M’Cheyne Bible Reading Plan
โซโลมอนทรงสร้างพระวิหาร(A)
6 ในปีที่สี่ร้อยแปดสิบ[a] หลังจากที่อิสราเอลออกมาจากอียิปต์ นับเป็นปีที่สี่แห่งรัชกาลโซโลมอน ตรงกับเดือนศิฟซึ่งเป็นเดือนที่สอง พระองค์ทรงเริ่มการสร้างพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า
2 พระวิหารที่กษัตริย์โซโลมอนสร้างถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้านี้ยาว 60 ศอก[b] กว้าง 20 ศอก[c] สูง 30 ศอก[d] 3 มุขหน้าห้องโถงของพระวิหารยาวเท่ากับความกว้างของตัวพระวิหารคือ 20 ศอก และลึกจากด้านหน้า 10 ศอก[e] 4 ทรงสร้างช่องหน้าต่างด้านบนที่เป็นช่องแสงในพระวิหาร 5 พระองค์ทรงสร้างโครงสร้างนอกอาคารนี้เพื่อสร้างเป็นห้องต่างๆ ติดกำแพงด้านนอกของพระวิหารไปโดยรอบ 6 ชั้นล่างสุดกว้าง 5 ศอก[f] ชั้นที่สองกว้าง 6 ศอก[g] และชั้นที่สามกว้าง 7 ศอก[h] ในแต่ละชั้นของผนังด้านนอกพระวิหารจะหยักเข้าเป็นบ่า เพื่อไม่ให้คานยื่นเข้าไปในผนังพระวิหาร
7 การก่อสร้างพระวิหารใช้แต่หินที่สกัดมาเรียบร้อยแล้วจากเหมืองหิน จึงไม่มีเสียงค้อน เหล็กสกัด หรือเครื่องมือเหล็กในบริเวณพระวิหารขณะกำลังก่อสร้าง
8 ทางเข้าชั้นล่างสุด[i]อยู่ทางทิศใต้ของพระวิหาร มีบันไดขึ้นไปยังชั้นสอง และชั้นสาม 9 เป็นอันว่าพระองค์ทรงสร้างพระวิหารเสร็จ ทำหลังคาด้วยคานและกระดานไม้สนซีดาร์ 10 ทรงสร้างห้องข้างรอบพระวิหารสูงชั้นละ 5 ศอก เชื่อมต่อกับพระวิหารโดยใช้คานไม้สนซีดาร์
11 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงโซโลมอนว่า 12 “เกี่ยวกับวิหารที่เจ้ากำลังสร้างอยู่นี้ หากเจ้าทำตามกฎหมายของเรา รักษาและปฏิบัติตามกฎระเบียบและคำบัญชาทั้งสิ้นของเรา เราก็จะกระทำให้สัญญาที่เราให้กับดาวิดราชบิดาของเจ้าสำเร็จผ่านทางเจ้า 13 และเราจะสถิตกับชนชาติอิสราเอลประชากรของเรา และจะไม่ทอดทิ้งพวกเขาเลย”
14 ดังนั้นโซโลมอนก็ทรงสร้างพระวิหารสำเร็จเรียบร้อย 15 พระองค์ทรงกรุฝาผนังด้านในด้วยกระดานไม้สนซีดาร์ตั้งแต่พื้นจดเพดาน และปูพื้นพระวิหารด้วยกระดานไม้สน 16 ทรงกั้นห้องขนาด 20 ศอกที่ด้านหลังของพระวิหารโดยใช้กระดานไม้สนซีดาร์ จากพื้นจดเพดานเพื่อเป็นห้องศักดิ์สิทธิ์ชั้นในของพระวิหารคืออภิสุทธิสถาน 17 ห้องโถงที่อยู่หน้าห้องนี้ยาว 40 ศอก[j] 18 ด้านในของพระวิหารเป็นไม้สนซีดาร์ สลักลวดลายนูนเป็นลายเครือเถาและดอกไม้บาน ทุกอย่างทำจากไม้สนซีดาร์เพื่อไม่ให้เห็นหินข้างใน
19 พระองค์ทรงจัดให้ห้องศักดิ์สิทธิ์ชั้นในเป็นที่วางหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้า 20 ห้องศักดิ์สิทธิ์ชั้นในนี้กว้าง ยาว และสูงด้านละ 20 ศอก พระองค์ทรงบุภายในห้องนี้ด้วยทองคำบริสุทธิ์ และบุแท่นบูชาด้วยไม้สนซีดาร์ 21 โซโลมอนทรงบุด้านในของพระวิหารด้วยทองคำบริสุทธิ์ และวางโซ่ทองคำกั้นทางเข้าสู่อภิสุทธิสถานซึ่งบุด้วยทองคำ 22 ดังนั้นพระองค์ทรงบุด้านในพระวิหารทั้งหมดด้วยทองคำ รวมทั้งแท่นในอภิสุทธิสถาน
23 ภายในอภิสุทธิสถานทรงตั้งเครูบสองตน ทำจากไม้มะกอกแต่ละตนสูง 10 ศอก 24 เครูบตนแรกมีปีกแต่ละข้างยาว 5 ศอก และวัดความยาวจากปลายปีกข้างหนึ่งถึงปลายปีกอีกข้างหนึ่งได้ 10 ศอก 25 เครูบตนที่สองก็วัดได้ 10 ศอกด้วย เครูบทั้งสองมีขนาดและรูปทรงเดียวกัน 26 เครูบแต่ละตนสูง 10 ศอก 27 พระองค์ทรงตั้งเครูบไว้ในห้องชั้นในสุดของพระวิหาร ปีกทั้งสองของเครูบกางออก ปีกด้านนอกของเครูบทั้งสองจดผนังตนละด้าน ส่วนปีกด้านในจดกันตรงกึ่งกลางห้อง 28 พระองค์ทรงหุ้มเครูบทั้งสองด้วยทองคำ
29 บนผนังรอบพระวิหารทั้งห้องชั้นในและห้องชั้นนอกสลักเป็นรูปเครูบ ต้นอินทผลัม และดอกไม้บาน 30 พื้นห้องทั้งห้องชั้นนอกและห้องชั้นในของพระวิหารบุด้วยทองคำ
31 เสาประตูทางเข้าสู่สถานนมัสการชั้นในเป็นเสาห้าเหลี่ยม ทำด้วยไม้มะกอก 32 บานประตูไม้มะกอกทั้งสองบานสลักเป็นรูปเครูบ ต้นอินทผลัมและดอกไม้บาน แล้วหุ้มเครูบกับต้นอินทผลัมด้วยทองคำ 33 พระองค์ทรงทำเสาประตูสี่เหลี่ยมแบบเดียวกันด้วยไม้มะกอก สำหรับทางเข้าห้องโถง 34 พระองค์ยังทรงสร้างประตูไม้สนสองบาน แต่ละบานมีสองทบ ซึ่งพับไปมาได้ด้วยเบ้าต่อ 35 บนประตูสลักรูปเครูบ ต้นอินทผลัม และดอกไม้บาน แล้วบุทองคำบนลายสลักนั้นอย่างประณีต
36 พระองค์ทรงสร้างลานชั้นในด้วยหินสกัดสามชั้น สลับด้วยคานไม้สนซีดาร์ที่ตกแต่งแล้วหนึ่งชั้น
37 วางฐานรากของพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าในเดือนศิฟของปีที่สี่ 38 และสร้างพระวิหารเสร็จสมบูรณ์ในรายละเอียดทุกอย่างตามแบบที่กำหนดไว้ในเดือนบูลซึ่งเป็นเดือนที่แปดของปีที่สิบเอ็ด รวมเวลาก่อสร้างเจ็ดปี
พันธกิจของเปาโลเพื่อคนต่างชาติ
3 ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าเปาโลผู้เป็นนักโทษเพราะเห็นแก่พระเยซูคริสต์เพื่อท่านผู้เป็นคนต่างชาติ
2 แน่ทีเดียวท่านทั้งหลายย่อมได้ยินถึงภารกิจแห่งพระคุณของพระเจ้าซึ่งประทานแก่ข้าพเจ้าเพื่อท่านแล้ว 3 อันได้แก่ข้อล้ำลึกซึ่งทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้าตามที่ข้าพเจ้าได้เขียนไว้ก่อนหน้านี้อย่างย่อๆ 4 เมื่อท่านอ่านแล้วจะสามารถเข้าใจถึงความรู้แจ้งของข้าพเจ้าในข้อล้ำลึกของพระคริสต์ 5 ซึ่งในยุคก่อนๆ ไม่ได้ทรงเปิดเผยแก่มนุษย์เหมือนที่บัดนี้ทรงสำแดงโดยพระวิญญาณแก่เหล่าอัครทูตและผู้เผยพระวจนะผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า 6 ข้อล้ำลึกนี้คือ โดยทางข่าวประเสริฐนั้นคนต่างชาติก็เป็นทายาทร่วมกับชนอิสราเอล เป็นอวัยวะร่วมในกายเดียวกันและเป็นผู้มีส่วนร่วมในพระสัญญาในพระเยซูคริสต์
7 ข้าพเจ้าได้เป็นผู้รับใช้แห่งข่าวประเสริฐนี้โดยพระคุณซึ่งพระเจ้าประทานแก่ข้าพเจ้าผ่านทางการทำงานของฤทธิ์อำนาจของพระองค์ 8 แม้ข้าพเจ้าต่ำต้อยกว่าผู้เล็กน้อยที่สุดในประชากรทั้งหมดของพระเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้รับพระคุณนี้ คือได้ประกาศแก่คนต่างชาติถึงความไพบูลย์อันสุดจะหยั่งได้ของพระคริสต์ 9 และได้แสดงให้คนทั้งปวงเห็นถึงภารกิจแห่งข้อล้ำลึกนี้อย่างชัดเจน ซึ่งตลอดยุคที่ผ่านๆ มาได้ถูกปิดซ่อนไว้ในพระเจ้าผู้ทรงสร้างสรรพสิ่ง 10 เพื่อบัดนี้เหล่าเทพผู้ครองและเทพผู้ทรงอำนาจในสวรรคสถานจะได้เห็นถึงพระปรีชาญาณอันลึกซึ้งของพระเจ้าผ่านทางคริสตจักร 11 ตามพระประสงค์นิรันดร์ของพระองค์ซึ่งได้ทรงกระทำให้สำเร็จในพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา 12 ในพระองค์และโดยความเชื่อในพระองค์เราจึงเข้ามาหาพระเจ้าได้ด้วยเสรีภาพและความมั่นใจ 13 ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงขอท่านอย่าท้อใจเนื่องด้วยความทุกข์ยากของข้าพเจ้าเพื่อพวกท่าน ซึ่งเป็นสง่าราศีของท่าน
ทูลอธิษฐานเพื่อพี่น้องชาวเอเฟซัส
14 ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงคุกเข่าลงต่อหน้าพระบิดา 15 ผู้ทรงเป็นที่มาของนามแห่งตระกูลทั้งมวลของพระองค์[a]ในสวรรค์และในแผ่นดินโลก 16 ข้าพเจ้าอธิษฐานว่าจากความไพบูลย์อันทรงเกียรติสิริของพระองค์ ขอให้พระองค์ทรงทำให้ท่านเข้มแข็งขึ้นด้วยฤทธานุภาพผ่านทางพระวิญญาณของพระองค์ที่อยู่ภายในท่าน 17 เพื่อพระคริสต์จะสถิตในใจของท่านโดยทางความเชื่อ และข้าพเจ้าอธิษฐานว่าเมื่อท่านหยั่งรากและตั้งมั่นคงในความรักแล้ว 18 ตัวท่านพร้อมกับประชากรทั้งหมดของพระเจ้าจะได้สามารถหยั่งถึงความรักของพระคริสต์ว่ากว้างยาวสูงลึกปานใด 19 และซาบซึ้งในความรักนี้ซึ่งเหนือกว่าความรู้ เพื่อท่านจะบริบูรณ์ด้วยความสมบูรณ์ทั้งสิ้นของพระเจ้า
20 บัดนี้ขอเทิดพระเกียรติพระองค์ผู้ทรงสามารถกระทำเกินกว่าที่เราจะทูลขอหรือคาดคิดได้ตามฤทธานุภาพของพระองค์ซึ่งกระทำการอยู่ภายในเรา 21 ขอพระเกียรติสิริมีแด่พระองค์ในคริสตจักรและในพระเยซูคริสต์ตลอดทุกชั่วอายุสืบๆ ไปเป็นนิตย์! อาเมน
คำพยากรณ์แก่ภูเขาทั้งหลายของอิสราเอล
36 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงพยากรณ์แก่ภูเขาทั้งหลายของอิสราเอลว่า ‘บรรดาภูเขาของอิสราเอลเอ๋ย จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า 2 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า ศัตรูกล่าวถึงเจ้าว่า “อะฮ้า! ที่สูงโบราณทั้งหลายตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเราแล้ว” ’ 3 ฉะนั้นจงพยากรณ์ว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เนื่องจากพวกเขาทำลายล้างและตามล่าเจ้าจากทุกด้านจนเจ้าตกเป็นกรรมสิทธิ์ของประชาชาติทั้งหลาย และเป็นเป้าของการนินทาว่าร้ายของผู้คน 4 ฉะนั้นบรรดาภูเขาของอิสราเอล จงฟังพระดำรัสของพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสแก่ภูเขาน้อยใหญ่ ลำห้วย และหุบเขาทั้งหลาย แก่ซากปรักหักพังและบรรดาหัวเมืองอันเริศร้างซึ่งถูกปล้นชิงและเย้ยหยันโดยชาติต่างๆ ที่อยู่รายรอบ 5 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เรากล่าวประณามชนชาติทั้งหลายและเอโดมทั้งปวงด้วยความเดือดดาลของเรา เพราะพวกเขายึดดินแดนของเราเป็นกรรมสิทธิ์ด้วยความลิงโลดและใจชั่วร้าย และเพราะพวกเขาได้ปล้นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์นั้น’ 6 ฉะนั้นจงพยากรณ์เกี่ยวกับดินแดนอิสราเอลและกล่าวแก่ภูเขาน้อยใหญ่ ลำห้วย และหุบเขาทั้งหลายว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เราพูดด้วยอารมณ์เดือดดาลเนื่องจากพวกเจ้าต้องทนการดูหมิ่นดูแคลนจากชนชาติต่างๆ 7 ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เราชูมือขึ้นปฏิญาณว่าบรรดาชนชาติล้อมรอบเจ้าก็จะทนรับการดูหมิ่นดูแคลนเช่นเดียวกัน
8 “ ‘ส่วนเจ้า บรรดาภูเขาของอิสราเอลเอ๋ย เจ้าจะแตกกิ่งก้านและออกผลเพื่ออิสราเอลประชากรของเรา เพราะไม่ช้าพวกเขาจะคืนถิ่น 9 เราห่วงหาอาทรเจ้าและจะเฝ้าดูเจ้าด้วยความโปรดปราน เจ้าจะได้รับการไถพรวนและหว่านพืช 10 เราจะทวีจำนวนประชากรของเจ้าคือพงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งหมด เมืองต่างๆ จะมีคนอยู่อาศัยและซากปรักหักพังจะได้รับการสร้างขึ้นใหม่ 11 เราจะทวีจำนวนคนและสัตว์เหนือเจ้า พวกเขาจะมีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมืองและกลับมีจำนวนมากมาย เราจะให้ผู้คนมาตั้งรกรากอยู่เหมือนในอดีต และจะทำให้เจ้ารุ่งเรืองยิ่งกว่าแต่ก่อน เมื่อนั้นเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์ 12 เราจะให้ชนชาติอิสราเอลประชากรของเราอาศัยอยู่บนเจ้า เขาจะครอบครองเจ้าและเจ้าจะเป็นกรรมสิทธิ์ของเขา ลูกหลานของเขาจะไม่ถูกพรากไปจากเจ้าอีกเลย
13 “ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เนื่องจากผู้คนพูดกับเจ้าว่า “เจ้ากลืนชีวิตผู้คนและพรากลูกหลานไปจากชนชาติของเจ้า” 14 ฉะนั้นเจ้าจะไม่กลืนชีวิตผู้คน หรือทำให้ชนชาติของเจ้าไร้ลูกหลาน พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น 15 เราจะไม่ให้เจ้าได้ยินคำเยาะเย้ยถากถางของชนชาติต่างๆ อีก เจ้าจะไม่ต้องทนการดูหมิ่นของชนชาติทั้งหลายอีก และเราจะไม่ให้ชนชาติของเจ้าล่มจมอีก พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น’ ”
16 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าอีกครั้งหนึ่งว่า 17 “บุตรมนุษย์เอ๋ย เมื่อประชากรอิสราเอลอาศัยอยู่ในดินแดนของตน พวกเขาก็ทำให้แผ่นดินเป็นมลทินโดยความประพฤติและการกระทำของพวกเขา ความประพฤติของพวกเขาเป็นเหมือนมลทินของประจำเดือนผู้หญิงในสายตาของเรา 18 ฉะนั้นเราจึงระบายโทสะลงบนพวกเขา เพราะเขาทำให้เกิดการนองเลือดในดินแดนนั้น และทำให้แผ่นดินเป็นมลทินด้วยรูปเคารพทั้งหลาย 19 เราทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปตามชนชาติต่างๆ และไปยังนานาประเทศ เราพิพากษาลงโทษพวกเขาตามความประพฤติและการกระทำของพวกเขา 20 และไม่ว่าพวกเขาไปที่ไหนในท่ามกลางประชาชาติต่างๆ พวกเขาก็ทำให้นามศักดิ์สิทธิ์ของเราเสื่อมเสีย เพราะผู้คนกล่าวถึงพวกเขาว่า ‘คนเหล่านี้เป็นประชากรขององค์พระผู้เป็นเจ้า ถึงกระนั้นก็ยังต้องจากประเทศของตนมา’ 21 เราห่วงนามอันศักดิ์สิทธิ์ของเราซึ่งวงศ์วานอิสราเอลทำให้เสื่อมเสียท่ามกลางชนชาติต่างๆ ที่พวกเขาไปอยู่
22 “ฉะนั้นจงกล่าวแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอลว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย ที่เราจะทำสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เพราะเห็นแก่เจ้าหรอก แต่เพราะเห็นแก่นามอันศักดิ์สิทธิ์ของเรา ซึ่งเจ้าทำให้เสื่อมเสียท่ามกลางชนชาติต่างๆ ที่เจ้าไปถึง 23 เราจะสำแดงความศักดิ์สิทธิ์ของนามอันยิ่งใหญ่ของเราซึ่งต้องเสื่อมเสียท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย นามซึ่งเจ้าทำให้มัวหมองท่ามกลางพวกเขา แล้วชนชาติต่างๆ จะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์เมื่อเราสำแดงความบริสุทธิ์ของเราผ่านทางเจ้าต่อหน้าพวกเขา พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น
24 “ ‘เพราะเราจะพาเจ้าออกจากชาติต่างๆ เราจะรวบรวมเจ้าจากทุกประเทศและนำกลับสู่ดินแดนของเจ้า 25 เราจะประพรมน้ำชำระลงบนเจ้า แล้วเจ้าจะสะอาด เราจะชำระล้างเจ้าจากมลทินโสโครกทั้งปวง และจากรูปเคารพทั้งปวงของเจ้า 26 เราจะให้จิตใจใหม่แก่เจ้าและใส่วิญญาณใหม่ในเจ้า เราจะขจัดใจหินออกจากเจ้าและให้เจ้ามีใจเนื้อ 27 เราจะใส่วิญญาณของเราไว้ในเจ้า โน้มนำเจ้าให้ปฏิบัติตามกฎหมายของเรา และใส่ใจรักษาบทบัญญัติของเรา 28 เจ้าจะเลี้ยงชีพอยู่ในดินแดนซึ่งเรายกให้บรรพบุรุษของเจ้า เจ้าจะเป็นประชากรของเราและเราจะเป็นพระเจ้าของเจ้า 29 เราจะช่วยเจ้าให้พ้นจากมลทินทั้งปวง เราจะระดมเมล็ดข้าวและทำให้มันอุดมสมบูรณ์ และจะไม่นำการกันดารอาหารมายังเจ้า 30 เราจะทวีผลของต้นหมากรากไม้และพืชพันธุ์ธัญญาหารเพื่อเจ้าจะไม่ต้องทนอับอายในหมู่ประชาชาติเพราะการกันดารอาหารอีกต่อไป 31 เมื่อนั้นเจ้าจะสำนึกในวิถีบาปและการประพฤติชั่วร้ายของตน เจ้าจะเกลียดตัวเองเพราะบาปและการกระทำอันน่าชิงชังต่างๆ 32 เราประสงค์ให้เจ้ารู้ว่า เราทำการนี้ไม่ใช่เพราะเห็นแก่เจ้า พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนี้ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย! จงอัปยศอดสูและละอายใจในความประพฤติของเจ้า
33 “ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า ในวันที่เราชำระเจ้าจากบาปทั้งปวง เราจะให้เมืองของเจ้ามีคนอยู่อาศัย และซากปรักหักพังต่างๆ จะได้รับการสร้างขึ้นใหม่ 34 ดินแดนอันเริศร้างจะถูกไถหว่านและเพาะปลูก แทนที่จะถูกทิ้งร้างต่อหน้าคนทั้งปวงที่ผ่านไปมา 35 คนทั้งหลายจะกล่าวว่า “ดินแดนแห่งนี้ซึ่งถูกทิ้งร้างกลับกลายเป็นเหมือนสวนเอเดน เมืองต่างๆ ซึ่งเป็นซากปรักหักพัง ถูกทิ้งร้าง และทำให้ย่อยยับป่นปี้ บัดนี้มีปราการเข้มแข็งและมีผู้คนอยู่อาศัย” 36 เมื่อนั้นชนชาติต่างๆ ที่ยังเหลืออยู่รอบเจ้า จะรู้ว่าเราผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้สร้างสิ่งที่ถูกทำลายย่อยยับแล้วขึ้นใหม่ และได้ปลูกพืชพันธุ์ในดินแดนที่ถูกทิ้งร้างอีกครั้งหนึ่ง เราผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้ลั่นวาจาไว้และเราจะทำตามนั้น’
37 “พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เราจะยอมตามคำอ้อนวอนของพงศ์พันธุ์อิสราเอลอีกครั้งหนึ่ง เราจะทำสิ่งนี้เพื่อเขา คือเราจะทำให้ประชากรของเขามีมากมายเหมือนฝูงแกะ 38 มีอย่างเหลือเฟือเหมือนฝูงแพะแกะสำหรับถวายบูชาที่เยรูซาเล็มในช่วงเทศกาลต่างๆ ตามกำหนด ดังนั้นเมืองที่ปรักหักพังทั้งหลายจะกลับมีฝูงชนเนืองแน่น เมื่อนั้นพวกเขาจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์”
(คำอธิษฐานของดาวิด)
86 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงสดับฟังและตอบข้าพระองค์ด้วยเถิด
เพราะข้าพระองค์ยากจนและขัดสน
2 ขอทรงปกป้องชีวิตของข้าพระองค์เพราะข้าพระองค์อุทิศตนเพื่อพระองค์
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์
โปรดช่วยผู้รับใช้ของพระองค์ซึ่งวางใจในพระองค์
3 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงเมตตาข้าพระองค์
เพราะข้าพระองค์ร้องทูลพระองค์วันยังค่ำ
4 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดประทานความชื่นชมยินดีแก่ผู้รับใช้ของพระองค์
เพราะข้าพระองค์ชูจิตวิญญาณของข้าพระองค์ขึ้นต่อพระองค์
5 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงแสนดีและพร้อมที่จะอภัยโทษ
ทรงเปี่ยมด้วยความรักมั่นคงต่อทุกคนที่ร้องทูลพระองค์
6 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์เถิด
ขอทรงสดับคำทูลวิงวอนขอความเมตตาของข้าพระองค์
7 ในยามเดือดร้อน ข้าพระองค์จะร้องทูลพระองค์
เพราะพระองค์จะทรงตอบข้าพระองค์
8 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ท่ามกลางพระทั้งหลาย ไม่มีพระองค์ใดเสมอเหมือนพระองค์
และไม่มีกิจใดๆ เทียบเท่าพระราชกิจของพระองค์
9 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า มวลประชาชาติซึ่งพระองค์ทรงสร้าง
จะมากราบนมัสการต่อหน้าพระองค์
พวกเขาจะถวายพระเกียรติสิริแด่พระนามของพระองค์
10 เพราะพระองค์ทรงยิ่งใหญ่และกระทำการอัศจรรย์
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว
11 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงสอนวิถีทางของพระองค์แก่ข้าพระองค์
เพื่อข้าพระองค์จะดำเนินในความจริงของพระองค์
ขอทรงประทานจิตใจแน่วแน่
เพื่อข้าพระองค์จะยำเกรงพระนามของพระองค์
12 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์หมดหัวใจ
ข้าพระองค์จะเทิดทูนพระนามของพระองค์เป็นนิตย์
13 เพราะความรักที่ทรงมีต่อข้าพระองค์นั้นใหญ่หลวงนัก
พระองค์ทรงกอบกู้ข้าพระองค์จากห้วงลึกของหลุมฝังศพ
14 ข้าแต่พระเจ้า คนยโสโอหังโจมตีข้าพระองค์
กลุ่มคนโหดร้ายหมายเอาชีวิตข้าพระองค์
พวกเขาไม่ยำเกรงพระองค์
15 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า แต่พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงเมตตากรุณาและทรงพระคุณ
ทรงพระพิโรธช้า เปี่ยมด้วยความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์
16 ขอทรงหันมาและเมตตาข้าพระองค์
ประทานกำลังของพระองค์แก่ผู้รับใช้ของพระองค์
และช่วยบุตรของหญิงรับใช้[a]ของพระองค์ด้วยเถิด
17 ขอประทานเครื่องหมายแห่งความโปรดปรานของพระองค์
เพื่อศัตรูของข้าพระองค์จะได้อับอาย
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะพระองค์ทรงช่วยและทรงปลอบโยนข้าพระองค์
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.