M’Cheyne Bible Reading Plan
โมเสสให้พรแก่ชาวอิสราเอล
33 ต่อไปนี้เป็นคำอวยพรที่โมเสสคนของพระเจ้าได้กล่าวแก่ชาวอิสราเอลก่อนที่ท่านสิ้นชีวิต 2 ท่านกล่าวว่า
“พระผู้เป็นเจ้ามาจากซีนาย
และเบิกอโณทัยให้พวกเขาจากเสอีร์
พระองค์ทอแสงจากภูเขาปาราน
ผู้บริสุทธิ์จำนวนนับหมื่นมากับพระองค์
แสงไฟแลบแปลบปลาบอยู่ที่มือขวาของพระองค์
3 พระองค์รักชนชาติของพระองค์อย่างแน่แท้
บรรดาผู้บริสุทธิ์ทั้งปวงของพระองค์อยู่ในมือของพระองค์
และพวกเขาอยู่ที่แทบเท้าของพระองค์
รอรับคำสั่งจากพระองค์
4 โมเสสบัญชากฎบัญญัติไว้แก่เรา
ให้เป็นมรดกของที่ประชุมของยาโคบ
5 พระองค์เป็นกษัตริย์ในเยชูรูน
เมื่อบรรดาหัวหน้าประจำเผ่าประชุมร่วมกัน
กับเผ่าต่างๆ ของอิสราเอล
6 ให้เผ่ารูเบนดำรงเผ่าพันธุ์โดยไม่สูญไป
แม้จำนวนคนของเขาจะมีไม่มาก”
7 ท่านกล่าวถึงเผ่ายูดาห์ว่า
“โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดฟังเสียงของยูดาห์
และพาเขากลับมารวมอยู่กับชนชาติของเขา
โปรดต่อสู้แทนเขาด้วยพลังของพระองค์
และช่วยต่อต้านศัตรูของเขา”
8 ท่านกล่าวถึงเผ่าเลวีว่า
“ให้ทูมมิมและอูริมของพระองค์
แก่เลวีผู้บริสุทธิ์ของพระองค์
ที่พระองค์ได้ทดสอบที่มัสสาห์
ที่พระองค์ได้ต่อสู้ด้วยที่แหล่งน้ำเมรีบาห์[a]
9 พวกเขาพูดถึงบิดามารดาทั้งปวงว่า
‘เราไม่นึกถึงพวกเขา’
เขาไม่นับญาติกับพี่น้องของเขา
และไม่สนใจลูกหลานของเขา
เพราะพวกเขาปฏิบัติตามคำบ่งบอกของพระองค์
และรักษาพันธสัญญาของพระองค์[b]
10 พวกเขาสั่งสอนคำบัญชาของพระองค์แก่ยาโคบ
และสอนกฎบัญญัติแก่อิสราเอล
พวกเขาเผาเครื่องหอม ณ เบื้องหน้าพระองค์
และสัตว์ทั้งตัวที่เผาเป็นของถวายบนแท่นบูชาของพระองค์
11 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดอวยพรเขาด้วยพละกำลัง
และพอใจในสิ่งที่เขาทำ
โปรดบดขยี้ศัตรูของเขา และพวกที่เกลียดชังเขา
ให้ยับเยินจนไร้เรี่ยวแรงต่อสู้”
12 ท่านกล่าวถึงเผ่าเบนยามินว่า
“ขอให้ผู้เป็นที่รักของพระผู้เป็นเจ้าอาศัยอยู่เคียงข้างพระองค์อย่างปลอดภัย
พระองค์ปกป้องเขาในทุกยาม
และให้เขาอยู่ในอ้อมอกของพระองค์”
13 ท่านกล่าวถึงโยเซฟว่า
“ขอให้พระผู้เป็นเจ้าให้พรแผ่นดินของเขา
ด้วยหยาดน้ำค้างดีที่สุดจากฟ้าสวรรค์เบื้องบน
และจากห้วงน้ำลึกที่หมอบอยู่เบื้องล่าง
14 และด้วยพืชผลชนิดดีที่สุดภายใต้แสงอาทิตย์
และพืชผลอันอุดมเดือนแล้วเดือนเล่า
15 ด้วยสิ่งดีที่สุดจากเทือกเขาแห่งโบราณกาล
และความอุดมของเนินเขาอันยืนยง
16 ด้วยสิ่งดีที่สุดของแผ่นดินและความอุดมที่ผลิตได้
และเป็นที่โปรดปรานของพระองค์ผู้เป็นที่ประจักษ์ในพุ่มไม้ที่ลุกเป็นไฟ[c]
ให้สิ่งเหล่านี้จงอยู่บนศีรษะของโยเซฟ
และอยู่บนหน้าผากของราชา ท่ามกลางพี่น้องของเขา
17 พละกำลังของเขาเป็นดั่งโคตัวผู้หัวปี
และแข็งแกร่งดั่งเขากระทิง
เขาจะผลักดันบรรดาชนชาติไปทั่วแหล่งหล้า
เขากระทิงคือพลังนับหมื่นของเอฟราอิม
และพลังนับพันของมนัสเสห์”
18 ท่านกล่าวถึงเศบูลุนว่า
“เศบูลุนเอ๋ย จงยินดีกับการค้าทางทะเลของท่าน
และอิสสาคาร์ก็อยู่ในกระโจมของท่าน
19 สองเผ่านี้จะเรียกบรรดาชนชาติให้มาที่ภูเขาของตน
เพื่อถวายเครื่องสักการะที่เหมาะควร
พวกเขาได้รับความอุดมจากทะเล
และขุดสมบัติที่ถูกซ่อนอยู่ในทราย”
20 ท่านพูดถึงกาดว่า
“สรรเสริญพระองค์ผู้ขยายแผ่นดินกว้างออกไปให้แก่กาด
เขาหมอบลงอย่างสิงโต
เขาต่อสู้ทึ้งแขนขาและกระหม่อม
21 เขาเลือกแผ่นดินส่วนดีที่สุดเป็นของตนเอง
เพราะเป็นส่วนที่จองไว้สำหรับระดับผู้ปกครอง
เขามากับบรรดาระดับผู้ปกครองของชนชาติ
เขากระทำตามความชอบธรรมของพระผู้เป็นเจ้า
และคำบัญชาของพระองค์ที่มีต่ออิสราเอล”
22 ท่านกล่าวถึงดานว่า
“ดานเป็นดุจสิงโตหนุ่มที่พุ่งทะยาน
ออกไปจากบาชาน”
23 ท่านกล่าวถึงนัฟทาลีว่า
“นัฟทาลีเป็นที่โปรดปรานมาก
และได้รับพระพรจากพระผู้เป็นเจ้ามากมาย
ได้ครองอาณาเขตแถบทะเลสาบและทิศใต้”
24 ท่านกล่าวถึงอาเชอร์ว่า
“อาเชอร์ได้รับพระพรมากกว่าเผ่าอื่นๆ
ขอให้เขาเป็นที่ชื่นชอบของพี่น้องของเขา
และขอให้เขาจุ่มเท้าลงในน้ำมัน
25 สลักกลอนประตูของท่านเป็นเหล็กและทองสัมฤทธิ์
ขอให้ท่านมีพละกำลังไปตลอดชีวิต
26 โอ เยชูรูน ไม่มีผู้ใดเหมือนพระเจ้า
พระองค์ล่องผ่านฟ้าสวรรค์มาเพื่อช่วยท่าน
และผ่านท้องฟ้ามาในความยิ่งใหญ่ของพระองค์
27 พระเจ้าผู้ดำรงอยู่ตลอดกาลเป็นที่พึ่งพิงของท่าน
แขนของพระองค์ค้ำท่านไว้เป็นนิตย์
และพระองค์ขับไล่ศัตรูไปจากท่าน
และกล่าวว่า ‘กำจัดเสีย’
28 ดังนั้น อิสราเอลจึงอยู่อย่างปลอดภัย
บรรดาผู้สืบเชื้อสายของยาโคบอยู่อย่างสันติ
ในแผ่นดินแห่งธัญพืชและเหล้าองุ่น
ฟ้าสวรรค์ของพระองค์หยดน้ำค้างลงมา
29 โอ อิสราเอล ท่านช่างมีความสุขอะไรเช่นนี้
ไม่มีใครเป็นอย่างท่าน
ชนชาติที่รอดมาด้วยพระผู้เป็นเจ้า
องค์ผู้เป็นโล่ป้องกันท่าน
และดาบแห่งชัยชนะของท่าน
เหล่าศัตรูของท่านจะแสร้งก้มหัวให้ท่าน
และท่านจะเหยียบย่ำสถานบูชาบนภูเขาสูงของพวกเขา”
โมเสสสิ้นชีวิต
34 โมเสสก็ขึ้นไปจากที่ราบโมอับถึงภูเขาเนโบ ถึงยอดปิสกาห์ซึ่งอยู่ตรงข้ามเมืองเยรีโค และพระผู้เป็นเจ้าให้ท่านมองดูแผ่นดินทั้งหมด จากดินแดนกิเลอาดจนถึงดาน 2 นัฟทาลีทั้งหมด แผ่นดินของเอฟราอิมและมนัสเสห์ แผ่นดินของยูดาห์จนถึงทะเลที่อยู่ทางทิศตะวันตก 3 ในแถบเนเกบ และในหุบเขาคือหุบเขาแห่งเยรีโคเมืองแห่งต้นอินทผลัมจนถึงโศอาร์ 4 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับท่านว่า “นี่คือแผ่นดินที่เราปฏิญาณกับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบว่า ‘เราจะมอบให้แก่บรรดาผู้สืบเชื้อสายของเจ้า’ เราให้เจ้าเห็นด้วยตาของเจ้าเองแล้ว แต่เจ้าจะไม่ได้ไปเหยียบที่นั่น” 5 ครั้นแล้ว โมเสสผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้าก็สิ้นชีวิตลงที่นั่น ในแผ่นดินโมอับตามที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวไว้ 6 พระองค์ฝังร่างโมเสสไว้ในหุบเขาในแผ่นดินโมอับ ซึ่งอยู่ตรงข้ามเบธเปโอร์ แต่ไม่มีผู้ใดทราบที่ฝังศพของท่านมาจนถึงทุกวันนี้ 7 โมเสสสิ้นชีวิตเมื่อมีอายุได้ 120 ปี แม้แต่ตาของท่านก็ยังไม่มัว และร่างกายก็ยังแข็งแรงดีด้วย 8 ชาวอิสราเอลร้องไห้ถึงโมเสสอยู่ที่ราบลุ่มของโมอับเป็นเวลา 30 วัน แล้ววันแห่งการร้องไห้และร้องคร่ำครวญถึงโมเสสก็สิ้นสุดลง
9 โยชูวาบุตรของนูนเปี่ยมด้วยสติปัญญาจากพระเจ้า เพราะโมเสสได้วางมือบนตัวท่าน ดังนั้นชาวอิสราเอลเชื่อฟังท่าน และปฏิบัติตามที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาโมเสสไว้ 10 ตั้งแต่นั้นมา ไม่เคยมีผู้ใดในอิสราเอลที่เป็นผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าอย่างเช่นโมเสสเลย พระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวกับท่านต่อหน้า 11 ไม่เคยมีผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าคนใดที่แสดงปรากฏการณ์อัศจรรย์และสิ่งมหัศจรรย์ใดๆ เหมือนอย่างที่พระผู้เป็นเจ้าให้โมเสสกระทำในแผ่นดินอียิปต์ ต่อฟาโรห์ ข้าราชบริพารทั้งปวงและทั่วทั้งแผ่นดิน 12 และด้วยพลานุภาพอันยิ่งใหญ่ทั้งสิ้น และการกระทำอันพรั่นพรึงทั้งปวงเหมือนอย่างที่โมเสสกระทำต่อหน้าชาวอิสราเอล
ק โคฟ
145 ข้าพเจ้าร่ำร้องอย่างหมดใจ โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดตอบข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของพระองค์
146 ข้าพเจ้าร้องเรียกถึงพระองค์ โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น
ข้าพเจ้าจะได้ปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์
147 ข้าพเจ้าลุกขึ้นก่อนรุ่งอรุณ และร้องขอความช่วยเหลือ
ข้าพเจ้าหวังในคำกล่าวของพระองค์
148 ตาของข้าพเจ้าเปิดอยู่ทุกยาม
เพื่อใคร่ครวญถึงคำสัญญาของพระองค์
149 โปรดฟังเสียงข้าพเจ้าด้วยความรักอันมั่นคงของพระองค์
โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดให้ข้าพเจ้ามีชีวิตตามคำตัดสินของพระองค์
150 พวกที่วางแผนเพื่อประสงค์ร้ายกำลังใกล้เข้ามา
พวกเขาอยู่ห่างไกลจากกฎบัญญัติของพระองค์
151 พระผู้เป็นเจ้า พระองค์อยู่แนบชิด
และพระบัญญัติทั้งสิ้นของพระองค์เป็นความจริง
152 ข้าพเจ้าทราบมานานแล้วว่าพระองค์ทำพันธสัญญา
เพื่อให้ยืนยงตลอดกาล
ר เรช
153 ดูความทุกข์ยากของข้าพเจ้า และช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นเถิด
เพราะข้าพเจ้าไม่ลืมกฎบัญญัติของพระองค์
154 ขอพระองค์สู้ความให้ข้าพเจ้า โปรดไถ่ข้าพเจ้า
ให้มีชีวิตตามคำสัญญาของพระองค์เถิด
155 พวกคนชั่วอยู่ห่างจากความรอดพ้น
เพราะเขาไม่แสวงหากฎเกณฑ์ของพระองค์
156 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์มีเมตตายิ่งนัก
ให้ข้าพเจ้ามีชีวิตตามคำตัดสินของพระองค์เถิด
157 ทั้งพวกที่จะมาข่มเหง และพวกที่อยู่ตรงข้ามข้าพเจ้ามีจำนวนมาก
แต่ข้าพเจ้าไม่หันเหไปจากคำสั่งของพระองค์
158 ข้าพเจ้ามองดูพวกไร้ความเชื่อด้วยความขยะแขยง
เพราะเขาไม่ปฏิบัติตามคำกล่าวของพระองค์
159 ดูเถิดว่า ข้าพเจ้ารักข้อบังคับของพระองค์เพียงไร
โปรดให้ข้าพเจ้ามีชีวิตตามความรักอันมั่นคงของพระองค์เถิด
160 แก่นแท้ของคำกล่าวของพระองค์คือความจริง
และคำบัญชาทั้งมวลอันกอปรด้วยความชอบธรรมของพระองค์จะยืนยงตลอดกาล
ש ซีน และ ชีน
161 พวกเจ้าขุนมูลนายข่มเหงข้าพเจ้าอย่างไร้สาเหตุ
แต่ใจข้าพเจ้าครั่นคร้ามในคำกล่าวของพระองค์
162 ข้าพเจ้ายินดีในคำสัญญาของพระองค์
ราวกับผู้พบสมบัติมหาศาล
163 ข้าพเจ้าทั้งเกลียดทั้งชังความจอมปลอม
แต่ข้าพเจ้ารักกฎบัญญัติของพระองค์
164 ข้าพเจ้าสรรเสริญพระองค์วันละ 7 ครั้ง
เพราะคำตัดสินอันชอบธรรมของพระองค์
165 บรรดาผู้รักกฎบัญญัติของพระองค์ย่อมมีสันติสุขมาก
ไม่มีสิ่งใดทำให้เขาพลาดได้
166 โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าหวังว่าจะได้รับความรอดพ้นจากพระองค์
และข้าพเจ้าปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระองค์
167 จิตวิญญาณข้าพเจ้าปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์
และข้าพเจ้าก็รักคำสั่งนั้นมาก
168 ข้าพเจ้าปฏิบัติตามข้อบังคับและคำสั่งของพระองค์
เพราะพระองค์รู้เห็นทุกสิ่งที่ข้าพเจ้ากระทำ
ת ทาฟ
169 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดให้เสียงร้องของข้าพเจ้าอยู่เบื้องหน้าพระองค์
โปรดให้ข้าพเจ้าเข้าใจอย่างถ่องแท้ตามคำกล่าวของพระองค์
170 โปรดให้คำอธิษฐานของข้าพเจ้าอยู่เบื้องหน้าพระองค์
ช่วยข้าพเจ้าให้ปลอดภัยตามคำสัญญาของพระองค์
171 ริมฝีปากของข้าพเจ้าจะเปล่งคำสรรเสริญ
เพราะพระองค์สอนกฎเกณฑ์แก่ข้าพเจ้า
172 ข้าพเจ้าจะร้องเพลงถึงคำสัญญาของพระองค์
เพราะพระบัญญัติทุกข้อของพระองค์ล้วนชอบธรรม
173 ขอให้มือของพระองค์พร้อมที่จะช่วยข้าพเจ้า
เพราะข้าพเจ้าได้เลือกข้อบังคับของพระองค์
174 โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้ากระหายในความรอดพ้นที่จะได้รับจากพระองค์
และข้าพเจ้ายินดีในกฎบัญญัติของพระองค์
175 โปรดให้ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ เพื่อจะได้สรรเสริญพระองค์
และให้คำตัดสินของพระองค์ช่วยข้าพเจ้า
176 ข้าพเจ้าสำคัญผิดไปเหมือนแกะที่หลงหาย โปรดแสวงหาผู้รับใช้ของพระองค์
เพราะข้าพเจ้าไม่ลืมพระบัญญัติของพระองค์
บารมีของอิสราเอลในอนาคต
60 “จงลุกขึ้น จงส่องสว่าง เพราะแสงสว่างของเจ้าได้มาถึงแล้ว
และพระบารมีของพระผู้เป็นเจ้าได้อยู่เหนือตัวเจ้าแล้ว
2 ดูเถิด ความมืดจะปกคลุมแผ่นดินโลก
และความมืดมนจะปกคลุมบรรดาชนชาติ
แต่พระผู้เป็นเจ้าจะทอแสงมายังเจ้า
และพระบารมีของพระองค์จะเป็นที่ประจักษ์บนตัวเจ้า
3 และบรรดาประชาชาติจะมาที่แสงสว่างของเจ้า
และบรรดากษัตริย์ก็จะมาที่ความสุกสว่างแห่งความรุ่งโรจน์ของเจ้า
4 จงเงยหน้าขึ้นและมองดูรอบๆ ตัว
เขาทั้งปวงประชุมร่วมกันและมาหาเจ้า
บรรดาบุตรชายของเจ้าจะมาจากแดนไกล
และจะมีคนอุ้มบุตรหญิงของเจ้าเข้าสะเอวมา
5 เจ้าจะเห็นและยิ้มแย้ม
ใจของเจ้าจะยินดีและเบิกบานมาก
เพราะความมั่งมีจากทั่วโลกจะถูกนำมาให้เจ้า
ความมั่งคั่งของบรรดาประชาชาติจะมาหาเจ้า
6 ฝูงอูฐจะอยู่ทั่วแผ่นดินของเจ้า
อูฐตัวน้อยๆ ของชาวมีเดียนและเอฟาห์
อูฐขบวนยาวจะมาจากเช-บา
พวกมันจะนำทองคำและกำยาน
และประชาชนจะประกาศคำสรรเสริญถึงพระผู้เป็นเจ้า
7 ฝูงแพะแกะแห่งเคดาร์จะถูกรวมเข้าด้วยกัน
แกะผู้แห่งเนบาโยทจะปรนนิบัติรับใช้เจ้า
พวกมันจะเป็นที่ยอมรับสำหรับแท่นบูชาของเรา
และเราจะแต่งตำหนักของเราให้สวยงาม
8 คนเหล่านี้เป็นใครที่ลอยได้อย่างก้อนเมฆ
และอย่างนกพิราบที่บินไปเกาะหน้าต่าง
9 เพราะหมู่เกาะต่างๆ จะมีความหวังในตัวเรา
เรือจากเมืองทาร์ชิชแล่นนำหน้ามา
เพื่อนำบรรดาบุตรของเจ้ามาจากแดนไกล
นำเงินและทองคำติดตัวมาด้วย
เพื่อพระนามของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า
และเพื่อองค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอล
เพราะพระองค์ทำให้เจ้าสวยงาม
10 บรรดาชาวต่างชาติจะสร้างกำแพงของเจ้า
และบรรดากษัตริย์ของพวกเขาจะปรนนิบัติรับใช้เจ้า
ด้วยว่า เราลงโทษเจ้าเมื่อเราโกรธกริ้ว
แต่เราได้มีเมตตาต่อเจ้าเมื่อเราโปรดปราน
11 ประตูของเจ้าจะเปิดเสมอไป
มันจะไม่ถูกปิดทั้งกลางวันและกลางคืน
เพื่อผู้คนจะนำความมั่งคั่งของบรรดาประชาชาติมาให้แก่เจ้า
พร้อมกับบรรดากษัตริย์ของพวกเขาที่ถูกนำมาในขบวนแห่
12 ด้วยว่า ประชาชาติและอาณาจักร
ที่ไม่รับใช้เจ้าจะรกร้าง
ประชาชาติเหล่านั้นจะถูกทำลายจนสิ้นซาก
13 ความสง่างามของเลบานอนจะเป็นของเจ้า
ทั้งต้นสน ต้นเพลนและต้นสนไซเปร็ส
จะทำให้ที่พำนักของเราสวยงาม
และเราจะทำให้ที่วางเท้าของเราสง่างาม
14 บรรดาบุตรของพวกที่ก่อความเดือดร้อนให้กับเจ้า
จะมาก้มคารวะเจ้า
และคนทั้งหลายที่ดูหมิ่นเจ้า
จะหมอบลงที่เท้าเจ้า
พวกเขาจะเรียกชื่อเจ้าว่า เมืองของพระผู้เป็นเจ้า
ศิโยนขององค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอล
15 แม้ว่าเจ้าถูกทอดทิ้งและเกลียดชัง
และไม่มีผู้ใดเดินทางผ่านมา
เราจะทำให้เจ้ายิ่งใหญ่ตลอดกาล
เป็นความยินดีทุกชั่วอายุคน
16 เจ้าจะดื่มนมจากบรรดาประชาชาติ
เจ้าจะดื่มจากอกของบรรดากษัตริย์
และเจ้าจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า
เป็นผู้ช่วยให้รอดพ้นของเจ้า
ผู้ไถ่ของเจ้า องค์ผู้มีอานุภาพของยาโคบ
17 เราจะนำทองคำแทนทองสัมฤทธิ์
และเงินแทนเหล็ก
นำทองสัมฤทธิ์แทนไม้
และเหล็กแทนหิน
เราจะทำให้ความสันติสุขดูแลเจ้า
และให้ความชอบธรรมเป็นผู้คุมเจ้า
18 จะไม่เกิดความรุนแรงในแผ่นดินของเจ้าอีกต่อไป
ไม่มีความงงงันหรือความพินาศภายในเขตแดนของเจ้า
เจ้าจะเรียกกำแพงเมืองของเจ้าว่า ‘ความรอดพ้น’
และเรียกประตูเมืองของเจ้าว่า ‘สรรเสริญ’
19 เวลากลางวันจะไม่มีดวงอาทิตย์เป็นแสงสว่างของเจ้าอีกต่อไป
และดวงจันทร์จะไม่ส่องความสว่างให้แก่เจ้า
แต่พระผู้เป็นเจ้าจะเป็นแสงอันเป็นนิรันดร์ของเจ้า
และพระเจ้าของเจ้าจะเป็นสง่าราศีของเจ้า
20 ดวงอาทิตย์ของเจ้าจะไม่ลับฟ้าอีกต่อไป
และดวงจันทร์จะไม่เลือนจากไป
เพราะพระผู้เป็นเจ้าจะเป็นแสงอันเป็นนิรันดร์ของเจ้า
และวันเศร้าโศกของเจ้าจะสิ้นสุดลง
21 ชนชาติของเจ้าทุกคนจะมีความชอบธรรม
พวกเขาจะเป็นเจ้าของแผ่นดินไปตลอดกาล
