M’Cheyne Bible Reading Plan
เฮเซคียาห์จัดตำแหน่งปุโรหิต
31 เมื่อทุกสิ่งเสร็จสิ้นแล้ว อิสราเอลทั้งปวงที่ร่วมงานที่นั่นก็ออกไปยังเมืองต่างๆ ของยูดาห์ และพังเสาหินและเทวรูปอาเชราห์ ทำลายสถานบูชาบนภูเขาสูงและแท่นบูชาทั่วยูดาห์และเบนยามิน ทั่วเอฟราอิมและมนัสเสห์ พวกเขาทำลายจนหมดสิ้น และประชาชนอิสราเอลก็กลับไปยังเมืองของตนและที่ดินของตน
2 เฮเซคียาห์แต่งตั้งกองเวรให้บรรดาปุโรหิตและชาวเลวี แต่ละกองเวรตามหน้าที่ของปุโรหิตและชาวเลวี เพื่อมอบสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวาย และของถวายเพื่อสามัคคีธรรม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามประตูค่ายของพระผู้เป็นเจ้า และเพื่อขอบคุณและสรรเสริญพระองค์ 3 กษัตริย์อุทิศจากสมบัติส่วนตัว คือสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายในเวลาเช้าและเวลาเย็น และสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายในวันสะบาโต วันข้างขึ้น และวันเทศกาลที่กำหนดไว้ ตามที่บันทึกไว้ในกฎบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า 4 และท่านบัญชาประชาชนที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็ม ให้บริจาคส่วนแบ่งที่กำหนดให้ปุโรหิตและชาวเลวี เพื่อพวกเขาจะอุทิศตนในเรื่องกฎบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า 5 ทันทีที่คำบัญชาเป็นที่ทราบทั่วกัน ประชาชนของอิสราเอลก็บริจาคผลแรกที่เก็บได้จากธัญพืช เหล้าองุ่น น้ำมัน น้ำผึ้ง และผลผลิตที่ได้จากไร่นาอันอุดมสมบูรณ์ พวกเขานำหนึ่งในสิบจากทุกสิ่งที่เป็นของเขามามอบให้อย่างมากมาย 6 ชาวอิสราเอลและยูดาห์ที่อาศัยอยู่ในเมืองต่างๆ ของยูดาห์ก็นำหนึ่งในสิบจากฝูงโคและแกะ หนึ่งในสิบจากสิ่งบริสุทธิ์ที่ตั้งใจมอบแด่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเขา โดยวางไว้เป็นกอง 7 ในเดือนที่สามพวกเขาเริ่มสุมไว้เป็นกองพะเนิน เมื่อถึงเดือนที่เจ็ดก็เสร็จสิ้น 8 เมื่อเฮเซคียาห์และบรรดาขุนนางมาเห็นสิ่งของที่กองไว้ เขาทั้งหลายก็สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าและอวยพรชนชาติของพระองค์ คืออิสราเอล 9 เฮเซคียาห์ถามบรรดาปุโรหิตและชาวเลวีเกี่ยวกับกองของเหล่านั้น 10 อาซาริยาห์มหาปุโรหิตผู้มาจากพงศ์พันธุ์ของศาโดกตอบท่านว่า “ตั้งแต่ประชาชนนำของมาบริจาคให้พระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า พวกเราก็ได้รับประทานจนอิ่มหนำ และยังมีเหลืออีกมาก เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้อวยพรชนชาติของพระองค์ พวกเราจึงมีของเหลืออีกมากถึงเพียงนี้”
11 เฮเซคียาห์จึงบัญชาพวกเขาให้เตรียมห้องเก็บของในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และพวกเขาก็กระทำตามนั้น 12 เขาทั้งหลายนำของบริจาค หนึ่งในสิบ และของบริสุทธิ์ที่มอบถวายเข้ามาอย่างซื่อสัตย์ โคนานิยาห์ชาวเลวีเป็นผู้รักษาดูแล ชิเมอีน้องชายเป็นผู้ช่วยรองลงมา 13 เยฮีเอล อาซัซยาห์ นาหัท อาสาเฮล เยรีโมท โยซาบาด เอลีเอล อิสมาคิยาห์ มาฮาท และเบไนยาห์ ช่วยดูแลภายใต้โคนานิยาห์และชิเมอีผู้น้อง กษัตริย์เฮเซคียาห์และอาซาริยาห์ผู้เป็นหัวหน้าดูแลพระตำหนักของพระเจ้าแต่งตั้งตำแหน่งตามนั้น 14 โคเรบุตรของอิมนาห์ชาวเลวีผู้เฝ้าประตูด้านตะวันออก เป็นผู้ดูแลของถวายที่ประชาชนให้ด้วยความสมัครใจแด่พระเจ้า และเขาเป็นผู้แจกจ่ายของบริจาคและของถวายบริสุทธิ์ที่สุดที่มอบถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า 15 เอเดน มินยามิน เยชูอา เชไมยาห์ อามาริยาห์ และเชคานิยาห์ ก็ได้ช่วยเขาด้วยความซื่อสัตย์ในเมืองต่างๆ ของปุโรหิต ในการแจกจ่ายส่วนแบ่งให้แก่ญาติพี่น้องของพวกเขา ทั้งผู้สูงอายุและผู้เยาว์ตามกองเวร 16 พวกเขาแจกให้แก่ผู้ชายทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่มีอายุตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไปที่มีชื่อในบันทึกลำดับเชื้อสาย คือพวกเขาทุกคนที่เข้าไปในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า เพื่อปฏิบัติหน้าที่หลากหลายเป็นประจำทุกวัน ตามที่ได้รับมอบหมายหน้าที่ และตามกองเวรของพวกเขา 17 บรรดาปุโรหิตที่ลงทะเบียนชื่อในบันทึกลำดับเชื้อสายได้รับแจก และชาวเลวีที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไปก็ได้รับเช่นกัน ตามที่ได้รับมอบหมายหน้าที่ และตามกองเวรของพวกเขา 18 พวกเขารวมเด็กๆ ภรรยา และบุตรชายบุตรหญิงของชุมชนทั้งหมดที่มีรายชื่อในบันทึกลำดับเชื้อสาย เพราะพวกเขาชำระตัวให้บริสุทธิ์อย่างจริงจัง 19 สำหรับบรรดาปุโรหิต ซึ่งเป็นผู้สืบเชื้อสายของอาโรน และอาศัยอยู่ในที่นารอบตัวเมืองของพวกเขาหรือเมืองใดก็ตาม พวกเขาทุกคนที่เป็นชายและทุกคนที่มีชื่อในบันทึกลำดับเชื้อสายของชาวเลวีจะได้รับส่วนแบ่ง โดยมีชายบางคนในหลายเมืองที่ถูกระบุชื่อให้เป็นผู้แจกจ่ายให้
20 เฮเซคียาห์ทำดังนี้ทั่วทั้งยูดาห์ และท่านกระทำสิ่งที่ดีและถูกต้องและภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน 21 งานทุกชิ้นที่ท่านปฏิบัติในการรับใช้พระตำหนักของพระเจ้า การทำตามพระบัญญัติ และการดำเนินชีวิตในวิถีทางของพระเจ้า ท่านก็ได้ทำด้วยความเต็มใจ และท่านก็ประสบความเจริญรุ่งเรือง
