M’Cheyne Bible Reading Plan
ไม้เท้าของอาโรนแตกหน่อ
17 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 2 “จงสั่งชนอิสราเอล และให้หัวหน้าเผ่าทั้งสิบสองเผ่าเอาไม้เท้าสลักชื่อของตนมาให้เจ้า 3 ไม้เท้าประจำเผ่าเลวีจะสลักชื่ออาโรน เพราะต้องมีไม้เท้าหนึ่งอันสำหรับหัวหน้าเผ่าแต่ละคน 4 จงวางไม้เท้าเหล่านี้หน้าหีบพันธสัญญาในเต็นท์นัดพบที่ซึ่งเรามาพบเจ้า 5 ไม้เท้าของผู้ที่เราเลือกสรรจะแตกหน่อ เราจะได้ไม่ต้องทนฟังเสียงชนอิสราเอลพร่ำบ่นเจ้าตลอดเวลาอีก”
6 ดังนั้นโมเสสจึงแจ้งชนอิสราเอล แล้วหัวหน้าเผ่าต่างๆ รวมทั้งอาโรนก็นำไม้เท้ามามอบให้โมเสส รวมทั้งหมดสิบสองอัน 7 โมเสสวางไม้เท้าเหล่านี้ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าในเต็นท์แห่งพันธสัญญา
8 วันรุ่งขึ้นเมื่อโมเสสเข้าไปในเต็นท์แห่งพันธสัญญา ก็พบว่าไม้เท้าของอาโรนตัวแทนเผ่าเลวีไม่เพียงแตกหน่อเท่านั้น แต่ยังผลิดอกออกผลอัลมอนด์ด้วย 9 โมเสสจึงนำไม้เท้าจากเบื้องหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้ามายังปวงชนอิสราเอล พวกเขาพากันมองดู และแต่ละคนรับไม้เท้าของตนคืนไป
10 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งโมเสสว่า “จงนำไม้เท้าของอาโรนกลับไปวางหน้าหีบพันธสัญญา ให้เก็บรักษาไว้เป็นสิ่งเตือนใจพวกที่ชอบกบฏ ให้เลิกบ่นว่าเราเพื่อพวกเขาจะไม่ต้องตาย” 11 โมเสสก็ปฏิบัติตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาทุกประการ
12 ชนอิสราเอลกล่าวกับโมเสสว่า “เราตายแน่! เราพินาศแน่! เราย่อยยับกันหมดแน่! 13 ใครเฉียดใกล้พลับพลาขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็จะตาย เราจะต้องตายกันหมดหรืออย่างไร?”
หน้าที่ของปุโรหิตและคนเลวี
18 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับอาโรนว่า “เจ้าและลูกหลานกับวงศ์ตระกูลของบิดาเจ้าจะต้องรับผิดชอบเมื่อมีการล่วงละเมิดต่อสถานนมัสการ และเจ้ากับลูกหลานของเจ้าเท่านั้นที่ต้องรับผิดชอบเมื่อมีการละเมิดต่อการเป็นปุโรหิต 2 จงนำชนเลวีพี่น้องร่วมเผ่าของเจ้ามาร่วมทำงานและมาช่วยงานเจ้า เมื่อเจ้ากับลูกๆ มาปฏิบัติงานหน้าเต็นท์แห่งพันธสัญญา 3 พวกเขาขึ้นตรงต่อเจ้า และปฏิบัติงานทั้งปวงที่เต็นท์ แต่อย่าให้พวกเขาเข้ามาใกล้ภาชนะเครื่องใช้ของสถานนมัสการหรือแท่นบูชา มิฉะนั้นทั้งพวกเขาและเจ้าจะต้องตาย 4 ให้พวกเขาสมทบกับเจ้าและรับผิดชอบดูแลงานทั้งปวงในเต็นท์นัดพบ และอย่าให้ใครอื่นมาใกล้บริเวณที่เจ้าอยู่
5 “เจ้าจงรับผิดชอบดูแลสถานนมัสการและแท่นบูชา เพื่อพระพิโรธจะไม่ตกแก่ชนอิสราเอลอีก 6 เราเองได้เลือกสรรพี่น้องชนเลวีของเจ้าจากหมู่ชนอิสราเอล และยกให้เจ้าเพื่อถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าให้ปฏิบัติงานที่เต็นท์นัดพบ 7 แต่เจ้ากับลูกๆ เท่านั้นจะทำหน้าที่ปุโรหิต รวมทั้งงานเกี่ยวกับแท่นบูชาและทุกสิ่งที่อยู่หลังม่าน เรายกงานด้านปุโรหิตให้เจ้าเป็นของประทาน คนอื่นที่มาใกล้สถานนมัสการจะต้องมีโทษถึงตาย”
ส่วนของปุโรหิตและคนเลวี
8 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับอาโรนว่า “เราเองได้ตั้งเจ้า ให้ดูแลเครื่องบูชาทั้งปวงที่ถวายแก่เรา เครื่องบูชาบริสุทธิ์ทั้งหมดซึ่งชนอิสราเอลนำมาถวายเรา เรายกให้เจ้ากับลูกๆ เป็นส่วนที่เจ้าได้รับเป็นประจำ 9 เจ้าจะได้รับเครื่องบูชาบริสุทธิ์ที่สุดในส่วนที่ไม่ได้เผาถวาย เรายกส่วนที่ไม่ได้เผาถวายของเครื่องบูชาบริสุทธิ์ที่สุดซึ่งพวกเขานำมาถวายแก่เรานั้นให้เจ้าและลูกๆ ไม่ว่าจากธัญบูชา เครื่องบูชาไถ่บาป หรือเครื่องบูชาลบความผิด 10 จงรับประทานโดยถือเป็นของบริสุทธิ์ที่สุด และผู้ชายทุกคนจะรับประทานของถวายนี้ เจ้าต้องถือว่าสิ่งนี้บริสุทธิ์
11 “สิ่งต่างๆ ที่ชนอิสราเอลนำมาเป็นเครื่องบูชายื่นถวายก็เป็นของเจ้าด้วย เรายกให้เจ้า บุตรชาย และบุตรสาวของเจ้า เป็นส่วนที่เจ้าได้รับเป็นประจำ ทุกคนในครัวเรือนของเจ้าที่ไม่เป็นมลทินตามระเบียบพิธีสามารถรับประทานได้
12 “เรายกส่วนที่ดีที่สุดของน้ำมันมะกอก เหล้าองุ่น เมล็ดข้าวทั้งหมดซึ่งเป็นผลแรกที่พวกเขาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าให้เจ้า 13 ผลแรกทั้งหมดจากแผ่นดินที่พวกเขานำมาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเรายกให้เจ้า ทุกคนในครัวเรือนของเจ้าที่ไม่เป็นมลทินตามระเบียบพิธีสามารถรับประทานได้
14 “ของถวาย[a]ทุกอย่างในอิสราเอลเป็นของเจ้า 15 ลูกหัวปีทั้งหมดที่เกิดมา ไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์ซึ่งถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นของเจ้า แต่เจ้าต้องไถ่บุตรชายหัวปีทุกคนหรือสัตว์เพศผู้ตัวแรกของสัตว์ที่เป็นมลทิน 16 เมื่อบุตรหัวปีนั้นอายุครบหนึ่งเดือน เจ้าจะต้องไถ่ลูกหัวปีเหล่านั้นเป็นเงินหนักคนละหรือตัวละ 5 เชเขล[b]ตามเชเขลของสถานนมัสการซึ่งเท่ากับ 20 เกราห์
17 “แต่ลูกหัวปีของวัว แกะหรือแพะจะไถ่คืนไม่ได้เพราะเป็นของบริสุทธิ์ จงพรมเลือดของมันบนแท่นบูชา และเผาไขมันเป็นเครื่องบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นหอมที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย 18 เรายกเนื้อของสัตว์เหล่านี้ให้เจ้าเช่นเดียวกับที่ยกเนื้ออก และโคนขาขวาซึ่งเป็นเครื่องบูชายื่นถวายให้เจ้า 19 ส่วนที่แยกไว้จากเครื่องบูชาบริสุทธิ์ซึ่งชาวอิสราเอลนำมาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเรายกให้เจ้ากับบุตรชายและบุตรสาวของเจ้า ส่วนนี้เป็นส่วนที่เจ้าได้รับเป็นประจำ นี่เป็นพันธสัญญานิรันดร์แห่งเกลือต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าสำหรับทั้งเจ้าและวงศ์วานของเจ้า”
20 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับอาโรนว่า “เจ้าจะไม่ได้ครองกรรมสิทธิ์ในดินแดนของพวกเขา และไม่ได้รับส่วนแบ่งใดๆ ในหมู่พวกเขา เราเป็นส่วนแบ่งและเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าท่ามกลางชาวอิสราเอล
21 “เรายกสิบลดทั้งหมดที่คนอิสราเอลนำมาถวายให้เป็นกรรมสิทธิ์ของคนเลวี เพื่อตอบแทนงานซึ่งเขาทำในขณะที่ปรนนิบัติรับใช้ที่เต็นท์นัดพบ 22 นับแต่นี้ไปชาวอิสราเอลอย่าเข้าใกล้เต็นท์นัดพบ มิฉะนั้นเขาจะต้องรับผลของบาปของเขาและเสียชีวิต 23 ชาวเลวีจะเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ที่เต็นท์นัดพบ และรับผิดชอบการล่วงละเมิดใดๆ ต่อเต็นท์นั้น นี่เป็นข้อปฏิบัติถาวรสืบไป พวกเขาจะไม่ได้รับกรรมสิทธิ์ใดๆ ในหมู่ชนอิสราเอล 24 แต่เรายกสิบลดซึ่งชนอิสราเอลถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าให้เป็นกรรมสิทธิ์ของคนเลวี ด้วยเหตุนี้เราจึงกล่าวว่า ‘พวกเขาจะไม่ได้ครอบครองกรรมสิทธิ์ใดๆ ในหมู่ชนอิสราเอล’ ”
25 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 26 “จงบอกคนเลวีว่า ‘เมื่อเจ้าได้รับสิบลดจากชนอิสราเอลซึ่งเรายกให้เจ้าเป็นกรรมสิทธิ์ จงถวายสิบลดจากสิบลดนั้นเป็นเครื่องบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า 27 สิบลดนี้จะถือเสมือนเป็นเครื่องบูชาผลแรกของข้าวจากลานนวดข้าว และเหล้าองุ่นจากบ่อย่ำองุ่นของเจ้า 28 ด้วยวิธีนี้เจ้าก็จะได้ถวายเครื่องบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าจากสิบลดทั้งปวงที่เจ้ารับจากชนอิสราเอล จากสิบลดนี้จงมอบส่วนที่ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าให้แก่ปุโรหิตอาโรน 29 เจ้าต้องยกส่วนที่ดีที่สุดและบริสุทธิ์ที่สุดของทุกสิ่งที่ได้รับเป็นส่วนที่ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า’
30 “จงกล่าวกับคนเลวีว่า ‘เมื่อเจ้านำส่วนที่ดีที่สุดนี้มาถวาย ก็เปรียบเหมือนเป็นเครื่องบูชาจากผลผลิตจากลานนวดข้าวหรือบ่อย่ำองุ่นของเจ้า 31 ส่วนที่เหลือจากนี้ เจ้ากับครัวเรือนจะนำไปรับประทานที่ไหนก็ได้ เพราะเป็นสิ่งตอบแทนที่เจ้าทำหน้าที่รับใช้ที่เต็นท์นัดพบ 32 เมื่อเจ้าได้ถวายส่วนที่ดีที่สุดนี้แล้ว เจ้าก็จะไม่มีความผิด ไม่ได้ทำให้เครื่องบูชาบริสุทธิ์ของชนอิสราเอลเป็นมลทิน และเจ้าจะไม่ตาย’ ”
(ถึงหัวหน้านักร้อง ใช้เครื่องสาย มัสคิล[a]ของดาวิด)
55 ข้าแต่พระเจ้า โปรดฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์
ขออย่าทรงเพิกเฉยต่อคำทูลวิงวอนของข้าพระองค์
2 ขอทรงสดับและทรงตอบเถิด
ความคิดรบกวนจิตใจของข้าพระองค์และข้าพระองค์วิตกกังวล
3 เพราะเสียงของศัตรู
เพราะการจับจ้องของคนชั่ว
พวกเขานำความทุกข์ทรมานมายังข้าพระองค์
และเหยียดหยามข้าพระองค์ด้วยความโกรธ
4 จิตใจข้าพระองค์ร้าวรานอยู่ภายใน
ความหวาดผวาต่อความตายจู่โจมข้าพระองค์
5 ความกลัวและความหวาดหวั่นครอบงำข้าพระองค์
ความหวาดกลัวท่วมท้นข้าพระองค์
6 ข้าพระองค์กล่าวว่า “โอ ข้าพเจ้าอยากมีปีกเหมือนนกพิราบ!
จะได้บินจากไปและพักสงบ
7 ข้าพเจ้าจะหนีไปไกลลิบ
และพักอยู่ในถิ่นกันดาร
เสลาห์
8 ข้าพเจ้าจะรีบรุดไปยังที่กำบัง
ให้ไกลจากมรสุมและพายุร้ายนี้”
9 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงทำให้คนชั่วสับสนอลหม่าน ทำให้ภาษาของเขายุ่งเหยิงไป
เพราะข้าพระองค์เห็นความรุนแรงและการรบราฆ่าฟันในเมือง
10 พวกเขาป้วนเปี้ยนอยู่บนกำแพงทั้งวันทั้งคืน
ความมุ่งร้ายและการทารุณอยู่ในเมือง
11 พวกบ่อนทำลายปฏิบัติการอยู่ในเมือง
การข่มขู่และล่อลวงมีไม่ขาดตามท้องถนน
12 หากเป็นศัตรูมาสบประมาทข้าพเจ้า ข้าพเจ้ายังพอจะทนได้
หากเป็นปฏิปักษ์ที่ลุกขึ้นต่อต้านข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไปซ่อนตัวเสีย
13 แต่นี่เป็นท่านเอง ซึ่งเป็นคนอย่างข้าพเจ้า
เพื่อนร่วมทาง เพื่อนสนิทของข้าพเจ้า
14 ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งข้าพเจ้าเคยโอภาปราศรัยด้วยอย่างหวานชื่น
ขณะที่เราเดินเคียงกันไปกับฝูงชนที่พระนิเวศของพระเจ้า
15 ขอให้ความตายมาถึงเหล่าศัตรูของข้าพเจ้าโดยที่พวกเขาไม่ทันตั้งตัว
ขอให้เขาลงไปยังแดนมรณาทั้งเป็น
เพราะความชั่วอยู่ในหมู่พวกเขา
16 ส่วนข้าพเจ้าร้องทูลพระเจ้า
และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยข้าพเจ้า
17 ยามเย็น ยามเช้า และยามเที่ยง
ข้าพเจ้าร้องทูลด้วยความทุกข์ลำเค็ญ
และพระองค์ทรงได้ยินเสียงของข้าพเจ้า
18 พระองค์ทรงช่วยข้าพเจ้าพ้นจากอันตราย
จากสงครามที่เล่นงานข้าพเจ้า
แม้ข้าศึกมากมายต่อสู้กับข้าพเจ้า
19 พระเจ้าผู้ทรงครอบครองอยู่นิรันดร์
จะทรงได้ยินและทำให้พวกเขาทุกข์ยาก
เสลาห์
ผู้ซึ่งไม่ยอมเปลี่ยนวิถีทาง
และไม่ยำเกรงพระเจ้า
20 เพื่อนของข้าพเจ้าโจมตีเพื่อนของเขา
เขาละเมิดพันธสัญญา
21 ถ้อยคำของเขาลื่นเหมือนเนย
แต่สงครามอยู่ในใจของเขา
ถ้อยคำของเขาละมุนละไมยิ่งกว่าน้ำมัน
แต่ถ้อยคำเหล่านั้นเหมือนดาบที่ชักออก
จากฝัก
22 จงมอบภาระของท่านไว้กับองค์พระผู้เป็นเจ้า
พระองค์จะทรงค้ำชูท่านไว้
พระองค์จะไม่ทรงปล่อยให้คนชอบธรรมล้มลง
23 ข้าแต่พระเจ้า แต่พระองค์จะทรงส่งคนชั่ว
ลงไปในแดนพินาศ
คนกระหายเลือดและคนเจ้าเล่ห์
จะไม่มีชีวิตยืนยาวถึงครึ่งอายุขัยของเขา
แต่สำหรับข้าพระองค์ ข้าพระองค์วางใจในพระองค์
หมายสำคัญของอิมมานูเอล
7 ในรัชกาลกษัตริย์อาหัสแห่งยูดาห์ โอรสของโยธามซึ่งเป็นโอรสของอุสซียาห์ กษัตริย์เรซีนแห่งอารัม และกษัตริย์เปคาห์แห่งอิสราเอล โอรสของเรมาลิยาห์ กรีธาทัพมาโจมตีเยรูซาเล็ม แต่ยึดเมืองไม่ได้
2 เมื่อข่าวมาถึงราชวงศ์ของดาวิดว่า “อารัมร่วมเป็นพันธมิตรกับ[a]เอฟราอิม” ทั้งจิตใจของอาหัสและราษฎรก็หวาดหวั่นเหมือนต้นไม้ในป่าสั่นสะท้านกลางพายุ
3 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับอิสยาห์ว่า “เจ้ากับเชอารยาชูบ[b]บุตรของเจ้า จงออกไปพบอาหัสที่ปลายท่อน้ำของอ่างเก็บน้ำด้านบน ในทางที่จะไปลานซักฟอก 4 จงกล่าวกับเขาว่า ‘ให้ระวัง นิ่งสงบ อย่ากลัวเลย อย่าเสียขวัญเพราะดุ้นฟืนที่กำลังจะมอดทั้งสองนี้ คือความเกรี้ยวกราดของกษัตริย์เรซีนแห่งอารัมและของบุตรเรมาลิยาห์ 5 อารัม เอฟราอิม และบุตรของเรมาลิยาห์คบคิดกันทำลายล้างเจ้า และพูดกันว่า 6 “ให้เราบุกยูดาห์ ยึดดินแดนมาแบ่งกัน และตั้งบุตรของทาเบเอลขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองที่นี่” 7 แต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสว่า
“‘จะไม่เป็นไปเช่นนั้น
จะไม่เกิดขึ้น
8 เพราะหัวของอารัมคือดามัสกัส
และหัวของดามัสกัสคือเรซีนเท่านั้น
เอฟราอิมก็เช่นกัน ภายในหกสิบห้าปี
จะถูกบดขยี้ไม่เหลือเป็นชนชาติ
9 หัวของเอฟราอิมคือสะมาเรีย
และหัวของสะมาเรียก็เป็นแค่บุตรของเรมาลิยาห์
หากเจ้าไม่ตั้งมั่นในความเชื่อ
เจ้าก็ไม่อาจยืนอยู่ได้เลย’ ”
10 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับอาหัสอีกครั้งว่า 11 “จงขอหมายสำคัญจากพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า ไม่ว่าจะในที่ลึกที่สุดหรือในที่สูงที่สุดก็ได้”
12 แต่อาหัสตรัสว่า “เราจะไม่ทูลขอ เราจะไม่ทดลององค์พระผู้เป็นเจ้า”
13 แล้วอิสยาห์กล่าวว่า “เจ้าผู้เป็นวงศ์วานของดาวิด จงฟังเถิด! ท่านยั่วความอดทนของมนุษย์ยังไม่พอหรือ? ท่านจะพยายามยั่วความอดกลั้นพระทัยของพระเจ้าด้วยหรือ? 14 ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าเองจะประทานหมายสำคัญแก่ท่าน[c] คือหญิงพรหมจารีคนหนึ่งจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย และ[d]จะเรียกบุตรนั้นว่าอิมมานูเอล[e] 15 เมื่อเขาโตพอที่จะกินนมข้นและน้ำผึ้ง เมื่อนั้นเขาจะรู้จักทิ้งสิ่งที่ผิดและเลือกสิ่งที่ถูก 16 แต่ก่อนที่เด็กนั้นจะรู้ความ ดินแดนของกษัตริย์สององค์ที่ท่านกลัวนั้นจะถูกทิ้งร้าง 17 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงนำกษัตริย์อัสซีเรียมายังท่านและมายังเหล่าประชากรและวงศ์วานบิดาของท่านในช่วงเวลาที่ไม่มีเวลาใดเหมือน นับตั้งแต่เอฟราอิมแยกไปจากยูดาห์”
18 ในวันนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงผิวพระโอษฐ์เรียกฝูงเหลือบจากธารน้ำไกลโพ้นของอียิปต์และฝูงผึ้งจากดินแดนอัสซีเรียมา 19 พวกมันจะมารวมตัวกันอยู่ที่ห้วยลึกและในโพรงหิน เหนือพุ่มหนามและที่ตาน้ำทุกแห่ง 20 ในวันนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงใช้ใบมีดโกนนี้ คือกษัตริย์อัสซีเรียซึ่งท่านจ้างมาจากอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติสเพื่อโกนผม ขนหน้าแข้ง และหนวดเคราของท่าน 21 ในวันนั้นชายคนหนึ่งจะเลี้ยงวัวสาวหนึ่งตัวกับแพะสองตัวไว้ 22 เขาจะมีนมข้นกินเพราะมันให้น้ำนมมาก คนทั้งปวงที่เหลืออยู่ในดินแดนนั้นจะกินนมข้นและน้ำผึ้ง 23 ในวันนั้นทุกแห่งที่มีต้นองุ่นพันต้นซึ่งมีมูลค่าเป็นเงินหนักพันเชเขล[f]จะมีแต่พงหนาม 24 คนจะถือคันธนูและลูกธนูไปที่นั่น เพราะทั้งดินแดนจะมีหนามปกคลุม 25 เนินเขาต่างๆ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยใช้จอบเสียมขุดพรวนดินเพื่อเพาะปลูก จะไม่มีใครกล้าไปที่นั่นเพราะกลัวหนาม จะกลายเป็นที่ปล่อยฝูงวัวและเป็นที่ให้แกะย่ำไปมา
1 จดหมายฉบับนี้จากข้าพเจ้ายากอบผู้เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าและขององค์พระเยซูคริสต์เจ้า
ถึงชนสิบสองเผ่าซึ่งกระจัดกระจายอยู่ในชาติต่างๆ
การทดสอบและการทดลอง
2 พี่น้องทั้งหลายเมื่อใดที่ท่านเผชิญความทุกข์ยากนานาประการ จงถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆ 3 เพราะท่านรู้ว่าการทดสอบความเชื่อของท่านนั้นทำให้เกิดความอดทนบากบั่น 4 จงอดทนบากบั่นให้ถึงที่สุดเพื่อท่านจะเติบโตเต็มที่และสมบูรณ์เพียบพร้อมและไม่มีสิ่งใดบกพร่องเลย 5 ถ้าผู้ใดในพวกท่านขาดสติปัญญา จงทูลขอจากพระเจ้าผู้ประทานด้วยพระทัยกว้างขวางแก่คนทั้งปวงโดยไม่ตำหนิ แล้วผู้นั้นจะได้รับ 6 แต่เมื่อเขาทูลขอ เขาต้องเชื่อและไม่สงสัยเลย เพราะผู้ใดที่สงสัยก็เป็นเหมือนคลื่นในทะเลซึ่งซัดไปซัดมาตามแรงลม 7 ผู้นั้นอย่าคิดว่าเขาจะได้รับสิ่งใดจากองค์พระผู้เป็นเจ้าเลย 8 เขาเป็นคนสองใจเอาแน่อะไรไม่ได้
9 พี่น้องที่ต่ำต้อยควรภูมิใจในฐานะอันสูงส่งของตน 10 แต่ผู้ที่ร่ำรวยควรภูมิใจในฐานะอันต่ำต้อยของตนเพราะเขาจะต้องสูญสิ้นไปเหมือนดอกหญ้า 11 เพราะเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น ความร้อนก็แผดเผาต้นหญ้าให้เหี่ยวแห้งไป ดอกหญ้าก็ร่วงโรย สูญสิ้นความงาม เช่นเดียวกันคนร่ำรวยก็จะเสื่อมสูญไปแม้ขณะดำเนินกิจการของตน
12 ความสุขมีแก่ผู้ที่อดทนบากบั่นเมื่อถูกทดลอง เพราะเมื่อเขายืนหยัดผ่านการทดสอบก็จะได้รับมงกุฎแห่งชีวิตซึ่งพระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้กับผู้ที่รักพระองค์
13 ขณะถูกทดลองให้ทำบาป อย่าให้ใครพูดว่า “พระเจ้าทรงทดลองข้าพเจ้า” เพราะความชั่วไม่อาจล่อลวงพระเจ้าให้ทำบาปและพระองค์ก็ไม่ทรงล่อลวงผู้ใดเลย 14 ทว่าแต่ละคนถูกทดลองเมื่อตัณหาชั่วของตนเองชักจูงไปให้ติดกับ 15 หลังจากมีตัณหาแล้วก็ก่อให้เกิดบาป และเมื่อบาปโตเต็มที่ก็ก่อให้เกิดความตาย
16 พี่น้องที่รัก อย่าให้ผู้ใดล่อลวงท่านเลย 17 ของประทานทุกอย่างที่ดีและล้ำเลิศล้วนมาจากเบื้องบน จากพระบิดาแห่งดวงสว่างทั้งหลายในฟ้าสวรรค์ ผู้ไม่ได้ทรงผันแปรเหมือนเงาที่แปรเปลี่ยน 18 พระองค์ทรงเลือกที่จะให้เราบังเกิดผ่านทางข่าวประเสริฐ[a] เพื่อเราจะได้เป็นเหมือนผลแรกอันดีเลิศของสรรพสิ่งที่ทรงสร้าง
จงฟังและทำตาม
19 พี่น้องที่รักพึงทราบข้อนี้คือ ทุกคนควรไวในการฟัง ช้าในการพูด และช้าในการโกรธ 20 เพราะความโกรธของมนุษย์ไม่ได้ก่อให้เกิดชีวิตอันชอบธรรมที่พระเจ้าทรงประสงค์ 21 เหตุฉะนั้นจงขจัดสารพัดความโสมมทางศีลธรรมและความชั่วอันดาษดื่น และถ่อมใจน้อมรับพระวจนะที่ได้ปลูกฝังไว้ในท่านซึ่งสามารถช่วยท่านให้รอดได้
22 อย่าเพียงแต่ฟังพระวจนะซึ่งเป็นการหลอกตัวเอง แต่จงปฏิบัติตามพระวจนะนั้น 23 ผู้ใดที่ฟังพระวจนะแต่ไม่ได้ทำตาม ผู้นั้นก็เป็นเหมือนคนที่ส่องกระจกมองหน้าตัวเอง 24 หลังจากส่องดูแล้วก็ไปและทันใดนั้นก็ลืมว่าหน้าตาตนเองเป็นอย่างไร 25 ส่วนผู้ที่พินิจดูบทบัญญัติอันสมบูรณ์ซึ่งให้เสรีภาพและทำสิ่งนี้ต่อไปโดยไม่ลืมสิ่งที่เขาได้ยิน แต่ปฏิบัติตาม เขาก็จะได้รับพรในสิ่งที่ตนทำ
26 ถ้าผู้ใดคิดว่าตนเองเคร่งศาสนาแต่ไม่ควบคุมลิ้นของตนให้ดีก็หลอกตัวเอง ศาสนาของเขาก็ไร้ค่า 27 ศาสนาที่พระเจ้าพระบิดาของเรายอมรับว่าบริสุทธิ์และไร้ตำหนิคือ การดูแลลูกกำพร้าและหญิงม่ายที่ทุกข์ร้อนและการรักษาตนเองให้พ้นจากมลทินฝ่ายโลก
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.