M’Cheyne Bible Reading Plan
โยชูวาอำลาเหล่าผู้นำ
23 หลังจากนี้เป็นเวลานานและองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรดให้อิสราเอลพักสงบจากศัตรูรอบด้าน ครั้งนั้นโยชูวาแก่มากแล้ว 2 เขาเรียกประชุมอิสราเอลทั้งปวง อันมีผู้อาวุโส ผู้นำ ตุลาการ และเจ้าหน้าที่ เขากล่าวกับคนเหล่านั้นว่า “ข้าพเจ้าก็แก่มากแล้ว 3 ท่านเองได้เห็นสิ่งทั้งปวงซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ทรงกระทำแก่ชนชาติทั้งหมดนี้เพื่อท่าน พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านนี่แหละที่ทรงต่อสู้กับศัตรูเพื่อท่าน 4 จงจำไว้ว่าข้าพเจ้าได้แบ่งสรรดินแดนของชาติต่างๆ ซึ่งยังไม่ได้พิชิตเช่นเดียวกับดินแดนที่ข้าพเจ้าได้พิชิตแล้วให้แก่ท่าน คือดินแดนทั้งหมดระหว่างแม่น้ำจอร์แดนกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้านตะวันตก 5 พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเองจะทรงขับไล่พวกเขาออกไปให้พ้นจากทางของท่าน และท่านจะยึดครองดินแดนของพวกเขาตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงสัญญากับท่านไว้
6 “จงเข้มแข็งและใส่ใจปฏิบัติตามทุกสิ่งที่เขียนไว้ในหนังสือธรรมบัญญัติของโมเสส โดยไม่หันเหไปทางซ้ายหรือทางขวา 7 อย่าคบหากับชนชาติเหล่านี้ซึ่งยังคงอยู่ท่ามกลางพวกท่าน อย่าเอ่ยนามหรือสาบานโดยอ้างชื่อพระทั้งหลายของเขา อย่าปรนนิบัติหรือกราบไหว้พระเหล่านั้น 8 แต่จงยึดมั่นในพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเหมือนที่ท่านทำอยู่จนถึงบัดนี้
9 “องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงขับไล่ชนชาติต่างๆ ที่ยิ่งใหญ่และเข้มแข็งออกไปต่อหน้าท่าน และไม่มีผู้ใดต้านทานท่านได้ตราบจนทุกวันนี้ 10 ท่านหนึ่งคนรุกไล่ศัตรูนับพันเพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงต่อสู้เพื่อท่านตามที่ทรงสัญญาไว้ 11 ฉะนั้นจงใส่ใจที่จะรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน
12 “แต่หากพวกท่านหันหนี และไปคบหากับชนชาติเหล่านี้ที่ยังคงหลงเหลือท่ามกลางพวกท่าน หากท่านแต่งงานกับเขาหรือข้องเกี่ยวกับเขา 13 ก็จงรู้แน่เถิดว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะไม่ขับไล่ชนชาติเหล่านั้นออกไปให้พ้นหน้าท่าน แต่ในทางกลับกัน เขาจะกลายป็นบ่วงแร้วและกับดักล่อท่าน เป็นแส้ที่โบยหลังของท่าน เป็นเสี้ยนหนามของท่าน จนกว่าท่านจะพินาศไปจากดินแดนอันอุดมสมบูรณ์นี้ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่าน
14 “อีกไม่นานข้าพเจ้าก็จะตายไปเหมือนคนอื่นๆ ท่านก็รู้ด้วยสุดจิตสุดใจว่าพระสัญญาอันประเสริฐซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านให้ไว้กับท่านนั้นล้วนเป็นจริง ไม่มีขาดตกบกพร่องไปแม้แต่ข้อเดียว 15 แต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานสิ่งดีงามทั้งปวงซึ่งทรงสัญญาไว้แล้วฉันใด พระยาห์เวห์ก็จะทรงนำสิ่งเลวร้ายทั้งหลายที่ตรัสไว้มาตกแก่ท่านฉันนั้น จนกว่าพระองค์จะทรงทำลายท่านให้พ้นจากดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ที่พระองค์ประทานแก่ท่าน 16 หากท่านละเมิดพันธสัญญาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านซึ่งทรงบัญชาไว้ หันไปกราบไหว้ และปรนนิบัติพระอื่น พระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะเผาผลาญท่าน ท่านจะพินาศไปจากดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ซึ่งพระองค์ประทานให้นี้อย่างรวดเร็ว”
เปโตรรักษาขอทานง่อย
3 วันหนึ่งขณะเปโตรกับยอห์นกำลังขึ้นไปยังพระวิหารในเวลาอธิษฐาน คือประมาณบ่ายสามโมง 2 มีชายคนหนึ่งเป็นง่อยมาตั้งแต่เกิด ทุกวันเขาจะถูกหามมาที่ประตูพระวิหารที่เรียกว่าประตูงามเพื่อขอทานจากคนที่จะเข้าไปในลานพระวิหาร 3 เมื่อคนนั้นเห็นเปโตรกับยอห์นจะเข้าไปก็ขอเงินพวกเขา 4 เปโตรกับยอห์นเพ่งดูเขา แล้วเปโตรจึงกล่าวว่า “จงมองดูเราเถิด!” 5 ดังนั้นเขาจึงเขม้นมองโดยหวังว่าจะได้อะไรจากคนทั้งสอง
6 แล้วเปโตรกล่าวว่า “เงินหรือทองเราไม่มี แต่สิ่งที่เรามีเราให้ท่านในพระนามพระเยซูคริสต์แห่งนาซาเร็ธ จงเดินเถิด” 7 เปโตรจับมือขวาของเขาช่วยพยุงขึ้น ทันใดนั้นเท้าและข้อเท้าของชายผู้นี้ก็มีแรง 8 เขากระโดดลุกขึ้นยืนและเริ่มเดิน จากนั้นจึงเข้าไปในลานพระวิหารกับเปโตรและยอห์น เขาเดินไปกระโดดโลดเต้นไปและสรรเสริญพระเจ้า 9 เมื่อประชาชนทั้งปวงเห็นเขาเดินไปสรรเสริญพระเจ้าไป 10 ก็จำได้ว่าเป็นคนเดียวกับที่เคยนั่งขอทานที่ประตูงามของพระวิหาร พวกเขาจึงประหลาดใจและอัศจรรย์ใจยิ่งนักในสิ่งที่เกิดขึ้นกับชายผู้นี้
เปโตรกล่าวกับผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์
11 ขณะขอทานคนนั้นยึดมือเปโตรกับยอห์นอยู่ คนทั้งปวงต่างประหลาดใจและพากันวิ่งมาหาพวกเขาในบริเวณที่เรียกว่าเฉลียงของโซโลมอน 12 เปโตรเห็นเช่นนั้นก็กล่าวกับคนเหล่านี้ว่า “ชนอิสราเอลเอ๋ย เหตุใดท่านจึงประหลาดใจในเรื่องนี้? เหตุใดจึงจ้องมองราวกับว่าเราทำให้คนนี้เดินได้ด้วยฤทธิ์อำนาจหรือความชอบธรรมของเราเอง? 13 พระเจ้าของอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ พระเจ้าของบรรพบุรุษของเราประทานพระเกียรติสิริแก่พระเยซูผู้รับใช้ของพระองค์ซึ่งท่านมอบไว้ให้ประหารและปฏิเสธพระองค์ต่อหน้าปีลาต แม้ปีลาตตั้งใจจะปล่อยพระองค์ไป 14 พวกท่านปฏิเสธองค์บริสุทธิ์และชอบธรรมและขอให้ปล่อยฆาตกรแก่พวกท่านแทน 15 ท่านประหารองค์ผู้ลิขิตชีวิตแต่พระเจ้าทรงให้พระองค์เป็นขึ้นจากตาย เราเป็นพยานในเรื่องนี้ 16 โดยความเชื่อในพระนามของพระเยซูชายผู้นี้ซึ่งพวกท่านเห็นและรู้จักจึงมีแรงขึ้น โดยพระนามของพระเยซูและความเชื่อที่มาทางพระองค์ทำให้คนนี้หายเป็นปกติดังที่ท่านทั้งปวงเห็น
17 “พี่น้องเอ๋ย ข้าพเจ้ารู้ว่าพวกท่านทำลงไปด้วยความไม่รู้ ผู้นำของท่านก็เช่นกัน 18 แต่พระเจ้าทรงให้สิ่งนี้เกิดขึ้นเพื่อจะเป็นจริงตามที่ได้ตรัสไว้ล่วงหน้าผ่านทางผู้เผยพระวจนะทั้งปวงว่า พระคริสต์[a]ของพระองค์ต้องทนทุกข์ทรมาน 19 ฉะนั้นจงกลับใจใหม่และหันมาหาพระเจ้าเพื่อบาปทั้งหลายของท่านจะถูกลบล้างไป และวาระแห่งการฟื้นใจจะมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า 20 และเพื่อพระองค์จะได้ทรงส่งพระเยซูผู้ที่ทรงแต่งตั้งไว้ให้เป็นพระคริสต์เพื่อท่านทั้งหลายมา 21 พระองค์จะต้องอยู่ในสวรรค์จนกว่าจะถึงวาระที่พระเจ้าทรงให้สิ่งสารพัดคืนสู่สภาพดีตามที่ได้ทรงสัญญาไว้นานมาแล้วผ่านทางเหล่าผู้เผยพระวจนะบริสุทธิ์ของพระองค์ 22 เพราะโมเสสกล่าวไว้ว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่านจะทรงตั้งผู้เผยพระวจนะเช่นข้าพเจ้าขึ้นมาคนหนึ่งสำหรับท่านจากหมู่ประชากรของพวกท่านเอง ท่านต้องรับฟังทุกสิ่งที่เขาบอก 23 ผู้ใดไม่ฟังจะถูกตัดขาดจากชนชาติของเขา’[b]
24 “อันที่จริง ผู้เผยพระวจนะทั้งปวงตั้งแต่ซามูเอลมาล้วนพยากรณ์ถึงวันเวลาเหล่านี้ 25 และท่านทั้งหลายคือทายาทของบรรดาผู้เผยพระวจนะและพันธสัญญาซึ่งพระเจ้าทรงกระทำกับเหล่าบรรพบุรุษของท่าน พระองค์ได้ตรัสกับอับราฮัมว่า ‘ประชาชาติทั่วโลกจะได้รับพรผ่านทางวงศ์วานของเจ้า’[c] 26 เมื่อพระเจ้าทรงยกผู้รับใช้ของพระองค์ขึ้นมาแล้วก็ทรงส่งพระองค์มายังพวกท่านก่อนเพื่ออวยพรท่านโดยทำให้แต่ละคนหันจากวิถีชั่วของตน”
คำร้องทุกข์ของเยเรมีย์
12 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงชอบธรรมเสมอ
เมื่อข้าพระองค์นำความมากราบทูล
ถึงกระนั้นข้าพระองค์ก็ขอกราบทูลเรื่องความยุติธรรมของพระองค์
เหตุใดหนทางของคนชั่วจึงเจริญรุ่งเรือง?
เหตุใดบรรดาคนอสัตย์อธรรมจึงสุขสบายดี?
2 พระองค์ทรงปลูกเขา เขาก็หยั่งรากลึก
เจริญงอกงามและเกิดผล
เขามักพูดถึงพระองค์ติดปาก
แต่ใจของเขาห่างไกลพระองค์
3 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า แต่พระองค์ทรงรู้จักข้าพระองค์
ทรงเห็นและทรงทดสอบความคิดของข้าพระองค์เกี่ยวกับพระองค์
ขอทรงลากพวกเขาออกไปเหมือนแกะสำหรับฆ่า!
ขอทรงแยกเขาไว้สำหรับวันประหาร!
4 ดินแดนนี้จะต้องแตกระแหง[a]ไปนานเท่าใด?
และทุ่งหญ้าทุกแห่งจะเหี่ยวแห้งไปนานเท่าใด?
เนื่องจากผู้ที่อาศัยในดินแดนนี้ชั่วร้าย
บรรดาสัตว์และนกทั้งหลายจึงพินาศไป
ยิ่งกว่านั้นเหล่าประชากรพากันพูดว่า
“พระองค์ไม่เห็นหรอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา”
คำตอบจากพระเจ้า
5 “หากเจ้าวิ่งแข่งกับมนุษย์
แล้วเขายังทำให้เจ้าหมดแรง
แล้วเจ้าจะวิ่งแข่งกับม้าได้อย่างไร?
หากเจ้าสะดุดล้มในดินแดนที่ปลอดภัย[b]
เจ้าจะทำอย่างไรในป่าที่ลุ่มแม่น้ำจอร์แดน?[c]
6 แม้แต่พี่น้องและคนในครอบครัวของเจ้า
ก็ยังทรยศเจ้า
พวกเขาร้องเสียงดังให้ร้ายเจ้า
อย่าเชื่อใจเขา
แม้เขาจะพูดดีกับเจ้า
7 “เราได้ทิ้งนิเวศของเรา
เราได้เหวี่ยงมรดกของเราทิ้ง
เราได้ปล่อยผู้ที่เรารักดั่งดวงใจ
ไว้ในมือของศัตรู
8 มรดกของเรากลับกลายเป็นสิงโตในป่าสำหรับเรา
เขาคำรามใส่เรา
ดังนั้นเราจึงเกลียดเขา
9 มรดกของเรา
กลับกลายเป็นนกสีสดใสสะดุดตา
นกอื่นๆ จึงรุมล้อมเล่นงานมันไม่ใช่หรือ?
ไปเถิด ไปรวบรวมสัตว์ป่าทั้งหลาย
มาเขมือบกินมัน
10 คนเลี้ยงแกะมากมายจะทำลายสวนองุ่นของเรา
เหยียบย่ำท้องทุ่งของเรา
พวกเขาจะทำให้ท้องทุ่งอันรื่นรมย์ของเรา
กลายเป็นที่ทิ้งร้าง
11 มันจะกลายเป็นถิ่นร้างแตกระแหง
และถูกทิ้งร้างต่อหน้าเรา
แผ่นดินทั้งสิ้นถูกทิ้งร้าง
เพราะไม่มีใครเอาใจใส่ดูแล
12 ผู้ทำลายกรูกันเข้ามาเหนือที่สูง
อันถูกทิ้งร้างในถิ่นกันดาร
เพราะดาบขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะทำลายล้าง
จากสุดเขตแดนด้านหนึ่งไปจดอีกด้านหนึ่ง
จะไม่มีใครหนีรอดปลอดภัย
13 พวกเขาได้หว่านข้าวสาลี แต่เก็บเกี่ยวหนาม
จะตรากตรำทำงาน แต่ไม่ได้อะไร
ดังนั้นเขาจึงเก็บเกี่ยวได้แต่ความอับอาย
เนื่องจากพระพิโรธอันรุนแรงขององค์พระผู้เป็นเจ้า”
14 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ดูเถิด เราจะถอนรากถอนโคนชนชาติเพื่อนบ้านผู้ชั่วร้ายทั้งปวงออกจากดินแดน ผู้ซึ่งยึดสมบัติที่เราให้ประชากรอิสราเอล และถอนรากถอนโคนพงศ์พันธุ์ยูดาห์จากหมู่พวกเขา 15 แต่หลังจากที่เราถอนรากถอนโคนพวกเขาแล้ว เราจะเอ็นดูสงสาร และนำพวกเขาแต่ละคนกลับสู่ทรัพย์สินและดินแดนของตนอีกครั้งหนึ่ง 16 และหากพวกเขาเรียนรู้วิถีทางของประชากรของเราและปฏิญาณโดยอ้างนามของเราว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด’ เหมือนที่พวกเขาเคยสอนประชากรของเราให้ปฏิญาณโดยอ้างพระบาอัล เมื่อนั้นเขาจะได้รับการสถาปนาไว้ท่ามกลางประชากรของเรา 17 แต่หากชาติใดไม่ยอมเชื่อฟัง เราจะกำจัดและทำลายชาตินั้นให้สูญสิ้นไป” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้
แผนกำจัดพระเยซู(A)
26 เมื่อจบคำอุปมาทั้งปวงนี้แล้ว พระเยซูก็ตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า 2 “พวกท่านก็รู้ว่าอีกสองวันจะถึงเทศกาลปัสกาและบุตรมนุษย์จะถูกมอบให้เขาตรึงตายที่ไม้กางเขน”
3 ครั้งนั้นพวกหัวหน้าปุโรหิตและเหล่าผู้อาวุโสในหมู่ประชาชนมาประชุมกันที่คฤหาสน์ของมหาปุโรหิตชื่อคายาฟาส 4 และพวกเขาคบคิดกันหาอุบายที่จะจับพระเยซูมาฆ่าเสีย 5 เขาพูดกันว่า “แต่อย่าลงมือในช่วงเทศกาลเลย มิฉะนั้นจะเกิดจลาจลในหมู่ประชาชน”
พระเยซูทรงรับการชโลมที่เบธานี(B)
6 ที่หมู่บ้านเบธานี ขณะพระเยซูประทับอยู่ในบ้านของซีโมนคนโรคเรื้อน 7 หญิงคนหนึ่งถือผอบน้ำมันหอมราคาแพงมากเข้ามารินรดพระเศียรขณะที่พระองค์ทรงนั่งรับประทานอาหารอยู่ที่โต๊ะอาหาร
8 เมื่อเหล่าสาวกเห็นดังนั้นก็ไม่พอใจจึงกล่าวว่า “ทำไมทำให้เสียของเปล่าๆ? 9 น้ำมันหอมนี้ถ้าขายจะได้ราคาดี เอาเงินให้คนยากจนได้”
10 พระเยซูทรงทราบจึงตรัสกับพวกเขาว่า “ไปกวนใจหญิงนี้ทำไม? นางได้ทำสิ่งดีงามให้แก่เรา 11 ท่านจะมีคนยากจนอยู่กับท่านเสมอ แต่เราจะไม่ได้อยู่กับท่านเสมอไป 12 ที่นางรินน้ำหอมนี้บนกายเราก็เพื่อเตรียมตัวเราสำหรับการฝังศพ 13 เราบอกความจริงแก่ท่านว่าไม่ว่าข่าวประเสริฐจะเผยแผ่ไปที่ใดๆ ทั่วโลก เขาจะเล่าขานถึงสิ่งที่หญิงนี้ได้ทำเพื่อเป็นการระลึกถึงนาง”
ยูดาสตกลงใจจะทรยศพระเยซู(C)
14 แล้วยูดาสอิสคาริโอท หนึ่งในสาวกสิบสองคน ไปพบพวกหัวหน้าปุโรหิต 15 ถามว่า “พวกท่านจะให้อะไรแก่ข้าพเจ้าถ้าข้าพเจ้ามอบพระองค์ให้แก่ท่าน?” พวกเขาจึงนับเหรียญเงินสามสิบเหรียญส่งให้ยูดาส 16 นับตั้งแต่นั้นยูดาสก็จ้องหาโอกาสที่จะมอบพระเยซูให้แก่คนเหล่านั้น
พระเยซูเสวยปัสกากับเหล่าสาวก(D)
17 วันแรกของเทศกาลขนมปังไม่ใส่เชื้อเหล่าสาวกมาทูลถามพระเยซูว่า “พระองค์ทรงประสงค์จะให้เราจัดเตรียมปัสกาให้พระองค์เสวยที่ไหน?”
18 พระองค์ตรัสว่า “จงเข้าไปหาคนหนึ่งในเมือง บอกเขาว่า ‘พระอาจารย์ตรัสดังนี้ว่าใกล้จะถึงกำหนดเวลาของเราแล้ว เราจะฉลองปัสการ่วมกับเหล่าสาวกของเราที่บ้านของท่าน’ ” 19 ดังนั้นเหล่าสาวกจึงไปทำตามที่พระเยซูทรงบัญชาและจัดเตรียมปัสกา
20 พอพลบค่ำพระเยซูทรงนั่งรับประทานอาหารที่โต๊ะอาหารร่วมกับสาวกสิบสองคน 21 ระหว่างรับประทานอาหารกันอยู่นั้นพระองค์ตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่าคนหนึ่งในพวกท่านจะทรยศเรา”
22 เหล่าสาวกเสียใจมากต่างทูลพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า ไม่ใช่ข้าพระองค์แน่ใช่ไหม?”
23 พระเยซูตรัสตอบว่า “ผู้ที่หยิบอาหารจุ่มในชามเดียวกับเราคือผู้ที่จะทรยศเรา 24 บุตรมนุษย์จะไปตามที่เขียนไว้ แต่วิบัติแก่ผู้นั้นที่ทรยศบุตรมนุษย์! ถ้าเขาไม่ได้เกิดมาเลยยังจะดีกับตัวเขามากกว่า”
25 แล้วยูดาสผู้ที่จะทรยศต่อพระองค์ทูลว่า “รับบี ไม่ใช่ข้าพระองค์แน่ใช่ไหม?”
พระเยซูตรัสตอบว่า “คือท่านเอง”[a]
พิธีมหาสนิท(E)
26 ขณะรับประทานอาหารพระเยซูทรงหยิบขนมปัง ทรงขอบพระคุณพระเจ้า แล้วหักส่งให้เหล่าสาวกและตรัสว่า “จงรับไปรับประทานเถิด นี่เป็นกายของเรา”
27 แล้วพระองค์ทรงหยิบถ้วย ทรงขอบพระคุณพระเจ้า แล้วยื่นให้กับพวกเขาและตรัสว่า “ท่านทุกคนจงรับไปดื่มเถิด 28 นี่คือโลหิตของเราอันเป็นโลหิตแห่งพันธสัญญา[b]ซึ่งหลั่งรินเพื่ออภัยโทษบาปแก่คนเป็นอันมาก 29 เราบอกท่านว่าเราจะไม่ดื่มน้ำจากผลองุ่นนี้อีกตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะถึงวันนั้นที่เราดื่มร่วมกับท่านใหม่ในอาณาจักรของพระบิดาของเรา”
30 เมื่อร้องเพลงสรรเสริญแล้วพวกเขาก็ออกไปยังภูเขามะกอกเทศ
พระเยซูทรงทำนายว่าเปโตรจะปฏิเสธพระองค์(F)
31 แล้วพระเยซูตรัสแก่เหล่าสาวกว่า “ในคืนวันนี้เองพวกท่านจะทิ้งเราไปกันหมด เพราะมีเขียนไว้ว่า
“ ‘เราจะฟาดฟันคนเลี้ยงแกะ
และฝูงแกะจะกระจัดกระจายไป’[c]
32 แต่หลังจากที่เราเป็นขึ้น เราจะไปยังกาลิลีก่อนหน้าท่าน”
33 เปโตรทูลตอบว่า “ถึงใครๆ ทิ้งพระองค์ไปหมด ข้าพระองค์ก็จะไม่มีวันทิ้งพระองค์”
34 พระเยซูตรัสตอบว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่าในคืนนี้เองก่อนไก่ขันท่านจะปฏิเสธเราถึงสามครั้ง”
35 แต่เปโตรประกาศว่า “ถึงแม้ข้าพระองค์ต้องตายกับพระองค์ ข้าพระองค์จะไม่มีวันปฏิเสธพระองค์” แล้วสาวกที่เหลือก็พูดแบบเดียวกัน
เกทเสมนี(G)
36 แล้วพระเยซูกับเหล่าสาวกของพระองค์มายังที่แห่งหนึ่งเรียกว่า เกทเสมนี พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “จงนั่งอยู่ที่นี่ขณะที่เราไปอธิษฐานที่นั่น” 37 พระองค์ทรงพาเปโตรกับบุตรชายทั้งสองคนของเศเบดีไปกับพระองค์ด้วย พระองค์ทรงโศกเศร้าและเป็นทุกข์ยิ่งนัก 38 จึงตรัสกับพวกเขาว่า “จิตวิญญาณของเราท่วมท้นด้วยความทุกข์โศกแทบจะตาย จงเฝ้าระวังอยู่กับเราที่นี่”
39 พระองค์ทรงดำเนินไปได้สักหน่อยก็ทรงซบพระพักตร์ลงที่พื้นและทรงอธิษฐานว่า “ข้าแต่พระบิดา หากเป็นไปได้ขอให้ถ้วยนี้พ้นไปจากข้าพระองค์เถิด อย่างไรก็ตามอย่าให้เป็นไปตามใจของข้าพระองค์ แต่ขอให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์”
40 แล้วพระองค์ทรงกลับมาหาสาวกของพระองค์ และพบว่าพวกเขากำลังนอนหลับอยู่จึงตรัสถามเปโตรว่า “พวกท่านจะคอยเฝ้าอยู่กับเราสักชั่วโมงเดียวก็มิได้หรือ? 41 จงเฝ้าระวังและอธิษฐานเพื่อท่านจะไม่ตกเข้าไปอยู่ในการทดลอง จิตวิญญาณพร้อมแล้วก็จริงแต่กายยังอ่อนกำลัง”
42 พระองค์เสด็จไปอธิษฐานเป็นครั้งที่สองว่า “ข้าแต่พระบิดา หากถ้วยนี้ไม่อาจพ้นไปและข้าพระองค์ต้องดื่ม ก็ขอให้สำเร็จดังพระประสงค์ของพระองค์”
43 เมื่อพระองค์ทรงกลับมาก็ทรงพบว่าพวกเขายังคงหลับอยู่เพราะพวกเขาง่วงมากจนลืมตาไม่ขึ้น 44 พระองค์จึงทรงละพวกเขาไว้ แล้วเสด็จไปอธิษฐานเป็นครั้งที่สามและอธิษฐานเรื่องเดิม
45 จากนั้นพระองค์ทรงกลับมาหาเหล่าสาวกและตรัสว่า “พวกท่านยังนอนหลับพักผ่อนอยู่อีกหรือ? ดูเถิด ใกล้จะถึงเวลาแล้วและบุตรมนุษย์ถูกทรยศให้ตกอยู่ในมือของคนบาป 46 ลุกขึ้นไปกันเถิด! ผู้ทรยศเรามาแล้ว!”
พระเยซูถูกจับกุม(H)
47 พระองค์ตรัสยังไม่ทันขาดคำ ยูดาสหนึ่งในสาวกสิบสองคนก็มาถึงพร้อมกับคนหมู่ใหญ่ซึ่งถือดาบถือกระบอง คนเหล่านี้เป็นพวกที่บรรดาหัวหน้าปุโรหิตและเหล่าผู้อาวุโสของประชาชนส่งมา 48 ผู้ทรยศได้กำหนดอาณัติสัญญาณกับพวกเขาว่า “คนที่เราจูบคือผู้นั้น จงจับกุมเขา” 49 ยูดาสตรงเข้ามาหาพระเยซูและทูลว่า “ขอคำนับรับบี!” แล้วจูบพระองค์
50 พระเยซูตรัสว่า “เพื่อนเอ๋ย จะมาทำอะไรก็ทำเถิด”[d]
แล้วคนเหล่านั้นก็ตรงเข้าจับกุมพระเยซู 51 คนหนึ่งในพวกที่อยู่กับพระองค์เอื้อมมือคว้าดาบชักออกมาฟันหูบ่าวของมหาปุโรหิตขาด
52 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เก็บดาบเสียเถิดเพราะคนทั้งปวงที่ชักดาบจะตายด้วยดาบ 53 ท่านคิดว่าเราไม่อาจทูลขอพระบิดาหรือ? พระองค์จะให้ทูตสวรรค์กว่าสิบสองกองแก่เราทันที 54 แต่ถ้าเช่นนั้นจะเป็นจริงตามที่พระคัมภีร์กล่าวไว้หรือว่าต้องเป็นไปตามนี้?”
55 แล้วพระองค์ตรัสกับคนกลุ่มนั้นว่า “เราก่อการกบฏหรือ? พวกท่านจึงได้ถือดาบถือกระบองมาจับเรา เรานั่งสอนอยู่ในลานพระวิหารทุกวันและท่านก็ไม่ได้จับกุมเรา 56 แต่ทั้งหมดนี้เป็นไปตามที่ผู้เผยพระวจนะได้เขียนไว้” แล้วสาวกทั้งหมดก็ละทิ้งพระองค์แล้วหนีไป
ต่อหน้าสภาแซนเฮดริน(I)
57 ผู้ที่จับพระเยซูนำพระองค์มาพบมหาปุโรหิตคายาฟาสในที่ซึ่งพวกธรรมาจารย์และผู้อาวุโสมาชุมนุมกัน 58 ฝ่ายเปโตรตามพระองค์มาห่างๆ จนถึงลานบ้านของมหาปุโรหิต เขาเข้าไปนั่งกับพวกยามเพื่อคอยดูผลที่จะเกิดขึ้น
59 พวกหัวหน้าปุโรหิตและทั้งสภาแซนเฮดรินค้นหาหลักฐานเท็จมามัดตัวพระเยซูเพื่อจะได้ประหารพระองค์ 60 แต่ก็ไม่พบอะไรเลยแม้จะมีพยานเท็จหลายคนมากล่าวหาพระองค์ ในที่สุดมีสองคนออกมา 61 ให้การว่า “คนนี้พูดว่า ‘ข้าพเจ้าสามารถทำลายพระวิหารของพระเจ้าและสร้างขึ้นใหม่ได้ภายในสามวัน’”
62 แล้วมหาปุโรหิตจึงยืนขึ้นกล่าวกับพระเยซูว่า “ท่านจะไม่ตอบอะไรหรือ? คำให้การที่คนเหล่านี้กล่าวหาท่านเป็นเรื่องอะไรกัน?” 63 แต่พระเยซูทรงนิ่งอยู่
มหาปุโรหิตจึงกล่าวกับพระองค์ว่า “ภายใต้คำสาบานโดยอ้างพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ เราสั่งท่านว่าถ้าท่านคือพระคริสต์[e]พระบุตรของพระเจ้าก็จงบอกเรามา”
64 พระเยซูตรัสว่า “ใช่อย่างที่ท่านพูด เราขอบอกท่านทุกคนว่าในอนาคตท่านจะเห็นบุตรมนุษย์นั่งอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ขององค์ทรงฤทธิ์และเสด็จมาบนหมู่เมฆแห่งฟ้าสวรรค์”
65 มหาปุโรหิตจึงฉีกเสื้อของตนและพูดว่า “เขาได้พูดหมิ่นประมาทพระเจ้า! เราจะต้องหาพยานอีกทำไม? ดูเถิด บัดนี้ท่านทั้งหลายได้ยินคำหมิ่นประมาทแล้ว 66 ท่านคิดเห็นอย่างไร?”
พวกนั้นตอบว่า “เขาสมควรตาย”
67 แล้วพวกเขาถ่มน้ำลายใส่พระพักตร์และต่อยพระองค์ คนอื่นๆ ก็ตบพระองค์ 68 และว่า “เจ้าพระคริสต์ ทำนายให้เราฟังสิ ใครตบเจ้า?”
เปโตรปฏิเสธพระเยซู(J)
69 ฝ่ายเปโตรนั่งอยู่ที่ลานบ้าน สาวใช้คนหนึ่งมาพูดกับเปโตรว่า “เจ้าก็อยู่กับเยซูแห่งกาลิลีด้วย”
70 แต่เปโตรปฏิเสธต่อหน้าคนทั้งปวงว่า “เจ้าพูดอะไร? ข้าไม่รู้เรื่อง”
71 แล้วเปโตรออกไปที่ประตูรั้ว สาวใช้อีกคนหนึ่งเห็นเขาก็พูดกับคนที่นั่นว่า “คนนี้อยู่กับเยซูชาวนาซาเร็ธ”
72 เปโตรปฏิเสธอีกพร้อมทั้งสาบานว่า “ข้าไม่รู้จักคนนั้น!”
73 สักครู่ผู้คนที่อยู่แถวนั้นมาพูดกับเปโตรว่า “ใช่แน่ๆ เจ้าเป็นคนหนึ่งในพวกนั้น ฟังจากสำเนียงของเจ้าก็รู้”
74 แล้วเปโตรจึงสบถสาบานเป็นการใหญ่ว่า “ข้าไม่รู้จักคนนั้น!”
ทันใดนั้นไก่ก็ขัน 75 เปโตรจึงนึกขึ้นได้ถึงสิ่งที่พระเยซูตรัสไว้ว่า “ก่อนไก่ขันท่านจะปฏิเสธเราถึงสามครั้ง” เขาจึงออกไปข้างนอกและร้องไห้อย่างขมขื่น
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.