หญิงแพศยานั่งอยู่บนอสุรกาย
17 ทูตสวรรค์องค์หนึ่งในเจ็ดองค์ที่มีขัน 7 ใบมาพูดกับข้าพเจ้าว่า “มานี่เถิด เราจะให้ท่านเห็นการพิพากษาลงโทษ ที่จะมีต่อหญิงแพศยาผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งนั่งอยู่บนฝั่งแม่น้ำหลายสาย 2 เป็นหญิงที่กษัตริย์ทั้งปวงของแผ่นดินโลกได้ผิดประเวณีด้วย และคนทั้งหลายที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินโลกก็เมามาย เพราะดื่มเหล้าองุ่นแห่งการผิดประเวณีของนาง” 3 ครั้นแล้วทูตสวรรค์ก็พาข้าพเจ้าเข้าไปในถิ่นทุรกันดารในฝ่ายวิญญาณ ข้าพเจ้าเห็นหญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนอสุรกายสีแดงสด ที่มี 7 หัวกับ 10 เขา มีชื่อที่หมิ่นประมาทพระเจ้ามากมายอยู่เต็มตัวมัน 4 หญิงผู้นั้นสวมเสื้อผ้าสีม่วงและแดงสดซึ่งประดับด้วยทองคำ เพชรนิลจินดา และไข่มุก นางถือถ้วยทองคำที่เต็มด้วยสิ่งอันน่าชังและมีมลทินแห่งการผิดประเวณีของนาง 5 ที่หน้าผากของนางมีชื่อลึกลับที่เขียนไว้ว่า
“บาบิโลน เมืองอันยิ่งใหญ่
แม่แห่งหญิงแพศยาทั้งหลาย
และแห่งสิ่งที่น่าชังของแผ่นดินโลก”
6 ข้าพเจ้าเห็นหญิงผู้นั้นเมามาย เนื่องจากการดื่มโลหิตของบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า และโลหิตของบรรดาผู้ที่เป็นพยานเรื่องพระเยซู
เมื่อข้าพเจ้าเห็นนาง ข้าพเจ้าก็อัศจรรย์ใจยิ่งนัก 7 แล้วทูตสวรรค์องค์นั้นก็กล่าวกับข้าพเจ้าว่า “ทำไมท่านจึงอัศจรรย์ใจเล่า เราจะอธิบายความลึกลับของหญิงผู้นั้นให้ท่านทราบ รวมทั้งอสุรกายที่มี 7 หัวกับ 10 เขาที่นางขี่ด้วย 8 อสุรกายที่ท่านได้เห็นนั้น ครั้งหนึ่งเคยเป็นอยู่ แต่ในบัดนี้ไม่ได้เป็น มันจะผุดขึ้นมาและออกจากขุมนรก ก่อนจะลงไปสู่ความพินาศ คนทั้งหลายที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินโลก ซึ่งไม่มีชื่อบันทึกไว้ในหนังสือแห่งชีวิตตั้งแต่การสร้างโลก ก็จะอัศจรรย์ใจเมื่อได้เห็นอสุรกายซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นอยู่ แต่ในบัดนี้ไม่ได้เป็น และมันจะปรากฏตัวขึ้นอีก 9 ท่านจำต้องมีความเข้าใจอันประกอบด้วยสติปัญญา หัวทั้งเจ็ดคือภูเขาทั้งเจ็ดที่หญิงนั้นนั่งอยู่ 10 และหัวทั้งเจ็ดคือกษัตริย์ 7 ท่าน 5 ท่านได้สิ้นชีวิตไปแล้ว ท่านหนึ่งกำลังเป็นอยู่และอีกท่านยังไม่ได้ปรากฏ และเมื่อท่านนั้นปรากฏขึ้นแล้ว ก็จะดำรงอยู่ชั่วขณะหนึ่ง 11 อสุรกายซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นอยู่ แต่ในบัดนี้ไม่ได้เป็น คือกษัตริย์ท่านที่แปด ซึ่งเป็นหนึ่งในบรรดากษัตริย์ทั้งเจ็ด และกำลังจะล่วงไปสู่ความพินาศ 12 เขาสัตว์ทั้งสิบที่ท่านเห็น คือกษัตริย์ทั้งสิบที่ยังไม่ได้รับอาณาจักร แต่จะได้รับสิทธิอำนาจเยี่ยงกษัตริย์ด้วยกันกับอสุรกายเป็นเวลา 1 ชั่วโมง 13 กษัตริย์เหล่านั้นมีจุดประสงค์อย่างเดียวกัน และจะมอบอานุภาพกับสิทธิอำนาจที่ตนมีให้แก่อสุรกาย 14 กษัตริย์เหล่านี้จะทำสงครามต่อต้านลูกแกะ และลูกแกะจะมีชัยชนะ เพราะพระองค์เป็นพระผู้เป็นเจ้าเหนือเจ้าทั้งปวง และเป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งปวง และบรรดาผู้ที่อยู่กับพระองค์ คือผู้ที่พระองค์เรียกและเลือก และเป็นผู้ที่ภักดีต่อพระองค์”
15 ครั้นแล้วทูตสวรรค์พูดกับข้าพเจ้าว่า “แม่น้ำหลายสายที่หญิงแพศยานั่งอยู่ซึ่งท่านเห็นก็คือ ชนชาติ มวลชน ประเทศ และภาษาต่างๆ 16 อสุรกายและเขาสัตว์ทั้งสิบที่ท่านเห็นนั้นจะเกลียดหญิงแพศยา พวกเขาจะยึดทุกอย่างที่นางมี และทำให้ร่างของนางเปลือยเปล่า และจะกัดกินเนื้อของนาง อีกทั้งเอาไฟเผานางด้วย 17 เพราะว่าพระเจ้าได้ดลใจให้เขาเหล่านั้นกระทำตามจุดประสงค์ของพระองค์จนบรรลุผล โดยการให้อาณาจักรของเขาทั้งปวงแก่อสุรกาย จนถึงเวลาที่สิ่งต่างๆ ซึ่งพระเจ้าได้กล่าวไว้จะเกิดขึ้นครบอย่างบริบูรณ์ 18 หญิงที่ท่านเห็น คือเมืองอันยิ่งใหญ่ที่ปกครองเหนือกษัตริย์ทั้งปวงของแผ่นดินโลก”
กำจัดรูปเคารพ
2 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาประกาศดังนี้ “ในวันนั้น เราจะกำจัดชื่อของรูปเคารพไปจากแผ่นดิน จะได้ไม่เป็นที่จดจำอีกต่อไป และเราจะกำจัดบรรดาผู้เผยคำกล่าวและวิญญาณซึ่งมีมลทินไปจากแผ่นดิน 3 และถ้าผู้ใดเผยความอีก บิดาและมารดาผู้ให้กำเนิดแก่เขาจะพูดกับเขาดังนี้ว่า ‘เจ้าจะต้องตาย เพราะเจ้าพูดเท็จในพระนามของพระผู้เป็นเจ้า’ และบิดามารดาผู้ให้กำเนิดแก่เขาก็จะแทงเขาเมื่อเขาเผยความ
4 ในวันนั้น ผู้เผยคำกล่าวทุกคนจะอับอายเรื่องภาพนิมิตที่เขาเผย จะไม่มีใครสวมเสื้อคลุมขนสัตว์เพื่อจะหลอกลวงคน 5 แต่เขาจะพูดว่า ‘ข้าพเจ้าไม่ใช่ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า ข้าพเจ้าทำสวนทำไร่ ชายคนหนึ่งขายข้าพเจ้าตั้งแต่ครั้งยังเยาว์’ 6 และถ้ามีใครถามเขาว่า ‘บาดแผลเหล่านี้บนหลังของท่านเป็นอะไร’ เขาจะตอบว่า ‘ข้าพเจ้าได้รับบาดแผลที่บ้านเพื่อนๆ ของข้าพเจ้า’
ผู้ดูแลฝูงแกะถูกกำจัด
7 โอ ดาบเอ๋ย จงตื่นขึ้นและต่อต้านผู้ดูแลฝูงแกะของเรา
ต่อต้านชายผู้ยืนอยู่ใกล้ตัวเรา”
พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้
“จงฟาดฟันผู้เลี้ยงดูฝูงแกะ
และบรรดาแกะจะกระจัดกระจายไป[a]
เราจะหันมือของเราต่อต้านเด็กๆ”
8 พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้
“ทั่วทั้งแผ่นดิน
สองในสามจะถูกฟาดฟันและสิ้นชีวิต
หนึ่งในสามจะมีชีวิตอยู่
9 และเราจะโยนหนึ่งในสามที่เหลือนี้ลงในกองไฟ
และจะหลอมพวกเขาเหมือนคนหลอมเงิน
และทดสอบพวกเขาเหมือนทดสอบทองคำ
พวกเขาจะเรียกนามของเรา
และเราจะตอบพวกเขา
เราจะพูดว่า ‘พวกเขาเป็นชนชาติของเรา’
และพวกเขาจะพูดว่า ‘พระผู้เป็นเจ้าเป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า’”
16 เราบอกถึงสิ่งเหล่านี้กับเจ้าเพื่อเจ้าจะได้ไม่หลงผิด 2 ผู้คนจะขับไล่เจ้าออกจากศาลาที่ประชุม แต่จะถึงเวลาซึ่งใครก็ตามที่ฆ่าเจ้าตายจะคิดว่า สิ่งที่เขากระทำไปเป็นการรับใช้พระเจ้า 3 พวกเขาจะทำดังนั้นเพราะไม่รู้จักพระบิดาและไม่รู้จักเรา 4 แต่เราบอกพวกเจ้าเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ เพื่อว่าเมื่อถึงเวลานั้นแล้วเจ้าจะจำได้ว่าเราบอกไว้แล้ว แม้ว่าไม่ได้บอกแต่แรกเพราะเรายังอยู่กับเจ้า
พระวิญญาณบริสุทธิ์ปฏิบัติงาน
5 บัดนี้เรากำลังจะไปหาพระองค์ผู้ส่งเรามา แต่ไม่มีพวกเจ้าสักคนเลยที่ถามเราว่า ‘จะไปไหน’ 6 เป็นเพราะเราได้บอกเจ้าแล้วเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ จิตใจของเจ้าจึงเต็มด้วยความเศร้า 7 เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า การที่เราจากไปก็เพื่อประโยชน์ของเจ้า ถ้าเราไม่จากไป องค์ผู้ช่วยจะไม่มาหาเจ้า แต่ถ้าเราไป เราจะส่งพระองค์มาหาเจ้า 8 เมื่อพระองค์มา พระองค์ก็จะพิสูจน์ให้โลกเห็นในเรื่องบาป เรื่องความชอบธรรม และการพิพากษาโลก 9 เรื่องบาปก็คือ พวกเขาไม่เชื่อในเรา 10 เรื่องความชอบธรรมก็เพราะเรากำลังจะไปหาพระบิดา และพวกเจ้าจะไม่เห็นเราอีก 11 และเรื่องการพิพากษาโลก เพราะผู้ครองโลกนี้ได้ถูกกล่าวโทษแล้ว
12 มีอีกหลายสิ่งที่เราจะบอกเจ้า แต่เจ้าจะทนรับไม่ได้ในเวลานี้ 13 เมื่อพระวิญญาณแห่งความจริงมา พระองค์จะนำพวกเจ้าสู่ความจริงทั้งสิ้น พระองค์จะไม่พูดตามใจของพระองค์เอง แต่จะพูดตามที่พระองค์ได้ยิน พระองค์จะแจ้งให้เจ้ารู้ถึงสิ่งต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น 14 พระองค์จะให้พระบารมีแก่เรา เพราะว่าสิ่งที่พระองค์ได้ยินจากเรา พระองค์ก็จะให้พวกเจ้าทราบ 15 ทุกสิ่งที่พระบิดามีอยู่เป็นของเรา ฉะนั้นเราพูดได้ว่า สิ่งที่พระวิญญาณได้ยินจากเรา พระองค์ก็จะให้พวกเจ้าทราบ
ความเศร้ากลับกลายเป็นความยินดี
16 อีกเพียงประเดี๋ยวหนึ่งพวกเจ้าก็จะไม่เห็นเราอีก และอีกเพียงประเดี๋ยวหนึ่งพวกเจ้าก็จะได้เห็นเราอีก” 17 สาวกบางคนของพระองค์พูดโต้ตอบกันว่า “สิ่งที่พระองค์กำลังบอกพวกเราคืออะไร ‘เพียงประเดี๋ยวหนึ่งพวกเจ้าจะไม่เห็นเรา และอีกประเดี๋ยวหนึ่งพวกเจ้าก็จะได้เห็นเราอีก’ และ ‘เพราะเราไปหาพระบิดา’” 18 ดังนั้นพวกเขาจึงพูดว่า “สิ่งที่พระองค์พูดคืออะไร ‘เพียงประเดี๋ยวหนึ่ง’ เราไม่ทราบว่าพระองค์พูดถึงอะไร” 19 พระเยซูทราบว่าบรรดาสาวกปรารถนาที่จะถามพระองค์ พระองค์จึงกล่าวกับพวกเขาว่า “พวกเจ้าถามกันไปมาในเรื่องที่เราพูดหรือว่า ‘เพียงประเดี๋ยวหนึ่งพวกเจ้าจะไม่เห็นเราอีก และอีกเพียงประเดี๋ยวหนึ่งพวกเจ้าก็จะได้เห็นเราอีก’ 20 เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า ขณะที่พวกเจ้าร้องไห้และคร่ำครวญ โลกก็จะชื่นชมยินดี เจ้าจะมีความเศร้า แต่ความเศร้าของเจ้าก็จะกลับกลายเป็นความยินดี 21 เมื่อไรก็ตามที่ผู้หญิงจะคลอดบุตร นางมีความทุกข์ก็เพราะถึงกำหนด แต่เมื่อนางคลอดแล้วก็ไม่คิดถึงความเจ็บปวดอีกเลย เพราะยินดีที่ลูกได้เกิดมาในโลกแล้ว 22 บัดนี้พวกเจ้ามีความเศร้า แต่เราจะเห็นพวกเจ้าอีก และใจของเจ้าจะชื่นชมยินดี ไม่มีผู้ใดเอาความยินดีไปจากเจ้าได้ 23 ในวันนั้นพวกเจ้าจะไม่ถามเราอีก เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า ถ้าเจ้าจะขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระองค์จะมอบสิ่งนั้นให้แก่เจ้า 24 จนบัดนี้พวกเจ้ายังไม่ได้ขอสิ่งใดในนามของเรา จงขอเถิดแล้วเจ้าจะได้รับ เพื่อความชื่นชมยินดีของเจ้าจะได้เต็มเปี่ยม
25 เราได้พูดถึงสิ่งเหล่านี้กับเจ้าเป็นความเปรียบ จะถึงเวลาที่เราไม่ต้องพูดกับพวกเจ้าเป็นความเปรียบอีกต่อไปแล้ว และบอกเรื่องของพระบิดาอย่างแจ่มแจ้งได้ 26 ในวันนั้นพวกเจ้าจะขอในนามของเรา และไม่ได้หมายความว่าเราจะขอจากพระบิดาให้เจ้า 27 ด้วยว่าพระบิดาเองรักพวกเจ้า เพราะเจ้ารักเราและเชื่อว่าเรามาจากพระบิดา 28 เรามาจากพระบิดาและเข้ามาในโลก และบัดนี้เรากำลังจะจากโลกนี้ไปหาพระบิดา”
29 บรรดาสาวกของพระองค์พูดว่า “ดูเถิด บัดนี้พระองค์กล่าวอย่างแจ่มแจ้ง ไม่ได้กล่าวเป็นความเปรียบ 30 บัดนี้พวกเราเห็นแล้วว่าพระองค์ทราบถึงทุกสิ่ง และไม่จำเป็นต้องมีผู้ใดซักถามพระองค์ ด้วยเหตุนี้พวกเราเชื่อว่าพระองค์มาจากพระเจ้า” 31 พระเยซูตอบพวกเขาว่า “บัดนี้พวกเจ้าเชื่อแล้วหรือ 32 ดูเถิด จวนจะถึงเวลา และในที่สุดก็ถึงเวลาแล้วที่พวกเจ้าจะต้องกระจัดกระจายไปยังบ้านของตน และทิ้งเราไว้เพียงลำพัง แต่อย่างไรก็ตามเราไม่ได้อยู่เพียงลำพัง เพราะว่าพระบิดาอยู่กับเรา 33 เราพูดถึงสิ่งเหล่านี้กับเจ้าเพื่อเจ้าจะได้มีสันติสุขในเรา พวกเจ้าจะประสบกับความทุกข์ยากในโลกนี้ แต่จงทำใจให้กล้าหาญเถิด เรามีชัยชนะต่อโลกแล้ว”
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation