M’Cheyne Bible Reading Plan
กฎเกณฑ์เกี่ยวกับเมืองลี้ภัย
19 เมื่อพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านกำจัดบรรดาประชาชาติไปจากแผ่นดินที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านมอบแก่ท่าน แล้วท่านก็ยึดครองและเข้าไปอาศัยอยู่ในเมืองและในบ้านของพวกเขา 2 ท่านจงแยกเมืองไว้ 3 เมืองสำหรับตนเองในแผ่นดินที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านมอบให้ท่านยึดครอง 3 ท่านจงแบ่งแผ่นดินที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านจะมอบให้ท่านยึดครองออกเป็น 3 ส่วนและสร้างถนนไว้ให้พร้อม เพื่อว่าผู้ใดที่ฆ่าคนแล้วจะได้หลบหนีไปที่นั่นได้
4 กฎที่เกี่ยวกับผู้ฆ่าคนและหลบหนีไปที่นั่นเพื่อรอดตายเป็นไปตามนี้คือ เป็นผู้ฆ่าคนโดยไม่มีเจตนา โดยไม่เคยเป็นศัตรูกันมาก่อน 5 ตัวอย่างเช่น ชายคนหนึ่งเข้าป่าไปตัดไม้กับเพื่อนบ้านของเขา ขณะที่เขาเหวี่ยงขวานตัดต้นไม้ หัวขวานบังเอิญหลุดจากด้ามไปถูกเพื่อนบ้าน ทำให้เขาตาย ชายคนนั้นหลบหนีไปยังเมืองใดเมืองหนึ่งที่กล่าวมานี้ได้ เขาจะได้รอดตาย 6 เกรงว่าถ้าระยะทางไกลเกินไป ผู้แก้แค้นเกิดความเกรี้ยวกราดตามล่าจนทัน และฆ่าเขาตายในขณะที่เขาไม่สมควรจะตาย ในเมื่อเขาไม่ได้เป็นศัตรูกับเพื่อนบ้านของเขามาก่อน 7 ฉะนั้นเราสั่งท่านว่า ท่านจงแยกเมืองไว้ 3 เมืองสำหรับตนเอง
8 และถ้าพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านขยายอาณาเขตให้ท่านตามที่พระองค์ได้ปฏิญาณกับบรรพบุรุษของท่าน และมอบแผ่นดินที่พระองค์ได้สัญญาว่าจะให้แก่บรรพบุรุษของท่าน 9 เพราะท่านรักษาพันธสัญญาที่เราสั่งท่านในวันนี้อย่างเคร่งครัดด้วยการรักพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน และดำเนินในวิถีทางของพระองค์เสมอ ท่านจงเพิ่มเมืองขึ้นอีก 3 เมือง 10 จงกระทำตามนี้เพื่อเลือดของคนไม่มีความผิดจะไม่ไหลนองในแผ่นดินที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านมอบแก่ท่านเป็นมรดก ท่านจะได้ไม่เป็นฝ่ายผิดในการตายของเขา
11 แต่ถ้าผู้ใดเกลียดชังเพื่อนบ้านของตน และคอยหาโอกาสทำร้าย และทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสถึงแก่ความตาย แล้วชายคนนั้นก็หลบหนีเข้าไปในเมืองดังกล่าว 12 บรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ในเมืองของชายคนนั้นให้คนไปตามตัวเขามาจากที่นั่น มอบตัวเขาให้ผู้แก้แค้นลงโทษถึงชีวิต 13 ท่านต้องไม่ใจอ่อนสงสารเขา แต่จงกำจัดการกระทำผิดฐานฆ่าผู้ไร้ความผิดไปเสียจากอิสราเอล เพื่อว่าทุกสิ่งจะเป็นไปด้วยดีสำหรับท่าน
14 อย่าเคลื่อนย้ายหลักเขตของเพื่อนบ้านของท่าน ซึ่งเหล่าบรรพบุรุษได้ปักไว้ในแผ่นดินที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านมอบให้ท่านยึดครอง
กฎเกณฑ์เกี่ยวกับพยาน
15 พยานปากเพียงผู้เดียวไม่พอในการตัดสินลงโทษคนที่ถูกกล่าวหากรณีอาญาหรือความผิดใดๆ ที่เขากระทำ คือจะต้องมีพยานปาก 2 หรือ 3 คน จึงจะถือเป็นหลักฐานยืนยันได้[a] 16 ถ้าพยานเท็จคนหนึ่งยืนยันกล่าวหาว่าใครคนหนึ่งกระทำผิด 17 ทั้งสองฝ่ายที่มีเรื่องกันจะต้องไปยืน ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า ต่อหน้าบรรดาปุโรหิตและผู้ตัดสินความที่ประจำหน้าที่อยู่ในเวลานั้น 18 บรรดาผู้ตัดสินความจะต้องสืบสวนอย่างรอบคอบ และถ้าพยานเป็นพยานเท็จโดยกล่าวหาพี่น้องร่วมชาติอย่างผิดๆ 19 ท่านจงกระทำต่อเขาอย่างที่เขาตั้งใจกระทำต่อพี่น้องของเขา ดังนั้นท่านจงกำจัดคนชั่วร้ายเหล่านั้นออกไปจากพวกท่านเถิด 20 แล้วคนอื่นๆ จะได้ยินเรื่องและรู้สึกกลัว และจะไม่กล้ากระทำสิ่งชั่วร้ายเช่นนั้นในหมู่พวกท่านอีก 21 ท่านต้องไม่ใจอ่อนสงสาร มันจะเป็นชีวิตต่อชีวิต ตาต่อตา ฟันต่อฟัน มือต่อมือ และเท้าต่อเท้า[b]
พระผู้เป็นเจ้ากรุณาต่อชนชาติของพระองค์
1 จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
ขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าเพราะพระองค์ประเสริฐ
เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
2 ใครจะประกาศการกระทำอันยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้า
หรือประกาศคำสรรเสริญพระองค์
3 บรรดาผู้ปฏิบัติตามความเป็นธรรมก็เป็นสุข
คือผู้กระทำด้วยความชอบธรรมเสมอไป
4 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดระลึกถึงข้าพเจ้า เวลาพระองค์โปรดปรานชนชาติของพระองค์
เวลาพระองค์ช่วยพวกเขาให้รอดพ้น ก็โปรดช่วยข้าพเจ้าด้วย
5 เพื่อข้าพเจ้าจะได้เห็นคนที่พระองค์เลือกเจริญก้าวหน้ารุ่งเรืองขึ้น
และข้าพเจ้าจะได้เป็นสุขด้วยกันกับประชาชาติของพระองค์
และสรรเสริญร่วมกับผู้สืบมรดกของพระองค์
6 พวกเราได้ทำบาปเหมือนๆ กับบรรพบุรุษของเรา
เรากระทำผิดไปแล้ว เรากระทำความชั่ว
7 บรรพบุรุษของพวกเราในอียิปต์
ไม่ได้คำนึงถึงสิ่งมหัศจรรย์ของพระองค์
พวกเขาไม่นึกถึงความรักมั่นคงอันอุดมของพระองค์
แต่กลับฝ่าฝืนที่ริมฝั่งทะเลที่ทะเลแดง
8 แม้กระนั้น พระองค์ยังช่วยพวกเขาให้รอดพ้นเพื่อพระนามของพระองค์
เพื่อให้อานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์เป็นที่ประจักษ์
9 พระองค์ออกคำสั่งกับทะเลแดง และทะเลก็แห้งเหือดลง
ครั้นแล้วพระองค์นำพวกเขาไปทางทะเลลึกราวกับไปทางถิ่นทุรกันดาร
10 พระองค์ช่วยพวกเขาให้พ้นจากเงื้อมมือของศัตรู
และช่วยพวกเขาให้รอดพ้นจากอำนาจของข้าศึก
11 และกระแสน้ำก็ท่วมเหล่าปรปักษ์
โดยไม่มีใครรอดพ้นไปได้สักคน
12 แล้วพวกเขาก็เชื่อในคำพูดของพระองค์
และร้องเพลงสรรเสริญพระองค์
13 ไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็ลืมสิ่งที่พระองค์กระทำ
และไม่รอฟังคำปรึกษาของพระองค์
14 พวกเขาเกิดความอยากยิ่งนักขณะที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร
และลองดีกับพระเจ้าในที่ร้างอันแร้นแค้น
15 พระองค์ให้สิ่งที่พวกเขาขอ
แต่ก็ให้โรคระบาดอันร้ายแรงเกิดขึ้นกับพวกเขาด้วย
16 พวกเขาอิจฉาโมเสสในค่ายที่พัก
และอิจฉาอาโรนคนบริสุทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า
17 แผ่นดินแยกออกจากกันและกลืนดาธาน
และฝังอะบีรามกับพรรคพวกจนมิด[a]
18 ไฟเผาผลาญคนทั้งกลุ่ม
เปลวไฟเผาไหม้คนชั่วเหล่านั้น
19 พวกเขาปั้นรูปลูกโคขึ้นที่โฮเรบ
และบูชารูปเคารพที่ได้หลอมไว้
20 พวกเขาเอาพระบารมีของพระเจ้า
แลกกับรูปปั้นของโคที่กินหญ้า
21 พวกเขาลืมพระเจ้าผู้ช่วยให้รอดพ้นของเขา
ผู้กระทำสิ่งอันยิ่งใหญ่ในอียิปต์
22 สิ่งมหัศจรรย์ในดินแดนของฮาม
สิ่งอันน่าเกรงขามที่ทะเลแดง
23 แล้วพระองค์กล่าวว่า พระองค์จะทำลายพวกเขา
แต่โมเสสผู้ที่พระองค์เลือกไว้
ไปยืนทัดทานพระองค์
เพื่อให้พระองค์หันจากความเกรี้ยวโกรธและไม่ทำลายพวกเขา
24 ต่อมาภายหลัง พวกเขาก็ไม่กล้าเข้าไปในแผ่นดินอันน่าอยู่
และไม่เชื่อในสัญญาของพระองค์
25 พวกเขาต่างบ่นพึมพำอยู่ในกระโจมที่พักของตน
และไม่เชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้า
26 ฉะนั้น พระองค์ยกมือขึ้นปฏิญาณกับพวกเขาว่า
พระองค์จะปล่อยให้พวกเขาตายในถิ่นทุรกันดาร
27 และจะทำให้ผู้สืบเชื้อสายของพวกเขากระจัดกระจายไปในบรรดาประชาชาติ
ให้กระจัดกระจายไปทั่วแผ่นดิน
28 พวกเขาเทียมแอกกับเทพเจ้าบาอัลแห่งเปโอร์[b]
และกินของที่นำไปบูชาสิ่งไม่มีชีวิต
29 การกระทำของพวกเขาถือเป็นการยั่วโทสะ
และโรคระบาดเกิดขึ้นท่ามกลางพวกเขา
30 ครั้นแล้วฟีเนหัสช่วยเป็นคนกลางจัดการเรื่อง
และโรคระบาดก็หยุด
31 เขาถูกนับว่ามีความชอบธรรม
ตลอดทุกยุคทุกสมัยจนนิรันดร์กาล
32 พวกเขาทำให้พระองค์กริ้วที่แหล่งน้ำเมรีบาห์[c]
และเป็นเหตุให้โมเสสเดือดร้อน[d]
33 พวกเขากดดันจิตวิญญาณของพระองค์
ท่านจึงพูดโดยไม่ได้ตรึกตรอง
34 พวกเขาไม่ได้ทำลายบรรดาชนชาติ
ตามที่พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชา
35 แต่กลับไปใช้ชีวิตร่วมกับบรรดาประชาชาติ
และรับวิถีทางของพวกเขามา
36 อีกทั้งยังได้บูชารูปเคารพของคนเหล่านั้น
ซึ่งต่อมาก็คือบ่วงแร้วสำหรับตนเอง
37 พวกเขายกบุตรชายบุตรหญิงของตนให้เป็น
เครื่องสักการะแก่พวกมาร
38 และฆ่าคนไร้ความผิด
เลือดของบุตรชายบุตรหญิงของตน
ถูกใช้เป็นเครื่องสักการะให้แก่บรรดารูปเคารพแห่งคานาอัน
และแผ่นดินแปดเปื้อนด้วยเลือด
39 พวกเขาจึงไม่ใช่คนบริสุทธิ์เนื่องจากสิ่งที่ตัวเองกระทำ
และความประพฤติของเขาเป็นเช่นของหญิงแพศยา
40 ฉะนั้น ความโกรธของพระผู้เป็นเจ้าพลุ่งขึ้นต่อชนชาติของพระองค์
และพระองค์ชิงชังผู้สืบมรดกของพระองค์
41 พระองค์มอบพวกเขาไว้ในมือของบรรดาประชาชาติ
ซึ่งเป็นพวกที่เกลียดชังและมีอำนาจเหนือพวกเขา
42 ศัตรูทำให้พวกเขามีความทุกข์
และพวกเขาถูกบังคับให้อยู่ใต้อำนาจของศัตรู
43 พระองค์ช่วยพวกเขาให้รอดปลอดภัยหลายครั้ง
แต่ก็ยังฝ่าฝืนพระองค์อย่างไม่หยุดยั้ง
และถลำลึกลงในบาปมากยิ่งขึ้น
44 ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังเหลียวแลในยามพวกเขาตกทุกข์ได้ยาก
สนใจฟังในยามที่เขาร้องทุกข์
45 พระองค์ระลึกถึงพันธสัญญาที่มีต่อพวกเขา
และเปลี่ยนใจตามความรักอันมั่นคงของพระองค์ที่มีอย่างเอนกอนันต์
46 พระองค์โปรดให้พวกเขาได้รับความเมตตา
จากบรรดาผู้ที่จับไปเป็นเชลย
47 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา ช่วยพวกเราให้รอดพ้นเถิด
และรวบรวมพวกเราจากบรรดาประชาชาติ
เพื่อขอบคุณพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์
และสรรเสริญพระองค์อย่างภาคภูมิใจ
48 สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล
จากนิรันดร์กาลจนถึงนิรันดร์กาล
และให้ชนชาติทั้งปวงกล่าวว่า “อาเมน”
จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
เทวรูปของบาบิโลนและพระเจ้าแท้จริงพระองค์เดียว
46 เทพเจ้าเบลก้มตัวลง เทพเจ้าเนโบโน้มตัวลงต่ำ
เทวรูปของพวกเขาอยู่บนหลังสัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยง
สิ่งที่พวกท่านแบกหามเหล่านี้เป็นภาระ
ต่อพวกสัตว์ป่าที่เหนื่อยล้า
2 พวกมันโน้มตัวลงต่ำ และก้มตัวลงด้วยกัน
พวกมันไม่สามารถเลี่ยงไปจากภาระที่แบก
แล้วยังตกไปเป็นเชลยด้วย
3 “โอ พงศ์พันธุ์ยาโคบเอ๋ย
พงศ์พันธุ์อิสราเอลที่มีชีวิตเหลืออยู่ จงฟังเรา
เราได้อุ้มเจ้าออกไปนับตั้งแต่เจ้าอยู่ในครรภ์
และอุ้มชูเจ้านับตั้งแต่เกิด
4 และแม้เจ้าชราลง เราก็คือผู้นั้น
จนกระทั่งเจ้าผมหงอก เราเองที่แบกเจ้า
เราเองเป็นผู้สร้างเจ้า และเราเองที่จะแบกรับภาระ
เราจะประคองเจ้าและจะช่วยเจ้าให้รอด
5 เจ้าจะเปรียบเราหรือนับว่าเราเสมอเหมือนผู้ใด
เจ้าเห็นว่าเราเป็นเหมือนผู้ใดที่เจ้าจะเอาไปเปรียบเทียบ
6 บรรดาพวกที่ทุ่มเทใช้ทองคำที่เก็บสะสมไว้
และชั่งน้ำหนักเงิน
จ้างช่างทองให้หล่อเป็นรูปเทพเจ้า
แล้วพวกเขาก็ก้มกราบนมัสการรูปนั้น
7 พวกเขาแบกเทวรูปขึ้นบ่าไป
และตั้งไว้บนฐาน มันเคลื่อนไปจากที่ไม่ได้
ถ้าหากว่ามีผู้ใดร้องต่อหน้าเทวรูป มันก็จะไม่ตอบ
มันช่วยเขาให้รอดจากความยากลำบากไม่ได้
8 จงจำสิ่งนี้ไว้และมีใจมั่นคง
พวกเจ้าผู้ล่วงละเมิด เจ้าจงจำใส่ใจ
9 จงจำเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา
เพราะเราเป็นพระเจ้า และไม่มีผู้อื่นอีก
เราเป็นพระเจ้า และไม่มีผู้ใดที่เป็นเหมือนเรา
10 เราประกาศถึงสิ่งในครั้งปฐมกาลจนถึงบั้นปลาย
และสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นตั้งแต่โบราณกาล
เรากล่าวว่า ‘แผนงานของเราจะยั่งยืน
และเราจะทำให้ความประสงค์ของเราทั้งสิ้นสำเร็จลุล่วง’
11 เราเรียกนกอินทรีตัวหนึ่งจากทิศตะวันออก
ชายคนหนึ่งจากแดนไกลจะทำให้สิ่งที่เราประสงค์เป็นผลสำเร็จ
สิ่งที่เราได้พูดแล้ว เราจะทำให้เกิดขึ้น
สิ่งที่เราได้มุ่งหมายไว้ เราจะกระทำตามนั้น
12 เจ้าคนดื้อรั้น จงฟังเรา
เจ้าห่างจากความชอบธรรม
13 เรานำความชอบธรรมของเรามาใกล้
มันอยู่ไม่ไกลเลย
และความรอดพ้นที่มาจากเราจะไม่ล่าช้า
เราจะให้ความรอดพ้นเข้ามายังศิโยน
ให้บารมีของเราเพื่ออิสราเอล
ขัน 7 ใบแห่งการลงโทษ
16 แล้วข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงดังจากพระวิหารกล่าวแก่ทูตสวรรค์ 7 องค์ว่า “ไปเถิด แล้วเอาขัน 7 ใบแห่งการลงโทษของพระเจ้าเทลงบนแผ่นดินโลก”
2 ทูตสวรรค์องค์แรกจึงออกไปและเทขันของท่านลงสู่แผ่นดินโลก คนทั้งหลายที่มีเครื่องหมายของอสุรกายและนมัสการรูปจำลองของตัวมัน ก็เกิดมีฝีร้ายที่ทำให้เจ็บปวดทรมาน
3 ทูตสวรรค์องค์ที่สองเทขันของท่านลงสู่ทะเล และทะเลก็กลายเป็นเลือดเหมือนเลือดของคนตาย และทุกสิ่งที่มีชีวิตในทะเลก็ตายสิ้น
4 ทูตสวรรค์องค์ที่สามเทขันของท่านลงสู่แม่น้ำและบ่อน้ำพุ และน้ำก็กลายเป็นเลือด 5 ครั้นแล้ว ข้าพเจ้าได้ยินทูตสวรรค์ที่ดูแลน้ำพูดว่า
“พระองค์เป็นผู้มีความยุติธรรม
องค์ผู้บริสุทธิ์ผู้ดำรงอยู่ในปัจจุบันและในอดีต
เพราะพระองค์พิพากษาสิ่งเหล่านี้
6 ด้วยเหตุว่าเขาเหล่านั้นได้ทำให้บรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าและผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าหลั่งโลหิต
และพระองค์ได้ให้พวกเขาดื่มโลหิต ตามที่พวกเขาสมควรได้รับ”
7 แล้วข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงตอบจากแท่นบูชาว่า
“จริงทีเดียว พระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้าจอมโยธา
การพิพากษาของพระองค์เป็นจริงและยุติธรรม”
8 ทูตสวรรค์องค์ที่สี่ก็เทขันของท่านลงบนดวงอาทิตย์ และดวงอาทิตย์ก็ได้รับอนุญาตให้ใช้ไฟเผาไหม้มนุษย์ได้ด้วยไฟ 9 แล้วมนุษย์ก็ถูกความร้อนอันแรงกล้าแผดเผา พวกเขาพูดหมิ่นประมาทพระนามของพระเจ้าผู้มีอานุภาพเหนือภัยพิบัติเหล่านี้ แต่พวกเขาก็ไม่ยอมกลับใจและไม่สรรเสริญพระบารมีของพระองค์
10 ทูตสวรรค์องค์ที่ห้าก็เทขันของท่านลงบนบัลลังก์ของอสุรกาย ซึ่งทำให้อาณาจักรของมันมืดมิด เหล่ามนุษย์กัดลิ้นของตนเนื่องจากความเจ็บปวด 11 แล้วก็พูดหมิ่นประมาทพระเจ้าแห่งสวรรค์เพราะความเจ็บปวดและแผลของพวกเขา แต่ก็ไม่กลับใจจากการประพฤติตน
12 ทูตสวรรค์องค์ที่หกก็เทขันของท่านลงสู่แม่น้ำยูเฟรติสที่ยิ่งใหญ่ ทำให้น้ำแห้ง เพื่อเตรียมทางให้กษัตริย์ทั้งปวงที่มาจากทิศตะวันออก 13 ข้าพเจ้าเห็นวิญญาณร้าย 3 ดวงที่ดูเหมือนตัวกบออกมาจากปากมังกร จากปากอสุรกาย และจากปากผู้เผยคำกล่าวจอมปลอม 14 มันเป็นวิญญาณของพวกมารที่แสดงปรากฏการณ์อัศจรรย์ และมันออกไปรวบรวมกษัตริย์ทั้งปวงทั่วโลก เพื่อให้มาสมทบกันทำสงครามในวันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าจอมโยธา
15 “ดูเถิด เรามาประดุจขโมยมา คนที่ตื่นอยู่และเก็บเสื้อผ้าของตนพร้อมไว้ก็เป็นสุข เพื่อเขาจะได้ไม่ต้องเดินเปลือยกายและอับอายผู้คน”
16 ครั้นแล้วพวกมันก็ให้กษัตริย์ทั้งปวงมาชุมนุมกัน ณ สถานที่ซึ่งภาษาฮีบรูเรียกว่า อาร์มาเกโดน
17 ทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดก็เทขันของท่านลงในอากาศ มีเสียงดังมาจากบัลลังก์ของพระวิหารว่า “สิ้นสุดแล้ว” 18 ครั้นแล้วก็เกิดสายฟ้าแลบ เสียงต่างๆ เสียงฟ้าคำรามครืนครั่นหลายครั้ง และมีแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ไม่เคยเกิดแผ่นดินไหวครั้งใดที่เหมือนครั้งนี้เลย นับตั้งแต่มนุษย์เคยอยู่มาบนแผ่นดินโลก เป็นแผ่นดินไหวครั้งที่ร้ายแรงที่สุด 19 เมืองอันยิ่งใหญ่ก็ถูกแยกออกเป็น 3 ส่วน และเมืองต่างๆ ของประเทศทั้งปวงก็ถล่มทลายลง พระเจ้าไม่ลืมบาบิโลนเมืองอันยิ่งใหญ่ และได้ให้นางดื่มจากถ้วยที่มีเหล้าองุ่นของความโกรธกริ้วแห่งการลงโทษของพระองค์ 20 เกาะทุกเกาะหายไป และภูเขาทั้งหลายก็ไม่มีใครหาพบ 21 พายุลูกเห็บซึ่งมีน้ำหนักประมาณลูกละ 45 กิโลกรัมตกลงจากฟ้าสวรรค์ใส่ตัวคน แล้วคนทั้งปวงก็หมิ่นประมาทพระเจ้า เนื่องจากภัยพิบัติที่เกิดจากลูกเห็บร้ายแรงยิ่งนัก
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation