Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
กันดารวิถี 26

สำมะโนประชากรครั้งที่สอง

26 หลังจากภัยพิบัติยุติลงแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสและเอเลอาซาร์บุตรปุโรหิตอาโรนว่า “จงทำสำมะโนประชากรชายทุกคนในอิสราเอลที่มีอายุยี่สิบปีขึ้นไป เพื่อสำรวจว่าในแต่ละครอบครัวมีใครบ้างที่สามารถออกรบได้” ดังนั้นโมเสสและปุโรหิตเอเลอาซาร์จึงแจ้งพวกเขาขณะตั้งค่ายอยู่ในที่ราบโมอับริมแม่น้ำจอร์แดนตรงข้ามเมืองเยรีโค[a]ว่า “จงทำสำมะโนประชากรชายอายุยี่สิบปีขึ้นไปตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งโมเสส”

ชนอิสราเอลที่ออกมาจากอียิปต์ ได้แก่

วงศ์วานของรูเบนบุตรหัวปีของอิสราเอลได้แก่

ตระกูลฮาโนคจากฮาโนค

ตระกูลปัลลูจากปัลลู

ตระกูลเฮสโรนจากเฮสโรน

ตระกูลคารมีจากคารมี

ทั้งหมดนี้คือตระกูลต่างๆ ของรูเบน นับได้ 43,730 คน

บุตรชายของปัลลูคือเอลีอับ และบุตรชายของเอลีอับคือ เนมูเอล ดาธาน และอาบีรัม ดาธานและอาบีรัมนี้เป็นเจ้าหน้าที่ของชุมชนซึ่งได้กบฏต่อโมเสสและต่ออาโรน และเป็นพรรคพวกของโคราห์เมื่อเขากบฏต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า 10 พื้นธรณีแยกออกและสูบพวกเขาลงไปพร้อมกับโคราห์ และพรรคพวกของเขา 250 คนถูกไฟคลอกตาย และนั่นเป็นเครื่องเตือนเหล่าประชากร 11 แต่เชื้อสายโคราห์ไม่ได้สูญสิ้นไป

12 วงศ์วานของสิเมโอนแยกตามตระกูล ได้แก่

ตระกูลเนมูเอลจากเนมูเอล

ตระกูลยามีนจากยามีน

ตระกูลยาคีนจากยาคีน

13 ตระกูลเศราห์จากเศราห์

และตระกูลชาอูลจากชาอูล

14 ทั้งหมดนี้คือตระกูลต่างๆ ของสิเมโอน นับได้ 22,200 คน

15 วงศ์วานของกาดแยกตามตระกูล ได้แก่

ตระกูลเศโฟนจากเศโฟน

ตระกูลฮักกีจากฮักกี

ตระกูลชูนีจากชูนี

16 ตระกูลโอสนีจากโอสนี

ตระกูลเอรีจากเอรี

17 ตระกูลอาโรดี[b]จากอาโรดี

และตระกูลอาเรลีจากอาเรลี

18 ทั้งหมดนี้คือตระกูลต่างๆ ของกาด นับได้ 40,500 คน

19 เอร์และโอนันบุตรชายของยูดาห์เสียชีวิตที่คานาอัน

20 วงศ์วานของยูดาห์แยกตามตระกูล ได้แก่

ตระกูลเชลาห์จากเชลาห์

ตระกูลเปเรศจากเปเรศ

ตระกูลเศราห์จากเศราห์

21 วงศ์วานของเปเรศ ได้แก่

ตระกูลเฮสโรนจากเฮสโรน

และตระกูลฮามูลจากฮามูล

22 ทั้งหมดนี้คือตระกูลต่างๆ ของยูดาห์ นับได้ 76,500 คน

23 วงศ์วานของอิสสาคาร์แยกตามตระกูล ได้แก่

ตระกูลโทลาจากโทลา

ตระกูลปูวาห์จากปูวาห์

24 ตระกูลยาชูบจากยาชูบ

และตระกูลชิมโรนจากชิมโรน

25 ทั้งหมดนี้คือตระกูลต่างๆ ของอิสสาคาร์ นับได้ 64,300 คน

26 วงศ์วานของเศบูลุน แยกตามตระกูลได้แก่

ตระกูลเสเรดจากเสเรด

ตระกูลเอโลนจากเอโลน

และตระกูลยาเลเอลจากยาเลเอล

27 ทั้งหมดนี้คือตระกูลต่างๆ ของเศบูลุน นับได้ 60,500 คน

28 วงศ์วานของโยเซฟแยกตามตระกูลนับตามมนัสเสห์และเอฟราอิมคือ

29 วงศ์วานของมนัสเสห์ ได้แก่

ตระกูลมาคีร์จากมาคีร์

(มาคีร์เป็นบิดาของกิเลอาด)

ตระกูลกิเลอาดจากกิเลอาด

30 วงศ์วานของกิเลอาด ได้แก่

ตระกูลอีเยเซอร์จากอีเยเซอร์

ตระกูลเฮเลคจากเฮเลค

31 ตระกูลอัสรีเอลจากอัสรีเอล

ตระกูลเชเคมจากเชเคม

32 ตระกูลเชมิดาจากเชมิดา

และตระกูลเฮเฟอร์จากเฮเฟอร์

33 (เศโลเฟหัดบุตรเฮเฟอร์ไม่มีบุตรชาย

มีแต่บุตรสาวได้แก่ มาห์ลาห์ โนอาห์ โฮกลาห์ มิลคาห์และทีรซาห์)

34 ทั้งหมดนี้คือตระกูลต่างๆ ของมนัสเสห์ นับได้ 52,700 คน

35 วงศ์วานของเอฟราอิมแยกตามตระกูล ได้แก่

ตระกูลชูเธลาห์จากชูเธลาห์

ตระกูลเบเคอร์จากเบเคอร์

ตระกูลทาหานจากทาหาน

36 วงศ์วานของชูเธลาห์คือ

ตระกูลเอรานจากเอราน

37 ทั้งหมดนี้คือตระกูลต่างๆ ของเอฟราอิมนับได้ 32,500 คน

ทั้งหมดนี้คือวงศ์วานของโยเซฟแยกตามตระกูล

38 วงศ์วานของเบนยามินแยกตามตระกูล ได้แก่

ตระกูลเบลาจากเบลา

ตระกูลอัชเบลจากอัชเบล

ตระกูลอาหิรัมจากอาหิรัม

39 ตระกูลชูฟาม[c]จากชูฟาม

และตระกูลหุฟามจากหุฟาม

40 วงศ์วานของเบลาทางอาร์ดและนาอามาน ได้แก่

ตระกูลอาร์ดจากอาร์ด[d]

และตระกูลนาอามานจากนาอามาน

41 ทั้งหมดนี้คือตระกูลต่างๆ ของเบนยามิน นับได้ 45,600 คน

42 วงศ์วานของดานแยกตามตระกูลคือ

ตระกูลชูฮัมจากชูฮัม

นี่คือตระกูลของดาน 43 ทั้งหมดล้วนอยู่ในตระกูลชูฮัม รวม 64,400 คน

44 วงศ์วานของอาเชอร์แยกตามตระกูล ได้แก่

ตระกูลอิมนาห์จากอิมนาห์

ตระกูลอิชวีจากอิชวี

ตระกูลเบรียาห์จากเบรียาห์

45 และวงศ์วานของตระกูลเบรียาห์ ได้แก่

ตระกูลเฮเบอร์จากเฮเบอร์

ตระกูลมัลคีเอลจากมัลคีเอล

46 (อาเชอร์มีบุตรสาวคนหนึ่งชื่อเสราห์)

47 ทั้งหมดนี้คือตระกูลต่างๆ ของอาเชอร์นับได้ 53,400 คน

48 วงศ์วานของนัฟทาลีแยกตามตระกูล ได้แก่

ตระกูลยาเซเอลจากยาเซเอล

ตระกูลกูนีจากกูนี

49 ตระกูลเยเซอร์จากเยเซอร์

ตระกูลชิลเลมจากชิลเลม

50 ทั้งหมดนี้คือตระกูลต่างๆ ของนัฟทาลีนับได้ 45,400 คน

51 รวมพลอิสราเอลทั้งหมดได้ 601,730 คน

52 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งโมเสสว่า 53 “จงแบ่งดินแดนแก่เผ่าต่างๆ ตามสัดส่วนจำนวนคนที่นับได้ 54 เผ่าใหญ่ได้รับที่ดินมาก และเผ่าที่เล็กกว่าได้รับที่ดินน้อยลงตามส่วน และแต่ละกลุ่มจะได้รับมรดกตามจำนวนรายชื่อที่ขึ้นทะเบียนไว้ 55 ให้จับฉลากแบ่งดินแดน แต่ละกลุ่มได้ครองกรรมสิทธิ์ตามจำนวนรายชื่อเผ่าบรรพบุรุษ 56 แบ่งสรรกรรมสิทธิ์โดยจับฉลากตามส่วนเผ่าใหญ่และเผ่าเล็ก”

57 ต่อไปนี้คือเผ่าเลวีนับตามตระกูล ได้แก่

ตระกูลเกอร์โชนจากเกอร์โชน

ตระกูลโคฮาทจากโคฮาท

ตระกูลเมรารีจากเมรารี

58 ต่อไปนี้ก็คือตระกูลของเลวีด้วย ได้แก่

ตระกูลลิบนี

ตระกูลเฮโบรน

ตระกูลมาห์ลี

ตระกูลมูชี

ตระกูลโคราห์

(โคฮาทเป็นบรรพบุรุษของอัมราม 59 ภรรยาของอัมรามชื่อโยเคเบดผู้เป็นเชื้อสายของเลวี ซึ่งเป็นบุตรสาวของชาวเลวี[e]ที่เกิดในอียิปต์ อัมรามมีบุตรชายคืออาโรนกับโมเสส และบุตรสาวชื่อมิเรียม 60 อาโรนมีบุตรชื่อ นาดับ อาบีฮู เอเลอาซาร์ และอิธามาร์ 61 แต่นาดับและอาบีฮูสิ้นชีวิตไปเมื่อครั้งจุดไฟที่ไม่ได้รับอนุญาตต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า)

62 จำนวนผู้ชายทั้งหมดในตระกูลเลวีอายุหนึ่งเดือนขึ้นไปนับได้ 23,000 คน แต่ไม่ได้นับรวมเข้าในสำมะโนประชากรของอิสราเอล เพราะชาวเลวีไม่ได้รับส่วนแบ่งที่ดินเหมือนตระกูลอื่นๆ

63 ทั้งหมดนี้คือสำมะโนประชากรซึ่งโมเสสและปุโรหิตเอเลอาซาร์จัดทำขึ้นในที่ราบโมอับริมแม่น้ำจอร์แดนตรงข้ามเมืองเยรีโค 64 ไม่มีสักคนเดียวในสำมะโนประชากรนี้ที่มีชื่ออยู่ในสำมะโนประชากรคราวก่อนซึ่งโมเสสและปุโรหิตอาโรนทำขึ้นในถิ่นกันดารซีนาย 65 ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสแก่ชาวอิสราเอลเหล่านั้นว่าพวกเขาจะตายในถิ่นกันดารแน่นอน ยกเว้นคาเลบบุตรเยฟุนเนห์และโยชูวาบุตรนูน

สดุดี 69

(ถึงหัวหน้านักร้อง ทำนอง “ลิลลี่” บทประพันธ์ของดาวิด)

69 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยข้าพระองค์ด้วยเถิด
เพราะน้ำท่วมถึงคอข้าพระองค์แล้ว
ข้าพระองค์จมดิ่งลงในตมลึก
ซึ่งไม่มีที่ให้หยั่งเท้า
ข้าพระองค์จมอยู่ในห้วงน้ำลึก
กระแสน้ำท่วมมิดข้าพระองค์
ข้าพระองค์วิงวอนร่ำร้องขอความช่วยเหลือจนอ่อนล้า
คอของข้าพระองค์แห้งผาก
ตาของข้าพระองค์หม่นหมอง
เฝ้าแต่มองหาพระเจ้าของข้าพระองค์
คนที่เกลียดชังข้าพระองค์โดยไม่มีสาเหตุ
มีมากกว่าผมบนศีรษะของข้าพระองค์เสียอีก
ศัตรูผู้มุ่งทำลายล้างข้าพระองค์โดยไม่มีสาเหตุมีมากมายยิ่งนัก
ข้าพระองค์ถูกบีบบังคับให้คืนสิ่งที่ข้าพระองค์ไม่ได้ขโมยมา

ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงทราบดีว่าข้าพระองค์โง่เขลา
ความผิดของข้าพระองค์ไม่อาจซ่อนไว้จากพระองค์

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์
ขออย่าให้ผู้ที่หวังในพระองค์ต้องอับอายเพราะข้าพระองค์
ข้าแต่พระเจ้าแห่งอิสราเอล
ขออย่าให้บรรดาผู้แสวงหาพระองค์
ต้องอดสูเพราะข้าพระองค์
เพราะข้าพระองค์ต้องทนต่อคำเยาะเย้ยถากถางเพราะเห็นแก่พระองค์
และต้องอับอายขายหน้า
ข้าพระองค์กลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับพี่น้องของข้าพระองค์
กลายเป็นคนต่างด้าวสำหรับพี่น้องท้องเดียวกัน
เพราะความร้อนใจเพื่อพระนิเวศของพระองค์ท่วมท้นข้าพระองค์
การหมิ่นประมาทของผู้ที่สบประมาทพระองค์ตกอยู่บนข้าพระองค์
10 เมื่อร่ำไห้และถืออดอาหาร
ข้าพระองค์ต้องทนการเย้ยหยัน
11 เมื่อข้าพระองค์สวมเสื้อผ้ากระสอบ
ผู้คนพูดกระทบกระเทียบข้าพระองค์
12 บรรดาผู้นั่งอยู่ที่ประตูเมืองเยาะเย้ยข้าพระองค์
และข้าพระองค์ตกเป็นเพลงเปรียบเปรยของคนขี้เมา

13 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ข้าพระองค์อธิษฐานทูลต่อพระองค์
ในยามที่พระองค์ทรงโปรด
ข้าแต่พระเจ้า โดยความรักยิ่งใหญ่ของพระองค์
ขอทรงตอบข้าพระองค์ด้วยความรอดอันแน่นอนซึ่งมาจากพระองค์
14 ขอทรงดึงข้าพระองค์พ้นจากตมลึกนี้
อย่าให้ข้าพระองค์จมลงไป
ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากบรรดาผู้ที่เกลียดชังข้าพระองค์
ขอทรงช่วยให้พ้นจากห้วงน้ำลึก
15 ขออย่าทรงให้น้ำหลากท่วมมิดข้าพระองค์
หรือให้เหวลึกกลืนข้าพระองค์
หรือให้แดนคนตายงับข้าพระองค์ไว้

16 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงตอบข้าพระองค์ เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ล้ำเลิศ
ขอทรงหันมาหาข้าพระองค์ด้วยพระเมตตาคุณอันล้นเหลือ
17 ขออย่าทรงซ่อนพระพักตร์จากผู้รับใช้ของพระองค์
ขอทรงตอบข้าพระองค์โดยเร็วเพราะข้าพระองค์กำลังเดือดร้อน
18 ขอทรงเสด็จมาใกล้ และช่วยกู้ข้าพระองค์ด้วยเถิด
ขอทรงปลดปล่อยข้าพระองค์จากเหล่าศัตรู

19 พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์ถูกดูหมิ่น เย้ยหยัน และอับอายเพียงใด
ศัตรูทั้งปวงของข้าพระองค์ก็อยู่ต่อหน้าพระองค์
20 การเย้ยหยันทำให้ดวงใจของข้าพระองค์ชอกช้ำร้าวราน
กลายเป็นคนสิ้นท่าอนาถา
ข้าพระองค์เหลียวหาความเห็นอกเห็นใจแต่ไม่พบเลย
มองหาคนปลอบใจ แต่ไม่มีแม้สักคน
21 พวกเขาเอาน้ำดีรสขมใส่ในอาหารของ ข้าพระองค์
และให้น้ำส้มสายชูเมื่อข้าพระองค์กระหาย

22 ขอให้สำรับที่ตั้งไว้ตรงหน้าพวกเขากลายเป็นบ่วงแร้ว
ขอให้กลายเป็นสิ่งคืนสนองและเป็น[a]กับดัก
23 ขอให้ดวงตาของพวกเขามืดมัวไป พวกเขาจะได้มองไม่เห็น
และขอให้หลังของพวกเขาค้อมลงตลอดไป
24 ขอทรงระบายพระพิโรธใส่พวกเขา
ให้พระพิโรธอันเกรี้ยวกราดตะครุบพวกเขา
25 ขอให้ที่อยู่ของพวกเขาเริศร้าง
อย่าให้มีผู้ใดอาศัยอยู่ในที่พำนักของพวกเขา
26 เพราะพวกเขาข่มเหงผู้ที่พระองค์ทรงโบยตี
และพูดถึงความเจ็บปวดของผู้ที่พระองค์ทรงทำให้บาดเจ็บ
27 ขอทรงกล่าวโทษพวกเขา คดีแล้วคดีเล่า
อย่าให้พวกเขามีส่วนในความรอดของพระองค์
28 ขอให้คนเหล่านี้ถูกลบชื่อออกจากหนังสือแห่งชีวิต
และอย่าให้มีรายชื่อร่วมกับผู้ชอบธรรม

29 ข้าพระองค์เจ็บปวดและทนทุกข์
ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ความรอดซึ่งมาจากพระองค์ปกป้องข้าพระองค์ไว้

30 ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระนามของพระเจ้าด้วยบทเพลง
และถวายเกียรติแด่พระองค์ ด้วยการขอบพระคุณ
31 สิ่งนี้จะเป็นที่พอพระทัยองค์พระผู้เป็นเจ้ายิ่งกว่าการถวายวัว
ยิ่งกว่าการถวายวัวผู้ทั้งเขาและกีบ
32 ผู้ตกทุกข์ได้ยากจะเห็นแล้วยินดี
บรรดาท่านผู้แสวงหาพระเจ้าจงเบิกบานใจ
33 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสดับฟังผู้ยากไร้
และไม่ทรงดูหมิ่นคนของพระองค์ที่ตกเป็นเชลย

34 ฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก
ทั้งทะเลและสรรพสิ่งในทะเล จงสรรเสริญพระองค์
35 เพราะพระเจ้าจะทรงช่วยกู้ศิโยน
และจะทรงสร้างเมืองต่างๆ ของยูดาห์ขึ้นใหม่
แล้วเหล่าประชากรจะตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นั่นและครอบครองเป็นกรรมสิทธิ์
36 ลูกหลานของผู้รับใช้ของพระองค์จะได้รับดินแดนเป็นมรดก
บรรดาผู้ที่รักพระนามของพระองค์จะอาศัยอยู่ที่นั่น

อิสยาห์ 16

16 จงส่งลูกแกะมาเป็นเครื่องบรรณาการ
แด่ผู้ครอบครองดินแดน
ส่งมาจากเสลา ข้ามถิ่นกันดาร
มายังภูเขาของธิดาแห่งศิโยน[a]
บรรดาผู้หญิงของโมอับ
ถูกปล่อยไว้ริมตลิ่งของแม่น้ำอารโนน
เหมือนนกกระพือปีก
ซึ่งถูกผลักจากรัง

“โปรดให้คำปรึกษา
และช่วยตัดสินใจ
ในยามเที่ยงวันโปรดให้ร่มเงา
ดั่งยามค่ำคืน
โปรดให้ที่ซ่อนแก่ผู้หนีภัย
อย่าทรยศหักหลังผู้ลี้ภัย
ขอให้ผู้ลี้ภัยชาวโมอับพักอยู่กับท่าน
ขอเป็นที่พักพิงให้พวกเขาพ้นจากผู้ทำลาย”

ผู้กดขี่จะถึงจุดจบ
และความพินาศย่อยยับจะยุติลง
ผู้กดขี่ข่มเหงจะหมดสิ้นไปจากดินแดน
ราชบัลลังก์หนึ่งจะได้รับการสถาปนาขึ้นด้วยความรัก
ผู้หนึ่งจากวงศ์วานของดาวิด
จะนั่งบนบัลลังก์นั้นด้วยความซื่อสัตย์
เป็นผู้ตัดสินอย่างยุติธรรม
และส่งเสริมความชอบธรรม

เราได้ยินถึงความหยิ่งทะนงของโมอับ
ความอวดดี ความจองหอง
ความเย่อหยิ่ง และความโอหัง
แต่คำโอ้อวดของโมอับก็ว่างเปล่า
ฉะนั้นชาวโมอับจึงพากันร่ำไห้ให้กับแผ่นดินโมอับ
และร้องไห้คร่ำครวญให้แก่ผู้คน[b]ของคีร์หะเรเสท
ท้องทุ่งแห่งเฮชโบนก็เหี่ยวเฉา
เช่นเดียวกับเถาองุ่นของสิบมาห์
บรรดาผู้ครอบครองชาติต่างๆ
ได้เหยียบย่ำเถาองุ่นที่ดีที่สุด
ซึ่งครั้งหนึ่งเคยงอกงามไปถึงยาเซอร์
แพร่ขยายไปถึงถิ่นกันดาร
แตกหน่อผลิผล
ไปไกลถึงทะเล
ฉะนั้นเราจึงร่ำไห้เหมือนที่ยาเซอร์ร่ำไห้
ให้กับเถาองุ่นแห่งสิบมาห์
เฮชโบนเอ๋ย เอเลอาเลห์เอ๋ย
เราหลั่งน้ำตาให้เจ้าจนเปียกชุ่ม!
เสียงโห่ร้องยินดีเมื่อรวบรวมผลไม้สุกงอม
และเมื่อเก็บเกี่ยวพืชพันธุ์ธัญญาหารของเจ้านั้นก็เงียบไปแล้ว
10 ความรื่นเริงยินดีสูญสิ้นไปจากสวนผลไม้
ไม่มีใครร้องเพลงหรือโห่ร้องในไร่องุ่น
ไม่มีใครย่ำองุ่นที่บ่อย่ำเหล้าองุ่นอีกต่อไป
เพราะเราได้ยุติเสียงโห่ร้องนั้นแล้ว
11 ดวงใจของเราคร่ำครวญเพื่อโมอับดั่งเสียงพิณ
ส่วนลึกของจิตใจอาลัยคีร์หะเรเสท
12 เมื่อโมอับขึ้นไปยังสถานบูชาบนที่สูง
ก็เหนื่อยเปล่า
เมื่อขึ้นไปสวดวิงวอนที่เทวสถาน
ก็เปล่าประโยชน์

13 องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสเกี่ยวกับโมอับไว้เช่นนี้แหละ 14 บัดนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ภายในสามปี ตามปีของสัญญาว่าจ้างแรงงาน ความโอ่อ่าตระการและประชากรทั้งปวงของโมอับจะถูกเหยียดลง และผู้ที่รอดชีวิตอยู่ก็มีน้อยคนและอ่อนระโหยโรยแรง”

1 เปโตร 4

มีชีวิตเพื่อพระเจ้า

ฉะนั้นในเมื่อพระคริสต์ทรงทนทุกข์ทางพระกายแล้ว พวกท่านเองก็จงเตรียมตัวให้พร้อมด้วยท่าทีอย่างเดียวกัน เพราะผู้ที่ทนทุกข์ทางกายก็ได้ตัดสินใจที่จะไม่ทำบาปอีกแล้ว ผลก็คือเขาจะไม่ดำเนินชีวิตที่เหลืออยู่ในโลกนี้ตามตัณหาชั่วของมนุษย์ แต่ตามพระประสงค์ของพระเจ้า เพราะในอดีตท่านได้ใช้เวลาไปมากพอแล้วในการทำสิ่งที่คนไม่รู้จักพระเจ้าเลือกที่จะทำกันคือ หมกมุ่นในการเสเพล ราคะตัณหา การเมามาย การมั่วสุมเสพสุรากามารมณ์และการกราบไหว้รูปเคารพอันน่าชิงชัง พวกเขาแปลกใจที่บัดนี้ท่านไม่กระโจนเข้าร่วมสำมะเลเทเมากับพวกเขาจึงด่าว่าท่าน แต่พวกเขาจะต้องให้การต่อพระองค์ผู้ทรงพร้อมแล้วที่จะพิพากษาทั้งคนเป็นและคนตาย ด้วยเหตุนี้ข่าวประเสริฐจึงถูกประกาศออกไปแม้แก่คนที่ตายแล้ว เพื่อว่าในทางกายเขาจะถูกตัดสินตามความเห็นของมนุษย์ แต่ในทางจิตวิญญาณเขามีชีวิตอยู่ตามพระประสงค์ของพระเจ้า

อวสานของสิ่งทั้งปวงใกล้จะมาถึงแล้ว เพราะฉะนั้นจงมีสติสัมปชัญญะและรู้จักบังคับตนเพื่อท่านจะสามารถอธิษฐานได้ เหนือสิ่งอื่นใดจงรักกันอย่างลึกซึ้ง เพราะความรักลบความผิดบาปมากมายได้โดยการให้อภัย จงต้อนรับเลี้ยงดูกันโดยไม่บ่นว่า 10 แต่ละคนควรรับใช้ผู้อื่นตามของประทานที่ได้รับมา บริหารของประทานแห่งพระคุณของพระเจ้าในรูปแบบต่างๆ ที่ได้รับมาอย่างสัตย์ซื่อ 11 ถ้าผู้ใดจะพูดก็ควรพูดประหนึ่งเป็นผู้กล่าวพระดำรัสของพระเจ้า ถ้าผู้ใดจะรับใช้ก็ควรทำตามกำลังที่พระเจ้าประทาน เพื่อว่าในทุกสิ่งพระเจ้าจะได้รับการสรรเสริญโดยทางพระเยซูคริสต์ ขอพระเกียรติสิริและเดชานุภาพมีแด่พระองค์สืบๆ ไปเป็นนิตย์ อาเมน

ทนทุกข์เพราะเป็นคริสเตียน

12 เพื่อนที่รัก อย่าแปลกใจกับการทดลองอันเจ็บปวดที่ท่านเผชิญอยู่ราวกับว่าสิ่งแปลกประหลาดได้เกิดขึ้นกับท่าน 13 แต่จงชื่นชมยินดีที่ได้ร่วมในความทุกข์ยากของพระคริสต์ เพื่อท่านจะได้ชื่นชมยินดีเป็นล้นพ้นเมื่อพระเกียรติสิริของพระองค์ปรากฏ 14 ถ้าท่านถูกดูหมิ่นเนื่องด้วยพระนามของพระคริสต์ท่านก็เป็นสุข เพราะพระวิญญาณอันทรงพระเกียรติสิริคือพระวิญญาณของพระเจ้าประทับอยู่กับท่าน 15 ถ้าท่านทนทุกข์ก็อย่าให้ทนทุกข์ในฐานะที่เป็นฆาตกร ขโมย หรืออาชญากรประเภทต่างๆ หรือแม้แต่เป็นคนชอบยุ่งเรื่องของผู้อื่น 16 แต่ถ้าท่านทนทุกข์ในฐานะที่เป็นคริสเตียนก็อย่าละอาย แต่จงสรรเสริญพระเจ้าที่ท่านได้รับการเรียกขานตามพระนามนั้น 17 เพราะถึงเวลาแล้วที่การพิพากษาจะเริ่มขึ้นที่ครอบครัวของพระเจ้า และถ้าการพิพากษาเริ่มต้นที่พวกเราแล้วผลลัพธ์ของบรรดาผู้ที่ไม่เชื่อฟังข่าวประเสริฐของพระเจ้าจะเป็นอย่างไร? 18 และ

“ถ้าคนชอบธรรมยังยากที่จะได้รับความรอด
แล้วคนอธรรมกับคนบาปจะเป็นอย่างไรเล่า?”[a]

19 ฉะนั้นผู้ที่ทนทุกข์ตามพระประสงค์ของพระเจ้าควรมอบตนเองไว้กับพระผู้สร้างผู้สัตย์ซื่อของพวกเขา และทำความดีต่อไป

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.