M’Cheyne Bible Reading Plan
พระผู้เป็นเจ้าปรากฏแก่ซาโลมอน
9 เมื่อซาโลมอนสร้างพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และวังของกษัตริย์ และทุกสิ่งที่ซาโลมอนต้องการทำก็สำเร็จทุกประการแล้ว 2 ครั้นแล้วพระผู้เป็นเจ้าก็ปรากฏแก่ซาโลมอนเป็นครั้งที่สอง เหมือนกับที่พระองค์ได้ปรากฏแก่ท่านที่กิเบโอน[a] 3 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับท่านว่า
“เราได้ยินคำอธิษฐานและคำวิงวอนของเจ้าแล้ว เราได้ทำให้ตำหนักที่เจ้าสร้างบริสุทธิ์แล้วเพื่อนามของเราจะเป็นที่ยกย่องที่นั่นตลอดกาล เราจะเฝ้าดูและระลึกถึงอยู่ที่นั่นตลอดไป 4 ส่วนตัวเจ้าเอง ถ้าหากว่าเจ้าดำเนินตามแบบอย่างของดาวิดบิดาของเจ้า ณ เบื้องหน้าเรา ด้วยใจอันซื่อตรงและเที่ยงธรรม กระทำตามทุกสิ่งที่เราได้บัญชาเจ้าแล้ว โดยรักษากฎเกณฑ์และคำบัญชาของเรา 5 แล้วเราจะสถาปนาบัลลังก์ของเจ้าเพื่อปกครองอิสราเอลไปตลอดกาล ดังที่เราสัญญาดาวิดบิดาของเจ้าว่า ‘เจ้าจะไม่ขาดคนที่จะครองบัลลังก์ของอิสราเอล’[b] 6 แต่ถ้าเจ้าหันเหไป และไม่ติดตามเรา ไม่ว่าจะเป็นตัวเจ้าเองหรือบรรดาบุตรของเจ้า และไม่รักษาคำบัญญัติและกฎเกณฑ์ของเราที่เราได้ตั้งไว้ให้เจ้า และเจ้าไปบูชาบรรดาเทพเจ้า และนมัสการสิ่งเหล่านั้น 7 เราก็จะตัดอิสราเอลออกจากแผ่นดินที่เราได้มอบให้แก่พวกเขา และตำหนักที่เราได้ทำให้บริสุทธิ์เพื่อเป็นที่ยกย่องนามของเรานั้น เราจะทำให้พ้นไปจากสายตาของเรา และอิสราเอลก็จะเป็นดั่งคำเปรียบเปรยในสุภาษิต และเป็นที่หัวเราะเยาะของชนชาติทั้งปวง 8 และตำหนักนี้จะกลายเป็นหินกองพะเนิน ทุกคนที่ผ่านมาก็จะตกตะลึงและเหน็บแนม และจะพูดว่า ‘ทำไมพระผู้เป็นเจ้าจึงได้กระทำอย่างนี้ต่อแผ่นดินนี้และต่อพระตำหนักนี้’ 9 และพวกเขาก็จะพูดว่า ‘เพราะว่าพวกเขาทอดทิ้งพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเขา ผู้นำบรรพบุรุษของพวกเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์ แล้วพวกเขาก็หันไปเชื่อบรรดาเทพเจ้า จนถึงกับนมัสการและบูชาสิ่งเหล่านั้น ฉะนั้นพระผู้เป็นเจ้าจึงให้ความวิบัติเกิดขึ้นกับพวกเขา’”
กิจกรรมอื่นๆ ของซาโลมอน
10 ซาโลมอนใช้เวลา 20 ปีในการสร้างพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และวังของกษัตริย์ 11 ฮีรามกษัตริย์แห่งไทระเป็นผู้จัดหาไม้ซีดาร์ ไม้สนและทองคำ ได้มากเท่าที่ท่านต้องการใช้ กษัตริย์ซาโลมอนได้มอบเมือง 20 เมืองในแผ่นดินกาลิลีให้แก่ฮีราม 12 แต่เมื่อฮีรามมาจากเมืองไทระเพื่อดูเมืองที่ซาโลมอนมอบให้ ปรากฏว่าท่านไม่พอใจกับเมืองเหล่านั้น 13 ฮีรามจึงพูดว่า “น้องชายของข้าพเจ้ามอบเมืองอย่างนี้ให้แก่ข้าพเจ้าได้อย่างไรกัน” เมืองเหล่านั้นจึงได้ชื่อว่าแผ่นดินคาบูลมาจนถึงทุกวันนี้ 14 ฮีรามได้มอบทองคำจำนวน 120 ตะลันต์ให้แก่กษัตริย์[c]
15 นี่เป็นเรื่องแรงงานที่กษัตริย์ซาโลมอนได้เกณฑ์มาสร้างพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และวังของท่าน รวมถึงมิลโลและกำแพงเมืองเยรูซาเล็ม และฮาโซร์ เมกิดโด และเกเซอร์ 16 (ฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์ได้ขึ้นไปยึดเกเซอร์และเผาไฟเสีย และได้ฆ่าชาวคานาอันที่อาศัยอยู่ในเมือง แล้วให้เป็นของขวัญวันแต่งงานของบุตรหญิงของตน ซึ่งเป็นภรรยาของซาโลมอน 17 ซาโลมอนจึงสร้างเกเซอร์ขึ้นใหม่) และซาโลมอนเกณฑ์แรงงานสร้างเมืองเบธโฮโรนล่างขึ้นใหม่ด้วย 18 รวมทั้งเมืองบาอาลัทและทามาร์ในถิ่นทุรกันดารในแผ่นดินยูดาห์ 19 และเมืองคลังหลวงที่ซาโลมอนมีอยู่ทั้งหมด เมืองต่างๆ สำหรับเก็บรถศึกและทหารม้าของท่าน และสร้างทุกอย่างตามที่ซาโลมอนต้องการในเยรูซาเล็ม เลบานอน และทั่วทั้งราชอาณาจักรของท่าน 20 กลุ่มชนที่ไม่ใช่ชนชาติอิสราเอลซึ่งยังมีชีวิตอยู่ ได้แก่ชาวอาโมร์ ชาวฮิต ชาวเปริส ชาวฮีว และชาวเยบุส 21 ผู้สืบเชื้อสายของคนเหล่านี้ที่ยังมีชีวิตอยู่ในแผ่นดิน ซึ่งชาวอิสราเอลไม่ได้ทำลายล้างทุกชีวิต ซาโลมอนจึงได้เกณฑ์พวกเขามาทำงานหนักมาจนถึงทุกวันนี้ 22 แต่ว่าซาโลมอนไม่ได้ให้ชาวอิสราเอลมาเป็นทาสรับใช้ แต่ให้พวกเขาเป็นทหาร เจ้าหน้าที่ประจำของท่าน ผู้บัญชา นายทหาร ผู้บัญชาการรถศึกและสารถีของท่าน
23 มีเจ้าหน้าที่ชั้นสูง 550 คนที่คอยควบคุมประชาชนที่ทำงานก่อสร้างให้แก่ซาโลมอน
24 ส่วนธิดาของฟาโรห์ขึ้นมาจากเมืองของดาวิด ไปอยู่ที่ตำหนักของนางที่ซาโลมอนสร้างให้ แล้วท่านก็สร้างมิลโล
25 ซาโลมอนมอบสัตว์ที่เผาเป็นของถวาย และมอบของถวายเพื่อสามัคคีธรรมที่แท่นบูชาที่ท่านสร้างถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า พร้อมกับเผาเครื่องหอม ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าปีละ 3 ครั้ง ดังนั้นภารกิจของท่านจึงเสร็จสิ้น
26 กษัตริย์ซาโลมอนสร้างกองเรือที่เอซีโอนเกเบอร์ ซึ่งอยู่ใกล้เอโลทบนฝั่งทะเลแดง ในดินแดนของเอโดม 27 ฮีรามให้บรรดาผู้ชำนาญการเดินเรือของท่านไปช่วยทำงานร่วมกับบรรดาผู้รับใช้ของซาโลมอน 28 และพวกเขาไปยังเมืองโอฟีร์ และได้นำทองคำจากที่นั่นมา 420 ตะลันต์เพื่อมอบแก่กษัตริย์ซาโลมอน
บิดามารดาและลูก
6 ส่วนบุตร จงเชื่อฟังบิดามารดาของตนในเมื่อเจ้าเป็นคนของพระผู้เป็นเจ้า เพราะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง 2 “จงให้เกียรติบิดามารดาของเจ้า” เป็นพระบัญญัติข้อแรกที่มีคำสัญญาควบคู่ด้วย 3 “เพื่อทุกสิ่งจะได้เป็นไปด้วยดีกับเจ้า และเจ้าจะได้มีชีวิตยืนยาวในโลก”[a] 4 ท่านผู้เป็นบิดา อย่ายั่วบุตรของตนให้เกิดโทสะ แต่จงเลี้ยงดูด้วยการฝึกให้มีวินัยและตักเตือนเขาในทางของพระผู้เป็นเจ้า
เจ้านายและทาส
5 ผู้เป็นทาส จงเชื่อฟังบรรดาเจ้านายด้วยความยำเกรง และความเคารพ และด้วยใจจริงเหมือนกับที่ตนเชื่อฟังพระคริสต์ 6 จงเชื่อฟังเจ้านายไม่เพียงเวลาอยู่ต่อหน้าเพื่อให้เป็นที่พอใจเจ้านายเท่านั้น แต่รับใช้ดั่งทาสผู้รับใช้ของพระคริสต์ คือทำตามความประสงค์ของพระเจ้าอย่างสุดจิตสุดใจ 7 จงรับใช้ด้วยความเต็มใจ ให้เหมือนว่าท่านรับใช้พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่รับใช้มนุษย์ 8 เพราะท่านทราบว่าพระผู้เป็นเจ้าจะมอบรางวัลให้แก่ทุกคนที่กระทำความดี ไม่ว่าจะเป็นทาสหรืออิสระ 9 และผู้เป็นเจ้านาย จงปฏิบัติต่อทาสของตนในวิธีเดียวกัน อย่าข่มขู่ทาส เพราะท่านทราบว่าองค์ผู้เป็นเจ้านายของทั้งทาสและตัวท่านเองอยู่ในสวรรค์ และพระองค์ไม่ลำเอียง
เกราะของพระเจ้า
10 สุดท้ายนี้ ขอท่านจงเข้มแข็งในพระผู้เป็นเจ้า และโดยมหิทธานุภาพของพระองค์ 11 จงสวมเกราะของพระเจ้าให้ครบชุด เพื่อท่านจะได้สามารถต่อต้านกลอุบายของพญามารได้ 12 ด้วยว่า เราไม่ได้ต่อสู้กับศัตรูที่มีเลือดเนื้อ แต่ต่อสู้กับบรรดาผู้อยู่ในระดับปกครอง บรรดาผู้มีสิทธิอำนาจ บรรดาผู้ครองโลกแห่งความมืดนี้ และต่อสู้กับพลังฝ่ายวิญญาณแห่งความชั่วในอาณาเขตสวรรค์ 13 ฉะนั้นจงสวมเกราะของพระเจ้าให้ครบชุด เพื่อว่าเมื่อเวลาแห่งความชั่วมาถึง ท่านจะได้สามารถต่อสู้ต้านทานมันได้ และหลังจากสู้จนถึงที่สุดแล้ว ก็ยังจะยืนหยัดได้ 14 ดังนั้นจงยืนหยัดด้วยเข็มขัดแห่งความจริงที่รัดไว้รอบเอวของท่าน ด้วยเกราะป้องกันอกแห่งความชอบธรรม 15 และรองเท้าที่สวมเป็นเสมือนความพร้อมที่จะประกาศข่าวประเสริฐแห่งสันติสุข 16 นอกจากนี้ จงถือโล่แห่งความเชื่อไว้เสมอ เพื่อเป็นเครื่องดับลูกศรที่ลุกเป็นไฟของมารร้าย 17 สวมหมวกเหล็กแห่งความรอดพ้น และถือคำกล่าวของพระเจ้าซึ่งเป็นเสมือนดาบแห่งพระวิญญาณ 18 จงอธิษฐานเสมอด้วยการนำของพระวิญญาณ ด้วยการอธิษฐานและวิงวอนขอในทุกเรื่อง จงกระตือรือร้นและหมั่นวิงวอนขอเพื่อผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าทุกคน 19 ช่วยอธิษฐานเพื่อข้าพเจ้าด้วยว่า พระเจ้าจะดลใจให้ข้าพเจ้าพูด เมื่อข้าพเจ้าเปิดปากประกาศความลึกลับซับซ้อนของข่าวประเสริฐด้วยใจกล้าหาญ 20 ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงเป็นทูตที่ถูกล่ามโซ่อยู่ จงอธิษฐานว่าเวลาประกาศข้าพเจ้าจะมีใจกล้าตามที่ควรเป็น
คำลงท้าย
21 ทีคิกัสน้องชายที่รักและผู้รับใช้ที่ภักดีในการงานของพระผู้เป็นเจ้าจะบอกท่านถึงทุกสิ่ง ท่านจะได้ทราบว่าข้าพเจ้าเป็นอย่างไร และกำลังทำอะไรอยู่ 22 ด้วยจุดประสงค์นี้เองข้าพเจ้าจึงให้เขามาหาท่าน ท่านจะได้ทราบว่าพวกเราเป็นอย่างไร และเขาจะได้ให้กำลังใจท่าน
23 ขอให้พี่น้องได้รับสันติสุขและความรัก ด้วยความเชื่อจากพระเจ้า ผู้เป็นพระบิดา และจากพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า 24 ขอพระคุณอยู่กับทุกคนที่รักพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราด้วยความรักที่ไม่มีวันเสื่อมสลาย
39 บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าจงเผยความกล่าวโทษโกก และจงพูดว่า พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า ‘ดูเถิด โกกเอ๋ย เจ้าเป็นหัวหน้าผู้ยิ่งใหญ่ของเมเชคและทูบัล 2 และเราจะทำให้เจ้าหันกลับไปและลากเจ้าไปข้างหน้าด้วย และเราจะนำเจ้าขึ้นไปจากที่ไกลสุดทางทิศเหนือ และส่งเจ้าไปโจมตีภูเขาของอิสราเอล 3 แล้วเราจะกระทบคันธนูออกจากมือซ้ายของเจ้า และทำให้ลูกธนูหลุดจากมือขวาของเจ้า 4 เจ้าจะตกจากภูเขาของอิสราเอล ทั้งตัวเจ้า กองทหารของเจ้า และบรรดาชนชาติที่อยู่กับเจ้า เราจะให้เจ้าเป็นเหยื่อของนกจำพวกกินซากศพทุกชนิด และให้แก่สัตว์ป่าขย้ำกิน 5 เจ้าจะล้มลงในทุ่งโล่ง เพราะเราได้พูดแล้ว’” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น 6 “เราจะให้ไฟเผามาโกกและเผาบรรดาผู้ที่อยู่อาศัยอย่างปลอดภัยที่หมู่เกาะ และพวกเขาจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า
7 เราจะให้นามอันบริสุทธิ์ของเราเป็นที่รู้จักในท่ามกลางอิสราเอลชนชาติของเรา และเราจะไม่ยอมให้นามอันบริสุทธิ์ของเราถูกดูหมิ่นอีกต่อไป และบรรดาประชาชาติจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า ผู้บริสุทธิ์ในอิสราเอล 8 ดูเถิด มันกำลังจะมาถึง และกำลังจะเกิดขึ้น” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น “วันนี้เป็นวันที่เราได้พูดแล้ว
9 แล้วบรรดาผู้อยู่อาศัยในเมืองต่างๆ ของอิสราเอลจะออกไปและใช้อาวุธเป็นเชื้อเพลิงและเผาให้หมด โล่และดั้ง คันธนูและลูกธนู หอกและหลาว พวกเขาจะใช้อาวุธเหล่านี้เป็นเชื้อเพลิงนานถึง 7 ปี 10 พวกเขาไม่จำเป็นต้องเก็บฟืนจากทุ่งนาหรือตัดไม้ป่า เพราะพวกเขาจะใช้อาวุธเป็นเชื้อเพลิง และพวกเขาจะปล้นระดมบรรดาผู้ที่ปล้นระดมพวกเขา และริบข้าวของจากบรรดาผู้ที่ริบไปจากพวกเขา” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น
11 “ในวันนั้น เราจะให้สุสานแก่โกกในอิสราเอล ในหุบเขาของนักเดินทาง ไปทางทิศตะวันออกของทะเล สุสานนั้นจะขวางกั้นทางของนักเดินทาง เพราะโกกและกองทหารของเขาจะถูกฝังอยู่ที่นั่น ดังนั้นที่นั่นจะชื่อว่า ฮาโมนโกก[a] 12 พงศ์พันธุ์อิสราเอลจะฝังพวกเขาเป็นเวลานานถึง 7 เดือน เพื่อชำระแผ่นดิน 13 ประชาชนทั้งปวงของแผ่นดินจะฝังพวกเขา และพวกเขาจะระลึกถึงวันนั้นว่า เป็นวันที่เราแสดงบารมีของเรา” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น 14 “พวกเขาจะกำหนดให้คนกลุ่มหนึ่งเดินทางไปตรวจตราทั่วแผ่นดิน และฝังศพที่ยังถูกปล่อยทิ้งไว้ เพื่อชำระแผ่นดินให้สะอาด และปฏิบัติต่อไปเช่นนี้เป็นเวลา 7 เดือน 15 ขณะที่คนกลุ่มนี้ตรวจตราแผ่นดินให้ทั่ว เขาจะต้องปักเครื่องหมายที่ข้างกระดูกมนุษย์ที่พบ เพื่อให้ผู้ฝังจัดการฝังกระดูกในหุบเขาแห่งฮาโมนโกก 16 (ฮาโมนนาห์ เป็นชื่อเมืองที่นั่นด้วย) พวกเขาจะชำระแผ่นดินให้สะอาดดังกล่าว
17 และตัวเจ้าเอง บุตรมนุษย์เอ๋ย พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวว่า จงร้องบอกนกทุกชนิดและสัตว์ป่าทั้งหมดว่า ‘จงมารวมกัน และมาอย่างพร้อมเพรียงกันจากรอบด้าน เพื่อฉลองเครื่องสักการะที่เราเตรียมให้พวกเจ้าแล้ว เป็นเครื่องสักการะครั้งยิ่งใหญ่บนภูเขาของอิสราเอล พวกเจ้าจะกินเนื้อและดื่มเลือด 18 พวกเจ้าจะกินเนื้อของพวกทหารกล้า และดื่มเลือดของบรรดาผู้ยิ่งใหญ่ของแผ่นดินโลก เลือดแกะตัวผู้ ลูกแกะตัวผู้ แพะตัวผู้ โคหนุ่ม ทุกตัวล้วนเป็นสัตว์อ้วนพีของบาชาน 19 พวกเจ้าจะกินไขมันจนกระทั่งอิ่มหนำ และจะดื่มเลือดจนกระทั่งเมา ที่งานฉลองเครื่องสักการะซึ่งเรากำลังเตรียมให้พวกเจ้า 20 พวกเจ้าจะอิ่มหนำด้วยม้าและสารถี ทหารกล้าและนักรบหลายประเภทที่โต๊ะของเรา’ พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น
21 และเราจะให้บารมีของเราเป็นที่ประจักษ์แก่บรรดาประชาชาติ และประชาชาติทั้งปวงจะเห็นการตัดสินโทษของเราที่เราได้กระทำ และมือของเราที่ได้กระหน่ำลงบนพวกเขา 22 พงศ์พันธุ์อิสราเอลจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเขา ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป 23 และบรรดาประชาชาติจะรู้ว่า พงศ์พันธุ์อิสราเอลถูกจับไปเป็นเชลยก็เพราะความชั่วของพวกเขา เพราะไม่ภักดีต่อเรา เราจึงซ่อนหน้าไปจากพวกเขา และมอบไว้ในมือของเหล่าศัตรู และทุกคนล้มตายด้วยคมดาบ 24 เรากระทำต่อพวกเขาตามความไม่บริสุทธิ์และการล่วงละเมิดของพวกเขา และเราซ่อนหน้าไปจากพวกเขา”
พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่จะให้อิสราเอลคืนสู่สภาพเดิม
25 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “บัดนี้เราจะให้ความอุดมสมบูรณ์ของยาโคบคืนสู่สภาพเดิม และมีเมตตาต่อพงศ์พันธุ์อิสราเอลทุกคน และเราหวงแหนนามอันบริสุทธิ์ของเรา 26 พวกเขาจะลืมความละอายและความไม่ภักดีทั้งสิ้นที่ได้แสดงต่อเรา เมื่อพวกเขาอยู่อาศัยอย่างปลอดภัยในแผ่นดินที่ไม่มีใครทำให้หวาดกลัว 27 เมื่อเราได้นำพวกเขากลับมาจากบรรดาชนชาติ และได้รวบรวมพวกเขาจากดินแดนของเหล่าศัตรู เราจะแสดงให้เห็นความบริสุทธิ์ของเราต่อหน้าประชาชาติจำนวนมากโดยผ่านพวกเขา 28 แล้วพวกเขาจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเขา เพราะถึงแม้ว่า เราส่งพวกเขาออกไปเป็นเชลยในท่ามกลางบรรดาประชาชาติ เราก็จะรวบรวมพวกเขาเพื่อกลับไปยังแผ่นดินของพวกเขาเอง โดยไม่มีผู้ใดถูกปล่อยทิ้งไว้ 29 เราจะไม่ซ่อนหน้าไปจากพวกเขาอีกต่อไป เพราะเราจะหลั่งวิญญาณของเราบนพงศ์พันธุ์อิสราเอล” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น
ภาค 4
บทที่ 90-106
สอนพวกเราให้รับสติปัญญา
คำอธิษฐานของโมเสส คนของพระเจ้า
1 พระผู้เป็นเจ้า พระองค์เป็นที่พึ่งพิงของพวกเรา
ทุกชั่วอายุคน
2 พระองค์เป็นพระเจ้าจากนิรันดร์กาลจนถึงนิรันดร์กาล
ก่อนที่จะสร้างภูเขา พื้นแผ่นดิน และโลก
3 พระองค์ทำให้มนุษย์กลับสภาพไปเป็นผงคลีโดยกล่าวว่า
“กลับไปเถิด ลูกๆ ของมนุษย์เอ๋ย”
4 ด้วยว่าในสายตาของพระองค์ 1,000 ปี
เป็นเหมือนกับวันเดียวที่ผ่านไป
ดั่งยามเดียวในตอนค่ำ
5 พระองค์ทำให้ชีวิตของพวกเขาสิ้นสุดลงโดยฉับพลัน
ดุจหญ้าที่งอกขึ้นใหม่ในยามเช้า
6 ในยามเช้ามันมีชีวิตชีวา และงอกขึ้นมา
พอยามเย็นมันก็เอนลู่ลงเหี่ยวเฉาไป
7 ด้วยว่า พวกเราถูกทำลายด้วยความกริ้วของพระองค์
และการลงโทษของพระองค์ทำให้เราหวาดหวั่นพรั่นพรึง
8 ความชั่วของพวกเราไม่อาจหนีพ้นพระองค์
แม้บาปกระทำในที่ลับก็กลับกระจ่าง ณ เบื้องหน้าพระองค์
9 เพราะวันเวลาผ่านไปภายใต้การลงโทษของพระองค์
ชีวิตของเราสิ้นสุดลงดั่งการถอนหายใจ
10 อายุขัยของเราคือ 70 ปี
หรือไม่ก็อาจถึง 80 ปีหากว่าเป็นคนแข็งแรง
ถึงกระนั้นในช่วงชีวิตยังมีความทุกข์ยากและลำบาก
ไม่ช้าก็หมดไป และเราก็บินจากไป
11 ใครทราบถึงอานุภาพของความกริ้วของพระองค์
และใครจะทราบว่า การลงโทษของพระองค์น่าหวาดหวั่นเพียงไร
12 ฉะนั้น โปรดสอนพวกเราให้นึกถึงวันเวลาว่าล่วงไปอย่างรวดเร็ว
เราจะได้รับสติปัญญาจากพระเจ้าไว้ในจิตใจ
13 หันกลับมาเถิด โอ พระผู้เป็นเจ้า จะอีกนานเพียงไร
โปรดสงสารบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์เถิด
14 ให้พวกเราพอใจกับความรักอันมั่นคงของพระองค์ในยามเช้าเถิด
และเราจะเปล่งเสียงร้องด้วยความยินดีตลอดชีวิต
15 ให้พวกเราได้รับความยินดีมากเท่ากับความยากลำบากที่พระองค์ให้เราได้รับ
และนานหลายปีเท่าๆ กับความยากลำบากที่พวกเราประสบ
16 ขอให้การกระทำของพระองค์เป็นที่ประจักษ์แก่บรรดาผู้รับใช้ของพระองค์
และความยิ่งใหญ่ของพระองค์แก่ลูกหลานของเขาเถิด
17 ให้ความพึงพอใจของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราอยู่กับพวกเราเถิด
ขอพระองค์เสริมสร้างสิ่งที่พวกเรากระทำเพื่อพวกเรา
โปรดเสริมสร้างสิ่งที่พวกเรากระทำด้วยเถิด
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation