Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
ปฐมกาล 29

ยาโคบแต่งงานกับเลอาห์และราเชล

29 ครั้นแล้ว ยาโคบก็เดินทางต่อไป และมาถึงดินแดนของชาวตะวันออก ขณะที่เขาทอดสายตา ก็เห็นบ่อน้ำในทุ่ง ดูเถิด มีแพะแกะ 3 ฝูงหมอบพักอยู่ข้างบ่อ เพราะฝูงแพะแกะอาศัยน้ำจากบ่อนั้น หินที่ปิดปากบ่อก็ใหญ่ เวลาพวกฝูงแพะแกะถูกต้อนรวมกันอยู่ที่นั่น คนเลี้ยงแกะก็จะกลิ้งหินออกจากปากบ่อ แล้วตักน้ำให้แพะแกะกิน เสร็จแล้วก็กลิ้งหินกลับปิดปากบ่อ

ยาโคบพูดกับพวกเขาว่า “พี่น้องเอ๋ย พวกท่านมาจากไหน” เขาตอบว่า “พวกเรามาจากฮาราน” ยาโคบจึงถามเขาว่า “ท่านรู้จักลาบันลูกชายของนาโฮร์หรือไม่” พวกเขาตอบว่า “เรารู้จักเขา” ยาโคบถามพวกเขาว่า “เขาสบายดีหรือ” เขาตอบว่า “เขาสบายดี ดูโน่น ราเชลลูกสาวของเขากำลังพาแพะแกะมา” ยาโคบพูดว่า “ดูสิ นี่ก็ยังวันอยู่ ยังไม่ถึงเวลาต้อนสัตว์เข้าคอก ให้น้ำแพะแกะกินเถิด แล้วปล่อยมันออกไปกินหญ้าอีก” แต่พวกเขาตอบว่า “เราทำไม่ได้จนกว่าทุกฝูงถูกต้อนมารวมกันก่อน และต้องกลิ้งหินออกไปจากปากบ่อ แล้วเราจึงให้น้ำแพะแกะกินได้”

ขณะที่เขากำลังพูดกับคนพวกนั้นอยู่ ราเชลก็พาแพะแกะของบิดาเธอมา เพราะเธอเป็นผู้เลี้ยงดูฝูงแกะ 10 เมื่อยาโคบเห็นราเชลบุตรหญิงของลาบันพี่ชายมารดาของตน และแพะแกะของลาบันพี่ชายมารดาของเขา ยาโคบจึงขึ้นไปกลิ้งหินออกจากปากบ่อ และให้น้ำแก่ฝูงแพะแกะของลาบันพี่ชายมารดาของตน 11 ยาโคบก็จูบแก้มราเชลแล้วร้องไห้เสียงดัง 12 และยาโคบบอกราเชลว่าเขาเป็นญาติของบิดาของเธอ คือเป็นบุตรของนางเรเบคาห์ เธอจึงวิ่งไปบอกบิดาของเธอ

13 เมื่อลาบันได้ยินเรื่องราวของยาโคบลูกน้องสาวของตน ก็วิ่งไปพบกับเขา กอดและจูบแก้มเขา แล้วพาเขาไปที่บ้าน ยาโคบเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ลาบันฟัง 14 ลาบันจึงพูดกับเขาว่า “เจ้าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเราโดยแท้” และยาโคบอยู่กับลาบัน 1 เดือน

15 ลาบันพูดกับยาโคบว่า “เพราะเจ้าเป็นญาติของเรา เจ้าจะรับใช้เราเปล่าๆ หรือไง บอกเราเถิดว่าต้องการค่าจ้างเท่าไหร่” 16 ลาบันมีบุตรหญิง 2 คน คนโตชื่อเลอาห์ และคนเล็กชื่อราเชล 17 ดวงตาของเลอาห์นั้นมีแววอ่อนโยน ส่วนราเชลมีรูปร่างดี ใบหน้างดงาม 18 ยาโคบรักราเชล เขาจึงพูดว่า “ฉันจะทำงานรับใช้ลุง 7 ปีเพื่อขอราเชลลูกสาวคนเล็กของลุง” 19 ลาบันตอบว่า “เรายกเธอให้เจ้าดีกว่าที่จะยกให้ชายอื่น อยู่กับเราเถิด” 20 ฉะนั้นยาโคบรับใช้อยู่ 7 ปีเพื่อราเชล และเขารู้สึกว่า 7 ปีนานเหมือนไม่กี่วันเท่านั้น เพราะความรักที่เขามีต่อเธอ

21 แล้วยาโคบพูดกับลาบันว่า “ในเมื่อฉันทำงานครบกำหนดเวลาแล้ว ขอให้ฉันได้ภรรยาเถิด ฉันจะได้ครองคู่กับเธอ” 22 ลาบันจึงเชื้อเชิญผู้คนในละแวกนั้นมาเลี้ยงฉลอง 23 แต่เมื่อค่ำลงลาบันพาเลอาห์บุตรหญิงของเขามามอบให้ยาโคบแทน ยาโคบก็ได้นางเป็นภรรยา 24 (ลาบันให้ศิลปาห์สาวรับใช้ของตนไปเป็นผู้รับใช้เลอาห์บุตรหญิง) 25 พอรุ่งเช้า ยาโคบจึงพบว่าหญิงนั้นเป็นเลอาห์ เขาจึงพูดกับลาบันว่า “ทำไมลุงจึงทำกับฉันเช่นนี้ ฉันไม่ได้รับใช้ลุงเพื่อราเชลหรือ แล้วทำไมลุงจึงหลอกลวงฉัน” 26 ลาบันพูดว่า “ไม่ใช่ประเพณีของพวกเราที่จะยกคนเล็กให้ก่อนคนหัวปี 27 เจ้ารอให้พิธี 7 วันนี้เสร็จเรียบร้อยลงก่อน แล้วเราจะยกอีกคนให้เจ้าด้วย เป็นการแลกเปลี่ยนกับการรับใช้ของเจ้าอีก 7 ปี” 28 ยาโคบทำตามจนเสร็จพิธี 7 วันกับเลอาห์ แล้วลาบันก็ยกราเชลบุตรหญิงของตนให้เป็นภรรยา 29 (ลาบันให้บิลฮาห์สาวรับใช้ของตนไปเป็นผู้รับใช้ราเชลบุตรหญิง) 30 ยาโคบจึงได้ราเชลเป็นภรรยา เขารักราเชลมากกว่าเลอาห์ และอยู่รับใช้ลาบันต่อไปอีก 7 ปี

บุตรของยาโคบ

31 เมื่อพระผู้เป็นเจ้าเห็นว่าเลอาห์เป็นที่เกลียดชัง พระองค์จึงเปิดครรภ์ของนาง แต่ราเชลเป็นหมัน 32 เลอาห์ตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชาย นางตั้งชื่อเขาว่า รูเบน เพราะนางพูดว่า “เพราะพระผู้เป็นเจ้าเห็นความทุกข์ใจ คราวนี้สามีฉันจะรักฉันอย่างแน่นอน” 33 นางตั้งครรภ์อีก และให้กำเนิดบุตรชาย นางพูดว่า “เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้ยินแล้วว่า ฉันเป็นที่เกลียดชัง พระองค์จึงได้ให้ลูกชายคนนี้แก่ฉันด้วย” และนางตั้งชื่อเขาว่า สิเมโอน 34 นางตั้งครรภ์อีก และให้กำเนิดบุตรชาย นางพูดว่า “คราวนี้สามีฉันจะผูกพันกับฉัน เพราะฉันให้กำเนิดลูกชายแก่เขา 3 คนแล้ว” ฉะนั้นเขาถูกตั้งชื่อว่า เลวี 35 นางตั้งครรภ์อีก และให้กำเนิดบุตรชาย นางพูดว่า “ครั้งนี้ ฉันจะสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า” ฉะนั้นนางตั้งชื่อเขาว่า ยูดาห์ จากนั้นนางก็ไม่มีบุตรอีก

มัทธิว 28

การฟื้นคืนชีวิต

28 หลังจากวันสะบาโต พอใกล้รุ่งในวันแรกของสัปดาห์ มารีย์ชาวมักดาลาและมารีย์อีกคนมาดูที่ถ้ำเก็บศพ ดูเถิด ได้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขึ้น เพราะทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าได้ลงมาจากสวรรค์กลิ้งก้อนหินออกและนั่งอยู่บนหินนั้น ลักษณะของทูตสวรรค์ที่ปรากฏราวกับฟ้าแลบ เสื้อผ้าขาวราวกับหิมะ พวกทหารยามหวาดกลัวทูตสวรรค์จนตัวสั่นแล้วกลับแน่นิ่งราวกับคนตาย ทูตสวรรค์กล่าวตอบพวกผู้หญิงว่า “อย่ากลัวเลย เพราะเรารู้ว่าท่านกำลังมองหาพระเยซูผู้ถูกตรึงบนไม้กางเขน พระองค์ไม่อยู่ที่นี่ เพราะได้ฟื้นคืนชีวิตแล้ว ตามที่พระองค์ได้กล่าวไว้ มาดูที่ซึ่งพวกเขาวางร่างของพระองค์ไว้ จงไปบอกพวกสาวกของพระองค์โดยเร็วว่า พระองค์ได้ฟื้นคืนชีวิตจากความตายแล้ว และกำลังไปล่วงหน้าท่านยังแคว้นกาลิลี ท่านจะพบพระองค์ที่นั่น ดูเถิด เราได้บอกพวกท่านแล้ว” พวกเขาก็จากถ้ำเก็บศพไปโดยเร็วทั้งกลัวทั้งยินดียิ่ง วิ่งไปบอกเหล่าสาวกของพระองค์ ในทันใดนั้น พระเยซูพบพวกเขาและกล่าวคำทักทาย หญิงเหล่านั้นมากอดเท้าของพระองค์และนมัสการพระองค์ 10 พระเยซูกล่าวกับพวกเขาว่า “อย่ากลัวเลย จงไปบอกพี่น้องของเราให้ไปยังแคว้นกาลิลี และพบกับเราที่นั่น”

ทหารยามรายงาน

11 ขณะที่พวกเขากำลังจากไปนั้นเอง มีทหารยามบางคนเข้าไปในเมืองเพื่อรายงานแก่พวกมหาปุโรหิตตามเรื่องที่ได้เกิดขึ้น 12 เมื่อเขาเหล่านั้นได้ประชุมกันกับพวกผู้ใหญ่แล้ว ก็ให้เงินจำนวนมากแก่เหล่าทหาร 13 และบอกว่า “เจ้าต้องพูดว่า ‘บรรดาสาวกของเขามาในเวลากลางคืนขโมยร่างไปขณะที่พวกเรานอนหลับอยู่’ 14 และหากว่าเรื่องนี้ทราบถึงหูผู้ว่าราชการ พวกเราจะจูงใจให้เขาเชื่อ และไม่ก่อความลำบากแก่เจ้า” 15 พวกเขาเอาเงินไปและกระทำตามคำบงการ เรื่องนี้ก็เลื่องลือไปในหมู่ชาวยิวมาจนถึงทุกวันนี้

พระเยซูปรากฏแก่สาวก

16 สาวก 11 คนเริ่มเดินทางไปยังแคว้นกาลิลี ยังภูเขาซึ่งพระเยซูได้กล่าวเจาะจงไว้ 17 เมื่อพวกเขาเห็นพระองค์ก็กราบนมัสการพระองค์ แต่มีบางคนที่ยังสงสัย 18 พระเยซูมาและกล่าวกับพวกเขาว่า “สิทธิอำนาจทั้งสิ้นในสวรรค์และบนโลกได้มอบให้แก่เราแล้ว 19 ดังนั้น จงออกไปนำให้ชนทุกชาติมาเป็นสาวกของเรา ให้บัพติศมาแก่พวกเขาในพระนามของพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ 20 สอนให้เขาปฏิบัติสิ่งที่เราได้สั่งพวกเจ้าไว้ทั้งสิ้น พวกเจ้ามั่นใจได้ว่า เราอยู่กับพวกเจ้าเสมอจนกว่าจะสิ้นยุคนี้”

เอสเธอร์ 5

เอสเธอร์จัดเตรียมงานเลี้ยง

พอถึงวันที่สาม เอสเธอร์สวมเสื้อคลุมของราชินี และยืนที่ลานชั้นในของวัง ซึ่งอยู่ด้านหน้าของตำหนัก ในขณะเดียวกับที่กษัตริย์กำลังนั่งบนราชบัลลังก์ในห้องบัลลังก์ซึ่งอยู่ตรงข้ามทางเข้าวัง ครั้นกษัตริย์เห็นราชินีเอสเธอร์ยืนอยู่ที่ลาน เธอก็เป็นที่พอใจยิ่งนัก ท่านจึงยื่นคทาทองในมือท่านออกไปที่เอสเธอร์ เอสเธอร์จึงเข้าไปใกล้และแตะที่ยอดคทา กษัตริย์จึงถามเธอว่า “มีเรื่องอะไรหรือ ราชินีเอสเธอร์ เธออยากจะขออะไร เราจะมอบให้เธอ แม้จะถึงครึ่งหนึ่งของราชอาณาจักรของเรา” เอสเธอร์ตอบว่า “หากว่าจะโปรด ขอท่านและฮามานมางานเลี้ยงที่หม่อมฉันได้เตรียมไว้สำหรับท่านในวันนี้เถิด” กษัตริย์จึงตอบว่า “เรียกฮามานมาโดยเร็ว เพื่อเราจะได้ทำตามที่เอสเธอร์ขอ” ดังนั้น กษัตริย์และฮามานจึงมางานเลี้ยงที่เอสเธอร์ได้เตรียมไว้ ขณะที่คนในงานกำลังดื่มเหล้าองุ่น กษัตริย์กล่าวกับเอสเธอร์ว่า “เธออยากได้อะไร เราก็จะมอบให้เธอ และเธออยากจะขออะไร แม้จะถึงครึ่งหนึ่งของราชอาณาจักรของเรา ก็จะเป็นไปตามนั้น” เอสเธอร์จึงตอบว่า “สิ่งที่หม่อมฉันจะขอก็คือ หากว่าหม่อมฉันเป็นที่โปรดปรานของท่าน และถ้าจะเป็นที่พอใจที่จะประทานสิ่งที่หม่อมฉันพึงปรารถนา และให้เป็นไปตามคำขอของหม่อมฉัน ก็ขอท่านและฮามานโปรดมางานเลี้ยงที่หม่อมฉันจะจัดขึ้นสำหรับวันพรุ่งนี้ แล้วหม่อมฉันจะตอบคำถามของท่าน”

ฮามานวางแผนแขวนคอโมร์เดคัย

ในวันนั้นฮามานจากไปด้วยใจยินดีและรื่นเริง แต่เมื่อฮามานเห็นโมร์เดคัยที่ประตูราชวัง เขาไม่ลุกขึ้นและไม่แสดงความยำเกรง เขารู้สึกฉุนเฉียวโมร์เดคัยยิ่งนัก 10 แต่ถึงกระนั้น ฮามานก็กลั้นความรู้สึกไว้ และกลับบ้านไป เขาให้คนไปตามพวกเพื่อนๆ และเรียกเศเรชภรรยาของตนมา 11 และฮามานก็โอ้อวดความมั่งมีของตน ทั้งยังมีบุตรชายหลายคน และกษัตริย์ให้เกียรติเขาด้วยการเลื่อนตำแหน่ง และให้เขารุดหน้าเหนือบรรดาเจ้านายชั้นผู้ใหญ่และผู้ว่าราชการของท่าน 12 และฮามานพูดว่า “แม้แต่ราชินีเอสเธอร์ก็ไม่ได้ให้ใครไปงานเลี้ยงที่เธอจัดเตรียมขึ้นสำหรับกษัตริย์ นอกจากฉันเท่านั้น และเธอได้เชิญฉันกับกษัตริย์ไปในวันพรุ่งนี้ด้วย 13 แต่สิ่งเหล่านี้ไม่มีค่าอะไรสำหรับฉัน ตราบที่ฉันเห็นโมร์เดคัยชาวยิวยังนั่งอยู่ที่ประตูราชวัง” 14 ดังนั้นเศเรชภรรยาของเขา และเพื่อนทุกคนบอกเขาว่า “ให้สร้างตะแลงแกงสูง 50 ศอก และในตอนเช้าไปขอให้กษัตริย์แขวนคอโมร์เดคัยบนนั้น แล้วจึงไปงานเลี้ยงกับกษัตริย์ด้วยความยินดี” ความคิดนี้เป็นที่พอใจของฮามาน และเขาสั่งให้สร้างตะแลงแกงขึ้น

กิจการของอัครทูต 28

เปาโลที่เกาะมอลตา

28 ครั้นรอดชีวิตกันแล้วพวกเราจึงรู้ว่าเกาะนั้นชื่อมอลตา ชาวเกาะแสดงความกรุณาต่อพวกเราอย่างผิดปกติ และได้ก่อไฟต้อนรับพวกเราทุกคน เพราะว่าฝนตกและอากาศหนาวเย็น เปาโลเก็บกิ่งไม้แห้งได้กองหนึ่งมาใส่ไฟ งูพิษตัวหนึ่งหนีออกมาเพราะความร้อนจากไฟ แล้วกัดติดอยู่ที่มือของเปาโล เมื่อชาวเกาะเห็นงูห้อยอยู่ที่มือของท่านจึงพูดกันว่า “ชายผู้นี้ต้องเป็นฆาตกรแน่ เพราะถึงแม้ว่าเขาพ้นจากทะเลมาได้ เจ้าแห่งความยุติธรรมก็ยังไม่ยอมให้เขามีชีวิตอยู่” แต่ว่าเปาโลสะบัดมือให้งูตกเข้ากองไฟ และไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด คนทั้งหลายคิดว่าแผลของท่านจะบวมขึ้นหรือล้มตายทันที แต่หลังจากที่ได้รอเป็นเวลานานก็เห็นว่าท่านไม่เป็นอะไรเลย เขาจึงเปลี่ยนใจพูดว่าท่านเป็นเทพเจ้า

มีที่ดินแห่งหนึ่งใกล้บริเวณนั้น เป็นที่ดินของปูบลิอัสหัวหน้าใหญ่ของเกาะนั้น ท่านได้ต้อนรับพวกเราอย่างเป็นกันเองถึง 3 วัน ขณะนั้นบิดาของปูบลิอัสนอนป่วยอยู่ เป็นไข้และโรคบิด เปาโลเข้าไปหาท่าน และหลังจากที่ได้อธิษฐานแล้ว ก็วางมือทั้งสองบนตัวท่านและรักษาให้หายจากโรค จากนั้นบรรดาคนป่วยที่อยู่บนเกาะก็พากันมารับการรักษาให้หาย 10 ชาวเกาะให้เกียรติแก่พวกเราหลายประการ เมื่อพวกเราพร้อมที่จะแล่นเรือจากไป เขาทั้งหลายจึงนำสิ่งที่จำเป็นสำหรับเรามาให้

เปาโลที่เมืองโรม

11 สามเดือนผ่านไป พวกเราลงเรือซึ่งได้จอดพักในฤดูหนาวที่เกาะนั้น เรือที่มาจากเมืองอเล็กซานเดรียมีรูปปั้นเทพเจ้าแฝด 2 รูป 12 พวกเราจอดแวะที่เมืองไซราคิ้วส์ 3 วัน 13 เราออกเรือจากที่นั่นไปจนถึงเมืองเรยีอูม วันรุ่งขึ้นลมทิศใต้พัดมา พออีกวันต่อมา พวกเราก็ถึงเมืองปูทีโอลิ 14 เราพบพวกพี่น้องที่นั่นซึ่งได้เชิญเราให้อยู่ด้วย 7 วัน แล้วเราก็ไปยังเมืองโรม 15 พวกพี่น้องที่นั่นได้ข่าวว่าพวกเรากำลังจะมา จึงได้เดินทางไปพบถึงตลาดอัปปีอัสและย่านสามโรงเตี๊ยม เมื่อเปาโลเห็นเหล่าพี่น้องแล้วก็ขอบคุณพระเจ้า ท่านก็มีกำลังใจดีขึ้น 16 เมื่อพวกเรามาถึงเมืองโรมแล้ว เปาโลจึงได้รับอนุญาตให้อยู่ตามลำพังได้โดยมีทหารคนหนึ่งคุมไว้

17 สามวันต่อมาท่านเรียกบรรดาผู้นำชาวยิวมาประชุม เมื่อพวกเขาเข้าประชุมแล้วเปาโลกล่าวว่า “พี่น้องเอ๋ย ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าไม่ได้ทำสิ่งใดที่ผิดต่อคนของพวกเรา หรือผิดต่อประเพณีนิยมของบรรพบุรุษของเราเลย แต่ข้าพเจ้าก็ถูกจับกุมในเมืองเยรูซาเล็ม และมอบตัวให้แก่พวกชาวโรมัน 18 พวกเขาไต่สวนข้าพเจ้า และอยากจะปลดปล่อยเพราะว่าข้าพเจ้าไม่มีความผิดที่ต้องโทษถึงตาย 19 แต่เมื่อชาวยิวคัดค้าน ข้าพเจ้าจำต้องถวายฎีกาถึงซีซาร์ ไม่ใช่ว่าข้าพเจ้าฟ้องร้องชนชาติของข้าพเจ้า 20 ด้วยเหตุนี้เองข้าพเจ้าจึงได้ขอพบกับท่านและพูดกับท่าน ข้าพเจ้าถูกล่ามโซ่เช่นนี้ก็เพื่อความหวังของชนชาติอิสราเอล” 21 เขาเหล่านั้นตอบว่า “พวกเราไม่ได้รับจดหมายจากแคว้นยูเดียเกี่ยวกับท่านเลย และไม่มีพี่น้องคนใดที่มาจากที่นั่นได้บอกหรือพูดสิ่งใดเลวร้ายเกี่ยวกับท่าน 22 แต่พวกเราอยากจะฟังว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร เพราะพวกเราทราบว่าผู้คนทุกแห่งหนกำลังพูดคัดค้านพรรคนี้”

23 พวกเขานัดวันมาพบกับเปาโล และมีคนจำนวนมากที่มาหาท่านยังที่พัก ท่านได้อธิบายและประกาศถึงอาณาจักรของพระเจ้าแก่เขาทั้งปวง ตั้งแต่เช้าจนกระทั่งเย็น และพยายามจะชักชวนให้เขาเหล่านั้นเชื่อในพระเยซู โดยอ้างถึงหมวดกฎบัญญัติของโมเสส และจากหมวดผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า 24 บางคนก็เชื่อเนื่องจากสิ่งที่ท่านกล่าว แต่บางคนก็ไม่เชื่อ 25 พวกเขามีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน และต่างก็ทยอยจากไปหลังจากที่เปาโลได้กล่าวข้อความสุดท้ายว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้กล่าวความจริงแก่เหล่าบรรพบุรุษของท่าน ครั้งที่พระองค์กล่าวผ่านอิสยาห์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าว่า

26 ‘จงไปบอกชนชาตินี้ว่า
พวกเจ้าจะได้ยินเรื่อยไป แต่ไม่มีวันที่จะเข้าใจ
    และพวกเจ้าจะมองดูเรื่อยไป แต่ไม่มีวันที่จะเห็น
27 เพราะว่าใจของคนเหล่านี้แข็งกระด้าง
    และหูของเขาก็แทบจะไม่ได้ยิน
    เขาปิดตาของตนเอง
มิฉะนั้นแล้วตาของเขาจะมองเห็น
    หูจะได้ยิน
และจิตใจของเขาจะเข้าใจ และหันกลับมา
    แล้วเราจะรักษาเขาให้หายขาด’[a]

28 ฉะนั้นท่านทั้งหลายจงทราบว่า ความรอดพ้นที่มาจากพระเจ้าได้ไปยังพวกคนนอก และเขาก็จะฟัง”

[29 ครั้นเปาโลกล่าวเช่นนั้นแล้ว ชาวยิวก็จากไปและเถียงกันไป][b]

30 เปาโลได้อาศัยอยู่ในบ้านเช่า[c]ของท่านเป็นเวลา 2 ปีเต็ม และต้อนรับทุกคนที่มาหาท่าน 31 ท่านประกาศอาณาจักรของพระเจ้าและสั่งสอนเรื่องของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยใจกล้าหาญ และไม่มีผู้ใดยับยั้งได้

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation