M’Cheyne Bible Reading Plan
22 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 2 “จงบอกอาโรนกับบุตรชายให้ปฏิบัติต่อเครื่องบูชาอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งชาวอิสราเอลนำมาถวายแก่เรานั้นด้วยความเคารพยำเกรง จะได้ไม่เป็นการลบหลู่นามอันบริสุทธิ์ของเรา เราคือพระยาห์เวห์
3 “จงบอกกับพวกเขาว่า ‘นับแต่นี้ต่อไปทุกชั่วอายุ ลูกหลานของเจ้าคนใดซึ่งเป็นมลทินตามระเบียบพิธี แต่ยังขืนเข้าใกล้เครื่องบูชาอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งชาวอิสราเอลนำมาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้นั้นจะต้องถูกตัดขาด ไม่ให้มาอยู่ต่อหน้าเรา เราคือพระยาห์เวห์
4 “ ‘ถ้าลูกหลานคนใดของอาโรนที่เป็นโรคติดต่อทางผิวหนัง[a]หรือมีสิ่งที่หลั่งออกจากร่างกาย ห้ามกินเครื่องบูชาอันศักดิ์สิทธิ์จนกว่าจะรับการชำระให้บริสุทธิ์แล้ว เขาจะเป็นมลทินด้วยถ้าเขาแตะต้องสิ่งที่แปดเปื้อนจากศพหรือจากคนที่หลั่งน้ำอสุจิ 5 หรือถ้าเขาแตะต้องสัตว์เลื้อยคลานที่ทำให้เขาเป็นมลทิน หรือแตะต้องผู้ที่ทำให้เขาเป็นมลทิน ไม่ว่าจะเป็นมลทินในลักษณะใดก็ตาม 6 ผู้ที่แตะต้องสิ่งเหล่านั้นจะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น เขาจะต้องไม่กินเครื่องบูชาอันศักดิ์สิทธิ์จนกว่าจะได้อาบน้ำชำระตัว 7 เมื่อดวงอาทิตย์ลับไปแล้ว เขาจึงจะสะอาด และกินเครื่องบูชาอันศักดิ์สิทธิ์นั้นได้ เพราะเป็นอาหารของเขา 8 เขาต้องไม่กินสัตว์ใดซึ่งตายเองหรือถูกสัตว์ป่าฆ่าตาย เพราะจะทำให้เขาเป็นมลทิน เราคือพระยาห์เวห์
9 “ ‘ปุโรหิตทั้งหลายต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของเรา เพื่อเขาจะไม่มีความผิดและตายเพราะลบหลู่สิ่งเหล่านั้น เราคือพระยาห์เวห์ผู้ทำให้พวกเขาบริสุทธิ์[b]
10 “ ‘ผู้ที่ไม่ใช่คนในครอบครัวของปุโรหิต ห้ามกินเครื่องบูชาอันศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่มาเยี่ยมเยียนปุโรหิตหรือลูกจ้างก็กินไม่ได้ 11 ยกเว้นทาสที่ปุโรหิตซื้อตัวมาหรือลูกทาสที่เกิดในเรือนของปุโรหิตสามารถกินอาหารดังกล่าวได้ 12 หากบุตรสาวของปุโรหิตแต่งงานกับคนที่ไม่ได้เป็นปุโรหิต ห้ามนางกินเครื่องบูชาอันศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับส่วนแบ่งมานั้น 13 แต่หากลูกสาวของปุโรหิตเป็นม่ายหรือหย่าร้างและไม่มีบุตร แล้วนางกลับมาอาศัยอยู่บ้านบิดาเหมือนตอนที่ยังเป็นสาว นางจะกินอาหารของบิดาได้อีก ผู้ใดก็ตามที่ไม่มีสิทธิ์ อย่ากินอาหารนี้
14 “ ‘หากผู้ใดกินเครื่องบูชาอันศักดิ์สิทธิ์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เขาต้องคืนให้แก่ปุโรหิตตามจำนวนที่เขากินไป และเพิ่มอีกหนึ่งในห้าของมูลค่าของสิ่งนั้น 15 ปุโรหิตจะต้องไม่ลบหลู่เครื่องบูชาอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งชาวอิสราเอลนำมาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า 16 โดยยอมให้ผู้ที่ไม่มีสิทธิ์กินเครื่องบูชาอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นเหตุให้พวกเขามีความผิดต้องชดใช้ เราคือพระยาห์เวห์ผู้ทำให้พวกเขาบริสุทธิ์’ ”
เครื่องบูชาซึ่งไม่เป็นที่ยอมรับ
17 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 18 “จงกล่าวแก่อาโรนกับบุตรชายและปวงชนอิสราเอลว่า ‘หากชาวอิสราเอลหรือคนต่างด้าวคนใดที่อาศัยในหมู่พวกเจ้า จะถวายเครื่องเผาบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าจะถวายตามสัตย์ปฏิญาณหรือเป็นเครื่องบูชาตามความสมัครใจ 19 เจ้าจะต้องถวายสัตว์ตัวผู้ที่ไม่มีตำหนิ ไม่ว่าจะเป็นวัว แกะ หรือแพะ เพื่อของถวายนั้นจะเป็นที่ยอมรับแทนตัวเจ้า 20 อย่านำสิ่งใดที่มีตำหนิมาถวาย เพราะว่าสิ่งนั้นจะไม่เป็นที่ยอมรับแทนตัวเจ้า 21 ผู้ใดคัดเลือกสัตว์จากฝูงวัวหรือฝูงแพะแกะเป็นเครื่องสันติบูชาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าจะทำตามสัตย์ปฏิญาณหรือถวายตามความสมัครใจ จะต้องถวายสัตว์ที่ไม่มีตำหนิจึงจะเป็นที่ยอมรับ 22 อย่าถวายสัตว์ตาบอด พิกลพิการหรือไม่สมประกอบ มีแผล เป็นเรื้อน หรือโรคผิวหนังอื่นๆ แด่องค์พระผู้เป็นเจ้า อย่านำมาวางบนแท่นบูชา ถวายเป็นเครื่องบูชาด้วยไฟแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า 23 แต่ถ้าลูกวัวหรือลูกแกะที่นำมาถวายมีอวัยวะส่วนใดงอกผิดปกติหรือขาดหายไป อาจจะถวายเป็นเครื่องบูชาตามความสมัครใจได้ แต่จะไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นของถวายตามสัตย์ปฏิญาณ 24 สัตว์ตัวใดมีอวัยวะเพศไม่ปกติ ลีบ หรือถูกตอน อย่านำมาถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า เจ้าอย่าทำเช่นนี้ในดินแดนของเจ้า 25 เจ้าอย่ารับสัตว์เหล่านี้จากมือของคนต่างด้าวและถวายเป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้าของเจ้า เพราะสัตว์ที่พิการและมีตำหนิจะไม่เป็นที่ยอมรับแทนตัวเจ้า’ ”
26 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 27 “เมื่อลูกวัว แกะ หรือแพะเกิดมา จงปล่อยมันไว้กับแม่เป็นเวลาเจ็ดวัน ตั้งแต่วันที่แปดเป็นต้นไปจึงจะเป็นที่ยอมรับให้เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟที่ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า 28 อย่าฆ่าลูกและแม่ของวัวหรือแกะในวันเดียวกัน
29 “เมื่อถวายเครื่องบูชาขอบพระคุณแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะต้องถวายตามวิธีซึ่งจะเป็นที่ยอมรับแทนตัวเจ้า 30 จงกินให้หมดในวันนั้น อย่าเหลือค้างถึงวันรุ่งขึ้น เราคือพระยาห์เวห์
31 “จงถือรักษาและปฏิบัติตามคำสั่งของเรา เราคือพระยาห์เวห์ 32 อย่าลบหลู่นามอันบริสุทธิ์ของเรา ชนอิสราเอลจะต้องรับรู้ว่าเราบริสุทธิ์ เราคือพระยาห์เวห์ผู้ทำ[c] ให้เจ้าบริสุทธิ์[d] 33 และเป็นผู้นำเจ้าออกจากอียิปต์เพื่อเป็นพระเจ้าของเจ้า เราคือพระยาห์เวห์”
(บทประพันธ์ของดาวิด)
28 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ร้องทูลพระองค์
พระองค์ทรงเป็นพระศิลาของข้าพระองค์ ขออย่าทรงทำเป็นหูหนวกใส่ข้าพระองค์
เพราะถ้าพระองค์ยังทรงนิ่งเฉย
เห็นทีข้าพระองค์จะเป็นเหมือนคนที่ลงไปยังแดนมรณา
2 ขอทรงสดับฟังคำวิงวอนขอความเมตตาของข้าพระองค์ด้วย
เมื่อข้าพระองค์ร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์
เมื่อข้าพระองค์ยกมือขึ้นต่อที่ประทับ
อันบริสุทธิ์ที่สุดของพระองค์
3 ขออย่าทรงฉุดลากข้าพระองค์ไปพร้อมกับบรรดาคนชั่ว
กับคนเหล่านั้นที่ทำสิ่งชั่วร้าย
คนที่ปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ
กับเพื่อนบ้านของตน
4 ขอทรงตอบสนองพวกเขาตามการกระทำของพวกเขา
และตามการกระทำที่ชั่วร้ายของพวกเขา
ขอทรงตอบสนองพวกเขาตามสิ่งที่มือของพวกเขาได้ทำ
และคืนสนองพวกเขาอย่างสาสม
5 เพราะพวกเขาไม่ไยดีต่อพระราชกิจขององค์พระผู้เป็นเจ้า
และต่อสิ่งที่พระหัตถ์ของพระองค์ทรงกระทำ
ฉะนั้นพระองค์จะทรงรื้อทำลายเขาลง
และไม่สร้างพวกเขาขึ้นอีกเลย
6 ขอถวายสรรเสริญแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า
เพราะพระองค์ได้ทรงสดับฟังคำร้องขอความเมตตาของข้าพเจ้า
7 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นกำลังและเป็นโล่ของข้าพเจ้า
จิตใจของข้าพเจ้าวางใจในพระองค์ และข้าพเจ้าได้รับการช่วยเหลือ
จิตใจของข้าพเจ้ากระโดดโลดเต้นด้วยความชื่นชมยินดี
และข้าพเจ้าจะร้องเพลงขอบพระคุณพระองค์
8 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นกำลังสำหรับประชากรของพระองค์
เป็นป้อมปราการแห่งความรอดสำหรับผู้ที่พระองค์ทรงเจิมตั้งไว้
9 ขอทรงช่วยประชากรของพระองค์และอวยพรผู้ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์
ขอทรงเลี้ยงดูพวกเขาดั่งคนเลี้ยงแกะและทรงโอบอุ้มเขาไว้นิรันดร์
(บทสดุดีของดาวิด)
29 จงถวายการสรรเสริญแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด ชาวสวรรค์ทั้งปวง
จงถวายการสรรเสริญแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าสำหรับพระเกียรติสิริและพระเดชานุภาพของพระองค์
2 จงถวายการสรรเสริญแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าตามพระเกียรติสิริที่ควรแก่พระนามของพระองค์
จงนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าในสง่าราศีแห่งความบริสุทธิ์[a]ของพระองค์
3 พระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่เหนือห้วงน้ำ
พระเจ้าผู้ทรงเกียรติสิริทรงเปล่งกัมปนาท
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเปล่งกัมปนาทเหนือห้วงมหาสมุทร
4 พระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงฤทธิ์อำนาจ
พระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าเปี่ยมด้วยบารมี
5 พระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าโค่นล้มสนซีดาร์
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงหักสนซีดาร์แห่งเลบานอนออกเป็นท่อนๆ
6 พระองค์ทรงทำให้ภูเขาเลบานอนกระโดดดั่งลูกวัว
ทรงทำให้ภูเขาสีรีออน[b]กระโดดเหมือนวัวป่าหนุ่ม
7 พระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าดังกึกก้อง
มาพร้อมกับสายฟ้าฟาด
8 พระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าเขย่าทะเลทราย
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเขย่าทะเลทรายแห่งคาเดช
9 พระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าโค่นต้นโอ๊ก[c]
และทำให้ป่าโล่งเตียน
และในพระวิหารของพระองค์ ทุกคนร้องว่า “พระเกียรติสิริ!”
10 องค์พระผู้เป็นเจ้าประทับ[d]บนบัลลังก์เหนือน้ำท่วม
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงครองบัลลังก์เป็นกษัตริย์ชั่วนิรันดร์
11 องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานพละกำลังแก่ประชากรของพระองค์
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรประชากรของพระองค์ให้มีสันติสุข
จงยำเกรงพระเจ้า
5 จงระมัดระวังแต่ละย่างก้าวเมื่อท่านไปยังพระนิเวศของพระเจ้า เข้าไปฟังใกล้ๆ ก็ดีกว่าถวายเครื่องบูชาแบบคนโง่ ซึ่งไม่รู้ว่าตัวเองทำผิด
2 อย่าปากไว
อย่าใจร้อนผลีผลาม
พลั้งปากพล่อยๆ ต่อหน้าพระเจ้า
พระเจ้าประทับในฟ้าสวรรค์
ส่วนท่านอยู่บนโลก
ฉะนั้นจงพูดแต่น้อยคำ
3 ห่วงกังวลมากก็ฝันมาก
ยิ่งพูดมากก็ยิ่งพูดโง่ๆ
4 เมื่อถวายปฏิญาณต่อพระเจ้าแล้ว จงรีบทำให้ครบถ้วน พระเจ้าไม่พอพระทัยคนโง่ จงทำตามที่ปฏิญาณไว้ 5 ไม่ปฏิญาณยังดีกว่าปฏิญาณแล้วไม่ทำให้ครบถ้วน 6 อย่าให้ปากพาตัวหลงทำบาป และอย่าแก้ตัวกับผู้สื่อสารของพระเจ้าว่า “ข้าพเจ้าเผลอปฏิญาณไป” จะให้พระเจ้าทรงพระพิโรธวาจาของท่านและทำลายกิจการจากน้ำมือของท่านทำไมเล่า? 7 ฝันมากและพูดมากก็อนิจจัง ดังนั้นจงยำเกรงพระเจ้าเถิด
ความร่ำรวยก็อนิจจัง
8 หากท่านเห็นคนจนในเมืองถูกข่มเหงรังแกและเห็นความยุติธรรมและสิทธิถูกละเลยในที่ใดก็ตาม อย่าฉงนสนเท่ห์เลย เพราะเจ้าหน้าที่ทุกคนอยู่ใต้บังคับบัญชาของผู้ที่อยู่เหนือเขาและเหนือกว่านั้นขึ้นไปก็ยังมีผู้บังคับบัญชาสูงขึ้นไปอีก 9 ทุกคนฉวยเอาผลิตผลจากแผ่นดิน กษัตริย์เองทรงได้ประโยชน์จากเรือกสวนไร่นา
10 ผู้รักเงินย่อมไม่อิ่มด้วยเงิน
ผู้รักสมบัติไม่เคยอิ่มด้วยรายได้
นี่ก็อนิจจัง
11 เมื่อมีข้าวของเพิ่มขึ้น
ก็เพิ่มคนบริโภค
คนที่เป็นเจ้าของจะได้ประโยชน์อะไร
นอกจากชมเล่นเป็นขวัญตา?
12 กรรมกรนอนหลับสบาย
ไม่ว่าเขาได้กินมากหรือกินน้อย
แต่ข้าวของเหลือเฟือของคนรวย
ไม่ช่วยให้เขาหลับได้
13 ข้าพเจ้าได้เห็นความเลวร้ายที่น่าสลดใจภายใต้ดวงอาทิตย์คือ
ทรัพย์สมบัติที่สะสมไว้จนเป็นภัยอันตรายแก่เจ้าของ
14 หรือทรัพย์สมบัติสูญสิ้นไปเนื่องจากเคราะห์กรรมบางอย่าง
จนไม่มีอะไรเหลือตกทอดให้ลูกหลาน
15 คนเราเกิดมาจากท้องแม่ตัวเปล่าอย่างไรก็จะจากไปอย่างนั้น
เขาไม่อาจหยิบฉวยผลงานจากการตรากตรำติดมือไปได้เลย
16 นี่ก็เป็นความเลวร้ายที่น่าสลดใจด้วย
คือคนเรามาอย่างไรก็จากไปอย่างนั้น
แล้วเขาได้ประโยชน์อะไรเล่า
ในเมื่อเขาตรากตรำไปอย่างลมๆ แล้งๆ?
17 ตลอดชีวิตของเขา เขากินอยู่ในความมืดมน
เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย ความทุกข์ทรมานและความโกรธเคืองอย่างมาก
18 แล้วข้าพเจ้าจึงตระหนักว่าดีแล้ว เหมาะสมแล้ว ที่มนุษย์จะกินดื่ม และหาความอิ่มใจในการตรากตรำทำงานภายใต้ดวงอาทิตย์ตลอดชั่วชีวิตสั้นๆ ซึ่งพระเจ้าประทานให้ เพราะนี่เป็นส่วนของเขา 19 ยิ่งกว่านั้น เมื่อพระเจ้าประทานทรัพย์สมบัติและความมั่งคั่งให้ พระองค์ก็ทรงกระทำให้เขาชื่นชมกับสิ่งเหล่านั้น ให้รับส่วนของตนและเป็นสุขในงานของตนได้ นี่เป็นของขวัญของพระเจ้า 20 เขาไม่ต้องหวนคิดถึงวันคืนแห่งชีวิตของตนมากนัก เพราะพระเจ้าทรงให้เขาง่วนอยู่กับความชื่นใจ
1 จดหมายฉบับนี้จากข้าพเจ้าเปาโลผู้เป็นอัครทูตของพระเยซูคริสต์โดยพระประสงค์ของพระเจ้าตามพระสัญญาแห่งชีวิตซึ่งอยู่ในพระเยซูคริสต์
2 ถึงทิโมธีลูกที่รักของข้าพเจ้า
ขอพระคุณ พระเมตตา และสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดาและพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรามีแก่ท่าน
ให้กำลังใจให้สัตย์ซื่อ
3 เมื่อข้าพเจ้าระลึกถึงท่านในคำอธิษฐานอยู่เสมอทั้งวันทั้งคืน ข้าพเจ้าก็ขอบพระคุณพระเจ้าผู้ซึ่งข้าพเจ้ารับใช้อยู่ด้วยจิตสำนึกอันใสสะอาดเช่นเดียวกับบรรพบุรุษของข้าพเจ้า 4 เมื่อหวนนึกถึงน้ำตาของท่าน ข้าพเจ้าก็อยากจะมาหาท่านเพื่อข้าพเจ้าจะได้เปี่ยมด้วยความชื่นชมยินดี 5 ข้าพเจ้าคิดถึงความเชื่ออันจริงใจของท่าน ซึ่งตั้งแต่แรกนั้นก็มีอยู่ในโลอิสยายของท่านและในยูนีสมารดาของท่าน และข้าพเจ้าเชื่อว่าบัดนี้มีอยู่ในท่านเช่นกัน 6 ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงขอเตือนท่านว่าจงทำให้ของประทานของพระเจ้าซึ่งมีอยู่ในตัวท่านผ่านทางการวางมือของข้าพเจ้านั้นรุ่งเรือง[a]ขึ้น 7 เพราะพระเจ้าไม่ได้ทรงให้เรามีใจขลาดอาย แต่ประทานใจอันเปี่ยมด้วยฤทธิ์อำนาจ ความรัก และการรู้จักบังคับตนเองแก่เรา
8 ดังนั้นอย่าละอายที่จะเป็นพยานเรื่ององค์พระผู้เป็นเจ้าของเราหรือละอายในตัวของข้าพเจ้าผู้ถูกจองจำเพื่อพระองค์ แต่จงร่วมทนทุกข์กับข้าพเจ้าเพื่อข่าวประเสริฐโดยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า 9 ผู้ทรงช่วยเราให้รอดและทรงเรียกเรามาสู่ชีวิตอันบริสุทธิ์ ไม่ใช่เพราะการกระทำใดๆ ของเราแต่เพราะพระประสงค์และพระคุณของพระองค์เอง พระคุณนี้ได้ประทานแก่เราในพระเยซูคริสต์ตั้งแต่ก่อนจุดเริ่มต้นของเวลา 10 แต่บัดนี้ทรงให้ประจักษ์แจ้งโดยการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดของเรา ผู้ได้ทรงทำลายความตายและทรงนำชีวิตกับความเป็นอมตะมาสู่ความสว่างโดยทางข่าวประเสริฐ 11 และทรงแต่งตั้งข้าพเจ้าให้เป็นผู้ป่าวประกาศ เป็นอัครทูต และเป็นผู้สอนข่าวประเสริฐนี้ 12 นั่นเป็นเหตุให้ข้าพเจ้าทนทุกข์อย่างที่เป็นอยู่ กระนั้นข้าพเจ้าก็ไม่ละอายเพราะข้าพเจ้ารู้จักพระองค์ที่ข้าพเจ้าเชื่อ และมั่นใจว่าพระองค์ทรงสามารถรักษาสิ่งที่ข้าพเจ้ามอบไว้กับพระองค์จนถึงวันนั้นได้
13 จงยึดถือแบบอย่างของคำสอนอันมีหลักที่ท่านได้ยินจากข้าพเจ้าด้วยความเชื่อและความรักในพระเยซูคริสต์ 14 สำหรับความจริงแห่งข่าวประเสริฐที่ท่านได้รับมอบหมายไว้นั้น จงพิทักษ์รักษาไว้โดยการช่วยเหลือจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้สถิตในเราทั้งหลาย
15 ท่านก็ทราบว่าทุกคนในแคว้นเอเชียทิ้งข้าพเจ้าไปหมด รวมทั้งฟีเจลัสกับเฮอร์โมเกเนส
16 ขอพระเจ้าทรงสำแดงพระเมตตาแก่ครอบครัวของโอเนสิโฟรัสเพราะเขาทำให้ข้าพเจ้าชื่นใจบ่อยครั้งและไม่ละอายเลยที่ข้าพเจ้าถูกจองจำอยู่ 17 ตรงกันข้ามเมื่อเขาอยู่ในกรุงโรม เขาพยายามเที่ยวสืบหาข้าพเจ้าจนพบ 18 ขอพระเจ้าทรงให้เขาได้รับพระเมตตาจากองค์พระผู้เป็นเจ้าในวันนั้นด้วยเถิด! ท่านก็ทราบดีว่าเมื่ออยู่ที่เมืองเอเฟซัสเขาได้ช่วยเหลือข้าพเจ้าในหลายๆ ด้าน
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.