Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
เฉลยธรรมบัญญัติ 19

กฎเกณฑ์เกี่ยวกับเมืองลี้ภัย

19 เมื่อพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านกำจัดบรรดาประชาชาติไปจากแผ่นดินที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านมอบแก่ท่าน แล้วท่านก็ยึดครองและเข้าไปอาศัยอยู่ในเมืองและในบ้านของพวกเขา ท่านจงแยกเมืองไว้ 3 เมืองสำหรับตนเองในแผ่นดินที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านมอบให้ท่านยึดครอง ท่านจงแบ่งแผ่นดินที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านจะมอบให้ท่านยึดครองออกเป็น 3 ส่วนและสร้างถนนไว้ให้พร้อม เพื่อว่าผู้ใดที่ฆ่าคนแล้วจะได้หลบหนีไปที่นั่นได้

กฎที่เกี่ยวกับผู้ฆ่าคนและหลบหนีไปที่นั่นเพื่อรอดตายเป็นไปตามนี้คือ เป็นผู้ฆ่าคนโดยไม่มีเจตนา โดยไม่เคยเป็นศัตรูกันมาก่อน ตัวอย่างเช่น ชายคนหนึ่งเข้าป่าไปตัดไม้กับเพื่อนบ้านของเขา ขณะที่เขาเหวี่ยงขวานตัดต้นไม้ หัวขวานบังเอิญหลุดจากด้ามไปถูกเพื่อนบ้าน ทำให้เขาตาย ชายคนนั้นหลบหนีไปยังเมืองใดเมืองหนึ่งที่กล่าวมานี้ได้ เขาจะได้รอดตาย เกรงว่าถ้าระยะทางไกลเกินไป ผู้แก้แค้นเกิดความเกรี้ยวกราดตามล่าจนทัน และฆ่าเขาตายในขณะที่เขาไม่สมควรจะตาย ในเมื่อเขาไม่ได้เป็นศัตรูกับเพื่อนบ้านของเขามาก่อน ฉะนั้นเราสั่งท่านว่า ท่านจงแยกเมืองไว้ 3 เมืองสำหรับตนเอง

และถ้าพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านขยายอาณาเขตให้ท่านตามที่พระองค์ได้ปฏิญาณกับบรรพบุรุษของท่าน และมอบแผ่นดินที่พระองค์ได้สัญญาว่าจะให้แก่บรรพบุรุษของท่าน เพราะท่านรักษาพันธสัญญาที่เราสั่งท่านในวันนี้อย่างเคร่งครัดด้วยการรักพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน และดำเนินในวิถีทางของพระองค์เสมอ ท่านจงเพิ่มเมืองขึ้นอีก 3 เมือง 10 จงกระทำตามนี้เพื่อเลือดของคนไม่มีความผิดจะไม่ไหลนองในแผ่นดินที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านมอบแก่ท่านเป็นมรดก ท่านจะได้ไม่เป็นฝ่ายผิดในการตายของเขา

11 แต่ถ้าผู้ใดเกลียดชังเพื่อนบ้านของตน และคอยหาโอกาสทำร้าย และทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสถึงแก่ความตาย แล้วชายคนนั้นก็หลบหนีเข้าไปในเมืองดังกล่าว 12 บรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ในเมืองของชายคนนั้นให้คนไปตามตัวเขามาจากที่นั่น มอบตัวเขาให้ผู้แก้แค้นลงโทษถึงชีวิต 13 ท่านต้องไม่ใจอ่อนสงสารเขา แต่จงกำจัดการกระทำผิดฐานฆ่าผู้ไร้ความผิดไปเสียจากอิสราเอล เพื่อว่าทุกสิ่งจะเป็นไปด้วยดีสำหรับท่าน

14 อย่าเคลื่อนย้ายหลักเขตของเพื่อนบ้านของท่าน ซึ่งเหล่าบรรพบุรุษได้ปักไว้ในแผ่นดินที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านมอบให้ท่านยึดครอง

