M’Cheyne Bible Reading Plan
20 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงให้คำสาปแช่งตกอยู่แก่ท่าน ท่านจะเดือดร้อนวุ่นวายและล้มเหลวในกิจการทุกอย่างที่ท่านทำจนกว่าท่านจะถูกทำลายล้าง และถึงแก่หายนะอย่างรวดเร็ว เพราะความชั่วร้ายของท่านที่ได้ละทิ้งพระองค์[a] 21 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะลงโทษท่านด้วยโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ จนกว่าพระองค์จะทำลายท่านให้หมดไปจากดินแดนที่ท่านจะเข้ายึดครอง 22 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงบันดาลโรคภัยกัดกร่อนชีวิต ด้วยความเจ็บไข้และการอักเสบ ด้วยความร้อนระอุและความแห้งแล้ง ด้วยเชื้อราและแมลงทำลายต้นไม้ ซึ่งจะเล่นงานท่านจนท่านพินาศไป 23 ท้องฟ้าเหนือศีรษะของท่านจะเป็นเหมือนทองสัมฤทธิ์ และแผ่นดินเบื้องล่างจะเป็นเหมือนเหล็ก 24 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะบันดาลให้ฝนกลายเป็นฝุ่นผงลงมาจากท้องฟ้าจนกว่าท่านจะถูกทำลายล้างไป
25 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงทำให้ท่านพ่ายแพ้ศัตรู ท่านจะออกไปประจันหน้ากับพวกเขาทางเดียว แต่เตลิดหนีจากเขาเจ็ดทาง และท่านจะกลายเป็นสิ่งที่น่าสยดสยองแก่อาณาจักรทั้งปวงในโลก 26 ซากศพของพวกท่านจะตกเป็นเหยื่อของนกในอากาศและสัตว์ป่าในแผ่นดินโลก และจะไม่มีผู้ใดขับไล่พวกมันไป 27 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงใช้ฝีอย่างที่เคยเกิดกับอียิปต์ เนื้องอก แผล เนื้อร้าย และโรคคันซึ่งรักษาไม่หายทรมานท่าน 28 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะใช้ความคลุ้มคลั่ง ความมืดบอด และความวุ่นวายใจทรมานท่าน 29 เวลากลางวันแสกๆ ท่านจะคลำสะเปะสะปะเหมือนคนตาบอดอยู่ในความมืด ท่านจะไม่ประสบความสำเร็จในกิจการใดๆ ที่ท่านทำเลย ท่านจะถูกกดขี่ข่มเหงและถูกปล้นชิงวันแล้ววันเล่าโดยไม่มีใครช่วยท่าน
30 ท่านจะหมั้นหมายหญิงสาวไว้เป็นภรรยาแต่ชายอื่นจะข่มขืนนาง ท่านจะสร้างบ้านแต่ไม่ได้อาศัยในบ้านนั้น ท่านจะลงแรงปลูกสวนองุ่นแต่ไม่มีวันได้กินผลของมัน 31 วัวของท่านจะถูกเชือดต่อหน้าต่อตาท่านแต่ท่านจะไม่ได้ลิ้มรสมันเลย ลาของท่านจะถูกไล่ต้อนไปต่อหน้าท่านและไม่ได้กลับคืนมา แกะของท่านจะถูกยกให้แก่ศัตรูและจะไม่มีใครช่วยปกป้องมัน 32 บุตรชายบุตรสาวของท่านจะถูกยกให้เป็นทาสของชาติอื่น ท่านจะตั้งตาคอยลูกวันแล้ววันเล่าแต่ไม่อาจช่วยอะไรเขาได้ 33 คนต่างชาติซึ่งท่านไม่เคยรู้จักจะมากินผลผลิตซึ่งท่านลงแรงเพาะปลูก ตลอดวันคืนแห่งชีวิตของท่านจะมีแต่การกดขี่ข่มเหงอันโหดร้ายทารุณ 34 ท่านจะคลุ้มคลั่งไปเพราะเหตุการณ์โศกสลดที่เห็น 35 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงทรมานกายของท่านด้วยฝีที่เจ็บปวดซึ่งรักษาไม่หาย เป็นแผลลามตั้งแต่ส้นเท้าขึ้นไปถึงกลางกระหม่อม
36 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเนรเทศท่านและกษัตริย์ซึ่งท่านเลือกให้ปกครองท่านนั้นไปยังชนชาติซึ่งท่านหรือบรรพบุรุษไม่เคยรู้จัก ท่านจะนมัสการพระอื่นๆ ซึ่งสร้างขึ้นจากไม้และหินที่นั่น 37 ท่านจะกลายเป็นสิ่งที่น่าสยดสยอง เป็นขี้ปากและคำถากถางในหมู่ชาติต่างๆ ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงขับไล่ไสส่งท่านไป
38 ท่านจะหว่านมากแต่จะเก็บเกี่ยวได้น้อยเพราะตั๊กแตนมากัดกินพืชผล 39 ท่านจะปลูกสวนองุ่นและดูแลรักษา แต่ไม่ได้ดื่มเหล้าองุ่นหรือเก็บผลองุ่นเพราะมีหนอนมากัดกิน 40 ท่านจะมีต้นมะกอกทั่วแผ่นดิน แต่ไม่มีน้ำมันให้ใช้เพราะผลมะกอกจะร่วงหมด 41 ท่านจะมีบุตรชายบุตรสาว แต่ท่านจะรักษาเขาไว้ไม่ได้เพราะพวกเขาจะถูกฉุดคร่าไปเป็นเชลย 42 ฝูงตั๊กแตนจะทำลายต้นไม้และพืชผลในแผ่นดินของท่านจนหมดสิ้น
43 คนต่างด้าวซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่พวกท่านจะรุ่งเรืองยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แต่ท่านจะตกต่ำลงทุกที 44 เขาจะเป็นฝ่ายให้ท่านยืม ไม่ใช่ท่านเป็นฝ่ายให้เขายืม เขาจะเป็นหัว ส่วนท่านจะเป็นหาง
45 คำสาปแช่งทั้งหมดนี้จะตกแก่ท่าน และจะตามเล่นงานท่านจนย่อยยับไป เนื่องจากท่านไม่ได้เชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านและไม่รักษาพระบัญชาและกฎหมายต่างๆ ที่ทรงให้ท่านไว้ 46 สิ่งเหล่านี้จะเป็นหมายสำคัญและการอัศจรรย์แก่ท่านและแก่วงศ์วานของท่านตลอดไป 47 เพราะท่านไม่ได้ปรนนิบัติพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านด้วยความชื่นชมยินดีและด้วยความเต็มใจในยามที่ท่านรุ่งเรือง 48 ฉะนั้นท่านจะต้องปรนนิบัติศัตรูซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าส่งมาเล่นงานท่านอย่างหิวโหยและกระหาย อย่างเปลือยกายและสิ้นเนื้อประดาตัว พระองค์จะทรงวางแอกเหล็กบนคอของท่านจนกว่าพระองค์จะทรงทำลายท่านให้สิ้นไป
49 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงนำชนชาติหนึ่งจากแดนไกล จากสุดปลายแผ่นดินโลกซึ่งพูดภาษาที่ท่านไม่อาจเข้าใจมาต่อสู้กับท่านดั่งอินทรีโฉบ 50 เป็นชนชาติซึ่งหน้าตาดุร้าย ไม่เคารพนับถือคนชราหรือเวทนาเด็กเล็ก 51 พวกเขาจะกลืนกินลูกอ่อนจากฝูงสัตว์ของท่าน และพืชผลจากแผ่นดินของท่านจนท่านถูกทำลายสิ้น พวกเขาจะไม่เหลือเมล็ดข้าว เหล้าองุ่นใหม่ น้ำมัน ลูกวัว หรือลูกแกะจากฝูงสัตว์ของท่านจนกว่าท่านจะพินาศ 52 ชนชาตินี้จะล้อมเมืองต่างๆ ทั่วดินแดนของท่าน ตราบจนกำแพงสูงซึ่งท่านเชื่อมั่นจะพังลง พวกเขาจะล้อมเมืองทั้งสิ้นทั่วดินแดนซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังจะประทานแก่ท่าน
53 ในช่วงถูกยึดเมืองซึ่งศัตรูทรมานท่านอย่างโหดร้ายทารุณนั้น ท่านถึงกับกินผลแห่งครรภ์ของท่าน คือกินเนื้อบุตรชายบุตรสาวที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่าน 54 แม้แต่ชายที่อ่อนโยนและใจอ่อนที่สุดในพวกท่านก็ยังใจดำต่อพี่น้องของตนเอง ต่อภรรยาที่รักและบุตรของเขาที่ยังรอดชีวิตอยู่ 55 เขาจะไม่ยอมแบ่งเนื้อบุตรของตนที่เคี้ยวอยู่ให้คนเหล่านั้นสักคนเดียว นั่นเป็นทั้งหมดที่เขาเหลืออยู่ เพราะความทุกข์ยากที่ศัตรูก่อขึ้นขณะมาล้อมเมืองทั้งหมดของท่าน 56 หญิงที่อ่อนโยนและใจอ่อนที่สุดในพวกท่าน ผู้ซึ่งเท้าแทบจะไม่แตะดิน จะไม่ยอมแบ่งปันให้กับสามีที่รักหรือบุตรชายบุตรสาวของตน 57 นางจะซุกซ่อนทารกที่เพิ่งคลอดใหม่ของนางเพื่อเก็บไว้กินคนเดียวในช่วงยึดเมืองท่ามกลางความทุกข์ลำเค็ญด้วยน้ำมือของศัตรูในเมืองต่างๆ ของท่าน
58 หากท่านไม่ใส่ใจปฏิบัติตามถ้อยคำทั้งปวงในบทบัญญัติซึ่งบันทึกไว้ในหนังสือเล่มนี้ และไม่ยำเกรงพระนามอันทรงเกียรติสิริและน่าเกรงขามของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทั้งหลาย 59 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงส่งภัยพิบัติอันน่าสะพรึงกลัว ภัยพิบัติอันรุนแรงและเนิ่นนาน โรคภัยอันร้ายแรงและเรื้อรังมาเหนือท่านและวงศ์วานของท่าน 60 พระองค์จะทรงนำโรคร้ายทั้งปวงแห่งอียิปต์ซึ่งท่านขยาดกลัวยิ่งนักมายังท่าน โรคนั้นจะคงอยู่กับท่าน 61 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงนำโรคภัยและภัยพิบัติสารพัดแม้ไม่ได้บันทึกในหนังสือบทบัญญัตินี้มายังท่าน จนกว่าท่านจะถูกทำลายไป 62 แม้ว่าท่านเคยมีจำนวนมากมายเหมือนดวงดาวในท้องฟ้า ท่านก็จะเหลืออยู่เพียงน้อยนิด เพราะท่านไม่เชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน 63 เช่นเดียวกับที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัยจะให้ท่านเจริญและทวีจำนวนขึ้น พระองค์ก็จะพอพระทัยในการทำลายล้างท่าน ท่านจะถูกขุดรากถอนโคนจากแผ่นดินที่ท่านจะเข้าไปยึดครอง
64 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงทำให้ท่านกระจัดกระจายไปตามชนชาติต่างๆ จากสุดโลกด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง ท่านจะกราบไหว้พระอื่นๆ ซึ่งทำจากไม้และหินที่นั่น เป็นพระที่ท่านหรือบรรพบุรุษของท่านไม่เคยรู้จักมาก่อน 65 ท่านจะไม่ได้อยู่อย่างสงบสุขเลยในหมู่ชนชาติเหล่านั้น ไม่มีแม้แต่ที่ให้วางเท้า องค์พระผู้เป็นเจ้าจะให้ท่านหวาดวิตก ทำให้ดวงตาอ่อนระโหยและดวงใจหดหู่สิ้นหวัง 66 ชีวิตของท่านจะแขวนอยู่ในความสงสัย ท่านจะวิตกว้าวุ่นทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่มีความมั่นใจใดๆ ในชีวิต 67 ยามเช้าท่านจะพูดว่า “อยากให้เป็นเวลาเย็น!” และในยามเย็นท่านจะพูดว่า “อยากให้เป็นเวลาเช้า!” เพราะความอกสั่นขวัญแขวนที่จะเต็มล้นในใจของท่านและภาพต่างๆ ที่ตาของท่านจะเห็น 68 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงส่งท่านลงเรือกลับไปอียิปต์ซึ่งข้าพเจ้าได้เตือนไม่ให้ท่านกลับไปที่นั่นอีก ท่านจะเสนอขายตัวเองเป็นทาสชายหญิงให้แก่ศัตรูของท่านที่นั่นแต่จะไม่มีใครซื้อ
ดาเลธ
25 ข้าพระองค์ตกต่ำลงจนคลุกฝุ่น
ขอทรงสงวนชีวิตของข้าพระองค์ตามพระวจนะของพระองค์
26 ข้าพระองค์กราบทูลถึงวิถีทางของข้าพระองค์พระองค์ก็ทรงตอบ
ขอทรงสอนกฎหมายของพระองค์แก่ข้าพระองค์
27 ขอทรงให้ข้าพระองค์เข้าใจคำสอนจากข้อบังคับของพระองค์
แล้วข้าพระองค์จะใคร่ครวญพระราชกิจมหัศจรรย์ของพระองค์
28 จิตวิญญาณของข้าพระองค์อ่อนล้าเพราะความทุกข์โศก
ขอทำให้ข้าพระองค์เข้มแข็งขึ้นตามพระวจนะของพระองค์
29 ขอทรงปกป้องข้าพระองค์ให้พ้นจากวิถีจอมปลอมทั้งหลาย
ขอทรงเมตตาปรานีข้าพระองค์และสอนบทบัญญัติของพระองค์แก่ข้าพระองค์
30 ข้าพระองค์ได้เลือกหนทางแห่งความจริง
ข้าพระองค์ปักใจแน่วแน่ในบทบัญญัติของพระองค์
31 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ยึดมั่นในกฎเกณฑ์ของพระองค์
ขออย่าให้ข้าพระองค์ต้องอับอาย
32 ข้าพระองค์กระตือรือร้นที่จะทำตามพระบัญชาของพระองค์
เพราะพระองค์ทรงกระทำให้จิตใจของข้าพระองค์เป็นไท
เฮ
33 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงสอนข้าพระองค์ให้ปฏิบัติตามกฎหมายของพระองค์
แล้วข้าพระองค์จะรักษาไว้จนถึงที่สุด
34 โปรดประทานความเข้าใจ แล้วข้าพระองค์จะรักษาบทบัญญัติของพระองค์
และปฏิบัติตามด้วยสุดใจ
35 ขอทรงนำข้าพระองค์ไปตามทางที่ทรงบัญชา
เพราะข้าพระองค์ชื่นชมในทางนั้น
36 ขอทรงหันจิตใจของข้าพระองค์สู่กฎเกณฑ์ของพระองค์
ไม่มุ่งหาประโยชน์อย่างเห็นแก่ตัว
37 ขอทรงหันสายตาของข้าพระองค์จากสิ่งที่ไร้ค่า
ขอทรงสงวนชีวิตของข้าพระองค์ตามพระวจนะของพระองค์[a]
38 ขอทรงกระทำตามที่ทรงสัญญาไว้กับผู้รับใช้ของพระองค์
เพื่อพระองค์จะเป็นที่ยำเกรง
39 ขอทรงเอาความอับอายที่ข้าพระองค์หวาดกลัวออกไป
เพราะบทบัญญัติของพระองค์นั้นดี
40 ข้าพระองค์ฝักใฝ่ในข้อบังคับของพระองค์ยิ่งนัก!
ขอทรงสงวนชีวิตของข้าพระองค์ด้วยความชอบธรรมของพระองค์
วาว์
41 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้ความรักมั่นคงของพระองค์มาถึงข้าพระองค์
ขอให้การช่วยกู้มาถึงตามพระสัญญาของพระองค์
42 แล้วข้าพระองค์จะมีคำตอบสำหรับคนที่เย้ยหยันข้าพระองค์
เพราะข้าพระองค์วางใจในพระวจนะของพระองค์
43 ขออย่าทรงพรากถ้อยคำแห่งความจริงไปจาก
ปากของข้าพระองค์
เพราะข้าพระองค์ฝากความหวังไว้กับบท
บัญญัติของพระองค์
44 ข้าพระองค์จะเชื่อฟังบทบัญญัติของพระองค์เสมอ
สืบๆ ไปเป็นนิตย์
45 ข้าพระองค์จะดำเนินไปอย่างเสรี
เพราะข้าพระองค์ได้แสวงหาข้อบังคับของพระองค์
46 ข้าพระองค์จะพูดถึงกฎเกณฑ์ของพระองค์ต่อหน้าบรรดากษัตริย์
และจะไม่อับอายขายหน้า
47 เพราะข้าพระองค์ปีติยินดีในพระบัญชาของพระองค์
ข้าพระองค์รักพระบัญชาเหล่านั้น
48 ข้าพระองค์เทิดทูน[b]พระบัญชาซึ่งข้าพระองค์รัก
และใคร่ครวญกฎหมายของพระองค์
คำเชื้อเชิญบรรดาผู้กระหาย
55 “เชิญทุกคนที่กระหาย
มาดื่มน้ำเถิด
และผู้ที่ไม่มีเงิน
จงมาซื้อกินเถิด!
มาเถิด มาซื้อเหล้าองุ่นและน้ำนม
โดยไม่คิดเงินและไม่คิดมูลค่า
2 ทำไมเจ้าจึงใช้จ่ายเงินซื้อสิ่งที่ไม่ใช่อาหาร
และลงแรงทำสิ่งที่ไม่ช่วยให้อิ่มใจ?
จงฟังเถิด จงฟังเราและรับประทานสิ่งที่ดี
แล้วจิตวิญญาณของเจ้าจะปีติยินดีในอาหารอันอุดมสมบูรณ์ที่สุด
3 จงเงี่ยหูและมาหาเรา
มาฟังเราเพื่อจิตวิญญาณของเจ้าจะมีชีวิตอยู่
เราจะทำพันธสัญญานิรันดร์กับเจ้า
ว่าด้วยความรักอันซื่อสัตย์ซึ่งเราสัญญาไว้กับดาวิด
4 ดูเถิด เราได้ทำให้เขาเป็นพยานแก่ประชาชาติต่างๆ
เป็นผู้นำและผู้บังคับบัญชาประชาชาติทั้งหลาย
5 แน่ทีเดียวเจ้าจะเรียกประชาชาติซึ่งเจ้าไม่รู้จักมาชุมนุม
และประชาชาติซึ่งไม่รู้จักเจ้าจะรีบรุดมาหาเจ้า
เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลประทานความรุ่งโรจน์แก่เจ้า”
6 จงแสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้าขณะที่จะพบพระองค์ได้
จงร้องทูลพระองค์ขณะที่พระองค์ยังทรงอยู่ใกล้
7 ให้คนชั่วร้ายละทิ้งวิถีทางของตน
และให้คนชั่วละทิ้งความคิดของตน
ให้เขาหันกลับมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า และพระองค์จะทรงเมตตาเขา
ให้เขาหันกลับมาหาพระเจ้าของเรา เพราะพระองค์จะทรงให้อภัยโดยไม่คิดมูลค่า
8 “เพราะความคิดของเราไม่เป็นความคิดของเจ้า
ทั้งวิถีทางของเจ้าไม่เป็นวิถีทางของเรา”
องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
9 “ฟ้าสวรรค์สูงกว่าแผ่นดินโลกฉันใด
วิถีของเราก็สูงกว่าทางของเจ้า
และความคิดของเราก็สูงกว่าความคิดของเจ้าฉันนั้น
10 เฉกเช่นฝนและหิมะ
โปรยลงมาจากฟ้าสวรรค์
และไม่กลับไปที่นั่น
จนกว่าจะทำให้แผ่นดินโลกชุ่มฉ่ำ
และทำให้พืชพันธุ์แตกหน่องอกงาม
เพื่อให้มันเกิดเมล็ดสำหรับผู้หว่านและอาหารสำหรับผู้บริโภค
11 ถ้อยคำที่ออกจากปากของเราก็เป็นเช่นนั้น
มันจะไม่กลับคืนมายังเราโดยเปล่าประโยชน์
แต่จะสัมฤทธิ์ผลตามที่เราปรารถนา
และสำเร็จตามเป้าหมายที่เราตั้งไว้
12 เจ้าจะออกไปด้วยความชื่นชมยินดี
และถูกนำออกไปด้วยสันติสุข
ภูเขาและเนินเขาจะเปล่งเสียงร้องเพลงต่อหน้าเจ้า
บรรดาต้นไม้ในทุ่งนาจะปรบมือ
13 ต้นสนจะงอกขึ้นแทนที่พุ่มหนาม
พันธุ์ไม้หอมจะงอกขึ้นแทนที่ต้นหนาม
การนี้จะเป็นที่เชิดชูองค์พระผู้เป็นเจ้า
เป็นหมายสำคัญนิรันดร์ซึ่งจะไม่ถูกทำลายเลย”
ยอห์นผู้ให้บัพติศมาเตรียมทาง(A)
3 ครั้งนั้นยอห์นผู้ให้บัพติศมาได้มาเทศนาในถิ่นกันดารแห่งแคว้นยูเดีย 2 และกล่าวว่า “จงกลับใจใหม่เพราะอาณาจักรสวรรค์มาใกล้แล้ว” 3 ยอห์นผู้นี้แหละที่ถูกกล่าวถึงผ่านทางผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ว่า
“เสียงของผู้หนึ่งร้องในถิ่นกันดารว่า
‘จงเตรียมทางสำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้า
จงทำทางสำหรับพระองค์ให้ตรงไป’ ”[a]
4 เสื้อผ้าของยอห์นทำจากขนอูฐ เขาคาดเอวด้วยเข็มขัดหนัง อาหารของเขาคือตั๊กแตนกับน้ำผึ้งป่า 5 ประชาชนจากกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดียและทั่วแถบแม่น้ำจอร์แดนพากันมาหาเขา 6 เมื่อพวกเขาสารภาพบาปทั้งหลายของตนแล้ว ยอห์นก็ให้พวกเขารับบัพติศมาในแม่น้ำจอร์แดน
7 แต่เมื่อยอห์นเห็นพวกฟาริสีและพวกสะดูสีมายังที่ซึ่งเขาให้บัพติศมาอยู่ ยอห์นก็กล่าวแก่พวกเขาว่า “เจ้าชาติงูร้าย ใครตักเตือนพวกเจ้าให้หนีจากพระพิโรธที่จะมาถึง? 8 จงเกิดผลให้สมกับที่กลับใจใหม่ 9 และอย่านึกในใจว่า ‘เรามีอับราฮัมเป็นบรรพบุรุษของเรา’ เราบอกท่านว่าพระเจ้าทรงสามารถทำให้ลูกหลานของอับราฮัมเกิดจากก้อนหินเหล่านี้ได้ 10 ขวานนั้นอยู่ที่โคนต้นไม้แล้วและทุกต้นที่ไม่ให้ผลดีจะถูกโค่นและโยนลงในไฟ
11 “เราให้บัพติศมาด้วย[b]น้ำแก่พวกท่านแสดงถึงการกลับใจใหม่ แต่ภายหลังเราจะมีผู้หนึ่งทรงฤทธิ์อำนาจยิ่งกว่าเราเสด็จมา เราไม่คู่ควรแม้แต่จะถือฉลองพระบาทของพระองค์ พระองค์จะทรงให้ท่านทั้งหลายรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และด้วยไฟ 12 พระองค์ถือพลั่วอยู่ในพระหัตถ์พร้อมแล้วและจะทรงเก็บกวาดลานนวดข้าว รวบรวมข้าวซึ่งเป็นของพระองค์ไว้ในยุ้งฉาง และเผาแกลบด้วยไฟที่ไม่รู้ดับ”
พระเยซูทรงรับบัพติศมา(B)
13 แล้วพระเยซูเสด็จจากแคว้นกาลิลีมายังแม่น้ำจอร์แดนเพื่อรับบัพติศมาจากยอห์น 14 แต่ยอห์นพยายามทูลทัดทานว่า “ข้าพระองค์ต่างหากที่ต้องขอรับบัพติศมาจากพระองค์ ควรหรือที่พระองค์เสด็จมาหาข้าพระองค์?”
15 พระเยซูตรัสตอบว่า “ขณะนี้ให้เป็นไปตามนั้นเถิด สมควรแล้วที่พวกเราจะทำเช่นนี้เพื่อให้ความชอบธรรมทุกประการสำเร็จครบถ้วน” แล้วยอห์นจึงยอมทำตาม
16 เมื่อพระเยซูทรงรับบัพติศมาแล้ว ทันทีที่พระองค์เสด็จขึ้นจากน้ำ ฟ้าสวรรค์ก็เปิดออก และพระองค์ทรงเห็นพระวิญญาณของพระเจ้าดุจนกพิราบลงมาประทับอยู่กับพระองค์ 17 และมีพระสุรเสียงตรัสจากฟ้าสวรรค์ว่า “นี่เป็นลูกของเรา ผู้ที่เรารัก เราพอใจเขายิ่งนัก”
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.