M’Cheyne Bible Reading Plan
องค์พระผู้เป็นเจ้า(A)
9 เมื่อโซโลมอนทรงสร้างพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระราชวัง และสิ่งอื่นๆ ทั้งหมดเสร็จสิ้นตามที่ประสงค์แล้ว 2 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปรากฏแก่โซโลมอนเป็นครั้งที่สอง เหมือนที่ได้ปรากฏมาแล้วที่กิเบโอน 3 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโซโลมอนว่า
“เราได้ยินคำอธิษฐานและคำวิงวอนของเจ้าต่อเราแล้ว เราได้ชำระวิหารที่เจ้าสร้างขึ้นนี้ให้บริสุทธิ์ โดยสถาปนานามของเราไว้ที่นั่นชั่วนิรันดร์ ตาและใจของเราจะอยู่ที่นั่นเสมอไป
4 “ส่วนเจ้า หากเจ้าดำเนินอยู่ต่อหน้าเราด้วยใจซื่อสัตย์สุจริตและชอบธรรมเหมือนอย่างดาวิดราชบิดาของเจ้า ทำตามคำบัญชาทั้งสิ้นของเรา และรักษากฎหมายกับบทบัญญัติของเรา 5 เราก็จะสถาปนาราชบัลลังก์ของเจ้าเหนืออิสราเอลตลอดไปตามที่เราได้สัญญาไว้กับดาวิดราชบิดาของเจ้าว่า ‘เจ้าจะไม่ขาดคนครองบัลลังก์อิสราเอลเลย’
6 “แต่หากเจ้าหรือลูกหลานของเจ้าละทิ้งเรา ไม่ได้ปฏิบัติตามคำบัญชาและกฎหมายที่เราได้ให้แก่เจ้า[a] หันไปปรนนิบัตินมัสการพระอื่นๆ 7 เราก็จะตัดอิสราเอลออกจากดินแดนซึ่งเราได้ยกให้เขา เราจะทิ้งวิหารแห่งนี้ซึ่งเราได้ชำระให้บริสุทธิ์เพื่อนามของเรา อิสราเอลจะกลายเป็นที่เย้ยหยันและคำเปรียบเปรยในหมู่ประชาชาติ 8 ถึงแม้ว่าบัดนี้วิหารจะตั้งเด่นตระหง่าน คนทั้งปวงที่ผ่านไปมาก็จะตกตะลึงและจะเยาะเย้ยว่า ‘ทำไมหนอองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงกระทำต่อวิหารและดินแดนนี้ถึงเพียงนี้?’ 9 ผู้คนจะตอบว่า ‘เพราะพวกเขาได้ละทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา ผู้ทรงนำบรรพบุรุษของพวกเขาออกจากอียิปต์ หันไปฝักใฝ่ปรนนิบัตินมัสการพระอื่นๆ แทน ดังนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงนำเหตุร้ายทั้งหมดนี้มาสู่พวกเขา’ ”
พระราชกิจอื่นๆ ของโซโลมอน(B)
10 ในตอนปลายของช่วงยี่สิบปีที่โซโลมอนทรงก่อสร้างพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าและพระราชวังของพระองค์เอง 11 กษัตริย์โซโลมอนทรงมอบเมืองยี่สิบแห่งในกาลิลีให้กษัตริย์ฮีรามแห่งไทระเป็นค่าตอบแทนสำหรับไม้สนซีดาร์ ไม้สนอื่นๆ และทองคำซึ่งกษัตริย์โซโลมอนทรงประสงค์ 12 แต่เมื่อฮีรามเสด็จจากไทระมาทอดพระเนตรเมืองเหล่านี้ที่โซโลมอนมอบให้ก็ไม่พอพระทัยเลย 13 ฮีรามตรัสว่า “น้องเอ๋ย เอาเมืองอะไรมายกให้พี่กันนี่” เมืองเหล่านั้นจึงได้ชื่อว่าดินแดนคาบูล[b] มาจนทุกวันนี้ 14 ฮีรามได้ส่งทองคำมาให้โซโลมอนถึงประมาณ 4 ตัน[c]
15 โซโลมอนทรงเกณฑ์แรงงานโยธามาก่อสร้างพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระราชวัง ป้อมมิลโล[d] กำแพงกรุงเยรูซาเล็ม เมืองฮาโซร์ เมกิดโด และเกเซอร์ 16 (ฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์ทรงโจมตีและเข้ายึดเกเซอร์แล้วเผาทิ้ง ประหารชาวคานาอันผู้อาศัยอยู่ในเมือง ต่อมาได้ประทานเมืองนี้เป็นสินสมรสแก่ราชธิดาซึ่งเป็นมเหสีของโซโลมอน 17 และโซโลมอนทรงซ่อมแซมเมืองเกเซอร์) ทรงสร้างเบธโฮโรนล่าง 18 บาอาลัทและทัดโมร์[e]ในถิ่นกันดารในดินแดนยูดาห์ 19 ทั้งยังทรงสร้างเมืองต่างๆ เพื่อเป็นคลังเสบียงของพระองค์ และสร้างเมืองสำหรับรถม้าศึกและม้า[f] พระองค์ทรงสร้างทุกๆ สิ่งที่ทรงประสงค์ในเยรูซาเล็ม เลบานอน และที่ต่างๆทั่วอาณาเขตที่พระองค์ทรงปกครอง
20 ส่วนบรรดาคนที่เหลืออยู่ที่เป็นชาวฮิตไทต์ ชาวอาโมไรต์ ชาวเปริสซี ชาวฮีไวต์ และชาวเยบุส (คนเหล่านี้ไม่ใช่ชาวอิสราเอล) 21 คือลูกหลานที่เหลืออยู่ของคนเหล่านี้ซึ่งชนอิสราเอลไม่สามารถทำลายล้าง[g]ให้หมดสิ้นได้ โซโลมอนทรงเกณฑ์คนเหล่านี้มาเป็นแรงงานทาสจนถึงทุกวันนี้ 22 แต่โซโลมอนไม่ได้ทรงเกณฑ์ให้พลเมืองอิสราเอลคนใดเป็นทาส แต่ให้เป็นพลรบ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ นายทัพ ผู้บัญชาการรถรบ และพลรถรบ 23 และมีเจ้าหน้าที่ 550 คน เป็นผู้ควบคุมดูแลแรงงานโยธาในโครงการต่างๆ ของโซโลมอน
24 หลังจากราชธิดาของฟาโรห์เสด็จจากเมืองดาวิดมายังพระราชวังที่โซโลมอนทรงสร้างให้ โซโลมอนก็ทรงสร้างป้อมมิลโล
25 โซโลมอนทรงถวายเครื่องเผาบูชา และเครื่องสันติบูชาปีละสามครั้ง บนแท่นซึ่งทรงสร้างขึ้นถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า และเผาเครื่องหอมต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วย ก็เป็นอันเรียบร้อยตามภาระหน้าที่ซึ่งมีต่อพระวิหาร
26 กษัตริย์โซโลมอนยังได้ทรงสร้างกองเรือขึ้นที่เอซีโอนเกเบอร์ ซึ่งใกล้เอลัทในเอโดม บนชายฝั่งทะเลแดง[h]ด้วย 27 และกษัตริย์ฮีรามประทานกะลาสีผู้ช่ำชองให้ร่วมทำงานในกองเรือกับคนของโซโลมอน 28 พวกเขาเดินเรือไปที่เมืองโอฟีร์ แล้วนำทองคำกลับมาถวายกษัตริย์โซโลมอนหนักถึงประมาณ 14.5 ตัน[i]
บุตรกับบิดามารดา
6 ผู้ที่เป็นบุตรจงเชื่อฟังบิดามารดาในองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะนี่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง 2 “จงให้เกียรติบิดามารดาของเจ้า” นี่เป็นพระบัญญัติข้อแรกที่มีพระสัญญาไว้ด้วย 3 “เพื่อเจ้าจะอยู่เย็นเป็นสุขและมีชีวิตยืนยาวในโลก”[a]
4 ผู้ที่เป็นบิดาอย่ายั่วโทสะบุตรของตน แต่จงอบรมเลี้ยงดูโดยการฝึกฝนและสั่งสอนตามแนวขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ทาสกับนาย
5 ผู้ที่เป็นทาสจงเชื่อฟังเจ้านายฝ่ายโลกด้วยความเคารพยำเกรงและด้วยความจริงใจ เหมือนที่ท่านเชื่อฟังพระคริสต์ 6 ไม่เพียงแต่เชื่อฟังเจ้านายต่อหน้าเพื่อให้เขาพึงพอใจ แต่ให้เป็นเหมือนทาสของพระคริสต์ คือทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าจากใจของท่าน 7 จงรับใช้ด้วยความเต็มใจราวกับกำลังรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ใช่มนุษย์ 8 เพราะท่านรู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงปูนบำเหน็จความดีความชอบแก่ทุกคนที่ทำดี ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นทาสหรือเป็นไท
9 ผู้ที่เป็นนายจงปฏิบัติต่อทาสในทำนองเดียวกัน อย่าข่มขู่เขาในเมื่อรู้อยู่ว่าพระองค์ผู้ทรงเป็นองค์เจ้านายทั้งของเขาและของท่านนั้นอยู่ในสวรรค์ และพระองค์ไม่ทรงลำเอียงเข้าข้างใคร
ยุทธภัณฑ์ของพระเจ้า
10 สุดท้ายนี้จงเข้มแข็งในองค์พระผู้เป็นเจ้าและในฤทธานุภาพยิ่งใหญ่ของพระองค์ 11 จงสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าเพื่อท่านจะยืนหยัดต่อสู้แผนการทั้งหลายของมารได้ 12 เพราะเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับเหล่าเทพผู้ครอง เทพผู้ทรงอำนาจ เทพผู้ทรงเดชานุภาพของโลกอันมืดมนนี้ และต่อสู้กับเหล่าวิญญาณชั่วในย่านฟ้าอากาศ 13 ฉะนั้นจงสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าเพื่อท่านจะยืนหยัดรับมือได้เมื่อถึงวันอันชั่วร้าย และหลังจากท่านได้ผ่านทุกอย่างแล้ว ท่านก็ยังยืนหยัดอยู่ได้ 14 ด้วยเหตุนี้จงยืนหยัดมั่นคง โดยคาดเอวด้วยเข็มขัดแห่งความจริง สวมเสื้อเกราะแห่งความชอบธรรม 15 สวมรองเท้าที่ทำให้พร้อมประกาศข่าวประเสริฐแห่งสันติสุข 16 นอกจากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จงยึดโล่แห่งความเชื่อ ซึ่งพวกท่านใช้ดับลูกศรเพลิงทั้งปวงของมารร้ายได้ 17 จงสวมหมวกเกราะแห่งความรอด และถือดาบแห่งพระวิญญาณคือพระวจนะของพระเจ้า 18 และจงอธิษฐานในพระวิญญาณทุกโอกาสด้วยการอธิษฐานและการวิงวอนทุกรูปแบบ โดยคำนึงถึงสิ่งนี้จงเฝ้าระวังด้วยความมานะอดทนและด้วยการวิงวอนเผื่อประชากรทั้งปวงของพระเจ้าเสมอ
19 และเผื่อข้าพเจ้าด้วย เพื่อว่าเมื่อใดที่ข้าพเจ้าเอ่ยปากพระเจ้าจะประทานถ้อยคำให้ข้าพเจ้าสำแดงข้อล้ำลึกแห่งข่าวประเสริฐอย่างกล้าหาญ 20 เพราะข่าวประเสริฐนี้ข้าพเจ้าจึงเป็นทูตที่ถูกล่ามโซ่อยู่ เพื่อว่าข้าพเจ้าจะประกาศข่าวประเสริฐอย่างกล้าหาญตามที่ข้าพเจ้าสมควรจะทำ
คำลงท้าย
21 ทีคิกัสน้องที่รัก ผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเล่าทุกอย่างให้ท่านฟัง เพื่อท่านจะได้ทราบด้วยว่าข้าพเจ้าเป็นอย่างไร และกำลังทำอะไรอยู่ 22 ข้าพเจ้าจะส่งเขาไปหาท่านก็เพราะจุดประสงค์ข้อนี้เอง คือเพื่อให้ท่านทราบว่าพวกเราเป็นอยู่อย่างไรและเพื่อเขาจะได้ให้กำลังใจท่าน
23 ขอสันติสุขและความรักด้วยความเชื่อจากพระเจ้าพระบิดาและจากองค์พระเยซูคริสต์เจ้ามีแก่พี่น้องทั้งหลาย 24 ขอพระคุณดำรงอยู่กับคนทั้งปวงที่รักองค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเราด้วยความรักอันไม่เสื่อมสลาย
39 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงเผยพระวจนะกล่าวโทษโกกว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า โกกผู้เป็นเจ้านายคนสำคัญแห่งเมเชค[a] และทูบัลเอ๋ย เราเป็นศัตรูกับเจ้า 2 เราจะทำให้เจ้าหันกลับและลากเจ้าไป เราจะนำเจ้ามาจากเหนือสุดและส่งเจ้ามารบกับภูเขาต่างๆ ของอิสราเอล 3 แล้วเราจะฟาดให้คันธนูหลุดจากมือซ้ายของเจ้า และทำให้ลูกธนูร่วงจากมือขวาของเจ้า 4 เจ้าและทหารทั้งหมดกับชนชาติต่างๆ ที่ร่วมกับเจ้าจะล้มลงบนภูเขาทั้งหลายของอิสราเอล เราจะยกเจ้าให้เป็นอาหารของแร้งกาและสัตว์ป่าทั้งปวง 5 เจ้าจะล้มลงในทุ่งกว้างเพราะเราได้ลั่นวาจาไว้แล้ว พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนี้ 6 เราจะส่งไฟลงมาบนมาโกกและบนบรรดาคนที่อาศัยอยู่อย่างปลอดภัยตามดินแดนชายฝั่งทะเล และพวกเขาจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์
7 “ ‘เราจะทำให้นามอันศักดิ์สิทธิ์ของเราเป็นที่รู้จักในท่ามกลางอิสราเอลประชากรของเรา เราจะไม่ปล่อยให้นามอันศักดิ์สิทธิ์ของเราถูกลบหลู่อีกต่อไป และประชาชาติทั้งหลายจะรู้ว่าเราผู้เป็นพระยาห์เวห์คือองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล 8 วันนั้นกำลังจะมาถึงแล้ว! เหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น นี่เป็นวันที่เราได้ลั่นวาจาไว้
9 “ ‘แล้วบรรดาคนที่อาศัยอยู่ในเมืองต่างๆ ของอิสราเอลจะออกไปเก็บอาวุธมาเผาเป็นเชื้อเพลิง ทั้งโล่น้อยใหญ่ คันธนู ลูกธนู กระบองศึกและหอก เขาจะใช้อาวุธเหล่านี้เป็นเชื้อเพลิงตลอดเจ็ดปี 10 เขาไม่จำเป็นต้องเก็บฟืนจากทุ่งหรือตัดฟืนจากป่า เพราะจะใช้อาวุธทั้งหลายเป็นเชื้อเพลิงและเขาจะปล้นผู้ที่ปล้นเขา และจะแย่งชิงผู้ที่แย่งชิงของของเขา พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น
11 “ ‘ในวันนั้นเราจะจัดสุสานให้โกกในอิสราเอล เป็นหุบเขาของคนที่เดินทางไปทางตะวันออกมุ่งหน้าสู่[b]ทะเลนั้น[c] มันจะกีดขวางทางของคนที่สัญจรไปมาเพราะโกกและกองกำลังทั้งหมดของเขาจะถูกฝังไว้ที่นั่น ผู้คนจะเรียกที่นั่นว่าหุบเขาฮาโมนโกก[d]
12 “ ‘พงศ์พันธุ์อิสราเอลจะฝังศพพวกเขาตลอดเจ็ดเดือนเพื่อชำระแผ่นดินให้สะอาด 13 ประชาชนทุกคนจะช่วยกันฝังศพพวกเขาและวันที่เราได้รับเกียรติสิรินั้น จะเป็นวันรำลึกสำหรับพวกเขา พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น
14 “ ‘จะมีการว่าจ้างคนให้ชำระดินแดนนั้นสม่ำเสมอ บางคนก็จะไปทั่วแดน บางคนก็ฝังศพคนที่ตายเกลื่อนอยู่ตามพื้นดิน เมื่อสิ้นเจ็ดเดือนแล้ว พวกเขาจะเริ่มออกค้นหา 15 ขณะไปทั่วดินแดนใครเห็นกระดูกของคน ก็จะเอาเครื่องหมายปักไว้ข้างๆ รอจนคนขุดหลุมมาฝังกระดูกนั้นในหุบเขาฮาโมนโกก 16 (ที่นั่นจะมีเมืองหนึ่งชื่อฮาโมนาห์[e]) พวกเขาจะชำระแผ่นดินให้สะอาดเช่นนี้แหละ’
17 “บุตรมนุษย์เอ๋ย พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า จงร้องเรียกนกและสัตว์ป่าทุกชนิดว่า ‘จงมาชุมนุมกันอย่างพร้อมหน้าจากทุกทิศเถิด มากินของสังเวยที่เราเตรียมไว้ให้ เป็นการสังเวยครั้งใหญ่บนภูเขาต่างๆของอิสราเอล เจ้าจะได้กินเนื้อและดื่มเลือดที่นั่น 18 เจ้าจะกินเนื้อของผู้เกรียงไกร และดื่มเลือดของบรรดาเจ้านายของโลก ราวกับเขาเหล่านั้นเป็นแกะผู้ ลูกแกะ แพะและวัวผู้ ล้วนแต่เป็นสัตว์อ้วนพีจากบาชาน 19 เจ้าจะกินไขมันจนอิ่มแปล้และดื่มเลือดจนเมามายจากเครื่องสังเวยที่เราเตรียมไว้ให้เจ้า 20 ที่โต๊ะของเรา เจ้าจะกินม้า พลม้า บุรุษผู้เกรียงไกร และนักรบทุกประเภทจนอิ่มหนำ’ พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น
21 “เราจะสำแดงเกียรติสิริของเราท่ามกลางชนชาติต่างๆ และมวลประชาชาติจะเห็นโทษทัณฑ์ที่เราบันดาล และเห็นมือที่เราฟาดพวกเขา 22 ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป พงศ์พันธุ์อิสราเอลจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา 23 และประชาชาติทั้งหลายจะรู้ว่าประชากรอิสราเอลตกเป็นเชลยเพราะบาปของตน เพราะพวกเขาไม่ซื่อสัตย์ต่อเรา เราจึงซ่อนหน้าจากพวกเขา และมอบพวกเขาให้ศัตรู แล้วเขาทั้งหมดก็ล้มตายด้วยคมดาบ 24 เราจัดการกับพวกเขาตามมลทินและการล่วงละเมิดของพวกเขา และเราซ่อนหน้าจากพวกเขา
25 “ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า บัดนี้เราจะนำยาโคบกลับจากการเป็นเชลย[f] และเราจะเวทนาสงสารประชากรอิสราเอลเพราะ เราหวงแหนนามอันศักดิ์สิทธิ์ของเรา 26 พวกเขาจะลืมความอัปยศอดสูและความไม่ซื่อตรงทั้งปวงที่พวกเขาแสดงต่อเรา เมื่อพวกเขาอาศัยอยู่อย่างปลอดภัยในดินแดนของตน โดยไม่มีใครทำให้พวกเขาหวาดกลัว 27 เมื่อเรานำพวกเขากลับมาจากชาติต่างๆ และรวบรวมมาจากนานาประเทศของฝ่ายศัตรู เราจะสำแดงตัวเราเองว่าบริสุทธิ์ผ่านทางพวกเขาต่อหน้าประชาชาติทั้งหลาย 28 เมื่อนั้นพวกเขาจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา เพราะถึงแม้เราส่งพวกเขาไปเป็นเชลยท่ามกลางชนชาติต่างๆ เราจะรวบรวมพวกเขากลับมายังดินแดนของตนเองโดยไม่ปล่อยทิ้งไว้สักคนเดียว 29 เราจะไม่ซ่อนหน้าจากพวกเขาอีกแล้ว เพราะเราจะเทวิญญาณของเราเหนือพงศ์พันธุ์อิสราเอล พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น”
บรรพ 4(A)
(คำอธิษฐานของโมเสส คนของพระเจ้า)
90 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเป็นที่พักพิงของข้าพระองค์ทั้งหลาย
ตลอดทุกชั่วอายุ
2 ก่อนภูเขาถือกำเนิด
ก่อนที่พระองค์จะทรงให้แผ่นดินและโลกเกิดขึ้น
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าตั้งแต่นิรันดร์กาล ตลอดชั่วนิรันดร์กาล
3 พระองค์ทรงทำให้มนุษย์กลับคืนสู่ธุลีดิน
โดยตรัสว่า “บรรดาบุตรของมนุษย์เอ๋ย จงคืนสู่ธุลีดินเถิด”
4 เพราะพันปีในสายพระเนตรของพระองค์เป็นเหมือนวันเดียวที่เพิ่งผ่านไป
หรือเหมือนชั่วยามเดียวในเวลากลางคืน
5 พระองค์ทรงกวาดมนุษย์ไปในความตาย
พวกเขาเป็นเหมือนหญ้าเขียวสดในยามเช้า
6 แม้รุ่งเช้ามันงอกขึ้นมาใหม่
แต่เมื่อตกเย็นก็เหี่ยวเฉาโรยราไป
7 ข้าพระองค์ทั้งหลายถูกเผาผลาญโดยพระพิโรธของพระองค์
และอกสั่นขวัญแขวนโดยความกริ้วของพระองค์
8 พระองค์ทรงตีแผ่ความชั่วช้าต่างๆ ของข้าพระองค์ทั้งหลายต่อหน้าพระองค์
บาปต่างๆ ที่ซ่อนเร้นประจักษ์แจ้งในความสว่างต่อหน้าพระองค์
9 วันคืนทั้งสิ้นของข้าพระองค์ทั้งหลายหมดไปภายใต้พระพิโรธของพระองค์
ปีเดือนของข้าพระองค์ทั้งหลายจบลงด้วยการครวญคราง
10 ช่วงชีวิตของข้าพระองค์ทั้งหลายคือเจ็ดสิบปี
หรือแปดสิบปีแล้วแต่กำลัง
กระนั้นชั่วชีวิต[a]ก็มีแต่ความเดือดร้อนโศกเศร้า
เพราะไม่ช้าก็ผ่านพ้นและเราก็จากไป
11 ผู้ใดเล่าที่ทราบถึงอานุภาพแห่งพระพิโรธของพระองค์?
เพราะพระพิโรธของพระองค์นั้นใหญ่หลวงพอๆ กับความน่ายำเกรงของพระองค์
12 ขอทรงสอนข้าพระองค์ทั้งหลายให้นับวันคืนของตน
เพื่อจะได้มีจิตใจที่กอปรด้วยสติปัญญา
13 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า! ขอทรงกรุณาเถิด จะเป็นอย่างนี้ไปอีกนานสักเท่าใด?
ขอทรงเอ็นดูสงสารบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์
14 ขอให้ข้าพระองค์ทั้งหลายอิ่มเอมด้วยความรักมั่นคงของพระองค์ในยามเช้า
เพื่อข้าพระองค์ทั้งหลายจะร้องเพลงด้วยความชื่นชมยินดีและปลื้มปีติตลอดชั่วชีวิต
15 โปรดประทานวันเวลาอันผาสุกยืนยาว
ชดเชยกับปีเดือนที่พระองค์ได้ทรงให้ข้าพระองค์ทั้งหลายทุกข์โศก
16 ขอทรงสำแดงพระราชกิจของพระองค์แก่ผู้รับใช้ของพระองค์
สำแดงพระบารมีของพระองค์แก่บรรดาลูกหลานของพวกเขา
17 ขอให้ความโปรดปราน[b]ขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายอยู่เหนือข้าพระองค์ทั้งหลาย
ขอทรงสถาปนาการงานที่มือของข้าพระองค์ทั้งหลายทำเถิดพระเจ้าข้า
ขอทรงสถาปนาการงานที่มือของข้าพระองค์ทั้งหลายทำ
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.