เป็นกิ่งก้านที่เราปลูก
คือผลงานจากฝีมือของเรา
เพื่อบารมีของเราจะเป็นที่ประจักษ์
22 ผู้ที่ด้อยสุดจะสร้างตระกูลขึ้นมา
และเป็นประชาชาติที่ใจฉกาจ
เราคือพระผู้เป็นเจ้า
เมื่อถึงเวลาเราจะให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว”
ชายโรคเรื้อน
8 เมื่อพระเยซูลงมาจากภูเขาแล้ว ผู้คนเป็นอันมากได้ติดตามพระองค์ไป 2 คนโรคเรื้อนคนหนึ่งมาหาพระองค์ ก้มกราบลงแล้วพูดว่า “พระองค์ท่าน ถ้าพระองค์ต้องการ พระองค์สามารถรักษาข้าพเจ้าให้หายขาดจากโรคได้”[a] 3 พระองค์จึงยื่นมือออกไปสัมผัสตัวเขา พลางกล่าวว่า “เราต้องการอย่างนั้น จงหายเถิด” ในทันใดนั้น เขาก็หายจากโรคเรื้อน 4 พระเยซูกล่าวกับเขาว่า “จงระวังว่าเจ้าจะไม่บอกใครเลย แต่ขอให้ไปแสดงตนต่อปุโรหิต และมอบเครื่องสักการะ ตามที่โมเสสได้สั่งไว้ เพื่อเป็นการยืนยันแก่คนทั่วไป”
ด้วยความเชื่อสูงส่ง
5 เมื่อพระองค์เดินเข้าไปในเมืองคาเปอร์นาอุม มีนายร้อยคนหนึ่งมาอ้อนวอนพระองค์ 6 เขาพูดว่า “พระองค์ท่าน ผู้รับใช้ของข้าพเจ้านอนเป็นอัมพาตอยู่ที่บ้านและได้รับความทุกข์ทรมานมาก” 7 พระองค์กล่าวกับเขาว่า “เราจะไปรักษาเขาให้หายขาด” 8 นายร้อยตอบว่า “พระองค์ท่าน ข้าพเจ้าไม่สมควรที่จะให้พระองค์เข้ามาใต้หลังคาบ้านของข้าพเจ้า เพียงแต่พระองค์พูด ผู้รับใช้ก็จะหายจากโรค 9 สำหรับตัวข้าพเจ้าเองก็เป็นคนอยู่ใต้บังคับบัญชา มีทหารในบังคับด้วย ข้าพเจ้าบอกคนนี้ว่า ‘ไป’ เขาก็ไป และคนนั้นว่า ‘มา’ เขาก็มา ข้าพเจ้าบอกทาสรับใช้ว่า ‘จงทำสิ่งนี้’ เขาก็ทำ” 10 เมื่อพระเยซูได้ยินดังนั้นจึงประหลาดใจและกล่าวกับบรรดาคนที่ติดตามไปว่า “เราขอบอกความจริงกับท่านว่า เราไม่เคยพบความเชื่อมากเท่านี้แม้แต่ในประเทศอิสราเอล 11 เราขอบอกท่านว่า จะมีคนจำนวนมากที่มาจากทั่วทุกแห่งในโลก เพื่อเอนกายลงรับประทานร่วมกับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบในอาณาจักรแห่งสวรรค์ 12 แต่บรรดาบุตรของอาณาจักรจะถูกโยนออกไปสู่ความมืดข้างนอก ณ ที่นั่นจะมีการร่ำไห้และขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน” 13 แล้วพระเยซูกล่าวกับนายร้อยว่า “ไปเถิด สิ่งนั้นจงบังเกิดแก่ท่านตามที่ท่านเชื่อ” และผู้รับใช้ของเขาก็หายจากโรคในโมงนั้น
รักษาผู้ป่วย
14 เมื่อพระเยซูเข้าไปในบ้านของเปโตรแล้ว พระองค์ก็เห็นแม่ยายของเปโตรกำลังนอนป่วยเป็นไข้อยู่ 15 พระองค์จับมือนางแล้วไข้ก็หาย นางจึงลุกขึ้นรับใช้พระองค์ 16 ในเย็นวันนั้น มีคนพาผู้คนจำนวนมากที่มีมารสิงมาหาพระองค์ พระองค์ขับพวกวิญญาณนั้นออกจากร่างด้วยคำสั่ง และรักษาคนป่วยทุกคนให้หายขาด 17 เพื่อจะได้เป็นไปตามคำที่อิสยาห์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าได้กล่าวไว้ว่า “พระองค์เองได้รับเอาความเจ็บป่วยและแบกเอาโรคต่างๆ ของเราไป”[b]
ความพร้อมก่อนติดตามพระเยซู
18 เมื่อพระเยซูเห็นมหาชนรายล้อมพระองค์ จึงสั่งให้ข้ามฟากไป 19 มีอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติมาพูดกับพระองค์ว่า “อาจารย์ ข้าพเจ้าจะติดตามพระองค์ไปทุกแห่งหน” 20 พระเยซูจึงกล่าวกับเขาว่า “สุนัขจิ้งจอกอาศัยในโพรง นกมีรัง แต่บุตรมนุษย์[c]ไม่มีที่อาศัยนอน” 21 มีอีกคนในบรรดาสาวกพูดว่า “พระองค์ท่าน โปรดให้ข้าพเจ้าได้ไปฝังศพบิดาของข้าพเจ้าก่อน” 22 แต่พระเยซูกล่าวกับเขาว่า “จงตามเรามาเถิด ปล่อยให้คนตายฝังศพคนตายของเขาเองเถิด”
ห้ามคลื่นและลมให้หยุด
23 เมื่อพระองค์ลงเรือแล้ว พวกสาวกก็ติดตามพระองค์ไป 24 ในเวลานั้นมีพายุใหญ่กระหน่ำในทะเลสาบจนคลื่นซัดท่วมเรือ ส่วนพระเยซูนอนหลับอยู่ 25 บรรดาสาวกจึงไปปลุกพระองค์ให้ตื่นแล้วพูดว่า “พระองค์ท่าน ช่วยชีวิตพวกเราด้วย พวกเรากำลังจะตายอยู่แล้ว” 26 พระองค์กล่าวกับพวกเขาว่า “ทำไมพวกเจ้าถึงได้กลัวนัก ช่างมีความเชื่อน้อยเสียจริง” ครั้นแล้วพระองค์ก็ลุกขึ้นห้ามลมและทะเล และทุกสิ่งก็สงบเงียบลง 27 เหล่าสาวกพากันอัศจรรย์ใจ และพูดว่า “ท่านผู้นี้เป็นอย่างไรนะ แม้แต่ลมและทะเลก็ยังเชื่อฟังท่าน”
ขับมารพ้นจากชาย 2 คน
28 เมื่อพระองค์ได้ข้ามฟากไปยังดินแดนกาดารา[d]แล้ว ชาย 2 คนที่มีมารสิงอยู่ก็ออกจากถ้ำเก็บศพมาพบพระองค์ ชายทั้งสองร้ายกาจมากจนไม่มีใครผ่านไปทางแถวนั้นได้ 29 เขาร้องขึ้นว่า “พระบุตรของพระเจ้า ท่านมายุ่งเกี่ยวอะไรกับพวกเรา ท่านมาที่นี่เพื่อทรมานพวกเราก่อนจะถึงเวลาหรือ” 30 ในบริเวณใกล้เคียงมีฝูงหมูจำนวนมากกำลังหากินอยู่ 31 พวกมารอ้อนวอนพระองค์ว่า “ถ้าท่านจะขับพวกเราออกก็ขอให้เราเข้าในฝูงหมูเถิด” 32 ครั้นแล้วพระองค์กล่าวกับพวกมารว่า “ไปให้พ้น” แล้วมารก็ออกไปสิงในตัวหมู ทันใดนั้น หมูทั้งฝูงก็เตลิดลงจากหน้าผาชันสู่ทะเลสาบและจมน้ำตาย 33 ฝ่ายพวกคนเลี้ยงหมูก็วิ่งหนีเข้าไปในเมืองเพื่อบอกเล่าทุกสิ่ง รวมทั้งเรื่องของมารที่สิงชาย 2 คนด้วย 34 แล้วคนทั้งเมืองก็พากันออกมาพบกับพระเยซู เมื่อพวกเขาเห็นพระองค์จึงขอร้องให้พระองค์ออกไปเสียจากดินแดนของพวกเขา
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation