M’Cheyne Bible Reading Plan
พระเจ้าทดสอบอับราฮัม
22 หลังจากนั้นต่อมา พระเจ้าได้ทดสอบอับราฮัมโดยกล่าวกับท่านว่า “อับราฮัม” ท่านตอบว่า “ข้าพเจ้าอยู่นี่” 2 พระองค์กล่าวว่า “จงพาบุตรชายของเจ้า อิสอัคบุตรคนเดียวของเจ้าที่เจ้ารัก ไปยังดินแดนของโมริยาห์ และมอบอิสอัคเพื่อเผาเป็นของถวายบนเขาแห่งหนึ่งซึ่งเราจะแสดงให้เห็น”[a] 3 อับราฮัมก็ลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ ขนของขึ้นลา ให้คนรับใช้หนุ่ม 2 คนไป พร้อมกับอิสอัคบุตรของตน และท่านได้ตัดฟืนสำหรับของถวายที่จะเผา แล้วออกเดินทางไปยังที่ซึ่งพระเจ้าสั่งไว้ 4 พอถึงวันที่สาม อับราฮัมเงยหน้าดูก็เห็นสถานที่นั้นแต่ไกล 5 แล้วอับราฮัมพูดกับคนรับใช้หนุ่มว่า “เจ้าอยู่ที่นี่กับลา เรากับเด็กจะไปข้างหน้าโน้นเพื่อนมัสการ แล้วจะกลับมา” 6 อับราฮัมให้อิสอัคแบกฟืนสำหรับของถวายที่จะเผา ท่านเองก็ถือถ่านไฟกับมีด แล้วทั้งสองเริ่มเดินไปด้วยกัน 7 อิสอัคพูดกับอับราฮัมบิดาของเขาว่า “พ่อท่าน” ท่านพูดว่า “พ่ออยู่นี่ ลูกเอ๋ย” อิสอัคพูดว่า “ดูสิ มีไฟกับฟืน แต่ลูกแกะสำหรับเผาเป็นของถวายอยู่ที่ไหน” 8 อับราฮัมพูดว่า “ลูกเอ๋ย พระเจ้าจะจัดหาลูกแกะสำหรับเผาเป็นของถวายเอง” แล้วทั้งสองก็เดินต่อไปด้วยกัน
9 เมื่อมาถึงที่ซึ่งพระเจ้าได้บอกอับราฮัมไว้ ท่านก็สร้างแท่นบูชาที่นั่น เรียงฟืนไว้เรียบร้อย มัดตัวอิสอัคบุตรของตน และวางตัวเขาไว้บนฟืนที่แท่นบูชา[b] 10 ครั้นแล้วอับราฮัมก็ยื่นมือคว้ามีดเพื่อจะฆ่าบุตรของตน 11 แต่ทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าเรียกท่านจากฟ้าสวรรค์ พลางกล่าวว่า “อับราฮัม อับราฮัม” ท่านพูดว่า “ข้าพเจ้าอยู่นี่” 12 ทูตสวรรค์กล่าวว่า “อย่าให้เขาเจ็บตัวหรือทำอะไรเขา เพราะบัดนี้เรารู้แล้วว่าเจ้าเกรงกลัวพระเจ้า เราเห็นแล้วว่าเจ้าไม่ได้ยึดเหนี่ยวบุตรของเจ้าซึ่งเป็นบุตรคนเดียวของเจ้าไว้จากเรา” 13 อับราฮัมเงยหน้าขึ้นก็มองเห็นแกะผู้ตัวหนึ่ง เขาของมันเกี่ยวติดกับพุ่มไม้ทึบ อับราฮัมจึงไปจับตัวมันมา เพื่อจะใช้เผาเป็นของถวายแทนตัวบุตรของท่าน 14 ดังนั้นอับราฮัมเรียกชื่อสถานที่นั้นว่า “พระผู้เป็นเจ้าจะจัดหาให้” ตามที่พูดกันอยู่ทุกวันนี้ว่า “จะจัดหาให้บนภูเขาของพระผู้เป็นเจ้า”
15 และทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าเรียกอับราฮัมจากฟ้าสวรรค์เป็นครั้งที่สอง 16 โดยกล่าวว่า “เราปฏิญาณโดยตัวเราเอง พระผู้เป็นเจ้าพูดว่า เป็นเพราะเจ้าได้ปฏิบัติเช่นนี้ โดยไม่ได้ยึดเหนี่ยวบุตรของเจ้า ซึ่งเป็นบุตรคนเดียวของเจ้า 17 เราจึงให้พรแก่เจ้า และจะเพิ่มผู้สืบเชื้อสายให้แก่เจ้ามากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน มากมายราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า และราวกับเม็ดทรายบนชายฝั่งทะเล และบรรดาผู้สืบเชื้อสายของเจ้าจะยึดครองเมืองของพวกศัตรู 18 และประชาชาติทั้งปวงในโลกจะได้รับพรโดยผ่านผู้สืบเชื้อสายของเจ้า[c] เพราะเจ้าเชื่อฟังเรา” 19 อับราฮัมก็กลับไปหาคนรับใช้หนุ่มของท่าน แล้วทั้งสี่ก็ไปยังเบเออร์เช-บาด้วยกัน แล้วอับราฮัมก็ได้ตั้งรกรากอยู่ที่เบเออร์เช-บา
20 ต่อมาภายหลัง มีคนบอกอับราฮัมว่า “มิลคาห์ให้กำเนิดบุตรแก่นาโฮร์น้องชายของท่านด้วยคือ 21 อูสคนหัวปี บูซน้องชายของเขา เคมูเอลบิดาของอารัม 22 เคเสด ฮาโซ ปิลดาช ยิดลาฟและเบธูเอล” 23 เบธูเอลเป็นบิดาของนางเรเบคาห์ 8 คนที่กล่าวมานี้ล้วนเป็นบุตรชายที่มิลคาห์ให้กำเนิดแก่นาโฮร์น้องชายของอับราฮัม 24 นอกจากนี้แล้วภรรยาน้อยของเขาที่ชื่อเรอูมาห์ก็ได้ให้กำเนิดเทบาห์ กาฮัม ทาหาชและมาอาคาห์
พระเยซูเข้าไปในเมืองเยรูซาเล็ม
21 ครั้นพระเยซูกับเหล่าสาวกเดินทางเข้าใกล้เมืองเยรูซาเล็ม และมาถึงหมู่บ้านเบธฟายีบนภูเขามะกอก พระเยซูส่งสาวก 2 คนไป 2 โดยกล่าวว่า “จงเข้าไปในหมู่บ้านที่อยู่ตรงหน้าเจ้า และในทันทีเจ้าก็จะได้พบลาตัวหนึ่งผูกอยู่ที่นั่น มีลูกลาอยู่ด้วย จงแก้เชือกมันออกแล้วนำทั้งสองตัวมาให้เรา 3 ถ้าใครพูดอะไรกับเจ้าก็จงบอกว่า ‘พระองค์ท่านจำเป็นต้องใช้พวกมัน’ และเขาจะให้มาทันที”[a]
4 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ก็เพื่อเป็นไปตามที่ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้ากล่าวไว้ว่า
5 “จงบอกธิดาแห่งศิโยนว่า
‘ดูเถิด กษัตริย์ของเจ้ากำลังมาหาเจ้า
เป็นผู้ที่อ่อนโยน ขี่ลามา
บนลูกลา ลาหนุ่ม’”[b]
6 ครั้นแล้วเหล่าสาวกก็ไปทำตามที่พระเยซูสั่งไว้ 7 คือไปนำลาและลูกลามา ปูเสื้อตัวนอกบนหลังลาทั้งสองตัวให้พระองค์นั่ง 8 ฝูงชนส่วนใหญ่ปูเสื้อตัวนอกบนถนน บ้างก็ตัดกิ่งไม้ปูบนถนน 9 ฝูงชนพากันเดินไปข้างหน้าพระองค์ คนที่เดินตามร้องเสียงดังว่า “โฮซันนาแด่บุตรของดาวิด[c] ‘ขอให้พระองค์ผู้มาในพระนามของพระผู้เป็นเจ้าจงเป็นสุขเถิด’[d] โฮซันนาในที่สูงสุด” 10 เมื่อพระองค์ได้เข้าไปในเมืองเยรูซาเล็มแล้ว คนทั้งเมืองก็พากันแตกตื่นพูดว่า “ผู้นี้เป็นใคร” 11 ฝูงชนพูดกันว่า “นี่คือเยซู ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าจากเมืองนาซาเร็ธในแคว้นกาลิลี”
พระเยซูขับไล่คนซื้อขายที่พระวิหาร
12 พระเยซูเข้าไปในบริเวณพระวิหาร ขับไล่พวกที่เข้ามาซื้อขายให้ออกไปจากพระวิหาร พระองค์คว่ำโต๊ะของพวกคนแลกเปลี่ยนเงินตรา และที่นั่งของคนขายนกพิราบ 13 พระองค์กล่าวกับพวกเขาว่า “มีบันทึกไว้ว่า ‘ตำหนักของเราจะได้ชื่อว่า ตำหนักอธิษฐาน’[e] แต่พวกท่านทำให้กลายเป็น ‘ถ้ำโจร’”[f]
14 บรรดาคนตาบอดและคนง่อยมาหาพระองค์ที่พระวิหาร และพระองค์รักษาโรคของพวกเขาให้หายขาด 15 เมื่อพวกมหาปุโรหิตและอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติเห็นสิ่งมหัศจรรย์ที่พระองค์ได้กระทำ และเด็กๆ ร้องกันในบริเวณพระวิหารว่า “โฮซันนาแด่บุตรของดาวิด” พวกเขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้น 16 พวกเขาพูดกับพระองค์ว่า “ท่านได้ยินไหมว่าเขาเหล่านี้พูดอะไร” พระเยซูกล่าวว่า “ได้ยิน ท่านไม่เคยอ่านหรือว่า
‘พระองค์กระทำให้คำสรรเสริญออกจากปากเด็ก
และทารกที่ยังไม่หย่านม’”[g]
17 พระองค์จากพวกเขาไป โดยออกไปจากเมืองนั้นไปถึงหมู่บ้านเบธานีและพักแรมอยู่ที่นั่น
พระเยซูกับต้นมะเดื่อ
18 ในเวลาเช้าตรู่ ขณะที่พระองค์กำลังกลับเข้าไปในเมืองก็เกิดหิว 19 ครั้นแลเห็นต้นมะเดื่อต้นหนึ่งที่ข้างถนน พระองค์จึงเดินเข้าไปใกล้แต่ไม่เห็นผลมะเดื่อ มีแต่ใบเท่านั้น พระองค์จึงพูดกับต้นนั้นว่า “เจ้าจะไม่มีผลอีกต่อไป” แล้วต้นมะเดื่อก็เหี่ยวแห้งไปทันที
20 เหล่าสาวกอัศจรรย์ใจเมื่อเห็นดังนั้น จึงพูดว่า “ต้นมะเดื่อเหี่ยวแห้งทันทีได้อย่างไร” 21 พระเยซูกล่าวตอบพวกเขาว่า “เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า ถ้าเจ้ามีความเชื่อโดยไม่สงสัยเลย ไม่เพียงแต่เจ้าสามารถทำต่อต้นมะเดื่อดังที่เราทำ แต่แม้เจ้าจะพูดกับภูเขานี้ว่า ‘จงเคลื่อนลงไปในทะเล’ มันก็จะเป็นไปตามนั้น 22 และไม่ว่าเจ้าจะอธิษฐานขอสิ่งใดด้วยความเชื่อ เจ้าจะได้รับสิ่งนั้น”
คำถามระหว่างพวกผู้นำกับพระเยซู
23 เมื่อพระองค์เข้าไปในบริเวณพระวิหาร พวกมหาปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่ของประชาชนก็มาหาพระองค์ ขณะที่พระองค์กำลังสั่งสอนอยู่ พวกเขาพูดว่า “ท่านกระทำสิ่งเหล่านี้ด้วยสิทธิอำนาจอันใด และใครให้สิทธิอำนาจนี้แก่ท่าน” 24 พระเยซูกล่าวตอบพวกเขาว่า “เราจะถามท่านอย่างหนึ่งด้วย ถ้าท่านบอกเรา เราก็จะบอกท่านเช่นกันว่าเรากระทำสิ่งเหล่านี้ด้วยสิทธิอำนาจอันใด 25 บัพติศมาของยอห์นมาจากไหน จากสวรรค์หรือจากมนุษย์” เขาเหล่านั้นจึงเริ่มถามหาเหตุผลกันเองว่า “ถ้าพวกเราพูดว่า ‘มาจากสวรรค์’ เขาก็จะพูดว่า ‘แล้วทำไมท่านจึงไม่เชื่อเขา’ 26 แต่ถ้าพวกเราพูดว่า ‘มาจากมนุษย์’ เราก็กลัวฝูงชน เพราะทุกคนถือว่ายอห์นเป็นผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า” 27 พวกเขาจึงตอบพระเยซูว่า “พวกเราไม่ทราบ” พระองค์กล่าวกับเขาว่า “เราก็จะไม่บอกท่านเช่นกันว่า เรากระทำสิ่งเหล่านี้ด้วยสิทธิอำนาจอันใด
อุปมาเรื่องบุตรชาย 2 คน
28 แต่ท่านคิดเห็นอย่างไรเล่า ชายคนหนึ่งมีบุตรชาย 2 คน เขามาพูดกับคนแรกว่า ‘ลูกเอ๋ย วันนี้เจ้าจงไปทำงานในสวนองุ่นเถิด’ 29 เขาตอบว่า ‘ข้าพเจ้าจะไม่ไป’ แต่ต่อมาเปลี่ยนใจ แล้วก็ไป 30 เขามาพูดกับคนที่สองเช่นเดียวกัน แต่เขาตอบว่า ‘ข้าพเจ้าจะไป’ และเขาก็ไม่ได้ไป 31 สองคนนี้คนไหนกระทำตามความประสงค์ของบิดาของเขา” พวกเขาตอบว่า “คนแรก” พระเยซูกล่าวว่า “เราขอบอกความจริงกับท่านว่า บรรดาคนเก็บภาษีและหญิงแพศยาจะเข้าสู่อาณาจักรของพระเจ้าก่อนพวกท่านเสียอีก 32 เพราะยอห์นมาชี้ให้พวกท่านเห็นทางแห่งความชอบธรรม และท่านก็ไม่เชื่อเขา แต่บรรดาคนเก็บภาษีและหญิงแพศยาได้เชื่อเขา แม้ต่อมา ทั้งๆ ที่ท่านได้เห็นแล้ว แต่ก็ไม่ได้กลับใจและเชื่อเขา
อุปมาเรื่องผู้เช่าสวนองุ่น
33 จงฟังคำอุปมาอีกเรื่องหนึ่ง มีเจ้าของสวนคนหนึ่งปลูกสวนองุ่นไว้ ซึ่งมีกำแพงที่สร้างล้อมไว้โดยรอบ และขุดบ่อเก็บเครื่องสกัดเหล้าองุ่น เขาสร้างหอคอยไว้และให้พวกชาวสวนเช่า แล้วก็เดินทางไปต่างประเทศ 34 เมื่อถึงเวลาเก็บพืชผล เขาใช้บรรดาคนรับใช้ของเขาไปหาพวกคนเช่าสวน เพื่อรับส่วนปันผลของเขา 35 พวกคนเช่าสวนจับตัวพวกผู้รับใช้ไว้ ทุบตีเสียคนหนึ่ง ฆ่าอีกคนหนึ่งและเอาหินขว้างอีกคนหนึ่ง 36 เจ้าของสวนส่งพวกผู้รับใช้อีกกลุ่มไป ซึ่งมากคนกว่าครั้งแรก พวกคนเช่าสวนก็กระทำต่อเขาเหล่านั้นเหมือนครั้งแรก 37 หลังจากนั้นเขาจึงส่งลูกชายของเขาไปหาคนเช่าสวนโดยคิดว่า ‘พวกเขาจะนับถือลูกของเราคนนั้น’ 38 แต่เมื่อพวกคนเช่าสวนเห็นลูกคนนั้นก็พูดกันว่า ‘คนนี้เป็นทายาท มาช่วยกันฆ่าเขาเถิด มรดกจะได้ตกเป็นของเรา’ 39 เขาทั้งหลายจึงจับตัวลูกคนนั้นโยนออกไปจากสวนองุ่นแล้วฆ่าเสีย 40 ฉะนั้นเมื่อเจ้าของสวนองุ่นมา เขาจะทำอย่างไรกับพวกคนเช่าสวน” 41 พวกเขาตอบว่า “เขาจะฆ่าคนชั่วร้ายเหล่านั้นอย่างแน่นอน และจะให้คนสวนอื่นเช่าสวนเสีย จะได้แบ่งปันผลให้แก่เขาเมื่อถึงเวลา”
42 พระเยซูกล่าวว่า “ท่านไม่เคยอ่านในพระคัมภีร์หรือว่า
‘ศิลาที่พวกช่างก่อสร้างทิ้ง
ได้กลายเป็นศิลามุมเอก
พระผู้เป็นเจ้าได้กระทำการนี้
และเป็นสิ่งวิเศษยิ่งในสายตาของเรา’[h]
43 ฉะนั้น เราขอบอกท่านว่า อาณาจักรของพระเจ้าจะต้องถูกยึดไปจากท่าน และยกให้แก่ชนชาติหนึ่งที่จะผลิตผลได้ตามควร 44 คนที่ล้มลงบนศิลานี้จะแตกหักกระจายเป็นชิ้นๆ หากแต่ศิลานั้นล้มทับผู้ใดแล้ว ผู้นั้นจะแหลกเป็นผุยผงไป”
45 ครั้นพวกมหาปุโรหิตและฟาริสีได้ยินคำอุปมาของพระองค์แล้ว ก็เข้าใจว่าพระองค์กล่าวถึงพวกเขา 46 ฉะนั้นพวกเขาใคร่จะจับกุมพระองค์เสีย แต่กลัวฝูงชนเพราะพวกเขานับว่าพระองค์เป็นผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า
หัวหน้าในเยรูซาเล็ม
11 บรรดาหัวหน้าของประชาชนอาศัยอยู่ในเยรูซาเล็ม ส่วนประชาชนที่เหลือจับฉลาก เพื่อให้หนึ่งในสิบของพวกเขาไปอาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มเมืองบริสุทธิ์ และเก้าในสิบอาศัยอยู่ในเมืองอื่นๆ ต่อไปได้ 2 ประชาชนชมเชยชายทั้งปวงที่ไปอาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มด้วยความเต็มใจ 3 ชาวอิสราเอลบางคน บรรดาปุโรหิต ชาวเลวี บรรดาผู้รับใช้ประจำพระวิหาร และบรรดาผู้สืบเชื้อสายของผู้รับใช้ของซาโลมอน อาศัยอยู่ในที่ดินของตนในเมืองต่างๆ ของอาณาเขตยูดาห์ แต่บรรดาหัวหน้าอาณาเขตไปอาศัยอยู่ในเยรูซาเล็ม 4 พงศ์พันธุ์ของชาวยูดาห์และของชาวเบนยามินบางคนก็อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็ม พงศ์พันธุ์ของชาวยูดาห์คือ อาธายาห์บุตรอุสซียาห์ อุสซียาห์เป็นบุตรของเศคาริยาห์ เศคาริยาห์เป็นบุตรของอามาริยาห์ อามาริยาห์เป็นบุตรของเชฟาทิยาห์ เชฟาทิยาห์เป็นบุตรของมาหะลาเลล ผู้สืบเชื้อสายจากเปเรศ 5 และมาอาเสยาห์บุตรบารุค บารุคเป็นบุตรของคลโฮเซห์ คลโฮเซห์เป็นบุตรของฮาซายาห์ ฮาซายาห์เป็นบุตรของอาดายาห์ อาดายาห์เป็นบุตรของโยยาริบ โยยาริบเป็นบุตรของเศคาริยาห์ เศคาริยาห์เป็นบุตรของชาวชิโลห์ 6 พงศ์พันธุ์ของเปเรศอาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มมีจำนวน 468 คน ซึ่งเป็นชายผู้กล้าหาญทั้งสิ้น
7 พงศ์พันธุ์ของเบนยามินคือ สัลลูบุตรของเมชุลลาม เมชุลลามเป็นบุตรของโยเอด โยเอดเป็นบุตรของเปดายาห์ เปดายาห์เป็นบุตรของโคลายาห์ โคลายาห์เป็นบุตรของมาอาเสยาห์ มาอาเสยาห์เป็นบุตรของอิธีเอล อิธีเอลเป็นบุตรของเยชายาห์ 8 และคนถัดจากเขาคือ กับบัยและศัลลัย รวมเป็นชายผู้กล้าหาญ 928 คน 9 โยเอลบุตรของศิครี เป็นผู้ดูแลของพวกเขา และยูดาห์บุตรหัสเสนูอาห์ ควบคุมดูแลเมืองเป็นที่สองรองจากเขา
10 จากบรรดาปุโรหิตคือ เยดายาห์บุตรของโยยาริบ ยาคีน 11 เสไรยาห์บุตรของฮิลคียาห์ ฮิลคียาห์เป็นบุตรของเมชุลลาม เมชุลลามเป็นบุตรของศาโดก ศาโดกเป็นบุตรของเมราโยท เมราโยทเป็นบุตรของอาหิทูบผู้ปกครองพระตำหนักของพระเจ้า 12 และพี่น้องของพวกเขาจำนวน 822 คนปฏิบัติงานที่พระตำหนัก อาดายาห์บุตรของเยโรฮัมบุตรของเปลัลยาห์ เปลัลยาห์เป็นบุตรของอัมซี อัมซีเป็นบุตรของเศคาริยาห์ เศคาริยาห์เป็นบุตรของปาชเฮอร์ ปาชเฮอร์เป็นบุตรของมัลคิยาห์ 13 และพี่น้องของเขาจำนวน 242 คน ผู้เป็นหัวหน้าของตระกูล และอามาชสัยบุตรของอาซาร์เอล อาซาร์เอลเป็นบุตรของอัคชัย อัคชัยเป็นบุตรของเมชิลเลโมท เมชิลเลโมทเป็นบุตรของอิมเมอร์ 14 และพี่น้องของพวกเขาจำนวน 128 คนเป็นนักรบผู้กล้าหาญ ผู้บัญชาการของพวกเขาคือศับดีเอลบุตรของฮักเกโดลิม
15 จากบรรดาชาวเลวีคือ เชไมยาห์บุตรของหัสชูบ หัสชูบเป็นบุตรของอัสรีคัม อัสรีคัมเป็นบุตรของฮาชาบิยาห์ ฮาชาบิยาห์เป็นบุตรของบุนนี 16 และชับเบธัยกับโยซาบาดผู้เป็นหัวหน้าของชาวเลวี เป็นผู้ดูแลงานภายนอกพระตำหนักของพระเจ้า 17 และมัทธานิยาห์บุตรของมีคาห์ มีคาห์เป็นบุตรของศับดี ศับดีเป็นบุตรของอาสาฟ ผู้เป็นหัวหน้านำการสรรเสริญ ผู้ขอบคุณในการอธิษฐาน และบัคบูคิยาห์เป็นที่สองในหมู่พี่น้องของเขา และอับดาบุตรของชัมมูอา ชัมมูอาเป็นบุตรของกาลาล กาลาลเป็นบุตรของเยดูธูน 18 ชาวเลวีทั้งหมดในเมืองบริสุทธิ์มี 284 คน
19 บรรดาคนเฝ้าประตูคือ อักขูบ ทัลโมน และพี่น้องของพวกเขามีจำนวน 172 คน เป็นผู้เฝ้าระวังที่ประตู 20 และคนอื่นๆ ของอิสราเอล ของปุโรหิตและของชาวเลวี อยู่ในเมืองต่างๆ ของอาณาเขตยูดาห์ แต่ละคนอยู่ในที่ดินของตน 21 ส่วนบรรดาผู้รับใช้ประจำพระวิหารอาศัยอยู่บนเนินเขาโอเฟล ศีหะและกิชปาควบคุมบรรดาผู้รับใช้ประจำพระวิหาร
22 ผู้ควบคุมดูแลชาวเลวีในเยรูซาเล็มคืออุสซีบุตรของบานี บานีเป็นบุตรของฮาชาบิยาห์ ฮาชาบิยาห์เป็นบุตรของมัทธานิยาห์ มัทธานิยาห์เป็นบุตรของมีคา คือพงศ์พันธุ์ของอาสาฟผู้เป็นนักร้อง ควบคุมงานในพระตำหนักของพระเจ้า 23 เพราะมีคำสั่งจากกษัตริย์ถึงบรรดานักร้อง ให้ปฏิบัติงานที่กำหนดไว้ในแต่ละวัน 24 และเปธาหิยาห์บุตรของเมเชซาเบล คือลูกหลานของเศรัคบุตรของยูดาห์ อยู่เคียงข้างกษัตริย์ในทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประชาชน
หมู่บ้านที่อยู่นอกเยรูซาเล็ม
25 ส่วนหมู่บ้านกับไร่นาของพวกเขา มีประชาชนของอาณาเขตยูดาห์บางคนที่อาศัยอยู่ในคีริยาทอาร์บากับหมู่บ้านรอบๆ ในดีโบนกับหมู่บ้านรอบๆ ในเยขับเซเอลกับหมู่บ้านรอบๆ 26 และในเยชูอา โมลาดาห์ และเบธปาเลท 27 ในฮาซาร์ชูอาล เบเออร์เช-บากับหมู่บ้านรอบๆ 28 ในศิกลาก เมโคนาห์กับหมู่บ้านรอบๆ 29 ในเอนริมโมน โศราห์ ยาร์มูท 30 ศาโนอาห์ อดุลลามกับหมู่บ้านรอบๆ ลาคีชและไร่นา อาเซคาห์กับหมู่บ้านรอบๆ ดังนั้นพวกเขาจึงตั้งค่ายจากเบเออร์เช-บาถึงหุบเขาฮินโนม 31 ประชาชนของอาณาเขตเบนยามินอาศัยอยู่ตั้งแต่เก-บาขึ้นไปคือที่ มิคมาช อัยยา เบธเอลกับหมู่บ้านรอบๆ 32 ที่อานาโธท โนบ อานานิยาห์ 33 ฮาโซร์ รามาห์ กิททาอิม 34 ฮาดิด เศโบอิม เนบัลลัท 35 โลด โอโน และในหุบเขาของช่างผู้ชำนาญ 36 และกองเวรบางกลุ่มของชาวเลวีในยูดาห์ย้ายไปอยู่อาณาเขตของเบนยามิน
เปาโลเดินทางไปยังเมืองเยรูซาเล็ม
21 เมื่อพวกเราได้ล่ำลาเขาเหล่านั้นแล้วก็แล่นเรือตรงไปยังเกาะโขส วันรุ่งขึ้นก็ไปถึงเกาะโรดส์และจากที่นั่นก็เดินทางต่อไปยังเมืองปาทารา 2 พวกเราพบเรือลำหนึ่งที่กำลังจะข้ามไปยังแคว้นฟีนิเซียจึงลงเรือนั้นต่อไป 3 เมื่อเห็นเกาะไซปรัสแล้วก็ผ่านเกาะนั้นไปทางขวา แล่นต่อไปยังแคว้นซีเรีย พวกเราขึ้นจากเรือที่เมืองไทระ ซึ่งเป็นที่ต้องขนสินค้าบรรทุกออก 4 เราพบเหล่าสาวกที่นั่นจึงพักอยู่ด้วย 7 วัน พระวิญญาณบริสุทธิ์ดลใจให้พวกเขาเฝ้าบอกเปาโลไม่ให้ขึ้นไปยังเมืองเยรูซาเล็ม 5 แต่เมื่อถึงเวลาแล้วพวกเราก็เดินทางต่อ เหล่าสาวกทุกคนพร้อมทั้งภรรยาและลูกๆ ได้ไปด้วยกันกับเราจนเราออกไปจากเมืองนั้น พวกเราก็คุกเข่าลงอธิษฐานที่ชายหาด 6 หลังจากที่ได้กล่าวร่ำลากันและกันแล้ว เราก็ลงเรือขณะที่พวกเขากลับบ้านไป
7 พวกเราแล่นเรือออกจากเมืองไทระต่อไปจนถึงเมืองทอเลเมอิส ซึ่งเป็นเมืองที่เราได้ทักทายกับบรรดาพี่น้อง และพักอยู่ด้วยหนึ่งวัน 8 วันรุ่งขึ้นพวกเราก็เดินทางไปถึงเมืองซีซารียา และพักอยู่ที่บ้านของฟีลิปผู้ประกาศข่าวประเสริฐ ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ด[a] 9 ฟีลิปมีลูกหญิงพรหมจรรย์ 4 คนที่เป็นผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า 10 หลังจากที่พวกเราได้อยู่ด้วยกันมาหลายวัน ก็มีผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าคนหนึ่งลงมาจากแคว้นยูเดีย ชื่ออากาบัส 11 เขาเดินมาหาพวกเรา แล้วก็เอาเครื่องคาดเอวของเปาโลผูกมือกับเท้าของตน และกล่าวว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์กล่าวว่า ‘ชาวยิวในเมืองเยรูซาเล็มจะมัดเจ้าของเครื่องคาดเอวนี้เหมือนกันอย่างนี้ และจะมอบเขาไว้ในมือของบรรดาคนนอก’” 12 เมื่อพวกเราได้ยินเช่นนั้น พวกเรากับคนที่อาศัยอยู่แถวนั้นพากันอ้อนวอนเปาโลไม่ให้ขึ้นไปยังเมืองเยรูซาเล็ม 13 แต่เปาโลตอบว่า “ทำไมท่านจึงร้องไห้และทำให้ข้าพเจ้าเศร้าใจ ข้าพเจ้าไม่เพียงพร้อมที่จะถูกมัด แต่พร้อมที่จะตายในเมืองเยรูซาเล็มเพื่อพระนามของพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้า” 14 เมื่อพวกเราไม่สามารถชักจูงท่านได้ จึงหยุดอ้อนวอนและพูดว่า “ขอให้เป็นไปตามความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าเถิด”
15 หลังจากนั้นพวกเราก็เตรียมพร้อมเพื่อขึ้นไปยังเมืองเยรูซาเล็ม 16 เหล่าสาวกบางคนที่มาจากเมืองซีซารียาก็ไปด้วย เขานำเราไปยังบ้านของมนาสันสาวกเก่าแก่ชาวเกาะไซปรัส เพื่อให้เราพักอยู่ที่นั่น
17 เมื่อเรามาถึงเมืองเยรูซาเล็ม พวกพี่น้องก็ต้อนรับด้วยความยินดี 18 วันรุ่งขึ้น เปาโลกับเราทั้งหลายจึงไปหายากอบ ผู้ปกครองทุกคนก็มาอยู่พร้อมกัน 19 เปาโลทักทายกับพวกเขา แล้วก็เล่าถึงงานรับใช้ที่พระเจ้าได้ให้ท่านกระทำตามลำดับในหมู่คนนอก 20 เมื่อเขาเหล่านั้นได้ยินเช่นนั้นก็สรรเสริญพระเจ้า และพูดกับเปาโลว่า “ดูเถิด พี่เอ๋ย ชาวยิวกี่พันคนที่มีความเชื่อ และทุกคนก็ได้รักษากฎบัญญัติอย่างเคร่งครัด 21 พวกเขาได้ยินว่า ท่านสอนชาวยิวทุกคนที่อาศัยอยู่ในหมู่คนนอก ให้ละเลยหมวดกฎบัญญัติของโมเสส และบอกพวกเขาไม่ให้ลูกๆ เข้าสุหนัต หรือดำเนินชีวิตตามขนบธรรมเนียมของพวกเรา 22 แล้วเราควรจะทำอย่างไร เขาเหล่านั้นย่อมทราบว่าท่านจะมาที่นี่ 23 ฉะนั้นขอให้ทำตามที่พวกเราบอกท่านเถิด มีชาย 4 คนในพวกเราได้สาบานตนไว้ 24 ท่านจงพาเขาทั้งสี่ไปทำพิธีชำระตัวด้วยกันกับท่านแล้วเสียเงินแทนเขา เพื่อว่าเขาจะได้โกนศีรษะ แล้วทุกคนจะได้ทราบว่า รายงานเกี่ยวกับท่านนั้นไม่เป็นความจริงเลย ท่านเองดำเนินชีวิตตามกฎบัญญัติ 25 พวกเราได้เขียนจดหมายถึงผู้เชื่อทั้งหลายที่เป็นคนนอกแล้วว่า เราได้ตัดสินใจว่า เขาต้องละเว้นจากอาหารที่ได้บูชาแก่รูปเคารพต่างๆ จากเลือด จากเนื้อสัตว์ที่ถูกรัดคอตาย และจากการประพฤติผิดทางเพศ” 26 วันรุ่งขึ้นเปาโลก็พาชาย 4 คนนั้นไปเพื่อทำพิธีชำระตัวด้วยกันกับท่าน แล้วท่านก็ไปยังพระวิหารเพื่อประกาศว่า วันชำระตัวจะจบสิ้นเมื่อไหร่ และจะได้ถวายเครื่องบูชาเพื่อคนเหล่านั้นทุกคน
เปาโลถูกจับกุมที่เมืองเยรูซาเล็ม
27 เมื่อเกือบจะสิ้น 7 วัน ชาวยิวบางคนที่มาจากแคว้นเอเชียเห็นเปาโลที่พระวิหาร จึงก่อความวุ่นวายขึ้นและจับท่านไป 28 พลางตะโกนว่า “ชาวอิสราเอลเอ๋ย มาช่วยกันเถิด ชายคนนี้เป็นคนเสี้ยมสอนคนทั่วทุกแห่งหนให้ต่อต้านคนของเรา รวมทั้งกฎบัญญัติและสถานที่นี้ด้วย ยิ่งกว่านั้นเขาได้พาชาวกรีกเข้ามาในบริเวณพระวิหาร ทำให้ที่บริสุทธิ์เป็นมลทิน” 29 ก่อนหน้านี้ เขาเหล่านั้นเห็นชาวเอเฟซัสที่ชื่อโตรฟีมัสอยู่ในเมืองกับเปาโล และก็สรุปความว่า เปาโลได้พาเขาเข้าไปในบริเวณพระวิหาร 30 ทั้งเมืองจึงเกิดโกลาหล ผู้คนวิ่งกรูกันมาจากทุกสารทิศ จับกุมเปาโลแล้วฉุดลากท่านออกไปจากพระวิหาร ประตูก็ปิดทันที 31 ขณะที่ผู้คนกำลังพยายามจะฆ่าท่านอยู่ ผู้บังคับกองพันทหารของเมืองโรมได้ยินว่า เมืองเยรูซาเล็มทั้งเมืองกำลังเกิดความอลหม่าน 32 เขาจึงนำกองทหารและเหล่านายร้อยวิ่งลงไปหาฝูงชน เมื่อพวกที่ก่อการจลาจลเห็นผู้บังคับกองพันกับพวกทหารของเขา จึงหยุดทุบตีเปาโล 33 ผู้บังคับกองพันเข้าไปใกล้แล้วจับกุมท่าน และสั่งให้ล่ามด้วยโซ่ 2 เส้น แล้วไต่ถามว่าท่านเป็นใคร มาทำอะไร 34 ฝูงชนก็ตะโกนกันต่างๆ นานา และในเมื่อผู้บังคับกองพันไม่สามารถทราบความเพราะไม่อาจหยุดความวุ่นวายได้ จึงสั่งให้คนพาเปาโลเข้าไปในกรมทหาร 35 เมื่อเปาโลถึงบันไดแล้ว ฝูงชนได้เกิดจลาจลขึ้นอีกจนพวกทหารต้องยกตัวท่านขึ้น 36 ฝูงชนที่ตามไปก็ร้องตะโกนแล้วตะโกนอีกว่า “ฆ่าเขาเสียเถิด”
เปาโลกล่าวกับฝูงชน
37 พวกทหารเกือบจะพาเปาโลเข้าไปในกรมทหารอยู่แล้ว ขณะที่ท่านถามผู้บังคับกองพันว่า “ขอให้ข้าพเจ้าได้พูดกับท่านหน่อยได้ไหม” เขาจึงตอบว่า “พูดภาษากรีกเป็นหรือ 38 เจ้าไม่ใช่ชาวอียิปต์คนนั้นหรอกหรือที่ก่อการกบฏ และนำผู้ก่อการร้าย 4,000 คนออกไปในถิ่นทุรกันดารก่อนหน้านี้” 39 เปาโลตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นชาวยิวจากเมืองทาร์ซัสในแคว้นซีลีเซีย พลเมืองจากเมืองที่ไม่ด้อยเลย กรุณาให้ข้าพเจ้าพูดกับผู้คนเถิด” 40 เมื่อเปาโลได้รับอนุญาตจากนายพันแล้ว จึงยืนบนขั้นบันไดโบกมือให้สัญญาณกับฝูงชน เมื่อเสียงโหวกเหวกสงบลงแล้ว ท่านก็พูดเป็นภาษาฮีบรูว่า
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation