Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
เลวีนิติ 15

สิ่งมลทินที่หลั่งออกจากร่างกาย

15 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งโมเสสกับอาโรนว่า “จงแจ้งประชากรอิสราเอลว่า ‘ชายใดมีสิ่งที่หลั่งออกมาจากร่างกาย สิ่งที่หลั่งออกมานั้นเป็นมลทิน ไม่ว่าสิ่งนั้นจะไหลออกมาหรือคั่งอยู่ก็ตามก็ทำให้เขาเป็นมลทิน สิ่งที่หลั่งออกจะทำให้เขาเป็นมลทินในกรณีต่อไปนี้คือ

“ ‘ชายใดมีสิ่งที่หลั่งออกมา นอนที่เตียงใดหรือนั่งบนสิ่งใด สิ่งนั้นพลอยเป็นมลทินไปด้วย ใครก็ตามที่แตะต้องเตียงของเขาจะต้องซักเสื้อผ้าและอาบน้ำ เขาจะเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น ใครก็ตามนั่งบนที่นั่งของชายที่มีสิ่งที่หลั่งออก ผู้นั้นต้องซักเสื้อผ้าและอาบน้ำ และเขาจะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น

“ ‘ใครก็ตามที่สัมผัสชายผู้มีสิ่งที่หลั่งออก จะต้องซักเสื้อผ้าและอาบน้ำ และเขาจะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น

“ ‘หากชายผู้มีสิ่งที่หลั่งออกถ่มน้ำลายไปถูกคนที่สะอาด คนนั้นจะต้องซักเสื้อผ้าและอาบน้ำ และเขาจะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น

“ ‘เขานั่งบนอานใดๆ อานนั้นก็เป็นมลทิน 10 ผู้ใดแตะต้องสิ่งที่เขานั่งทับ จะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น ผู้ใดหยิบฉวยสิ่งเหล่านั้น จะต้องซักเสื้อผ้าและอาบน้ำ และเขาจะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น

11 “ ‘หากชายผู้มีสิ่งที่หลั่งออกถูกเนื้อต้องตัวผู้ใดโดยไม่ได้ล้างมือก่อน ผู้นั้นจะต้องซักเสื้อผ้าของตนและอาบน้ำ และเขาเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น

12 “ ‘ถ้าผู้เป็นมลทินไปแตะต้องภาชนะดินเผา จะต้องทุบภาชนะนั้นทิ้ง ส่วนภาชนะไม้จะต้องล้างน้ำทุกใบ

13 “ ‘เมื่อเขาปลอดจากสิ่งที่หลั่งออก ให้เขาคอยอยู่เจ็ดวัน เป็นการชำระตนให้สะอาดตามระเบียบพิธี เขาต้องซักเสื้อผ้าและอาบน้ำด้วยน้ำสะอาด แล้วเขาจะสะอาด 14 ในวันที่แปดเขาต้องนำนกเขาหรือนกพิราบรุ่นสองตัวมาเข้าเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าตรงทางเข้าเต็นท์นัดพบ แล้วมอบนกให้แก่ปุโรหิต 15 ปุโรหิตจะถวายนกตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป อีกตัวหนึ่งเป็นเครื่องเผาบูชา ปุโรหิตจะลบบาปให้ชายผู้นั้นที่มีสิ่งที่หลั่งออกด้วยวิธีนี้ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า

16 “ ‘เมื่อชายคนใดหลั่งน้ำอสุจิ เขาจะต้องชำระทั้งร่างกายด้วยน้ำ และเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น 17 ผ้าหรือหนังซึ่งเปื้อนน้ำอสุจิจะต้องนำไปซักล้างด้วยน้ำ และเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น 18 เมื่อชายหญิงหลับนอนกันและมีการหลั่งน้ำอสุจิ ทั้งคู่จะต้องอาบน้ำและเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น

19 “ ‘เมื่อผู้หญิงมีประจำเดือน จะอยู่ในระยะเป็นมลทินตลอดเจ็ดวัน ผู้ใดถูกเนื้อต้องตัวนาง จะเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น

20 “ ‘ที่ซึ่งนางนอนหรือนั่งในช่วงที่นางมีประจำเดือนจะเป็นมลทิน 21 ผู้ใดแตะต้องเตียงของนาง ต้องซักเสื้อผ้าและอาบน้ำ และเขาจะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น 22 ผู้ใดแตะต้องสิ่งที่นางนั่งทับ ต้องซักเสื้อผ้าและอาบน้ำ และเขาจะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น 23 ไม่ว่าจะเป็นเตียงหรือสิ่งที่นางนั่งทับ เมื่อผู้ใดไปแตะต้องสิ่งนั้น เขาจะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น

24 “ ‘ชายใดหลับนอนกับนางและสัมผัสประจำเดือนของนาง เขาจะเป็นมลทินไปเจ็ดวัน และเขานอนที่เตียงใด เตียงนั้นจะเป็นมลทิน

25 “ ‘เมื่อผู้หญิงคนใดที่มีเลือดไหลออกเป็นเวลาหลายวัน นอกเหนือจากที่เป็นประจำเดือนปกติ หรือมีประจำเดือนหลายวันเกินกำหนด นางจะเป็นมลทินตราบเท่าที่นางมีเลือดไหลออกเหมือนอย่างวันที่นางมีประจำเดือน 26 ในช่วงนั้นนางนอนที่ใด ที่นั่นก็เป็นมลทินเช่นเดียวกับเวลาที่นางมีประจำเดือนตามปกติ ทุกอย่างที่นางนั่งทับจะเป็นมลทินเช่นเดียวกัน 27 ผู้ใดแตะต้องเตียงของนางหรือสิ่งที่นางนั่งทับจะเป็นมลทิน จะต้องซักเสื้อผ้าและอาบน้ำ และเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น

28 “ ‘เมื่อนางได้รับการชำระจากสิ่งที่หลั่งออกมาแล้ว นางต้องนับต่อไปอีกเจ็ดวัน หลังจากนั้นนางจะสะอาดตามระเบียบพิธี 29 ในวันที่แปดนางจะต้องนำนกเขาหรือนกพิราบรุ่นสองตัวมามอบแก่ปุโรหิตตรงทางเข้าเต็นท์นัดพบ 30 ปุโรหิตจะถวายนกตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปและอีกตัวหนึ่งเป็นเครื่องเผาบูชา ปุโรหิตจะลบบาปให้นางโดยวิธีนี้ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเนื่องด้วยสิ่งที่หลั่งออกที่เป็นมลทินของนาง

31 “ ‘เจ้าจะต้องแยกชนอิสราเอลทั้งหลายออกจากสิ่งที่ทำให้เขาเป็นมลทิน เพื่อเขาจะไม่ตายด้วยมลทินของเขาที่ทำให้ที่ประทับ[a]ของเราซึ่งอยู่ท่ามกลางพวกเขานั้นเป็นมลทิน’ ”

32 ทั้งหมดนี้คือกฎระเบียบสำหรับผู้ชายที่เป็นมลทินเนื่องจากสิ่งที่หลั่งออกหรือหลั่งอสุจิ 33 และสำหรับผู้หญิงที่อยู่ในช่วงมีประจำเดือน และสำหรับผู้ชายหรือผู้หญิงที่มีสิ่งที่หลั่งออก และสำหรับผู้ชายที่หลับนอนกับผู้หญิงที่เป็นมลทินตามระเบียบพิธี

สดุดี 18

(A)(ถึงหัวหน้านักร้อง บทสดุดีของดาวิดผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงขับร้องถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า เมื่อครั้งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกอบกู้พระองค์จากศัตรูทั้งสิ้น รวมทั้งซาอูลด้วย)

18 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นกำลังของข้าพระองค์ ข้าพระองค์รักพระองค์

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นศิลา เป็นป้อมปราการ และผู้กอบกู้ของข้าพเจ้า
พระเจ้าของข้าพเจ้าทรงเป็นศิลาที่ข้าพเจ้าเข้าไปลี้ภัย
ทรงเป็นโล่ เป็นกำลัง[a]แห่งความรอดและเป็นที่มั่นของข้าพเจ้า

ข้าพเจ้าร้องทูลต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงสมควรแก่การสรรเสริญ
แล้วข้าพเจ้าก็ได้รับการช่วยให้รอดพ้นจากเหล่าศัตรู
บ่วงแห่งความตายพันธนาการข้าพเจ้าไว้
กระแสแห่งความหายนะท่วมท้นข้าพเจ้า
บ่วงแห่งแดนผู้ตายรัดรอบตัวข้าพเจ้า
บ่วงแร้วแห่งความตายอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า

ในยามทุกข์โศก ข้าพเจ้าร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้า
ข้าพเจ้าร้องทูลขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าของข้าพเจ้า
พระองค์ทรงสดับเสียงของข้าพเจ้าจากพระวิหารของพระองค์
เสียงร่ำร้องของข้าพเจ้าไปถึงพระองค์ ถึงพระกรรณของพระองค์
แผ่นดินโลกสะเทือนเลื่อนลั่น
รากของภูเขาทั้งหลายสั่นคลอน
ภูเขาเหล่านั้นสั่นสะเทือนเพราะพระองค์ทรงพระพิโรธ
ควันพลุ่งออกมาจากพระนาสิก
เปลวไฟเผาผลาญและถ่านไฟลุกโชน
ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์
พระองค์ทรงแหวกฟ้าสวรรค์และเสด็จลงมา
เมฆมืดทึบอยู่ใต้พระบาทของพระองค์
10 พระองค์ทรงประทับเหนือเครูบและทะยานมา
เสด็จมาด้วยปีกแห่งกระแสลม
11 พระองค์ทรงให้ความมืดปกคลุมอยู่รายรอบพระองค์
ทรงให้เมฆฝนดำทะมึนในท้องฟ้าอยู่รอบพระองค์
12 แสงสว่างเจิดจ้าแห่งการปรากฏของพระองค์ผ่านหมู่เมฆออกมา
ด้วยสายฟ้าแลบและพายุลูกเห็บ
13 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเปล่งกัมปนาทจากฟ้าสวรรค์
พระสุรเสียงขององค์ผู้สูงสุดดังก้อง[b]
14 ทรงยิงลูกศรของพระองค์ ทำให้เหล่าศัตรูกระเจิดกระเจิงไป
ทรงส่งฟ้าแลบแวบวาบทำให้พวกเขาแตกพ่ายไป
15 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า เมื่อพระองค์ทรงกำราบ
เมื่อลมพวยพุ่งออกจากพระนาสิกของพระองค์
หุบเขาในทะเลก็เผยออก
รากฐานของโลกก็ปรากฏ

16 พระองค์ทรงเอื้อมพระหัตถ์จากเบื้องบนลงมายึดข้าพเจ้าไว้
ทรงดึงข้าพเจ้าขึ้นจากห้วงน้ำลึก
17 พระองค์ทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากศัตรูผู้ทรงอำนาจ
จากปฏิปักษ์ผู้แข็งแกร่งกว่าข้าพเจ้า
18 พวกเขาบุกโจมตีในยามที่ข้าพเจ้าประสบภัยพิบัติ
แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงค้ำชูข้าพเจ้าไว้
19 พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าออกมายังที่กว้างขวาง
ทรงช่วยข้าพเจ้าไว้เพราะทรงปีติยินดีในตัวข้าพเจ้า

20 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบแทนข้าพเจ้าตามความชอบธรรมของข้าพเจ้า
ทรงปูนบำเหน็จแก่ข้าพเจ้าเนื่องจากข้าพเจ้าเป็นคนมือสะอาด
21 เพราะข้าพเจ้ารักษาทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ข้าพเจ้าไม่ได้ทำชั่วโดยหันไปจากพระเจ้าของข้าพเจ้า
22 บทบัญญัติทั้งสิ้นของพระองค์อยู่ต่อหน้าข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าไม่ได้หันไปจากกฎหมายของพระองค์
23 ข้าพเจ้าไร้ตำหนิต่อหน้าพระองค์
และได้รักษาตนให้พ้นจากบาป
24 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปูนบำเหน็จแก่ข้าพเจ้าตามความชอบธรรมของข้าพเจ้า
ตามที่ทรงเห็นว่าข้าพเจ้าเป็นคนมือสะอาด

25 ต่อผู้ที่ซื่อสัตย์ ทรงสำแดงพระองค์ว่าซื่อสัตย์
ต่อผู้ที่ไร้ที่ติ ทรงสำแดงพระองค์ว่าไร้ที่ติ
26 ต่อผู้ที่บริสุทธิ์ ทรงสำแดงพระองค์ว่าบริสุทธิ์
แต่กับผู้ที่คดโกง ทรงสำแดงพระองค์ว่าฉลาดหลักแหลม
27 พระองค์ทรงช่วยผู้ที่ถ่อมใจให้รอดพ้น
ส่วนผู้ที่หยิ่งผยอง ทรงทำให้ตกต่ำลง
28 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงรักษาประทีปของข้าพระองค์ให้โชติช่วง
พระเจ้าของข้าพระองค์ทรงเปลี่ยนความมืดมนของข้าพระองค์ให้กลายเป็นความสว่าง
29 ข้าพระองค์สามารถตะลุยกองทัพได้[c]ด้วยความช่วยเหลือจากพระองค์
และข้าพระองค์ปีนข้ามกำแพงเมืองได้โดยพระเจ้าของข้าพระองค์

30 สำหรับพระเจ้า วิถีของพระองค์นั้นดีพร้อม
พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่มีข้อผิดพลาด
พระองค์ทรงเป็นโล่
สำหรับทุกคนที่เข้าลี้ภัยในพระองค์
31 ใครเล่าเป็นพระเจ้า นอกจากพระยาห์เวห์?
ผู้ใดเล่าคือพระศิลา เว้นแต่พระเจ้าของเรา?
32 พระเจ้านี่แหละ ทรงเป็นผู้ประทานกำลังแก่ข้าพเจ้า
ทรงกระทำให้หนทางของข้าพเจ้าดีพร้อม
33 พระองค์ทรงกระทำให้เท้าของข้าพเจ้าเป็นเหมือนเท้ากวาง
ทรงทำให้ข้าพเจ้ายืนอยู่บนที่สูงได้
34 พระองค์ทรงฝึกมือของข้าพเจ้าให้พร้อมรบ
แขนของข้าพเจ้าจึงสามารถโก่งคันธนูทองสัมฤทธิ์ได้
35 พระองค์ประทานโล่แห่งชัยชนะของพระองค์แก่ข้าพระองค์
และทรงค้ำชูข้าพระองค์ไว้ด้วยพระหัตถ์ขวา
พระองค์ทรงน้อมพระองค์ลงเพื่อกระทำให้ข้าพระองค์ยิ่งใหญ่
36 พระองค์ทรงกระทำให้ทางที่ข้าพระองค์เดินนั้นกว้างขวาง
เพื่อข้าพระองค์จะไม่พลาดล้ม[d]

37 ข้าพระองค์รุกไล่ศัตรูจนทัน
ข้าพระองค์ไม่ได้หันหลังกลับจนกระทั่งพวกเขาถูกทำลาย
38 ข้าพระองค์บดขยี้จนพวกเขาไม่อาจลุกขึ้นมาได้อีก
พวกเขาสยบอยู่ใต้เท้าของข้าพระองค์
39 พระองค์ประทานกำลังให้ข้าพระองค์แข็งแกร่งพร้อมรบ
ทรงกระทำให้บรรดาปฏิปักษ์ของข้าพระองค์หมอบแทบเท้าข้าพระองค์
40 พระองค์ทรงกระทำให้ศัตรูของข้าพระองค์ถอยหนีไป
ข้าพระองค์ทำลายล้างปฏิปักษ์ของข้าพระองค์
41 พวกเขาร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครช่วย
เขาร้องทูลต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่พระองค์ไม่ทรงตอบ
42 ข้าพระองค์จึงบดขยี้พวกเขาแหลกละเอียดเป็นผงธุลีฟุ้งไปในสายลม
ข้าพระองค์เหยียบย่ำพวกเขาเหมือนเหยียบโคลนตามถนน
43 พระองค์ทรงช่วยข้าพระองค์จากการโจมตีของฝูงชน
ทรงตั้งข้าพระองค์ให้เป็นประมุขของประชาชาติทั้งหลาย
ผู้คนที่ข้าพระองค์ไม่รู้จักก็มาสวามิภักดิ์ต่อข้าพระองค์
44 ทันทีที่ได้ยินถึงข้าพระองค์ พวกเขาก็เชื่อฟังข้าพระองค์
คนต่างชาติมาสยบต่อข้าพระองค์
45 พวกเขาล้วนเสียขวัญ
ต่างก็ตัวสั่นออกมาจากที่มั่น

46 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์อยู่! ขอถวายสรรเสริญแด่พระศิลาของข้าพระองค์!
ขอพระเจ้า พระผู้ช่วยให้รอดของข้าพระองค์ทรงเป็นที่ยกย่องเทิดทูน!
47 พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงแก้แค้นให้ข้าพเจ้า
ผู้ทรงกระทำให้ประชาชาติต่างๆ ยอมสยบต่อข้าพเจ้า
48 ผู้ทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากเหล่าศัตรู
พระองค์ทรงเชิดชูข้าพเจ้าไว้เหนือข้าศึกทั้งหลาย
ทรงกอบกู้ข้าพเจ้าจากหมู่คนอำมหิต
49 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะเหตุนี้ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ในหมู่ประชาชาติทั้งหลาย
จะร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์

50 พระองค์ประทานชัยชนะยิ่งใหญ่แก่กษัตริย์ที่ทรงเลือกสรรไว้
ทรงสำแดงความกรุณาอย่างไม่หยุดยั้งต่อผู้ที่พระองค์ทรงเจิมตั้งไว้
คือดาวิดและวงศ์วานของเขาสืบไปเป็นนิตย์

สุภาษิต 29

29 ผู้ที่ถูกตักเตือนบ่อยๆ แต่ยังทำคอแข็งไม่ฟัง
จะแหลกสลายเกินเยียวยาในชั่วพริบตา

เมื่อคนชอบธรรมเจริญ ผู้คนก็ชื่นชมยินดี
เมื่อคนชั่วขึ้นปกครอง ผู้คนก็โอดครวญ

ชายที่รักสติปัญญาทำให้พ่อสุขใจ
แต่คนที่คบหาสมาคมกับหญิงโสเภณีก็จะหมดเนื้อหมดตัว

กษัตริย์สร้างความมั่นคงให้ชาติด้วยความยุติธรรม
แต่กษัตริย์ที่รับสินบน[a]ก็ทำลายชาติ

ผู้ที่ประจบสอพลอเพื่อนบ้านของตน
ก็กางข่ายไว้ดักเท้าของตน[b]

คนเลวติดกับเพราะบาปของตน
แต่คนชอบธรรมโห่ร้องยินดี

คนชอบธรรมใส่ใจในความยุติธรรมเพื่อผู้ยากไร้
แต่คนชั่วไม่แยแส

คนชอบเยาะเย้ยทำให้บ้านเมืองโกลาหล
แต่คนฉลาดทำให้ความโกลาหลสงบลง

หากคนฉลาดต้องเผชิญหน้ากับคนโง่ในศาล
คนโง่ก็จะโกรธจนตัวสั่น หัวเราะเย้ยหยัน และไม่มีความสงบสุข

10 คนกระหายเลือดเกลียดชังคนสุจริต
และหาทางกำจัดผู้ที่เที่ยงธรรม

11 คนโง่เขลาระบายความโกรธเต็มที่
แต่คนฉลาดจะสงบนิ่งได้ในที่สุด

12 ถ้าผู้ครอบครองฟังความเท็จ
ข้าราชการทุกคนของเขาจะกลายเป็นคนชั่วไปด้วย

13 ผู้ยากไร้และผู้กดขี่ข่มเหงก็เหมือนกันอย่างหนึ่ง
คือองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานตาที่แลเห็นให้พวกเขาทั้งคู่

14 หากกษัตริย์ให้ความเที่ยงธรรมแก่ผู้ยากไร้
ราชบัลลังก์ก็จะยืนยงเสมอ

15 ไม้เรียวและการลงโทษจะให้ปัญญา
แต่เด็กที่ถูกปล่อยปละละเลยจะทำให้แม่อับอายขายหน้า

16 เมื่อคนชั่วเจริญ บาปก็ทวีขึ้น
แต่คนชอบธรรมจะเห็นความล่มจมของเหล่าคนชั่ว

17 จงอบรมสั่งสอนลูกของเจ้า แล้วเขาจะทำให้เจ้ามีสันติสุข
เขาจะทำให้เจ้าชื่นอกชื่นใจ

18 ในที่ซึ่งไม่มีการเผยพระวจนะ สังคมก็โกลาหลวุ่นวาย
แต่ความสุขมีแก่ผู้ที่รักษาบทบัญญัติ

19 จะอบรมสั่งสอนคนรับใช้ด้วยคำพูดอย่างเดียวไม่ได้
แม้เขาเข้าใจ เขาก็ไม่ยอมทำตาม

20 เจ้าเห็นคนที่พูดพล่อยๆ หรือไม่?
ยังมีความหวังสำหรับคนโง่มากกว่าเขา

21 การประคบประหงมคนรับใช้ตั้งแต่เด็ก
เขาจะนำความทุกข์โศกมาให้[c]ในที่สุด

22 คนขี้โมโหก่อการวิวาท
และคนเลือดร้อนทำบาปมากมาย

23 ความหยิ่งผยองทำให้คนเราตกต่ำ
ส่วนผู้ที่จิตใจถ่อมสุภาพได้รับเกียรติ

24 ผู้ที่สมคบกับขโมยก็เป็นศัตรูกับตัวเอง
ต้องสาบานในศาลแต่ไม่กล้าเป็นพยาน

25 ความกลัวของคนเป็นเพียงกับดัก
แต่ผู้ที่วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าก็ปลอดภัย

26 หลายคนวิ่งเต้นเข้าหาเจ้านาย
แต่คนเราได้รับความยุติธรรมจากองค์พระผู้เป็นเจ้า

27 คนอยุติธรรมชิงชังคนชอบธรรม
แต่คนเที่ยงตรงชิงชังคนชั่ว

2 เธสะโลนิกา 3

ขอให้อธิษฐานเผื่อ

สุดท้ายนี้พี่น้องทั้งหลาย โปรดอธิษฐานเผื่อเราเพื่อพระกิตติคุณขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะได้แผ่ไปอย่างรวดเร็ว และเป็นที่เทิดทูนเหมือนที่เป็นไปในหมู่พวกท่าน และจงอธิษฐานเพื่อเราจะได้รับการช่วยเหลือให้พ้นจากคนชั่วและคนเลว เพราะไม่ใช่ทุกคนมีความเชื่อ แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสัตย์ซื่อ พระองค์จะทรงทำให้ท่านเข้มแข็งขึ้นและปกป้องท่านให้พ้นจากคนชั่วร้าย เรามั่นใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า ท่านกำลังปฏิบัติตามที่เราบัญชาอยู่และจะทำเช่นนั้นต่อไป ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงนำใจท่านทั้งหลายเข้าในความรักของพระเจ้าและในความมานะอดทนของพระคริสต์

ตักเตือนไม่ให้เกียจคร้าน

พี่น้องทั้งหลาย เราขอสั่งท่านในพระนามขององค์พระเยซูคริสต์เจ้า จงหลีกห่างจากพี่น้องทุกคนที่เกียจคร้านและไม่ยอมดำเนินชีวิตตามคำสอน[a]ที่ท่านได้รับจากเรา เพราะท่านเองย่อมทราบว่าควรทำตามแบบอย่างของเรา เมื่อเราอยู่กับท่านเราไม่ได้เกียจคร้านเลย ทั้งไม่ได้รับเลี้ยงจากใครโดยไม่ตอบแทน ในทางตรงกันข้ามเราทำงานหามรุ่งหามค่ำ ลงแรงตรากตรำเพื่อจะไม่เป็นภาระแก่ใครๆ ในพวกท่าน ที่เราทำไปเช่นนี้ไม่ใช่เพราะเราไม่มีสิทธิ์รับความช่วยเหลือเหล่านั้น แต่เพื่อทำตนเป็นแบบอย่างให้ท่านปฏิบัติตาม 10 เพราะแม้ขณะอยู่กับท่านเราวางกฎไว้ให้ท่านว่า “ถ้าใครไม่ทำงานก็ไม่ต้องกิน”

11 เราได้ยินว่าบางคนในพวกท่านเกียจคร้าน ไม่ยอมทำงาน เอาแต่ยุ่งเรื่องของคนอื่น 12 เราขอสั่งกำชับในองค์พระเยซูคริสต์เจ้าให้คนเช่นนี้ทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวหาเลี้ยงตนเอง 13 และสำหรับท่านพี่น้องทั้งหลาย อย่าอ่อนล้าที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง

14 ผู้ใดไม่เชื่อฟังคำสั่งสอนของเราในจดหมายนี้ จงเพ่งเล็งเขา อย่าไปคบหาด้วยเพื่อเขาจะได้ละอายแก่ใจ 15 กระนั้นก็อย่าถือว่าเขาเป็นศัตรู แต่จงเตือนสติเขาฉันพี่น้อง

คำลงท้าย

16 ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งสันติสุขเองประทานสันติสุขแก่ท่านทั้งหลายทุกด้านทุกเวลา ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับพวกท่านทั้งปวง

17 ข้าพเจ้าเปาโลลงมือเขียนคำลงท้ายนี้เอง เป็นเครื่องหมายเฉพาะในจดหมายของข้าพเจ้าทุกฉบับ นี่คือวิธีเขียนของข้าพเจ้า

18 ขอพระคุณขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเรามีแก่พวกท่านทั้งปวง

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.