M’Cheyne Bible Reading Plan
กฎบัญญัติของพระเจ้าที่เขียนไว้บนศิลา
27 โมเสสและบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของอิสราเอลบัญชาประชาชนว่า “จงรักษาบัญญัติทุกข้อที่เราบัญชาพวกท่านในวันนี้ 2 และในวันที่ท่านข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปยังแผ่นดินซึ่งพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านมอบให้ท่าน ท่านจงก่อศิลาขนาดใหญ่เข้าด้วยกันแล้วฉาบด้วยปูนขาว 3 จงเขียนกฎบัญญัตินี้ทุกคำไว้บนศิลา เมื่อท่านข้ามเข้าไปในแผ่นดินที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านมอบให้แก่ท่าน ดินแดนอันอุดมด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง ตามที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของบรรพบุรุษของท่านได้สัญญาท่านไว้ 4 เมื่อท่านข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปแล้ว ท่านจงก่อศิลาพวกนี้ขึ้นไว้ที่ภูเขาเอบาล ทำตามที่เราบัญชาท่านในวันนี้ และจงฉาบศิลาด้วยปูนขาว 5 ท่านจงสร้างแท่นบูชาแด่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านไว้ที่นั่น เป็นแท่นบูชาศิลาโดยที่ท่านจะต้องไม่ใช้เครื่องมือเหล็กสกัด 6 ท่านจงสร้างแท่นบูชาแด่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านด้วยศิลาที่ไม่ต้องสกัด และจงมอบสัตว์ที่จะเผาเป็นของถวายบนแท่นนั้นแด่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน 7 และท่านจงมอบของถวายเพื่อสามัคคีธรรม จงรับประทานที่นั่น และยินดี ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน 8 ท่านจงเขียนกฎบัญญัตินี้ไว้ทุกคำลงบนศิลาอย่างชัดเจน”
คำสาปแช่งที่ภูเขาเอบาล
9 โมเสสและบรรดาปุโรหิตซึ่งเป็นชาวเลวีกล่าวแก่ชาวอิสราเอลทั้งปวงว่า “จงเงียบไว้และฟังเถิดชาวอิสราเอลเอ๋ย ในวันนี้ท่านได้มาเป็นชนชาติของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน 10 ฉะนั้นท่านจงเชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน รักษาพระบัญญัติและกฎเกณฑ์ของพระองค์ ตามที่เราบัญชาท่านในวันนี้”
11 และโมเสสบัญชาประชาชนในวันเดียวกันนั้นว่า 12 “เมื่อท่านข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปแล้ว คนที่จะยืนให้พรประชาชนบนภูเขาเกริซิมได้แก่ สิเมโอน เลวี ยูดาห์ อิสสาคาร์ โยเซฟ และเบนยามิน 13 และคนที่จะยืนแช่งสาปบนภูเขาเอบาลได้แก่ รูเบน กาด อาเชอร์ เศบูลุน ดาน และนัฟทาลี 14 และชาวเลวีจะประกาศแก่ชาวอิสราเอลทั้งปวงด้วยเสียงอันดังว่า
15 ‘คนที่สลักรูปเคารพหรือหล่อรูปบูชาซึ่งเป็นที่น่ารังเกียจต่อพระผู้เป็นเจ้า เป็นสิ่งที่ช่างผู้ชำนาญทำ ซึ่งถูกตั้งบูชาในสถานที่ลับ เขาจะถูกแช่งสาป’ แล้วประชาชนทั้งปวงจะพูดตอบว่า ‘อาเมน’
16 ‘คนที่ไม่ให้เกียรติบิดามารดาของตนก็ถูกแช่งสาป’ แล้วประชาชนทั้งปวงจะพูดตอบว่า ‘อาเมน’
17 ‘คนที่ขยับเขยื้อนหลักเขตของเพื่อนบ้านของตนก็ถูกแช่งสาป’ แล้วประชาชนทั้งปวงจะพูดตอบว่า ‘อาเมน’
18 ‘คนที่พาให้คนตาบอดหลงทางไปก็ถูกแช่งสาป’ แล้วประชาชนทั้งปวงจะพูดตอบว่า ‘อาเมน’
19 ‘คนที่บิดเบือนความเป็นธรรมซึ่งคนต่างด้าว เด็กกำพร้า และหญิงม่ายควรได้รับก็ถูกแช่งสาป’ แล้วประชาชนทั้งปวงจะพูดตอบว่า ‘อาเมน’
20 ‘คนที่เอาภรรยาของบิดามาเป็นภรรยาของตน หรือละเมิดสิทธิของบิดาของตนก็ถูกแช่งสาป’ แล้วประชาชนทั้งปวงจะพูดตอบว่า ‘อาเมน’
21 ‘คนที่มีเพศสัมพันธ์กับสัตว์ไม่ว่าชนิดใดก็ตามก็ถูกแช่งสาป’ แล้วประชาชนทั้งปวงจะพูดตอบว่า ‘อาเมน’
22 ‘คนที่มีเพศสัมพันธ์กับพี่สาวหรือน้องสาวของตน ไม่ว่าจะเป็นบุตรสาวฝ่ายบิดาหรือบุตรสาวฝ่ายมารดาของตนก็ตามก็ถูกแช่งสาป’ แล้วประชาชนทั้งปวงจะพูดตอบว่า ‘อาเมน’
23 ‘คนที่มีเพศสัมพันธ์กับแม่ยายของตนก็ถูกแช่งสาป’ แล้วประชาชนทั้งปวงจะพูดตอบว่า ‘อาเมน’
24 ‘คนที่ฆ่าเพื่อนบ้านของตนอย่างลับๆ ก็ถูกแช่งสาป’ แล้วประชาชนทั้งปวงจะพูดตอบว่า ‘อาเมน’
25 ‘คนที่รับสินบนเพื่อฆ่าคนที่ไม่มีความผิดก็ถูกแช่งสาป’ แล้วประชาชนทั้งปวงจะพูดตอบว่า ‘อาเมน’
26 ‘คนที่ไม่ทำตามคำในกฎบัญญัตินี้ก็ถูกแช่งสาป’ แล้วประชาชนทั้งปวงจะพูดตอบว่า ‘อาเมน’
ผู้เชื่อฟังได้รับพระพร
28 และถ้าท่านเชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน โดยปฏิบัติตามพระบัญญัติทุกข้อที่เราบัญชาท่านในวันนี้อย่างระมัดระวัง พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านจะทำให้ท่านอยู่เหนือประชาชาติทั้งปวงของโลก 2 แล้วพระพรเหล่านี้จะสถิตกับท่านเสมอไป ถ้าท่านเชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน 3 ไม่ว่าจะอยู่ในตัวเมืองหรือนอกเมืองท่านจะได้รับพระพร 4 ลูกหลานที่เกิดจากท่านจะได้รับพระพร รวมทั้งพืชผลที่ได้จากไร่นา และลูกจากสัตว์เลี้ยง ลูกโคและลูกแกะจากฝูง 5 ตะกร้าและภาชนะนวดแป้งจะได้รับพระพร 6 ท่านจะได้รับพระพรไม่ว่าท่านจะทำอะไรอยู่ที่ไหน
7 พระผู้เป็นเจ้าจะทำให้ศัตรูของท่านพ่ายแพ้ต่อหน้าต่อตาเมื่อเขาต่อสู้กับท่าน พวกเขาจะเข้าโจมตีจากทิศใดทิศหนึ่ง และจะเตลิดหนีไปทั่วทุกทิศทุกทาง[a]ต่อหน้าท่าน 8 พระผู้เป็นเจ้าจะอวยพรให้ยุ้งฉางของท่านเต็ม อีกทั้งทุกสิ่งที่ท่านทำ และพระองค์จะให้พรท่านในแผ่นดินที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านมอบแก่ท่าน 9 ถ้าท่านรักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน และดำเนินในวิถีทางของพระองค์ พระผู้เป็นเจ้าจะตั้งให้ท่านเป็นชนชาติบริสุทธิ์แก่พระองค์เองตามที่ได้ปฏิญาณกับท่านแล้ว 10 และทุกชนชาติในโลกจะเห็นว่าท่านเป็นชนชาติของพระผู้เป็นเจ้า และพวกเขาจะเกรงกลัวท่าน 11 พระผู้เป็นเจ้าจะทำให้ท่านเจริญ มีลูกหลานมากมาย ทั้งแก่สัตว์เลี้ยงด้วย พืชผลไร่นาก็บริบูรณ์ในแผ่นดินที่พระผู้เป็นเจ้าได้ปฏิญาณกับบรรพบุรุษของท่านว่าจะมอบให้ท่าน 12 พระผู้เป็นเจ้าจะหลั่งฝนลงมาจากฟากฟ้าให้แก่ท่าน จากแหล่งเก็บฝนอันอุดมของพระองค์ เป็นฝนตามฤดูกาลในแผ่นดินของท่าน และอวยพรทุกสิ่งที่ท่านทำ ท่านจะให้หลายประชาชาติขอยืมจากท่าน ส่วนท่านจะไม่ต้องขอยืมจากใคร 13 ถ้าท่านฟังพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านซึ่งเราสั่งในวันนี้คือ จงปฏิบัติอย่างระมัดระวัง พระผู้เป็นเจ้าจะทำให้ท่านเป็นเบี้ยบน ไม่ใช่เบี้ยล่าง มีแต่เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นเท่านั้น และจะไม่ตกต่ำลง 14 และโดยที่ท่านจะต้องไม่หันเหไปจากคำบัญชาของเราในวันนี้ คือปฏิบัติตามกฎ และท่านต้องไม่หันไปเชื่อเทพเจ้าใดๆ และบูชาสิ่งเหล่านั้น
คำสาปแช่งสำหรับการไม่เชื่อฟัง
15 แต่ถ้าท่านไม่เชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน หรือไม่ปฏิบัติตามพระบัญญัติและกฎเกณฑ์ของพระองค์อย่างระมัดระวัง ตามที่เราบัญชาท่านในวันนี้ คำสาปแช่งเหล่านี้จะอยู่กับท่านเสมอไป 16 ท่านจะถูกแช่งสาปไม่ว่าจะอยู่ในตัวเมืองหรือนอกเมือง 17 ตะกร้าและภาชนะนวดแป้งของท่านจะถูกแช่งสาป 18 ลูกหลานที่เกิดจากท่านจะถูกแช่งสาป รวมทั้งพืชผลที่ได้จากไร่นา ลูกโคและลูกแกะจากฝูง 19 ท่านจะถูกแช่งสาป ไม่ว่าท่านจะทำอะไรอยู่ที่ไหน
กฎบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า
א อาเลฟ[a]
1 บรรดาผู้อยู่ในวิถีทางอันปราศจากข้อตำหนิใดๆ ก็เป็นสุข
คือผู้ดำเนินตามกฎบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า
2 บรรดาผู้ปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์ก็เป็นสุข
คือผู้แสวงหาพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจ
3 คือผู้ไม่กระทำผิดใดๆ
แต่ดำเนินตามวิถีทางของพระองค์
4 พระองค์ออกคำสั่งให้ถือเป็นข้อบังคับ
เพื่อให้เชื่อฟังอย่างเคร่งครัด
5 ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะภักดี
โดยเชื่อฟังกฎเกณฑ์ของพระองค์
6 แล้วข้าพเจ้าจะไม่ได้รับความอับอาย
เมื่อใจจดจ่ออยู่กับพระบัญญัติของพระองค์ทุกข้อ
7 ข้าพเจ้าขอบคุณพระองค์ด้วยใจจริง
ขณะที่ข้าพเจ้าเรียนรู้คำบัญชาอันชอบธรรมของพระองค์
8 ข้าพเจ้าจะรักษากฎเกณฑ์ของพระองค์
กรุณาอย่าทอดทิ้งข้าพเจ้าโดยสิ้นเชิง
ב เบธ
9 ชายหนุ่มจะรักษาวิถีทางของเขาให้บริสุทธิ์ได้อย่างไรเล่า
เขาจะรักษาทางนั้นได้ด้วยการกระทำตามคำกล่าวของพระองค์
10 ข้าพเจ้าแสวงหาพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจ
อย่าให้ข้าพเจ้าเห็นผิดไปจากพระบัญญัติของพระองค์
11 ข้าพเจ้าเก็บรักษาคำกล่าวของพระองค์ไว้ในใจ
เพื่อข้าพเจ้าจะได้ไม่ทำบาปต่อพระองค์
12 สรรเสริญพระองค์ โอ พระผู้เป็นเจ้า
โปรดสอนกฎเกณฑ์ของพระองค์แก่ข้าพเจ้า
13 ริมฝีปากข้าพเจ้าพูดทบทวนคำบัญชาทั้งปวง
ที่ออกจากปากของพระองค์
14 ข้าพเจ้ายินดีในคำสั่งของพระองค์
เท่าๆ กับความมั่งคั่งทั้งหลาย
15 ข้าพเจ้าจะใคร่ครวญถึงข้อบังคับของพระองค์
และมีใจจดจ่ออยู่กับวิถีทางของพระองค์
16 ข้าพเจ้าจะยินดีในกฎเกณฑ์ของพระองค์
ข้าพเจ้าจะไม่ลืมคำกล่าวของพระองค์
ג กิมเมิล
17 โปรดเอื้อเฟื้อต่อผู้รับใช้ของพระองค์ เพื่อข้าพเจ้าจะได้มีชีวิต
และรักษาคำกล่าวของพระองค์
18 โปรดเปิดตาข้าพเจ้า
เพื่อจะได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ในกฎบัญญัติของพระองค์
19 ข้าพเจ้าเป็นผู้อาศัยอยู่ในโลกเพียงชั่วคราว
ขออย่าซ่อนพระบัญญัติของพระองค์ไปจากข้าพเจ้า
20 จิตวิญญาณข้าพเจ้าใฝ่ฝันถึง
คำบัญชาของพระองค์เสมอไป
21 พระองค์ห้ามพวกหยิ่งยโส ซึ่งเป็นพวกที่ถูกสาปแช่ง
ผู้สำคัญผิดไปจากพระบัญญัติของพระองค์
22 อย่าให้ข้าพเจ้าถูกดูหมิ่นและอับอาย
เพราะข้าพเจ้าทำตามคำสั่งของพระองค์
23 แม้ว่าบรรดาผู้อยู่ในระดับปกครองจะนั่งเตรียมการต่อต้านข้าพเจ้า
ผู้รับใช้ของพระองค์จะใคร่ครวญถึงกฎเกณฑ์ของพระองค์
24 คำสั่งของพระองค์เป็นสิ่งที่น่ายินดีของข้าพเจ้า
และเป็นที่ปรึกษาที่ดีของข้าพเจ้า
พันธสัญญาแห่งสันติสุขอันเป็นนิรันดร์
54 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า
“จงร้องเพลงเถิด หญิงที่เป็นหมัน เจ้าไม่เคยตั้งครรภ์
จงร้องเพลงและตะโกนด้วยเสียงอันดังเถิด
เจ้ายังไม่เคยปวดครรภ์
เพราะหญิงที่ถูกทอดทิ้ง
จะมีบุตรมากกว่าหญิงที่มีสามี[a]
2 จงขยายกระโจมของเจ้าให้ใหญ่ขึ้น
และให้ม่านในที่อยู่อาศัยของเจ้าแผ่กว้างออกไป
ไม่ต้องยับยั้งไว้
ทำเชือกของเจ้าให้ยาวขึ้น
และทำหมุดให้แข็งแรง
3 เพราะเจ้าจะแผ่ขยายออกไปได้กว้างไกล ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา
และเชื้อสายของเจ้าจะได้เป็นเจ้าของบรรดาประชาชาติ
และพวกเขาจะเป็นเจ้าของเมืองร้างทั้งหลาย
4 อย่ากลัวเลย ด้วยว่า เจ้าจะไม่ต้องอับอาย
อย่าสับสนเพราะเจ้าจะไม่ต้องอัปยศอดสู
ด้วยว่า เจ้าจะลืมความขายหน้าที่มีในวัยแรกรุ่น
และความเป็นม่ายซึ่งทำให้เจ้าถูกตำหนิติเตียนก็จะไม่อยู่ในความทรงจำอีกต่อไป
5 ด้วยว่า องค์ผู้สร้างของเจ้าเป็นสามีของเจ้า
พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาคือพระนามของพระองค์
และองค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอลคือองค์ผู้ไถ่ของเจ้า
พระองค์มีชื่อว่า พระเจ้าแห่งโลกทั้งโลก
6 ด้วยว่า พระผู้เป็นเจ้าได้เรียกเจ้า
เจ้าเป็นเหมือนภรรยาที่ถูกทอดทิ้งและโศกเศร้าในจิตวิญญาณ
เหมือนอย่างภรรยาในวัยแรกรุ่นที่ถูกผลักไส”
พระเจ้าของท่านกล่าวดังนั้น
7 “เราละเลยเจ้าเพียงชั่วขณะ
แต่เราจะโอบรวบรวมเจ้าไว้ด้วยความสงสาร
8 เราซ่อนหน้าไปจากเจ้า
ด้วยความโกรธมหันต์เพียงชั่วขณะ
แต่เราจะมีความสงสารต่อเจ้า
ด้วยความรักอันเป็นนิรันดร์”
พระผู้เป็นเจ้า องค์ผู้ไถ่ของท่านกล่าวดังนั้น
9 “เราเห็นว่า นี่เป็นเหมือนกับสมัยของโนอาห์
เหมือนกับที่เราปฏิญาณว่า น้ำที่เคยท่วมในยุคของโนอาห์
จะไม่ควรท่วมโลกอีกแล้ว[b]
ดังนั้นเราจึงได้ปฏิญาณว่า เราจะไม่โกรธเจ้า
และจะไม่ห้ามเจ้าอีก
10 ด้วยว่า เทือกเขาจะสั่นคลอน
และเนินเขาจะถูกขยับเขยื้อน
แต่ความรักอันมั่นคงของเราจะไม่สั่นคลอน
และพันธสัญญาแห่งสันติสุขของเราจะไม่ถูกพรากไป”
พระผู้เป็นเจ้าผู้มีความสงสารต่อท่านกล่าวดังนั้น
11 “โอ เจ้าผู้รับความลำบาก ผู้ที่ถูกพายุพัดพาไปและไม่ได้กำลังใจ
ดูเถิด เราจะสร้างเจ้าด้วยพลอยสีฟ้า
และวางฐานรากของเจ้าด้วยนิลสีคราม
12 เราจะทำเชิงเทินของเจ้าด้วยทับทิม
ทำประตูด้วยแก้วผลึก
และกำแพงทุกด้านด้วยเพชรพลอย
13 พระผู้เป็นเจ้าจะสั่งสอนบุตรของเจ้าทุกคน[c]
และบรรดาบุตรของเจ้าจะมีสันติสุขยิ่งนัก
14 เจ้าจะได้รับความมั่นคงในความชอบธรรม
เจ้าจะอยู่ห่างจากการถูกบีบบังคับ
เพราะเจ้าจะไม่กลัว
และเจ้าจะอยู่ห่างจากความหวาดกลัว
เพราะมันจะไม่เข้าใกล้ตัวเจ้า
15 ถ้าหากว่ามีผู้ใดก่อการทะเลาะวิวาท
ก็ไม่ใช่เกิดจากเรา
ใครก็ตามที่ก่อการทะเลาะวิวาทกับเจ้า
เขาก็จะล้มเพราะเจ้า
16 ดูเถิด เราได้สร้างช่างตีเหล็ก
ซึ่งพัดไฟให้ลุกขึ้นจากถ่านหิน
และสร้างอาวุธตามจุดประสงค์
เราได้สร้างผู้ก่อความพินาศขึ้นเพื่อทำลายจนไม่ให้เหลือซาก
17 ไม่มีอาวุธใดที่ยกขึ้นต่อต้านเจ้าจะทำได้สำเร็จ
และทุกลิ้นที่กล่าวหาเจ้าจะถูกกล่าวโทษ
นี่คือมรดกของบรรดาผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้า
และความชอบธรรมของพวกเขามาจากเรา”
พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
โหราจารย์จากทิศตะวันออก
2 หลังจากที่พระเยซูได้ถือกำเนิดที่เมืองเบธเลเฮมในแคว้นยูเดีย ซึ่งเป็นสมัยของกษัตริย์เฮโรด[a]ก็ได้มีพวกโหราจารย์จากทิศตะวันออกมายังเมืองเยรูซาเล็มกล่าวว่า 2 “ผู้ที่ได้เกิดมาเป็นกษัตริย์ของชาวยิวอยู่ที่ไหน เพราะว่าพวกเราเห็นดาวของพระองค์ปรากฏทางทิศตะวันออก จึงได้พากันมานมัสการพระองค์” 3 เมื่อกษัตริย์เฮโรดได้ยินดังนั้นก็กระวนกระวายใจ รวมไปถึงชาวเมืองเยรูซาเล็มด้วย 4 ท่านเรียกบรรดามหาปุโรหิตและอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติของประชาชนมาประชุม และไต่ถามว่าพระคริสต์จะบังเกิดที่ไหน 5 พวกเขาพูดว่า “ที่เมืองเบธเลเฮมในแคว้นยูเดีย เพราะผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าได้บันทึกไว้ว่า
6 ‘และเจ้าเอง เมืองเบธเลเฮม ดินแดนแห่งแคว้นยูดาห์
หาใช่จะด้อยที่สุดในบรรดาผู้นำในแคว้นยูเดียไม่
เพราะผู้นำท่านหนึ่งซึ่งมาจากเจ้า
จะเป็นผู้นำทางให้แก่อิสราเอล ชนชาติของเรา’”[b]
7 ครั้นแล้วเฮโรดก็เรียกพวกโหราจารย์มาเป็นการลับ เพื่อถามให้ถ้วนถี่ถึงเวลาที่ดาวนั้นปรากฏขึ้น 8 แล้วก็ให้โหราจารย์ไปยังเมืองเบธเลเฮมโดยสั่งว่า “จงไปค้นหาทารกนั้นให้ทั่วจนกว่าจะพบ เมื่อพบแล้วก็มารายงานให้เราทราบ เราจะได้ไปนมัสการพระองค์ด้วย”
9 เมื่อรับคำสั่งจากกษัตริย์แล้ว พวกโหราจารย์ก็จากไป ดาวที่พวกเขาเห็นทางทิศตะวันออกก็นำทางล่วงหน้าพวกเขาไป และมาหยุดอยู่เหนือสถานที่ที่ทารกอยู่ 10 เมื่อพวกเขาเห็นดาวดวงนั้นก็ยินดียิ่ง 11 ครั้นเข้าไปในเรือน ก็เห็นทารกและมารีย์มารดา จึงกราบนมัสการพระองค์ แล้วเปิดห่อของอันมีค่ามอบแด่พระองค์ ได้แก่ ทองคำ กำยาน และมดยอบ 12 พระเจ้าได้เตือนพวกโหราจารย์ในฝันไม่ให้กลับไปหาเฮโรด พวกเขาจึงเดินทางกลับประเทศของตนโดยใช้เส้นทางอื่น
หนีไปยังประเทศอียิปต์
13 เมื่อพวกเขาได้จากไปแล้ว ทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าก็ปรากฏแก่โยเซฟในฝันกล่าวว่า “จงลุกขึ้นเถิด พาทารกและมารดาของพระองค์หนีไปประเทศอียิปต์ จงอยู่ที่นั่นจนกว่าเราจะบอกท่าน เพราะว่าเฮโรดจะค้นหาทารกนี้เพื่อจะฆ่าเสีย” 14 โยเซฟจึงลุกขึ้นและพามารดาและทารกออกเดินทางไปในคืนนั้น แล้วเดินทางไปยังอียิปต์ 15 และอยู่ที่นั่นจนเฮโรดเสียชีวิต ซึ่งเป็นไปตามที่พระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวไว้โดยผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าว่า “เราเรียกบุตรของเราออกมาจากประเทศอียิปต์”[c]
เฮโรดฆ่าเด็ก
16 เมื่อเฮโรดเห็นว่าตนหลงกลพวกโหราจารย์ก็ยิ่งโกรธมากขึ้น จึงสั่งให้ฆ่าเด็กชายทุกคนที่อายุตั้งแต่สองขวบลงมา ทั้งในเมืองเบธเลเฮมและย่านใกล้เคียง ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ได้ทราบเรื่องจากโหราจารย์ 17 แล้วก็เป็นไปตามที่ได้กล่าวไว้โดยเยเรมีย์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าว่า
18 “เสียงที่ได้ยินในหมู่บ้านรามาห์คือ
เสียงร้องไห้และร้องคร่ำครวญอันดัง
นางราเชลร่ำไห้เพราะลูกๆ ของนาง
และนางไม่ยอมให้ปลอบใจ
เพราะลูกๆ ตายเสียแล้ว”[d]
กลับไปยังนาซาเร็ธ
19 หลังจากเฮโรดสิ้นชีวิตแล้ว ทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าปรากฏแก่โยเซฟที่ประเทศอียิปต์ในฝันกล่าวว่า 20 “จงลุกขึ้นเถิด พาทารกกับมารดาของพระองค์ไปยังดินแดนของประเทศอิสราเอล เพราะว่าบรรดาคนที่ค้นหาเพื่อเอาชีวิตของทารกได้ตายไปแล้ว” 21 โยเซฟก็ลุกขึ้นและพามารดากับทารกไปยังดินแดนของประเทศอิสราเอล 22 แต่เมื่อเขาได้ยินว่าอาร์เค-ลาอัสครองแคว้นยูเดียแทนเฮโรดผู้เป็นบิดา เขาก็ไม่กล้าไปที่นั่น พระเจ้าเตือนเขาในฝันให้เดินทางไปยังแคว้นกาลิลี 23 ไปอาศัยอยู่ในเมืองหนึ่งชื่อนาซาเร็ธ ดังที่เป็นไปตามที่ได้กล่าวไว้โดยบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าว่า “ผู้คนจะพากันเรียกพระองค์ว่า ชาวนาซาเร็ธ”
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation