M’Cheyne Bible Reading Plan
24 เมื่อชายใดรับผู้หญิงไว้เป็นภรรยา ถ้านางไม่เป็นที่โปรดปรานในสายตาของเขาเพราะนางทำตนไม่เหมาะสม เขาจึงเขียนใบหย่าใส่มือนางและไล่ออกไปจากบ้าน นางจึงไปจากบ้านเขา[a] 2 ถ้านางจากไปและตกเป็นภรรยาของชายอีกคน 3 สามีคนหลังไม่ชอบนางและเขียนใบหย่าใส่มือนางและไล่ออกไปจากบ้าน หรือถ้าสามีคนหลังที่เอานางไปเป็นภรรยาเกิดเสียชีวิต 4 สามีคนก่อนที่ไล่นางไปจะรับนางไปเป็นภรรยาของเขาอีกไม่ได้หลังจากที่นางมีมลทิน เพราะเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจต่อพระผู้เป็นเจ้า และท่านอย่านำความผิดมายังแผ่นดินที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านมอบให้แก่ท่านเป็นมรดก
5 เมื่อชายใดเพิ่งแต่งงานใหม่ อย่าเพิ่งให้เขาออกไปกับกองทัพหรือถูกประจำการใดๆ เขาต้องมีอิสระอยู่ที่บ้าน 1 ปี เพื่อมีความสุขอยู่กับภรรยาที่เขาได้มา
6 อย่าให้ผู้ใดยึดเอาโม่หิน หรือแม้เพียงหินท่อนบนไปเป็นประกันการชำระหนี้ เพราะจะนับว่าเขาใช้ชีวิตเป็นประกัน
7 ถ้าผู้ใดถูกจับได้ว่าลักพาพี่น้องชาวอิสราเอล และปฏิบัติต่อเขาเช่นทาสหรือขายเขาไป ผู้ลักพาจะต้องตาย ดังนั้นจงกำจัดคนชั่วร้ายออกไปจากพวกท่าน
8 จงระวังในกรณีโรคเรื้อน เอาใจใส่โดยทำตามคำชี้แจงทั้งหมดของบรรดาปุโรหิตที่เป็นชาวเลวีอย่างเคร่งครัด ท่านจงเอาใจใส่ในการปฏิบัติตามที่เราสั่งพวกเขา[b] 9 จงนึกถึงว่าพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านกระทำต่อมิเรียมระหว่างทางที่พวกท่านออกจากอียิปต์[c]
10 เมื่อท่านให้เพื่อนบ้านขอยืมสิ่งใดก็ตาม ท่านอย่าเข้าไปในบ้านของเขาเพื่อเอาสิ่งประกันการชำระหนี้ 11 แต่ท่านจงยืนอยู่ข้างนอก และคนที่ท่านให้ยืมจะนำของประกันการชำระหนี้ออกมาให้ท่านเอง 12 ถ้าเขาเป็นคนขัดสน ก็อย่าเก็บของประกันไว้จนข้ามคืน 13 จงคืนเสื้อคลุมให้เขาก่อนตะวันตกดิน เขาจะได้ใช้คลุมนอนได้ แล้วเขาจะอวยพรท่าน และจะนับว่าท่านมีความชอบธรรม ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน
14 ท่านอย่าบีบบังคับผู้รับจ้างที่ขัดสนและยากไร้ ไม่ว่าเขาจะเป็นพี่น้องของท่านคนหนึ่งหรือคนต่างด้าวที่อยู่บนแผ่นดินภายในเมืองของท่าน 15 จงจ่ายค่าจ้างแก่เขาในวันที่เขาทำงานก่อนดวงอาทิตย์ตก เพราะเขาขัดสนและหวังจะได้รับค่าจ้าง เกรงว่าเขาจะร้องหาพระผู้เป็นเจ้าเรื่องท่าน และท่านจะมีความผิด
16 อย่าให้บิดาตายแทนบุตรของเขา และอย่าให้บุตรตายแทนบิดาเช่นกัน แต่ละคนต้องตายเพราะบาปของตนเอง
17 อย่าบิดเบือนความเป็นธรรมที่คนต่างด้าวและเด็กกำพร้าควรได้รับ และอย่ายึดเสื้อผ้าของหญิงม่ายเป็นประกันการชำระหนี้ 18 แต่ท่านจงจำไว้ว่าท่านเคยเป็นทาสในอียิปต์ และพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านไถ่ท่านมาจากที่นั่น ฉะนั้นเราจึงบัญชาท่านให้กระทำตามนี้
19 เมื่อเก็บเกี่ยวพืชผลในนาของท่าน แล้วท่านลืมฟ่อนข้าวไว้ในนา ก็ไม่ต้องกลับไปเอา จงให้ปล่อยไว้ให้เป็นของชาวต่างด้าว เด็กกำพร้า และหญิงม่าย เพื่อพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านจะได้อวยพรท่านในทุกสิ่งที่ท่านทำ 20 เมื่อท่านสอยผลมะกอกให้หล่นจากต้น อย่าสอยซ้ำสอง จงปล่อยให้เป็นของชาวต่างด้าว เด็กกำพร้า และหญิงม่าย 21 เมื่อท่านเก็บผลองุ่นจากสวนของท่าน อย่าเก็บเล็มอีก จงปล่อยให้เป็นของชาวต่างด้าว เด็กกำพร้า และหญิงม่าย 22 ท่านจงจำไว้ว่าท่านเคยเป็นทาสในแผ่นดินของอียิปต์ ฉะนั้นเราจึงบัญชาท่านให้ทำตามนี้
เพลงเทศกาลปัสกา
1 เมื่ออิสราเอลออกพ้นจากประเทศอียิปต์
ครอบครัวของยาโคบไปจากชนต่างชาติต่างภาษา
2 ยูดาห์กลายเป็นสถานที่บริสุทธิ์ของพระองค์
อิสราเอลอยู่ในการปกครองของพระองค์
3 ทะเลแห้งเหือดลง
แม่น้ำจอร์แดนหยุดไหล[a]
4 ภูเขาลิงโลดราวกับแกะตัวผู้
เนินเขาลิงโลดราวกับลูกแกะ
5 ทะเลเอ๋ย เจ้าเป็นอะไรไป เจ้าจึงได้เหือดแห้ง
และจอร์แดน เหตุใดเจ้าจึงหยุดไหล
6 ภูเขา เหตุใดเจ้าจึงลิงโลดราวกับแกะตัวผู้
เนินเขาลิงโลดราวกับลูกแกะ
7 โอ แผ่นดินโลกเอ๋ย จงหวั่นไหว ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า
ณ เบื้องหน้าพระเจ้าของยาโคบ
8 ผู้บันดาลให้ก้อนหินเป็นสระน้ำ
และหินเหล็กไฟเป็นน้ำพุ
พระเจ้าเที่ยงแท้พระองค์เดียว
1 แด่พระองค์เพียงผู้เดียว โอ พระผู้เป็นเจ้า แด่พระองค์เพียงผู้เดียว
ขอพระบารมีจงมีแด่พระนามของพระองค์
เพราะความรักอันมั่นคงและความสัตย์จริงของพระองค์
2 ทำไมบรรดาประชาชาติจึงพากันพูดว่า
“พระเจ้าของพวกเขาอยู่ที่ไหน”
3 พระเจ้าของพวกเราอยู่ในเบื้องฟ้าสวรรค์
พระองค์ทำตามความประสงค์ของพระองค์
4 รูปเคารพของพวกเขาเป็นเงินและทองคำ
เป็นสิ่งที่ทำด้วยมือมนุษย์
5 รูปเหล่านั้นมีปาก แต่พูดไม่ได้
มีตา แต่มองไม่เห็น
6 มีหู แต่ไม่สามารถได้ยิน
มีจมูกที่สูดดมกลิ่นไม่ได้
7 มีมือที่ไร้ความรู้สึก
มีเท้าซึ่งก้าวเดินไม่ได้
และทำเสียงให้เกิดขึ้นในลำคอก็ไม่ได้
8 พวกที่ปั้นรูปเคารพขึ้นก็ย่อมเป็นเหมือนกับรูปเคารพ
ผู้ใดวางใจในรูปเคารพก็เป็นดั่งรูปนั้น
9 โอ อิสราเอลเอ๋ย จงไว้วางใจในพระผู้เป็นเจ้าเถิด
พระองค์ช่วยพวกเขา และเป็นดั่งโล่ของพวกเขา
10 พงศ์พันธุ์ของอาโรนเอ๋ย จงไว้วางใจในพระผู้เป็นเจ้าเถิด
พระองค์ช่วย และเป็นดั่งโล่ของพวกเขา
11 พวกท่านที่เกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า จงไว้วางใจในพระผู้เป็นเจ้าเถิด
พระองค์เป็นผู้ช่วยเหลือและเป็นดั่งโล่ของพวกเขา
12 พระผู้เป็นเจ้าระลึกถึงพวกเรา พระองค์จะให้พร
พระองค์จะให้พรแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอล
พระองค์จะให้พรแก่พงศ์พันธุ์ของอาโรน
13 พระองค์จะให้พรแก่บรรดาผู้เกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า
ทั้งผู้น้อยและผู้ใหญ่
14 ขอพระผู้เป็นเจ้าเพิ่มจำนวนลูกหลานของท่าน
ให้ทั้งท่านและลูกๆ ของท่าน
15 ขอให้พระผู้เป็นเจ้า ผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก
อวยพรท่าน
16 ฟ้าสวรรค์เป็นฟ้าสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้า
แต่พระองค์มอบแผ่นดินโลกให้แก่บรรดาบุตรของมนุษย์
17 คนตายไม่สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
รวมทั้งพวกที่ก้าวไปสู่ความสงัดด้วยเช่นกัน
18 แต่พวกเราจะสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
นับแต่บัดนี้และตลอดไปเป็นนิตย์
จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
พระผู้เป็นเจ้าปลอบประโลมศิโยน
51 “จงฟังเรา พวกเจ้าที่มุ่งมั่นในความชอบธรรม
เจ้าผู้แสวงหาพระผู้เป็นเจ้า
จงมองดูหินที่เจ้าถูกสกัดออกมา
และดูเหมืองหินที่เจ้าถูกขุดออกมาเถิด
2 จงมองดูอับราฮัมบิดาของเจ้า
และซาราห์ผู้ให้กำเนิดเจ้า
เมื่อเราเรียกเขา เขาเป็นเพียงตัวคนเดียว
เพื่อเราจะให้พรแก่เขา และให้เขาทวีจำนวนคนขึ้น”
3 พระผู้เป็นเจ้าปลอบประโลมศิโยน
พระองค์มองดูสถานที่ร้างด้วยความสงสาร
และทำให้ถิ่นทุรกันดารเป็นเหมือนสวนเอเดน
ให้ที่ราบเป็นเหมือนสวนของพระผู้เป็นเจ้า
ความยินดีและเบิกบานใจจะอยู่ในที่นั้น
พร้อมด้วยการขอบคุณและเสียงเพลง
4 “ชนชาติของเราเอ๋ย จงตั้งใจฟังเรา
ประชาชาติของเรา จงเงี่ยหูฟังเรา
เพราะกฎบัญญัติจะมาจากเรา
และเราจะให้ความยุติธรรมเป็นแสงสว่างแก่บรรดาชนชาติ
5 ความชอบธรรมของเราใกล้เข้ามาแล้ว
ความรอดพ้นของเรากำลังมา
และพลานุภาพของเราจะตัดสินบรรดาชนชาติ
หมู่เกาะต่างๆ มีความหวังในเรา
และพวกเขารอพลานุภาพของเรา
6 จงเงยหน้าขึ้นสู่ฟ้าสวรรค์
และมองลงที่แผ่นดินโลกเบื้องล่าง
ด้วยว่า ฟ้าสวรรค์จะเลือนหายไปอย่างควัน
แผ่นดินโลกจะสึกหรอไปเหมือนกับเครื่องนุ่งห่ม
และพวกที่อาศัยอยู่ในนั้นจะตายไปเหมือนตัวริ้น
แต่ความรอดพ้นที่มาจากเราจะคงอยู่ชั่วนิรันดร์
และความชอบธรรมของเราจะมั่นคง
7 จงฟังเรา บรรดาผู้ที่รู้จักความชอบธรรม
บรรดาผู้ที่มีกฎบัญญัติอยู่ในจิตใจ
อย่ากลัวการติเตียนของมนุษย์
หรือตกใจกับการเย้ยหยันของพวกเขา
8 ด้วยว่า แมลงจะกัดกินพวกเขาเหมือนกินเครื่องนุ่งห่ม
และหนอนจะกินพวกเขาเหมือนกินขนแกะ
แต่ความชอบธรรมที่มาจากเราจะคงอยู่ชั่วนิรันดร์
และความรอดพ้นที่มาจากเรามีให้ทุกชั่วอายุคน”
9 ตื่นเถิด ตื่นเถิด อานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า
ขอเปี่ยมด้วยพละกำลัง
ตื่นเถิด เหมือนสมัยดึกดำบรรพ์
สมัยที่ล่วงผ่านพ้นมานานแล้ว
ไม่ใช่พระองค์หรอกหรือที่หั่นราหับเป็นชิ้นๆ
และแทงมังกรตัวนั้นทะลุ[a]
10 ไม่ใช่พระองค์หรอกหรือที่ทำให้ทะเล
คือน้ำในทะเลลึกแห้งเหือด
ผู้ทำทางในความลึกของทะเลให้แก่
บรรดาผู้ได้รับการไถ่ได้ข้ามไป
11 และบรรดาผู้รับการไถ่คืนของพระผู้เป็นเจ้าจะกลับมา
และมายังศิโยนพร้อมกับการร้องเพลง
ความยินดีจะเป็นของพวกเขาตลอดไป
เขาทั้งหลายจะได้รับความยินดีและเบิกบานใจ
ความเศร้าและการถอนใจจะหนีไปจากพวกเขา
12 “เรานั่นแหละ เราคือผู้ที่ปลอบประโลมพวกเจ้า
เจ้าเป็นใครที่กลัวเพียงมนุษย์ที่ตายได้
กลัวบุตรมนุษย์ซึ่งเป็นดั่งใบหญ้า
13 เจ้าจึงได้ลืมพระผู้เป็นเจ้า องค์ผู้สร้างของเจ้า
ผู้แผ่ฟ้าสวรรค์ออกไป
และวางฐานรากของแผ่นดินโลก
และเจ้าจึงหวาดกลัวตลอดวันเวลา
เพราะความฉุนเฉียวของผู้บีบบังคับ
เมื่อเขามุ่งหมายจะทำลาย
แล้วความฉุนเฉียวของผู้บีบบังคับอยู่ที่ไหน
14 ผู้ที่ถูกปราบให้หมอบลงจะได้รับการปลดปล่อยอย่างโดยเร็ว
เขาจะไม่ตายหรือตายในหลุมแห่งแดนคนตาย
เขาจะไม่ขาดแคลนอาหาร
15 เราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า
เราทำให้ทะเลปั่นป่วน และคลื่นส่งเสียงครืนครั่น
พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาคือพระนามของพระองค์
16 และเราได้ใส่คำกล่าวของเราในปากของเจ้าแล้ว
และคุ้มตัวเจ้าอยู่ในร่มเงาของมือเรา
เราก่อตั้งฟ้าสวรรค์
และวางฐานรากของแผ่นดินโลก
และกล่าวกับศิโยนว่า ‘เจ้าเป็นชนชาติของเรา’”
17 ตื่นเถิด ตื่นเถิด
โอ เยรูซาเล็มเอ๋ย จงยืนขึ้น
เจ้าเป็นผู้ที่ดื่มจากมือของพระผู้เป็นเจ้า
ถ้วยแห่งความกริ้วของพระองค์
เจ้าดื่มจนไม่เหลือแม้ก้นตะกอน
จากถ้วยที่ทำให้เดินโซซัดโซเซ
18 ไม่มีสักคนในบรรดาบุตรชายที่นางให้กำเนิด
จะนำทางให้นาง
ไม่มีสักคนในบรรดาบุตรชายที่นางได้เลี้ยงดูมา
จะจูงมือนางไป
19 ความวิบัติสองสิ่งนี้ได้เกิดกับเจ้า
ใครจะแสดงความเสียใจต่อเจ้า
ความทุกข์ทรมานและความพินาศ ทุพภิกขภัยและการฆ่าฟัน
ใครจะปลอบประโลมเจ้า
20 บรรดาบุตรของเจ้าเป็นลม
และล้มลงอยู่ที่ทุกมุมถนน
เหมือนกับละมั่งน้อยถูกดักด้วยตาข่าย
พวกเขาถูกพระผู้เป็นเจ้าลงโทษ
ถูกพระเจ้าตักเตือนว่ากล่าว
21 ฉะนั้น จงฟังเถิด พวกท่านที่ได้รับความทรมาน
ที่มึนเมา แต่ไม่ใช่ด้วยเหล้าองุ่น
22 พระผู้เป็นเจ้าของท่าน พระผู้เป็นเจ้า
พระเจ้าของท่าน ผู้ปกป้องชนชาติของพระองค์กล่าวว่า
“ดูเถิด เราได้เอาถ้วยที่ทำให้เจ้าเดินโซซัดโซเซออกจากมือเจ้าแล้ว
เจ้าจะไม่ดื่มจากถ้วยแห่งความกริ้วของเราอีกต่อไป
23 และเราจะใส่ในมือของพวกที่รังควานเจ้า
พวกที่พูดกับเจ้าว่า
‘จงก้มลงราบกับพื้น ให้เราเดินเหยียบย่ำผ่านไป’
และเจ้าได้ทำให้หลังของเจ้าเป็นเหมือนพื้นดิน
และเหมือนกับถนนให้พวกเขาเหยียบย่ำผ่านไป”
เยรูซาเล็มใหม่
21 ครั้นแล้วข้าพเจ้าก็ได้เห็นสวรรค์ใหม่กับแผ่นดินโลกใหม่ ด้วยว่าสวรรค์แรกกับแผ่นดินแรกได้หายไป ทะเลก็ไม่มีอีกต่อไปแล้ว 2 ข้าพเจ้าได้เห็นเมืองบริสุทธิ์คือเมืองเยรูซาเล็มใหม่ ซึ่งลงมาจากสวรรค์โดยมาจากพระเจ้า เมืองนี้มีการเตรียมไว้ให้พร้อม ดุจดังเจ้าสาวแต่งตัวไว้เพื่อสามีของเธอ 3 ข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังจากบัลลังก์กล่าวว่า “ดูเถิด ที่พำนักของพระเจ้าอยู่ท่ามกลางมนุษย์ พระองค์จะอยู่ท่ามกลางพวกเขา และเขาทั้งหลายจะเป็นคนของพระองค์ และพระเจ้าเองจะอยู่ท่ามกลางพวกเขา 4 พระองค์จะเช็ดน้ำตาทุกหยดจากตาของเขา จะไม่มีความตายหรือการร้องคร่ำครวญ การร่ำไห้หรือความเจ็บปวดอีกต่อไป ด้วยว่าสิ่งเดิมทั้งหลายนั้นได้สูญหายไปแล้ว”
5 องค์ผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์กล่าวว่า “ดูเถิด เราทำทุกสิ่งใหม่หมด” และพระองค์กล่าวว่า “จงเขียนไว้เถิด เพราะว่าคำกล่าวเหล่านี้วางใจได้และเป็นความจริง” 6 พระองค์ได้กล่าวกับข้าพเจ้าว่า “สิ้นสุดแล้ว เราเป็นอัลฟาและโอเมกา คือเป็นจุดแรกเริ่มและจุดสุดท้าย ผู้ที่กระหาย เราก็จะให้ดื่มจากน้ำพุแห่งชีวิตโดยไม่ต้องเสียค่าอะไรเลย 7 ผู้ที่มีชัยชนะก็จะได้รับสิ่งเหล่านี้เป็นมรดก เราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นบุตรของเรา 8 แต่สำหรับคนขลาด คนที่ไม่มีความเชื่อ คนที่มีมลทิน ฆาตกร คนผิดประเวณี คนที่ใช้วิทยาคม คนที่บูชารูปเคารพ และคนโกหกทั้งหลาย เขาเหล่านี้จะอยู่ในทะเลเพลิงที่ลุกโชนด้วยเปลวไฟและกำมะถัน นั่นคือความตายครั้งที่สอง”
9 ทูตสวรรค์องค์หนึ่งในเจ็ดองค์ที่มีขัน 7 ใบที่เต็มไปด้วยภัยพิบัติสุดท้ายทั้งเจ็ด ก็มาพูดกับข้าพเจ้าว่า “มานี่เถิด เราจะให้ท่านดูเจ้าสาวคือภรรยาของลูกแกะ” 10 ครั้นแล้วก็ได้พาข้าพเจ้าขึ้นไปบนภูเขาสูงใหญ่ในฝ่ายวิญญาณ เพื่อให้ข้าพเจ้าดูเมืองบริสุทธิ์คือเมืองเยรูซาเล็ม ซึ่งลงมาจากสวรรค์โดยมาจากพระเจ้า 11 เมืองนั้นส่องแสงเรืองรองด้วยพระบารมีของพระเจ้า ความเจิดจรัสดั่งเพชรนิลจินดาอันมีค่ายิ่ง ดุจมณีสีเขียว และกระจ่างใสอย่างแก้วเจียระไน 12 เมืองนั้นมีกำแพงสูงใหญ่ มีประตู 12 บาน และประตูแต่ละบานมีทูตสวรรค์ 1 องค์ ชื่อของแต่ละเผ่าของชนชาติอิสราเอลจารึกไว้ที่ประตูแต่ละบาน 13 ทางด้านตะวันออกมีประตู 3 บาน ทางด้านเหนือมีประตู 3 บาน ทางด้านใต้มีประตู 3 บาน และทางด้านตะวันตกมีประตู 3 บาน 14 กำแพงเมืองมีฐานราก 12 ฐาน ซึ่งมีชื่อของอัครทูตทั้งสิบสองของลูกแกะอยู่บนฐานนั้น
15 ทูตสวรรค์องค์ที่พูดกับข้าพเจ้า มีไม้วัดทองคำเพื่อจะวัดเมือง ประตู และกำแพง 16 เมืองนั้นเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างยาวเท่ากัน ท่านใช้ไม้วัดเมืองได้ความยาว ความกว้าง และความสูงเท่ากันคือด้านละ 12,000 สตาเดีย[a] 17 ท่านวัดกำแพงได้สูงประมาณ 144 ศอก อันเป็นหน่วยการวัดของมนุษย์ ซึ่งทูตสวรรค์ก็ใช้วัดเช่นกัน 18 กำแพงทำด้วยมณีสีเขียว และเมืองเป็นทองคำบริสุทธิ์ และใสดุจดังแก้วใส 19 ฐานของกำแพงเมืองประดับด้วยเพชรนิลจินดาอันมีค่าทุกชนิด ฐานแรกเป็นมณีสีเขียว ที่สองเป็นนิลสีคราม ที่สามเป็นหินแก้วหลากสี ที่สี่เป็นมรกต 20 ที่ห้าเป็นนิลชนิดหนึ่ง ที่หกเป็นมณีสีแดง ที่เจ็ดเป็นโกเมน ที่แปดเป็นแก้วผลึกสีเขียวปนน้ำเงิน ที่เก้าเป็นบุษราคัม ที่สิบเป็นหินเขี้ยวหนุมานหลากสี ที่สิบเอ็ดเป็นแก้วผลึกสีส้มปนแดง ที่สิบสองเป็นพลอยสีม่วง 21 และประตูทั้ง 12 บานเป็นไข่มุก 12 เม็ด ประตูแต่ละบานเป็นไข่มุก 1 เม็ด ถนนในเมืองเป็นทองคำบริสุทธิ์และใสดุจดังแก้วใส
22 ข้าพเจ้าเห็นว่าไม่มีพระวิหารในเมืองนั้น ด้วยว่าพระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้าจอมโยธา และลูกแกะ เป็นพระวิหารของเมือง 23 เมืองนั้นไม่จำเป็นต้องมีดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ส่องแสง ด้วยว่าพระบารมีของพระเจ้าให้ความสว่างไสว และลูกแกะเป็นดวงตะเกียงของเมือง 24 บรรดาประเทศชาติจะดำเนินชีวิตได้โดยอาศัยแสงจากเมืองนั้น และบรรดากษัตริย์ของแผ่นดินโลกจะนำความยิ่งใหญ่ของตนเข้ามาในเมือง 25 ในเวลากลางวันประตูทุกบานจะไม่มีวันปิดเลย และที่นั่นจะไม่มีเวลากลางคืน 26 บรรดาประเทศชาติจะนำความยิ่งใหญ่และเกียรติเข้ามาในเมืองนั้น 27 ไม่มีสิ่งใดที่มีมลทิน ผู้ใดที่ประพฤติสิ่งอันน่าชัง และพูดโกหก จะเข้ามาในเมืองนั้นไม่ได้ ยกเว้นบรรดาผู้ที่มีชื่อบันทึกไว้ในหนังสือแห่งชีวิตของลูกแกะเท่านั้น
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation