Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
อพยพ 23

กฎแห่งความเป็นธรรมและเมตตา

23 อย่ากล่าวเท็จต่อๆ กันไป และอย่าช่วยเหลือผู้มีความผิดด้วยการเป็นพยานเท็จ อย่ากระทำชั่วตามคนส่วนใหญ่ และจงอย่าเป็นพยานในคดีความที่มีการฟ้องร้อง เพื่อเข้าข้างคนส่วนใหญ่ ซึ่งถือว่าบิดเบือนความเป็นธรรม อย่าโน้มเอียงเข้าข้างคนยากไร้ในยามฟ้องร้อง

ถ้าเจ้าพบโคหรือลาของศัตรูโดยบังเอิญ เจ้าต้องนำมันมาคืนให้เขา ถ้าเจ้าเห็นลาแบกของหนักล้มทรุดลง และเจ้าของลาคือคนที่เกลียดเจ้า เจ้าก็ต้องช่วยลาของเขาให้ลุกขึ้น

อย่าปฏิเสธความเป็นธรรมที่คนยากไร้ควรได้รับในกรณีฟ้องร้อง อย่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับการกล่าวหาผิดๆ อย่าทำให้ผู้ไร้ความผิดหรือผู้มีความชอบธรรมต้องรับโทษถึงตาย เพราะเราจะไม่ปล่อยคนชั่วให้รอดมือไปได้ อย่ารับสินบน เพราะการรับสินบนทำให้คนตาดีกลายเป็นคนตาบอด และพลิกคดีของผู้ปราศจากความผิดได้

อย่าข่มเหงคนต่างด้าว เจ้ารู้ใจคนต่างด้าวอย่างลึกซึ้ง เพราะเจ้าเองก็เคยเป็นคนต่างด้าวในแผ่นดินอียิปต์

กฎของวันสะบาโต

10 เจ้าหว่านพืชและเก็บเกี่ยวได้ผลเป็นเวลา 6 ปี 11 แต่ในปีที่เจ็ดเจ้าต้องปล่อยที่นาทิ้งไว้ ให้บรรดาผู้ยากไร้เก็บรับประทานของในนาได้ เศษที่พวกเขาเหลือไว้ก็ให้สัตว์ป่ากิน สวนองุ่นและสวนมะกอกเจ้าก็จงทำเช่นนั้นเหมือนกัน

12 จงทำการงานของเจ้า 6 วัน แต่เจ้าจงหยุดพักในวันที่เจ็ด เพื่อโคและลาของเจ้าได้หยุดพัก ทาสที่กำเนิดในครัวเรือนของเจ้าและชาวต่างด้าวจะได้มีเวลาหายใจบ้าง

13 เจ้าจงทำตามทุกสิ่งที่เราบอกไว้ให้ดี อย่าอธิษฐานต่อเทพเจ้าใดๆ หรือแม้แต่จะเอ่ยชื่อก็อย่าทำ

งานเทศกาลประจำปีทั้งสาม

14 เจ้าจงฉลองงานเทศกาลเพื่อเป็นเกียรติแก่เราปีละ 3 ครั้ง 15 เจ้าจงฉลองเทศกาลขนมปังไร้เชื้อ ตามที่เราสั่งเจ้าคือ รับประทานขนมปังไร้เชื้อในระยะ 7 วันตามเวลาที่กำหนดไว้ในเดือนอาบีบ เพราะเจ้าออกจากอียิปต์ในเดือนนั้น อย่าให้ใครมาอยู่เบื้องหน้าเราโดยมือเปล่า 16 เจ้าจงใช้ผลแรกที่เก็บเกี่ยวได้จากนาของเจ้า เพื่อฉลองเทศกาลเก็บเกี่ยวธัญพืช[a] จงฉลองเทศกาลเก็บรวมตอนปลายปี คือเวลาที่เจ้ารวบรวมผลผลิตทั้งหมดที่ได้จากแรงงานที่ไร่นาของเจ้า 17 ชายทุกคนในพวกเจ้าต้องมา ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ปีละ 3 ครั้ง

18 อย่าถวายเลือดสัตว์จากเครื่องสักการะของเราปนกับสิ่งใดที่มีเชื้อยีสต์ หรือปล่อยให้มีไขมันจากงานเทศกาลของเราเหลืออยู่จนถึงรุ่งเช้า

19 จงนำผลแรกที่พิเศษสุดจากนาที่เจ้าเก็บเกี่ยวได้มายังพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า

อย่าต้มลูกแพะในน้ำนมของแม่มัน[b]

ทูตสวรรค์ของพระเจ้าเตรียมทาง

20 ดูเถิด เราส่งทูตสวรรค์ผู้หนึ่งไปล่วงหน้าเจ้าเพื่อปกปักรักษาเจ้าเวลาเดินทาง และนำเจ้าไปยังที่ที่เราได้เตรียมไว้ให้เจ้าแล้ว 21 จงตั้งใจและเชื่อฟังเขา อย่าขัดขืนต่อเขา เพราะเขาจะไม่ยกโทษการล่วงละเมิดของพวกเจ้า เพราะเขามีสิทธิอำนาจในนามของเรา

22 แต่ถ้าเจ้าตั้งใจเชื่อฟังเขาเป็นอย่างดี และกระทำตามทุกสิ่งที่เราพูด เราก็จะเป็นศัตรูกับเหล่าศัตรูของเจ้า และเป็นปฏิปักษ์กับบรรดาปฏิปักษ์ของเจ้า

23 เมื่อทูตสวรรค์ของเราไปล่วงหน้าเจ้าและนำเจ้าไปยังชาวอาโมร์ ชาวฮิต ชาวเปริส ชาวคานาอัน ชาวฮีว และชาวเยบุส เราจะทำให้พวกเขาสาบสูญไป 24 อย่าก้มกราบหรือนมัสการบรรดาเทพเจ้าของพวกเขา หรือปฏิบัติตามอย่างพวกเขา แต่เจ้าจงทำลายรูปเคารพให้หมดสิ้นและทุบแผ่นหินที่ตั้งอยู่ให้แตกเป็นเสี่ยงๆ 25 เจ้าจงนมัสการพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเจ้า แล้วเราจะอวยพรเจ้าผ่านอาหารและน้ำของเจ้า และจะทำให้พวกเจ้าพ้นจากโรคภัยด้วย 26 จะไม่มีผู้ใดแท้งลูกหรือเป็นหมันในแผ่นดินของเจ้า และจะให้เจ้ามีอายุยืน 27 เราจะทำให้ชนชาติทั้งปวงที่เป็นปฏิปักษ์กับเจ้าเกิดพรั่นพรึงขึ้นมา เราจะทำให้พวกศัตรูของเจ้าสับสนและหันหลังเตลิดไป 28 เราจะส่งฝูงแตนไปล่วงหน้าเจ้า เพื่อไล่ชาวฮีว ชาวคานาอันและชาวฮิตไปให้พ้นทางของเจ้า 29 เราจะไม่ไล่พวกเขาให้พ้นทางในระยะเวลาปีเดียว เพราะเกรงว่าแผ่นดินจะกลายเป็นที่ร้าง และจำนวนสัตว์ป่าก็จะมีมากกว่าพวกเจ้า 30 เราจะไล่พวกเขาให้พ้นทางเจ้าทีละน้อย จนกระทั่งพวกเจ้าทวีจำนวนมากขึ้นจนเป็นเจ้าของดินแดน 31 แล้วเราจะกำหนดเขตแดนจากทะเลแดงจนถึงทะเลของชาวฟีลิสเตีย และจากถิ่นทุรกันดารจรดแม่น้ำยูเฟรติส เพราะเราจะทำให้ผู้อยู่อาศัยในดินแดนตกอยู่ในมือของพวกเจ้า และเจ้าจะขับไล่พวกเขาไปให้พ้นหน้าเจ้า 32 อย่าทำพันธสัญญากับพวกเขาหรือบรรดาเทพเจ้าของเขา 33 อย่ายอมให้พวกเขาอาศัยอยู่ในดินแดนของเจ้า เกรงว่าเขาจะเป็นเหตุให้พวกเจ้ากระทำผิดต่อเรา เพราะถ้าหากว่าเจ้าบูชาบรรดาเทพเจ้าของพวกเขา เจ้าก็จะติดบ่วงแร้วอย่างแน่นอน”

ยอห์น 2

งานสมรสที่หมู่บ้านคานา

ในวันที่สามมีงานสมรสที่หมู่บ้านคานาในแคว้นกาลิลี มารดาของพระเยซูอยู่ที่นั่น และพระเยซูพร้อมด้วยเหล่าสาวกของพระองค์ได้รับเชิญไปในงานนั้นด้วย เมื่อเหล้าองุ่นหมด มารดาของพระเยซูได้พูดกับพระองค์ว่า “เหล้าองุ่นหมดแล้ว” พระเยซูกล่าวกับนางว่า “หญิงเอ๋ย เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับข้าพเจ้าและท่านหรือ ยังไม่ถึงกำหนดเวลาของข้าพเจ้า” มารดาของพระองค์บอกพวกผู้รับใช้ว่า “จงทำตามที่ท่านสั่งเจ้าเถิด”

มีโอ่งหินชนิดที่ชาวยิวใช้สำหรับพิธีชำระล้างตั้งอยู่ 6 ใบ แต่ละใบจุน้ำได้ประมาณ 80-120 ลิตร พระเยซูกล่าวกับพวกคนรับใช้ว่า “จงตักน้ำใส่โอ่งให้เต็ม” คนรับใช้ก็ตักน้ำใส่จนเต็มถึงปากโอ่ง พระองค์บอกพวกเขาว่า “จงตักไปให้หัวหน้าคนรับใช้เถิด” คนรับใช้ก็ทำตาม หัวหน้าคนรับใช้ชิมน้ำและพบว่า น้ำได้กลายเป็นเหล้าองุ่นไปแล้ว เขาไม่ทราบว่าเหล้าองุ่นมาจากไหน แต่ว่าพวกคนรับใช้ที่ตักน้ำทราบดี เขาจึงเรียกเจ้าบ่าวมา 10 และพูดว่า “ทุกคนเอาเหล้าองุ่นอย่างดีมาให้ก่อน เมื่อดื่มกันจนมากมายแล้วจึงเอาที่ไม่สู้ดีมาให้ แต่ท่านได้เก็บเหล้าองุ่นอย่างดีไว้จนถึงบัดนี้” 11 นี่เป็นปรากฏการณ์อัศจรรย์ครั้งแรกที่พระเยซูได้กระทำที่หมู่บ้านคานาในแคว้นกาลิลี พระองค์ได้แสดงให้เห็นพระบารมีของพระองค์ และบรรดาสาวกก็เชื่อในพระองค์

12 หลังจากนั้นพระองค์พร้อมด้วยมารดาและบรรดาน้องชาย รวมทั้งสาวกของพระองค์ได้เดินทางลงไปยังเมืองคาเปอร์นาอุม และพักอยู่ที่นั่นเพียงไม่กี่วัน

พระเยซูขับไล่คนซื้อขายที่พระวิหาร

13 เมื่อเกือบถึงเทศกาลปัสกาของชาวยิว[a] พระเยซูเดินทางขึ้นไปยังเมืองเยรูซาเล็ม 14 ในบริเวณพระวิหาร พระองค์พบว่ามีคนขายโค แกะ และนกพิราบ มีคนนั่งโต๊ะแลกเปลี่ยนเงินตรา 15 พระองค์เอาเชือกทำเป็นแส้ ไล่ทั้งโคและแกะเหล่านั้นให้พ้นจากบริเวณพระวิหาร พระองค์เทเหรียญออกและคว่ำโต๊ะของพวกคนแลกเปลี่ยนเงิน 16 ครั้นแล้วก็กล่าวกับพวกคนขายนกพิราบว่า “จงเอานกพวกนี้ไป และอย่ามาใช้พระตำหนักของพระบิดาของเราเป็นที่ค้าขายอีก” 17 บรรดาสาวกของพระองค์จำได้ว่ามีบันทึกไว้ว่า “ความปรารถนาอันแรงกล้าในเรื่องพระตำหนักของพระองค์ท่วมท้นใจข้าพเจ้า”[b]

18 บรรดาชาวยิวพูดกับพระองค์ว่า “ท่านแสดงปรากฏการณ์อัศจรรย์อะไรให้เราเห็นได้บ้างไหมว่า ท่านมีสิทธิอำนาจในการกระทำสิ่งเหล่านี้” 19 พระเยซูตอบพวกเขาว่า “ท่านทำลายพระวิหารนี้ และใน 3 วันเราจะสร้างขึ้นมาได้อีก” 20 บรรดาชาวยิวตอบว่า “ต้องใช้เวลาถึง 46 ปีจึงสร้างพระวิหารนี้ขึ้นมาได้ ท่านจะสร้างให้เสร็จได้ใน 3 วันหรือ” 21 พระวิหารที่พระองค์พูดถึงนั้นคือร่างของพระองค์ 22 หลังจากที่พระองค์ฟื้นคืนชีวิตจากความตายแล้ว เหล่าสาวกจึงจำได้ว่า พระองค์ได้พูดถึงเรื่องนี้แล้ว และทำให้พวกเขาเชื่อพระคัมภีร์และคำที่พระเยซูได้กล่าวไว้

23 ในเทศกาลปัสกาขณะที่พระองค์พำนักอยู่ที่เมืองเยรูซาเล็ม มีคนจำนวนมากที่เห็นปรากฏการณ์อัศจรรย์ซึ่งพระองค์ได้กระทำ พวกเขาจึงเชื่อในพระนามของพระองค์ 24 แต่พระเยซูมิได้วางใจในคนเหล่านั้น เพราะพระองค์รู้ถึงจิตใจมนุษย์ทั้งหลาย 25 พระองค์ไม่จำเป็นต้องให้ผู้ใดมายืนยันในเรื่องของมนุษย์ เพราะทราบดีว่ามนุษย์เป็นอย่างไร

โยบ 41

41 เจ้าสามารถล่อตัวเหราออกมาด้วยเบ็ด
    หรือมัดลิ้นมันด้วยเชือกได้หรือ
เจ้าสามารถคล้องเชือกที่จมูกของมัน
    หรือเกี่ยวขอที่ขากรรไกรมันได้หรือ
มันจะขอร้องเจ้าหลายครั้งหรือ
    มันจะใช้คำพูดที่อ่อนหวานกับเจ้าหรือ
มันจะให้คำมั่นสัญญากับเจ้า
    ให้เจ้ารับมันเป็นผู้รับใช้ของเจ้าไปตลอดกาลหรือ
เจ้าจะเล่นกับมันเหมือนเล่นกับนกหรือ
    เจ้าจะจูงมันไปให้พวกหญิงรับใช้ของเจ้าเล่นหรือ
พวกพ่อค้าย่อยจะแย่งกันต่อรองค่าตัวมันหรือ
    พวกเขาจะแบ่งตัวมันให้กับพวกพ่อค้าใหญ่หรือ
เจ้าสามารถแทงหนังมันด้วยฉมวก
    หรือแทงหัวมันด้วยหอกแทงปลาหรือ
ถ้าเจ้าแตะต้องตัวมัน
    ก็จงจดจำการต่อสู้นั้นไว้ แล้วเจ้าจะไม่ทำอีก
ดูเถิด ความหวังที่จะปราบมันนั้นเป็นไปไม่ได้
    เพียงแต่เห็นตัวมัน เจ้าก็ถอยแล้ว
10 ไม่มีผู้ใดดุร้ายพอที่จะปลุกมันขึ้นมา
    แล้วผู้ใดเล่าสามารถยืนสู้หน้าเรา
11 ใครได้มอบอะไรให้แก่เราหรือ เราจึงควรจะมอบคืนให้แก่เขา
    อะไรก็ตามที่อยู่ใต้ฟ้าสวรรค์เป็นของเรา

12 เราอดอยู่เฉยไม่ได้ที่จะบรรยายเรื่องขา
    หรือกำลังมหาศาลของมัน หรือความสง่าของมัน
13 ใครสามารถถลกหนังของมันออก
    ใครจะแทงทะลุเกราะของมันได้
14 ใครสามารถอ้าปากของมันได้
    ฟันของมันน่ากลัว
15 หลังของมันทำด้วยเกล็ดเป็นแถวๆ
    ผนึกติดต่อกันอย่างมิดชิด
16 แต่ละเกล็ดติดกันชิดมาก
    ไม่มีแม้ช่องให้อากาศเข้าไปได้
17 มันเชื่อมเกาะเกี่ยวติดกัน
    และแยกออกจากกันไม่ได้
18 มันจามออกมาเป็นแสงสว่าง
    และดวงตาของมันเป็นเหมือนรุ่งอรุณทอแสง
19 มีแสงคบเพลิงออกจากปากของมัน
    มีประกายไฟพุ่งออกไป
20 ควันออกจากรูจมูกของมัน
    เหมือนออกมาจากหม้อต้มที่กำลังเดือด
21 ลมหายใจของมันทำให้ถ่านไฟคุขึ้นมา
    และเปลวไฟก็พลุ่งออกจากปากของมัน
22 คอของมันมีพลังมาก
    ทุกสิ่งที่เผชิญหน้ากับมันต้องหวั่นกลัว
23 เนื้อหนังทั้งตัวของมันแข็งแกร่ง
    และไม่มีใครขยับมันได้
24 หัวใจของมันแข็งอย่างกับหิน
    แข็งอย่างกับหินโม่ท่อนล่าง
25 เมื่อมันลุกขึ้น บรรดาเทพเจ้าก็ยังหวั่นกลัว
    และเผ่นหนีเมื่อมันกระโจนใส่
26 แม้มันจะถูกดาบปะทะ มันก็ไม่สะทกสะท้าน
    แม้ว่าจะเป็นหอก หลาว หรือหอกซัดก็ตาม
27 มันนับว่าเหล็กเป็นเสมือนฟาง
    และทองสัมฤทธิ์เป็นเสมือนไม้ผุ
28 ลูกศรไม่สามารถขับไล่มันให้หนีไปได้
    มันนับว่าก้อนหินสลิงเป็นเศษฟาง
29 ไม้ตะบองเป็นเสมือนเศษฟาง
    มันหัวเราะเมื่อได้ยินเสียงหอกซัด
30 ใต้ท้องของมันคมอย่างดินเผาแตก
    มันเหยียดตัวออกเหมือนคราดเลื่อนที่ลากบนโคลน
31 มันทำห้วงน้ำลึกให้ปั่นป่วนเหมือนหม้อน้ำเดือด
    และทำทะเลให้เป็นฟองเหมือนหม้อน้ำมัน
32 มันลุยน้ำทำให้ฟองสะท้อนแสงตามหลังมันไป
    ดูดั่งว่า ห้วงน้ำลึกมีผมขาว
33 ไม่มีสิ่งใดบนโลกที่เป็นเหมือนมัน
    มันเป็นสัตว์ที่ไม่รู้จักความกลัว ซึ่งถูกสร้างขึ้น
34 มันดูหมิ่นสัตว์อื่นทุกชนิดที่หยิ่งผยอง
    มันเป็นราชาเหนือสัตว์ยโสทั้งปวง”

2 โครินธ์ 11

เปาโลและอัครทูตจอมปลอม

11 ข้าพเจ้าหวังว่าท่านจะทนต่อความเขลาของข้าพเจ้าสักหน่อย แต่ความจริงท่านก็กำลังทนอยู่แล้ว ข้าพเจ้าหวงแหนท่านอย่างที่พระเจ้าหวงแหน เพราะข้าพเจ้าได้หมั้นพวกท่านไว้กับสามีผู้เดียว คือพระคริสต์ เพื่อข้าพเจ้าจะได้มอบท่านดั่งพรหมจาริณีผู้บริสุทธิ์ แต่ข้าพเจ้ากลัวว่า เจ้างูได้ใช้ความฉลาดแกมโกงล่อลวงเอวาอย่างไร ความคิดของท่านก็จะถูกนำให้หลงไปจากการอุทิศตนที่บริสุทธิ์และจริงใจต่อพระคริสต์อย่างนั้น ถ้ามีคนหนึ่งมาประกาศถึงพระเยซูอื่นที่เราไม่ได้ประกาศ หรือถ้าท่านได้รับวิญญาณอื่นที่ต่างจากพระวิญญาณที่ท่านได้รับมาแล้ว หรือถ้ารับข่าวประเสริฐอื่นซึ่งต่างจากที่ท่านได้รับมาแล้ว พวกท่านก็ยังทนฟังได้ดีเสียจริงๆ ข้าพเจ้าไม่นับว่าตัวเองนั้นด้อยกว่าบรรดาอัครทูตที่ท่านเรียกว่า “อัครทูตชั้นเยี่ยม” กัน ถ้าถึงแม้ว่าข้าพเจ้าไม่ชำนาญในการพูด แต่ข้าพเจ้ามีความรู้ ตามที่ท่านได้เห็นแล้วจากทุกสิ่งที่เราได้กระทำไป

ข้าพเจ้าทำบาปหรือ ที่ถ่อมตัวลงเพื่อยกท่านขึ้น ในเมื่อข้าพเจ้าประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้าแก่ท่านโดยไม่คิดเงิน ข้าพเจ้าได้รับเงินจากคริสตจักรอื่นๆ มาราวกับว่า ข้าพเจ้าปล้นพวกเขามาก็เพื่อรับใช้พวกท่าน เมื่อข้าพเจ้าอยู่กับท่านและต้องการความช่วยเหลือ ข้าพเจ้าก็ไม่ได้เป็นภาระให้กับผู้ใด เพราะเมื่อพี่น้องมาจากมาซิโดเนีย พวกเขาก็ได้ช่วยจัดหาทุกสิ่งให้ครบ ข้าพเจ้าไม่เคยทำตัวเป็นภาระในเรื่องใดให้กับพวกท่านเลย และก็จะเป็นเช่นนั้นต่อไป 10 ตราบที่ความจริงของพระคริสต์ยังคงอยู่ในตัวข้าพเจ้า จะไม่มีใครห้ามข้าพเจ้าให้หยุดโอ้อวดเรื่องนี้ในเขตแคว้นอาคายา 11 ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น เพราะข้าพเจ้าไม่รักท่านหรือ พระเจ้าทราบว่าข้าพเจ้ารักพวกท่าน

12 อะไรก็ตามที่ข้าพเจ้ากระทำอยู่ ข้าพเจ้าก็จะกระทำต่อไป เพื่อปิดโอกาสไม่ให้พวกที่ต้องการฉวยโอกาสโอ้อวดว่า เขาทำงานเหมือนกับที่เราทำ 13 เพราะคนพวกนี้เป็นอัครทูตจอมปลอม เป็นคนงานที่ไม่ซื่อสัตย์ ปลอมตัวเป็นอัครทูตของพระคริสต์ 14 มิน่าเล่า แม้แต่ซาตานเองก็ยังทำตนราวกับว่าเป็นทูตสวรรค์แห่งความสว่าง 15 ฉะนั้นไม่เป็นที่น่าแปลกใจเลย หากว่าผู้รับใช้ของซาตานปลอมตัวเป็นผู้รับใช้แห่งความชอบธรรม จุดจบของพวกนั้นจะเป็นไปตามการกระทำของเขา

16 ข้าพเจ้าขอย้ำอีกว่า อย่าให้ใครคิดว่าข้าพเจ้าโง่เขลา แต่ถ้าท่านคิดเช่นนั้นก็ขอให้รับข้าพเจ้าเหมือนรับคนโง่เขลา ข้าพเจ้าจะได้ขอโอ้อวดบ้าง 17 เวลาข้าพเจ้าพูดโอ้อวดเช่นนี้ ข้าพเจ้าไม่ได้พูดเหมือนพระผู้เป็นเจ้าจะพูดหรอก แต่เหมือนคนโง่เขลา 18 ในเมื่อคนจำนวนมากโอ้อวดไปตามเหตุผลของมนุษย์ ข้าพเจ้าก็จะโอ้อวดเช่นกัน 19 พวกท่านช่างฉลาดนัก ท่านจึงได้ยินดีทนต่อคนโง่เขลา 20 ความจริงแล้ว พวกท่านยอมทนต่อคนที่ทำให้ท่านเป็นทาส คนที่ใช้ท่านเพื่อประโยชน์ของเขาเอง หรือเอาเปรียบท่าน หรือยกตนเหนือคนอื่น หรือตบหน้าท่าน 21 ข้าพเจ้ายอมรับด้วยความละอายว่า พวกเราอ่อนแอเกินไปในเรื่องนี้

เปาโลโอ้อวดถึงการทนทุกข์

แต่ถ้าใครกล้าโอ้อวดสิ่งใด ตามความเขลาแล้วข้าพเจ้าก็กล้าโอ้อวดเท่าคนนั้นเหมือนกัน 22 พวกเขาเป็นชาวฮีบรูหรือ ข้าพเจ้าก็เป็นเช่นกัน พวกเขาเป็นชนชาติอิสราเอลหรือ ข้าพเจ้าก็เป็นเช่นกัน พวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์ของอับราฮัมหรือ ข้าพเจ้าก็เป็นเช่นกัน 23 พวกเขาเป็นผู้รับใช้ของพระคริสต์หรือ (ข้าพเจ้าพูดอย่างคนเสียสติ) ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้มากกว่าเสียอีก ลงแรงมากกว่า ถูกจำคุกมากกว่า ถูกเฆี่ยนตีนับครั้งไม่ถ้วน อยู่ในขั้นสาหัสเจียนตายหลายครั้ง 24 ชาวยิวเฆี่ยนข้าพเจ้า 5 ครั้งๆ ละ 40 ทีหักออกเสีย 1 ที 25 ข้าพเจ้าถูกโบยด้วยไม้เรียว 3 ครั้ง ถูกหินขว้าง 1 ครั้ง เรือแตก 3 ครั้ง ข้าพเจ้าลอยคออยู่กลางทะเลตลอดทั้งวันและทั้งคืน 26 ข้าพเจ้าเดินทางตลอดเวลา ได้รับภัยจากแม่น้ำ จากโจร จากคนชาติเดียวกันเอง จากบรรดาคนนอก เผชิญภัยทั้งในตัวเมืองและในถิ่นทุรกันดาร ภัยในทะเลและภัยจากพี่น้องจอมปลอม 27 ข้าพเจ้าทำงานหนักและทนต่อความลำบาก ไม่ได้หลับนอนหลายคืน ทั้งหิวและกระหาย บ่อยครั้งที่ไม่มีอาหารรับประทาน ทั้งหนาวและเปลือยกาย 28 นอกเหนือจากสิ่งเหล่านี้แล้ว มีสิ่งที่กดดันข้าพเจ้า คือความห่วงใยในทุกคริสตจักรเป็นประจำทุกวัน 29 ใครบ้างที่อ่อนแอโดยที่ข้าพเจ้าไม่อ่อนแอด้วย ใครบ้างที่ถูกชักนำให้กระทำบาปโดยที่ข้าพเจ้าไม่ขุ่นเคือง

30 ถ้าข้าพเจ้าต้องโอ้อวด ก็จะโอ้อวดถึงสิ่งที่แสดงความอ่อนแอของข้าพเจ้า 31 พระเจ้าผู้เป็นพระบิดาของพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ควรแก่การสรรเสริญตลอดกาล พระองค์ทราบว่าข้าพเจ้าไม่ได้พูดเท็จ 32 ผู้ว่าราชการเมืองของกษัตริย์อาเรทัสในเมืองดามัสกัส ได้เฝ้าเมืองดามัสกัสไว้เพื่อจับกุมข้าพเจ้า 33 แต่มีคนหย่อนข้าพเจ้าลงในตะกร้าทางช่องที่กำแพง จึงได้หนีรอดเงื้อมมือเขามาได้

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation