Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
ปฐมกาล 4

คาอินและอาเบล

อาดัมสมสู่อยู่กับเอวาภรรยาของตน แล้วนางก็ตั้งครรภ์และคลอดบุตรชื่อคาอิน นางพูดว่า “ฉันมีบุตรชายได้เพราะพระผู้เป็นเจ้าช่วยเหลือ” ต่อมานางได้คลอดบุตรชายเป็นน้องของคาอินชื่ออาเบล อาเบลเป็นคนเลี้ยงฝูงแกะ ส่วนคาอินเป็นคนทำไร่พรวนดิน วันเวลาล่วงไป คาอินนำผลที่ได้จากไร่นาเป็นของถวายสำหรับพระผู้เป็นเจ้า ส่วนอาเบลนำลูกแกะตัวแรกจากฝูงของเขามา และนำส่วนดีที่สุดอันเป็นไขมันของแกะมาให้ พระผู้เป็นเจ้าพอใจอาเบลกับของถวายของเขา แต่พระองค์กลับไม่พอใจคาอินกับของถวาย ฉะนั้นคาอินจึงเดือดดาลมาก และหน้าตาก็หม่นหมอง พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับคาอินว่า “ทำไมเจ้าจึงเดือดดาล ทำไมหน้าตาของเจ้าจึงหม่นหมองเช่นนั้น ถ้าเจ้าทำดี แล้วเราจะไม่รับเจ้าเช่นนั้นหรือ แต่ถ้าเจ้าทำไม่ดี บาปก็กำลังรอตะครุบเจ้าอยู่ที่ประตู มันต้องการตัวเจ้า เจ้าจะต้องเอาชนะมันให้ได้”

คาอินพูดกับอาเบลน้องชายของตนว่า “เราออกไปที่ทุ่งกันเถิด” เมื่อเขาทั้งสองอยู่ในทุ่ง คาอินโถมตัวเข้าใส่อาเบลน้องชายของตน และฆ่าเขาเสีย แล้วพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับคาอินว่า “อาเบลน้องชายของเจ้าอยู่ไหน” เขาตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่ทราบ ข้าพเจ้ามีหน้าที่ดูแลน้องหรือ” 10 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า “เจ้าทำอะไรลงไป เลือดของน้องชายเจ้ากำลังฟ้องร้องขึ้นมาจากพื้นดิน 11 และบัดนี้เจ้าได้ถูกสาปแช่งจากแผ่นดินที่ซึมซับรับเอาเลือดของน้องชายเจ้า ที่หลั่งออกมาเพราะมือของเจ้าเอง 12 เวลาเจ้าทำไร่พรวนดิน พืชผลจะไม่ให้ผลแก่เจ้าอีกต่อไป เจ้าจะหลบหนีและซัดเซพเนจรไปในโลก” 13 คาอินพูดกับพระผู้เป็นเจ้าว่า “โทษของข้าพเจ้าสาหัสเกินที่ข้าพเจ้าจะรับได้ 14 ดูเถิด วันนี้พระองค์ขับไล่ข้าพเจ้าออกจากแผ่นดิน ข้าพเจ้าก็ต้องไปให้พ้นหน้าพระองค์ ข้าพเจ้าจะหลบหนีและซัดเซพเนจรไปในโลก ใครก็ตามที่พบข้าพเจ้าจะฆ่าข้าพเจ้าเสีย” 15 แล้วพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับเขาว่า “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ถ้าใครฆ่าคาอิน เขาจะได้รับโทษคืน 7 เท่าเป็นการแก้แค้น” แล้วพระผู้เป็นเจ้าทำเครื่องหมายไว้ที่ตัวคาอิน เพื่อว่าเวลาผู้ใดพบกับเขา จะได้ไม่ฆ่าเขา 16 คาอินก็ไปจนพ้นหน้าพระผู้เป็นเจ้า แล้วไปอาศัยอยู่ที่ดินแดนแห่งโนดทางทิศตะวันออกของเอเดน

การเริ่มของวัฒนธรรม

17 คาอินสมสู่อยู่กับภรรยาของตน นางตั้งครรภ์และคลอดบุตรชื่อเอโนค เขาสร้างเมืองขึ้นเมืองหนึ่ง และตั้งชื่อเมืองตามชื่อของบุตรชายคือ เอโนค 18 เอโนคมีบุตรชื่ออิราด และอิราดเป็นบิดาของเมหุยาเอล เมหุยาเอลเป็นบิดาของเมธูชาเอล เมธูชาเอลเป็นบิดาของลาเมค 19 ลาเมคมีภรรยา 2 คน คนหนึ่งชื่ออาดาห์ อีกคนหนึ่งชื่อศิลลาห์ 20 อาดาห์คลอดบุตรชื่อยาบาล ซึ่งเป็นบิดาของกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในกระโจมและเป็นเจ้าของปศุสัตว์ 21 เขามีน้องชายชื่อยูบาล ยูบาลเป็นบรรพบุรุษของบรรดาผู้เล่นพิณสิบสายและปี่ 22 ส่วนศิลลาห์คลอดบุตรชายเช่นกัน ชื่อทูบัลคาอินเป็นช่างตีเหล็กและทองสัมฤทธิ์ซึ่งใช้ประดิษฐ์เครื่องมือสารพัดชนิด น้องสาวของเขาชื่อนาอามาห์

23 ลาเมคพูดกับภรรยาของตนว่า

“อาดาห์และศิลลาห์ จงฟังเสียงของเรา
    ภรรยาลาเมคเอ๋ย จงเงี่ยหูฟังเราไว้
เราได้ฆ่าชายคนหนึ่งที่ทำให้เราบาดเจ็บ
    เด็กหนุ่มที่ขูดข่วนให้เราฟกช้ำ
24 ถ้ามีการแก้แค้นให้คาอินเป็น 7 เท่า
    การแก้แค้นให้ลาเมคจะเป็น 77 เท่า”

25 อาดัมสมสู่อยู่กับภรรยาของตนเรื่อยมา นางคลอดบุตรชายและตั้งชื่อเขาว่า เสท เพราะนางพูดว่า “พระเจ้าได้ให้ลูกอีกคนแทนอาเบล เพราะคาอินฆ่าเขา” 26 เสทได้บุตรชายคนหนึ่ง และตั้งชื่อเขาว่า เอโนช ในเวลานั้นมนุษย์เริ่มร้องเรียกพระนามของพระผู้เป็นเจ้า

มัทธิว 4

พญามารผู้ยั่วยุท้าพระเยซู

ครั้นแล้ว พระวิญญาณได้นำพระเยซูเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร เพื่อพญามารจะได้ยั่วยุพระองค์[a] หลังจากพระองค์อดอาหารเป็นเวลา 40 วัน 40 คืนแล้ว พระองค์จึงรู้สึกหิว พญามารผู้ยั่วยุมาพูดกับพระองค์ว่า “ถ้าท่านเป็นบุตรของพระเจ้า ก็ทำให้ก้อนหินพวกนี้กลายเป็นขนมปังสิ” แต่พระองค์กล่าวตอบว่า “มีบันทึกไว้ว่า

‘มนุษย์มิอาจยังชีพได้ด้วยขนมปังเพียงอย่างเดียว
    แต่อยู่ได้ด้วยทุกถ้อยคำที่กล่าวจากปากของพระเจ้า’”[b]

แล้วพญามารก็นำพระองค์เข้าไปยังเมืองบริสุทธิ์ ให้พระองค์ยืนบนยอดสูงสุดของพระวิหาร และพูดกับพระองค์ว่า “ถ้าท่านเป็นบุตรของพระเจ้า ก็กระโดดลงไปสิ เพราะมีบันทึกไว้ว่า

‘พระองค์จะสั่งเหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์มาปกป้องท่าน’

และ

‘ทูตสวรรค์จะช่วยรับท่านไว้ในมือ
    เพื่อว่าเท้าของท่านจะได้ไม่กระทบแม้หินสักก้อน’”[c]

พระเยซูกล่าวกับพญามารว่า “มีบันทึกไว้ด้วยว่า ‘อย่าลองดีกับพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า’”[d] พญามารจึงนำพระองค์ไปยังภูเขาสูงเพื่อให้ดูทุกอาณาจักรในโลกพร้อมกับความรุ่งเรือง พญามารพูดกับพระองค์ว่า “เราจะยกสิ่งเหล่านี้ให้ท่านหากท่านก้มลงนมัสการเรา” 10 พระเยซูกล่าวกับพญามารว่า “ไปเสียให้พ้นเถิดซาตาน[e] เพราะมีบันทึกไว้ว่า

‘เจ้าจงกราบนมัสการพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า
    และรับใช้พระองค์เพียงผู้เดียว’”[f]

11 ครั้นแล้วพญามารก็จากพระเยซูไป และเหล่าทูตสวรรค์ได้มาปรนนิบัติพระองค์

พระเยซูเริ่มประกาศ

12 เมื่อพระเยซูได้ยินว่ายอห์นถูกจับกุม พระองค์ก็เดินทางไปยังแคว้นกาลิลี 13 เมื่อพระองค์เดินทางออกจากเมืองนาซาเร็ธก็ได้ไปอาศัยอยู่ที่เมืองคาเปอร์นาอุม ซึ่งอยู่ริมทะเลสาบในเขตแดนของเผ่าเศบูลุนและนัฟทาลี 14 ทั้งนี้เพื่อเป็นไปตามที่ได้กล่าวไว้โดยผ่านอิสยาห์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าว่า

15 “เขตแดนของเผ่าเศบูลุน
    และเขตแดนของเผ่านัฟทาลี
ตามทางข้างทะเลโพ้นแม่น้ำจอร์แดน
    คือกาลิลีของบรรดาคนนอก[g]
16 ผู้คนที่อาศัยอยู่ในความมืด
    ได้เห็นความสว่างอันยิ่งใหญ่
ผู้ที่นั่งอยู่ในดินแดนของเงาแห่งความตาย
    ได้รับความสว่างที่สาดส่องมาถึงแล้ว”[h]

17 ตั้งแต่นั้นมา พระเยซูก็เริ่มประกาศว่า “จงกลับใจ เพราะว่าอาณาจักรแห่งสวรรค์ใกล้จะมาถึงแล้ว”

สาวกกลุ่มแรกติดตามพระเยซู

18 พระเยซูเดินเลียบไปตามทะเลสาบกาลิลี พระองค์เห็นพี่น้องสองคน คือซีโมนซึ่งมีอีกชื่อหนึ่งว่าเปโตร และอันดรูว์น้องชายกำลังทอดแหอยู่ที่ทะเลสาบ ด้วยว่าทั้งสองเป็นชาวประมง 19 พระองค์กล่าวกับเขาทั้งสองว่า “จงตามเรามาเถิด และเราจะสอนให้เจ้าเป็นชาวประมงที่นำฝูงชนมาหาเรา” 20 ทั้งสองจึงทิ้งแหและอวนเพื่อติดตามพระองค์ไปทันที 21 ขณะที่เดินต่อไป พระองค์เห็นพี่น้องอีกสองคน คือยากอบบุตรของเศเบดี กับยอห์นน้องชายของเขาอยู่ในเรือกับเศเบดีบิดาของเขากำลังชุนแหและอวนอยู่ พระองค์จึงเรียกเขา 22 เขาทั้งสองก็ละจากเรือและบิดาเพื่อติดตามพระองค์ไปทันที

การปฏิบัติงานของพระเยซู

23 พระเยซูสั่งสอนตามศาลาที่ประชุมทั่วทั้งแคว้นกาลิลี เพื่อประกาศข่าวประเสริฐเรื่องอาณาจักรของพระเจ้า และพระองค์รักษาผู้คนให้หายขาดจากโรคภัยไข้เจ็บทุกชนิด 24 ข่าวเกี่ยวกับพระองค์แพร่ไปทั่วแคว้นซีเรีย มีผู้คนพาคนป่วยมาหาพระองค์ คนเหล่านั้นป่วยด้วยโรคนานาชนิด เช่น คนที่ทนทุกข์ทรมาน คนที่มีมารสิง คนที่เป็นโรคลมชักและคนง่อย แล้วพระองค์ก็รักษาพวกเขาให้หายขาดจากโรค 25 ฝูงชนจำนวนมากติดตามพระองค์จากแคว้นกาลิลี แคว้นทศบุรี เมืองเยรูซาเล็ม แคว้นยูเดีย และจากอีกฟากของแม่น้ำจอร์แดน

เอสรา 4

ศัตรูขัดขวางการสร้างพระวิหาร

เมื่อศัตรูของยูดาห์และเบนยามินทราบว่า บรรดาผู้ที่ถูกเนรเทศซึ่งได้กลับมา กำลังสร้างพระวิหารถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล พวกเขาจึงไปหาเศรุบบาเบลและบรรดาหัวหน้าตระกูล และบอกว่า “ให้พวกเราสร้างด้วยกันกับท่าน เพราะเรานมัสการพระเจ้าของท่านเหมือนกับท่าน และนับจากสมัยของกษัตริย์เอสาร์ฮัดโดนแห่งอัสซีเรียผู้นำพวกเรามาที่นี่ พวกเราก็ได้มอบเครื่องสักการะแด่พระองค์เสมอมา” แต่เศรุบบาเบล เยชูอา และหัวหน้าตระกูลทั้งปวงในอิสราเอล ก็ตอบพวกเขาว่า “พวกท่านไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเราในการสร้างพระตำหนักถวายแด่พระเจ้าของเรา แต่พวกเราเท่านั้นที่จะสร้างถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล ตามที่ไซรัสกษัตริย์แห่งเปอร์เซียได้บัญชาพวกเรา”

แล้วประชาชนของแผ่นดินนั้นก็ทำให้ประชาชนของยูดาห์ท้อถอยและกลัวที่จะสร้างพระวิหาร และยังได้จ้างเจ้าหน้าที่ให้ต่อต้านพวกเขา ซึ่งทำให้อึดอัดใจกับการก่อสร้าง ตลอดทั้งสมัยของไซรัสกษัตริย์แห่งเปอร์เซีย จนถึงสมัยการปกครองของกษัตริย์ดาริอัสแห่งเปอร์เซีย

ในระยะต้นสมัยการปกครองของอาหสุเอรัส พวกเขาเขียนจดหมายกล่าวหาประชาชนของยูดาห์และเยรูซาเล็ม

จดหมายถึงกษัตริย์อาร์ทาเซอร์ซีส

ในสมัยของอาร์ทาเซอร์ซีส บิชลาม มิทเรดาท ทาเบเอล และผู้ร่วมงานทั้งปวงของพวกเขามีจดหมายไปถึงกษัตริย์อาร์ทาเซอร์ซีสแห่งเปอร์เซีย จดหมายนั้นเขียนเป็นภาษาอาราเมค และแปลเป็นภาษาอาราเมค เรฮูมผู้บังคับบัญชา และชิมชัยเลขา เขียนจดหมายถึงกษัตริย์อาร์ทาเซอร์ซีส เป็นการต่อต้านเยรูซาเล็มว่า เรฮูมผู้บังคับบัญชา ชิมชัยเลขา และผู้ร่วมงานทั้งปวงของพวกเขาคือ บรรดาผู้พิพากษา ผู้ว่าราชการ เจ้าหน้าที่ ชาวเปอร์เซีย คนจากเอเรก ชาวบาบิโลน คนจากสุสาคือชาวเอลาม 10 และชนชาติทั้งปวงที่โอสนัปปาร์ผู้ยิ่งใหญ่และมีเกียรติได้เนรเทศให้ออกไปตั้งหลักแหล่งอยู่ในเมืองของสะมาเรียและในส่วนอื่นๆ ของแคว้นทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส

11 (นี่เป็นสำเนาจดหมายที่พวกเขาส่งไป) “ถึงกษัตริย์อาร์ทาเซอร์ซีส จากบรรดาผู้รับใช้ของท่าน คนของแคว้นทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส 12 ขอกษัตริย์ทราบด้วยว่า บรรดาชาวยิวที่ท่านปล่อยให้ขึ้นมาถึงที่นี่ ได้ไปยังเยรูซาเล็ม และพวกเขากำลังสร้างเมืองขึ้นใหม่ซึ่งเป็นเมืองที่ชั่วร้ายและแข็งข้อ พวกเขากำลังสร้างกำแพงเมืองจนเกือบเสร็จแล้ว และกำลังซ่อมฐานรากอยู่

13 บัดนี้ขอกษัตริย์ทราบด้วยว่า ถ้าเมืองนี้ถูกสร้างขึ้นใหม่ และกำแพงเมืองสร้างเสร็จ พวกเขาจะไม่มอบของกำนัล ค่าธรรมเนียม หรือภาษี และจะทำให้รายได้ของกษัตริย์ลดน้อยลง 14 เป็นเพราะพวกเราอยู่ในสังกัดของวังกษัตริย์ และไม่สมควรที่เราจะเห็นกษัตริย์เสื่อมเกียรติ ฉะนั้นพวกเราจึงส่งข้อมูลแจ้งมายังกษัตริย์ 15 เพื่อจะได้ค้นดูในบันทึกเอกสารของบรรพบุรุษของท่าน ท่านจะทราบจากสมุดบันทึกว่า เมืองนี้แข็งข้อและก่อปัญหาให้กับบรรดากษัตริย์และแว่นแคว้น ก่อความกระด้างกระเดื่องต่อผู้มีอำนาจปกครองนับตั้งแต่สมัยก่อน เมืองนี้จึงได้ถูกทำลายสิ้น 16 พวกเราแจ้งให้กษัตริย์ทราบว่า ถ้าเมืองนี้ถูกสร้างขึ้นใหม่ และกำแพงเมืองเสร็จเมื่อใด ท่านจะไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่ในแคว้นทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส”

กษัตริย์บัญชาให้หยุดงานก่อสร้าง

17 กษัตริย์ส่งคำตอบว่า “ถึงเรฮูมผู้บังคับบัญชา และชิมชัยเลขา และเพื่อนร่วมงานทั้งปวงของพวกเขาที่อาศัยอยู่ในสะมาเรียและในแคว้นทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส เราส่งคำทักทายมา 18 จดหมายที่ท่านส่งถึงเรานั้นมีคนแปลและอ่านต่อหน้าเราแล้ว 19 และเราออกคำสั่ง และให้ค้นดูแล้ว เราพบว่าตั้งแต่สมัยก่อน เมืองนี้ได้ลุกขึ้นต่อต้านบรรดากษัตริย์ มีการต่อต้านและปลุกปั่นให้กระด้างกระเดื่องต่อผู้มีอำนาจปกครอง 20 เยรูซาเล็มมีบรรดากษัตริย์ที่มีอำนาจปกครองทั่วแคว้นทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส ซึ่งได้รับทั้งของกำนัล ค่าธรรมเนียม และภาษี 21 ฉะนั้น จงออกคำสั่งว่า ให้คนเหล่านั้นหยุดปฏิบัติงาน อย่าสร้างเมืองนี้ขึ้นใหม่ จนกว่าเราจะเป็นผู้ออกคำสั่ง 22 จงแน่ใจว่าไม่ละเลยในเรื่องนี้ ทำไมจะปล่อยให้เกิดความเสียหายยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นการขัดผลประโยชน์ของกษัตริย์”

23 ครั้นได้อ่านสำเนาจดหมายของกษัตริย์อาร์ทาเซอร์ซีสต่อหน้าเรฮูม ชิมชัยเลขา และบรรดาผู้ร่วมงานของพวกเขาแล้ว เขาทั้งปวงจึงรีบไปหาพวกชาวยิวที่เยรูซาเล็ม และใช้กำลังและอำนาจบังคับให้พวกเขาหยุดก่อสร้าง 24 ฉะนั้นงานพระตำหนักของพระเจ้าในเยรูซาเล็มจึงหยุดพักไป จนกระทั่งปีที่สองแห่งการปกครองของกษัตริย์ดาริอัสแห่งเปอร์เซีย

กิจการของอัครทูต 4

เปโตรและยอห์นยืนอยู่ต่อหน้าศาสนสภา

พวกปุโรหิต นายทหารรักษาพระวิหาร และพวกสะดูสี[a]ได้เดินมาหาเปโตรและยอห์น ขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนาอยู่กับหมู่ชน คนเหล่านั้นโกรธมาก เพราะพวกอัครทูตกำลังสั่งสอนคนทั้งปวง และประกาศว่าพระเยซูฟื้นคืนชีวิตจากความตาย เพราะเป็นเวลาเย็นแล้ว คนเหล่านั้นจึงจับตัวเปโตรและยอห์นขังไว้ในคุกจนวันรุ่งขึ้น แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่เชื่อในสิ่งที่ทั้งสองประกาศ และทำให้จำนวนผู้ที่เชื่อเพิ่มเป็นประมาณ 5,000 คน

เมื่อถึงวันรุ่งขึ้นพวกที่อยู่ในระดับปกครอง พวกผู้ใหญ่ และพวกอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติก็ประชุมกันในเมืองเยรูซาเล็ม อันนาสหัวหน้ามหาปุโรหิต คายาฟาส ยอห์น อเล็กซานเดอร์ และคนอื่นๆ ในครอบครัวของหัวหน้ามหาปุโรหิตก็อยู่ที่นั่นด้วย พวกเขาได้ให้คนนำเปโตรและยอห์นมายืนต่อหน้าเพื่อไต่ถามว่า “ท่านกระทำการนี้ด้วยอานุภาพหรือในนามของผู้ใด” ขณะนั้นเปโตรซึ่งเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้กล่าวกับคนเหล่านั้นว่า “บรรดาผู้อยู่ในระดับปกครองและหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของหมู่ชน ถ้าเราทั้งสองถูกเรียกตัวมาสอบถามในวันนี้ ด้วยเหตุที่เรามีใจช่วยเหลือคนง่อย และที่ท่านถามว่ารักษาเขาหายได้อย่างไร 10 พวกท่านและชาวอิสราเอลทั้งหลายจงรับรู้เถิดว่า ชายผู้ที่ยืนอยู่ต่อหน้าท่านนี้ ได้รับการรักษาให้หายโดยพระนามของพระเยซูคริสต์แห่งเมืองนาซาเร็ธ ซึ่งท่านได้ตรึงบนไม้กางเขน แต่พระเจ้าบันดาลให้พระองค์ฟื้นคืนชีวิตจากความตาย 11 พระองค์คือ ‘ศิลาที่พวกท่านซึ่งเป็นช่างก่อสร้างทิ้ง ได้กลายเป็นศิลามุมเอก’[b] 12 ความรอดพ้นจะมาจากใครอื่นไม่ได้เลย เพราะไม่มีชื่ออื่นใดใต้ฟ้าสวรรค์ ที่มนุษย์ใช้ร้องเรียกถึง แล้วจะรับความรอดพ้นได้”

13 เมื่อพวกเขาเห็นความกล้าหาญของเปโตรและยอห์น และทราบว่าทั้งสองเป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่ได้รับการศึกษาก็อัศจรรย์ใจ และสำนึกได้ว่าท่านทั้งสองเคยอยู่กับพระเยซู 14 เมื่อคนเหล่านั้นเห็นชายที่ได้รับการรักษาให้หายแล้วยืนอยู่กับเปโตรและยอห์นจึงไม่ได้กล่าวอะไรต่อไป 15 แต่สั่งให้ทั้งสองออกไปเสียจากศาสนสภา และปรึกษากันว่า 16 “เราควรจะทำอย่างไรกับคนทั้งสองนี้ เพราะชาวเมืองทุกคนในเมืองเยรูซาเล็มต่างรู้ว่า เขาได้แสดงสิ่งอัศจรรย์ที่โดดเด่นยิ่งสิ่งหนึ่ง และเราไม่สามารถปฏิเสธได้ 17 แต่ถ้าจะไม่ให้เรื่องนี้แพร่หลายยิ่งไปกว่านี้ในหมู่ชน เราต้องเตือนเขาทั้งสองไม่ให้พูดโดยอ้างนามนี้กับใครอื่นอีกต่อไป” 18 ครั้นแล้วคนเหล่านั้นก็เรียกเปโตรและยอห์นเข้ามาอีกครั้ง เพื่อสั่งไม่ให้พูดหรือสอนโดยอ้างอิงพระนามของพระเยซูอีก 19 แต่เปโตรและยอห์นกลับตอบว่า “ท่านทั้งหลายลองพิจารณาเองเถิดว่า เป็นการถูกต้องในสายตาของพระเจ้าแล้วหรือ ที่เราจะต้องเชื่อฟังท่านมากกว่าเชื่อฟังพระองค์ 20 ดังนั้น เราไม่สามารถหยุดพูดถึงสิ่งที่เราได้เห็นและได้ยินได้” 21 หลังจากที่คนเหล่านั้นได้ขู่เข็ญท่านทั้งสองแล้วก็ปล่อยไป เพราะไม่สามารถตัดสินได้ว่า จะลงโทษเปโตรและยอห์นอย่างไร ด้วยเหตุว่าผู้คนทั้งปวงกำลังสรรเสริญพระเจ้าเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 22 เพราะชายที่ได้รับการรักษาให้หายอย่างน่าอัศจรรย์มีอายุเกินกว่า 40 ปีแล้ว

ผู้ที่เชื่ออธิษฐานขอความกล้า

23 เมื่อเปโตรและยอห์นได้รับการปลดปล่อยแล้ว ก็กลับไปหาเพื่อนๆ และรายงานถึงทุกสิ่งที่พวกมหาปุโรหิตกับพวกผู้ใหญ่ได้กล่าวแก่ท่านทั้งสอง 24 เมื่อหมู่เพื่อนได้ยินก็ร่วมกันเปล่งเสียงอธิษฐานต่อพระเจ้าว่า “ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าผู้สูงสุด พระองค์ได้สร้างฟ้าสวรรค์ แผ่นดินโลก ทะเล และทุกสิ่งซึ่งมีอยู่ในที่เหล่านั้น 25 พระองค์กล่าวโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผ่านปากของผู้รับใช้ของพระองค์ คือดาวิดบรรพบุรุษของเราว่า

‘ทำไมบรรดาประชาชาติจึงมีความเคียดแค้น
    และชนชาติทั้งหลายวางแผนอันไร้ประโยชน์
26 หมู่กษัตริย์ในโลกยืนกราน
    และพวกที่อยู่ในระดับปกครองมาร่วมกัน
ต่อต้านพระผู้เป็นเจ้า
    และต่อต้านองค์ผู้ได้รับการเจิม[c]ไว้แล้วของพระองค์’[d]

27 จริงทีเดียวที่เฮโรดและปอนทิอัสปีลาตได้ประชุมร่วมกับบรรดาคนนอก[e]และชาวอิสราเอลในเมืองนี้ เพื่อจะรวมหัวกันต่อต้านผู้รับใช้ผู้บริสุทธิ์ของพระองค์ คือพระเยซูที่พระองค์ได้เจิม 28 เขาทั้งหลายได้กระทำตามอานุภาพและความประสงค์ของพระองค์ ที่ได้กำหนดไว้ก่อนที่จะเกิดขึ้น 29 บัดนี้ขอให้พระผู้เป็นเจ้าพิจารณาการขู่เข็ญของพวกเขา และโปรดช่วยบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ให้ประกาศคำกล่าวของพระองค์ด้วยความกล้าหาญยิ่ง 30 ขอพระองค์โปรดเหยียดมือออก เพื่อรักษาโรคให้หายขาดและแสดงปรากฏการณ์อัศจรรย์ และสิ่งมหัศจรรย์ในพระนามของพระเยซู ผู้รับใช้ผู้บริสุทธิ์ของพระองค์”

31 สิ้นคำอธิษฐานแล้ว ที่ซึ่งพวกเขาประชุมกันอยู่ก็เกิดการสั่นสะเทือน ทุกคนต่างก็เปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และได้ประกาศคำกล่าวของพระเจ้าด้วยใจกล้าหาญ

ผู้ที่เชื่อแบ่งปันให้แก่กันและกัน

32 คนทั้งปวงที่เชื่อต่างก็เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ไม่มีผู้ใดอ้างความเป็นเจ้าของในสิ่งที่ตนมี แต่กลับแบ่งทุกสิ่งที่มีให้แก่กันและกัน 33 พวกอัครทูตก็ให้คำยืนยันต่อไปด้วยอานุภาพอันยิ่งใหญ่ กล่าวถึงการฟื้นคืนชีวิตของพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้า และพระคุณอันยิ่งใหญ่ได้อยู่กับเขาทั้งหลาย 34 ไม่มีผู้ยากจนเข็ญใจในหมู่คนเหล่านั้น ด้วยเหตุว่าผู้ใดที่เป็นเจ้าของที่ดินหรือบ้านก็ขายกันไป และนำเงินที่ขายได้มา 35 วางไว้ที่เท้าของเหล่าอัครทูต เพื่อแจกจ่ายให้แก่ผู้ที่ขัดสน 36 โยเซฟหนึ่งในเผ่าเลวีจากเกาะไซปรัสที่พวกอัครทูตเรียกว่า บาร์นาบัส (ซึ่งมีความหมายว่า บุตรแห่งการให้กำลังใจ) 37 ท่านได้ขายที่นาของท่านแห่งหนึ่ง และนำเงินมาวางไว้ที่เท้าของเหล่าอัครทูต

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation