The Daily Audio Bible
Today's audio is from the NET. Switch to the NET to read along with the audio.
รูธพบกับโบอาส
2 นาโอมีรู้จักกับญาติของสามีคนหนึ่งชื่อโบอาส เขาเป็นเศรษฐีที่ดินจากตระกูลเอลีเมเลค 2 รูธชาวโมอับพูดกับนาโอมีว่า “ขอให้ลูกเข้าไปในนาเก็บข้าวที่เขาเกี่ยวตกหล่นไว้เถิด[a] ลูกจะตามหลังคนที่มีใจเมตตายอมให้ลูกเก็บ” นางตอบว่า “ไปเถิด ลูกเอ๋ย” 3 รูธจึงออกไปเก็บข้าวตกในนา โดยเดินตามหลังเหล่าคนเกี่ยว นางเกิดเดินเข้าไปในนาของโบอาสที่เป็นคนจากตระกูลเอลีเมเลคอย่างไม่รู้ตัว 4 ดูเถิด โบอาสเพิ่งกลับมาจากเบธเลเฮม เขาทักทายพวกคนเกี่ยวข้าวว่า “ขอให้พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับท่าน” พวกเขาตอบว่า “ขอให้พระผู้เป็นเจ้าอวยพรท่านเถิด” 5 แล้วโบอาสถามชายหนุ่มที่คุมคนเกี่ยวข้าวว่า “หญิงสาวคนนี้เป็นคนของใคร” 6 ผู้รับใช้คุมคนเกี่ยวข้าวตอบว่า “นางเป็นหญิงชาวโมอับที่กลับมาจากชนบทโมอับกับนาโอมี 7 นางพูดว่า ‘โปรดให้ฉันเก็บและรวบรวมข้าวที่ตกจากฟ่อน ตามหลังคนที่เก็บเกี่ยวเถิด’ นางก็มาเก็บอย่างไม่หยุดหย่อน ตั้งแต่เช้าตรู่จนบัดนี้ ยกเว้นหยุดพักเพียงครู่เดียว”
8 โบอาสจึงพูดกับรูธว่า “จงฟังเถิด ลูกเอ๋ย อย่าไปเก็บข้าวตกในนาของคนอื่นเลย และไม่ต้องไปจากนานี้ แต่จงอยู่ใกล้ๆ พวกหญิงรับใช้ของเรา 9 จงจับตาดูนาที่พวกผู้ชายกำลังเก็บเกี่ยว และตามหลังพวกเขาไป เราบอกพวกผู้ชายแล้วว่าไม่ให้แตะต้องตัวเจ้า เวลาเจ้าหิวน้ำ ก็ไปดื่มจากหม้อน้ำที่พวกเขาตักไว้แล้ว” 10 และนางก็ก้มตัวลงที่พื้น และพูดกับเขาว่า “เหตุใดฉันจึงได้รับความโปรดปรานจากท่าน ท่านแสดงความเป็นห่วงฉัน ในขณะที่ฉันเป็นคนต่างชาติ” 11 โบอาสตอบว่า “มีคนเล่าทุกสิ่งให้เราฟังหมดแล้วว่า เจ้าได้ปฏิบัติต่อแม่สามีของเจ้าอย่างไร ตั้งแต่สามีตาย และเจ้าได้จากพ่อแม่ของเจ้า และจากถิ่นฐานบ้านเกิดของเจ้า ไปอยู่กับชนชาติที่เจ้าไม่เคยรู้จักมาก่อน 12 พระผู้เป็นเจ้าตอบแทนเจ้าตามที่เจ้าได้กระทำ และพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลจะให้รางวัลแก่เจ้าอย่างบริบูรณ์ เจ้าได้เข้ามายังที่พึ่งพิงใต้อ้อมปีกของพระองค์” 13 นางพูดว่า “ฉันเป็นที่โปรดปรานของท่าน เจ้านายของฉัน เพราะท่านปลอบใจฉัน และพูดจากับผู้รับใช้ของท่านด้วยความเมตตา แม้ว่าฉันไม่ได้เป็นคนรับใช้ของท่าน”
14 เมื่อถึงเวลาอาหาร โบอาสบอกนางว่า “จงมากินขนมปังที่นี่ และเอาขนมปังจิ้มเหล้าองุ่นเปรี้ยวเถิด” ดังนั้นนางจึงนั่งใกล้กับพวกคนเกี่ยวข้าว และโบอาสยื่นเมล็ดข้าวคั่วให้นาง นางรับประทานจนอิ่มหนำ และยังมีอาหารเหลืออีก 15 ครั้นนางลุกขึ้นไปเก็บข้าวตก โบอาสกำชับคนรับใช้ชายว่า “ปล่อยให้นางเก็บข้าวตกจากฟ่อน อย่าห้ามนาง 16 และจงดึงข้าวจากฟ่อนให้นางด้วย เพื่อทิ้งไว้ให้นางเก็บไป และอย่าไปดุว่านาง”
17 ดังนั้น นางจึงเก็บข้าวตกในนาจนกระทั่งเย็น แล้วนางก็นวดข้าวที่นางเก็บได้ เป็นข้าวบาร์เลย์ประมาณ 1 เอฟาห์[b] 18 แล้วนางก็แบกข้าวเข้าไปในเมือง แม่สามีเห็นว่านางเก็บข้าวตกได้มากเพียงไร และรูธเอาอาหารที่ตนรับประทานไม่หมดออกมาให้ 19 แม่สามีพูดกับรูธว่า “วันนี้เจ้าไปเก็บข้าวตกที่ไหน และไปทำงานที่ไหน ขอให้ชายที่เป็นห่วงเจ้าได้รับพระพรเถิด” นางจึงบอกแม่สามีว่าไปทำงานกับใครและพูดว่า “ชายที่ลูกไปทำงานด้วยในวันนี้ชื่อ โบอาส” 20 นาโอมีพูดกับบุตรสะใภ้ว่า “ขอให้พระผู้เป็นเจ้าอวยพรเขา พระองค์ยังไม่ทอดทิ้งทั้งคนเป็นและคนตาย” นาโอมีพูดกับนางอีกว่า “ชายคนนั้นเป็นญาติของพวกเรา เป็นหนึ่งในบรรดาญาติสนิทของเรา” 21 รูธชาวโมอับพูดว่า “นอกจากนั้นแล้ว ท่านยังพูดกับลูกด้วยว่า ‘เจ้าจงอยู่ใกล้ๆ พวกชายผู้รับใช้หนุ่มของเรา จนกว่าเขาจะเก็บเกี่ยวเสร็จ’” 22 นาโอมีพูดกับรูธบุตรสะใภ้ของนางว่า “ลูกเอ๋ย ดีแล้วที่เจ้าออกไปกับหญิงรับใช้ของเขา เพราะกลัวว่าเจ้าจะได้รับอันตราย หากว่าเจ้าไปที่นาของคนอื่น” 23 ดังนั้นรูธจึงคอยอยู่ใกล้กับหญิงรับใช้ของโบอาส เก็บข้าวตกจนกระทั่งสิ้นฤดูเก็บเกี่ยวข้าวบาร์เลย์และข้าวสาลี และนางอาศัยอยู่กับแม่สามีของนาง[c]
รูธและโบอาสที่ลานนวดข้าว
3 นาโอมีแม่สามีของนางพูดกับนางว่า “ลูกเอ๋ย เราควรจะหาเหย้าเรือนให้เจ้าอยู่อย่างมั่นคง เจ้าจะได้สบาย 2 โบอาสคนที่ให้เจ้าไปกับหญิงรับใช้ของเขา เป็นญาติของเราไม่ใช่หรือ เอาล่ะ คืนนี้เขาจะไปแยกแกลบข้าวบาร์เลย์ที่ลานนวดข้าว 3 ฉะนั้นจงอาบน้ำและชโลมน้ำมัน แล้วสวมเสื้อคลุมลงไปที่ลานนวดข้าว แต่เจ้าอย่าให้ชายคนนั้นรู้ จนกว่าเขาจะรับประทานและดื่มเสร็จแล้ว 4 พอเขานอนลง จงสังเกตดูว่าเขานอนที่ไหน และเจ้าก็ไปเปิดผ้าคลุมเท้าของเขาและนอนลง[d] แล้วเขาจะบอกเจ้าว่าให้ทำอะไร” 5 นางตอบว่า “ลูกจะทำตามทุกสิ่งที่แม่บอก”
6 ดังนั้น นางจึงลงไปที่ลานนวดข้าว และปฏิบัติตามที่แม่สามีสั่งทุกประการ 7 เมื่อโบอาสรับประทานและดื่มแล้ว เขาก็สำราญใจ เขาจึงไปนอนลงที่ข้างกองข้าว รูธก็ย่องเข้าไปหาและเปิดผ้าคลุมเท้าของเขา และนอนลง 8 ตอนเที่ยงคืนเขาสะดุ้งตื่นและพลิกตัว ดูเถิด มีผู้หญิงนอนอยู่ที่เท้าของเขา 9 เขาถามว่า “เจ้าเป็นใคร” นางตอบว่า “ฉันคือรูธผู้รับใช้ของท่าน กางชายเสื้อของท่านให้ผู้รับใช้ได้ห่มด้วยเถิด เพราะว่าท่านเป็นผู้คุ้มครองดูแลตระกูลคนหนึ่ง” 10 เขาพูดว่า “ลูกเอ๋ย ขอให้พระผู้เป็นเจ้าอวยพรเจ้าเถิด ความกรุณาของเจ้าครั้งนี้ยิ่งใหญ่กว่าครั้งแรกตรงที่ว่า เจ้าไม่ได้ไปหาชายหนุ่ม ไม่ว่าจะมั่งมีหรือยากจน 11 บัดนี้ ลูกเอ๋ย อย่ากลัวเลย เราจะทำตามที่เจ้าขอ เพราะว่าคนของเราทุกคนในเมืองรู้ว่า เจ้าเป็นผู้หญิงที่ประเสริฐ 12 และเป็นความจริงที่ว่า เราคือญาติสนิทคนหนึ่ง แต่ยังมีญาติสนิทอีกคนซึ่งเป็นญาติที่สนิทกว่าเรา 13 จงอยู่ที่นี่คืนนี้ พอถึงรุ่งเช้า ถ้าเขาจะปฏิบัติต่อเจ้าในฐานะญาติสนิท ก็ดีไป ให้เขาปฏิบัติต่อเจ้า แต่ถ้าเขาไม่ปรารถนาจะทำเช่นนั้น เราก็จะปฏิบัติต่อเจ้าในฐานะญาติสนิท ตราบที่พระผู้เป็นเจ้ามีชีวิตอยู่ เจ้าจงนอนที่นี่จนถึงเช้าเถิด”
14 ดังนั้น นางจึงนอนที่เท้าของเขาจนกระทั่งเช้า แต่ลุกขึ้นก่อนที่ใครจะจำหน้าได้ และเขาพูดว่า “อย่าให้ใครรู้ว่ามีผู้หญิงมาที่ลานนวดข้าว” 15 เขาพูดว่า “เอาผ้าคลุมไหล่ที่เจ้าคลุมอยู่กางออก” นางก็กางมันออก และเขาก็ตวงข้าวบาร์เลย์ให้ 6 เครื่องตวง ให้นางแบก นางก็เข้าไปในเมือง 16 เมื่อนางไปหานาโอมี นาโอมีถามว่า “ลูกเอ๋ย เป็นไงบ้าง” นางก็เล่าทุกสิ่งที่ชายคนนั้นกระทำต่อนาง 17 พลางพูดว่า “ท่านให้ข้าวบาร์เลย์ 6 เครื่องตวงนี้แก่ลูก ท่านบอกลูกว่า ‘เจ้าต้องไม่กลับไปหาแม่สามีมือเปล่า’” 18 นางตอบว่า “เดี๋ยวก่อน ลูกเอ๋ย รอจนกว่าจะรู้ว่าเรื่องจะลงเอยอย่างไร เพราะว่าชายคนนั้นจะไม่อยู่เฉยแน่ แต่เขาจะจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จในวันนี้”
โบอาสคุ้มครองดูแลรูธ
4 โบอาสได้ขึ้นไปที่ประตูเมือง ไปนั่งอยู่ที่นั่น ดูเถิด ผู้คุ้มครองดูแลที่โบอาสพูดถึงเดินผ่านมา โบอาสจึงพูดว่า “เพื่อนเอ๋ย มานั่งที่นี่เถิด” เขาก็แวะมานั่งด้วย 2 เขาเชิญพวกผู้ใหญ่ในเมือง 10 คนมาและพูดว่า “เชิญนั่งลงที่นี่” พวกเขาก็นั่งลง 3 และเขาพูดกับผู้คุ้มครองดูแลคนนั้นว่า “นาโอมีผู้ที่กลับมาจากดินแดนของโมอับ กำลังขายที่ดินผืนหนึ่งที่เป็นของเอลีเมเลคญาติของเรา 4 เราจึงคิดว่าจะบอกท่านเรื่องนี้ และบอกว่า ‘จงซื้อที่ดินนี้ต่อหน้าคนที่นั่งอยู่ที่นี่ และต่อหน้าบรรดาผู้ใหญ่ของประชาชน’ ถ้าหากว่าท่านจะไถ่ไว้ ก็จงไถ่เถิด แต่ถ้าหากว่าท่านจะไม่ทำ ก็บอกเรา เราจะได้รู้ เพราะไม่มีใครนอกจากท่านที่จะไถ่ เพราะว่าเราเป็นคนถัดไป” และเขากล่าวว่า “เราจะไถ่เอง” 5 ครั้นแล้วโบอาสพูดว่า “ในวันที่ท่านซื้อที่นาจากมือนาโอมี ท่านก็จะได้รูธชาวโมอับแม่ม่ายของคนตายด้วย เพื่อให้ชื่อของผู้ตายคงอยู่ในมรดกของเขา” 6 และญาติสนิทที่สุดตอบว่า “เราไม่อาจไถ่ให้ตัวเองได้ เกรงว่ามันอาจจะเสี่ยงต่อมรดกของเราเอง ท่านไถ่ให้ตัวท่านเองเถิด ท่านรับสิทธิในการไถ่ของเราไปก็ได้ เพราะเราไม่อาจไถ่ได้”
7 อิสราเอลในสมัยนั้นมีประเพณีอันเกี่ยวกับการไถ่และการโอนที่ดินให้จบขั้นตอนคือ ฝ่ายหนึ่งจะถอดรองเท้ายื่นให้อีกฝ่ายหนึ่ง นี่คือวิธีการรับรองในอิสราเอล 8 ดังนั้นญาติสนิทที่สุดพูดกับโบอาสว่า “ท่านซื้อให้ตัวเองเถิด” เขาถอดรองเท้า 9 แล้วโบอาสพูดกับบรรดาผู้ใหญ่และประชาชนทั้งปวงว่า “พวกท่านเป็นพยานในวันนี้ว่า เราได้ซื้อทุกสิ่งที่เป็นของเอลีเมเลค และทุกสิ่งที่เป็นของคิลิโอนและมาห์โลนจากมือนาโอมีแล้ว 10 รวมถึงรูธหญิงม่ายชาวโมอับของมาห์โลน เราได้รับไว้เป็นภรรยาของเราแล้ว เพื่อให้ชื่อของผู้ตายคงอยู่ในมรดกของเขา เพื่อชื่อของผู้ตายจะไม่ถูกตัดขาดเสียจากครอบครัวของเขาและจากบ้านเกิดเมืองนอนของเขา พวกท่านเป็นพยานในวันนี้” 11 แล้วประชาชนทั้งปวงที่อยู่ที่ประตูเมือง และบรรดาผู้ใหญ่กล่าวว่า “พวกเราเป็นพยาน ขอให้พระผู้เป็นเจ้าโปรดให้หญิงคนที่จะเข้ามาอยู่ในบ้านท่านคนนี้ เป็นเหมือนราเชลและเลอาห์ หญิงทั้งสองทำให้พงศ์พันธุ์อิสราเอลคงไว้ ขอให้ท่านมั่งมีอยู่ในเอฟราธาห์ และมีชื่อเสียงในเบธเลเฮม 12 และขอให้พงศ์พันธุ์ของท่านเป็นเหมือนของพงศ์พันธุ์ของเปเรศ ซึ่งทามาร์ให้กำเนิดแก่ยูดาห์[e] เนื่องจากเชื้อสายที่พระผู้เป็นเจ้าจะมอบแก่ท่าน ผ่านทางหญิงคนนี้”
รูธและโบอาสแต่งงาน
13 โบอาสจึงรับตัวรูธมาอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยา พระผู้เป็นเจ้าให้นางตั้งครรภ์ และคลอดบุตรชาย 14 บรรดาผู้หญิงพูดกับนาโอมีว่า “สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าที่ในเวลานี้ไม่ปล่อยให้เธออยู่โดยไม่มีญาติสนิทที่สุด และขอให้ชื่อของเด็กน้อยเป็นที่รู้จักในอิสราเอล 15 เขาจะเป็นผู้นำชีวิตใหม่มาให้เธอ และดูแลเธอในวัยชรา ด้วยว่าบุตรสะใภ้ของเธอรักเธอ นางปฏิบัติต่อเธอดียิ่งกว่าบุตรชาย 7 คน และยังให้กำเนิดเด็กคนนี้อีกด้วย” 16 และนาโอมีก็อุ้มทารกไว้ที่ตัก และดูแลเขา 17 บรรดาผู้หญิงในละแวกเพื่อนบ้านตั้งชื่อให้เขา และพูดว่า “นาโอมีได้บุตรชาย” และตั้งชื่อเขาว่า โอเบด ผู้เป็นบิดาของเจสซี ผู้เป็นบิดาของดาวิด
ลำดับวงศ์ของดาวิด
18 ต่อไปนี้เป็นลำดับวงศ์ของเปเรศๆ เป็นบิดาของเฮสโรน 19 เฮสโรนเป็นบิดาของรามๆ เป็นบิดาของอัมมีนาดับ 20 อัมมีนาดับเป็นบิดาของนาโชนๆ เป็นบิดาของสัลโมน 21 สัลโมนเป็นบิดาของโบอาสๆ เป็นบิดาของโอเบด 22 โอเบดเป็นบิดาของเจสซี และเจสซีเป็นบิดาของดาวิด
พระเยซูรักษาบุตรของข้าราชการ
43 ครั้นล่วงไป 2 วันพระองค์ได้เดินทางไปยังแคว้นกาลิลี 44 เพื่อยืนยันว่า ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าไม่เป็นที่ยอมรับนับถือในถิ่นฐานบ้านเกิดของตนเอง 45 ดังนั้นเมื่อพระองค์มายังแคว้นกาลิลีก็พบว่าชาวเมืองต้อนรับพระองค์ เพราะพวกเขาได้ไปงานเทศกาลปัสกามา และได้เห็นทุกสิ่งที่พระองค์กระทำที่งานเทศกาลในเมืองเยรูซาเล็ม
46 เมื่อพระองค์เดินทางกลับมายังหมู่บ้านคานาในแคว้นกาลิลี อันเป็นสถานที่ซึ่งพระองค์ได้ทำให้น้ำกลายเป็นเหล้าองุ่น และมีข้าราชการคนหนึ่งในเมืองคาเปอร์นาอุมซึ่งบุตรชายกำลังป่วยอยู่ 47 เขาได้ยินว่าพระเยซูได้ออกจากแคว้นยูเดียมายังแคว้นกาลิลี เขาจึงไปหาพระองค์เพื่อขอร้องให้รักษาบุตรชายของเขาที่กำลังจะตาย 48 พระเยซูกล่าวกับเขาว่า “พวกท่านจะไม่เชื่อแน่ นอกจากว่าจะได้เห็นปรากฏการณ์อัศจรรย์และสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆ” 49 ข้าราชการผู้นั้นพูดกับพระองค์ว่า “นายท่าน โปรดลงมาก่อนที่บุตรของข้าพเจ้าจะตาย” 50 พระเยซูกล่าวว่า “จงกลับไปเถิด บุตรชายของท่านไม่ตาย” ชายผู้นั้นเชื่อในคำที่พระเยซูกล่าวจึงกลับไป 51 ขณะที่เขากลับลงไป พวกผู้รับใช้ก็มาพบเขาและบอกว่าบุตรชายของเขายังมีชีวิตอยู่ 52 เขาจึงถามพวกผู้รับใช้ว่าเป็นเวลาใดที่บุตรชายเริ่มรู้สึกดีขึ้น พวกเขาตอบว่า “ไข้หายเมื่อวานนี้เวลาหนึ่งทุ่ม”[a] 53 บิดาจึงทราบว่าเป็นเวลาเดียวกันกับที่พระเยซูได้บอกเขาว่า “บุตรของท่านไม่ตาย” ข้าราชการผู้นั้นและทั้งครัวเรือนก็พากันเชื่อในพระเยซู 54 นี่ก็เป็นปรากฏการณ์อัศจรรย์ครั้งที่สอง ที่พระเยซูได้กระทำในแคว้นกาลิลี หลังจากที่พระองค์ได้ออกมาจากแคว้นยูเดียแล้ว
16 แล้วพระองค์บันดาลให้เกิดทุพภิกขภัยขึ้นในแผ่นดิน
ผลผลิตที่เป็นอาหารเสียหายหมด
17 แต่พระองค์ใช้ชายผู้หนึ่งไปล่วงหน้าพวกเขา
คือโยเซฟผู้ถูกขายไปเป็นทาส
18 มีตรวนเหล็กล่ามอยู่ที่เท้า
ปลอกเหล็กสวมอยู่ที่คอ
19 จนกระทั่งสิ่งที่ท่านพยากรณ์ไว้ได้บังเกิดขึ้นจริง
คำของพระผู้เป็นเจ้าได้พิสูจน์ให้เห็นว่าท่านถูกต้อง
20 กษัตริย์ให้พาตัวท่านมา และปลดปล่อยตัวไป
ผู้ปกครองของบรรดาชนชาติได้ปล่อยให้ท่านเป็นอิสระ
21 กษัตริย์แต่งตั้งให้ท่านเป็นผู้ควบคุมวัง
และปกครองสมบัติพัสถานทั้งหลาย
22 ท่านบัญชาพวกเจ้าหน้าที่ได้ตามใจชอบ
และสอนบรรดาผู้อาวุโสให้ใช้สติปัญญา[a]
23 ครั้นแล้วอิสราเอลก็มาถึงประเทศอียิปต์
ยาโคบตั้งถิ่นฐานในดินแดนของฮาม
24 แล้วพระผู้เป็นเจ้าทำให้ชนชาติของพระองค์เพิ่มพูนจำนวนลูกหลานมากขึ้น
และมีมากเกินกว่าพวกศัตรูของเขา
25 พระองค์ทำให้จิตใจของชาวอียิปต์เกลียดชังชนชาติของพระองค์
และปฏิบัติต่อผู้รับใช้ของพระองค์ด้วยเล่ห์อุบาย
26 พระองค์ให้โมเสสผู้รับใช้ของพระองค์ไป
และอาโรนผู้ที่พระองค์ได้เลือกไว้
27 ทั้งสองท่านได้แสดงสิ่งอัศจรรย์ของพระเจ้าท่ามกลางพวกเขา
และสิ่งมหัศจรรย์ในดินแดนของฮาม
28 พระองค์ให้มีความมืดและทำให้ดินแดนมืดมิด
แต่พวกเขาขัดคำสั่งของพระองค์
29 พระองค์ทำให้น้ำที่มีอยู่ของพวกเขากลายเป็นเลือด
อันเป็นเหตุให้ปลาตาย
30 แผ่นดินของพวกเขาเต็มไปด้วยกบ
แม้ในห้องพักของเชื้อพระวงศ์
31 เพียงพระองค์กล่าว แมลงเป็นฝูงๆ ก็พากันบินมา
และตัวริ้นแพร่ขยายไปทั่วอาณาเขตของเขาทั้งปวง
32 พระองค์ทำให้ลูกเห็บตกแทนฝน
และสายฟ้าแลบแปลบปลาบไปทั่วแผ่นดินของเขา
33 พระองค์ทำลายเถาองุ่นและต้นมะเดื่อของพวกเขา
และโค่นต้นไม้ในอาณาเขตของเขาลง
34 เพียงพระองค์กล่าว ฝูงตั๊กแตนก็พากันมา
มีตั๊กแตนเล็กมากมายจนนับไม่ถ้วน
35 พวกมันกัดกินพืชทั้งหมดในแผ่นดินของเขา
และกินผลที่ได้จากการเพาะปลูกจนเกลี้ยง
36 พระองค์ผลาญชีวิตลูกหัวปีทุกคนบนแผ่นดิน
ผลแรกแห่งพละกำลังทั้งปวงของพวกเขา
26 ผู้ที่เกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้าย่อมมีความมั่นคงทางใจอันยอดยิ่ง
และลูกๆ ของเขาจะมีที่พึ่งพิง
27 ความเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้าคือน้ำพุแห่งชีวิต
เพื่อให้คนหลีกลี้ไปจากกับดักแห่งความตาย
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation