M’Cheyne Bible Reading Plan
ยกเลิกหนี้สินในปีที่เจ็ด
15 ทุกๆ ปลายปีที่เจ็ด ท่านจงยกเลิกหนี้สิน 2 สิ่งที่ต้องทำคือ ผู้ให้ยืมจะยกหนี้ที่เพื่อนบ้านของเขาติดค้างไว้ เขาจะไม่ทวงคืนจากเพื่อนบ้านหรือพี่น้องของเขา เพราะพระผู้เป็นเจ้าสั่งให้ยกเลิกหนี้สิน 3 ท่านจะทวงคืนจากชาวต่างชาติก็ได้ แต่อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับหนี้สินของพี่น้องของท่านก็จงยกเลิกเสีย 4 จะไม่มีผู้ยากไร้ในหมู่พวกท่าน เพราะพระผู้เป็นเจ้าจะอวยพรท่านในแผ่นดินซึ่งพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านมอบแก่ท่าน และให้ท่านยึดครองเป็นมรดก 5 เพียงถ้าท่านเชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน โดยปฏิบัติตามพระบัญญัติทุกข้อที่เราสั่งท่านในวันนี้อย่างเคร่งครัด 6 ด้วยว่าพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านจะอวยพรท่านตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้ และท่านจะให้หลายประชาชาติขอยืมจากท่าน แต่ท่านจะไม่เป็นผู้ขอยืม ท่านจะควบคุมหลายประชาชาติ แต่เขาจะไม่เป็นฝ่ายควบคุมท่าน
7 ถ้ามีพี่น้องผู้ยากไร้ในหมู่พวกท่าน ที่อาศัยอยู่ในเมืองภายในแผ่นดินของท่านที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านมอบให้ ท่านอย่ามีใจแข็งกระด้างต่อพี่น้องผู้ยากไร้ของท่าน 8 แต่ท่านจงหยิบยื่นให้เขา ให้เขายืมได้อย่างพอเพียงตามความจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดก็ตาม 9 จงระวังไว้ เกรงว่าจะเกิดมีความคิดในใจว่า ‘ปีที่เจ็ด ปีแห่งการยกหนี้สินใกล้จะถึงแล้ว’ และแสดงความไม่เป็นมิตรต่อพี่น้องผู้ยากไร้ของท่าน ท่านไม่ให้อะไรแก่เขาเลย เขาจะร้องต่อพระผู้เป็นเจ้าเรื่องท่าน และท่านจะถูกตัดสินว่าเป็นผู้ทำบาป 10 เมื่อท่านเผื่อแผ่หยิบยื่นให้เขา เวลาให้ ท่านก็ไม่ได้ฝืนใจ และเพราะเหตุนี้ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านจะอวยพรท่านในด้านการงานทุกชนิดและทุกสิ่งที่ท่านทำ 11 จะมีผู้ยากไร้อยู่ในแผ่นดินด้วยเสมอ ฉะนั้นเราขอสั่งท่านว่า ท่านจงหยิบยื่นให้แก่พี่น้องของท่าน แก่ผู้ขัดสนและผู้ยากไร้ในแผ่นดิน
การปลดปล่อยทาส
12 ถ้าพี่น้องชาวฮีบรูทั้งชายและหญิงถูกขายให้แก่ท่าน ก็ให้เขารับใช้ท่าน 6 ปี และปีที่เจ็ดจงปล่อยให้เขาเป็นอิสระ 13 และเวลาท่านให้เขาเป็นอิสระนั้น ท่านอย่าให้เขาไปมือเปล่า 14 ท่านจงเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่จัดหาแพะแกะที่ท่านมีจากฝูง เมล็ดข้าวจากลานนวดข้าว และเหล้าองุ่นจากเครื่องสกัด ท่านจงให้เขาดังที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านได้อวยพรท่าน 15 ท่านจงจำไว้ว่าท่านเคยเป็นทาสในแผ่นดินอียิปต์ และพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านไถ่ท่าน ฉะนั้นเราขอสั่งเรื่องนี้กับท่านในวันนี้ 16 แต่ถ้าเขาพูดกับท่านว่า ‘ข้าพเจ้าจะไม่ไปจากท่าน’ เพราะเขารักท่านและครอบครัว เนื่องจากเขาสุขสบายดีขณะอยู่กับท่าน 17 ท่านจงเจาะหูเขาข้างหนึ่งด้วยเหล็กแหลมโดยแนบหูของเขาไว้ที่ประตู แล้วเขาจะเป็นทาสชายไปตลอดชีวิต และจงกระทำต่อทาสหญิงเช่นเดียวกัน 18 อย่าคิดว่าเป็นการยากเวลาที่ท่านปล่อยให้เขาเป็นอิสระ เพราะเขารับใช้ท่านเป็นเวลา 6 ปีซึ่งมีค่าเท่าๆ กับการจ้างผู้รับใช้ 2 คน แล้วพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านจะอวยพรท่านในทุกสิ่งที่ท่านทำ
สัตว์หัวปีตัวผู้
19 ท่านจงยกสัตว์หัวปีตัวผู้จากฝูงโคและแพะแกะของท่านให้แด่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน อย่าใช้โคหัวปีทำงานหรือตัดขนแกะหัวปีจากฝูงสัตว์ของท่าน 20 ท่านและครอบครัวของท่านจงรับประทานสัตว์หัวปี ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านทุกปี ในที่ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าเลือก 21 แต่ถ้าเป็นสัตว์ที่มีตำหนิ พิการหรือตาบอด หรือมีตำหนิใดๆ มาก ท่านอย่าใช้เป็นเครื่องสักการะแด่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน 22 ท่านจงรับประทานสัตว์ภายในเมืองของท่าน ไม่ว่าผู้ใดจะสะอาดหรือไม่สะอาดตามพิธีกรรมก็รับประทานได้ทั้งนั้น เหมือนกับที่ท่านรับประทานเนื้อละองละมั่งหรือเนื้อกวาง 23 เพียงแต่ว่าอย่ารับประทานเลือด ท่านจงให้เลือดไหลดั่งน้ำลงสู่พื้นดิน
คำอธิษฐานของผู้มีทุกข์
คำอธิษฐานของผู้ทนทุกข์ทรมาน เวลารู้สึกอ่อนล้า และร้องไห้ฟูมฟายกับพระผู้เป็นเจ้า
1 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้า
ให้เสียงร้องขอความช่วยเหลือของข้าพเจ้าดังไปถึงพระองค์ด้วยเถิด
2 พระองค์อย่าได้ซ่อนหน้าไปจากข้าพเจ้า
ในยามข้าพเจ้าลำบาก
โปรดเงี่ยหูฟังข้าพเจ้า
ตอบข้าพเจ้าโดยเร็ว ในวันที่ข้าพเจ้าร้องเรียกถึงพระองค์
3 วันเวลาของข้าพเจ้าเลือนหายไปดั่งควันไฟ
และกระดูกข้าพเจ้าร้อนผ่าวดั่งไฟในเตา
4 หัวใจข้าพเจ้าแห้งโรยราดั่งต้นหญ้า และเหี่ยวเฉาไป
แม้กระทั่งอาหาร ข้าพเจ้าก็ลืมรับประทาน
5 ข้าพเจ้าร้องคร่ำครวญเสียงดัง
ตัวข้าพเจ้ามีแต่หนังหุ้มกระดูก
6 ข้าพเจ้าเป็นเหมือนนกกระทุงในที่กันดาร
เหมือนนกเค้าแมวในที่ร้าง
7 ข้าพเจ้าไม่อาจหลับลงได้
ข้าพเจ้าเป็นดั่งนกที่เดียวดายเกาะอยู่บนยอดหลังคา
8 พวกศัตรูของข้าพเจ้าเหยียดหยามข้าพเจ้าตลอดวันเวลา
เขาเยาะเย้ยและใช้ชื่อของข้าพเจ้าเป็นคำสาปแช่ง
9 ข้าพเจ้ากินขี้เถ้าต่างอาหาร
และมีน้ำตาประสมอยู่ในเครื่องดื่ม
10 เป็นเพราะพระองค์ขัดเคืองและกริ้วเป็นที่สุด
พระองค์จึงยกตัวข้าพเจ้าขึ้นและโยนทิ้งเสีย
11 วันเวลาของข้าพเจ้าเป็นเหมือนเงาในยามใกล้ค่ำ
ข้าพเจ้าแห้งโรยราดั่งต้นหญ้า
12 โอ พระผู้เป็นเจ้า แต่พระองค์สถิตบนบัลลังก์เป็นนิตย์
พระองค์จะเป็นที่ระลึกถึงทุกชั่วอายุคน
13 พระองค์จะลุกขึ้นและเมตตาศิโยน
เพราะถึงเวลาจะโปรดปรานนาง
อันเป็นเวลาที่เหมาะควรแล้ว
14 เพราะบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์เห็นคุณค่าศิลาของนาง
และสงสารนางแม้จะป่นปี้จนเป็นผงธุลี
15 บรรดาประชาชาติจะยำเกรงพระนามของพระผู้เป็นเจ้า
และกษัตริย์ทั้งปวงในแผ่นดินโลกจะเกรงพระบารมีของพระองค์
16 เพราะพระผู้เป็นเจ้าจะสร้างศิโยนขึ้นใหม่
พระองค์จะปรากฏด้วยพระบารมีของพระองค์
17 พระองค์จะตอบคำอธิษฐานของผู้ที่ถูกทอดทิ้ง
และไม่เฉยเมยต่อคำอ้อนวอนของพวกเขา
18 ให้สิ่งนี้ถูกบันทึกไว้สำหรับยุคต่อไป
เพื่อว่าชนชาติที่ยังไม่ได้ก่อเกิดขึ้นมาจะได้สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
19 เมื่อพระผู้เป็นเจ้ามองลงจากสถานที่บริสุทธิ์ของพระองค์
พระองค์มองดูแผ่นดินโลกจากฟ้าสวรรค์
20 เพื่อฟังเสียงคร่ำครวญของเหล่านักโทษ
เพื่อปลดปล่อยผู้ต้องโทษถึงแก่ชีวิตให้เป็นอิสระ
21 เพื่อให้พวกเขาประกาศพระนามของพระผู้เป็นเจ้าในศิโยน
และสรรเสริญพระองค์ในเยรูซาเล็ม
22 เวลาบรรดาชนชาติและอาณาจักรร่วมกันชุมนุม
เพื่อนมัสการพระผู้เป็นเจ้า
23 พระองค์ทำให้กำลังของข้าพเจ้าถดถอยลงในขณะยังเป็นหนุ่ม
พระองค์ทำให้ข้าพเจ้ามีอายุสั้นลง
24 ข้าพเจ้าพูดว่า “โอ พระเจ้าของข้าพเจ้า
อย่ารับตัวข้าพเจ้าไปในเวลาที่มีอายุเพียงครึ่งของชีวิตเท่านั้น
พระองค์ดำรงอยู่ทุกชั่วอายุคน
25 ในกาลก่อนพระองค์ได้วางฐานรากของแผ่นดินโลก
และฟ้าสวรรค์เป็นผลงานจากฝีมือของพระองค์
26 สิ่งเหล่านี้จะพินาศ แต่พระองค์จะยังดำรงอยู่
ทุกสิ่งจะผุพังไปเหมือนกับเครื่องนุ่งห่ม
พระองค์จะเปลี่ยนสิ่งเหล่านี้เหมือนเปลี่ยนเสื้อคลุม
และมันก็จะล่วงผ่านไป
27 แต่พระองค์คงอยู่เช่นเดิม
และชีวิตของพระองค์จะไม่มีวันสิ้นสุด[a]
28 บรรดาลูกหลานของผู้รับใช้ของพระองค์จะอาศัยอยู่ต่อไป
ผู้สืบเชื้อสายของพวกเขาจะปลอดภัย ณ เบื้องหน้าพระองค์”
ผู้รับใช้ที่ได้รับเลือกของพระผู้เป็นเจ้า
42 ดูเถิด ผู้รับใช้ของเรา ผู้ที่เราค้ำจุน
ผู้ที่เราเลือก ซึ่งเป็นผู้ที่จิตวิญญาณของเราชื่นชม
เราได้มอบวิญญาณของเราไว้ให้ท่าน
ท่านจะให้ความยุติธรรมแก่บรรดาประชาชาติ
2 ท่านจะไม่ร้องเสียงดังหรือเปล่งเสียง
หรือให้ผู้คนได้ยินที่ถนน
3 ไม้อ้อที่หักแล้วท่านจะไม่ทำลาย
และไส้ตะเกียงที่ริบหรี่ท่านจะไม่ทำให้ดับ
ท่านจะตัดสินด้วยความยุติธรรม[a]
4 ท่านจะไม่สิ้นกำลังหรือท้อใจ
จนกว่าท่านสถาปนาความยุติธรรมบนแผ่นดินโลก
และหมู่เกาะต่างๆ รอรับคำแนะนำของท่าน”
5 พระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้า
พระองค์สร้างฟ้าสวรรค์ให้แผ่กว้างออกไป
ผู้แผ่แผ่นดินโลกและทุกสิ่งที่มีอยู่ในนั้น
ผู้ประทานลมหายใจแก่ประชาชนบนโลก
และประทานวิญญาณแก่บรรดาผู้ที่เดินอยู่บนนั้น
กล่าวดังนี้ว่า
6 “เราคือพระผู้เป็นเจ้า เราได้เรียกเจ้าตามความชอบธรรม
เราจะจูงมือเจ้าและรับเจ้าไว้
เพื่อเป็นพันธสัญญาสำหรับชนชาติ
และเป็นแสงสว่างแก่บรรดาประชาชาติ
7 เพื่อเปิดตาที่มืดบอด
เพื่อพาบรรดานักโทษออกจากคุกใต้ดิน
และบรรดาผู้ที่นั่งอยู่ในความมืดออกจากที่คุมขัง
8 เราคือพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งเป็นชื่อของเรา
เราจะไม่มอบบารมีของเราให้แก่ผู้ใด
ไม่มอบคำสรรเสริญของเราให้แก่รูปเคารพสลักใดๆ
9 ดูเถิด เหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาได้เกิดขึ้นแล้ว
และบัดนี้เราประกาศให้รู้ถึงเรื่องใหม่ๆ
เราบอกให้พวกเจ้ารู้
ก่อนที่จะเกิดขึ้น”
ร้องเพลงบทใหม่แด่พระผู้เป็นเจ้า
10 จงร้องเพลงบทใหม่ถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า
ร้องเพลงสรรเสริญพระองค์จากทุกมุมโลก
ให้ทะเลและสรรพสิ่งที่อยู่ในนั้น
หมู่เกาะต่างๆ และบรรดาผู้อยู่อาศัยในนั้น
11 ให้ถิ่นทุรกันดารและเมืองต่างๆ ส่งเสียงร้อง
หมู่บ้านต่างๆ ที่เคดาร์อาศัยอยู่
ให้บรรดาผู้อยู่อาศัยของเส-ลาร้องเพลงถวายด้วยความยินดี
ให้พวกเขาเปล่งเสียงดังจากยอดเขา
12 ให้พวกเขาถวายเกียรติแด่พระผู้เป็นเจ้า
และประกาศคำสรรเสริญแด่พระองค์ในหมู่เกาะต่างๆ
13 พระผู้เป็นเจ้าเดินออกไปอย่างผู้มีมหิทธานุภาพ
พระองค์กระตุ้นความรักอันแรงกล้าอย่างนักรบ
พระองค์ร้องขึ้นและเปล่งเสียง
พระองค์แสดงอานุภาพของพระองค์ต่อพวกศัตรูของพระองค์
14 “เราเงียบมาเป็นเวลายาวนาน
เรานิ่งเฉยและยับยั้งตัวเอง
เราจะส่งเสียงร้องอย่างหญิงเจ็บครรภ์
เราจะหายใจอ้าปากและกระหืดกระหอบ
15 เราจะทำลายเทือกเขาและเนินเขา
และทำให้พืชผักเหี่ยวแห้ง
เราจะทำให้แม่น้ำกลายเป็นหมู่เกาะต่างๆ
และทำให้แหล่งน้ำเหือดแห้ง
16 และเราจะนำคนตาบอด
ไปในทางที่พวกเขาไม่รู้
เราจะนำพวกเขาไป
ในวิถีทางที่พวกเขาไม่เคยรู้จักมาก่อน
เราจะทำให้ความมืดที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นแสงสว่าง
ทำที่ขรุขระให้เรียบราบ
เราจะทำสิ่งเหล่านี้
และเราไม่ทอดทิ้งพวกเขา
17 แต่บรรดาผู้ที่วางใจในรูปเคารพสลัก
คือพวกที่พูดกับรูปเคารพที่หล่อขึ้นว่า
‘ท่านเป็นพระเจ้าของเรา’
คนเหล่านี้จะหันกลับในความอับอาย
อิสราเอลไม่ได้ยินและมองไม่เห็น
18 จงฟังเถิด พวกเจ้าที่หูหนวก
และดูเถิด พวกเจ้าที่ตาบอด เพื่อเจ้าจะได้เห็น
19 ใครตาบอดนอกจากผู้รับใช้ของเรา
หรือหูหนวกเช่นเดียวกับผู้ส่งสาสน์ของเราที่เราใช้ไป
ใครตาบอดเช่นเดียวกับผู้มีสันติสุข
หรือตาบอดเช่นเดียวกับผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้า
20 เจ้าเห็นหลายสิ่ง แต่ไม่ใส่ใจ
หูของเจ้าเปิด แต่เจ้าไม่ได้ยิน”
21 เพื่อความชอบธรรมของพระองค์
พระผู้เป็นเจ้ายินดีที่จะให้กฎบัญญัติของพระองค์เป็นที่ประจักษ์และ
ยิ่งใหญ่
22 แต่นี่เป็นชนชาติที่ถูกปล้นและยึดมา
พวกเขาทุกคนถูกกับดักอยู่ในหลุม
และถูกซ่อนอยู่ในคุก
พวกเขากลายเป็นของปล้นที่ไม่มีใครช่วยเหลือได้
เป็นทรัพย์ที่ถูกปล้นที่ไม่มีใครพูดว่า “คืนให้ไป”
23 ใครในพวกท่านที่จะเงี่ยหูฟังเรื่องนี้
จะตั้งใจฟังสิ่งที่จะเกิดขึ้น
24 ใครมอบยาโคบให้แก่นักปล้น
หรือมอบอิสราเอลให้แก่พวกปล้นระดม
พวกเรากระทำบาปต่อพระผู้เป็นเจ้ามิใช่หรือ
เมื่อพวกเขาไม่ดำเนินชีวิตในวิถีทางของพระองค์
และไม่เชื่อฟังกฎบัญญัติของพระองค์
25 พระองค์จึงหลั่งความกริ้วอันร้อนแรง
และความรุนแรงของสงครามของพระองค์บนตัวเขา
ทำให้รอบตัวของเขาลุกเป็นไฟ แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจ
ไฟไหม้ตัวเขาอยู่ แต่เขาก็ยังไม่ใส่ใจ
หญิงผู้หนึ่งและมังกรแดง
12 ครั้นแล้วก็มีปรากฏการณ์อัศจรรย์อันยิ่งใหญ่เกิดขึ้นในสวรรค์คือ มีดวงอาทิตย์โอบล้อมตัวหญิงคนหนึ่งเสมือนเป็นเสื้อ ใต้เท้านางมีดวงจันทร์ บนศีรษะมีมงกุฎดาว 12 ดวง 2 นางตั้งครรภ์ และเปล่งเสียงดังด้วยความเจ็บปวดเนื่องจากเป็นขณะที่ใกล้จะคลอด 3 แล้วก็มีปรากฏการณ์อัศจรรย์อีกประการหนึ่งปรากฏขึ้นในสวรรค์ ดูเถิด มังกรสีแดงที่ยิ่งใหญ่ตัวหนึ่งมี 7 หัวกับ 10 เขา และบนหัวแต่ละหัวมีมงกุฎ 1 องค์ 4 หางของมันตวัดกวาดดวงดาวในท้องฟ้าหนึ่งในสามส่วน แล้วเขวี้ยงลงสู่แผ่นดินโลก มังกรตัวนี้ยืนอยู่ต่อหน้าหญิงครรภ์แก่ใกล้คลอด เพื่อจะได้กินบุตรของนางเมื่อนางคลอดออกมา 5 นางคลอดบุตรชาย ซึ่งเป็นผู้ที่จะครองประเทศชาติทั้งปวงด้วยคทาเหล็ก และบุตรของนางถูกรับขึ้นไปสู่พระเจ้าและบัลลังก์ของพระองค์ 6 หญิงผู้นั้นหนีเข้าไปในถิ่นทุรกันดารอันเป็นที่ซึ่งพระเจ้าได้เตรียมให้ไว้ และได้รับการดูแลเป็นเวลา 1,260 วัน
7 แล้วก็เกิดสงครามในสวรรค์ มีคาเอลกับบริวารทูตสวรรค์ของท่าน ทำสงครามกับมังกรตัวนั้น และมังกรกับบริวารทูตของมันก็ตอบโต้ 8 แต่มังกรและพวกของมันพ่ายแพ้ และไม่มีที่อยู่ในสวรรค์อีกต่อไป 9 มังกรที่ยิ่งใหญ่ถูกขับไล่ลงไป มันคืองูครั้งโบราณกาลที่เรียกกันว่า พญามารหรือซาตาน ซึ่งหลอกลวงคนทั้งโลก มันถูกขับไล่ลงสู่แผ่นดินโลกไปด้วยกันกับบริวารทูตของมัน 10 ข้าพเจ้าได้ยินเสียงที่ดังในสวรรค์กล่าวว่า “บัดนี้ความรอดพ้น อานุภาพ อาณาจักรของพระเจ้าของเรา และสิทธิอำนาจของพระคริสต์ของพระองค์ได้มาถึงแล้ว ด้วยว่าผู้กล่าวหาพวกพี่น้องของเรา ได้ถูกขับไล่ลงมาแล้ว เขากล่าวหาบรรดาพี่น้องต่อหน้าพระเจ้าของเราตลอดวันตลอดคืน 11 เขาทั้งหลายมีชัยชนะต่อผู้กล่าวหานั้น ด้วยโลหิตของลูกแกะ และด้วยคำยืนยันในการเป็นพยานของพวกเขา เพราะพวกเขาไม่ได้รักชีวิตตนเอง แม้จะต้องถึงแก่ความตาย 12 ฉะนั้น สวรรค์และท่านที่อยู่ในสวรรค์ จงชื่นชมยินดีเถิด และความวิบัติจะเกิดขึ้นกับแผ่นดินโลกและทะเล เพราะพญามารได้ลงมาพบเจ้าด้วยความโกรธเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันรู้ว่าเวลาของมันมีน้อย”
13 เมื่อมังกรเห็นว่ามันถูกขับไล่ลงสู่แผ่นดินโลก มันก็มุ่งมั่นตามล่าหญิงที่คลอดบุตรเป็นชาย 14 และหญิงนั้นได้รับปีกทั้งสองของนกอินทรีใหญ่ เพื่อนางจะได้บินไปสู่ถิ่นทุรกันดารอันเป็นที่ของนาง และจะได้รับการเลี้ยงดูเป็นเวลา 1 วาระ 2 วาระ และครึ่งวาระ เพื่อให้พ้นเสียจากหน้างู 15 แล้วงูก็พ่นน้ำออกจากปากเป็นสายเหมือนแม่น้ำ ตามหญิงนั้นเพื่อน้ำจะได้พัดพานางไป 16 แต่แผ่นดินโลกได้ช่วยหญิงผู้นั้น โดยได้แยกออก เพื่อกลืนรับแม่น้ำที่มังกรได้พ่นออกจากปากของมัน 17 มังกรตัวนั้นยิ่งโกรธแค้นหญิงนั้นมากขึ้น จึงได้ออกไปทำสงครามกับผู้สืบเชื้อสายของนางที่เหลืออยู่ ซึ่งได้ปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเจ้า และยึดมั่นในคำยืนยันของพระเยซู 18 แล้วมันก็ไปยืนอยู่บนชายหาดริมฝั่งทะเล
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation