M’Cheyne Bible Reading Plan
ความชั่วของมนุษยชาติ
6 เมื่อจำนวนมนุษย์เริ่มทวีขึ้นบนแผ่นดิน และให้กำเนิดบุตรหญิง 2 บรรดาบุตรชายของพระเจ้าเห็นว่าพวกบุตรหญิงของมนุษย์งามนัก จึงเลือกไว้เป็นภรรยา 3 แล้วพระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า “วิญญาณของเรามิได้ดำรงอยู่ในมนุษย์ตลอดกาล เพราะมนุษย์เป็นก็เพียงเนื้อหนัง และจะมีอายุเพียง 120 ปี” 4 ในสมัยนั้นมีพวกเนฟิลอยู่บนแผ่นดินโลกแล้ว[a] ซึ่งต่อมาภายหลังก็ยังคงมีอยู่ เวลาบรรดาบุตรของพระเจ้าไปหลับนอนอยู่กับพวกบุตรหญิงของมนุษย์ พวกเขาก็ให้กำเนิดลูกหลานที่เป็นวีรบุรุษมีชื่อเสียงมาแต่ครั้งโบราณกาล
5 พระผู้เป็นเจ้าได้เห็นความชั่วมากมายในตัวมนุษย์บนแผ่นดินโลก และล้วนแต่มีใจคิดมุ่งร้ายอยู่ตลอดเวลา 6 พระผู้เป็นเจ้ารู้สึกเสียใจที่ได้สร้างมนุษย์ขึ้นมาบนแผ่นดินโลก พระองค์เศร้าใจยิ่งนัก 7 ดังนั้นพระผู้เป็นเจ้าจึงกล่าวว่า “เราจะกวาดล้างมนุษย์ที่เราได้สร้าง ทั้งมนุษย์ สัตว์ สัตว์เลื้อยคลาน และนกในอากาศให้สิ้นไปจากแผ่นดินโลก เพราะเราเสียใจที่เราได้สร้างพวกเขาขึ้นมา” 8 แต่โนอาห์เป็นผู้ที่โปรดปรานในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า
โนอาห์เป็นที่พอใจของพระเจ้า
9 การลำดับเชื้อสายของโนอาห์เป็นดังนี้ โนอาห์เป็นผู้มีความชอบธรรม และไร้ข้อตำหนิตลอดทั้งชีวิต โนอาห์ดำเนินชีวิตในทางของพระเจ้า 10 โนอาห์มีบุตรชาย 3 คนชื่อ เชม ฮาม และยาเฟท
11 แต่ว่าแผ่นดินโลกได้เสื่อมศีลธรรมลงในสายตาของพระเจ้า และเต็มด้วยความป่าเถื่อน 12 และพระเจ้ามองเห็นว่าคนบนแผ่นดินโลกไร้ศีลธรรม เพราะมนุษย์ทั้งปวงบนโลกล้วนแต่ประพฤติผิดศีลธรรม 13 พระเจ้ากล่าวกับโนอาห์ว่า “เราตัดสินใจจะทำให้ชีวิตของมนุษย์ทุกคนจบสิ้นลง เพราะมนุษย์ทำให้แผ่นดินโลกเต็มด้วยความป่าเถื่อน คอยดูเถิด เราจะทำลายพวกเขาจนหมดสิ้นไปจากแผ่นดินโลก 14 เจ้าจงต่อเรือใหญ่ด้วยไม้สนโกเฟอร์ให้ตัวเอง ภายในก็กั้นเป็นห้องๆ และใช้ชันยาเรือทั้งข้างในและข้างนอก 15 จงสร้างเรือตามนี้เถิด ให้เรือมีความยาว 300 ศอก กว้าง 50 ศอก และสูง 30 ศอก 16 ทำหลังคาเรือโดยมีช่องว่างลงมาจรดผนังตอนบนสุด 1 ศอก และตั้งประตูเรือที่ด้านข้าง มีชั้นล่าง ชั้นกลาง และชั้นบน 17 คอยดูเถิด เรานี่แหละจะบันดาลให้น้ำท่วมแผ่นดินโลก เพื่อทำลายร่างของสิ่งมีชีวิตทั้งปวงที่มีลมหายใจทั่วทั้งโลก ทุกสิ่งที่อยู่บนแผ่นดินโลกจะตาย 18 แต่เราจะทำพันธสัญญาระหว่างเรากับเจ้า และเจ้าจะเข้าไปในเรือใหญ่ ตัวเจ้าเองพร้อมกับบุตรชายของเจ้า ภรรยาของเจ้า และบุตรสะใภ้ของเจ้า 19 เจ้าจงพาสิ่งมีชีวิตทุกชนิดเข้าไปในเรือ ชนิดละคู่ ทั้งตัวผู้และตัวเมียเพื่อให้มีชีวิตรอดอยู่กับเจ้า 20 นกทุกชนิด สัตว์ทุกชนิด สัตว์เลื้อยคลานบนพื้นดินทุกชนิด ชนิดละคู่จะมาหาเจ้า เพื่อให้เจ้าดูแลให้มีชีวิตอยู่รอด 21 และจงสะสมของกินทุกชนิดสำหรับตัวเจ้า เพื่อใช้เป็นอาหารของเจ้าและของพวกสัตว์ด้วย” 22 โนอาห์กระทำตามนั้น เขาทำทุกสิ่งที่พระเจ้าสั่งเขา
การให้ทานสงเคราะห์
6 จงระวัง อย่าทำดีต่อหน้าผู้คนเพื่อหวังให้เขาเห็นว่าท่านมีความชอบธรรม เพราะถ้าทำอย่างนั้น ท่านจะไม่ได้รับรางวัลจากพระบิดาของท่านผู้อยู่ในสวรรค์
2 ฉะนั้น เมื่อท่านให้ทานสงเคราะห์ ก็อย่าเป่าแตรนำหน้าไปอย่างเช่นพวกหน้าไหว้หลังหลอกกระทำกันในศาลาที่ประชุมและตามถนนเพื่อรับการเยินยอจากคน เราขอบอกความจริงกับท่านว่า พวกเขาได้รับรางวัลเต็มที่แล้ว 3 เมื่อท่านให้ทานสงเคราะห์ ก็อย่าให้มือซ้ายรู้ว่ามือขวาทำอะไร 4 เพื่อว่าทานสงเคราะห์จะได้เป็นทานลับ และพระบิดาผู้เห็นสิ่งที่ท่านทำเป็นการลับก็จะให้รางวัลแก่ท่าน
การอธิษฐาน
5 เวลาที่ท่านอธิษฐาน ก็อย่าเป็นเช่นพวกหน้าไหว้หลังหลอก เพราะเขาเหล่านั้นชอบยืนอธิษฐานในศาลาที่ประชุมและตามมุมถนนเพื่อให้ผู้คนเห็น เราขอบอกความจริงกับท่านว่า พวกเขาได้รับรางวัลเต็มที่แล้ว 6 แต่ท่านเอง เวลาอธิษฐานก็จงอยู่ในห้องชั้นใน ปิดประตูแล้วอธิษฐานต่อพระบิดาของท่าน ซึ่งเรามองไม่เห็น แล้วพระบิดาผู้เห็นสิ่งที่ท่านทำเป็นการลับจะให้รางวัลแก่ท่าน
7 เวลาที่ท่านอธิษฐาน ก็อย่าใช้คำพูดยืดยาวที่ไม่มีความหมายดังเช่นบรรดาคนนอกกระทำกัน เพราะเขาเหล่านั้นคิดว่าคำอธิษฐานอันยืดยาวจะเป็นที่ได้ยิน 8 ฉะนั้นอย่าเป็นเช่นพวกเขา เพราะพระบิดาทราบว่าท่านมีความจำเป็นในสิ่งใด ก่อนที่ท่านจะขอจากพระองค์
9 ฉะนั้น จงอธิษฐานดังนี้
‘ข้าแต่พระบิดาของเราในสวรรค์
ขอพระนามของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะ
10 ขอให้อาณาจักรของพระองค์มาสถิตเถิด
ขอให้ความประสงค์ของพระองค์
ลุล่วงบนแผ่นดินโลกดังที่เป็นไปในสวรรค์
11 ขอพระองค์ให้อาหารประจำวันแก่พวกเราในวันนี้
12 ขอพระองค์ยกโทษการกระทำผิดทั้งปวงให้แก่พวกเรา
ด้วยว่าพวกเรายกโทษให้แก่ทุกคนที่กระทำผิดต่อเรา
13 ขอพระองค์นำเราไปให้พ้นจากสิ่งยั่วยุ
และช่วยพวกเราให้พ้นจากมารร้าย’[a]
14 ถ้าหากว่าพวกท่านยกโทษบาปให้แก่มนุษย์แล้ว พระบิดาในสวรรค์ของท่านก็จะยกโทษบาปให้แก่พวกท่านด้วย 15 แต่ถ้าท่านไม่ยกโทษบาปให้แก่มนุษย์ พระบิดาก็จะไม่ยกโทษบาปของท่านเช่นกัน
การอดอาหาร
16 เวลาที่ท่านอดอาหาร ก็อย่าทำหน้าเศร้าหมองดังเช่นที่พวกหน้าไหว้หลังหลอกกระทำกัน เพราะว่าเขาเหล่านั้นแสร้งทำสีหน้าให้คนเห็นว่ากำลังอดอาหารอยู่ เราขอบอกความจริงกับท่านว่า พวกเขาได้รับรางวัลเต็มที่แล้ว 17 แต่ท่านเอง เวลาที่อดอาหารก็จงใส่น้ำมันบนศีรษะของท่าน และล้างหน้าเสีย 18 เพื่อว่าคนจะได้ไม่เห็นว่าท่านกำลังอดอาหารอยู่ แต่เป็นเพียงพระบิดาของท่าน ซึ่งเรามองไม่เห็น แล้วพระบิดาผู้เห็นสิ่งที่ท่านทำเป็นการลับจะให้รางวัลแก่ท่าน
การสะสมทรัพย์สมบัติ
19 อย่าสะสมทรัพย์สมบัติไว้เพื่อตนเองในโลก อันเป็นที่ที่มีแมลงกัด สนิมกิน และโจรบุกชิงเอาไปได้ 20 แต่จงสะสมทรัพย์สมบัติในสวรรค์ซึ่งแมลงและสนิมกัดกินไม่ได้ และโจรบุกชิงเอาไปไม่ได้ 21 เพราะว่าทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย
22 ดวงตาเป็นเสมือนตะเกียงของร่างกาย ฉะนั้นถ้าดวงตาของท่านดี ทั่วทั้งร่างกายของท่านจะเต็มด้วยความสว่าง 23 แต่ถ้าดวงตาของท่านไม่ดี ทั่วทั้งร่างกายของท่านจะมีแต่ความมืด ฉะนั้นถ้าความสว่างในตัวท่านคือความมืดแล้ว มันจะมืดมากเพียงไร
24 ไม่มีผู้รับใช้คนใดจะรับใช้นาย 2 คนได้ เขาจะเกลียดคนหนึ่งและรักอีกคนหนึ่ง หรือไม่ก็จะทุ่มเทให้คนหนึ่งและดูหมิ่นอีกคนหนึ่ง ท่านจะรับใช้ทั้งพระเจ้าและเงินทองด้วยกันไม่ได้
ความกังวล
25 ด้วยเหตุนี้ เราขอบอกท่านว่า อย่ากังวลกับชีวิตว่าจะกินหรือดื่มอะไร หรือกับร่างกายของท่านว่าจะนุ่งห่มอะไร ชีวิตไม่มีค่ายิ่งกว่าอาหาร และร่างกายไม่มีค่ายิ่งกว่าเสื้อผ้าหรือ 26 จงดูนกในอากาศเถิด มันไม่หว่านไม่เก็บเกี่ยว มันไม่มีห้องหรือยุ้งฉางเก็บ พระบิดาของท่านในสวรรค์ก็ยังเลี้ยงมัน ท่านไม่มีคุณค่ายิ่งกว่านกหรือ 27 มีใครในพวกท่านบ้างที่สามารถยืดชีวิตให้ยาวได้ด้วยความวิตกกังวล 28 แล้วทำไมท่านจึงวิตกกังวลเรื่องเสื้อผ้า จงพิจารณาดูว่าดอกไม้ป่าในทุ่งเติบโตขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อมันไม่ทำงานหรือปั่นด้าย 29 แต่เราขอบอกท่านว่า แม้แต่กษัตริย์ซาโลมอนผู้พร้อมด้วยสง่าราศีอันยิ่งใหญ่ยังทรงเครื่องไม่งามเท่าดอกไม้ดอกหนึ่ง 30 แต่ถ้าพระเจ้าตกแต่งทุ่งหญ้าซึ่งยังอยู่ในวันนี้ และพรุ่งนี้ถูกโยนลงในเตาไฟ แล้วพระองค์จะไม่ตกแต่งท่านให้มากกว่านั้นอีกหรือ ท่านนี่ช่างมีความเชื่อน้อยเสียจริง 31 ดังนั้นอย่าวิตกกังวลเลยว่า ‘พวกเราจะกินหรือดื่มอะไร’ หรือว่า ‘พวกเราจะสวมใส่อะไร’ 32 เพราะบรรดาคนนอกเสาะหาสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ พระบิดาของท่านในสวรรค์ทราบว่าท่านมีความจำเป็นในสิ่งเหล่านี้ 33 แต่จงแสวงหาอาณาจักรและความชอบธรรมของพระองค์เสียก่อน แล้วพระองค์จะเพิ่มเติมสิ่งเหล่านี้ให้แก่ท่านเอง
34 ฉะนั้นอย่าวิตกกังวลถึงวันพรุ่งนี้ เพราะว่าพรุ่งนี้มีเรื่องวิตกกังวลสำหรับพรุ่งนี้เอง แต่ละวันก็มีทุกข์พออยู่แล้ว
ดาริอัสออกคำสั่ง
6 กษัตริย์ดาริอัสออกคำสั่งให้ค้นหาในบาบิโลน ในตำหนักที่มีบันทึกเอกสารเก็บรักษาไว้ 2 และก็พบหนังสือม้วนหนึ่งในป้อมปราการที่อัคมะทาในแคว้นมีเดีย มีใจความเขียนไว้ดังนี้ 3 “ในปีแรกของกษัตริย์ไซรัส กษัตริย์ไซรัสออกคำสั่งว่า เรื่องพระตำหนักของพระเจ้าที่เยรูซาเล็ม ให้สร้างพระวิหารขึ้นใหม่ เพื่อเป็นสถานที่สำหรับถวายเครื่องสักการะ ให้วางฐานรากพระวิหาร ให้มีความสูง 60 ศอก และกว้าง 60 ศอก 4 ใช้หินขนาดใหญ่ก่อ 3 ชั้นกับไม้ 1 ชั้น ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างก็เก็บจากคลังของกษัตริย์ 5 เครื่องใช้ทองคำและเงินจากพระตำหนักของพระเจ้า ซึ่งเนบูคัดเนสซาร์ขนจากพระวิหารในเยรูซาเล็มไปยังบาบิโลน ก็จงนำกลับมาเก็บในที่เดิมที่พระวิหารในเยรูซาเล็ม เจ้าจงนำไปเก็บไว้ในพระตำหนักของพระเจ้า
6 ฉะนั้น บัดนี้ทัทเธนัยผู้ว่าราชการของแคว้นทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส เชธาร์โบเซนัย และบรรดาผู้ร่วมงานของท่าน ซึ่งเป็นผู้ว่าราชการแคว้นทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส อย่ามาเกี่ยวข้องด้วยเลย 7 อย่าแตะต้องงานพระตำหนักของพระเจ้า ปล่อยให้ผู้ว่าราชการของชาวยิวและบรรดาผู้ใหญ่ของชาวยิวสร้างพระตำหนักของพระเจ้าขึ้นใหม่ในที่เดิม
8 ยิ่งกว่านั้น เรามีคำสั่งในเรื่องที่ท่านจะต้องทำเพื่อบรรดาผู้ใหญ่ของชาวยิวเหล่านี้ เพื่อสร้างพระตำหนักของพระเจ้าขึ้นใหม่ จงให้คลังกษัตริย์ชำระค่าใช้จ่ายแก่ชายเหล่านี้เต็มจำนวน และอย่ารอช้า ใช้เงินภาษีจากแคว้นทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส 9 และอะไรอื่นอีกที่จำเป็นต้องใช้เช่น โคตัวผู้ แกะตัวผู้ หรือแกะที่ใช้เผาเป็นของถวายแด่พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ ข้าวสาลี เกลือ เหล้าองุ่น หรือน้ำมัน ตามที่ปุโรหิตที่เยรูซาเล็มกำหนด จงให้สิ่งเหล่านี้แก่พวกเขาในแต่ละวัน อย่าให้บกพร่อง 10 เพื่อพวกเขาจะมอบเครื่องสักการะอันน่าพอใจแด่พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ และให้เขาอธิษฐานเพื่อชีวิตของกษัตริย์และบุตรทั้งหลายด้วย
11 เราออกกฤษฎีกาด้วยว่า หากผู้ใดเปลี่ยนแปลงคำสั่งนี้ คานไม้ที่บ้านของเขาจะถูกถอนออกมา และร่างของเขาจะถูกตรึงบนคานนั้น และบ้านของเขาจะกลายเป็นกองมูลสัตว์ 12 พระเจ้าผู้ทำให้พระนามของพระองค์สถิตที่นั่น ขอพระองค์ปลดกษัตริย์หรือประชาชนคนใดที่ยื่นมือมาเปลี่ยนแปลงคำสั่งนี้ หรือถ้าใครทำลายพระตำหนักของพระเจ้าแห่งนี้ที่เยรูซาเล็ม เราดาริอัสเป็นผู้ออกคำสั่ง ขอให้ปฏิบัติตามนั้นอย่างเคร่งครัด”
สร้างพระวิหารเสร็จ
13 ทัทเธนัยผู้ว่าราชการของแคว้นทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส เชธาร์โบเซนัย และเพื่อนร่วมงานของพวกเขาทำตามคำสั่งของกษัตริย์ดาริอัสอย่างเคร่งครัด 14 และบรรดาผู้ใหญ่ของชาวยิวก็สร้างและประสบผลสำเร็จ ตามการเผยความของฮักกัยผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า และเศคาริยาห์บุตรอิดโด พวกเขาสร้างเสร็จตามคำบัญชาของพระเจ้าของอิสราเอล และตามคำสั่งของไซรัส ดาริอัส และกษัตริย์อาร์ทาเซอร์ซีสแห่งเปอร์เซีย 15 พระตำหนักนี้สร้างเสร็จในวันที่สามของเดือนอาดาร์ ในปีที่หกของการปกครองของกษัตริย์ดาริอัส
16 ประชาชนของอิสราเอล บรรดาปุโรหิต ชาวเลวี และพวกที่ถูกเนรเทศที่กลับมา จึงฉลองการถวายพระตำหนักของพระเจ้าแห่งนี้ด้วยความยินดี 17 ในงานถวายพระตำหนักของพระเจ้าแห่งนี้ พวกเขามอบโคตัวผู้ 100 ตัว แกะตัวผู้ 200 ตัว ลูกแกะ 400 ตัว และแพะตัวผู้ 12 ตัว เป็นเครื่องสักการะชดใช้บาปสำหรับอิสราเอลทั้งปวง ตามจำนวนเผ่าของอิสราเอล 18 แล้วเขาเหล่านั้นกำหนดบรรดาปุโรหิตและชาวเลวีประจำกองเวรของพวกเขา เพื่องานรับใช้พระเจ้าที่เยรูซาเล็ม ตามที่บันทึกไว้ในหนังสือของโมเสส
ฉลองเทศกาลปัสกา
19 ในวันที่สิบสี่ของเดือนแรก บรรดาผู้ถูกเนรเทศที่กลับมาก็ถือกฎปัสกา 20 เพราะบรรดาปุโรหิตและชาวเลวีได้ชำระตัวให้บริสุทธิ์ด้วยกัน ทุกคนจึงบริสุทธิ์ ดังนั้นพวกเขาจึงฆ่าลูกแกะปัสกาสำหรับบรรดาผู้ถูกเนรเทศที่กลับมา สำหรับพี่น้องที่เป็นปุโรหิต และสำหรับพวกเขาเอง 21 ดังนั้นชาวอิสราเอลที่ถูกเนรเทศและได้กลับมาจึงรับประทานปัสกาด้วย พร้อมกับคนทั้งปวงที่ได้แยกตนออกจากคนนอกซึ่งปฏิบัติตนในหนทางที่เป็นมลทินของแผ่นดิน เพื่อนมัสการพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล 22 และพวกเขาถือกฎเทศกาลขนมปังไร้เชื้อด้วยความยินดีเป็นเวลา 7 วัน เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้ทำให้พวกเขาชื่นชมยินดี และได้เปลี่ยนใจกษัตริย์แห่งอัสซีเรียให้มาสนใจพวกเขา ดังนั้นท่านจึงช่วยเหลือในเรื่องงานพระตำหนักของพระเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล
เลือกชาย 7 คนให้รับใช้
6 ในเวลานั้นจำนวนสาวกเพิ่มขึ้น และในหมู่สาวกก็มีชาวยิวที่พูดภาษากรีกพากันว่ากล่าวติเตียนชาวยิวที่พูดภาษาฮีบรู เพราะว่าพวกแม่ม่ายของเขาเหล่านั้นไม่ได้รับการแจกอาหารประจำวัน 2 อัครทูตทั้งสิบสองจึงเรียกสาวกทั้งหมดมาประชุมกันแล้วกล่าวว่า “หากว่าเราจะละเลยคำกล่าวของพระเจ้าเพื่อไปรับใช้ในการแจกอาหาร ก็จะไม่ใช่การกระทำที่ถูกต้อง 3 พี่น้องทั้งหลาย ท่านจงเลือกชาย 7 คนผู้เปี่ยมด้วยพระวิญญาณและสติปัญญาจากพวกท่านมา เพื่อเราจะได้ให้พวกเขารับผิดชอบในเรื่องนี้ 4 ส่วนพวกเราจะได้ใส่ใจในการอธิษฐาน และรับใช้ในการประกาศคำกล่าว” 5 ผู้คนเหล่านั้นล้วนพอใจในข้อเสนอนี้ จึงเลือกสเทเฟนผู้เปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และความเชื่อ และได้เลือกฟีลิป โปรโครัส นิคาโนร์ ทิโมน ปาร์เมนัส และนิโคเลาส์ชาวเมืองอันทิโอก ซึ่งก่อนหน้านี้เคยปฏิบัติตามศาสนาของชาวยิว 6 ให้พวกเขามายืนต่อหน้าอัครทูตซึ่งได้อธิษฐานและวางมือบนตัวพวกเขาเหล่านั้น
7 ดังนั้นคำกล่าวของพระเจ้าจึงได้แผ่ขยาย ทำให้สาวกในเมืองเยรูซาเล็มมีเพิ่มมากยิ่งขึ้น รวมทั้งปุโรหิตจำนวนมากก็กลับมารับเชื่อด้วย
สเทเฟนถูกจับกุม
8 สเทเฟนผู้เปี่ยมด้วยพระคุณและอานุภาพของพระเจ้า ก็ได้แสดงสิ่งมหัศจรรย์และปรากฏการณ์อัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ต่างๆ ท่ามกลางฝูงชน 9 หมู่สมาชิกจากศาลาที่ประชุม (ตามที่เรียกกันว่า ศาลาที่ประชุมของทาสอิสระ) ได้ตั้งตัวเป็นฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเป็นชาวยิวจากเมืองไซรีนและเมืองอเล็กซานเดรีย และชาวยิวอื่นๆ จากแคว้นซีลีเซียและแคว้นเอเชีย ต่างก็เริ่มถกเถียงกับสเทเฟน 10 แต่ก็ไม่สามารถคัดค้านสติปัญญาของเขาหรือพระวิญญาณผู้กล่าวผ่านเขาได้ 11 แล้วชายเหล่านั้นแอบชักชวนคนอื่นๆ ให้พูดว่า “เราได้ยินสเทเฟนพูดหมิ่นประมาทโมเสสและพระเจ้า” 12 ผู้คนเหล่านั้นได้ทำให้ประชาชน พวกผู้ใหญ่ และพวกอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติเกิดความฉุนเฉียว และจับกุมสเทเฟนไปยังศาสนสภา 13 คนเหล่านั้นตั้งพยานเท็จขึ้นและให้การว่า “ชายผู้นี้กล่าวร้ายต่อสถานที่อันบริสุทธิ์นี้และต่อกฎบัญญัติอย่างไม่หยุดยั้ง 14 พวกเราได้ยินเขาพูดว่า เยซูแห่งเมืองนาซาเร็ธนี้จะทำลายสถานที่นี้ และจะเปลี่ยนแปลงประเพณีนิยมซึ่งโมเสสได้ถ่ายทอดให้แก่พวกเรา” 15 ทุกคนที่นั่งอยู่ในศาสนสภามองดูสเทเฟนอย่างตั้งอกตั้งใจ และต่างยอมรับว่าหน้าของเขาเหมือนหน้าทูตสวรรค์
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation