภัยเหมือนนกพิราบ 17 แต่จงระวังพวกมนุษย์ เพราะเขาจะมอบตัวเจ้าให้ศาลต่างๆ แล้วเฆี่ยนพวกเจ้าตามศาลาที่ประชุมของเขา 18 พวกเจ้าจะถูกพาตัวไปยืนต่อหน้าเหล่าผู้ว่าราชการและบรรดากษัตริย์ก็เพราะเรา เพื่อเป็นพยานแก่เขาและบรรดาคนนอก 19 เมื่อพวกเขามอบตัวเจ้าไปก็อย่ากังวลว่าเจ้าจะพูดอย่างไรหรือพูดอะไร เพราะเจ้าจะได้รับคำที่เจ้าจะพูดในเวลานั้น 20 เพราะว่าไม่ใช่ตัวเจ้าเองที่พูด แต่พระวิญญาณของพระบิดาของเจ้าเป็นผู้กล่าวผ่านเจ้า 21 บรรดาพี่น้องต่างคนก็ต่างจะส่งตัวกันและกันไปประหาร พ่อมอบลูก และบรรดาลูกๆ จะต่อต้านพ่อแม่ และเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย 22 คนทั้งปวงจะเกลียดชังเจ้า เหตุเพราะชื่อของเรา แต่คนที่ยืนหยัดได้จนถึงที่สุดจะได้รับชีวิตที่รอดพ้น 23 เมื่อใดก็ตามที่พวกเขากดขี่ข่มเหงพวกเจ้าในเมืองนี้ จงหนีไปยังเมืองอื่น เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า เจ้าจะไปไม่ได้ทั่วทุกเมืองในอิสราเอลก่อนบุตรมนุษย์จะมา
24 ศิษย์จะไม่เหนือไปกว่าอาจารย์ และทาสรับใช้ไม่เหนือไปกว่านาย 25 อย่างมากศิษย์ก็จะเป็นดังเช่นอาจารย์ และทาสรับใช้ดังเช่นนายเท่านั้น ถ้าคนเรียกเจ้าบ้านว่า เบเอลเซบูล เขาจะเรียกลูกบ้านแย่กว่านั้นอีกเพียงไร
26 ฉะนั้น อย่ากลัวพวกเขาเลย เพราะไม่มีสิ่งใดที่ปิดบังไว้แล้วจะไม่ถูกเปิดเผยออก และที่ซ่อนไว้แล้วจะไม่แสดงให้เป็นที่รับรู้ 27 อะไรที่เราบอกเจ้าในที่มืด เจ้าต้องพูดในที่แจ้ง และอะไรที่เจ้าได้ยินกระซิบในหู เจ้าต้องประกาศจากดาดฟ้าหลังคาบ้าน 28 อย่ากลัวพวกที่ฆ่าได้แต่เพียงร่างกายแต่ไม่สามารถฆ่าจิตวิญญาณได้ จงกลัวพระองค์ผู้สามารถทำลายทั้งจิตวิญญาณและร่างกายในนรกได้ 29 นกกระจอก 2 ตัวขายได้ในราคาเพียง 1 บาทมิใช่หรือ ถึงกระนั้น ไม่มีนกสักตัวเดียวจะตกลงพื้นได้ โดยที่พระบิดาของเจ้าไม่อนุญาต 30 แม้แต่ผมบนศีรษะของเจ้า พระเจ้าก็นับไว้แล้ว 31 ฉะนั้นอย่ากลัวเลย เจ้ามีค่ายิ่งกว่านกกระจอกหลายตัว 32 ดังนั้นทุกคนที่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ เราจะยอมรับเขาต่อหน้าพระบิดาของเราผู้อยู่ในสวรรค์ด้วย 33 แต่ใครก็ตามที่ไม่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ เราก็จะไม่ยอมรับเขาต่อหน้าพระบิดาของเราผู้อยู่ในสวรรค์เช่นกัน
34 อย่าคิดว่าเรามาเพื่อนำสันติสุขมาสู่โลก เราไม่ได้มาเพื่อนำสันติสุขแต่นำดาบมา 35 เรามาเพื่อทำให้ ‘ลูกชายต่อต้านพ่อของเขา ลูกสาวต่อต้านแม่ และลูกสะใภ้ต่อต้านแม่สามี 36 และสมาชิกของคนในครอบครัวจะเป็นศัตรูของเขาเอง’[d]
37 ผู้ที่รักพ่อแม่มากกว่ารักเรา และรักลูกชายลูกสาวมากกว่ารักเรา ก็ไม่เหมาะที่จะเป็นสาวกของเรา 38 ผู้ที่ไม่แบกไม้กางเขนของตนและติดตามเราไป ก็ไม่เหมาะที่จะเป็นสาวกของเรา 39 ผู้ที่พบชีวิตของตนจะสูญเสียชีวิตนั้นไป และผู้ที่สูญเสียชีวิตของตนเพื่อเราจะรักษาชีวิตไว้ได้
40 ผู้ที่รับพวกเจ้าก็รับเรา และผู้ที่รับเราก็รับพระองค์ผู้ส่งเรามา 41 ผู้ที่รับผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าเพราะเป็นผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า ก็จะได้รับรางวัลอย่างที่ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าพึงได้รับ และผู้ที่รับผู้มีความชอบธรรมเพราะเขามีความชอบธรรม ก็จะได้รับรางวัลอย่างผู้มีความชอบธรรมพึงได้รับ 42 เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า ใครก็ตามที่ให้เพียงน้ำเย็น 1 แก้วแก่ผู้หนึ่งในบรรดาผู้น้อยเหล่านี้ เพราะเขาเป็นสาวกของเรา ผู้นั้นจะไม่สูญเสียรางวัลของเขา”
ประชาชนสารภาพบาป
10 ขณะที่เอสราอธิษฐานและสารภาพ ร้องไห้ และทรุดตัวลงที่หน้าพระตำหนักของพระเจ้า ชาวอิสราเอลกลุ่มใหญ่ รวมทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก ก็มาชุมนุมอยู่กับท่าน และต่างก็ร้องไห้ด้วยความปวดร้าวใจ 2 เชคานิยาห์บุตรเยฮีเอลจากเชื้อสายของเอลาม กล่าวกับเอสราว่า “พวกเราไม่ภักดีต่อพระเจ้าของเรา และได้แต่งงานกับหญิงต่างชาติจากชนชาติในแผ่นดิน กระทั่งบัดนี้ ก็ยังมีความหวังในอิสราเอลทั้งๆ ที่เป็นเช่นนี้ 3 ฉะนั้นขอพวกเราทำพันธสัญญากับพระเจ้าของเราว่า เราจะส่งภรรยาเหล่านี้กับลูกๆ ของพวกนางกลับไป ตามคำปรึกษาของเจ้านายของเรา และของบรรดาผู้ที่เกรงกลัวพระบัญญัติของพระเจ้าของเรา และให้เป็นไปตามกฎบัญญัติเถิด 4 ลุกขึ้นเถิด นี่เป็นเรื่องของท่าน และเราก็เห็นด้วยกับท่าน จงเข้มแข็งและลงมือทำ” 5 ครั้นแล้ว เอสราจึงลุกขึ้น และให้บรรดาปุโรหิตคนสำคัญ ชาวเลวี และอิสราเอลทั้งปวง สาบานว่า พวกเขาจะทำตามที่พูดไว้ และเขาทั้งปวงก็สาบานตน