กฎเกณฑ์เกี่ยวกับพยาน

15 พยานปากเพียงผู้เดียวไม่พอในการตัดสินลงโทษคนที่ถูกกล่าวหากรณีอาญาหรือความผิดใดๆ ที่เขากระทำ คือจะต้องมีพยานปาก 2 หรือ 3 คน จึงจะถือเป็นหลักฐานยืนยันได้[a] 16 ถ้าพยานเท็จคนหนึ่งยืนยันกล่าวหาว่าใครคนหนึ่งกระทำผิด 17 ทั้งสองฝ่ายที่มีเรื่องกันจะต้องไปยืน ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า ต่อหน้าบรรดาปุโรหิตและผู้ตัดสินความที่ประจำหน้าที่อยู่ในเวลานั้น 18 บรรดาผู้ตัดสินความจะต้องสืบสวนอย่างรอบคอบ และถ้าพยานเป็นพยานเท็จโดยกล่าวหาพี่น้องร่วมชาติอย่างผิดๆ 19 ท่านจงกระทำต่อเขาอย่างที่เขาตั้งใจกระทำต่อพี่น้องของเขา ดังนั้นท่านจงกำจัดคนชั่วร้ายเหล่านั้นออกไปจากพวกท่านเถิด 20 แล้วคนอื่นๆ จะได้ยินเรื่องและรู้สึกกลัว และจะไม่กล้ากระทำสิ่งชั่วร้ายเช่นนั้นในหมู่พวกท่านอีก 21 ท่านต้องไม่ใจอ่อนสงสาร มันจะเป็นชีวิตต่อชีวิต ตาต่อตา ฟันต่อฟัน มือต่อมือ และเท้าต่อเท้า[b]

สดุดี 106

พระผู้เป็นเจ้ากรุณาต่อชนชาติของพระองค์

จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า

ขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าเพราะพระองค์ประเสริฐ
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
ใครจะประกาศการกระทำอันยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้า
    หรือประกาศคำสรรเสริญพระองค์
บรรดาผู้ปฏิบัติตามความเป็นธรรมก็เป็นสุข
    คือผู้กระทำด้วยความชอบธรรมเสมอไป

โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดระลึกถึงข้าพเจ้า เวลาพระองค์โปรดปรานชนชาติของพระองค์
    เวลาพระองค์ช่วยพวกเขาให้รอดพ้น ก็โปรดช่วยข้าพเจ้าด้วย
เพื่อข้าพเจ้าจะได้เห็นคนที่พระองค์เลือกเจริญก้าวหน้ารุ่งเรืองขึ้น
    และข้าพเจ้าจะได้เป็นสุขด้วยกันกับประชาชาติของพระองค์
    และสรรเสริญร่วมกับผู้สืบมรดกของพระองค์

พวกเราได้ทำบาปเหมือนๆ กับบรรพบุรุษของเรา
    เรากระทำผิดไปแล้ว เรากระทำความชั่ว
บรรพบุรุษของพวกเราในอียิปต์
    ไม่ได้คำนึงถึงสิ่งมหัศจรรย์ของพระองค์
พวกเขาไม่นึกถึงความรักมั่นคงอันอุดมของพระองค์
    แต่กลับฝ่าฝืนที่ริมฝั่งทะเลที่ทะเลแดง
แม้กระนั้น พระองค์ยังช่วยพวกเขาให้รอดพ้นเพื่อพระนามของพระองค์
    เพื่อให้อานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์เป็นที่ประจักษ์
พระองค์ออกคำสั่งกับทะเลแดง และทะเลก็แห้งเหือดลง
    ครั้นแล้วพระองค์นำพวกเขาไปทางทะเลลึกราวกับไปทางถิ่นทุรกันดาร
10 พระองค์ช่วยพวกเขาให้พ้นจากเงื้อมมือของศัตรู
    และช่วยพวกเขาให้รอดพ้นจากอำนาจของข้าศึก
11 และกระแสน้ำก็ท่วมเหล่าปรปักษ์
    โดยไม่มีใครรอดพ้นไปได้สักคน
12 แล้วพวกเขาก็เชื่อในคำพูดของพระองค์
    และร้องเพลงสรรเสริญพระองค์

13 ไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็ลืมสิ่งที่พระองค์กระทำ
    และไม่รอฟังคำปรึกษาของพระองค์
14 พวกเขาเกิดความอยากยิ่งนักขณะที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร
    และลองดีกับพระเจ้าในที่ร้างอันแร้นแค้น
15 พระองค์ให้สิ่งที่พวกเขาขอ
    แต่ก็ให้โรคระบาดอันร้ายแรงเกิดขึ้นกับพวกเขาด้วย

16 พวกเขาอิจฉาโมเสสในค่ายที่พัก
    และอิจฉาอาโรนคนบริสุทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า
17 แผ่นดินแยกออกจากกันและกลืนดาธาน
    และฝังอะบีรามกับพรรคพวกจนมิด[a]
18 ไฟเผาผลาญคนทั้งกลุ่ม
    เปลวไฟเผาไหม้คนชั่วเหล่านั้น
19 พวกเขาปั้นรูปลูกโคขึ้นที่โฮเรบ
    และบูชารูปเคารพที่ได้หลอมไว้
20 พวกเขาเอาพระบารมีของพระเจ้า
    แลกกับรูปปั้นของโคที่กินหญ้า
21 พวกเขาลืมพระเจ้าผู้ช่วยให้รอดพ้นของเขา
    ผู้กระทำสิ่งอันยิ่งใหญ่ในอียิปต์
22 สิ่งมหัศจรรย์ในดินแดนของฮาม
    สิ่งอันน่าเกรงขามที่ทะเลแดง
23 แล้วพระองค์กล่าวว่า พระองค์จะทำลายพวกเขา
    แต่โมเสสผู้ที่พระองค์เลือกไว้
ไปยืนทัดทานพระองค์
    เพื่อให้พระองค์หันจากความเกรี้ยวโกรธและไม่ทำลายพวกเขา

24 ต่อมาภายหลัง พวกเขาก็ไม่กล้าเข้าไปในแผ่นดินอันน่าอยู่
    และไม่เชื่อในสัญญาของพระองค์
25 พวกเขาต่างบ่นพึมพำอยู่ในกระโจมที่พักของตน
    และไม่เชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้า
26 ฉะนั้น พระองค์ยกมือขึ้นปฏิญาณกับพวกเขาว่า
    พระองค์จะปล่อยให้พวกเขาตายในถิ่นทุรกันดาร
27 และจะทำให้ผู้สืบเชื้อสายของพวกเขากระจัดกระจายไปในบรรดาประชาชาติ
    ให้กระจัดกระจายไปทั่วแผ่นดิน

28 พวกเขาเทียมแอกกับเทพเจ้าบาอัลแห่งเปโอร์[b]
    และกินของที่นำไปบูชาสิ่งไม่มีชีวิต
29 การกระทำของพวกเขาถือเป็นการยั่วโทสะ
    และโรคระบาดเกิดขึ้นท่ามกลางพวกเขา
30 ครั้นแล้วฟีเนหัสช่วยเป็นคนกลางจัดการเรื่อง
    และโรคระบาดก็หยุด
31 เขาถูกนับว่ามีความชอบธรรม
    ตลอดทุกยุคทุกสมัยจนนิรันดร์กาล
32 พวกเขาทำให้พระองค์กริ้วที่แหล่งน้ำเมรีบาห์[c]
    และเป็นเหตุให้โมเสสเดือดร้อน[d]
33 พวกเขากดดันจิตวิญญาณของพระองค์
    ท่านจึงพูดโดยไม่ได้ตรึกตรอง

34 พวกเขาไม่ได้ทำลายบรรดาชนชาติ
    ตามที่พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชา
35 แต่กลับไปใช้ชีวิตร่วมกับบรรดาประชาชาติ
    และรับวิถีทางของพวกเขามา
36 อีกทั้งยังได้บูชารูปเคารพของคนเหล่านั้น
    ซึ่งต่อมาก็คือบ่วงแร้วสำหรับตนเอง
37 พวกเขายกบุตรชายบุตรหญิงของตนให้เป็น
    เครื่องสักการะแก่พวกมาร
38 และฆ่าคนไร้ความผิด
    เลือดของบุตรชายบุตรหญิงของตน
ถูกใช้เป็นเครื่องสักการะให้แก่บรรดารูปเคารพแห่งคานาอัน
    และแผ่นดินแปดเปื้อนด้วยเลือด
39 พวกเขาจึงไม่ใช่คนบริสุทธิ์เนื่องจากสิ่งที่ตัวเองกระทำ
    และความประพฤติของเขาเป็นเช่นของหญิงแพศยา

40 ฉะนั้น ความโกรธของพระผู้เป็นเจ้าพลุ่งขึ้นต่อชนชาติของพระองค์
    และพระองค์ชิงชังผู้สืบมรดกของพระองค์
41 พระองค์มอบพวกเขาไว้ในมือของบรรดาประชาชาติ
    ซึ่งเป็นพวกที่เกลียดชังและมีอำนาจเหนือพวกเขา
42 ศัตรูทำให้พวกเขามีความทุกข์
    และพวกเขาถูกบังคับให้อยู่ใต้อำนาจของศัตรู
43 พระองค์ช่วยพวกเขาให้รอดปลอดภัยหลายครั้ง
    แต่ก็ยังฝ่าฝืนพระองค์อย่างไม่หยุดยั้ง
    และถลำลึกลงในบาปมากยิ่งขึ้น

44 ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังเหลียวแลในยามพวกเขาตกทุกข์ได้ยาก
    สนใจฟังในยามที่เขาร้องทุกข์
45 พระองค์ระลึกถึงพันธสัญญาที่มีต่อพวกเขา
    และเปลี่ยนใจตามความรักอันมั่นคงของพระองค์ที่มีอย่างเอนกอนันต์
46 พระองค์โปรดให้พวกเขาได้รับความเมตตา
    จากบรรดาผู้ที่จับไปเป็นเชลย

47 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา ช่วยพวกเราให้รอดพ้นเถิด
    และรวบรวมพวกเราจากบรรดาประชาชาติ
เพื่อขอบคุณพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์
    และสรรเสริญพระองค์อย่างภาคภูมิใจ

48 สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล
    จากนิรันดร์กาลจนถึงนิรันดร์กาล
และให้ชนชาติทั้งปวงกล่าวว่า “อาเมน”

จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า

อิสยาห์ 46

เทวรูปของบาบิโลนและพระเจ้าแท้จริงพระองค์เดียว

46 เทพเจ้าเบลก้มตัวลง เทพเจ้าเนโบโน้มตัวลงต่ำ
    เทวรูปของพวกเขาอยู่บนหลังสัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยง
สิ่งที่พวกท่านแบกหามเหล่านี้เป็นภาระ
    ต่อพวกสัตว์ป่าที่เหนื่อยล้า
พวกมันโน้มตัวลงต่ำ และก้มตัวลงด้วยกัน
    พวกมันไม่สามารถเลี่ยงไปจากภาระที่แบก
    แล้วยังตกไปเป็นเชลยด้วย

“โอ พงศ์พันธุ์ยาโคบเอ๋ย
    พงศ์พันธุ์อิสราเอลที่มีชีวิตเหลืออยู่ จงฟังเรา
เราได้อุ้มเจ้าออกไปนับตั้งแต่เจ้าอยู่ในครรภ์
    และอุ้มชูเจ้านับตั้งแต่เกิด
และแม้เจ้าชราลง เราก็คือผู้นั้น
    จนกระทั่งเจ้าผมหงอก เราเองที่แบกเจ้า
เราเองเป็นผู้สร้างเจ้า และเราเองที่จะแบกรับภาระ
    เราจะประคองเจ้าและจะช่วยเจ้าให้รอด

เจ้าจะเปรียบเราหรือนับว่าเราเสมอเหมือนผู้ใด
    เจ้าเห็นว่าเราเป็นเหมือนผู้ใดที่เจ้าจะเอาไปเปรียบเทียบ
บรรดาพวกที่ทุ่มเทใช้ทองคำที่เก็บสะสมไว้
    และชั่งน้ำหนักเงิน
จ้างช่างทองให้หล่อเป็นรูปเทพเจ้า
    แล้วพวกเขาก็ก้มกราบนมัสการรูปนั้น
พวกเขาแบกเทวรูปขึ้นบ่าไป
    และตั้งไว้บนฐาน มันเคลื่อนไปจากที่ไม่ได้
ถ้าหากว่ามีผู้ใดร้องต่อหน้าเทวรูป มันก็จะไม่ตอบ
    มันช่วยเขาให้รอดจากความยากลำบากไม่ได้

จงจำสิ่งนี้ไว้และมีใจมั่นคง
    พวกเจ้าผู้ล่วงละเมิด เจ้าจงจำใส่ใจ
    จงจำเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา
เพราะเราเป็นพระเจ้า และไม่มีผู้อื่นอีก
    เราเป็นพระเจ้า และไม่มีผู้ใดที่เป็นเหมือนเรา
10 เราประกาศถึงสิ่งในครั้งปฐมกาลจนถึงบั้นปลาย
    และสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นตั้งแต่โบราณกาล
เรากล่าวว่า ‘แผนงานของเราจะยั่งยืน
    และเราจะทำให้ความประสงค์ของเราทั้งสิ้นสำเร็จลุล่วง’
11 เราเรียกนกอินทรีตัวหนึ่งจากทิศตะวันออก
    ชายคนหนึ่งจากแดนไกลจะทำให้สิ่งที่เราประสงค์เป็นผลสำเร็จ
สิ่งที่เราได้พูดแล้ว เราจะทำให้เกิดขึ้น
    สิ่งที่เราได้มุ่งหมายไว้ เราจะกระทำตามนั้น

12 เจ้าคนดื้อรั้น จงฟังเรา
    เจ้าห่างจากความชอบธรรม
13 เรานำความชอบธรรมของเรามาใกล้
    มันอยู่ไม่ไกลเลย
    และความรอดพ้นที่มาจากเราจะไม่ล่าช้า
เราจะให้ความรอดพ้นเข้ามายังศิโยน
    ให้บารมีของเราเพื่ออิสราเอล

วิวรณ์ 16

ขัน 7 ใบแห่งการลงโทษ

16 แล้วข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงดังจากพระวิหารกล่าวแก่ทูตสวรรค์ 7 องค์ว่า “ไปเถิด แล้วเอาขัน 7 ใบแห่งการลงโทษของพระเจ้าเทลงบนแผ่นดินโลก”

ทูตสวรรค์องค์แรกจึงออกไปและเทขันของท่านลงสู่แผ่นดินโลก คนทั้งหลายที่มีเครื่องหมายของอสุรกายและนมัสการรูปจำลองของตัวมัน ก็เกิดมีฝีร้ายที่ทำให้เจ็บปวดทรมาน

ทูตสวรรค์องค์ที่สองเทขันของท่านลงสู่ทะเล และทะเลก็กลายเป็นเลือดเหมือนเลือดของคนตาย และทุกสิ่งที่มีชีวิตในทะเลก็ตายสิ้น

ทูตสวรรค์องค์ที่สามเทขันของท่านลงสู่แม่น้ำและบ่อน้ำพุ และน้ำก็กลายเป็นเลือด ครั้นแล้ว ข้าพเจ้าได้ยินทูตสวรรค์ที่ดูแลน้ำพูดว่า

“พระองค์เป็นผู้มีความยุติธรรม
    องค์ผู้บริสุทธิ์ผู้ดำรงอยู่ในปัจจุบันและในอดีต
    เพราะพระองค์พิพากษาสิ่งเหล่านี้
ด้วยเหตุว่าเขาเหล่านั้นได้ทำให้บรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าและผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าหลั่งโลหิต
    และพระองค์ได้ให้พวกเขาดื่มโลหิต ตามที่พวกเขาสมควรได้รับ”

แล้วข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงตอบจากแท่นบูชาว่า

“จริงทีเดียว พระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้าจอมโยธา
    การพิพากษาของพระองค์เป็นจริงและยุติธรรม”

ทูตสวรรค์องค์ที่สี่ก็เทขันของท่านลงบนดวงอาทิตย์ และดวงอาทิตย์ก็ได้รับอนุญาตให้ใช้ไฟเผาไหม้มนุษย์ได้ด้วยไฟ แล้วมนุษย์ก็ถูกความร้อนอันแรงกล้าแผดเผา พวกเขาพูดหมิ่นประมาทพระนามของพระเจ้าผู้มีอานุภาพเหนือภัยพิบัติเหล่านี้ แต่พวกเขาก็ไม่ยอมกลับใจและไม่สรรเสริญพระบารมีของพระองค์

10 ทูตสวรรค์องค์ที่ห้าก็เทขันของท่านลงบนบัลลังก์ของอสุรกาย ซึ่งทำให้อาณาจักรของมันมืดมิด เหล่ามนุษย์กัดลิ้นของตนเนื่องจากความเจ็บปวด 11 แล้วก็พูดหมิ่นประมาทพระเจ้าแห่งสวรรค์เพราะความเจ็บปวดและแผลของพวกเขา แต่ก็ไม่กลับใจจากการประพฤติตน

12 ทูตสวรรค์องค์ที่หกก็เทขันของท่านลงสู่แม่น้ำยูเฟรติสที่ยิ่งใหญ่ ทำให้น้ำแห้ง เพื่อเตรียมทางให้กษัตริย์ทั้งปวงที่มาจากทิศตะวันออก 13 ข้าพเจ้าเห็นวิญญาณร้าย 3 ดวงที่ดูเหมือนตัวกบออกมาจากปากมังกร จากปากอสุรกาย และจากปากผู้เผยคำกล่าวจอมปลอม 14 มันเป็นวิญญาณของพวกมารที่แสดงปรากฏการณ์อัศจรรย์ และมันออกไปรวบรวมกษัตริย์ทั้งปวงทั่วโลก เพื่อให้มาสมทบกันทำสงครามในวันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าจอมโยธา

15 “ดูเถิด เรามาประดุจขโมยมา คนที่ตื่นอยู่และเก็บเสื้อผ้าของตนพร้อมไว้ก็เป็นสุข เพื่อเขาจะได้ไม่ต้องเดินเปลือยกายและอับอายผู้คน”

16 ครั้นแล้วพวกมันก็ให้กษัตริย์ทั้งปวงมาชุมนุมกัน ณ สถานที่ซึ่งภาษาฮีบรูเรียกว่า อาร์มาเกโดน

17 ทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดก็เทขันของท่านลงในอากาศ มีเสียงดังมาจากบัลลังก์ของพระวิหารว่า “สิ้นสุดแล้ว” 18 ครั้นแล้วก็เกิดสายฟ้าแลบ เสียงต่างๆ เสียงฟ้าคำรามครืนครั่นหลายครั้ง และมีแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ไม่เคยเกิดแผ่นดินไหวครั้งใดที่เหมือนครั้งนี้เลย นับตั้งแต่มนุษย์เคยอยู่มาบนแผ่นดินโลก เป็นแผ่นดินไหวครั้งที่ร้ายแรงที่สุด 19 เมืองอันยิ่งใหญ่ก็ถูกแยกออกเป็น 3 ส่วน และเมืองต่างๆ ของประเทศทั้งปวงก็ถล่มทลายลง พระเจ้าไม่ลืมบาบิโลนเมืองอันยิ่งใหญ่ และได้ให้นางดื่มจากถ้วยที่มีเหล้าองุ่นของความโกรธกริ้วแห่งการลงโทษของพระองค์ 20 เกาะทุกเกาะหายไป และภูเขาทั้งหลายก็ไม่มีใครหาพบ 21 พายุลูกเห็บซึ่งมีน้ำหนักประมาณลูกละ 45 กิโลกรัมตกลงจากฟ้าสวรรค์ใส่ตัวคน แล้วคนทั้งปวงก็หมิ่นประมาทพระเจ้า เนื่องจากภัยพิบัติที่เกิดจากลูกเห็บร้ายแรงยิ่งนัก

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation