Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
กันดารวิถี 29

เทศกาลเสียงแตร(A)

29 “ ‘ในวันที่หนึ่งเดือนที่เจ็ดของทุกปี จงจัดการประชุมนมัสการศักดิ์สิทธิ์และอย่าทำงาน ให้เจ้าเป่าแตรในวันนี้ จงถวายวัวหนุ่มหนึ่งตัว แกะผู้หนึ่งตัว และลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบเจ็ดตัว ทั้งหมดล้วนไม่มีตำหนิ เป็นเครื่องเผาบูชา เป็นกลิ่นหอมที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย ถวายธัญบูชาคือ แป้งโม่ละเอียดประมาณ 6.5 ลิตร[a]เคล้าน้ำมันควบคู่กับวัวหนุ่ม ถวายแป้งประมาณ 4.5 ลิตร[b]ควบคู่กับแกะผู้ และถวายแป้งประมาณ 2 ลิตร[c]ควบคู่กับลูกแกะแต่ละตัว และจงถวายแพะผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปเพื่อลบบาปของเจ้า นอกเหนือจากเครื่องเผาบูชา ธัญบูชาและเครื่องดื่มบูชาที่ถวายเป็นประจำทุกวันและทุกเดือน จงถวายเครื่องบูชาตามที่กล่าวมานี้ เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นกลิ่นหอมที่พอพระทัย

วันลบบาป(B)

“ ‘ในวันที่สิบของเดือนที่เจ็ดนั้น จงจัดการประชุมนมัสการศักดิ์สิทธิ์ เจ้าต้องบังคับตน[d]และอย่าทำงาน จงถวายวัวหนุ่มหนึ่งตัว แกะผู้หนึ่งตัว และลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบเจ็ดตัว ทั้งหมดล้วนไม่มีตำหนิ เป็นเครื่องเผาบูชา เป็นกลิ่นหอมที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย ถวายธัญบูชาคือแป้งโม่ละเอียดประมาณ 6.5 ลิตรเคล้าน้ำมันควบคู่กับวัวหนุ่ม ถวายแป้งประมาณ 4.5 ลิตรควบคู่กับแกะผู้ 10 และถวายแป้งประมาณ 2 ลิตรควบคู่กับลูกแกะแต่ละตัว 11 นอกเหนือจากเครื่องบูชาไถ่บาปเพื่อลบบาป และเครื่องเผาบูชาที่ถวายเป็นประจำควบคู่กับธัญบูชาและเครื่องดื่มบูชา จงถวายแพะผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปด้วย

เทศกาลอยู่เพิง(C)

12 “ ‘ในวันที่สิบห้าของเดือนที่เจ็ด จงจัดการประชุมนมัสการศักดิ์สิทธิ์และอย่าทำงาน จงฉลองเทศกาลแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดเจ็ดวัน 13 จงถวายเครื่องเผาบูชาได้แก่ วัวหนุ่มสิบสามตัว แกะผู้สองตัว และลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบสิบสี่ตัว ทั้งหมดล้วนไม่มีตำหนิ เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นหอมที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย 14 ถวายธัญบูชาคือแป้งโม่ละเอียดประมาณ 6.5 ลิตรเคล้าน้ำมันควบคู่กับวัวหนุ่มแต่ละตัว ถวายแป้งประมาณ 4.5 ลิตรควบคู่กับแกะผู้แต่ละตัว 15 และถวายแป้งประมาณ 2 ลิตรควบคู่กับลูกแกะแต่ละตัว 16 นอกเหนือจากเครื่องเผาบูชาซึ่งถวายเป็นประจำควบคู่กับธัญบูชาและเครื่องดื่มบูชา จงถวายแพะผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปด้วย

17 “ ‘ในวันที่สองของเทศกาล จงถวายวัวหนุ่มสิบสองตัว แกะผู้สองตัว ลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบสิบสี่ตัว ทั้งหมดล้วนไม่มีตำหนิ 18 ควบคู่กับเครื่องธัญบูชาและเครื่องดื่มบูชาตามจำนวนที่กำหนดไว้ 19 นอกเหนือจากเครื่องเผาบูชาซึ่งถวายเป็นประจำควบคู่กับธัญบูชาและเครื่องดื่มบูชา จงถวายแพะผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปด้วย

20 “ ‘ในวันที่สาม จงถวายวัวหนุ่มสิบเอ็ดตัว แกะผู้สองตัว และลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบสิบสี่ตัว ทั้งหมดล้วนไม่มีตำหนิ 21 ควบคู่กับธัญบูชาและเครื่องดื่มบูชาตามจำนวนที่กำหนดไว้ 22 นอกเหนือจากเครื่องเผาบูชาซึ่งถวายเป็นประจำควบคู่กับธัญบูชาและเครื่องดื่มบูชา จงถวายแพะผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปด้วย

23 “ ‘ในวันที่สี่ จงถวายวัวหนุ่มสิบตัว แกะผู้สองตัว และลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบสิบสี่ตัว ทั้งหมดล้วนไม่มีตำหนิ 24 ควบคู่กับธัญบูชาและเครื่องดื่มบูชาตามจำนวนที่กำหนดไว้ 25 นอกเหนือจากเครื่องเผาบูชาซึ่งถวายเป็นประจำควบคู่กับธัญบูชาและเครื่องดื่มบูชา จงถวายแพะผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปด้วย

26 “ ‘ในวันที่ห้า จงถวายวัวหนุ่มเก้าตัว แกะผู้สองตัว และลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบสิบสี่ตัว ทั้งหมดล้วนไม่มีตำหนิ 27 ควบคู่กับธัญบูชาและเครื่องดื่มบูชาตามจำนวนที่กำหนดไว้ 28 นอกเหนือจากเครื่องเผาบูชาซึ่งถวายเป็นประจำควบคู่กับธัญบูชาและเครื่องดื่มบูชา จงถวายแพะผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปด้วย

29 “ ‘ในวันที่หก จงถวายวัวหนุ่มแปดตัว แกะผู้สองตัว และลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบสิบสี่ตัว ทั้งหมดล้วนไม่มีตำหนิ 30 ควบคู่กับธัญบูชาและเครื่องดื่มบูชาตามจำนวนที่กำหนดไว้ 31 นอกเหนือจากเครื่องเผาบูชาซึ่งถวายเป็นประจำควบคู่กับธัญบูชาและเครื่องดื่มบูชา จงถวายแพะผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปด้วย

32 “ ‘ในวันที่เจ็ด จงถวายวัวหนุ่มเจ็ดตัว แกะผู้สองตัว และลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบสิบสี่ตัว ทั้งหมดล้วนไม่มีตำหนิ 33 ควบคู่กับธัญบูชาและเครื่องดื่มบูชาตามจำนวนที่กำหนดไว้ 34 นอกเหนือจากเครื่องเผาบูชาซึ่งถวายเป็นประจำควบคู่กับธัญบูชาและเครื่องดื่มบูชา จงถวายแพะผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปด้วย

35 “ ‘ในวันที่แปด จงจัดการประชุมนมัสการศักดิ์สิทธิ์และอย่าทำงาน 36 จงถวายเครื่องเผาบูชาคือ วัวหนุ่มหนึ่งตัว แกะผู้หนึ่งตัว ลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบเจ็ดตัว ทั้งหมดล้วนไม่มีตำหนิ เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นหอมที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย 37 ควบคู่กับธัญบูชาและเครื่องดื่มบูชาตามจำนวนที่กำหนดไว้ 38 นอกเหนือจากเครื่องเผาบูชาซึ่งถวายเป็นประจำควบคู่กับธัญบูชาและเครื่องดื่มบูชา จงถวายแพะผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปด้วย

39 “ ‘นอกเหนือจากของถวายตามสัตย์ปฏิญาณและเครื่องบูชาตามความสมัครใจของท่าน จงถวายเครื่องเผาบูชา ธัญบูชา เครื่องดื่มบูชา และเครื่องสันติบูชา จงถวายเครื่องบูชาเหล่านี้แด่องค์พระผู้เป็นเจ้าในเทศกาลต่างๆ ตามที่กำหนดไว้ด้วย’ ”

40 โมเสสจึงแจ้งพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าทั้งหมดนี้แก่ประชากรอิสราเอล

สดุดี 73

บรรพ 3(A)

(บทสดุดีของอาสาฟ)

73 แน่ทีเดียว พระเจ้าทรงดีต่ออิสราเอล
ต่อบรรดาผู้มีใจบริสุทธิ์

แต่สำหรับข้าพเจ้า เท้าของข้าพเจ้าเกือบจะลื่นพลาด
ข้าพเจ้าจวนเจียนจะเสียหลัก
เพราะข้าพเจ้าอิจฉาคนหยิ่งผยอง
เมื่อข้าพเจ้าเห็นความเจริญรุ่งเรืองของคนชั่ว

พวกเขาไม่ต้องดิ้นรนต่อสู้
ร่างกายของเขาแข็งแรงและสุขภาพดี[a]
เขาไม่ต้องแบกรับภาระเหมือนคนอื่นๆ
เขาไม่ต้องเป็นทุกข์ด้วยโรคภัยไข้เจ็บ
ฉะนั้นเขาจึงคล้องความเย่อหยิ่งเป็นสร้อยคอ
เขาสวมความรุนแรงเป็นอาภรณ์คลุมกาย
ความชั่วช้าออกมาจากใจที่ตายด้านของเขา[b]
ความคิดชั่วในจิตใจของเขาไร้ขีดจำกัด
เขาเย้ยหยัน พูดอย่างมุ่งร้าย
และข่มขู่คุกคามอย่างโอหัง
ริมฝีปากของเขาอ้างสิทธิ์เหนือฟ้าสวรรค์
ลิ้นของเขาอวดอ้างกรรมสิทธิ์เหนือแผ่นดินโลก
10 ฉะนั้นคนของเขาจึงหันไปหาพวกเขา
และดื่มห้วงน้ำหมดไปอย่างมากมาย[c]
11 พวกเขาพูดว่า “พระเจ้าจะรู้ได้อย่างไร?
องค์ผู้สูงสุดจะรู้หรือ?”

12 คนชั่วเป็นเช่นนี้แหละ สุขสบายอยู่ร่ำไป
พวกเขาร่ำรวยขึ้นเรื่อยๆ

13 แน่ทีเดียว ข้าพเจ้ารักษาใจให้บริสุทธิ์
และชำระมือให้ปราศจากมลทินโดยเปล่าประโยชน์
14 ข้าพเจ้าถูกรุมเล่นงานวันยังค่ำ
และถูกลงโทษอยู่ทุกเช้า

15 หากข้าพเจ้าได้กล่าวว่า “เราจะพูดเช่นนั้น”
ข้าพเจ้าก็คงจะได้ทรยศต่อลูกๆ ของพระองค์
16 เมื่อข้าพเจ้าพยายามที่จะเข้าใจทั้งหมดนี้
ก็ทำให้ลำบากใจยิ่งนัก
17 จนกระทั่งข้าพเจ้าเข้าไปยังสถานนมัสการของพระเจ้า
ข้าพเจ้าจึงเข้าใจถึงจุดหมายปลายทางสุดท้ายของพวกเขา

18 แน่ทีเดียว พระองค์ทรงให้เขายืนอยู่บนที่ลื่น
พระองค์ทรงเหวี่ยงเขาลงสู่หายนะ
19 เขาถูกทำลายไปทันที
ถูกกวาดล้างหมดสิ้นไปด้วยความสยดสยอง!
20 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า
เมื่อพระองค์ทรงลุกขึ้นก็เหมือนคนที่ตื่นจากฝัน
พระองค์จะทรงเหยียดหยามเขาว่าเป็นเพียงภาพเพ้อฝัน

21 เมื่อจิตใจของข้าพระองค์ทุกข์โศก
เมื่อดวงวิญญาณของข้าพระองค์ขมขื่น
22 ข้าพระองค์ก็ไม่รู้จักคิดและโง่เขลา
ข้าพระองค์เป็นเหมือนสัตว์เดียรัจฉานต่อพระองค์

23 แต่ถึงกระนั้น ข้าพระองค์ยังอยู่กับพระองค์เสมอ
พระองค์ทรงยึดมือขวาของข้าพระองค์ไว้
24 พระองค์ทรงนำข้าพระองค์ด้วยคำปรึกษาของพระองค์
และภายหลังพระองค์จะทรงรับข้าพระองค์เข้าสู่เกียรติสิริ
25 นอกจากพระองค์แล้วข้าพระองค์มีผู้ใดอื่นในฟ้าสวรรค์หรือ?
และในโลกนี้ข้าพระองค์ไม่ปรารถนาสิ่งใดนอกจากพระองค์
26 กายใจของข้าพระองค์อาจจะเสื่อมถอย
แต่พระเจ้าทรงเป็นพลังใจและเป็นส่วนมรดกของข้าพระองค์ตลอดไป

27 บรรดาผู้ที่ห่างไกลพระองค์จะพินาศ
พระองค์ทรงทำลายล้างคนทั้งปวงที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์
28 แต่ส่วนข้าพระองค์ ดีเหลือเกินที่ได้เข้ามาใกล้พระเจ้า
ข้าพระองค์ได้ให้พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตเป็นที่ลี้ภัยของข้าพระองค์
ข้าพระองค์จะเล่าถึงพระราชกิจทั้งสิ้นของพระองค์

อิสยาห์ 21

คำพยากรณ์กล่าวโทษบาบิโลน

21 พระดำรัสเกี่ยวกับบาบิโลน[a]มีดังนี้ว่า

ผู้รุกรานมาจากถิ่นกันดาร
จากดินแดนน่าสะพรึงกลัว
เหมือนพายุพัดกระหน่ำดินแดนภาคใต้

ข้าพเจ้าได้เห็นนิมิตอันน่ากลัว คือ
ผู้ทรยศก่อการกบฏ โจรเข้าฉกชิง
เอลามบุกโจมตี มีเดียเข้าล้อมเมือง
เราจะยุติเสียงครวญครางทั้งปวงที่มันทำให้เกิดขึ้น

ถึงตอนนี้ กายของข้าพเจ้าบิดเร่าด้วยความเจ็บปวด
ความรวดร้าวจู่โจมข้าพเจ้าเหมือนความเจ็บปวดของผู้หญิงที่กำลังคลอดลูก
ข้าพเจ้าโซซัดโซเซเพราะสิ่งที่ได้ยิน
งงงันเพราะสิ่งที่ได้เห็น
หัวใจของข้าพเจ้าเต้นระทึก ตกใจกลัวจนตัวสั่น
ยามสนธยาที่ข้าพเจ้าใฝ่หากลับกลายเป็นความสยดสยอง

พวกเขาตั้งโต๊ะ
ยกพรมมาปู
เขากินและดื่ม!
นักรบทั้งหลาย ลุกขึ้นเถิด
เอาน้ำมันทาโล่!

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า

“จงวางยามไว้คอยดูแล
และให้เขารายงานสิ่งที่เห็น
เมื่อเขาเห็นรถรบ
ฝูงม้า
คนขี่ลา
หรือคนขี่อูฐเคลื่อนเข้ามา
ให้เขาตื่นตัว
และเพ่งดู”

แล้วยาม[b]ร้องบอกว่า

“นายครับ ผมยืนเฝ้ายามที่หอคอยนี้
วันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า
ดูเถิด มีคนหนึ่งนั่งรถรบมา
และมีม้ามาเป็นฝูง
เขาตอบกลับมาว่า
‘บาบิโลนล่มแล้ว!
เทวรูปทั้งหมดของบาบิโลน
แตกกระจัดกระจายอยู่ที่พื้น!’ ”

10 พี่น้องร่วมชาติของข้าพเจ้าเอ๋ย ผู้ถูกบดขยี้ในลานนวดข้าว
ข้าพเจ้าก็บอกท่านถึงสิ่งที่ข้าพเจ้าได้ยิน
จากพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์
จากพระเจ้าแห่งอิสราเอล

คำพยากรณ์กล่าวโทษเอโดม

11 พระดำรัสเกี่ยวกับดูมาห์[c]มีดังนี้ว่า

มีคนร้องเรียกข้าพเจ้าจากเสอีร์ว่า
“คนยาม กี่โมงกี่ยามแล้ว?
คนยาม กี่โมงกี่ยามแล้ว?”
12 ยามตอบว่า
“จะเช้าแล้ว แต่ก็จะมืดด้วย
ถ้าจะถามก็ถามมาเถิด
แล้วค่อยกลับมาถามใหม่”

คำพยากรณ์กล่าวโทษอาระเบีย

13 พระดำรัสเกี่ยวกับอาระเบียมีดังนี้ว่า

เจ้าพวกกองคาราวานชาวเดดาน
ผู้ตั้งค่ายในดงทึบแห่งอาระเบีย
14 จงนำน้ำมาให้ผู้กระหาย
ประชากรเทมาเอ๋ย
และนำอาหารมาให้ผู้ลี้ภัยเถิด
15 พวกเขาหนีจากดาบ
ดาบที่ชักออกจากฝัก
หนีจากคันธนูซึ่งโก่งอยู่
และจากสงครามอันดุเดือด

16 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ภายในหนึ่งปีตามปีของสัญญาว่าจ้างแรงงานนั้น ความโอ่อ่าตระการของเคดาร์จะสิ้นสุดลง 17 นักธนูและนักรบของเคดาร์จะเหลืออยู่ไม่กี่คน” พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลได้ตรัสไว้

2 เปโตร 2

ผู้สอนผิดและความพินาศที่เขานำมา

แต่ก็มีผู้เผยพระวจนะเท็จในหมู่ประชากรเช่นเดียวกับที่จะมีผู้สอนผิดท่ามกลางพวกท่าน พวกเขาจะแอบนำคำสอนผิดซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายเข้ามา พวกเขาถึงกับปฏิเสธองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เจ้าชีวิตผู้ได้ทรงไถ่พวกเขา ซึ่งการทำอย่างนี้นำความพินาศมาสู่พวกเขาเองอย่างรวดเร็ว หลายคนจะเดินตามแนวทางอันน่าละอายของเขา สร้างความเสื่อมเสียแก่ทางแห่งความจริง ด้วยความโลภผู้สอนผิดเหล่านี้จะแต่งเรื่องขึ้นมาเพื่อตักตวงผลประโยชน์จากท่าน คำตัดสินโทษคนเหล่านี้แขวนอยู่เหนือหัวของเขามาเนิ่นนานแล้ว ความพินาศกำลังจะมาถึงเขาแล้ว

เพราะพระเจ้าไม่ได้ทรงละเว้นทูตสวรรค์ที่ทำบาป แต่ทรงส่งลงนรกเข้าคุกมืด[a]รอการพิพากษา พระองค์ไม่ได้ทรงละเว้นโลกในสมัยโบราณเมื่อทรงให้น้ำท่วมคนอธรรมที่อยู่ในโลก แต่ทรงปกป้องโนอาห์ผู้ประกาศความชอบธรรมกับคนอื่นๆ อีกเจ็ดคน พระองค์ได้ทรงลงโทษเมืองโสโดมกับโกโมราห์โดยเผาให้วอดวายเป็นเถ้าถ่านเพื่อเป็นตัวอย่างของสิ่งที่จะเกิดแก่คนอธรรม และพระองค์ได้ทรงช่วยโลทผู้ชอบธรรมซึ่งทุกข์ยากลำบากใจเนื่องด้วยชีวิตโสมมของคนไร้ศีลธรรม (เพราะผู้ชอบธรรมคนนี้ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางพวกเขา จิตวิญญาณอันชอบธรรมของเขาย่อมทุกข์ทรมานเนื่องจากได้เห็นได้ยินพฤติกรรมที่ชั่วร้ายอยู่วันแล้ววันเล่า) ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วพระเจ้าย่อมทรงทราบว่าจะช่วยคนชอบธรรมให้รอดพ้นจากการทดลองได้อย่างไร และจะกักคนอธรรมไว้รอวันพิพากษา ขณะเดียวกันก็ลงโทษพวกเขาไปเรื่อยๆ[b] ได้อย่างไร 10 โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระเจ้าจะทรงลงโทษคนที่ปล่อยตัวไปตามความปรารถนาของวิสัยบาป[c]ที่ทำให้เป็นมลทินและลบหลู่ผู้ทรงอำนาจ

คนเหล่านี้กล้าบ้าบิ่นและอวดดี สบประมาทเทพเบื้องบนโดยไม่สะทกสะท้าน 11 ซึ่งแม้แต่ทูตสวรรค์ผู้มีพละกำลังและฤทธิ์อำนาจเหนือกว่ายังไม่ได้กล่าวสบประมาทเมื่อกล่าวโทษเทพเหล่านี้[d]ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า 12 แต่คนเหล่านี้สบประมาทสิ่งที่ตนไม่เข้าใจ พวกเขาเป็นเช่นสัตว์เดรัจฉานที่ทำอะไรตามสัญชาตญาณ เกิดมาเพียงเพื่อถูกล่าทำลาย และเขาจะพินาศไปเหมือนสัตว์เดรัจฉานอย่างแน่นอน

13 สิ่งเลวร้ายที่เขาได้ทำจะคืนสนองเขา คนเหล่านี้ถือว่าการมั่วสุมเสเพลเฮฮาทั้งกลางวันแสกๆ เป็นความบันเทิง เขาเป็นสิ่งแปดเปื้อนและรอยด่างพร้อย เขาหาความสำราญใส่ตนขณะร่วมงานเลี้ยงกับพวกท่าน[e] 14 แววตาของเขาเปี่ยมด้วยการล่วงประเวณี เขาทำบาปไม่เลิกรา เขาล่อลวงคนที่ไม่หนักแน่น เขาช่ำชองในความโลภ พวกเขาคือเผ่าพันธุ์ที่ถูกสาปแช่ง! 15 เขาละทิ้งทางที่ถูกและเตลิดไปตามทางของบาลาอัมบุตรเบโอร์ผู้รับสินจ้างทุจริต 16 แต่ผู้เผยพระวจนะคนนี้ถูกลาตำหนิ สัตว์ซึ่งพูดไม่ได้กลับเอ่ยออกมาเป็นเสียงมนุษย์และได้ยับยั้งความบ้าคลั่งของเขา

17 คนเหล่านี้คือบ่อแล้งน้ำ คือหมอกที่ถูกพายุพัดไป นรกมืดมิดรอพวกเขาอยู่ 18 เพราะเขาพูดจาโอ้อวดลมๆ แล้งๆ และใช้ราคะตัณหาตามวิสัยมนุษย์บาปหนามาล่อลวงคนทั้งหลายที่เพิ่งหนีพ้นจากบรรดาผู้ที่ดำเนินชีวิตในทางที่ผิด 19 พวกเขาสัญญาว่าจะให้คนเหล่านั้นเป็นอิสระ แต่ตัวเขาเองยังเป็นทาสของความเสื่อมทราม เพราะคนเราถูกสิ่งใดครอบงำย่อมเป็นทาสของสิ่งนั้น 20 ถ้าพวกเขาได้หนีพ้นมลทินโลกมาแล้วโดยการรู้จักพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา แล้วยังหวนกลับไปข้องเกี่ยวและพ่ายแพ้แก่มัน บั้นปลายของพวกเขาก็กลับเลวร้ายยิ่งกว่าเริ่มแรก 21 ถ้าพวกเขาไม่รู้จักทางแห่งความชอบธรรมเสียเลยก็ยังดีกว่าได้รู้จักแล้วหันหลังให้พระบัญชาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งสืบทอดมาถึงพวกเขา 22 พวกเขาก็เป็นไปตามสุภาษิตที่ว่า “สุนัขหวนกลับไปหาสิ่งที่มันสำรอกออกมา”[f] และที่ว่า “สุกรที่อาบน้ำแล้วย้อนกลับไปเกลือกกลั้วในปลักโคลน”

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.