Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
เฉลยธรรมบัญญัติ 19

เมืองลี้ภัย(A)

19 เมื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงทำลายชนชาติต่างๆ ในดินแดนซึ่งพระองค์กำลังจะประทานแก่ท่าน เมื่อท่านขับไล่พวกเขาออกไปและตั้งถิ่นฐานในบ้านเมืองของเขาแล้ว จงเลือกเมืองสามแห่งในดินแดนซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังประทานแก่ท่าน จงสร้างทางไปยังเมืองเหล่านี้และแบ่งดินแดนซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานเป็นกรรมสิทธิ์นั้นออกเป็นสามส่วนเพื่อผู้ที่ฆ่าคนจะหนีไปลี้ภัยที่นั่น

ต่อไปนี้คือกฎเกี่ยวกับผู้ที่ทำให้คนตายแล้วหนีไปเมืองลี้ภัยเพื่อเอาชีวิตรอด คือผู้ที่ทำให้คนตายโดยไม่เจตนา ไม่ได้วางแผนการร้ายมาก่อน ยกตัวอย่างเช่นชายคนหนึ่งเข้าไปตัดไม้ในป่ากับเพื่อนบ้าน ขณะที่เหวี่ยงขวาน หัวขวานกระเด็นออกมาถูกเพื่อนบ้านถึงแก่ความตาย เขาสามารถหนีไปยังเมืองลี้ภัยแห่งใดแห่งหนึ่งในสามเมืองนี้และได้รับการคุ้มครอง ถ้ามีเพียงเมืองเดียวอาจจะไกลเกินไป ทำให้ญาติของผู้ตายตามล้างแค้นเขาได้ทัน เขาจะถูกฆ่าทั้งๆ ที่ไม่น่าจะต้องตาย ในเมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอุบัติเหตุ ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงสั่งให้ท่านตั้งเมืองสามแห่งนี้ขึ้น

หากพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงขยายอาณาเขตของท่านตามที่ทรงสัญญาด้วยคำปฏิญาณไว้กับบรรพบุรุษของท่าน และประทานดินแดนทั้งหมดที่ทรงสัญญาไว้ เนื่องจากท่านเชื่อฟังบทบัญญัติทั้งปวงซึ่งข้าพเจ้าแจ้งท่านในวันนี้ คือรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านและดำเนินในทางของพระองค์เสมอ เมื่อนั้นจงกำหนดเมืองลี้ภัยขึ้นอีกสามแห่ง 10 จงทำอย่างนี้เพื่อเลือดของผู้บริสุทธิ์จะไม่ต้องหลั่งลงบนดินแดนซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานให้ท่านเป็นกรรมสิทธิ์ และเพื่อท่านจะไม่มีความผิดฐานทำให้เลือดตกยางออก

11 แต่หากผู้ใดเกลียดชังเพื่อนบ้าน และซุ่มดักคอยเล่นงาน และฆ่าเขา แล้วหนีเข้าไปในเมืองลี้ภัยไม่ว่าแห่งใด 12 บรรดาผู้อาวุโสประจำเมืองของเขาจะส่งคนมาจับกุมตัวเขาและนำเขากลับมามอบให้แก่ผู้แก้แค้นแทนผู้ตายเพื่อประหาร 13 อย่าสงสารเขาเลย จงขจัดความผิดจากการหลั่งโลหิตของผู้ที่ไม่มีความผิดออกไปจากอิสราเอล เพื่อท่านจะอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข

14 อย่าโยกย้ายหลักเขตของเพื่อนบ้านซึ่งบรรพบุรุษปักไว้ในดินแดนซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานเป็นกรรมสิทธิ์

พยาน

15 อย่าตัดสินคดีผู้ใดเมื่อมีพยานเพียงปากเดียว แต่ละคดีจะต้องมีพยานยืนยันสองสามปาก

16 ถ้าผู้ใดเป็นพยานมุ่งร้ายกล่าวโทษอีกผู้หนึ่งว่าประกอบอาชญากรรม 17 ทั้งคู่ต้องมายืนอยู่ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าต่อหน้าปุโรหิตและตุลาการซึ่งประจำหน้าที่ขณะนั้น 18 ตุลาการจะต้องไต่สวนอย่างถี่ถ้วน หากพิสูจน์ได้ว่าพยานโกหก เป็นพยานเท็จกล่าวร้ายพี่น้องของเขา 19 โทษทัณฑ์ซึ่งเขาตั้งใจจะให้ตกแก่พี่น้องจะตกที่เขาเอง ท่านจะต้องขจัดความชั่วร้ายออกไปจากหมู่พวกท่าน 20 แล้วประชาชนอื่นๆ ที่ได้ยินเรื่องนี้จะขยาดกลัว และจะไม่มีใครกล้าทำชั่วอย่างนี้ในหมู่พวกท่านอีก 21 อย่าสงสารเขาเลย ชีวิตแทนชีวิต ตาแทนตา ฟันแทนฟัน มือแทนมือ และเท้าแทนเท้า

สดุดี 106

106 (A)จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า[a]

จงขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะพระองค์ทรงแสนดี
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์

ผู้ใดจะสามารถประกาศพระราชกิจอันยิ่งใหญ่ขององค์พระผู้เป็นเจ้า
หรือเทิดทูนสรรเสริญพระองค์อย่างครบถ้วนได้?
ความสุขมีแก่บรรดาผู้ที่รักษาความยุติธรรม
ผู้ที่ทำสิ่งที่ถูกต้องเสมอ

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงระลึกถึงข้าพระองค์เมื่อพระองค์ทรงสำแดง ความโปรดปรานแก่ประชากรของพระองค์
ขอเสด็จมาช่วยข้าพระองค์เมื่อพระองค์ทรงช่วยพวกเขาให้รอด
เพื่อข้าพระองค์จะร่วมชื่นบานกับความเจริญรุ่งเรืองของผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้
เพื่อข้าพระองค์จะร่วมยินดีกับชนชาติของพระองค์
และร่วมสรรเสริญกับชนชาติซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์

ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำบาปเช่นเดียวกับบรรพบุรุษ
ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำสิ่งที่ผิดและชั่วช้าเลวทราม
เมื่อบรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายอยู่ในอียิปต์
พวกเขาไม่ได้ระลึกถึงการอัศจรรย์ต่างๆ ของพระองค์
พวกเขาไม่ได้จดจำพระกรุณานานัปการของพระองค์
และพวกเขากบฏต่อพระองค์ที่ทะเลแดง[b]
ถึงกระนั้นพระองค์ก็ทรงช่วยกู้พวกเขา เพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์
เพื่อให้ฤทธานุภาพยิ่งใหญ่ของพระองค์เป็นที่ประจักษ์
พระองค์ทรงกำราบทะเลแดง มันก็เหือดแห้ง
ทรงนำพวกเขาเหล่านั้นผ่านที่ลึกราวกับผ่านทะเลทราย
10 พระองค์ทรงช่วยพวกเขาจากเงื้อมมือของปฏิปักษ์
ทรงกอบกู้พวกเขาจากอุ้งมือของเหล่าศัตรู
11 น้ำไหลท่วมมิดเหล่าศัตรู
ไม่เหลือรอดสักคนเดียว
12 แล้วพวกเขาจึงเชื่อในพระสัญญาของพระองค์
และร้องเพลงสรรเสริญพระองค์

13 แต่ไม่ช้าพวกเขาก็ลืมสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกระทำ
และไม่รอคอยคำแนะนำจากพระองค์
14 ในทะเลทรายพวกเขายอมแพ้แก่ความอยาก
ในถิ่นกันดารพวกเขาลองดีกับพระเจ้า
15 พระองค์จึงประทานตามที่พวกเขาเรียกร้อง
แต่ทรงส่งโรคระบาดมาเหนือพวกเขา

16 ในค่ายพักนั้น พวกเขาเริ่มอิจฉาโมเสส
และเริ่มริษยาอาโรนผู้ซึ่งได้รับการชำระและแยกไว้แด่องค์พระผู้เป็นเจ้า
17 ธรณีจึงแยกออกและกลืนดาธาน
มันฝังอาบีรัมกับพวก
18 ไฟปะทุขึ้นในหมู่สมัครพรรคพวกของเขา
เปลวไฟเผาผลาญเหล่าคนชั่ว
19 ที่ภูเขาโฮเรบ พวกเขาได้สร้างเทวรูปลูกวัว
และกราบไหว้รูปเคารพซึ่งหล่อขึ้นจากโลหะ
20 พวกเขาแลกองค์ผู้ทรงเกียรติสิริของพวกเขา
กับรูปปั้นของวัวที่กินหญ้า
21 พวกเขาลืมพระเจ้าผู้ทรงช่วยให้เขารอด
ผู้ได้ทรงกระทำพระราชกิจอันยิ่งใหญ่ในอียิปต์
22 ทรงกระทำการอัศจรรย์ในดินแดนของฮาม
และสิ่งที่น่าเกรงขามที่ทะเลแดง
23 ดังนั้นพระองค์จึงตรัสว่าจะทรงทำลายพวกเขา
ยังดีที่โมเสสผู้ทรงเลือกสรรไว้ได้เข้าเฝ้า ทูลทัดทาน
เพื่อหันเหพระพิโรธไม่ให้ทำลายพวกเขา

24 ต่อมาพวกเขาก็ดูหมิ่นดินแดนอันน่ารื่นรมย์นั้น
พวกเขาไม่เชื่อพระสัญญาของพระองค์
25 พวกเขากลับพร่ำบ่นอยู่ในเต็นท์ที่พัก
และไม่เชื่อฟังองค์พระผู้เป็นเจ้า
26 พระองค์จึงทรงชูพระหัตถ์ปฏิญาณกับพวกเขาว่า
พระองค์จะทรงให้พวกเขาล้มตายในถิ่นกันดาร
27 จะทรงกระทำให้ลูกหลานของพวกเขาไปตกอยู่ในหมู่ชนชาติทั้งหลาย
กระจัดกระจายไปยังดินแดนต่างๆ

28 พวกเขาเข้าเทียมแอกกับพระบาอัลที่เปโอร์
และรับประทานเครื่องเซ่นสังเวยแก่เหล่าเทพเจ้าอันไร้ชีวิต
29 พวกเขายั่วยุพระพิโรธของพระองค์ด้วยการทำชั่วต่างๆ นานา
และเกิดโรคระบาดในหมู่พวกเขา
30 แต่ฟีเนหัสได้ลุกขึ้นจัดการ
โรคระบาดจึงหยุด
31 นับเป็นความชอบธรรมของเขา
สืบไปทุกชั่วอายุ
32 ที่แหล่งน้ำเมรีบาห์ก็เช่นกัน พวกเขาทำให้พระองค์ทรงพระพิโรธ
และทำให้โมเสสเดือดร้อนไปด้วย
33 เพราะพวกเขากบฏต่อพระวิญญาณของพระเจ้า
โมเสสจึงหลุดปากกล่าววาจาเผ็ดร้อน[c]

34 ทั้งพวกเขาไม่ได้ทำลายชนชาติต่างๆ
ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชา
35 แต่พวกเขาผสมปนเปอยู่กับคนต่างชาติ
และรับเอาขนบธรรมเนียมของเขาเหล่านั้น
36 พวกเขานมัสการรูปเคารพของคนเหล่านั้น
ซึ่งกลายเป็นกับดักของพวกเขา
37 พวกเขาเซ่นสังเวยลูกชายลูกสาวของตน
แก่ภูติผีปีศาจ
38 พวกเขาทำให้โลหิตบริสุทธิ์หลั่งริน
คือโลหิตของลูกชายลูกสาวของตน
ซึ่งพวกเขาเซ่นสังเวยแก่บรรดารูปเคารพของคานาอัน
ทำให้แผ่นดินเป็นมลทินด้วยเลือด
39 พวกเขาทำตัวให้แปดเปื้อนมลทินด้วยสิ่งที่พวกเขาทำ
ด้วยพฤติกรรมเยี่ยงโสเภณี

40 องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงพระพิโรธเหล่าประชากรของพระองค์
และทรงชิงชังผู้ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์
41 ทรงปล่อยให้พวกเขาตกอยู่ในกำมือของชนชาติต่างๆ
ศัตรูของเขาปกครองพวกเขา
42 ข้าศึกกดขี่ข่มเหงพวกเขา
พวกเขาตกอยู่ใต้อำนาจของคนเหล่านั้น
43 พระองค์ทรงกอบกู้พวกเขาหลายครั้งหลายครา
แต่พวกเขาก็ยังคงตั้งหน้ากบฏต่อพระองค์อย่างไม่หยุดหย่อน
และต้องเสื่อมไปเพราะบาปของตน
44 แต่ถึงกระนั้น พระองค์ก็ยังทรงเหลียวแลความทุกข์ลำเค็ญของพวกเขา
เมื่อทรงได้ยินเสียงร่ำร้องของพวกเขา
45 เพราะเห็นแก่พวกเขา พระองค์ทรงระลึกถึงพันธสัญญาของพระองค์
และพระทัยอ่อนลงเพราะความรักยิ่งใหญ่ของพระองค์
46 พระองค์ทรงทำให้ทุกคนที่จับพวกเขาไปเป็นเชลย
เกิดความสงสารพวกเขา

47 ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์
ทั้งหลาย ขอทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้รอด
ขอทรงรวบรวมข้าพระองค์ทั้งหลายจากชนชาติต่างๆ
เพื่อข้าพระองค์ทั้งหลายจะขอบพระคุณพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์
และยกย่องสรรเสริญพระองค์

48 ขอสรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล
จากนิรันดร์กาลจวบจนนิรันดร์กาล

ให้ปวงประชากรจงกล่าวว่า “อาเมน!”

จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า

อิสยาห์ 46

เทพเจ้าของบาบิโลน

46 พระเบลหมอบลง พระเนโบก็ค้อมลง
เทวรูปของเขาบรรทุกมาบนหลังสัตว์[a]
เทวรูปที่ถูกแบกมานั้นหนักอึ้ง
เป็นภาระแก่ผู้อ่อนระโหย
พระเหล่านั้นค้อมลงและหมอบลงด้วยกัน
ช่วยแบ่งเบาภาระอะไรไม่ได้เลย
เพราะมันเองก็ตกเป็นเชลยด้วยเหมือนกัน

“วงศ์วานยาโคบเอ๋ย จงฟังเรา
วงศ์วานอิสราเอลทั้งปวงที่ยังเหลือรอดชีวิตอยู่
ผู้ซึ่งเราได้อุ้มชูไว้ตั้งแต่ปฏิสนธิ
และฟูมฟักมาตั้งแต่เจ้าเกิด
จนกระทั่งเจ้าเข้าสู่วัยชราผมหงอก
เราคือผู้นั้น ผู้ซึ่งจะค้ำจุนเจ้า
เราได้สร้างเจ้าและจะฟูมฟักเจ้า
เราจะอุ้มชูและช่วยเจ้าให้รอด

“เจ้าจะเปรียบเราและถือว่าเราเท่าเทียมกับผู้ใด?
เจ้าจะหาผู้ใดมาเทียบเราได้?
มีคนเททองคำออกมาจากถุง
และชั่งเงินบนตาชั่ง
เขาจ้างช่างทองให้ทำเทพเจ้าขึ้นมา
แล้วเขาก็หมอบกราบนมัสการเทวรูปนั้น
เขายกมันขึ้นบนบ่าแบกไป
เขาตั้งมันไว้ประจำที่ รูปนั้นก็อยู่ที่นั่น
เพราะมันขยับเขยื้อนไม่ได้
แม้มีคนสวดอ้อนวอน มันก็ไม่ตอบ
มันไม่สามารถช่วยให้เขาพ้นทุกข์ได้

“จงจำข้อนี้ไว้ จำฝังใจไม่ลืมเลือน
จงจำใส่ใจ เจ้ากบฏทั้งหลาย
จงจดจำสิ่งต่างๆ แต่เดิมเมื่อนานมาแล้ว
เราเป็นพระเจ้า ไม่มีพระอื่นใด
เราเป็นพระเจ้า ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือน
10 เราแจ้งอวสานตั้งแต่ตอนต้น
แจ้งสิ่งที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่ครั้งโบราณ
เราลั่นวาจาไว้ว่าความมุ่งหมายของเราจะคงอยู่
เราจะทำทุกสิ่งตามที่เห็นชอบ
11 เราจะเรียกนกล่าเหยื่อมาจากตะวันออก
ชายคนหนึ่งผู้ทำให้ลุล่วงตามความมุ่งหมายของเราจะมาจากแดนไกลลิบ
เราพูดอะไรไว้ เราจะทำให้เกิดขึ้น
เราวางแผนอะไรไว้ เราจะทำตามแผนนั้น
12 จงฟังเรา เจ้าคนดื้อด้าน
ผู้ห่างไกลความชอบธรรม
13 เรานำความชอบธรรมของเราเข้ามาใกล้แล้ว
มันอยู่ไม่ไกลเลย
ความรอดของเราจะมาถึงโดยไม่ล่าช้า
เราจะให้ความรอดของเราแก่ศิโยน
และความรุ่งเรืองของเราแก่อิสราเอล

วิวรณ์ 16

ขันทั้งเจ็ดแห่งพระพิโรธของพระเจ้า

16 จากนั้นข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังออกมาจากพระวิหารสั่งทูตสวรรค์ทั้งเจ็ดว่า “จงไปเทพระพิโรธของพระเจ้าที่อยู่ในขันทั้งเจ็ดลงบนโลกเถิด”

ทูตสวรรค์องค์แรกออกไปเทขันของตนลงบนแผ่นดินโลก แผลร้ายน่าเกลียดที่สร้างความเจ็บปวดก็เกิดขึ้นที่ตัวของบรรดาผู้มีเครื่องหมายของสัตว์ร้ายและกราบนมัสการรูปจำลองของมัน

ทูตสวรรค์องค์ที่สองเทขันของตนลงบนทะเล ทะเลก็กลายเป็นเลือดดั่งเลือดของคนตาย สิ่งมีชีวิตในนั้นจึงตายหมด

ทูตสวรรค์องค์ที่สามเทขันของตนลงบนแม่น้ำและบ่อน้ำพุทั้งหลาย น้ำก็กลายเป็นเลือด แล้วข้าพเจ้าได้ยินทูตสวรรค์ผู้ดูแลห้วงน้ำกล่าวว่า

“ข้าแต่องค์ผู้บริสุทธิ์
พระองค์ผู้ทรงดำรงอยู่ทั้งในอดีตและในปัจจุบ้น
พระองค์ทรงพิพากษาลงโทษอย่างยุติธรรมแล้ว
เนื่องจากพวกเขาทำให้ประชากรของพระเจ้า
และผู้เผยพระวจนะของพระองค์ต้องหลั่งเลือด
สมควรแล้วที่พระองค์ทรงให้พวกเขาดื่มเลือด”

และข้าพเจ้าได้ยินแท่นบูชาขานรับว่า

“จริงเช่นนั้นข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์
การพิพากษาของพระองค์เที่ยงแท้และเที่ยงธรรม”

ทูตสวรรค์องค์ที่สี่เทขันของตนลงบนดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์ก็ได้รับอำนาจที่จะแผดแสงเผามนุษย์ พวกเขาถูกความร้อนแรงกล้าแผดเผาและพวกเขาแช่งด่าพระนามของพระเจ้าผู้ทรงควบคุมภัยพิบัติเหล่านี้ แต่พวกเขาไม่ยอมกลับใจสำนึกผิดและถวายพระเกียรติสิริแด่พระองค์

10 ทูตสวรรค์องค์ที่ห้าเทขันของตนลงบนบัลลังก์ของสัตว์ร้ายนั้น อาณาจักรของมันก็จมดิ่งสู่ความมืดมิด ผู้คนกัดลิ้นด้วยความทุกข์ทรมาน 11 และแช่งด่าพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์เพราะความเจ็บปวดรวดร้าวและแผลร้ายของตน แต่พวกเขาไม่ยอมกลับใจจากบาปที่ได้ทำไป

12 ทูตสวรรค์องค์ที่หกเทขันของตนลงบนแม่น้ำใหญ่ชื่อยูเฟรติส น้ำก็เหือดแห้งเพื่อเตรียมทางไว้สำหรับกษัตริย์ทั้งหลายจากตะวันออก 13 แล้วข้าพเจ้าเห็นวิญญาณชั่ว[a]สามตนรูปร่างคล้ายกบ ออกมาจากปากพญานาค จากปากของสัตว์ร้าย และจากปากของผู้เผยพระวจนะเท็จ 14 พวกมันเป็นวิญญาณของผีมารที่ทำหมายสำคัญต่างๆ มันออกไปหาปวงกษัตริย์ทั่วโลกเพื่อระดมกษัตริย์เหล่านั้นมาทำสงครามในวันยิ่งใหญ่แห่งพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์

15 “ดูเถิด เราจะมาเหมือนขโมยที่มาโดยไม่มีใครคาดคิด ความสุขมีแก่ผู้ที่ตื่นอยู่และแต่งตัวเตรียมพร้อมเพื่อพวกเขาจะได้ไม่ต้องเดินเปลือยกายให้อับอายขายหน้า”

16 แล้ววิญญาณชั่วทั้งสามก็ระดมกษัตริย์ทั้งหลายมาชุมนุมกันในที่ซึ่งภาษาฮีบรูเรียกว่า อารมาเกดโดน

17 ทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดเทขันของตนลงในอากาศและมีเสียงมาจากพระที่นั่งในพระวิหารว่า “สำเร็จแล้ว!” 18 จากนั้นเกิดฟ้าแลบแวบวาบ เสียงครืนๆ เสียงฟ้าร้องกึกก้อง และแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงนับตั้งแต่มนุษย์อยู่บนโลกมาไม่เคยมีแผ่นดินไหวร้ายแรงเช่นครั้งนี้เลย 19 มหานครแยกออกเป็นสามส่วน เมืองใหญ่ๆ ของประเทศต่างๆ พังทลายลง พระเจ้าทรงจดจำบาปของบาบิโลนมหานครได้ พระองค์ทรงให้มันดื่มจากถ้วยที่เต็มด้วยเหล้าองุ่นแห่งพระพิโรธอันใหญ่หลวงของพระองค์ 20 เกาะทุกเกาะและภูเขาทุกลูกจมหายไปหมด 21 ลูกเห็บมหึมาตกจากฟ้าใส่ผู้คน แต่ละก้อนหนักราว 50 กิโลกรัม[b] และพวกเขาแช่งด่าพระเจ้าเพราะภัยพิบัติจากลูกเห็บนี้ร้ายแรงยิ่งนัก

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.