M’Cheyne Bible Reading Plan
เมืองลี้ภัย(A)
20 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโยชูวาว่า 2 “จงสั่งประชากรอิสราเอลให้กำหนดเมืองลี้ภัยตามที่เราได้สั่งโมเสสไว้ 3 ผู้ใดกระทำให้คนตายโดยไม่เจตนาและเป็นอุบัติเหตุสามารถหนีมายังเมืองเหล่านี้ และได้รับความคุ้มครองให้พ้นจากผู้แก้แค้น
4 “เมื่อผู้ถูกกล่าวหาหนีมายังเมืองลี้ภัยแห่งใดแห่งหนึ่ง เขาต้องยืนอยู่ตรงทางเข้าประตูเมืองและชี้แจงคดีต่อหน้าบรรดาผู้อาวุโสของเมืองนั้น ผู้อาวุโสจะต้องยินยอมให้ผู้นั้นเข้ามาและให้ที่พักอาศัยแก่เขา 5 หากผู้แก้แค้นไล่ตามมา อย่ามอบตัวผู้ถูกกล่าวหาให้แก่ผู้แก้แค้น เพราะเขาฆ่าเพื่อนบ้านโดยไม่ตั้งใจและไม่ได้คิดมุ่งร้ายไว้ก่อน 6 เขาจะต้องอาศัยอยู่ในเมืองนั้นจนกระทั่งได้รับการไต่สวนต่อหน้าชุมนุมประชากร และจวบจนมหาปุโรหิตซึ่งดำรงตำแหน่งในช่วงเกิดเหตุนั้นสิ้นชีวิต เขาจึงจะกลับภูมิลำเนาเดิมที่เขาหนีมาได้”
7 เมืองที่เขาตั้งเป็นเมืองลี้ภัยคือเคเดชแห่งกาลิลีในแถบเทือกเขาแห่งนัฟทาลี เชเคมในแดนเทือกเขาแห่งเอฟราอิม และคีริยาทอารบา (คือเฮโบรน) ในแถบเทือกเขาแห่งยูดาห์ 8 ทางฟากตะวันออกของจอร์แดนแห่งเยรีโค[a] พวกเขากำหนดเมืองเบเซอร์ในถิ่นกันดารบนที่ราบสูงในเขตเผ่ารูเบน เมืองราโมทในกิเลอาดในเขตเผ่ากาด และเมืองโกลานในบาชานในเขตเผ่ามนัสเสห์ 9 เมืองลี้ภัยเหล่านี้สำหรับทั้งชาวอิสราเอลและคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ท่ามกลางพวกเขา เพื่อผู้ใดก็ตามที่ทำให้คนตายโดยไม่เจตนา สามารถไปหลบอยู่ที่เมืองเหล่านี้โดยไม่ถูกฆ่าล้างแค้นก่อนที่จะได้รับการไต่สวนคดีต่อหน้าชุมนุมประชากร
เมืองสำหรับเผ่าเลวี(B)
21 บรรดาหัวหน้าครอบครัวของเผ่าเลวีมาหารือกับปุโรหิตเอเลอาซาร์ โยชูวาบุตรนูนและบรรดาหัวหน้าครอบครัวของเผ่าอื่นๆ ของอิสราเอล 2 ที่ชิโลห์ในคานาอันและกล่าวกับพวกเขาว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสสให้ยกเมืองต่างๆ แก่พวกข้าพเจ้า เพื่อเป็นที่อาศัยพร้อมกับทุ่งหญ้าสำหรับฝูงสัตว์ของเรา” 3 ดังนั้นชนอิสราเอลจึงยกเมืองต่างๆ กับทุ่งหญ้าในเขตกรรมสิทธิ์ของตนให้แก่ชนเลวีตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงบัญชาไว้
4 สลากแรกได้แก่ตระกูลโคฮาทของเผ่าเลวี วงศ์วานของอาโรนตามแต่ละตระกูลได้รับ 13 เมืองจากเผ่ายูดาห์ สิเมโอน และเบนยามิน 5 ส่วนลูกหลานที่เหลือของโคฮาทได้รับ 10 เมืองจากตระกูลต่างๆ ของเผ่าเอฟราอิม ดาน และมนัสเสห์ครึ่งเผ่า
6 วงศ์วานเกอร์โชนได้รับ 13 เมืองจากตระกูลต่างๆ ของเผ่าอิสสาคาร์ อาเชอร์ นัฟทาลี และมนัสเสห์อีกครึ่งเผ่าในบาชาน
7 วงศ์วานเมรารีตามแต่ละตระกูลได้รับ 12 เมืองจากเผ่ารูเบน กาด และเศบูลุน
8 ดังนั้นชาวอิสราเอลได้แบ่งสรรเมืองและทุ่งหญ้าเหล่านี้ให้แก่คนเลวีตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงบัญชาโมเสสไว้
9 พวกเขาแบ่งสรรเมืองจากเผ่ายูดาห์และสิเมโอนตามรายชื่อดังนี้ 10 (เมืองเหล่านี้เป็นของคนเลวีปุโรหิตจากตระกูลโคฮาทวงศ์วานของอาโรน เนื่องจากสลากแรกเป็นของพวกเขา)
11 พวกเขาได้ให้เมืองคีริยาทอารบา (คือเฮโบรน) กับทุ่งหญ้าโดยรอบในแถบเทือกเขาแห่งยูดาห์ (อารบาเป็นบรรพบุรุษของชาวอานาค) 12 แต่ทุ่งนากับหมู่บ้านโดยรอบได้ยกให้แก่คาเลบบุตรเยฟุนเนห์เป็นกรรมสิทธิ์
13 เป็นอันว่าวงศ์วานของปุโรหิตอาโรนได้รับเมืองเฮโบรน (เป็นเมืองลี้ภัยสำหรับผู้ถูกกล่าวหาว่าทำฆาตกรรม) ลิบนาห์ 14 ยาททีร์ เอชเทโมอา 15 โฮโลน เดบีร์ 16 อายิน ยุททาห์ กับเบธเชเมช รวม 9 เมืองพร้อมทุ่งหญ้าจากสองเผ่า
17 และจากเผ่าเบนยามิน พวกเขาให้กิเบโอน เกบา 18 อานาโธท และอัลโมนรวม 4 เมืองพร้อมทุ่งหญ้า
19 ฉะนั้นเมืองซึ่งมอบให้แก่บรรดาปุโรหิตวงศ์วานของอาโรนรวมทั้งหมด 13 เมืองพร้อมทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์
20 ครอบครัวอื่นๆ ของตระกูลโคฮาทของเผ่าเลวีได้รับเมืองต่างๆ จากเผ่าเอฟราอิม ดังนี้
21 ในแดนเทือกเขาแห่งเอฟราอิม พวกเขาได้รับเชเคม (เป็นเมืองลี้ภัยสำหรับผู้ถูกกล่าวหาว่าทำฆาตกรรม) และเกเซอร์ 22 ขิบซาอิม และเบธโฮโรน รวม 4 เมืองพร้อมทุ่งหญ้า
23 จากเผ่าดาน พวกเขาได้รับเมืองเอลเทเคห์ กิบเบโธน 24 อัยยาโลน และกัทริมโมน รวม 4 เมืองพร้อมทุ่งหญ้า
25 จากมนัสเสห์อีกครึ่งเผ่า พวกเขาได้รับเมืองทาอานาค และกัทริมโมน รวม 2 เมืองพร้อมทุ่งหญ้า
26 ฉะนั้นรวมทั้งหมด 10 เมืองพร้อมทุ่งหญ้าที่มอบให้ครอบครัวอื่นๆ ของตระกูลโคฮาท
27 ตระกูลเกอร์โชนของเผ่าเลวีได้รับดังนี้
จากมนัสเสห์ครึ่งเผ่า คือโกลานในบาชาน (เป็นเมืองลี้ภัยสำหรับผู้ถูกกล่าวหาว่าทำฆาตกรรม) และเบเอชเทราห์ รวม 2 เมืองพร้อมทุ่งหญ้า
28 จากเผ่าอิสสาคาร์คือ คีชิโอน ดาเบรัท 29 ยารมูท และเอนกันนิม รวม 4 เมืองพร้อมทุ่งหญ้า
30 จากเผ่าอาเชอร์คือ มิชอาล อับโดน 31 เฮลคัท และเรโหบ รวม 4 เมืองพร้อมทุ่งหญ้า
32 จากเผ่านัฟทาลีคือ เคเดชในกาลิลี (เป็นเมืองลี้ภัยสำหรับผู้ถูกกล่าวหาว่าทำฆาตกรรม) ฮัมโมทโดร์ และคารทาน รวม 3 เมืองพร้อมทุ่งหญ้า
33 รวมทั้งหมด 13 เมืองพร้อมทุ่งหญ้าได้ยกให้แก่ตระกูลเกอร์โชน
34 ตระกูลเมรารี (เผ่าเลวีที่เหลือ) ได้รับจากเผ่าเศบูลุนดังนี้คือ
โยกเนอัม คารทาห์ 35 ดิมนาห์ และนาหะลาล รวม 4 เมืองพร้อมทุ่งหญ้า
36 จากเผ่ารูเบนคือ
เบเซอร์ ยาฮาส 37 เคเดโมท และเมฟาอาท รวม 4 เมืองพร้อมทุ่งหญ้า
38 จากเผ่ากาด
คือราโมทในกิเลอาด (เป็นเมืองลี้ภัยสำหรับผู้ถูกกล่าวหาว่าทำฆาตกรรม) มาหะนาอิม 39 เฮชโบน และยาเซอร์รวม 4 เมืองพร้อมทุ่งหญ้า
40 รวมทั้งหมด 12 เมืองที่ยกให้แก่ตระกูลเมรารีซึ่งเป็นคนเลวีส่วนที่เหลือ
41 เผ่าเลวีได้รับทั้งสิ้น 48 เมืองพร้อมทุ่งหญ้าในดินแดนที่ชนอิสราเอลครอบครอง 42 เมืองเหล่านี้มีทุ่งหญ้าล้อมรอบทุกเมือง
43 เป็นอันว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ประทานดินแดนทั้งหมดนี้แก่อิสราเอลตามที่ทรงปฏิญาณไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา และพวกเขาเข้าไปยึดครองและตั้งถิ่นฐานที่นั่น 44 องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ประทานความสงบสุขทุกด้านแก่พวกเขาตามที่ทรงปฏิญาณไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา ไม่มีศัตรูคนใดยืนหยัดต่อสู้พวกเขาได้ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบศัตรูทั้งปวงไว้ในเงื้อมมือของพวกเขา 45 สิ่งดีทั้งปวงซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาไว้กับชนชาติอิสราเอลล้วนสัมฤทธิ์ผล ไม่มีขาดตกบกพร่องไปแม้แต่ประการเดียว
พระเยซูถูกรับขึ้นสู่สวรรค์
1 เรียนท่านเธโอฟีลัส ในหนังสือเล่มก่อนข้าพเจ้าได้เขียนถึงสิ่งทั้งปวงซึ่งพระเยซูได้ทรงเริ่มกระทำและสั่งสอน 2 จนถึงวันที่ทรงถูกรับขึ้นสู่สวรรค์หลังจากตรัสสั่งโดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่เหล่าอัครทูตที่ได้ทรงเลือกสรร 3 ภายหลังที่พระองค์ได้ทรงทนทุกข์ ก็ได้ทรงสำแดงพระองค์แก่คนเหล่านั้นและให้ข้อพิสูจน์หลายประการที่ยืนยันว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่ พระองค์ทรงปรากฏแก่พวกเขาในช่วงสี่สิบวันและตรัสเกี่ยวกับอาณาจักรของพระเจ้า 4 ครั้งหนึ่งขณะทรงร่วมรับประทานอาหารกับพวกเขาพระองค์ทรงบัญชาพวกเขาว่า “อย่าออกจากกรุงเยรูซาเล็มแต่จงรอคอยของประทานที่พระบิดาของเราได้ทรงสัญญาไว้ ดังที่พวกท่านได้ยินเรากล่าวไว้ 5 ด้วยว่ายอห์นให้บัพติศมาด้วย[a]น้ำแต่อีกไม่กี่วันพวกท่านจะได้รับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์”
6 ดังนั้นเมื่อมาประชุมพร้อมหน้ากันพวกเขาจึงทูลถามพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า บัดนี้พระองค์จะทรงกอบกู้อาณาจักรอิสราเอลขึ้นใหม่หรือ?”
7 พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “ไม่ใช่ธุระของพวกท่านที่จะรู้วันเวลาซึ่งพระบิดาทรงกำหนดไว้ตามสิทธิอำนาจของพระองค์ 8 แต่ท่านทั้งหลายจะได้รับฤทธิ์อำนาจเมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาเหนือพวกท่าน และพวกท่านจะเป็นพยานฝ่ายเราในกรุงเยรูซาเล็ม และทั่วแคว้นยูเดียกับสะมาเรียจนถึงสุดปลายแผ่นดินโลก”
9 หลังจากตรัสดังนี้แล้วพระองค์ก็ทรงถูกรับขึ้นไปต่อหน้าต่อตาพวกเขาและมีเมฆมาปกคลุมพระองค์จนพวกเขามองไม่เห็นพระองค์
10 พวกเขากำลังแหงนหน้าเขม้นดูฟ้าขณะที่พระองค์เสด็จไป ทันใดนั้นมีชายสองคนสวมชุดขาวมายืนอยู่ข้างๆ พวกเขา 11 และกล่าวว่า “ชนชาวกาลิลีเอ๋ย เหตุใดพวกท่านจึงยืนมองท้องฟ้าอยู่ที่นี่? พระเยซูองค์นี้ซึ่งถูกรับไปจากพวกท่านเข้าสู่สวรรค์นั้นจะเสด็จกลับมาอีกในแบบเดียวกันกับที่พวกท่านเห็นพระองค์เสด็จเข้าสู่สวรรค์”
เลือกมัทธีอัสขึ้นแทนยูดาส
12 จากนั้นพวกเขาก็ลงมาจากภูเขามะกอกเทศแล้วกลับไปยังกรุงเยรูซาเล็มซึ่งอยู่ห่างออกไปเท่ากับระยะทางที่อนุญาตให้เดินในวันสะบาโต[b] 13 เมื่อมาถึงพวกเขาก็ขึ้นไปยังห้องชั้นบนที่พักกันอยู่มีเปโตร ยอห์น ยากอบ อันดรูว์ ฟีลิป โธมัส บารโธโลมิว มัทธิว ยากอบบุตรอัลเฟอัส ซีโมนพรรคชาตินิยม และยูดาสบุตรยากอบ 14 พวกเขาทั้งหมดร่วมใจกันขะมักเขม้นอธิษฐานพร้อมกับพวกผู้หญิง กับมารีย์มารดาของพระเยซู และพวกน้องชายของพระองค์
15 ครั้งนั้นเปโตรยืนขึ้นท่ามกลางเหล่าผู้เชื่อ[c] (ประมาณ 120 คน) 16 และกล่าวว่า “พี่น้องทั้งหลาย พระคัมภีร์ต้องเป็นจริงตามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ตรัสไว้เมื่อนานมาแล้วผ่านพระโอษฐ์ของกษัตริย์ดาวิดเกี่ยวกับยูดาสผู้ซึ่งนำพวกเขามาจับพระเยซู 17 เขาได้เป็นคนหนึ่งในพวกเราและมีส่วนร่วมในพันธกิจนี้”
18 (ยูดาสนำเงินรางวัลที่ได้จากความชั่วช้าของตนไปซื้อที่ดิน ที่นั่นเขาล้มลงศีรษะกระแทกพื้น ลำตัวแตกไส้พุงทะลักออกมาหมด 19 ทุกคนในเยรูซาเล็มได้ยินเรื่องนี้ จึงเรียกที่ดินแปลงนั้นตามภาษาของตนว่า อาเคลดามา คือทุ่งโลหิต)
20 เปโตรกล่าวว่า “เพราะมีเขียนไว้ในพระธรรมสดุดีว่า
“ ‘ขอให้ที่อยู่ของเขาเริศร้าง
อย่าให้มีผู้ใดอาศัยอยู่ที่นั่น’[d]
และ
“ ‘ให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำแทนตำแหน่งของเขา’[e]
21 ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องเลือกคนหนึ่งซึ่งได้อยู่กับพวกเราตลอดช่วงที่องค์พระเยซูเจ้าทรงดำเนินอยู่ท่ามกลางพวกเรา 22 ตั้งแต่บัพติศมาของยอห์นจนถึงเวลาที่พระเยซูถูกรับขึ้นไปจากเรา เพราะคนนี้จะต้องเป็นพยานร่วมกับเราว่าพระองค์ได้คืนพระชนม์แล้ว”
23 ดังนั้นพวกเขาจึงเสนอชื่อชายสองคนคือ โยเซฟที่เรียกกันว่าบารซับบาส (และอีกชื่อหนึ่งคือยุสทัส) กับมัทธีอัส 24 จากนั้นพวกเขาอธิษฐานว่า “พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงทราบจิตใจของทุกคน ขอทรงสำแดงว่าทรงเลือกคนไหนในสองคนนี้ 25 ให้รับพันธกิจแห่งอัครทูตแทนยูดาสผู้ได้ละทิ้งไปสู่ที่ของตน” 26 แล้วพวกเขาจับฉลากได้มัทธีอัสดังนั้นจึงรวมเขาเข้ากับอัครทูตสิบเอ็ดคน
พระเจ้ากับรูปเคารพ(A)
10 พงศ์พันธุ์ของอิสราเอลเอ๋ย จงฟังสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเจ้า 2 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า
“อย่าเอาอย่างวิถีต่างๆ ของประชาชาติทั้งหลาย
และอย่าตกใจกลัวเนื่องด้วยหมายสำคัญต่างๆ ในท้องฟ้า
ดังที่ประชาชาติทั้งหลายหวาดกลัวอยู่นั้น
3 เพราะธรรมเนียมของชนชาติต่างๆ นั้นไร้ค่า
เขาโค่นต้นไม้ต้นหนึ่งจากป่า
ให้ช่างฝีมือใช้สิ่วแกะสลักเป็นรูปทรง
4 พวกเขาตกแต่งด้วยทองและเงิน
จากนั้นใช้ค้อนและตะปูตอกตรึงให้อยู่กับที่อย่างแน่นหนา
เพื่อมันจะไม่โอนเอน
5 เทวรูปเหล่านั้นเหมือนหุ่นไล่กาในสวนแตง
มันพูดไม่ได้
ต้องอาศัยคนยกไป
เพราะมันเดินไม่ได้
อย่าไปกลัวเทพเจ้าเหล่านั้น
เพราะมันทำอะไรไม่ได้
ไม่ว่าทำประโยชน์หรือทำร้าย”
6 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนพระองค์
พระองค์ทรงยิ่งใหญ่
และพระนามของพระองค์เปี่ยมด้วยฤทธิ์อำนาจ
7 ข้าแต่องค์กษัตริย์แห่งประชาชาติ
ใครเล่าจะไม่ยำเกรงพระองค์?
พระเกียรตินี้คู่ควรแด่พระองค์
ท่ามกลางนักปราชญ์ทั้งปวงของบรรดาประชาชาติ
และอาณาจักรทั้งปวงของพวกเขา
ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนพระองค์
8 พวกเขาล้วนสิ้นคิดและโง่เขลา
พวกเขาถูกสอนโดยเทวรูปไม้อันไร้ค่า
9 เขานำเงินซึ่งเคาะแล้วมาจากเมืองทารชิช
และทองคำมาจากเมืองอุฟาส
แล้วผลงานของช่างฝีมือ ช่างทอง
ก็ได้สวมอาภรณ์สีน้ำเงินและสีม่วง
รูปเคารพเหล่านี้ล้วนแต่เป็นผลงานของ
ช่างที่ชำนาญ
10 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ เป็นองค์กษัตริย์ตลอดนิรันดร์กาล
เมื่อพระองค์ทรงพระพิโรธ โลกก็สะเทือนสะท้าน
ประชาชาติทั้งหลายไม่อาจทนต่อพระพิโรธของพระองค์ได้
11 “จงบอกพวกเขาว่า ‘เทพเจ้าเหล่านี้ซึ่งไม่ได้เป็นผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกจะพินาศไปจากโลกและจากใต้ฟ้าสวรรค์’ ”[a]
12 แต่พระเจ้าทรงสร้างโลกโดยฤทธานุภาพ
ทรงสถาปนาพิภพไว้ด้วยพระปรีชาญาณ
และทรงคลี่ฟ้าสวรรค์ออกด้วยความเข้าใจ
13 เมื่อพระองค์ทรงเปล่งพระสุรเสียง ห้วงน้ำในฟ้าสวรรค์ก็ร้องคำราม
พระองค์ทรงให้เมฆลอยขึ้นจากสุดปลายแผ่นดินโลก
ทรงส่งฟ้าแลบให้มากับสายฝน
และทรงนำกระแสลมออกมาจากคลัง
14 มนุษย์ทั้งปวงก็สิ้นคิดและขาดความรู้
ช่างทองทุกคนก็อับอายขายหน้าเพราะรูปเคารพของตน
เทวรูปของเขาเป็นสิ่งจอมปลอม
พวกมันไม่มีลมหายใจ
15 มันเป็นของไร้ค่า เป็นสิ่งที่น่าเยาะเย้ย
เมื่อถึงเวลาพิพากษามันก็พินาศ
16 แต่พระองค์ผู้มีกรรมสิทธิ์เหนือยาโคบไม่เหมือนเทวรูปเหล่านี้
เพราะพระองค์ทรงเป็นพระผู้สร้างสรรพสิ่ง
รวมทั้งเผ่าพันธุ์อิสราเอลที่เป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์
พระนามของพระองค์คือพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์
หายนะที่จะมาถึง
17 ประชาชนที่ถูกล้อมเมืองไว้
จงเก็บข้าวของเพื่อเดินทางออกจากดินแดนนั้นเถิด
18 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
“บัดนี้เราจะเหวี่ยง
ผู้ที่อาศัยอยู่ในดินแดนนี้ออกไป
เราจะนำความทุกข์ลำเค็ญมายังพวกเขา
เพื่อพวกเขาจะรับรู้ถึงความโกรธของเรา”
19 วิบัติแก่ข้าพเจ้าเนื่องด้วยการบาดเจ็บนี้!
บาดแผลของข้าพเจ้าเยียวยาไม่ได้!
ถึงกระนั้นข้าพเจ้าก็บอกตัวเองว่า
“นี่เป็นความเจ็บป่วยของเราเอง และเราก็ต้องทน”
20 เต็นท์ของข้าพเจ้าถูกทำลายสิ้น
เชือกขึงทั้งหมดก็ขาดผึง
ลูกๆ ไปจากข้าพเจ้าหมด
ไม่เหลือใครอยู่ช่วยกางเต็นท์
หรือสร้างที่พักพิงให้ข้าพเจ้า
21 คนเลี้ยงแกะก็สิ้นคิด
และไม่ได้ทูลถามองค์พระผู้เป็นเจ้า
ดังนั้นเขาจึงไม่เจริญ
และฝูงแกะของเขาก็กระจัดกระจายไปหมด
22 ฟังเถิด! มีรายงานข่าวมาว่า
เสียงอึกทึกกึกก้องดังมาจากแผ่นดินทางเหนือ
เขาจะทำให้หัวเมืองต่างๆ ของยูดาห์ถูกทิ้งร้าง
เป็นถิ่นของหมาใน
คำอธิษฐานของเยเรมีย์
23 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ตระหนักว่ามนุษย์ไม่ได้เป็นเจ้าของชีวิตตัวเอง
ไม่ได้เป็นผู้บงการย่างก้าวของตน
24 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงตีสอนข้าพระองค์เถิด แต่ขอทรงโปรดให้ความเป็นธรรม
อย่าทรงทำด้วยพระพิโรธ
มิฉะนั้นข้าพระองค์จะพินาศไป
25 ขอทรงระบายพระพิโรธลงเหนือบรรดาประชาชาติ
ที่ไม่ยอมรับพระองค์
และเหนือชนชาติทั้งหลายที่ไม่ยอมออกพระนามของพระองค์
เพราะพวกเขากลืนกินยาโคบ
พวกเขากลืนกินจนหมดสิ้น
และทำลายล้างถิ่นฐานของยาโคบย่อยยับไปหมด
หมายสำคัญแห่งวาระสิ้นยุค(A)
24 ขณะพระเยซูทรงดำเนินออกจากพระวิหาร เหล่าสาวกเข้ามาหาพระองค์ ชวนให้พระองค์ชมอาคารต่างๆ ในบริเวณพระวิหาร 2 พระองค์ตรัสว่า “พวกท่านเห็นสิ่งทั้งปวงนี้ใช่ไหม? เราบอกความจริงแก่ท่านว่าศิลาที่นี่จะไม่เหลือซ้อนทับกันสักก้อนเดียว ทุกก้อนจะถูกโยนทิ้งลงมาหมด”
3 ขณะพระเยซูประทับอยู่บนภูเขามะกอกเทศ เหล่าสาวกมาเข้าเฝ้าเป็นการส่วนตัวและทูลว่า “ขอทรงบอกพวกข้าพระองค์เถิด เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเมื่อใดและอะไรเป็นหมายสำคัญว่าพระองค์จะเสด็จมาและเป็นหมายสำคัญว่าจะสิ้นยุค?”
4 พระเยซูตรัสตอบว่า “จงระวัง อย่าให้ใครมาล่อลวงท่าน 5 เพราะหลายคนจะมาในนามของเราและอ้างว่า ‘เราเป็นพระคริสต์[a]’และล่อลวงคนเป็นอันมาก 6 ท่านจะได้ยินข่าวสงครามและข่าวลือเรื่องสงคราม จงระวัง อย่าตื่นตกใจ สิ่งเหล่านั้นต้องเกิดขึ้นแต่ยังไม่ถึงจุดจบ 7 ประชาชาติต่อประชาชาติ อาณาจักรต่ออาณาจักรจะสู้รบกัน จะเกิดการกันดารอาหารและแผ่นดินไหวในที่ต่างๆ 8 สิ่งทั้งปวงนี้คือขั้นเริ่มต้นของความเจ็บปวดก่อนคลอดบุตร
9 “แล้วท่านจะถูกมอบไว้ให้เขาข่มเหงและประหัตประหาร ชนชาติทั้งปวงจะเกลียดชังท่านเพราะเรา 10 ครั้งนั้นหลายคนจะหันเหจากความเชื่อ จะทรยศหักหลังและเกลียดชังซึ่งกันและกัน 11 และจะมีผู้เผยพระวจนะเท็จมากมายมาหลอกลวงประชาชนเป็นอันมาก 12 เนื่องจากความชั่วร้ายเพิ่มทวีขึ้น ความรักของคนส่วนใหญ่จะเย็นชาลง 13 แต่ผู้ที่ยืนหยัดจนถึงที่สุดจะได้รับการช่วยให้รอด 14 และข่าวประเสริฐเรื่องอาณาจักรของพระเจ้านี้จะถูกประกาศไปทั่วโลกเป็นพยานแก่มวลประชาชาติแล้วยุคนี้จะสิ้นสุด
15 “ฉะนั้นเมื่อท่านเห็น ‘สิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนอันเป็นต้นเหตุของวิบัติ’[b]ในสถานบริสุทธิ์ดังที่ได้ตรัสไว้ผ่านทางผู้เผยพระวจนะดาเนียล (ให้ผู้อ่านทำความเข้าใจเอาเถิด) 16 แล้วให้ผู้ที่อยู่ในยูเดียหนีไปที่ภูเขา 17 ผู้ที่อยู่บนดาดฟ้าหลังคาบ้านของตน อย่าลงมาหยิบสิ่งใดออกจากบ้าน 18 ผู้ที่อยู่ตามทุ่งนา อย่ากลับมาเอาเสื้อคลุม 19 วันเหล่านั้นน่าหวาดกลัวยิ่งนักสำหรับหญิงมีครรภ์และแม่ลูกอ่อน 20 จงอธิษฐานเพื่อการหนีของท่านจะไม่เกิดในฤดูหนาวหรือในวันสะบาโต 21 เพราะครั้งนั้นจะเกิดความทุกข์เข็ญครั้งใหญ่ ไม่มีครั้งไหนๆ เทียบเท่านับตั้งแต่เริ่มมีโลกจนถึงบัดนี้ และจะไม่มีครั้งใดเทียบเท่าอีกแล้ว 22 ถ้าไม่ได้ทรงร่นวันเหล่านั้นให้สั้นเข้าจะไม่มีใครเหลือรอดเลย แต่เพราะเห็นแก่ผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้จะทรงทำให้วันเหล่านั้นสั้นลง 23 ในเวลานั้นหากมีใครมาบอกท่านว่า ‘ดูเถิด พระคริสต์อยู่ที่นี่!’ หรือ ‘พระองค์ทรงอยู่ที่นั่น!’ อย่าไปเชื่อเลย 24 เพราะพระคริสต์ปลอมและผู้เผยพระวจนะเท็จจะปรากฏขึ้นและแสดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์ยิ่งใหญ่เพื่อลวงแม้กระทั่งผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้ถ้าเป็นไปได้ 25 ดูเถิด เราบอกท่านไว้ล่วงหน้าแล้ว
26 “ฉะนั้นหากใครมาบอกท่านว่า ‘ผู้นั้นอยู่ที่นั่นในถิ่นกันดาร’ อย่าออกไปเลย หรือบอกว่า ‘ผู้นั้นอยู่ที่นี่ในห้องชั้นใน’ อย่าเชื่อเลย 27 เพราะฟ้าแลบซึ่งมาจากตะวันออกมองเห็นได้แม้กระทั่งที่ตะวันตกฉันใด การมาของบุตรมนุษย์ก็ฉันนั้น 28 ซากศพอยู่ที่ไหน แร้งกาจะออกันอยู่ที่นั่น
29 “ในทันทีทันใด หลังจากวันแห่งความทุกข์ลำเค็ญเหล่านี้
“ ‘ดวงอาทิตย์จะมืดมิด
ดวงจันทร์จะไม่ทอแสง
ดวงดาวทั้งหลายจะร่วงจากท้องฟ้า
และฟ้าสวรรค์จะถูกเขย่า’[c]
30 “เมื่อนั้นหมายสำคัญของบุตรมนุษย์จะปรากฏขึ้นในท้องฟ้าและมวลประชาชาติแห่งพื้นพิภพจะร้องไห้คร่ำครวญ พวกเขาจะเห็นบุตรมนุษย์เสด็จมาบนหมู่เมฆในท้องฟ้าด้วยเดชานุภาพและพระเกียรติสิริอันยิ่งใหญ่ 31 พระองค์จะทรงส่งทูตสวรรค์ของพระองค์มาพร้อมกับเสียงแตรดังสนั่น ทูตสวรรค์นั้นจะรวบรวมผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้จากทั้งสี่ทิศ จากสุดขอบฟ้าข้างหนึ่งจดขอบฟ้าอีกข้างหนึ่ง
32 “จงเรียนรู้บทเรียนนี้จากต้นมะเดื่อ ทันทีที่มันแตกกิ่งผลิใบ ท่านก็รู้ว่าฤดูร้อนใกล้เข้ามาแล้ว 33 เช่นเดียวกันเมื่อท่านเห็นสิ่งสารพัดเหล่านี้ท่านก็รู้ว่าสิ่งนี้[d]ใกล้เข้ามาแล้ว อยู่ที่ประตูนี่เอง 34 เราบอกความจริงแก่ท่านว่าคนในยุค[e]นี้ยังไม่ทันล่วงลับไป สิ่งทั้งปวงเหล่านี้ก็เกิดขึ้นแล้วอย่างแน่นอน 35 ฟ้าและดินจะสูญสิ้นไปแต่ถ้อยคำของเราไม่มีวันสูญสิ้น
วันเวลาที่ไม่มีใครรู้(B)
36 “ไม่มีใครรู้วันเวลาที่เหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้น แม้แต่ทูตสวรรค์หรือพระบุตร[f]ก็ไม่รู้ พระบิดาเท่านั้นที่ทรงทราบ 37 ในสมัยของโนอาห์เป็นอย่างไร เมื่อบุตรมนุษย์มาก็เป็นอย่างนั้น 38 เพราะในวันเวลาก่อนน้ำท่วมโลกผู้คนกินดื่ม แต่งงาน และยกให้เป็นสามีภรรยากันจนถึงวันที่โนอาห์เข้าในเรือ 39 พวกเขาไม่รู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นจนถูกน้ำท่วมกวาดล้างไปหมด เมื่อบุตรมนุษย์มาก็จะเป็นเช่นนั้นแหละ 40 ชายสองคนอยู่ในทุ่งนา คนหนึ่งจะถูกรับไปและอีกคนหนึ่งจะถูกทิ้งไว้ 41 หญิงสองคนโม่แป้งอยู่ คนหนึ่งจะถูกรับไปและอีกคนหนึ่งจะถูกทิ้งไว้
42 “ฉะนั้นจงเฝ้าระวังอยู่เพราะท่านไม่รู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าของท่านจะมาวันไหน 43 แต่จงเข้าใจข้อนี้คือ หากเจ้าของบ้านล่วงรู้ว่าขโมยจะมาตอนกี่ทุ่มกี่ยาม เขาจะคอยเฝ้าระวังไม่ปล่อยให้ใครบุกเข้ามาในบ้านได้ 44 ดังนั้นท่านก็ต้องเตรียมพร้อมไว้เช่นกันเพราะบุตรมนุษย์จะมาในยามที่ท่านไม่คาดคิด
45 “ใครเป็นคนรับใช้ที่สัตย์ซื่อและฉลาดซึ่งนายตั้งให้ดูแลคนรับใช้ในครัวเรือนของท่าน เพื่อคอยแจกจ่ายอาหารให้พวกเขาตามเวลา? 46 เมื่อนายกลับมาพบว่าเขาทำตามหน้าที่ก็เป็นการดีสำหรับคนรับใช้ผู้นั้น 47 เราบอกความจริงแก่ท่านว่านายจะตั้งเขาให้ดูแลทรัพย์สินทั้งปวงของนาย 48 แต่ถ้าคนรับใช้นั้นเป็นคนชั่วร้ายและคิดในใจว่า ‘อีกนานกว่านายจะกลับมา’ 49 จึงเริ่มทุบตีเพื่อนคนรับใช้ด้วยกันและกินดื่มกับเพื่อนขี้เมา 50 นายของคนรับใช้ผู้นั้นจะกลับมาในวันที่เขาไม่คาดคิดและในเวลาที่เขาไม่รู้ตัว 51 นายจะสับเขาเป็นชิ้นๆ และส่งเขาไปอยู่ในที่ของคนหน้าซื่อใจคด ที่นั่นจะมีการร่ำไห้และขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.