M’Cheyne Bible Reading Plan
ราชวงศ์อาหับถูกประหาร
10 ในเมืองสะมาเรียมีผู้ชายที่เป็นเชื้อพระวงศ์ของอาหับอยู่เจ็ดสิบคน เยฮูจึงส่งสาส์นไปยังเจ้าหน้าที่ของยิสเรเอล[a] บรรดาผู้อาวุโสและองครักษ์ของเหล่าเชื้อพระวงศ์ของอาหับ มีใจความว่า 2 “ในเมื่อวงศ์วานเจ้านายของท่านก็อยู่กับพวกท่าน และท่านมีรถม้าศึก ม้า เมืองป้อมปราการ และอาวุธ ดังนั้นทันทีที่ได้รับสาส์นฉบับนี้ 3 จงเลือกเชื้อพระวงศ์คนที่ดีเลิศที่สุดของเจ้านายของท่าน และตั้งเขาไว้บนบัลลังก์ของบิดา จากนั้นจงต่อสู้เพื่อราชวงศ์ของนายของท่าน”
4 แต่พวกเขาหวาดหวั่นขวัญผวาและกล่าวว่า “กษัตริย์สององค์ยังไม่อาจต่อกรกับเขาได้ แล้วเราจะทำอะไรได้?”
5 ฉะนั้นเจ้ากรมวัง เจ้ากรมเมือง บรรดาผู้อาวุโส และองครักษ์ทั้งหลายจึงส่งสาส์นมาถึงเยฮูว่า “เราเป็นผู้รับใช้ของท่านและจะปฏิบัติตามคำสั่งของท่าน เราจะไม่แต่งตั้งผู้หนึ่งผู้ใดเป็นกษัตริย์ ท่านจงทำตามที่เห็นว่าดีที่สุดเถิด”
6 เยฮูเขียนสาส์นฉบับที่สองถึงคนเหล่านั้นความว่า “หากท่านทั้งหลายเป็นฝ่ายเราและจะปฏิบัติตามคำสั่งของเรา ก็จงนำศีรษะเหล่าเชื้อพระวงศ์ที่เป็นชายของเจ้านายของท่านมาให้เราที่ยิสเรเอลพรุ่งนี้ในเวลาเดียวกันนี้”
ขณะนั้นเชื้อพระวงศ์ทั้งเจ็ดสิบคนของอาหับพักอยู่ตามบ้านของบรรดาผู้นำของเมืองที่เลี้ยงดูพวกเขามา 7 เมื่อผู้นำเหล่านั้นได้รับสาส์นก็ประหารเชื้อพระวงศ์ของอาหับทั้งเจ็ดสิบคน ตัดศีรษะใส่ตะกร้านำมามอบให้เยฮูที่ยิสเรเอล 8 เมื่อผู้สื่อสารมาแจ้งเยฮูว่า “พวกเขาได้นำศีรษะของบรรดาเชื้อพระวงศ์มาแล้ว”
เยฮูก็สั่งว่า “ให้กองสุมกันเป็นสองกองตรงทางเข้าประตูเมืองจนถึงรุ่งเช้า”
9 เช้าวันรุ่งขึ้นเยฮูก็ออกไปปราศรัยต่อหน้าประชาชนทั้งปวงว่า “พวกท่านไม่ได้ทำผิดอันใด ข้าพเจ้าเองที่คิดล้มล้างนายของข้าพเจ้าและประหารเขา แต่ใครเล่าประหารเชื้อพระวงศ์เหล่านี้? 10 รู้ไว้เถิดว่าพระดำรัสที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้เกี่ยวกับราชวงศ์อาหับจะสำเร็จทุกประการ องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงกระทำตามที่ทรงสัญญาไว้ผ่านทางเอลียาห์ผู้รับใช้ของพระองค์” 11 จากนั้นเยฮูก็ประหารพวกพ้องทั้งหมดของอาหับที่เหลืออยู่ในยิสเรเอล รวมทั้งข้าราชบริพารคนสำคัญ สหายคนสนิทและปุโรหิต ไม่มีใครเหลือรอดสักคน
12 แล้วเยฮูออกเดินทางไปสะมาเรีย ที่เบธเอเขดหมู่บ้านของคนเลี้ยงแกะ 13 เยฮูพบเชื้อพระวงศ์ของอาหัสยาห์แห่งยูดาห์ จึงตรัสถามว่า “พวกท่านเป็นใครกัน?”
เขาตอบว่า “พวกเราเป็นญาติของกษัตริย์อาหัสยาห์ มาเยี่ยมพระราชวงศ์ของกษัตริย์และราชมารดา”
14 เยฮูตรัสสั่งว่า “จับตัวไว้” แล้วจับกุมพวกเขาไปยังบ่อน้ำแห่งเบธเอเขด และประหารพวกเขาทั้งหมด 42 คน ไม่ให้ใครเหลือรอดสักคนเดียว
15 เมื่อเยฮูออกเดินทางต่อไปก็พบเยโฮนาดับบุตรเรคาบออกมาต้อนรับ เยฮูทักทายแล้วตรัสว่า “ท่านใจตรงกับเรา เหมือนที่ใจเราตรงกับท่านหรือเปล่า?”
เยโฮนาดับตอบว่า “ถูกต้องแล้วพระเจ้าข้า”
เยฮูจึงตรัสว่า “ถ้าอย่างนั้น ยื่นมือมาเถิด” แล้วเยฮูก็ช่วยดึงเยโฮนาดับขึ้นมาบนรถม้าศึก 16 เยฮูตรัสว่า “มากับเราสิ มาดูว่าเรากระตือรือร้นเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าแค่ไหน” เยโฮนาดับจึงร่วมเสด็จไปด้วย
17 เมื่อเยฮูมาถึงสะมาเรียก็ทรงประหารคนที่เหลืออยู่ทั้งหมดในราชวงศ์อาหับตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสไว้กับเอลียาห์
ประหารชีวิตผู้นมัสการพระบาอัล
18 แล้วเยฮูทรงเรียกประชาชนทั้งปวงมารวมกันและตรัสแก่พวกเขาว่า “อาหับปรนนิบัติพระบาอัลเล็กน้อย เยฮูจะปรนนิบัติพระบาอัลให้มาก 19 จงเรียกบรรดาผู้ทำนายและปุโรหิตของพระบาอัล รวมทั้งผู้ปรนนิบัติพระบาอัลมาให้หมด อย่าให้ขาดแม้สักคนเดียว เพราะเราจะจัดให้มีการเซ่นสังเวยครั้งใหญ่แก่พระบาอัล ใครไม่มาจะต้องถูกประหาร” ทั้งนี้เป็นแผนลวงของเยฮูที่จะกำจัดผู้ปรนนิบัติพระบาอัล
20 เยฮูตรัสว่า “จงพร้อมใจกันมาชุมนุมเพื่อเป็นเกียรติแก่พระบาอัล” พวกเขาจึงป่าวประกาศข้อความนั้น 21 แล้วพระองค์ทรงแจ้งไปทั่วแดนอิสราเอล ผู้ที่ปรนนิบัติพระบาอัลพากันมาครบทุกคน แน่นขนัดเต็มวิหารของพระบาอัล 22 เยฮูตรัสสั่งคนดูแลเสื้อผ้าว่า “จงนำเสื้อคลุมมาให้ผู้ปรนนิบัติพระบาอัลให้ครบทุกคน” เขาจึงนำเสื้อคลุมออกมาให้ทุกคน
23 จากนั้นเยฮูกับเยโฮนาดับบุตรเรคาบเข้าไปในวิหาร และกล่าวแก่ผู้ปรนนิบัติพระบาอัลว่า “มองดูให้รอบ อย่าให้มีผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าร่วมอยู่ในนี้เลย ให้มีแต่ผู้ปรนนิบัติพระบาอัลเท่านั้น” 24 ขณะที่ปุโรหิตของพระบาอัลเริ่มถวายเครื่องบูชาและเครื่องเผาบูชา เยฮูวางกำลังแปดสิบคนไว้นอกวิหาร และสั่งพวกเขาว่า “หากใครปล่อยให้คนที่เรามอบหมายไว้ในมือของเจ้าหนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว เราจะเอาชีวิตของเจ้าทดแทนชีวิตของเขา”
25 เมื่อถวายเครื่องเผาบูชาเสร็จ เยฮูสั่งทหารและยามว่า “จงเข้าไปฆ่าให้หมด อย่าให้หนีรอดไปได้สักคนเดียว” พวกเขาจึงฆ่าฟันคนเหล่านั้นทั้งหมดและโยนศพออกมาข้างนอก แล้วเข้าไปยังสถานบูชาชั้นในของวิหารของพระบาอัล 26 พวกเขาโค่นรื้อเสาศักดิ์สิทธิ์ของพระบาอัลออกมาเผาทิ้งนอกวิหาร 27 พวกเขาทำลายหินศักดิ์สิทธิ์และวิหารของพระบาอัล และประชาชนก็ใช้ที่นั่นเป็นห้องส้วมตั้งแต่นั้นมา
28 เป็นอันว่าเยฮูได้ทรงล้มล้างการนมัสการพระบาอัลไปจากอิสราเอล 29 แต่เยฮูยังทำบาปตามเยโรโบอัมบุตรเนบัทซึ่งได้ชักนำอิสราเอลให้ทำตาม คือนมัสการลูกวัวทองคำที่เบธเอลและดาน
30 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเยฮูว่า “เพราะเจ้าได้ทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของเราสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี และได้ทำลายราชวงศ์ของอาหับตามที่เราได้ตั้งใจไว้ทุกประการ ดังนั้นวงศ์วานของเจ้าสี่ชั่วอายุคนจะได้ครองบัลลังก์ของอิสราเอล” 31 แต่เยฮูไม่ได้ใส่ใจทำตามบทบัญญัติของพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลด้วยสุดจิตสุดใจ เขาไม่ได้หันจากบาปของเยโรโบอัมซึ่งชักนำอิสราเอลให้ทำตาม
32 ในครั้งนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเริ่มตัดทอนอาณาเขตของอิสราเอล ฮาซาเอลทรงพิชิตดินแดนอิสราเอลได้มากมายหลายส่วน 33 ทางแถบตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน ในดินแดนกิเลอาดทั้งหมด (เขตเผ่ากาด รูเบน และมนัสเสห์) จากอาโรเออร์ ริมโกรกธารอารโนนผ่านกิเลอาดไปจนถึงบาชาน
34 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลกษัตริย์เยฮู พระราชกิจ และความสำเร็จทั้งหมดมีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ?
35 แล้วเยฮูทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและถูกฝังไว้ในสะมาเรีย แล้วเยโฮอาหาสโอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน 36 เยฮูทรงครองราชย์เหนืออิสราเอลในสะมาเรีย 28 ปี
1 จดหมายฉบับนี้จากข้าพเจ้าเปาโลผู้เป็นอัครทูตของพระเยซูคริสต์โดยพระประสงค์ของพระเจ้าตามพระสัญญาแห่งชีวิตซึ่งอยู่ในพระเยซูคริสต์
2 ถึงทิโมธีลูกที่รักของข้าพเจ้า
ขอพระคุณ พระเมตตา และสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดาและพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรามีแก่ท่าน
ให้กำลังใจให้สัตย์ซื่อ
3 เมื่อข้าพเจ้าระลึกถึงท่านในคำอธิษฐานอยู่เสมอทั้งวันทั้งคืน ข้าพเจ้าก็ขอบพระคุณพระเจ้าผู้ซึ่งข้าพเจ้ารับใช้อยู่ด้วยจิตสำนึกอันใสสะอาดเช่นเดียวกับบรรพบุรุษของข้าพเจ้า 4 เมื่อหวนนึกถึงน้ำตาของท่าน ข้าพเจ้าก็อยากจะมาหาท่านเพื่อข้าพเจ้าจะได้เปี่ยมด้วยความชื่นชมยินดี 5 ข้าพเจ้าคิดถึงความเชื่ออันจริงใจของท่าน ซึ่งตั้งแต่แรกนั้นก็มีอยู่ในโลอิสยายของท่านและในยูนีสมารดาของท่าน และข้าพเจ้าเชื่อว่าบัดนี้มีอยู่ในท่านเช่นกัน 6 ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงขอเตือนท่านว่าจงทำให้ของประทานของพระเจ้าซึ่งมีอยู่ในตัวท่านผ่านทางการวางมือของข้าพเจ้านั้นรุ่งเรือง[a]ขึ้น 7 เพราะพระเจ้าไม่ได้ทรงให้เรามีใจขลาดอาย แต่ประทานใจอันเปี่ยมด้วยฤทธิ์อำนาจ ความรัก และการรู้จักบังคับตนเองแก่เรา
8 ดังนั้นอย่าละอายที่จะเป็นพยานเรื่ององค์พระผู้เป็นเจ้าของเราหรือละอายในตัวของข้าพเจ้าผู้ถูกจองจำเพื่อพระองค์ แต่จงร่วมทนทุกข์กับข้าพเจ้าเพื่อข่าวประเสริฐโดยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า 9 ผู้ทรงช่วยเราให้รอดและทรงเรียกเรามาสู่ชีวิตอันบริสุทธิ์ ไม่ใช่เพราะการกระทำใดๆ ของเราแต่เพราะพระประสงค์และพระคุณของพระองค์เอง พระคุณนี้ได้ประทานแก่เราในพระเยซูคริสต์ตั้งแต่ก่อนจุดเริ่มต้นของเวลา 10 แต่บัดนี้ทรงให้ประจักษ์แจ้งโดยการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดของเรา ผู้ได้ทรงทำลายความตายและทรงนำชีวิตกับความเป็นอมตะมาสู่ความสว่างโดยทางข่าวประเสริฐ 11 และทรงแต่งตั้งข้าพเจ้าให้เป็นผู้ป่าวประกาศ เป็นอัครทูต และเป็นผู้สอนข่าวประเสริฐนี้ 12 นั่นเป็นเหตุให้ข้าพเจ้าทนทุกข์อย่างที่เป็นอยู่ กระนั้นข้าพเจ้าก็ไม่ละอายเพราะข้าพเจ้ารู้จักพระองค์ที่ข้าพเจ้าเชื่อ และมั่นใจว่าพระองค์ทรงสามารถรักษาสิ่งที่ข้าพเจ้ามอบไว้กับพระองค์จนถึงวันนั้นได้
13 จงยึดถือแบบอย่างของคำสอนอันมีหลักที่ท่านได้ยินจากข้าพเจ้าด้วยความเชื่อและความรักในพระเยซูคริสต์ 14 สำหรับความจริงแห่งข่าวประเสริฐที่ท่านได้รับมอบหมายไว้นั้น จงพิทักษ์รักษาไว้โดยการช่วยเหลือจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้สถิตในเราทั้งหลาย
15 ท่านก็ทราบว่าทุกคนในแคว้นเอเชียทิ้งข้าพเจ้าไปหมด รวมทั้งฟีเจลัสกับเฮอร์โมเกเนส
16 ขอพระเจ้าทรงสำแดงพระเมตตาแก่ครอบครัวของโอเนสิโฟรัสเพราะเขาทำให้ข้าพเจ้าชื่นใจบ่อยครั้งและไม่ละอายเลยที่ข้าพเจ้าถูกจองจำอยู่ 17 ตรงกันข้ามเมื่อเขาอยู่ในกรุงโรม เขาพยายามเที่ยวสืบหาข้าพเจ้าจนพบ 18 ขอพระเจ้าทรงให้เขาได้รับพระเมตตาจากองค์พระผู้เป็นเจ้าในวันนั้นด้วยเถิด! ท่านก็ทราบดีว่าเมื่ออยู่ที่เมืองเอเฟซัสเขาได้ช่วยเหลือข้าพเจ้าในหลายๆ ด้าน
2 “จงเรียกน้องชายของเจ้าว่า ‘ประชากรของเรา’ และเรียกพี่สาวของเจ้าว่า ‘ผู้เป็นที่รักของเรา’
อิสราเอลถูกลงโทษและกลับสู่สภาพดี
2 “จงตำหนิมารดาของเจ้า จงตำหนินางเถิด
เพราะนางไม่ใช่ภรรยาของเรา
และเราไม่ใช่สามีของนาง
ให้นางทิ้งความยั่วยวนจากใบหน้าของนาง
และทิ้งความไม่ซื่อสัตย์จากอกของนางเถิด
3 มิฉะนั้นเราจะเปลื้องนางให้เปลือยเปล่า
ล่อนจ้อนเหมือนวันที่นางเกิดมา
เราจะทำให้นางเหมือนถิ่นกันดาร
ให้นางเป็นดินแดนแห้งผาก
และประหารนางด้วยความกระหาย
4 เราจะไม่แสดงความรักต่อลูกๆ ของนาง
เพราะเป็นลูกชู้
5 แม่ของเขาไม่ซื่อสัตย์
และให้กำเนิดพวกเขามาอย่างน่าอดสู
นางกล่าวว่า ‘ฉันจะตามบรรดาชู้รักไป
เขาให้อาหารและน้ำ
ให้ขนสัตว์ ผ้าลินิน น้ำมัน และเครื่องดื่มแก่ฉัน’
6 ฉะนั้นเราจะเอาพุ่มหนามกีดขวางหนทางของนาง
เราจะล้อมกรอบจนนางหมดทางไป
7 นางจะวิ่งไล่ตามชู้รัก แต่ไม่ทัน
นางจะเสาะหาพวกเขา แต่ไม่พบ
แล้วนางจะบอกว่า
‘ฉันจะกลับไปหาสามีคนแรกของฉัน
เพราะเมื่อก่อนฉันมีชีวิตที่ดีกว่านี้มากนัก’
8 นางไม่รับรู้ว่าเรานี่แหละ
คือผู้ที่ให้เมล็ดข้าว เหล้าองุ่นใหม่ และน้ำมันแก่นาง
คือผู้ที่ให้เงินและทอง
ซึ่งพวกเขาใช้บูชาพระบาอัล
9 “ดังนั้นเราจะริบเมล็ดข้าวของเราเมื่อมันสุก
และริบเหล้าองุ่นใหม่เมื่อได้ที่แล้ว
เราจะเอาผ้าขนสัตว์และผ้าลินินของเราคืน
ซึ่งเราตั้งใจให้นางไว้ปกปิดความเปลือยเปล่าของนาง
10 ดังนั้นในบัดนี้เราจะแฉความสำส่อนของนาง
ต่อหน้าชู้รักทั้งหลาย
และจะไม่มีผู้ใดช่วยนางให้พ้นมือเราไปได้
11 เราจะยุติงานฉลองทั้งปวงของนาง
ได้แก่เทศกาลประจำปีทั้งหลาย วันขึ้นหนึ่งค่ำและวันสะบาโต
ทั้งหมดนี้เป็นเทศกาลตามกำหนดของนาง
12 เราจะทำลายบรรดาเถาองุ่นและต้นมะเดื่อของนาง
ซึ่งนางกล่าวว่าชู้รักให้มาเป็นค่าตัว
เราจะทำให้มันกลายเป็นพุ่มหนาม
และสัตว์ป่าทั้งหลายจะเข้ามารุมกิน
13 เราจะลงโทษนาง
ที่นางเผาเครื่องหอมบูชาแก่พระบาอัลในวันเหล่านั้น
นางประดับกายด้วยแหวนและเพชรพลอยแพรวพราว
แล้วโลดแล่นตามชู้รักไป
แต่นางกลับลืมเรา”
องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
14 “ดังนั้นเรากำลังจะเกลี้ยกล่อมนาง
เราจะพานางเข้าไปในถิ่นกันดาร
และพูดกับนางอย่างอ่อนโยน
15 ที่นั่นเราจะคืนสวนองุ่นแก่นาง
และจะทำให้หุบเขาอาโคร์[a]กลายเป็นประตูแห่งความหวัง
ที่นั่นนางจะร้องเพลง[b]เหมือนเมื่อครั้งแรกรุ่น
เหมือนวันที่นางออกมาจากอียิปต์”
16 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศแก่ชาวอิสราเอลว่า
“ในวันนั้นเจ้าจะเรียกเราว่า ‘สามีของฉัน’
และไม่เรียกว่า ‘นายของฉัน[c]’ อีกต่อไป
17 เราจะกำจัดชื่อของพระบาอัลออกจากริมฝีปากของนาง
จะไม่มีการเอ่ยถึงชื่อเหล่านี้อีกต่อไป
18 ในวันนั้นเราจะทำพันธสัญญา
กับสัตว์ในท้องทุ่ง นกในอากาศ
และสัตว์ที่เลื้อยคลานเพื่อพวกเจ้า
เราจะกำจัดธนู ดาบ และสงคราม
ให้หมดสิ้นจากดินแดนนี้
เพื่อทุกชีวิตจะอยู่อย่างปลอดภัย
19 เราจะหมั้นเจ้าไว้ให้เป็นของเราชั่วนิรันดร์
เราจะหมั้นเจ้าไว้ใน[d]ความชอบธรรมและความยุติธรรม
ใน[e]ความรักและความเห็นอกเห็นใจ
20 เราจะหมั้นเจ้าไว้ในความซื่อสัตย์
และเจ้าจะรู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้า”
21 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า
“ในวันนั้นเราจะตอบสนอง
โดยเราจะทำให้ท้องฟ้าเกิดฝน
ตามคำเรียกร้องของแผ่นดิน
22 และจะให้ผืนดินเกิดเมล็ดข้าว
เหล้าองุ่นใหม่และน้ำมัน
ตามคำเรียกร้องของยิสเรเอล[f]
23 เราจะปลูกนางไว้ในดินแดนนั้นเพื่อเรา
เราจะแสดงความรักแก่ผู้ที่เราเรียกว่า ‘ไม่เป็นที่รักของเรา[g]’
เราจะเรียกผู้ที่ ‘ไม่ใช่ประชากรของเรา[h]’ ว่า ‘เจ้าคือประชากรของเรา’
และพวกเขาจะเรียกเราว่า ‘พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของเรา’ ”
เมม
97 ข้าพระองค์รักบทบัญญัติของพระองค์ยิ่งนัก!
ข้าพระองค์ใคร่ครวญบทบัญญัตินั้นตลอดวัน
98 พระบัญชาของพระองค์ทำให้ข้าพระองค์เฉลียวฉลาดกว่าศัตรู
เพราะพระบัญชาอยู่กับข้าพระองค์เสมอ
99 ข้าพระองค์มีความเข้าใจยิ่งกว่าบรรดาครูของข้าพระองค์
เพราะข้าพระองค์ใคร่ครวญกฎเกณฑ์ของพระองค์
100 ข้าพระองค์เข้าใจมากกว่าผู้อาวุโส
เพราะข้าพระองค์เชื่อฟังข้อบังคับของพระองค์
101 ข้าพระองค์รักษาทุกย่างก้าวให้พ้นจากวิถีทางอันชั่วร้าย
เพื่อข้าพระองค์จะเชื่อฟังพระวจนะของพระองค์
102 ข้าพระองค์ไม่ได้ห่างจากบทบัญญัติของพระองค์
เพราะพระองค์เองทรงสอนข้าพระองค์
103 พระวจนะของพระองค์นั้น ข้าพระองค์ลิ้มลองแล้วหวานยิ่งนัก
หวานยิ่งกว่าน้ำผึ้งเมื่อถึงปากของข้าพระองค์!
104 ข้าพระองค์ได้ความเข้าใจจากข้อบังคับของพระองค์
ข้าพระองค์จึงเกลียดทางที่ผิดทุกทาง
นูน
105 พระวจนะของพระองค์เป็นโคมสำหรับย่างก้าวของข้าพระองค์
เป็นแสงสว่างส่องทางของข้าพระองค์
106 ข้าพระองค์ได้ปฏิญาณและยืนยันไว้
ว่าข้าพระองค์จะปฏิบัติตามบทบัญญัติอันชอบธรรมของพระองค์
107 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ทุกข์ทรมานยิ่งนัก
ขอทรงรักษาชีวิตของข้าพระองค์ตามพระวจนะของพระองค์
108 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงรับคำสรรเสริญด้วยใจจากปากของข้าพระองค์
และทรงสอนบทบัญญัติของพระองค์แก่ข้าพระองค์
109 แม้ข้าพระองค์ต้องเอาชีวิตเข้าเสี่ยงภัยอยู่เสมอ
ข้าพระองค์ก็จะไม่ลืมบทบัญญัติของพระองค์
110 คนชั่วร้ายวางกับดักล่อข้าพระองค์
แต่ข้าพระองค์ไม่ได้หลงเตลิดจากข้อบังคับของพระองค์
111 กฎเกณฑ์ของพระองค์เป็นมรดกนิรันดร์ของข้าพระองค์
และเป็นความชื่นชมยินดีในใจของข้าพระองค์
112 ข้าพระองค์ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะทำตามกฎหมายของพระองค์
จนถึงที่สุด
ซาเมคห์
113 ข้าพระองค์เกลียดชังคนสองจิตสองใจ
แต่ข้าพระองค์รักบทบัญญัติของพระองค์
114 พระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยและเป็นโล่ของข้าพระองค์
ข้าพระองค์ฝากความหวังไว้ที่พระวจนะของพระองค์
115 เจ้าผู้ทำการชั่วทั้งหลาย จงไปให้พ้น
เพื่อเราจะได้ทำตามพระบัญชาพระเจ้าของเรา!
116 ขอทรงค้ำจุนข้าพระองค์ตามที่ทรงสัญญาไว้ และข้าพระองค์จะมีชีวิตอยู่
ขออย่าให้ความหวังของข้าพระองค์สิ้นสลาย
117 ขอทรงค้ำชูข้าพระองค์ไว้และข้าพระองค์จะปลอดภัย
ข้าพระองค์จะเคารพกฎหมายของพระองค์เสมอไป
118 พระองค์ทรงปฏิเสธทุกคนที่หลงเตลิดจากกฎหมายของพระองค์
เพราะการหลอกลวงของพวกเขาก็สูญเปล่า
119 พระองค์ทรงทิ้งบรรดาคนชั่วของโลกเหมือนเศษขยะ
ฉะนั้นข้าพระองค์จึงรักกฎเกณฑ์ของพระองค์
120 เลือดเนื้อของข้าพระองค์สั่นสะท้านด้วยความเกรงกลัวพระองค์
ข้าพระองค์ยำเกรงบทบัญญัติของพระองค์
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.