6 ครั้นแล้ว เอสราก็ผละตัวออกไปจากพระตำหนักของพระเจ้า และไปยังห้องของเยโฮฮานันบุตรเอลียาชีบ อยู่ที่นั่นโดยไม่ได้รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ เพราะท่านไว้อาลัยในความไม่ภักดีของพวกเชลย 7 มีการประกาศทั่วยูดาห์และเยรูซาเล็ม ถึงพวกที่ถูกจับไปเป็นเชลยซึ่งกลับมา ให้มาประชุมกันที่เยรูซาเล็ม 8 และถ้าหากว่าผู้ใดไม่มาภายใน 3 วัน เขาก็จะสูญเสียที่ดินตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ชั้นสูงและพวกผู้ใหญ่ และเขาจะถูกขับไล่ออกจากที่ประชุมของกลุ่มเชลย
9 ดังนั้น พวกผู้ชายทั้งปวงของยูดาห์และเบนยามินจึงประชุมกันที่เยรูซาเล็มภายใน 3 วัน เป็นเดือนที่เก้า วันที่ยี่สิบของเดือน และประชาชนทั้งปวงนั่งอยู่บนลานกว้างที่หน้าพระตำหนักของพระเจ้า ตัวสั่นเทาเพราะเรื่องนี้และเพราะมีฝนตกหนัก 10 เอสราปุโรหิตยืนขึ้นและกล่าวว่า “พวกท่านสิ้นความภักดี และแต่งงานกับหญิงต่างชาติ จึงได้เพิ่มความผิดให้แก่อิสราเอล 11 บัดนี้จงสารภาพต่อพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของบรรพบุรุษของท่าน และทำตามความประสงค์ของพระองค์ จงแยกตนให้ห่างจากประชาชนของแผ่นดิน และจากภรรยาต่างชาติ” 12 และที่ประชุมทั้งหมดก็ตอบด้วยเสียงอันดังว่า “เป็นจริงตามนั้น พวกเราต้องปฏิบัติตามที่ท่านกล่าว 13 แต่มีประชาชนมากมาย และขณะนี้เป็นฤดูที่ฝนตกหนัก พวกเราจะยืนอยู่กลางแจ้งไม่ได้ และเราไม่สามารถทำเสร็จในวันสองวันได้ เพราะพวกเราได้ล่วงละเมิดในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก 14 ให้พวกเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ของเราเป็นตัวแทนให้ที่ประชุมทั้งหมด และให้ทุกคนในเมืองที่แต่งงานกับหญิงต่างชาติมาตามเวลานัดหมาย พร้อมด้วยบรรดาผู้ใหญ่และตุลาการของแต่ละเมือง จนกระทั่งความกริ้วอันร้อนแรงของพระเจ้าของเรา ที่พลุ่งขึ้นเพราะเรื่องนี้จะหันไปจากพวกเรา” 15 โยนาธานบุตรอาสาเฮล และยาไซอาห์บุตรทิกวาห์คัดค้านขึ้นมา และเมชุลลามกับชับเบธัยชาวเลวีก็สนับสนุนในการคัดค้านนี้
16 แล้วพวกเชลยที่กลับมาก็ทำตามข้อเสนอนั้น เอสราปุโรหิตจึงเลือกชายที่เป็นหัวหน้าครอบครัว ตามตระกูลของพวกเขา กำหนดพวกเขาแต่ละคนตามรายชื่อ ในวันแรกของเดือนที่สิบ พวกเขาก็นั่งลงพิจารณาเรื่องนี้ 17 ภายในวันแรกของเดือนแรก พวกเขาก็จัดการเรื่องของชายทุกคนที่ได้แต่งงานกับหญิงต่างชาติเสร็จสิ้น
ผู้มีความผิดเรื่องการแต่งงาน
18 พวกเขาพบว่าบุตรของปุโรหิตบางคนที่ได้แต่งงานกับหญิงต่างชาติ จากเชื้อสายของเยชูอาบุตรโยซาดัก และพี่น้องของเยชูอาคือ มาอาเสยาห์ เอลีเอเซอร์ ยารีบ และเก-ดาลิยาห์ 19 พวกเขาได้สาบานตนว่าจะส่งภรรยาของเขากลับไป และมอบของถวายเพื่อไถ่โทษเป็นแกะตัวผู้ตัวหนึ่งจากฝูงแพะแกะสำหรับความผิดของเขา 20 จากเชื้อสายของอิมเมอร์คือ ฮานานีและเศบาดิยาห์ 21 จากเชื้อสายของฮาริมคือ มาอาเสยาห์ เอลียาห์ เชไมยาห์ เยฮีเอล และอุสซียาห์ 22 จากเชื้อสายของปาชเฮอร์คือ เอลีโอนัย มาอาเสยาห์ อิชมาเอล เนธันเอล โยซาบาด และเอลอาสาห์
23 จากชาวเลวีคือ โยซาบาด ชิเมอี เค-ลายาห์ (คือเคลิทา) เปธาหิยาห์ ยูดาห์ และเอลีเอเซอร์ 24 จากพวกนักร้องคือ เอลียาชีบ จากคนเฝ้าประตูคือ ชัลลูม เทเลม และอุรี
25 และจากชาวอิสราเอลคือ จากเชื้อสายของปาโรชคือ รามียาห์ อิสซียาห์ มัลคิยาห์ มิยามิน เอเลอาซาร์ มัลคิยาห์ และเบไนยาห์ 26 จากเชื้อสายของเอลามคือ มัทธานิยาห์ เศคาริยาห์ เยฮีเอล อับดี เยเรโมท เอลียาห์ 27 จากเชื้อสายของศัทธูคือ เอลีโอนัย เอลียาชีบ มัทธานิยาห์ เยเรโมท ศาบาด และอาซีซา 28 จากเชื้อสายของเบบัยคือ เยโฮฮานัน ฮานันยาห์ ศับบัย อัทลัย 29 จากเชื้อสายของบานีคือ เมชุลลาม มัลลูค อาดายาห์ ยาชูบ เชอัล และเยเรโมท 30 จากเชื้อสายของปาหัทโมอับคือ อัดนา เคลาล เบไนยาห์ มาอาเสยาห์ มัทธานิยาห์ เบซาเลล บินนุย และมนัสเสห์ 31 จากเชื้อสายของฮาริมคือ เอลีเอเซอร์ อิสชียาห์ มัลคิยาห์ เชไมยาห์ ชิเมโอน 32 เบนยามิน มัลลูค เช-มาริยาห์ 33 จากเชื้อสายของฮาชูมคือ มัทเธนัย มัทธัตตาห์ ศาบาด เอลีเฟเลท เยเรมัย มนัสเสห์และชิเมอี 34 จากเชื้อสายของบานีคือ มาอาดัย อัมราม อูเอล 35 เบไนยาห์ เบดัยยาห์ เคลุฮี 36 วานิยาห์ เมเรโมท เอลียาชีบ 37 มัทธานิยาห์ มัทเธนัย ยาอาสุ 38 บานี จากเชื้อสายของบินนุยคือ ชิเมอี 39 เชเลมิยาห์ นาธาน อาดายาห์ 40 มัคนาเดบัย ชาชัย ชารัย 41 อาซาร์เอล เชเลมิยาห์ เช-มาริยาห์ 42 ชัลลูม อามาริยาห์ และโยเซฟ 43 จากเชื้อสายของเนโบคือ เยอีเอล มัททีธิยาห์ ศาบาด เศบินา ยาดดัย โยเอล และเบไนยาห์ 44 ชายเหล่านี้ได้แต่งงานกับหญิงต่างชาติ และผู้หญิงบางคนก็ได้ให้กำเนิดบุตรด้วย
เปโตรและโครเนลิอัส
10 ที่เมืองซีซารียามีชายนายร้อยคนหนึ่งชื่อโครเนลิอัส สังกัดทหารในกองอิตาเลียน 2 ทั้งท่านและครอบครัวเป็นคนที่เชื่อและเกรงกลัวพระเจ้ามาก ท่านให้ทานจำนวนมากแก่ผู้ยากไร้และอธิษฐานต่อพระเจ้าเป็นประจำ 3 วันหนึ่งประมาณเวลาบ่าย 3 โมงท่านเห็นภาพนิมิตอย่างชัดเจน คือทูตสวรรค์องค์หนึ่งของพระเจ้ามาหา และกล่าวว่า “โครเนลิอัส” 4 โครเนลิอัสจ้องดูทูตสวรรค์ด้วยความกลัว แล้วถามออกไปว่า “ท่านมีอะไรหรือ” ทูตสวรรค์จึงกล่าวว่า “คำอธิษฐานและทานที่ท่านให้แก่คนยากจนได้ปรากฏขึ้นมาดั่งของถวายที่เตือนความทรงจำ ณ เบื้องหน้าพระเจ้า 5 จงส่งคนไปยังเมืองยัฟฟา เพื่อนำซีโมนหรือที่มีอีกชื่อหนึ่งว่าเปโตรมาที่นี่ 6 ขณะนี้ท่านพักอยู่กับซีโมนช่างฟอกหนังซึ่งมีบ้านอยู่ติดกับทะเล” 7 เมื่อทูตสวรรค์ที่พูดกับท่านจากไปแล้ว โครเนลิอัสจึงเรียกคนรับใช้ 2 คนกับทหารรับใช้ซึ่งเชื่อในพระเจ้ามากมาพบ 8 ท่านเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้พวกเขาฟัง แล้วใช้ให้ไปยังเมืองยัฟฟา
9 ประมาณเที่ยงของวันรุ่งขึ้น ขณะที่คนของโครเนลิอัสได้เดินทางใกล้จะถึงตัวเมืองแล้ว เปโตรขึ้นไปบนดาดฟ้าเพื่อจะอธิษฐาน 10 ท่านบังเกิดความหิวและใคร่จะรับประทานอาหาร ขณะที่คนเตรียมอาหารอยู่ ท่านก็ตกอยู่ในภวังค์ 11 เห็นสวรรค์เปิดออก และมีสิ่งหนึ่งเหมือนผ้าผืนใหญ่ ซึ่งทั้ง 4 มุมหย่อนวางลงบนพื้นโลก 12 ในนั้นมีสัตว์สี่เท้าทุกชนิด พวกสัตว์เลื้อยคลาน และพวกนกในอากาศก็เช่นกัน 13 แล้วมีเสียงหนึ่งบอกท่านว่า “เปโตร จงลุกขึ้นเถิด ฆ่าและกินเสีย” 14 เปโตรตอบว่า “ไม่ได้หรอก พระองค์ท่าน ข้าพเจ้าไม่เคยรับประทานสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์หรือมีมลทิน” 15 เสียงนั้นกล่าวกับเปโตรเป็นครั้งที่สองว่า “สิ่งที่พระเจ้าได้ทำให้สะอาดแล้ว ก็อย่าเรียกว่าไม่บริสุทธิ์” 16 หลังจากที่เกิดขึ้น 3 ครั้งแล้ว ผืนผ้านั้นก็หายกลับขึ้นไปในสวรรค์
17 ขณะที่เปโตรกำลังคิดสงสัยเรื่องภาพนิมิตที่ปรากฏ ชายทั้งสามที่โครเนลิอัสส่งมา ก็พบบ้านของซีโมนและหยุดอยู่ที่หน้าประตู 18 แล้วตะโกนถามว่าซีโมนที่มีอีกชื่อหนึ่งว่าเปโตร กำลังพักอยู่ที่นั่นหรือไม่ 19 ขณะที่เปโตรยังครวญคิดเรื่องภาพนิมิตที่ท่านได้เห็น พระวิญญาณกล่าวกับท่านว่า “ซีโมนเอ๋ย ชาย 3 คนกำลังตามหาเจ้า 20 ฉะนั้นจงลงไปข้างล่าง อย่าลังเลที่จะไปกับพวกเขา เพราะว่าเราส่งเขามา” 21 แล้วเปโตรก็ได้ลงไปหาชายเหล่านั้นและพูดว่า “ข้าพเจ้าเป็นคนที่ท่านกำลังตามหา ท่านมาด้วยธุระอะไรกัน” 22 เขาเหล่านั้นตอบว่า “นายร้อยโครเนลิอัสส่งพวกเรามา ท่านเป็นผู้มีความชอบธรรมและเกรงกลัวพระเจ้า ทั้งยังเป็นที่นับถือทั่วไปในบรรดาชนชาติยิว ทูตสวรรค์ผู้บริสุทธิ์องค์หนึ่งได้บอกให้โครเนลิอัสเชิญท่านไปที่บ้าน เพื่อจะฟังถ้อยคำของท่าน” 23 แล้วเปโตรจึงเชิญให้ชายเหล่านั้นเข้ามาพักในบ้าน
วันรุ่งขึ้นเปโตรจึงเดินทางไปกับพวกเขา โดยพี่น้องบางคนจากเมืองยัฟฟาก็ตามไปด้วย 24 วันต่อมาก็ถึงเมืองซีซารียา และพบว่าโครเนลิอัสกำลังรอพวกเขาอยู่พร้อมกับบรรดาญาติและเพื่อนสนิทที่ได้เชิญมา 25 เมื่อเปโตรเข้าไปในบ้าน โครเนลิอัสก็มาต้อนรับ และหมอบลงแทบเท้าเพื่อแสดงความเคารพ 26 เปโตรให้ท่านลุกขึ้นและพูดว่า “จงลุกขึ้นเถิด ข้าพเจ้าเองก็เป็นเพียงมนุษย์เช่นกัน” 27 ขณะที่สนทนากันอยู่ เปโตรก็เข้าไปข้างใน พบว่าผู้คนกลุ่มใหญ่กำลังชุมนุมกันอยู่ 28 ท่านกล่าวกับเขาทั้งหลายว่า “ท่านก็ทราบว่า เป็นการผิดกฎของพวกเราชาวยิวที่จะติดต่อหรือเยี่ยมเยียนคนนอก แต่พระเจ้าได้แสดงให้ข้าพเจ้าเห็นว่า ข้าพเจ้าไม่ควรเรียกคนหนึ่งคนใดว่าไม่บริสุทธิ์หรือมีมลทิน 29 ดังนั้นเมื่อมีคนเรียกข้าพเจ้ามา และข้าพเจ้าก็มาโดยมิได้ขัดขืน ข้าพเจ้าขอถามว่าทำไมท่านจึงตามตัวข้าพเจ้ามา”
30 โครเนลิอัสตอบว่า “4 วันมาแล้วขณะที่ข้าพเจ้ากำลังอธิษฐานอยู่ในบ้านเวลาบ่าย 3 โมง ราวๆ เวลานี้ ในทันใดนั้น ก็มีชายผู้หนึ่งสวมเสื้อผ้าเปล่งประกายยืนอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า 31 และกล่าวว่า ‘โครเนลิอัสเอ๋ย พระเจ้าได้ยินคำอธิษฐานของท่าน และระลึกถึงทานที่ท่านได้ให้แก่คนยากไร้ 32 จงส่งคนไปเมืองยัฟฟา ตามตัวซีโมนหรือที่มีอีกชื่อหนึ่งว่าเปโตรให้มาหาท่าน เขากำลังพักอยู่ที่บ้านของซีโมนช่างฟอกหนังซึ่งอยู่ติดกับทะเล’ 33 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงให้คนไปตามท่านมาทันทีและก็น่ายินดีที่ท่านมา พวกเราทุกคนอยู่เบื้องหน้าพระเจ้า เพื่อที่จะฟังทุกสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าได้เอ่ยสั่งท่านไว้”
คนนอกได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์
34 แล้วเปโตรเริ่มพูดขึ้นว่า “ข้าพเจ้ารู้แน่แก่ใจแล้วว่า เป็นความจริงเพียงไรที่พระเจ้าไม่ลำเอียง 35 แต่พระองค์รับคนจากทุกๆ ชาติที่ยำเกรงพระองค์และกระทำสิ่งที่ถูกต้อง 36 ท่านก็ทราบถึงคำกล่าวซึ่งพระองค์ได้ให้ไว้กับชนชาติอิสราเอล คือการประกาศข่าวประเสริฐแห่งสันติสุขโดยผ่านพระเยซูคริสต์ พระองค์เป็นพระผู้เป็นเจ้าของคนทั้งปวง 37 พวกท่านทราบว่าเกิดอะไรขึ้นทั่วทั้งแคว้นยูเดีย โดยเริ่มจากแคว้นกาลิลี หลังจากเรื่องบัพติศมาที่ยอห์นได้ประกาศ 38 ท่านทราบว่า พระเจ้าได้เจิมพระเยซูแห่งเมืองนาซาเร็ธด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และอานุภาพอย่างไร และพระองค์ได้ไปตามที่ต่างๆ เพื่อกระทำสิ่งดีงาม และรักษาทุกคนที่อยู่ใต้อำนาจของพญามารให้หายขาด เพราะว่าพระเจ้าสถิตกับพระองค์ 39 พวกเราเป็นพยานในทุกสิ่งที่พระองค์กระทำ ทั้งในบ้านเมืองของชาวยิวรวมถึงเมืองเยรูซาเล็มด้วย พวกเขาฆ่าพระองค์โดยตรึงไว้บนไม้กางเขน 40 แต่ว่าพระเจ้าได้ให้พระองค์ฟื้นคืนชีวิตในวันที่สาม และให้ผู้คนได้เห็นพระองค์ 41 พระองค์มิได้ปรากฏแก่ทุกคน แต่ปรากฏแก่พวกพยานที่พระเจ้าได้เลือกไว้แล้ว คือพวกเราซึ่งได้รับประทานและดื่มกับพระองค์ หลังจากที่พระองค์ได้ฟื้นคืนชีวิตจากความตาย 42 พระองค์สั่งให้พวกเราประกาศแก่ผู้คน และยืนยันว่าพระองค์เป็นผู้ที่พระเจ้าได้มอบหมาย ให้เป็นผู้พิพากษาทั้งคนเป็นและคนตาย 43 ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าทุกท่านเป็นพยานถึงพระองค์ว่า ทุกคนที่เชื่อในพระองค์ ย่อมได้รับการยกโทษบาปโดยพระนามของพระองค์”
44 ขณะที่เปโตรกำลังพูดถึงสิ่งเหล่านี้อยู่ พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็ลงมาสถิตกับทุกคนที่ฟังเรื่องที่ประกาศ 45 ผู้ที่เชื่อทั้งปวงซึ่งได้เข้าสุหนัตและมากับเปโตร ล้วนแปลกใจว่า พระเจ้าได้หลั่งของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้แม้แต่บรรดาคนนอก 46 ที่ทราบก็เพราะได้ยินคนเหล่านั้นพูดภาษาที่ตนไม่รู้จัก และพากันสรรเสริญพระเจ้า ครั้นแล้วเปโตรก็พูดว่า 47 “มีใครบ้างไหมที่อาจจะห้ามผู้คนเหล่านี้ไม่ให้รับบัพติศมาด้วยน้ำ พวกเขาได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์เหมือนกับพวกเราแล้ว” 48 และท่านก็สั่งให้พวกเขารับบัพติศมาในพระนามของพระเยซูคริสต์ ครั้นแล้วคนเหล่านั้นขอให้เปโตรอยู่ด้วยกันกับเขาอีกสองสามวัน
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation