M’Cheyne Bible Reading Plan
หีบพันธสัญญาในอัชโดดและเอโครน
5 หลังจากชาวฟีลิสเตียยึดหีบพันธสัญญาของพระเจ้าแล้ว พวกเขาก็นำหีบจากเอเบนเอเซอร์ไปที่เมืองอัชโดด 2 จากนั้นพวกเขานำไปไว้ที่วิหารของพระดาโกน ตั้งไว้ใกล้เทวรูปดาโกน 3 เช้าวันรุ่งขึ้น ชาวเมืองอัชโดดพบว่าพระดาโกนล้มลง หน้าคว่ำหมอบลงกับพื้นตรงหน้าหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้า! พวกเขาจึงตั้งเทวรูปนั้นขึ้นมาใหม่ 4 เช้าวันต่อมาก็เป็นเช่นเดิมอีก พระดาโกนคว่ำหน้าหมอบอยู่ตรงหน้าหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้า! ศีรษะและแขนหักทิ้งอยู่ตรงธรณีประตู เหลือแต่ลำตัว 5 ตั้งแต่นั้นมาทั้งปุโรหิตของพระดาโกนและผู้ที่เข้าสู่วิหารของพระดาโกนที่อัชโดดจะไม่ก้าวเหยียบธรณีประตู
6 พระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงลงโทษชาวเมืองอัชโดดและละแวกใกล้เคียงอย่างหนัก พระองค์ทรงนำภัยพิบัติมายังพวกเขาและลงโทษพวกเขาด้วยฝีระบาด[a] 7 เมื่อชาวอัชโดดตระหนักถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ร้องกันว่า “เราจะเก็บหีบพันธสัญญาของพระเจ้าแห่งอิสราเอลไว้ที่นี่ต่อไปไม่ได้ เพราะพระหัตถ์ของพระองค์ทรงลงโทษเราและพระดาโกนเทพเจ้าของเราอย่างหนัก” 8 ฉะนั้นพวกเขาจึงเชิญเจ้านายทั้งปวงของฟีลิสเตียมาหารือกันว่า “จะทำอย่างไรกับหีบพันธสัญญาของพระเจ้าแห่งอิสราเอล?”
บรรดาเจ้านายเสนอว่า “ให้ย้ายหีบพันธสัญญาของพระเจ้าแห่งอิสราเอลไปยังเมืองกัท” ดังนั้นพวกเขาจึงย้ายหีบพันธสัญญาของพระเจ้าแห่งอิสราเอลไป
9 แต่เมื่อหีบพันธสัญญาย้ายมา พระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าเล่นงานเมืองนั้นปั่นป่วนวุ่นวายไปทั้งเมือง พระเจ้าทรงลงโทษชาวเมืองนั้น ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ด้วยฝีระบาด[b] 10 พวกเขาจึงส่งหีบพันธสัญญาของพระเจ้าไปยังเอโครน
แต่ขณะที่หีบพันธสัญญากำลังเข้าสู่เมืองเอโครน ชาวเมืองก็ร้องกันว่า “พวกเขาเอาหีบพันธสัญญาของพระเจ้าแห่งอิสราเอลมาฆ่าเราและประชากรของเราแล้ว” 11 ฉะนั้นพวกเขาจึงเชิญเจ้านายทั้งปวงของฟีลิสเตียมาประชุมอีก และกล่าวว่า “ขอให้อัญเชิญหีบพันธสัญญาของพระเจ้าแห่งอิสราเอลกลับสู่ภูมิลำเนา มิฉะนั้นหีบนั้น[c]จะฆ่าเราและประชาชนของเรา” เพราะว่าพระหัตถ์ของพระเจ้าทรงลงโทษเมืองนั้นอย่างหนัก ความตายทำให้คนทั้งเมืองหวาดผวา 12 ผู้ที่ไม่เสียชีวิตก็เป็นฝีทรมานมากและเสียงร่ำไห้ระงมขึ้นไปถึงฟ้าสวรรค์
หีบพันธสัญญากลับสู่อิสราเอล
6 หีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่ในดินแดนฟีลิสเตียเป็นเวลาเจ็ดเดือน 2 ชาวฟีลิสเตียเชิญบรรดาปุโรหิตและโหรของตนมาถามว่า “เราควรทำอย่างไรกับหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้า? จงบอกเราเถิดว่าเราจะส่งหีบกลับคืนที่เดิมได้อย่างไร?”
3 คนเหล่านั้นตอบว่า “ถ้าจะส่งหีบพันธสัญญาของพระเจ้าแห่งอิสราเอลคืน อย่าส่งไปแต่หีบ แต่ต้องส่งคืนไปพร้อมเครื่องบูชาลบความผิดเพื่อถวายแด่พระองค์ด้วย แล้วพวกท่านจะได้หายโรคและท่านจะรู้ว่าทำไมพระองค์ยังลงโทษพวกท่านอยู่”
4 ชาวฟีลิสเตียถามว่า “เราจะส่งอะไรไปเป็นเครื่องบูชาลบความผิด?”
พวกเขาตอบว่า “ส่งฝีทองคำห้าลูกและหนูทองคำห้าตัวตามจำนวนเจ้านายทั้งห้า เพราะทั้งท่านและเจ้านายล้วนถูกภัยพิบัติเล่นงาน 5 จงทำแบบจำลองฝีและหนูที่มาทำลายบ้านเมืองและถวายเกียรติแด่พระเจ้าแห่งอิสราเอลเถิด บางทีพระองค์อาจจะทรงยั้งพระหัตถ์จากท่านกับบรรดาพระและดินแดนของท่าน 6 จะดื้อดึงแข็งขืนอย่างฟาโรห์กับชาวอียิปต์ไปทำไม? เมื่อพระเจ้าทรงจัดการกับพวกเขาอย่างหนัก พวกเขาก็ยอมปล่อยชนอิสราเอลออกมาไม่ใช่หรือ?
7 “บัดนี้จงต่อเกวียนเล่มใหม่เทียมด้วยแม่วัวสองตัวที่เพิ่งจะตกลูกและไม่เคยเทียมแอกมาก่อน ส่วนลูกของมันแยกไปขังไว้ที่คอก 8 จงวางหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าบนเกวียน และบรรจุเครื่องทองคำที่ท่านถวายเป็นเครื่องบูชาลบความผิดไว้ในกล่องข้างๆ แล้วปล่อยแม่วัวไปตามใจของมัน 9 แต่จงคอยดูอยู่ หากมันข้ามพรมแดนมุ่งไปยังเบธเชเมช แสดงว่าพระองค์นี่แหละทรงนำภัยพิบัติยิ่งใหญ่นี้มาเหนือเรา แต่หากไม่เป็นเช่นนั้น เราก็จะได้รู้ว่าภัยพิบัตินี้เป็นเพียงเหตุบังเอิญ ไม่ใช่พระองค์ที่ทรงลงโทษเรา”
10 พวกเขาจึงทำตามนั้น เขาเทียมแม่วัวสองตัวเข้ากับเกวียน ส่วนลูกของมันแยกไว้ที่คอก 11 จากนั้นวางหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าและกล่องบรรจุหนูทองคำกับฝีจำลองบนเกวียน 12 แม่วัวมุ่งหน้าไปตามถนนตรงไปยังเบธเชเมช เดินพลางร้องพลางตลอดทาง ไม่หันซ้ายหันขวาเลย บรรดาเจ้านายของฟีลิสเตียก็ติดตามไปจนถึงพรมแดนเบธเชเมช
13 ชาวเมืองเบธเชเมชกำลังเกี่ยวข้าวสาลีอยู่ในหุบเขา และเมื่อเห็นหีบพันธสัญญาก็ดีใจมาก 14 เกวียนแล่นเข้ามาในทุ่งนาของโยชูวาแห่งเบธเชเมช และมาหยุดอยู่ข้างก้อนหินใหญ่ ชาวเมืองจึงผ่าไม้เกวียนทำฟืน แล้วฆ่าแม่วัวถวายเป็นเครื่องเผาบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า 15 คนเลวีช่วยกันยกหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าและกล่องบรรจุเครื่องทองออกจากเกวียนแล้ววางไว้บนก้อนหินใหญ่นั้น ในวันนั้นชาวเมืองเบธเชเมชพากันนำเครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาอื่นๆ มาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า 16 เจ้านายทั้งห้าของฟีลิสเตียมองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ จากนั้นก็กลับไปเอโครนในวันเดียวกัน
17 ฝีทองคำทั้งห้าซึ่งชาวฟีลิสเตียส่งมาเพื่อเป็นเครื่องบูชาลบความผิดถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้านั้น แต่ละอันสำหรับแต่ละเมืองคือ อัชโดด กาซา อัชเคโลน กัท และเอโครน 18 และจำนวนหนูทองคำห้าตัวเท่ากับจำนวนเมืองของเจ้านายฟีลิสเตียทั้งห้า ซึ่งเป็นเมืองป้อมปราการและมีหมู่บ้านโดยรอบ ก้อนหินใหญ่ซึ่ง[d]พวกเขาวางหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้นยังคงตั้งอยู่ที่ทุ่งนาของโยชูวาแห่งเบธเชเมชจนถึงทุกวันนี้
19 แต่พระเจ้าทรงประหารชาวเมืองเบธเชเมชเจ็ดสิบคน[e]ซึ่งมองเข้าไปในหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าชาวเมืองพากันโศกเศร้าที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงลงโทษพวกเขาอย่างหนัก 20 พวกเขาร้องว่า “ใครหนอจะสามารถยืนอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าผู้บริสุทธิ์องค์นี้ได้? เราจะส่งหีบพันธสัญญาไปที่ไหนได้บ้าง?”
21 ฉะนั้นเขาจึงส่งผู้สื่อสารไปแจ้งชาวเมืองคีริยาทเยอาริมว่า “ชาวฟีลิสเตียได้ส่งหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าคืนมาให้แล้ว โปรดมารับไปไว้ในดินแดนของท่านเถิด”
สันติสุขและความชื่นชมยินดี
5 เหตุฉะนั้นเมื่อเราได้ถูกนับเป็นผู้ชอบธรรมโดยความเชื่อแล้ว เราจึง[a]มีสันติสุขกับพระเจ้าโดยทางองค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเรา 2 โดยทางพระองค์เราจึงได้เข้าในร่มพระคุณที่เรายืนอยู่นี้ด้วยความเชื่อ และเรา[b]จึงชื่นชมยินดีในความหวังที่จะได้มีส่วนในพระเกียรติสิริของพระเจ้า 3 ไม่เพียงเท่านั้นแต่เรา[c]ยังชื่นชมยินดีในความทุกข์ยากของเราด้วย เพราะเรารู้ว่าความทุกข์ยากนั้นก่อให้เกิดความบากบั่น 4 ความบากบั่นทำให้เรามีอุปนิสัยที่พิสูจน์แล้วว่าใช้การได้ และอุปนิสัยเช่นนั้นทำให้มีความหวัง 5 และความหวังไม่ทำให้เราผิดหวัง เพราะพระเจ้าทรงเทความรักของพระองค์เข้ามาในจิตใจของเราโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้ซึ่งพระเจ้าได้ประทานแก่เรา
6 เมื่อเรายังไร้กำลัง พระคริสต์ได้สิ้นพระชนม์เพื่อคนบาปในเวลาอันเหมาะ 7 น้อยนักที่จะมีใครตายเพื่อคนชอบธรรม แม้ว่าอาจจะมีบางคนกล้าที่จะตายเพื่อคนดีก็ได้ 8 แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์เองแก่เราทั้งหลาย คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์ได้สิ้นพระชนม์เพื่อเรา
9 ในเมื่อบัดนี้เราได้ถูกนับเป็นผู้ชอบธรรมแล้วโดยพระโลหิตของพระองค์ ยิ่งไปกว่านั้นเราจะรอดพ้นจากพระพิโรธของพระเจ้าโดยพระองค์อย่างแน่นอน! 10 เพราะถ้าเรายังได้คืนดีกับพระเจ้าโดยการสิ้นพระชนม์ของพระบุตรของพระองค์ในขณะที่เราเป็นศัตรูกับพระองค์ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเราได้คืนดีกับพระองค์แล้ว เราก็จะได้รับความรอดโดยพระชนม์ชีพของพระองค์อย่างแน่นอน! 11 ไม่เพียงเท่านี้แต่เรายังชื่นชมยินดีในพระเจ้าโดยทางองค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเราด้วย บัดนี้พระองค์ทรงทำให้เราคืนดีกับพระเจ้าแล้ว
ความตายมาทางอาดัม ชีวิตมาทางพระคริสต์
12 ฉะนั้นเช่นเดียวกับที่บาปเข้ามาในโลกเพราะมนุษย์คนเดียวและบาปนำความตายมา และโดยทางนี้เองความตายจึงมาถึงมวลมนุษย์เพราะทุกคนได้ทำบาป 13 เพราะก่อนมีบทบัญญัติบาปก็อยู่ในโลกแล้ว แต่เมื่อยังไม่มีบทบัญญัติก็ไม่ถือว่าบาป 14 อย่างไรก็ตามความตายก็ครอบครองมาตั้งแต่สมัยของอาดัมจนถึงสมัยของโมเสส แม้แต่คนที่ไม่ได้ทำบาปโดยละเมิดพระบัญชาเหมือนอาดัมผู้เป็นแบบของพระองค์ซึ่งจะเสด็จมาภายหลัง
15 แต่ของประทานนั้นต่างจากการล่วงละเมิด เพราะถ้าคนเป็นอันมากตายเพราะการล่วงละเมิดของมนุษย์เพียงคนเดียว ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใดพระคุณของพระเจ้าและของประทานโดยพระคุณของพระเยซูคริสต์เพียงผู้เดียวนั้นย่อมล้นไหลไปสู่คนเป็นอันมาก! 16 และของประทานจากพระเจ้าก็ต่างจากผลของบาปของมนุษย์คนเดียว กล่าวคือการพิพากษาเกิดขึ้นหลังจากการทำบาปเพียงครั้งเดียวและนำไปสู่การลงโทษ แต่ของประทานเกิดขึ้นหลังจากการล่วงละเมิดหลายๆ ครั้งและนำไปสู่การนับเป็นผู้ชอบธรรม 17 เพราะถ้าโดยการล่วงละเมิดของมนุษย์คนเดียวเป็นเหตุให้ความตายได้ครอบครองผ่านทางมนุษย์คนเดียวผู้นั้น ยิ่งกว่า
นั้นสักเท่าใดบรรดาผู้ที่ได้รับพระคุณและของประทานแห่งความชอบธรรมซึ่งพระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้อย่างมากล้นย่อมครอบครองในชีวิตผ่านทางมนุษย์คนเดียวคือพระเยซูคริสต์
18 ฉะนั้นการล่วงละเมิดเพียงครั้งเดียวส่งผลให้คนทั้งปวงถูกลงโทษฉันใด การกระทำอันชอบธรรมเพียงครั้งเดียวก็ส่งผลให้คนทั้งปวงถูกนับเป็นผู้ชอบธรรมฉันนั้น ซึ่งการนับเป็นผู้ชอบธรรมนี้นำชีวิตมาให้คนทั้งปวงเหล่านั้น 19 เพราะการไม่เชื่อฟังของมนุษย์คนเดียวทำให้คนเป็นอันมากเป็นคนบาปฉันใด การเชื่อฟังของมนุษย์คนเดียวก็ทำให้คนเป็นอันมากเป็นผู้ชอบธรรมฉันนั้น
20 บทบัญญัติถูกเพิ่มเข้ามาเพื่อที่การล่วงละเมิดจะมีมากขึ้น แต่ที่ใดมีบาปมากขึ้น พระคุณก็มีมากขึ้นยิ่งกว่านั้น 21 เพื่อว่าบาปได้ครอบครองในความตายฉันใด พระคุณจะได้ครอบครองผ่านทางความชอบธรรมเพื่อชีวิตนิรันดร์จะมาทางพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราฉันนั้น
43 เมื่อเยเรมีย์แจ้งให้ประชากรทราบเนื้อความทั้งหมดที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขาทรงใช้ให้มากล่าวกับคนเหล่านั้นแล้ว 2 อาซาริยาห์บุตรโฮชายาห์และโยฮานันบุตรคาเรอาห์กับคนที่หยิ่งยโสทั้งปวงก็กล่าวกับเยเรมีย์ว่า “เจ้ากำลังโกหก พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราไม่ได้ทรงใช้เจ้ามากล่าวว่า ‘ห้ามพวกเจ้าไปตั้งรกรากที่อียิปต์’ 3 แต่บารุคบุตรเนริยาห์ต่างหากที่ยุเจ้าให้มาเล่นงานพวกเรา เพื่อมอบเราให้ชาวบาบิโลน[a] พวกเขาจะได้ฆ่าเราหรือไม่ก็จับเราไปเป็นเชลยที่บาบิโลน”
4 ดังนั้นโยฮานันบุตรคาเรอาห์ บรรดาแม่ทัพนายกอง และประชากรทั้งปวง จึงไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ยังให้อยู่ในดินแดนยูดาห์ 5 แต่โยฮานันบุตรคาเรอาห์ แม่ทัพนายกองทั้งปวงได้นำชนหยิบมือที่เหลืออยู่ทั้งหมดของยูดาห์ไปยังอียิปต์ คนหยิบมือเหล่านี้เป็นพวกที่กระจัดกระจายไปตามชาติต่างๆ และกลับมาอาศัยในดินแดนยูดาห์ 6 ในกลุ่มนั้นมีทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก ราชธิดาของกษัตริย์และหมู่คนที่เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์เหลือไว้ให้อยู่กับเกดาลิยาห์บุตรอาหิคัมบุตรชาฟาน รวมทั้งผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์และบารุคบุตรเนริยาห์ด้วย 7 พวกเขาขัดขืนคำสั่งขององค์พระผู้เป็นเจ้า และมาถึงทาห์ปานเหสในดินแดนอียิปต์
8 ที่ทาห์ปานเหสมีพระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยเรมีย์ว่า 9 “ต่อหน้าชาวยิวทั้งปวง จงเอาหินก้อนใหญ่ๆ มาฝังไว้ในดินใต้ทางเดินที่ปูด้วยอิฐตรงทางเข้าวังของฟาโรห์ในทาห์ปานเหส 10 แล้วจงแจ้งพวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า เราจะส่งกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนผู้รับใช้ของเรามา เราจะตั้งบัลลังก์ของเขาเหนือก้อนหินเหล่านี้ ซึ่งเราได้ฝังไว้ที่นี่ เขาจะแผ่บารมีเหนือที่แห่งนี้ 11 เขาจะมาโจมตีแผ่นดินอียิปต์ นำความตายมาสู่ผู้ที่ถูกกำหนดให้ตาย ผู้ที่ถูกกำหนดให้เป็นเชลยก็จะตกเป็นเชลย ผู้ที่ถูกกำหนดให้ตายด้วยดาบก็จะตายด้วยดาบ 12 เขา[b]จะจุดไฟเผาวิหารต่างๆ ของเทพเจ้าอียิปต์ ริบเทวรูปทั้งหลายไป เขาจะสวมอียิปต์เป็นอาภรณ์เหมือนคนเลี้ยงแกะสวมเสื้อคลุม แล้วจากอียิปต์ไปโดยสวัสดิภาพ 13 และเขาจะโค่นรื้อเสาศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ในวิหารของสุริยเทพ[c] และเผาบรรดาวิหารของทวยเทพแห่งอียิปต์’”
(ถึงหัวหน้านักร้อง บทสดุดีของดาวิด)
19 ฟ้าสวรรค์ประกาศพระเกียรติสิริของพระเจ้า
ท้องฟ้าสำแดงฝีพระหัตถ์ของพระองค์
2 วันแล้ววันเล่ากล่าวถึงพระเจ้า
คืนแล้วคืนเล่าสำแดงความรู้
3 พวกมันไม่มีคำพูด ไม่มีถ้อยคำ
ไม่ได้ยินเสียงใดๆ จากพวกมัน
4 แต่กระนั้นเสียงของพวกมันก็ยังออกไปทั่วโลก
ถ้อยคำของพวกมันไปถึงสุดปลายแผ่นดินโลก
พระองค์ทรงกำหนดตำแหน่งของดวงอาทิตย์ไว้บนฟ้าสวรรค์
5 ซึ่งเป็นเหมือนเจ้าบ่าวก้าวเข้าสู่พิธีสมรส
เหมือนนักกีฬาผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งร่าเริงยินดีที่จะเข้าสู่การแข่งขัน
6 ดวงอาทิตย์ขึ้นจากฟากหนึ่ง
แล้วโคจรไปยังอีกฟากหนึ่งของฟ้าสวรรค์
ไม่มีสิ่งใดหลบซ่อนจากความร้อนของมันได้
7 บทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าสมบูรณ์ไร้ที่ติ
ฟื้นฟูจิตวิญญาณ
กฎเกณฑ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าเชื่อถือได้
กระทำให้คนรู้น้อยมีปัญญา
8 ข้อบังคับขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้นถูกต้อง
ให้ความชื่นชมยินดีแก่จิตใจ
พระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้ากระจ่างชัด
ให้ความสว่างแก่ดวงตา
9 ความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้านั้นบริสุทธิ์
ยั่งยืนเป็นนิตย์
ข้อปฏิบัติขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้นแน่นอน
และล้วนแต่ชอบธรรมทั้งสิ้น
10 ล้ำค่ากว่าทองคำ
ยิ่งกว่าทองบริสุทธิ์
หวานยิ่งกว่าน้ำผึ้ง
ยิ่งกว่าน้ำผึ้งที่หยดจากรวง
11 สิ่งเหล่านี้ตักเตือนผู้รับใช้ของพระองค์
และเป็นบำเหน็จยิ่งใหญ่แก่ทุกคนที่ยึดถือปฏิบัติตาม
12 ใครเล่าสามารถสังเกตเห็นความผิดพลาดของตน?
ขอทรงอภัยความผิดที่ซ่อนเร้นของข้าพระองค์
13 ขอทรงยับยั้งผู้รับใช้ของพระองค์ไม่ให้ทำบาปโดยตั้งใจ
อย่าให้บาปเหล่านั้นครอบงำข้าพระองค์
แล้วข้าพระองค์จะไร้ตำหนิ
พ้นจากการล่วงละเมิดอันใหญ่หลวง
14 ขอให้วาจาที่ออกจากปากและการใคร่ครวญในใจของข้าพระองค์นั้น
เป็นที่พอพระทัยในสายพระเนตรของพระองค์
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระศิลาและพระผู้ไถ่ของข้าพระองค์
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.