M’Cheyne Bible Reading Plan
17 อย่าถวายแกะหรือวัวที่มีตำหนิหรือพิการแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน เพราะเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจสำหรับพระองค์
2 หากชายหรือหญิงคนใดที่อยู่ท่ามกลางท่านในเมืองใดเมืองหนึ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานแก่ท่าน ทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านโดยการละเมิดพันธสัญญาของพระองค์ 3 ไปนมัสการกราบไหว้พระอื่นๆ ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ หรือดวงดาว ซึ่งข้าพเจ้าได้สั่งห้ามไว้ 4 และมีผู้มาร้องเรียนต่อท่าน ท่านต้องไต่สวนอย่างรอบคอบ หากเป็นจริงและมีข้อพิสูจน์ว่ามีสิ่งที่น่ารังเกียจเช่นนี้เกิดขึ้นในอิสราเอล 5 ก็จงนำชายหรือหญิงที่ทำชั่วนั้นออกไปที่ประตูเมือง แล้วเอาหินขว้างให้ตาย 6 แต่อย่าประหารใครเมื่อมีพยานเพียงปากเดียว จะต้องมีพยานอย่างน้อยสองหรือสามปาก 7 พยานต้องลงมือขว้างก่อน จากนั้นประชาชนจะร่วมขว้างด้วย ท่านต้องขจัดความชั่วร้ายออกไปจากหมู่พวกท่าน
ศาลยุติธรรม
8 หากมีคดีความใดยุ่งยากเกินกว่าท่านจะตัดสิน ไม่ว่าเป็นคดีฆ่าคนตายโดยเจตนา คดีฟ้องร้อง หรือคดีทำร้ายร่างกาย จงนำคดีเหล่านั้นไปยังสถานที่ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงเลือก 9 ไปแจ้งต่อปุโรหิตซึ่งเป็นคนเลวี และแจ้งตุลาการซึ่งประจำการอยู่ในขณะนั้น คนเหล่านี้จะเป็นผู้ไต่สวนและตัดสิน 10 ท่านจะต้องปฏิบัติตามคำตัดสินของเขาที่แจ้งท่านในที่ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเลือก จงใส่ใจปฏิบัติตามทุกสิ่งที่พวกเขาสั่งท่าน 11 จงปฏิบัติตามบทบัญญัติที่พวกเขาสั่งสอนและทำตามคำตัดสินของเขา อย่าหันเหจากสิ่งที่เขาแจ้งท่านไปทางขวาหรือทางซ้าย 12 ผู้ใดดูหมิ่นตุลาการหรือปุโรหิตซึ่งปรนนิบัติพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านที่นั่นจะต้องถูกประหาร ท่านจะต้องขจัดความชั่วออกจากอิสราเอล 13 ประชาชนทั้งปวงจะได้ยินเรื่องราวแล้วเกรงกลัวและจะไม่กล้าหมิ่นประมาทอีก
กษัตริย์
14 เมื่อท่านได้เข้าไปครอบครองและตั้งถิ่นฐานในดินแดนซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่านแล้ว และกล่าวว่า “ให้พวกเราตั้งกษัตริย์ปกครองเราเหมือนชนชาติทั้งปวงรอบๆ เรา” 15 จงแน่ใจว่าท่านแต่งตั้งคนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงเลือกให้เป็นกษัตริย์ เขาจะต้องเป็นคนอิสราเอล ไม่ใช่คนต่างด้าว 16 กษัตริย์ต้องไม่หาม้ามากมายมาเป็นของตัว หรือส่งคนไปที่อียิปต์เพื่อหาม้ามาเพิ่ม เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งไว้ว่า “เจ้าจะต้องไม่หวนกลับไปทางนั้นอีก” 17 เขาจะต้องไม่มีภรรยาหลายคน มิฉะนั้นจิตใจของเขาจะหันเหไป และเขาจะต้องไม่สะสมเงินทองไว้มากมาย
18 เมื่อเขาขึ้นครองราชย์ ให้เขาคัดลอกบทบัญญัตินี้จากหนังสือม้วนของปุโรหิตผู้เป็นชนเลวี 19 บทบัญญัตินี้จะได้อยู่กับเขา ให้เขาอ่านตลอดชีวิต เพื่อเขาจะเรียนรู้ที่จะยำเกรงพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขาและใส่ใจที่จะปฏิบัติตามทุกถ้อยคำของบทบัญญัติและกฎหมายเหล่านี้ 20 เพื่อเขาจะไม่ถือว่าตัวเองดีกว่าพี่น้องร่วมชาติและหันเหจากบทบัญญัติไปทางขวาหรือทางซ้าย แล้วเขากับวงศ์วานจะได้ครอบครองราชบัลลังก์ในอิสราเอลยาวนานสืบไป
104 จิตวิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ พระองค์ทรงยิ่งใหญ่นัก
พระองค์ทรงฉลองพระองค์ด้วยสง่าราศีและพระบารมี
2 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงคลุมพระองค์ด้วยแสงสว่างเหมือนเป็นฉลองพระองค์
พระองค์ทรงขึงฟ้าสวรรค์ดั่งขึงเต็นท์
3 และทรงวางคานของที่ประทับของพระองค์ไว้เหนือน้ำ
พระองค์ทรงใช้เมฆเป็นรถม้าศึก
และเสด็จมาบนปีกของกระแสลม
4 พระองค์ทรงใช้ลมเป็นผู้สื่อสาร[a]
และเปลวไฟเป็นผู้รับใช้ของพระองค์
5 พระองค์ทรงตั้งโลกไว้บนฐาน
โลกจะไม่มีวันเคลื่อนย้าย
6 พระองค์ทรงห่อหุ้มโลกด้วยห้วงลึกเหมือนห่อหุ้มด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์
น้ำบ่าท่วมมิดภูเขา
7 แต่เมื่อพระองค์ทรงกำราบ น้ำก็หนีไป
เมื่อทรงเปล่งพระสุรเสียงดุจฟ้าร้อง มันก็เตลิดไป
8 น้ำไหลท่วมภูเขา
ไหลลงหุบเขา
ไปยังที่ซึ่งทรงกำหนดไว้ให้
9 พระองค์ทรงวางเขตกั้นไม่ให้น้ำข้ามไป
เพื่อไม่ให้น้ำท่วมแผ่นดินโลกอีก
10 พระองค์ทรงให้น้ำพุหลั่งน้ำให้แก่ลำห้วย
ซึ่งไหลไประหว่างภูเขา
11 ให้สัตว์ทั้งปวงในท้องทุ่งได้ดื่มกิน
ให้ลาป่าได้ดับกระหาย
12 นกจึงสร้างรังริมธารน้ำ
และร้องเพลงอยู่กลางแมกไม้
13 พระองค์ทรงรดน้ำภูเขาจากที่ประทับเบื้องบน
แผ่นดินโลกอิ่มเอมด้วยผลแห่งพระราชกิจของพระองค์
14 พระองค์ทรงให้หญ้างอกงามขึ้นเพื่อฝูงสัตว์
และทรงให้พืชพันธุ์แก่มนุษย์สำหรับเพาะปลูก
ทรงให้ธัญญาหารงอกงามจากผืนแผ่นดิน
15 ทรงประทานเหล้าองุ่นที่ทำให้จิตใจมนุษย์ชื่นบาน
น้ำมันมะกอกที่ทำให้ใบหน้าผ่องใส
และขนมปังเพื่อค้ำชูใจเขา
16 ต้นไม้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้น้ำอุดม
คือสนซีดาร์แห่งเลบานอนซึ่งทรงปลูกไว้
17 นกสร้างรังของพวกมันที่นั่น
นกกระสาอาศัยในบริเวณป่าสน
18 ภูเขาสูงเป็นของเลียงผา
โตรกหินเป็นที่ลี้ภัยของตัวตุ่นผา
19 พระองค์ทรงให้ดวงจันทร์ชี้บ่งฤดูกาล
และให้ดวงอาทิตย์รู้เวลาลับฟ้า
20 เมื่อพระองค์ทรงนำความมืดมา กลางวันกลับกลายเป็นค่ำคืน
สัตว์ป่าทั้งปวงคืบคลานออกมา
21 สิงโตคำรามหาเหยื่อ
ร้องหาอาหารจากพระเจ้า
22 พอดวงอาทิตย์ขึ้น เหล่าสิงโตลับหาย
กลับไปนอนในถ้ำของมัน
23 และมนุษย์ก็ออกมาทำงาน
ประกอบภารกิจของตนจนถึงยามเย็น
24 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระราชกิจของพระองค์มากมายนัก!
พระองค์ทรงสร้างสรรพสิ่งเหล่านี้ขึ้นโดยพระปัญญา
โลกเต็มไปด้วยสิ่งที่ทรงสร้าง
25 โน่นแน่ะ ทะเลแสนกว้างใหญ่
คลาคล่ำไปด้วยสรรพสิ่งเกินกว่าจะนับไหว
คือสิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่
26 โน่นเรือแล่นไปมา
นั่นเลวีอาธานที่ทรงสร้างให้เริงเล่นน้ำอยู่
27 ทุกชีวิตเหล่านี้ชะแง้คอยพระองค์
ให้ประทานอาหารตามกำหนดเวลา
28 เมื่อพระองค์ประทาน
พวกมันก็เก็บรวบรวม
เมื่อพระองค์ทรงแบพระหัตถ์ออก
พวกมันก็อิ่มหนำด้วยสิ่งดี
29 เมื่อพระองค์ทรงซ่อนพระพักตร์
พวกมันก็หวาดหวั่นพรั่นพรึง
เมื่อพระองค์ทรงริบลมหายใจ
พวกมันก็ตายและกลับสู่ธุลีดิน
30 เมื่อพระองค์ประทานพระวิญญาณของพระองค์
พวกมันก็ถูกสร้างขึ้น
และพระองค์ทรงพลิกโฉมแผ่นดินเสียใหม่
31 ขอพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าดำรงอยู่นิรันดร์
ขอพระองค์ทรงปีติยินดีในพระราชกิจของพระองค์
32 เมื่อพระองค์ทอดพระเนตร โลกก็สั่นสะท้าน
เมื่อทรงแตะต้องภูเขา ควันก็พวยพุ่งขึ้น
33 ข้าพเจ้าจะร้องเพลงถวายองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดชีวิต
ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าของข้าพเจ้าตราบเท่าที่มีชีวิตอยู่
34 ขอให้ความคิดใคร่ครวญของข้าพเจ้าเป็นที่พอพระทัยพระองค์
เพราะข้าพเจ้าชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้า
35 แต่ขอให้คนบาปหมดสิ้นไปจากโลก
และไม่มีคนชั่วร้ายอีกต่อไป
จิตวิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า
จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า[b]
อิสราเอลที่ทรงเลือกสรรไว้
44 “แต่บัดนี้ จงฟังเถิด ยาโคบ ผู้รับใช้ของเราเอ๋ย
อิสราเอลผู้ซึ่งเราได้เลือกสรรไว้
2 นี่คือพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ผู้ทรงปั้นเจ้า ผู้ทรงสร้างเจ้าไว้ในครรภ์
ผู้จะทรงช่วยเหลือเจ้า ตรัสดังนี้ว่า
อย่ากลัวเลย ยาโคบผู้รับใช้ของเรา
เยชูรูนซึ่งเราได้เลือกสรรไว้
3 เพราะเราจะเทน้ำลงบนดินที่แตกระแหง
ให้มีธารน้ำบนพื้นดินที่แห้งผาก
เราจะเทวิญญาณของเราลงเหนือวงศ์วานของเจ้า
และเทพรของเราให้ลูกหลานของเจ้า
4 พวกเขาจะงอกงามเหมือนหญ้าในทุ่งกว้าง
เหมือนต้นปอปลาร์ริมธารน้ำ
5 คนหนึ่งจะพูดขึ้นว่า ‘ฉันเป็นกรรมสิทธิ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า’
อีกคนหนึ่งจะเรียกตัวเองตามชื่อของยาโคบ
ส่วนอีกคนจะเขียนที่มือของตนว่า ‘เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า’
และจะใช้ชื่ออิสราเอล
องค์พระผู้เป็นเจ้า
6 “พระยาห์เวห์ผู้ทรงเป็นองค์กษัตริย์และพระผู้ไถ่ของอิสราเอล
พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสดังนี้ว่า
เราเป็นปฐมและอวสาน
นอกเหนือจากเราแล้วไม่มีพระเจ้าอื่นใด
7 ใครเล่าเสมอเหมือนเรา? ให้เขาประกาศออกมา
ให้เขาประกาศและแจกแจงต่อหน้าเรา
ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างนับตั้งแต่เราสถาปนาประชากรเก่าแก่ของเรา
และจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ให้เขาพยากรณ์ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น
8 อย่ากลัวเลย อย่าสั่นสะท้าน
เราไม่ได้ประกาศเรื่องนี้และทำนายไว้เมื่อนานมาแล้วหรอกหรือ?
เจ้าเป็นพยานของเรา มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากเราหรือ?
ไม่มีเลย ไม่มีพระศิลาอื่นใดอีก เราไม่รู้จักสักองค์เดียว”
9 บรรดาผู้ที่ทำรูปเคารพก็ไร้ค่า
สิ่งต่างๆ ที่เขาเทิดทูนก็เปล่าประโยชน์
บรรดาผู้ออกรับแทนพวกเขาก็ตาบอด
พวกเขาโง่เง่าและต้องอับอาย
10 ใครปั้นเทวรูป ใครหล่อรูปเคารพ
ซึ่งไม่เป็นประโยชน์อะไรแก่ตน?
11 เขากับพรรคพวกจะต้องอัปยศอดสู
ช่างฝีมือก็เป็นแค่มนุษย์
ให้พวกเขามาชุมนุมกัน ยืนอยู่ในที่ของตน
พวกเขาจะถูกทำให้ตกลงไปในความสยดสยองและความเสื่อมเสีย
12 ช่างเหล็กหยิบเครื่องมือ
ง่วนอยู่กับรูปเคารพในเตาเผา
เขาใช้ค้อนแต่งเทวรูป
ทุบสุดกำลังแขน
เขาหิวและหมดกำลัง
เขาไม่ได้ดื่มน้ำและหมดแรง
13 ช่างไม้ขึงเชือกวัด
ทำโครงสร้างหยาบๆ
ใช้กบไส
เอาวงเวียนขีด
แต่งให้เป็นรูปคน
มีลักษณะงามครบถ้วนอย่างมนุษย์
ให้อยู่ในสถานบูชา
14 เขาโค่นสนซีดาร์ลง
บางทีก็ใช้สนไซเปรสหรือต้นโอ๊ก
เขาปล่อยให้มันโตขึ้นท่ามกลางต้นไม้ในป่า
บางทีก็ปลูกสน และฝนทำให้มันเติบโตขึ้น
15 มันเป็นฟืนให้คนเผา
บางส่วนเขานำมาใช้ผิงกาย
เขาจุดไฟปิ้งขนมปัง
แต่ที่เหลือจากนั้นก็เอามาตกแต่งเป็นเทพเจ้าและนมัสการมัน
เขาสร้างให้เป็นรูปเคารพและก้มกราบมัน
16 เขาใช้ไม้ครึ่งหนึ่งก่อไฟ
เตรียมอาหารย่างเนื้อกินจนอิ่ม
ทั้งใช้ผิงกายและพูดว่า
“เออ! อุ่นดี ข้าเห็นไฟแล้ว”
17 ส่วนที่เหลือเขาใช้ทำเทวรูป เป็นรูปเคารพของเขา
แล้วเขาก็หมอบกราบนมัสการมัน
เขาอธิษฐานต่อมันว่า
“ช่วยลูกด้วย เทพเจ้าของลูก”
18 พวกเขาไม่รู้ประสีประสา ไม่เข้าใจอะไร
ตาของเขาถูกปิดจึงมองไม่เห็น
ใจของเขาก็ถูกบังจึงไม่อาจเข้าใจ
19 ไม่มีใครหยุดเพื่อคิด
ไม่มีใครรู้หรือเข้าใจที่จะพิเคราะห์ว่า
“เราใช้ไม้ครึ่งหนึ่งทำฟืน
เราปิ้งขนมปังบนถ่านไม้
เราย่างเนื้อกิน
ควรหรือที่เราจะเอาไม้ส่วนที่เหลือมาทำสิ่งที่น่าเกลียดชัง?
ควรหรือที่เราจะหมอบกราบลงตรงหน้าท่อนไม้?”
20 เขายังชีพด้วยขี้เถ้า จิตใจที่ลุ่มหลงนำเขาหลงเจิ่นไป
เขาไม่อาจช่วยเหลือตัวเองหรือพูดว่า
“สิ่งที่อยู่ในมือขวาของเรานี้เป็นสิ่งหลอกลวงไม่ใช่หรือ?”
21 “ยาโคบเอ๋ย จงจดจำสิ่งเหล่านี้
อิสราเอลเอ๋ย เพราะเจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา
เราได้สร้างเจ้ามา เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา
อิสราเอลเอ๋ย เราจะไม่ลืมเจ้า
22 เราได้กวาดล้างการละเมิดของเจ้าออกไปเหมือนเมฆ
ได้ลบล้างบาปของเจ้าเหมือนหมอกยามเช้า
จงกลับมาหาเรา
เพราะเราได้ไถ่เจ้าแล้ว”
23 ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงร้องเพลงด้วยความยินดีเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงทำการนี้
โลกเอ๋ย จงโห่ร้องให้กึกก้อง
จงร้องเพลงเถิด ภูเขาทั้งหลาย
ทั้งป่าไม้และพฤกษ์ไพรทั้งปวง
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงไถ่ยาโคบแล้ว
พระองค์ทรงสำแดงพระเกียรติสิริในอิสราเอล
เยรูซาเล็มจะมีผู้อยู่อาศัย
24 “พระยาห์เวห์พระผู้ไถ่ของเจ้า
ผู้ได้ทรงปั้นเจ้าในครรภ์มารดาตรัสดังนี้ว่า
“เราคือพระยาห์เวห์
ผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งปวง
เราแต่ผู้เดียวคลี่ฟ้าสวรรค์ออกมา
เราเองเป็นผู้กางแผ่นดินโลกออก
25 ผู้ทรงทำลายหมายสำคัญของผู้เผยพระวจนะเท็จ
และทำให้นักทำนายกลายเป็นคนโง่เง่า
ผู้ทรงคว่ำความรอบรู้ของคนฉลาด
และทรงเปลี่ยนมันเป็นสิ่งไร้สาระ
26 ผู้ประทานถ้อยคำแก่ผู้รับใช้ของพระองค์
และให้การคาดคะเนต่างๆ ของทูตของพระองค์กลายเป็นจริง
“ผู้ทรงกล่าวถึงเยรูซาเล็มว่า ‘จะมีผู้อยู่อาศัย’
ทรงกล่าวถึงเมืองต่างๆ ของยูดาห์ว่า ‘จะถูกสร้างขึ้น’
และทรงกล่าวถึงความหายนะของพวกเขาว่า ‘เราจะฟื้นฟูขึ้นใหม่’
27 ผู้ทรงกล่าวกับห้วงน้ำลึกว่า ‘จงแห้งไป
และเราจะทำให้สายธารทั้งหลายของเจ้าแห้งเหือด’
28 ผู้ทรงกล่าวถึงไซรัสว่า ‘เขาเป็นคนเลี้ยงแกะของเรา
และจะทำทุกสิ่งให้สำเร็จตามที่เราพอใจ
เขาจะกล่าวถึงเยรูซาเล็มว่า “ให้สร้างมันขึ้นใหม่”
และกล่าวถึงพระวิหารว่า “ให้วางฐานรากของมัน” ’
พระเมษโปดกกับชน 144,000 คน
14 แล้วข้าพเจ้ามองไปเห็นพระเมษโปดกประทับยืนอยู่บนภูเขาศิโยนกับชน 144,000 คนซึ่งมีพระนามของพระองค์และพระบิดาเขียนไว้บนหน้าผาก 2 และข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังจากสวรรค์เหมือนเสียงน้ำเชี่ยวกรากและเสียงฟ้าร้องดังกึกก้อง เสียงที่ข้าพเจ้าได้ยินนั้นเหมือนเสียงเพลงที่เหล่านักพิณบรรเลง 3 และเขาทั้งหลายขับร้องเพลงบทใหม่หน้าพระที่นั่งต่อหน้าสิ่งมีชีวิตทั้งสี่และเหล่าผู้อาวุโส ไม่มีใครสามารถร้องเพลงบทนั้นได้ นอกจากชน 144,000 คนที่ทรงไถ่ไว้จากแผ่นดินโลก 4 คนเหล่านี้ไม่ข้องแวะกับสตรีเพศให้เป็นมลทินเพราะพวกเขารักษาตัวให้บริสุทธิ์ พวกเขาตามเสด็จพระเมษโปดกไปทุกแห่ง พวกเขาเป็นผู้ที่ทรงไถ่ไว้จากมวลมนุษย์เพื่อเป็นผลแรกถวายแด่พระเจ้าและพระเมษโปดก 5 ไม่มีคำมุสาจากปากของเขา พวกเขาไม่มีตำหนิด่างพร้อยเลย
ทูตสวรรค์ทั้งสาม
6 แล้วข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งเหาะขึ้นไปกลางอากาศและประกาศข่าวประเสริฐนิรันดร์แก่ชาวโลกทุกชนชาติ ทุกเผ่า ทุกภาษา และทุกหมู่ชน 7 ทูตนั้นประกาศเสียงดังว่า “จงยำเกรงพระเจ้าและถวายพระเกียรติสิริแด่พระองค์เพราะวาระแห่งการทรงพิพากษามาถึงแล้ว จงกราบนมัสการพระองค์ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์ แผ่นดินโลก ทะเลและบ่อน้ำพุทั้งหลาย”
8 ทูตสวรรค์องค์ที่สองติดตามมาและประกาศว่า “ล่มแล้ว! บาบิโลนมหานครซึ่งทำให้มวลประชาชาติมัวเมาเหล้าองุ่นแห่งการล่วงประเวณีของมันได้ล่มสลายแล้ว”
9 ทูตสวรรค์องค์ที่สามติดตามมาและประกาศเสียงดังว่า “ถ้าผู้ใดบูชาสัตว์ร้ายกับรูปจำลองของมันและรับเครื่องหมายของมันที่หน้าผากหรือที่มือ 10 ผู้นั้นจะต้องดื่มเหล้าองุ่นแห่งพระพิโรธของพระเจ้าซึ่งเทลงในถ้วยแห่งพระพิโรธของพระองค์โดยไม่ผสมสิ่งอื่นใด เขาจะถูกทรมานด้วยไฟกำมะถันต่อหน้าเหล่าทูตสวรรค์ผู้บริสุทธิ์และต่อหน้าพระเมษโปดก 11 ควันแห่งการทรมานของเขาพลุ่งขึ้นสืบๆ ไปเป็นนิตย์ คนทั้งหลายที่กราบนมัสการสัตว์ร้ายกับรูปจำลองของมันหรือผู้ที่ได้รับเครื่องหมายชื่อของมันจะไม่ได้หยุดพักเลยไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน” 12 ในเรื่องนี้ประชากรของพระเจ้าผู้เชื่อฟังบทบัญญัติของพระองค์และยังคงสัตย์ซื่อต่อพระเยซูต้องมีความทรหดอดทน
13 จากนั้นข้าพเจ้าได้ยินเสียงจากสวรรค์กล่าวว่า “จงเขียนดังนี้นับแต่นี้ไปความสุขมีแก่บรรดาผู้ที่พลีชีพเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า”
พระวิญญาณตรัสว่า “ใช่แล้วเขาทั้งหลายจะหยุดพักจากการตรากตรำของตนเพราะผลงานของเขาจะติดตามเขาไป”
การเก็บเกี่ยวโลก
14 ข้าพเจ้ามองไปเห็นเมฆขาวและผู้หนึ่ง “เหมือนบุตรมนุษย์”[a] ประทับนั่งอยู่บนเมฆนั้น สวมมงกุฎทองคำบนพระเศียรและในพระหัตถ์มีเคียวคมกริบ 15 แล้วทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งออกมาจากพระวิหารร้องบอกผู้นั่งอยู่บนเมฆนั้นด้วยเสียงอันดังว่า “ใช้เคียวของท่านเกี่ยวไปเถิด ได้เวลาเก็บเกี่ยวแล้วเพราะผลที่จะเก็บเกี่ยวจากโลกก็สุกดีแล้ว” 16 ดังนั้นผู้นั่งอยู่บนเมฆจึงตวัดเคียวไปเหนือโลกและโลกก็ถูกเก็บเกี่ยว
17 ทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งออกมาจากพระวิหารในสวรรค์ ถือเคียวคมกริบเช่นกัน 18 และยังมีทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งซึ่งดูแลไฟออกมาจากแท่นบูชา และร้องเสียงดังบอกทูตผู้ถือเคียวคมกริบว่า “ใช้เคียวคมกริบของท่านเกี่ยวเก็บพวงองุ่นแห่งแผ่นดินโลกเถิดเพราะผลองุ่นสุกได้ที่แล้ว” 19 ทูตสวรรค์ผู้ถือเคียวจึงตวัดเคียวไปบนโลกเก็บเกี่ยวผลองุ่นและโยนลงในบ่อใหญ่ซึ่งเป็นบ่อย่ำองุ่นแห่งพระพิโรธของพระเจ้า 20 พวกเขาถูกเหยียบย่ำในบ่อย่ำองุ่นนอกเมือง เลือดทะลักท่วมจากบ่อย่ำสูงถึงระดับบังเหียนม้า ไหลนองไปเป็นระยะทาง 1,600 ซทาดิออน[b]
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.