Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
1 ซามูเอล 19

ซาอูลพยายามฆ่าดาวิด

19 ซาอูลยุยงข้าราชบริพารและโยนาธานราชโอรสให้ฆ่าดาวิด แต่โยนาธานชอบดาวิดมาก จึงเตือนดาวิดว่า “ซาอูลเสด็จพ่อของเราหาโอกาสจะฆ่าท่าน พรุ่งนี้เช้าท่านจะต้องระวังตัว จงไปหาที่หลบซ่อน เราจะออกไปยืนกับเสด็จพ่อของเราในทุ่งนาที่ท่านอยู่ แล้วจะพูดกับเสด็จพ่อถึงเรื่องของท่าน เมื่อได้ความว่าอย่างไร เราจะบอกให้ทราบ”

โยนาธานทูลซาอูลราชบิดาถึงคุณงามความดีของดาวิดว่า “ขอฝ่าพระบาทอย่าได้ทรงประทุษร้ายดาวิดผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทเลย เขาไม่ได้มุ่งร้ายต่อฝ่าพระบาท สิ่งที่เขาทำก็เอื้อประโยชน์แก่ฝ่าพระบาทอย่างยิ่ง เขาเสี่ยงเอาชีวิตเป็นเดิมพันเมื่อฆ่าชาวฟีลิสเตียคนนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงนำชัยชนะอันยิ่งใหญ่มาสู่อิสราเอลทั้งปวง ครั้งนั้นฝ่าพระบาทก็ทรงเห็นและปีติยินดีกับชัยชนะนี้ ทำไมเดี๋ยวนี้ฝ่าพระบาทจะประหารคนบริสุทธิ์อย่างดาวิดโดยไม่มีเหตุผล?”

ซาอูลรับฟังโยนาธาน และสาบานว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด ดาวิดจะไม่ถูกฆ่าฉันนั้น”

โยนาธานจึงเรียกดาวิดและเล่าสิ่งที่พูดคุยกันทั้งหมดให้ฟัง จากนั้นก็นำดาวิดไปเข้าเฝ้าซาอูล ดาวิดจึงได้อยู่กับซาอูลเหมือนแต่ก่อน

หลังจากนั้นเกิดสงครามอีก ดาวิดก็ออกไปสู้รบกับชาวฟีลิสเตียและฆ่าฟันจนศัตรูแตกพ่ายไป

แต่วิญญาณชั่ว[a]จากองค์พระผู้เป็นเจ้ามาเข้าสิงซาอูลขณะที่ประทับอยู่ในวังและพระหัตถ์ถือหอกอยู่ ขณะที่ดาวิดกำลังเล่นพิณถวาย 10 ซาอูลทรงพุ่งหอกหมายตรึงดาวิดติดผนัง แต่ดาวิดเบี่ยงตัวหลบ หอกของซาอูลจึงพุ่งไปปักติดผนัง และดาวิดก็หนีรอดไปได้ในคืนนั้น

11 ซาอูลทรงส่งคนจำนวนหนึ่งไปเฝ้าอยู่ที่บ้านของดาวิด ให้ฆ่าดาวิดในตอนเช้า แต่มีคาลภรรยาของดาวิดเตือนเขาว่า “ถ้าท่านไม่หนีเอาชีวิตรอดในคืนนี้ พรุ่งนี้เช้าท่านจะถูกฆ่า” 12 มีคาลจึงช่วยให้ดาวิดหนีลงทางหน้าต่างและรอดไปได้ 13 แล้วนางยกรูปเคารพ[b]มาวางนอนบนเตียงของดาวิดใช้ผ้าห่มคลุมไว้ เอาขนแพะติดไว้ที่ศีรษะ

14 เมื่อซาอูลทรงส่งคนมาจับกุมตัวดาวิด มีคาลก็บอกว่า “เขากำลังป่วย”

15 แล้วซาอูลทรงส่งคนกลับมาดูดาวิดอีกและทรงสั่งพวกเขาว่า “ไปเอาตัวเขามาจากที่นอนเพื่อเราจะฆ่าเสีย” 16 แต่เมื่อพวกเขาเข้าไป ก็พบว่ามีแต่รูปเคารพอยู่บนเตียง ที่ศีรษะมีขนแพะวางอยู่

17 ซาอูลตรัสกับมีคาลว่า “ทำไมถึงหลอกลวงพ่อ ปล่อยให้ศัตรูหนีไปได้?”

มีคาลทูลว่า “เขาพูดกับลูกว่า ‘ให้ข้าหนีไปเสีย ทำไมต้องให้ข้าฆ่าเจ้าด้วย?’ ”

18 เมื่อดาวิดหนีรอดไปได้ เขาไปหาซามูเอลที่รามาห์ และแจ้งให้เขาทราบถึงสิ่งที่ซาอูลได้ทำแก่ตนทั้งหมด ซามูเอลจึงพาดาวิดไปอาศัยอยู่ด้วยกันที่นาโยท 19 เมื่อมีผู้ทูลรายงานให้ซาอูลทราบว่า “ดาวิดอยู่ที่นาโยทในรามาห์” 20 ซาอูลจึงทรงส่งคนไปจับกุมตัวเขา แต่เมื่อคนของซาอูลเห็นกลุ่มผู้เผยพระวจนะกล่าวพยากรณ์อยู่ โดยมีซามูเอลยืนเป็นหัวหน้ากลุ่ม พระวิญญาณของพระเจ้าก็เสด็จมาเหนือคนของซาอูล พวกเขาจึงร่วมกล่าวคำพยากรณ์ด้วย 21 เมื่อซาอูลทรงทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พระองค์ก็ทรงส่งคนมาอีก พวกเขาก็ร่วมพยากรณ์อีก ซาอูลทรงส่งคนมาเป็นครั้งที่สามและพวกเขาก็พยากรณ์อีกเช่นกัน 22 ในที่สุดซาอูลจึงเสด็จมาที่รามาห์ด้วยพระองค์เอง ขณะมาถึงบ่อน้ำใหญ่ที่เสคู พระองค์ตรัสถามว่า “ซามูเอลกับดาวิดอยู่ที่ไหน?”

มีผู้ทูลว่า “อยู่ที่นาโยทในรามาห์”

23 ซาอูลจึงเสด็จไปนาโยทในรามาห์ แต่พระวิญญาณของพระเจ้าเสด็จลงมาเหนือซาอูล ซาอูลเดินไปพร้อมทั้งพยากรณ์ไปด้วยจนมาถึงนาโยท 24 พระองค์ทรงฉีกฉลองพระองค์ออก และกล่าวคำพยากรณ์ต่อหน้าซามูเอล และประทับนอนอยู่อย่างนั้นตลอดหนึ่งวันหนึ่งคืน นี่เป็นเหตุที่ผู้คนพูดกันว่า “ซาอูลทรงอยู่ในกลุ่มผู้เผยพระวจนะด้วยหรือ?”

1 โครินธ์ 1

จดหมายฉบับนี้จากข้าพเจ้าเปาโลผู้ซึ่งได้รับการทรงเรียกให้เป็นอัครทูตของพระเยซูคริสต์ตามพระประสงค์ของพระเจ้า กับโสสเธเนสพี่น้องของเรา

ถึงคริสตจักรของพระเจ้าที่เมืองโครินธ์ผู้ได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์ในพระเยซูคริสต์ และได้รับการทรงเรียกให้เป็นประชากรของพระเจ้าด้วยกันกับคนทั้งปวงทุกหนทุกแห่งที่ร้องออกพระนามองค์พระเยซูคริสต์เจ้า ผู้ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขาและของพวกเรา

ขอพระคุณและสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดาของเราและจากองค์พระเยซูคริสต์เจ้าจงมีแก่ท่านทั้งหลายเถิด

ขอบพระคุณพระเจ้า

ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับพวกท่านเสมอ เนื่องด้วยพระคุณของพระองค์ซึ่งประทานแก่ท่านในพระเยซูคริสต์ เพราะในพระองค์นั้นท่านทั้งหลายได้รับความจำเริญขึ้นในทุกด้าน คือในวาจาทั้งสิ้นและในความรู้ทุกอย่างของท่าน เพราะว่าคำพยานของพวกเราเกี่ยวกับพระคริสต์ได้รับการยืนยันในพวกท่าน ฉะนั้นท่านจึงไม่ขาดของประทานใดๆ ในด้านจิตวิญญาณเลยขณะที่ท่านจดจ่อรอคอยการปรากฏขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเรา พระองค์จะทรงให้ท่านหนักแน่นมั่นคงจนถึงวันสุดท้าย เพื่อท่านจะปราศจากที่ติในวันแห่งองค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเรา พระเจ้าผู้ทรงเรียกท่านให้เข้าร่วมในสามัคคีธรรมกับพระบุตรของพระองค์ คือพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรานั้นทรงสัตย์ซื่อ

ความแตกแยกในคริสตจักร

10 พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอร้องท่านในพระนามขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าของพวกเราว่า ให้ท่านทุกคนปรองดองกันเพื่อจะไม่มีความแตกแยกใดๆ ในหมู่พวกท่าน และเพื่อท่านจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างสมบูรณ์ทั้งในความคิดและจิตใจ 11 พี่น้องทั้งหลายของข้าพเจ้า มีบางคนในครัวเรือนของนางคะโลเอบอกข้าพเจ้าว่ามีการโต้เถียงกันหลายครั้งในหมู่พวกท่าน 12 ข้าพเจ้าหมายความว่าคนหนึ่งในพวกท่านกล่าวว่า “ข้าพเจ้าติดตามเปาโล” อีกคนหนึ่งว่า “ข้าพเจ้าติดตามอปอลโล” อีกคนหนึ่งว่า “ข้าพเจ้าติดตามเคฟาส[a]” และอีกคนหนึ่งว่า “ข้าพเจ้าติดตามพระคริสต์”

13 พระคริสต์ถูกแบ่งแยกแล้วหรือ? เปาโลถูกตรึงตายบนไม้กางเขนเพื่อพวกท่านหรือ? ท่านได้รับบัพติศมาเข้าใน[b]นามเปาโลหรือ? 14 ขอบพระคุณพระเจ้าที่ข้าพเจ้าไม่ได้ให้บัพติศมาแก่ใครในพวกท่าน ยกเว้นคริสปัสกับกายอัส 15 จึงไม่มีใครพูดได้ว่าเขาได้รับบัพติศมาเข้าในนามของข้าพเจ้า 16 (ใช่ ข้าพเจ้าให้บัพติศมาแก่คนในครอบครัวของสเทฟานัสด้วย นอกเหนือจากนั้นข้าพเจ้าจำไม่ได้ว่าได้ให้บัพติศมาแก่ใครอีก) 17 เพราะพระคริสต์ไม่ได้ส่งข้าพเจ้ามาเพื่อให้บัพติศมา แต่เพื่อให้ประกาศข่าวประเสริฐ ไม่ใช่ด้วยวาทะคมคายตามสติปัญญาของมนุษย์เพราะเกรงว่าไม้กางเขนของพระคริสต์จะหมดฤทธิ์อำนาจ

พระคริสต์คือพระปัญญาและฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า

18 คนที่กำลังจะพินาศก็เห็นว่าเรื่องราวของไม้กางเขนเป็นเรื่องโง่ แต่พวกเราที่กำลังจะรอดเห็นว่าเป็นฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า 19 เพราะมีคำเขียนไว้ว่า

“เราจะทำลายสติปัญญาของคนมีปัญญา
เราจะทำให้ความฉลาดของคนฉลาดไร้ผล”[c]

20 ไหนล่ะปราชญ์? ไหนล่ะผู้รู้? นักปรัชญาของยุคนี้อยู่ที่ไหนกัน? พระเจ้าได้ทรงกระทำให้สติปัญญาของโลกโง่เขลาไปไม่ใช่หรือ? 21 โดยพระปัญญาของพระเจ้า โลกไม่อาจรู้จักพระเจ้าด้วยสติปัญญาของตน ดังนั้นพระเจ้าจึงพอพระทัยที่จะช่วยบรรดาผู้เชื่อให้รอดโดยคำเทศนาเรื่องโง่ๆ 22 พวกยิวเรียกร้องหมายสำคัญ และพวกกรีกมองหาสติปัญญา 23 แต่เราเทศนาเรื่องพระคริสต์ผู้ทรงถูกตรึงตายบนไม้กางเขน ซึ่งเป็นหินสะดุดสำหรับพวกยิวและเป็นเรื่องโง่ๆ สำหรับพวกต่างชาติ 24 แต่สำหรับผู้ที่พระเจ้าทรงเรียกทั้งพวกยิวและพวกกรีก พระคริสต์คือฤทธิ์อำนาจและพระปัญญาของพระเจ้า 25 เพราะความเขลาของพระเจ้าก็ยังฉลาดกว่าสติปัญญาของมนุษย์ และความอ่อนแอของพระเจ้าก็ยังเข้มแข็งกว่ากำลังของมนุษย์

26 พี่น้องทั้งหลาย จงคิดดูว่าท่านเคยเป็นเช่นไรเมื่อทรงเรียกท่าน ในพวกท่านมีไม่กี่คนที่ฉลาดตามมาตรฐานของมนุษย์ มีไม่กี่คนที่มีอิทธิพล มีไม่กี่คนที่มีชาติกำเนิดสูงส่ง 27 แต่พระเจ้าทรงเลือกสิ่งที่โลกเห็นว่าโง่เขลาเพื่อให้คนฉลาดอับอาย ทรงเลือกสิ่งที่โลกเห็นว่าอ่อนแอเพื่อให้คนแข็งแรงอับอาย 28 ทรงเลือกสิ่งที่ต่ำต้อยของโลก สิ่งที่เขาดูหมิ่นและสิ่งที่ไม่สำคัญเพื่อล้มล้างสิ่งที่ถือว่าสำคัญ 29 เพื่อว่าจะไม่มีใครโอ้อวดได้ต่อหน้าพระองค์ 30 เพราะพระองค์ ท่านจึงอยู่ในพระเยซูคริสต์ ผู้ได้ทรงเป็นพระปัญญาจากพระเจ้าเพื่อเรา นั่นคือทรงเป็นความชอบธรรม ความบริสุทธิ์และการไถ่ของเรา 31 ฉะนั้นจึงเป็นไปตามที่มีเขียนไว้ว่า “ผู้ที่อวด จงอวดองค์พระผู้เป็นเจ้า”[d]

เพลงคร่ำครวญ 4

[a]ทองคำหมดความสุกปลั่งเสียแล้วหนอ
ทองบริสุทธิ์มัวหมองไปเสียแล้ว!
อัญมณีศักดิ์สิทธิ์กระจัดกระจายเกลื่อนกลาด
อยู่ทุกหัวถนน

เหตุใดบรรดาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนแห่งศิโยนซึ่งเคยสูงค่าเทียบทองเนื้อเก้า
จึงถูกตีราคาเพียงหม้อดิน
ฝีมือช่างปั้น!

แม้หมาในยังให้นม
ฟูมฟักลูกของมัน
แต่พี่น้องร่วมชาติของข้าพเจ้ากลับใจไม้ไส้ระกำ
เหมือนนกกระจอกเทศในทะเลทราย

ทารกลิ้นแห้งคับเพดานปาก
เพราะความหิวกระหาย
เด็กๆ ร้องขออาหาร
แต่ไม่มีใครหยิบยื่นให้

บรรดาผู้ที่เคยกินอาหารชั้นเลิศ
บัดนี้สิ้นเนื้อประดาตัวอยู่ตามถนน
บรรดาผู้ที่เคยนุ่งห่มอาภรณ์สีม่วงล้ำค่า
บัดนี้นอนคลุกกองขี้เถ้า

โทษทัณฑ์ของพี่น้องร่วมชาติของข้าพเจ้า
ใหญ่หลวงกว่าโทษทัณฑ์ของโสโดม
ซึ่งถูกคว่ำทลายในชั่วพริบตา
โดยไม่มีใครยื่นมือเข้าไปช่วย

บรรดาเจ้าใหญ่นายโตของเราผุดผ่องยิ่งกว่าหิมะ
ขาวยิ่งกว่าน้ำนม
ร่างกายของพวกเขาเปล่งปลั่งยิ่งกว่าทับทิม
รูปร่างหน้าตาสง่างามดั่งอัญมณี

แต่บัดนี้ผิวพรรณของพวกเขาหมองคล้ำยิ่งกว่าเขม่า
เขาอยู่ตามถนนโดยไม่มีใครจำได้
หนังของเขาเหี่ยวหุ้มกระดูก
ซูบผอมราวไม้เสียบผี

บรรดาคนที่ถูกปลิดชีวิตด้วยคมดาบ
ก็ยังดีกว่าคนที่ตายเพราะความอดอยาก
ทุกข์ทรมานเพราะความหิวโหย
ตายไปอย่างช้าๆ เพราะขาดธัญญาหาร

10 บรรดาหญิงผู้มีใจอ่อนโยน
จับลูกในไส้มาต้มกิน
ในช่วงที่ชนชาติของเรา
ถูกทำลายล้าง

11 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงระบาย
พระพิโรธอันรุนแรงออกมาเต็มที่
ทรงจุดไฟขึ้นในศิโยน
เผาผลาญฐานรากทั้งหลายของเมืองนี้จนวอดวาย

12 ไม่มีกษัตริย์องค์ไหน
ไม่มีชนชาติใดทั่วโลกนี้เชื่อว่า
ข้าศึกศัตรูจะสามารถล่วงล้ำ
ผ่านประตูเยรูซาเล็มเข้ามาได้

13 แต่ก็เกิดขึ้นแล้ว เพราะบาปของเหล่าผู้เผยพระวจนะ
และความชั่วช้าของเหล่าปุโรหิต
ซึ่งทำให้โลหิตของคนชอบธรรม
ไหลนองอยู่กลางกรุง

14 บัดนี้พวกเขาเดินคลำสะเปะสะปะไปตามถนน
เหมือนคนตาบอด
เนื้อตัวแปดเปื้อนเลือด
จนไม่มีใครกล้าแตะต้องเสื้อผ้าของพวกเขา

15 ผู้คนตะโกนใส่พวกเขาว่า “ไปให้พ้นนะ! เจ้าคนมีมลทิน!
ไปให้พ้น ไปให้พ้น อย่ามาถูกเนื้อต้องตัวเรา!”
เมื่อเขาหนีร่อนเร่ไป
ผู้คนท่ามกลางประชาชาติต่างๆ บอกกันว่า
“เจ้าอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้”

16 องค์พระผู้เป็นเจ้านี่แหละทรงกระจายพวกเขาไป
พระองค์ไม่ทรงดูแลพวกเขาอีก
เหล่าปุโรหิตไม่เป็นที่เคารพนับถือ
เหล่าผู้อาวุโสไม่เป็นที่ชื่นชอบ

17 ยิ่งกว่านั้นตาของเราอ่อนล้า
ในการเสาะหาความช่วยเหลืออย่างเปล่าประโยชน์
เราเฝ้ามองจากหอคอย
หาชนชาติหนึ่งซึ่งช่วยเหลืออะไรเราไม่ได้

18 ผู้คนสะกดรอยตามเราทุกฝีก้าว
จนเราเดินไปตามถนนของเราไม่ได้
จุดจบของเราใกล้เข้ามา วันเวลาของเราใกล้จะครบกำหนด
เพราะจุดจบของเรามาถึงแล้ว

19 คนที่ตามล่าเราว่องไว
ยิ่งกว่านกอินทรีในท้องฟ้า
พวกเขารุกไล่เราบนภูเขาต่างๆ
และซุ่มดักเราอยู่ในถิ่นกันดาร

20 เจ้าชีวิตของเราผู้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเจิมตั้งไว้นั้น
ติดอยู่ในกับดักของพวกเขา
เราเคยคิดว่าใต้ร่มบารมีของกษัตริย์
เราจะมีชีวิตอยู่ท่ามกลางชนชาติต่างๆ

21 ธิดาแห่งเอโดม[b]เอ๋ย ผู้อาศัยในดินแดนอูส
กระหยิ่มยิ้มย่องไปเถิด
แต่ถ้วยแห่งพระพิโรธก็จะเวียนไปถึงเจ้าเช่นกัน
เจ้าจะเมามายและเปลือยล่อนจ้อน

22 ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย โทษทัณฑ์ของเจ้าจะจบสิ้น
พระองค์จะไม่ทรงปล่อยให้เจ้าตกเป็นเชลยอยู่ช้านาน
แต่ธิดาแห่งเอโดมเอ๋ย พระองค์จะทรงลงโทษบาปของเจ้า
และเปิดโปงความชั่วร้ายของเจ้า

สดุดี 35

(บทประพันธ์ของดาวิด)

35 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงต่อสู้กับบรรดาผู้ที่ต่อสู้กับข้าพระองค์
ขอทรงสู้รบกับบรรดาผู้ที่สู้รบกับข้าพระองค์
ขอทรงถือโล่และเขน
ขอทรงลุกขึ้นและมาช่วยข้าพระองค์
ขอทรงชูหอกและขวานศึก[a]
ต่อสู้ผู้รุกไล่ข้าพระองค์
โปรดตรัสกับจิตใจของข้าพระองค์ว่า
“เราคือความรอดของเจ้า”

ขอให้ผู้ที่มุ่งเอาชีวิตของข้าพระองค์นั้น
อัปยศอดสู
ขอให้ผู้ที่วางแผนทำลายข้าพระองค์
ล่าถอยไปด้วยความตกใจกลัว
ให้เขาเป็นเหมือนแกลบที่ถูกลมพัด
มีทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าขับไล่เขา
ขอให้ทางของเขาลื่นและมืดมน
มีทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าไล่ล่าเขาไป

เพราะเขาวางข่ายดักข้าพระองค์โดยไม่มีสาเหตุ
และขุดหลุมพรางดักข้าพระองค์โดยไม่มีสาเหตุ
ขอให้ความพินาศจู่โจมเขาโดยไม่คาดคิด
ขอให้เขาติดข่ายที่เขาวางไว้เอง
ขอให้เขาตกหลุมพรางของตัวเองพินาศไป
แล้วจิตวิญญาณของข้าพระองค์จะปีติยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้า
และชื่นชมในการกอบกู้ของพระองค์
10 ทั้งชีวิตจิตใจของข้าพระองค์จะประกาศว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าเจ้าข้า ใครเล่าเสมอเหมือนพระองค์?
พระองค์ทรงช่วยผู้ยากไร้จากผู้ที่แข็งแกร่งเกินกำลังของเขา
ทรงช่วยผู้ยากไร้และแร้นแค้นจากผู้ที่ปล้นเขา”

11 พยานผู้มุ่งร้ายขึ้นมาปรักปรำข้าพระองค์
เขาสอบสวนข้าพระองค์ในข้อหาที่ข้าพระองค์ไม่รู้เรื่อง
12 เขาตอบแทนการดีของข้าพระองค์ด้วยการชั่ว
และละทิ้งจิตวิญญาณของข้าพระองค์ให้เปล่าเปลี่ยว
13 แต่เมื่อพวกเขาป่วย ข้าพระองค์สวมชุดผ้ากระสอบ
และถ่อมใจลงด้วยการอดอาหาร
เมื่อคำอธิษฐานของข้าพระองค์ไม่ได้รับคำตอบ
14 ข้าพระองค์ทุกข์โศก
ราวกับว่าพวกเขาเป็นเพื่อนหรือพี่น้องของข้าพระองค์
ข้าพระองค์ก้มศีรษะลงด้วยความโศกเศร้า
ราวกับว่าร้องไห้ให้กับมารดาของข้าพระองค์
15 แต่เมื่อข้าพระองค์สะดุด พวกเขากลับพากันดีใจ
รวมหัวกันเล่นงานโดยที่ข้าพระองค์ไม่รู้ตัว
รุมนินทาว่าร้ายข้าพระองค์ไม่หยุดหย่อน
16 พวกเขาเยาะเย้ยถากถางอย่างคนอธรรม[b]
พวกเขากัดฟันใส่ข้าพระองค์

17 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะทรงนิ่งดูอยู่นานเท่าใดหนอ?
ขอทรงช่วยกู้ชีวิตของข้าพระองค์ให้พ้นจากความร้ายกาจของเขา
ช่วยกู้ชีวิตอันมีค่าของข้าพระองค์จากสิงโตเหล่านี้
18 ข้าพระองค์จะขอบพระคุณพระองค์ในที่ชุมนุมใหญ่
ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางมหาชน
19 ขออย่าให้คนเหล่านั้นที่มาเป็นศัตรูโดยไม่มีสาเหตุ
ยิ้มเยาะข้าพระองค์ได้
ขออย่าให้คนที่เกลียดชังข้าพระองค์โดยไม่มีสาเหตุ
ขยิบตาให้กัน
20 คนเหล่านี้ไม่พูดกันอย่างสงบ
มีแต่คบคิดกันใส่ร้าย
คนที่อยู่อย่างสงบในแผ่นดิน
21 พวกเขาโพนทะนากล่าวหาข้าพระองค์
เขาว่า “นั่นไง! นั่นไง! เราเห็นกับตาเลย”

22 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเห็นโดยตลอด ขออย่าทรงนิ่งเฉย
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขออย่าทรงอยู่ห่างไกลจากข้าพระองค์
23 ขอทรงตื่นและลุกขึ้นปกป้องข้าพระองค์!
พระเจ้าและองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงต่อสู้เพื่อข้าพระองค์ด้วยเถิด
24 ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงพิสูจน์ว่าข้าพระองค์ไร้ความผิดตามความชอบธรรมของพระองค์
ขออย่าให้พวกเขายิ้มเยาะข้าพระองค์
25 อย่าให้พวกเขาคิดว่า “นั่นไง ในที่สุดก็สมใจเรา!”
หรือพูดว่า “เราได้กลืนกินเขาแล้ว”

26 ขอให้ผู้ที่ยิ้มเยาะความทุกข์ของข้าพระองค์
อับอายและสับสนวุ่นวาย
ขอให้ผู้ที่ยกตัวข่มข้าพระองค์อัปยศอดสู
27 ขอให้ผู้ที่ชื่นชมเมื่อข้าพระองค์พ้นข้อหา
โห่ร้องอย่างยินดีปรีดา
ขอให้เขากล่าวเสมอๆ ว่า “ขอเทิดทูนสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า
ผู้พอพระทัยในความผาสุกร่มเย็นของผู้รับใช้ของพระองค์”

28 ลิ้นของข้าพระองค์จะกล่าวถึงความชอบธรรมของพระองค์
และสรรเสริญพระองค์วันยังค่ำ

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.