M’Cheyne Bible Reading Plan
รางวัลของการเชื่อฟัง
26 “ ‘เจ้าอย่าสร้างรูปเคารพ หรือทำแบบจำลอง หรือตั้งศิลาศักดิ์สิทธิ์สำหรับตัวเจ้าและอย่าวางหินสลักในดินแดนของเจ้าเพื่อกราบไหว้ เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
2 “ ‘จงถือรักษาสะบาโตของเรา และยำเกรงสถานนมัสการของเรา เราคือพระยาห์เวห์
3 “ ‘หากเจ้าปฏิบัติตามกฎหมายของเรา และใส่ใจเชื่อฟังคำสั่งของเรา 4 เราจะให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล แผ่นดินจะให้พืชผลอุดมและต้นไม้จะออกผล 5 ช่วงเวลานวดข้าวจะเนิ่นนานถึงฤดูเก็บผลองุ่น และฤดูเก็บผลองุ่นจะเนิ่นนานไปถึงฤดูหว่าน เจ้าจะได้รับประทานอย่างอิ่มหนำ และอาศัยอยู่อย่างปลอดภัยในแผ่นดินของเจ้า
6 “ ‘เราจะให้ความสงบสุขในแผ่นดินนั้น ยามนอนเจ้าจะไม่ต้องหวาดผวา เราจะขับไล่สัตว์ร้ายออกไปจากแผ่นดินนั้น และดาบจะไม่แผ้วพานแผ่นดินของเจ้าเลย 7 เจ้าจะรุกไล่ศัตรูของเจ้า คนเหล่านั้นจะล้มตายด้วยคมดาบต่อหน้าเจ้า 8 พวกเจ้าห้าคนจะรุกไล่ศัตรูนับร้อย พวกเจ้าร้อยคนจะรุกไล่ศัตรูนับหมื่น ศัตรูทั้งหลายจะล้มตายด้วยคมดาบต่อหน้าเจ้า
9 “ ‘เราจะดูแลเจ้าด้วยความโปรดปรานและให้เจ้ามีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง และเราจะรักษาพันธสัญญาของเราที่ให้ไว้กับเจ้า 10 เจ้าจะยังคงกินพืชผลจากการเก็บเกี่ยวในปีที่แล้ว เมื่อต้องขยับขยายจัดที่สำหรับพืชผลรุ่นใหม่ 11 เราจะตั้งที่พำนัก[a]ของเราท่ามกลางพวกเจ้า และเราจะไม่ชิงชังพวกเจ้า 12 เราจะดำเนินอยู่ท่ามกลางพวกเจ้า เป็นพระเจ้าของเจ้า เจ้าจะเป็นประชากรของเรา 13 เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า ผู้นำเจ้าทั้งหลายออกมาจากอียิปต์ เพื่อเจ้าจะไม่ต้องเป็นทาสของชาวอียิปต์อีกต่อไป เราได้ทำลายแอกของเจ้า และช่วยให้เจ้าก้าวเดินไปอย่างสง่าผ่าเผย
โทษของการไม่เชื่อฟัง
14 “ ‘แต่หากเจ้าไม่ฟังเรา ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเหล่านี้ 15 และหากเจ้าปฏิเสธกฎหมายของเรา และชิงชังบทบัญญัติของเรา ไม่ได้ทำตามคำสั่งของเราซึ่งเป็นการละเมิดพันธสัญญาของเรา 16 แล้วเราจะทำกับเจ้าอย่างนี้คือ เราจะนำความหวาดหวั่นพรั่นพรึงมาอย่างฉับพลัน โรคต่างๆ และความเจ็บไข้ที่ทำลายสายตาของเจ้า และทำให้ชีวิตของเจ้าทรุดโทรมไปมาเหนือเจ้า เจ้าจะหว่านพืชโดยเปล่าประโยชน์ เพราะศัตรูของเจ้าจะมากิน 17 เราจะตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับเจ้า เพื่อเจ้าจะพ่ายแพ้ต่อหน้าศัตรู บรรดาผู้เกลียดชังเจ้าจะปกครองเจ้า เจ้าจะวิ่งหนีแม้ขณะที่ไม่มีใครไล่ตาม
18 “ ‘และหากเจ้ายังไม่ยอมเชื่อฟัง เราจะลงโทษเจ้าหนักขึ้นเจ็ดเท่า ให้สมกับบาปของเจ้า 19 เราจะทำลายความเย่อหยิ่งอย่างดื้อด้านของเจ้า และทำให้ท้องฟ้าเหนือเจ้าเป็นเช่นเหล็กและแผ่นดินเบื้องล่างเจ้าเป็นดั่งทองสัมฤทธิ์ 20 เจ้าจะเสียเหงื่อลงแรงโดยเปล่าประโยชน์เพราะแผ่นดินจะไม่ให้พืชผล ต้นไม้ในที่ดินก็จะไม่ออกผล
21 “ ‘หากเจ้ายังคงขัดขืนต่อต้านและไม่ยอมฟังเรา เราจะทวีความทุกข์ยากขึ้นอีกเจ็ดเท่า ให้สาสมกับบาปของเจ้า 22 เราจะส่งสัตว์ร้ายมาเล่นงานเจ้าและพวกมันจะปล้นเอาลูกหลานของเจ้าไป จะทำลายฝูงสัตว์ของเจ้าและจะทำให้จำนวนคนของเจ้าลดลงจนถนนหนทางเริศร้าง
23 “ ‘หากเราทำกับเจ้าถึงขนาดนี้แล้ว เจ้ายังไม่ยอมรับการดัดนิสัยจากเรา แต่ยังคงขัดขืนต่อต้านเรา 24 เราเองจะต่อสู้กับเจ้า และจะให้เจ้าทุกข์ทรมานเพราะบาปของตนหนักยิ่งขึ้นอีกเจ็ดเท่า 25 และเราจะนำดาบมายังเจ้าเพื่อแก้แค้นที่พันธสัญญาของเราถูกละเมิด เมื่อเจ้าถอยหนีเข้าไปยังเมืองต่างๆ ของเจ้า เราจะส่งโรคระบาดร้ายแรงมาท่ามกลางพวกเจ้า และเจ้าจะตกอยู่ในมือของศัตรู 26 เราจะทลายแหล่งเสบียงของเจ้า ถึงขนาดหญิงสิบคนใช้เตาเพียงเตาเดียวอบขนมให้พวกเจ้า และต้องชั่งอาหารแบ่งกันกิน เจ้าจะกินแต่ไม่อิ่ม
27 “ ‘หากถึงขนาดนี้แล้วเจ้ายังไม่ฟังเรา แต่ยังคงขัดขืนต่อต้านเรา 28 เราจะต่อสู้กับเจ้าด้วยพระพิโรธ และเราเองจะลงโทษบาปของเจ้าหนักยิ่งขึ้นเจ็ดเท่า 29 เจ้าจะกินเนื้อลูกชายลูกสาวของตัวเอง 30 เราจะทลายแท่นบูชาบนที่สูงของเจ้า จะโค่นแท่นเผาเครื่องหอมของเจ้า ทิ้งซากศพของเจ้าไว้บนรูปเคารพที่ไม่มีชีวิตของพวกเจ้า และเราจะชิงชังพวกเจ้า 31 เราจะทำให้นครต่างๆ ของเจ้าเริศร้าง และทำลายสถานนมัสการของเจ้า เราจะไม่นิยมยินดีในกลิ่นหอมที่น่าพอใจจากเครื่องบูชาของเจ้า 32 เราจะทิ้งให้แผ่นดินเริศร้างจนศัตรูของเจ้าที่เข้ามาพักอาศัยตกใจ 33 เราจะทำให้พวกเจ้ากระจัดกระจายไปท่ามกลางชนชาติต่างๆ เราจะชักดาบออกจากฝักรุกไล่เจ้า ดินแดนของเจ้าจะถูกทิ้งร้างและเมืองต่างๆ จะถูกทำลาย 34 แล้วแผ่นดินจะได้ชื่นชมกับปีสะบาโตของมันตลอดช่วงที่ถูกทิ้งร้างซึ่งเจ้าตกอยู่ในดินแดนของศัตรู แผ่นดินจะได้พักสงบและชื่นชมกับสะบาโตของมัน 35 ตลอดช่วงที่ถูกทิ้งร้าง แผ่นดินจะได้พักสงบ ชดเชยกับที่ไม่ได้หยุดพักในช่วงสะบาโตขณะที่เจ้าอาศัยอยู่ในแผ่นดิน
36 “ ‘สำหรับพวกที่เหลืออยู่ เราจะทำให้จิตใจของพวกเขาหวาดหวั่นขวัญผวาในแดนของศัตรูถึงขนาดเสียงใบไม้ถูกลมพัดปลิวก็ทำให้พวกเขาหนีไป เขาจะวิ่งราวกับหนีเตลิดจากคมดาบ และเขาจะล้มลงแม้ไม่มีใครไล่ตาม 37 เขาจะสะดุดล้มทับกันราวกับหนีเตลิดจากคมดาบแม้ไม่มีใครรุกไล่พวกเขา ดังนั้นเจ้าจะไม่สามารถยืนหยัดต่อหน้าศัตรูของเจ้า 38 เจ้าจะพินาศในหมู่ประชาชาติทั้งหลาย และถูกกลืนหายไปในดินแดนของศัตรู 39 คนที่เหลืออยู่จะเสื่อมโทรมไปในดินแดนของศัตรูเพราะบาปของพวกเขา และเพราะบาปของบรรพบุรุษของพวกเขา
40 “ ‘แต่หากพวกเขาสารภาพบาปของตนและบาปของบรรพบุรุษที่พวกเขาขัดขืนต่อต้านเรา 41 ซึ่งทำให้เราเป็นศัตรูกับเขา จนเราส่งพวกเขาไปยังดินแดนของเหล่าศัตรู ตราบจนจิตใจที่ไม่ได้เข้าสุหนัตของเขาถ่อมลงและพวกเขาชดใช้บาปของตน 42 เมื่อนั้นเราจะระลึกถึงพันธสัญญาของเราที่ให้ไว้กับยาโคบ อิสอัค และอับราฮัม และจะระลึกถึงแผ่นดินนั้น 43 เพราะแผ่นดินนั้นจะชื่นชมกับสะบาโตของมันขณะที่ถูกทิ้งร้างอยู่ พวกเขาจะชดใช้บาปของตนที่ได้ละทิ้งบทบัญญัติของเราและเกลียดชังกฎหมายของเรา 44 แต่กระนั้นเมื่อเขาอยู่ในดินแดนของศัตรู เราจะไม่ปฏิเสธหรือเกลียดชังพวกเขาจนถึงกับทำลายล้างพวกเขาให้หมดสิ้น ซึ่งเป็นการละเมิดพันธสัญญาของเรากับพวกเขา เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา 45 แต่เพื่อเห็นแก่พวกเขา เราจะระลึกถึงพันธสัญญาที่ให้ไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขาซึ่งเราได้พาออกมาจากอียิปต์ต่อหน้าประชาชาติทั้งหลาย เพื่อเป็นพระเจ้าของพวกเขา เราคือพระยาห์เวห์’ ”
46 ทั้งหมดนี้คือกฎหมาย บทบัญญัติ และกฎระเบียบ ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตั้งไว้ระหว่างพระองค์เองกับชนอิสราเอลผ่านทางโมเสสบนภูเขาซีนาย
33 บรรดาผู้ชอบธรรมเอ๋ย จงร้องเพลงชื่นบานถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า
ควรแล้วที่ผู้ชอบธรรมจะสรรเสริญพระองค์
2 จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยเสียงพิณ
จงบรรเลงเพลงถวายพระองค์ด้วยพิณสิบสาย
3 จงขับร้องเพลงบทใหม่ถวายพระองค์
เล่นดนตรีอย่างชำนิชำนาญ และโห่ร้องอย่างชื่นชมยินดี
4 เพราะพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าถูกต้องและเป็นจริง
พระองค์ทรงซื่อสัตย์ในทุกสิ่งที่ทรงกระทำ
5 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรักความชอบธรรมและความยุติธรรม
แผ่นดินโลกเต็มไปด้วยความรักมั่นคงของพระองค์
6 โดยพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า ฟ้าสวรรค์ก็อุบัติขึ้น
ดวงดาวทั้งปวงมีขึ้นโดยลมพระโอษฐ์ของพระองค์
7 พระองค์ทรงรวบรวมห้วงสมุทรทั้งหลายไว้ด้วยกัน[a]
ทรงเก็บห้วงน้ำลึกไว้ในคลัง
8 ให้ทั้งโลกเกรงกลัวองค์พระผู้เป็นเจ้า
ให้คนทั้งโลกยำเกรงพระองค์
9 เพราะพระองค์ตรัส โลกก็อุบัติขึ้น
พระองค์ทรงบัญชา มันก็คงอยู่
10 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำให้แผนการของประชาชาติทั้งหลายล้มเหลวไป
พระองค์ทรงทำให้เป้าหมายของพวกเขาสูญเปล่า
11 แต่แผนการขององค์พระผู้เป็นเจ้ายั่งยืนนิรันดร์
พระประสงค์ในพระทัยของพระองค์ดำรงอยู่ทุกชั่วอายุ
12 ความสุขมีแก่ประชาชาติที่มีองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นพระเจ้า
คือประชากรซึ่งพระองค์ทรงเลือกเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์
13 องค์พระผู้เป็นเจ้าทอดพระเนตรลงมาจากฟ้าสวรรค์
และทรงเห็นมวลมนุษยชาติ
14 จากที่ประทับ พระองค์ทรงจับตาดู
ทุกชีวิตในโลก
15 พระองค์ผู้ทรงสร้างจิตใจของทุกคน
ผู้ทรงพิจารณาทุกสิ่งที่เขาทำ
16 กษัตริย์ไม่ได้รอดชีวิตเพราะขนาดของกองทัพ
นักรบไม่ได้รอดชีวิตเพราะพละกำลังมากมายของตน
17 หวังให้ม้าศึกช่วยกอบกู้ก็เปล่าประโยชน์
แม้มันแข็งแรงก็ไม่ได้ช่วยให้รอดปลอดภัย
18 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเฝ้าดูบรรดาผู้ที่ยำเกรงพระองค์
ผู้ที่หวังในความรักมั่นคงของพระองค์
19 เพื่อจะทรงช่วยกู้พวกเขาให้พ้นจากความตาย
และรักษาพวกเขาให้มีชีวิตอยู่ในคราวกันดารอาหาร
20 เรารอคอยองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความหวัง
พระองค์ทรงเป็นความช่วยเหลือและเป็นโล่ของเรา
21 จิตใจของเราชื่นชมยินดีในพระองค์
เพราะเราวางใจในพระนามบริสุทธิ์ของพระองค์
22 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่เหนือข้าพระองค์ทั้งหลาย
ในเมื่อข้าพระองค์ทั้งหลายฝากความหวังไว้ในพระองค์
จุดหมายปลายทางของทุกคน
9 ข้าพเจ้าจึงได้พิเคราะห์สิ่งทั้งปวงนี้ และสรุปว่า ทั้งคนชอบธรรมและคนฉลาดและการกระทำของพวกเขาล้วนอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า แต่ไม่มีใครรู้ว่าความรักหรือความเกลียดรอคอยเขาอยู่เบื้องหน้า 2 ทุกคนมีจุดหมายปลายทางเดียวกัน ไม่ว่าคนชอบธรรมหรือคนชั่ว คนดีหรือคนเลว[a] คนไม่เป็นมลทินหรือคนเป็นมลทิน คนถวายเครื่องบูชาหรือคนไม่ถวาย
สิ่งที่เกิดขึ้นกับคนดีฉันใด
ก็เกิดขึ้นกับคนบาปฉันนั้น
สิ่งที่เกิดขึ้นกับคนที่กล่าวคำสาบานฉันใด
ก็เกิดขึ้นกับคนที่กลัวจะสาบานฉันนั้น
3 นี่เป็นสิ่งเลวร้ายในบรรดาสิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์ คือทุกคนมีอันเป็นไปแบบเดียวกันหมด ยิ่งกว่านั้นจิตใจของมนุษย์ยังเต็มไปด้วยความชั่วร้ายและบ้าคลั่งตราบชั่วชีวิต และหลังจากนั้นเขาก็ตายตามคนอื่นไป 4 มีความหวังสำหรับคนเป็นเท่านั้น[b] แม้แต่สุนัขเป็นๆ ก็ยังดีกว่าราชสีห์ที่ตายแล้ว!
5 เพราะอย่างน้อยคนเป็นรู้ว่าเขาจะตาย
แต่คนตายไม่รู้อะไรเลย
ไม่มีบำเหน็จรางวัลต่อไป
ไม่มีแม้แต่ผู้ที่ระลึกถึงเขา
6 ความรัก ความเกลียด และความอิจฉาของเขา
ล้วนผ่านพ้นไปนานแสนนาน
และเขาไม่มีส่วนร่วมกับสิ่งใดๆ
ที่เกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์อีกต่อไป
7 ฉะนั้นไปเถิด ไปรับประทานอาหารของท่านด้วยความปีติยินดี และดื่มเหล้าองุ่นของท่านด้วยใจเปรมปรีดิ์ เพราะขณะนี้แหละที่พระเจ้าโปรดปรานสิ่งที่ท่านทำ 8 จงสวมเสื้อผ้าสีขาวเสมอและชโลมศีรษะด้วยน้ำมัน 9 จงอยู่กินกับภรรยาที่รักด้วยความชื่นชมยินดีตลอดวันคืนอนิจจัง ซึ่งพระเจ้าประทานแก่ท่านภายใต้ดวงอาทิตย์ เพราะนี่คือส่วนในชีวิตของท่าน และในการงานตรากตรำภายใต้ดวงอาทิตย์ 10 มือของท่านหยิบจับการใด จงทำการนั้นเต็มกำลังความสามารถเพราะในแดนมรณาที่ท่านกำลังจะไปถึงนั้น ไม่มีงาน ไม่มีการวางแผน ไม่มีความรู้หรือสติปัญญา
11 ข้าพเจ้าเห็นสิ่งอื่นอีกภายใต้ดวงอาทิตย์คือ
คนว่องไวไม่ชนะการวิ่งแข่งเสมอไป
คนเข้มแข็งไม่ชนะศึกเสมอไป
หรือใช่ว่าคนฉลาดจะได้อาหาร
ใช่ว่าคนปราดเปรื่องจะได้ทรัพย์สมบัติ
และใช่ว่าผู้รู้จะได้รับความโปรดปราน
แต่เวลาและโอกาสมาถึงพวกเขาทุกคน
12 ยิ่งกว่านั้น ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไรจะถึงคราวของตน
เหมือนปลาติดร่างแหอันโหดร้าย
และนกติดกับฉันใด
คนก็ติดกับของคราวร้าย
ซึ่งโถมเข้าใส่เขาโดยไม่นึกไม่ฝันฉันนั้น
สติปัญญาดีกว่าความโฉดเขลา
13 และภายใต้ดวงอาทิตย์ข้าพเจ้าเห็นแบบอย่างของสติปัญญาซึ่งข้าพเจ้าประทับใจมาก 14 มีเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งซึ่งมีคนอาศัยอยู่เพียงหยิบมือเดียว และมีมหาราชองค์หนึ่งกรีธาทัพมาล้อมเมืองไว้ 15 ในเมืองนั้นมีชายคนหนึ่งยากจนแต่ฉลาด และเขาช่วยเมืองนั้นไว้ได้โดยสติปัญญาของเขา แต่ไม่มีใครระลึกถึงชายยากจนคนนั้น 16 ข้าพเจ้าจึงกล่าวว่า “สติปัญญาดีกว่าพละกำลัง” แต่สติปัญญาของชายยากจนก็ถูกดูหมิ่น และถ้อยคำของเขาก็ไม่มีใครรับฟัง
17 ถ้อยคำแผ่วเบาของคนฉลาดน่าฟัง
ยิ่งกว่าเสียงตะโกนของผู้ปกครองที่โง่เขลา
18 สติปัญญาเหนือกว่าอาวุธสงคราม
แต่คนบาปคนเดียวทำให้เสียหายนักต่อนัก
1 จดหมายฉบับนี้จากข้าพเจ้าเปาโลผู้เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าและอัครทูตของพระเยซูคริสต์ เพื่อความเชื่อของผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรรและเพื่อความรู้ถึงความจริงอันนำไปสู่ทางพระเจ้า 2 คือความเชื่อและความรู้ที่ตั้งอยู่บนความหวังในชีวิตนิรันดร์ ซึ่งพระเจ้าผู้ไม่ทรงมุสาได้ทรงสัญญาไว้ตั้งแต่ก่อนจุดเริ่มต้นของเวลา 3 และเมื่อถึงวาระที่ทรงกำหนดพระองค์ได้ทรงให้พระวจนะของพระองค์เป็นที่ทราบทั่วกันผ่านทางการประกาศที่ได้ทรงมอบหมายไว้แก่ข้าพเจ้าตามพระบัญชาของพระเจ้าองค์พระผู้ช่วยให้รอดของเรา
4 ถึงทิตัสลูกแท้ของข้าพเจ้าในความเชื่อเดียวกัน
ขอพระคุณและสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดาและพระเยซูคริสต์องค์พระผู้ช่วยให้รอดของเรามีแก่ท่าน
ภารกิจของทิตัสที่เกาะครีต
5 เหตุที่ข้าพเจ้าละท่านไว้ที่เกาะครีตก็เพื่อให้ท่านสะสางงานที่ยังคั่งค้างและแต่งตั้ง[a]คณะผู้ปกครองของคริสตจักรในทุกเมืองตามที่ข้าพเจ้าได้สั่งท่านไว้ 6 ผู้ปกครองนั้นต้องปราศจากที่ติ เป็นสามีของภรรยาคนเดียว บุตรของเขาต้องเป็นผู้เชื่อและไม่มีพฤติกรรมที่ใครจะกล่าวหาได้ว่าเป็นคนพาลเกเรและไม่เชื่อฟัง 7 เนื่องจากผู้ปกครอง[b]ดูแลคริสตจักรได้รับมอบหมายงานของพระเจ้า เขาจึงต้องไม่มีที่ติ ไม่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ ไม่เลือดร้อนเจ้าโทสะ ไม่ดื่มสุราเมามาย ไม่ก้าวร้าวใช้กำลัง ไม่หาประโยชน์ในทางทุจริต 8 แต่เขาต้องเป็นผู้มีน้ำใจรับรองแขก รักสิ่งที่ดี ควบคุมตัวเองได้ ยุติธรรม บริสุทธิ์ และมีวินัย 9 เขาต้องยึดมั่นในหลักคำสอนอันเชื่อถือได้ตามที่เรียนรู้มา เพื่อเขาจะสามารถให้กำลังผู้อื่นด้วยคำสอนอันมีหลักและโต้แย้งผู้ที่ต่อต้านคำสอนนั้น
10 เพราะมีหลายคนที่มักขัดขืนไม่เชื่อฟังพวกเขา เป็นคนดีแต่พูดและหลอกลวงโดยเฉพาะคนเหล่านั้นจากกลุ่มเข้าสุหนัต 11 ต้องทำให้พวกนี้สงบปากสงบคำ เพราะหลายครัวเรือนกำลังถูกเขาทำลายทั้งครอบครัวโดยการสอนสิ่งที่เขาไม่ควรสอนและการสอนนั้นก็เพื่อหาประโยชน์ในทางทุจริต 12 แม้แต่ผู้พยากรณ์คนหนึ่งของพวกเขาเองยังกล่าวว่า “ชาวครีตเป็นคนโกหกเสมอ เป็นสัตว์ป่าชั่วร้าย เป็นคนตะกละตะกลามที่เกียจคร้าน” 13 และคำพูดนี้ก็เป็นความจริง ฉะนั้นจงว่ากล่าวเขาอย่างเข้มงวดเพื่อเขาจะไม่มีข้อบกพร่องในความเชื่อนั้น 14 และจะไม่ใส่ใจกับนิยายปรัมปราของยิวหรือกฎเกณฑ์ของพวกที่ปฏิเสธความจริง 15 สำหรับผู้บริสุทธิ์นั้นทุกสิ่งก็บริสุทธิ์ แต่สำหรับผู้เสื่อมทรามและไม่เชื่อแล้ว ไม่มีสิ่งใดบริสุทธิ์เลย อันที่จริงความคิดและจิตสำนึกของเขาก็เสื่อมทราม 16 เขาอ้างว่ารู้จักพระเจ้า แต่ปฏิเสธพระองค์ด้วยการกระทำของเขา เขาเป็นคนน่ารังเกียจ ไม่เชื่อฟัง ไม่เหมาะสำหรับการทำดีใดๆ
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.